JO6308-0247 M_02 F_02 JO6308-0247 M_02 F_02 JO6308-0247 M_02 F_02
www.facebook.com/wordswonderbook
สตาร์ดัสท์ Stardust ผู้เขียน นีล เกแมน ผู้แปล กานต์สิริ โรจนสุวรรณ Text Copyright © 1998 by Neil Gaiman Thai language copyright © 2023 by Words Wonder Publishing Co., Ltd. Copyright Arranged with Writer House LLC Through The Grayhawk Agency Ltd. All rights reserved. พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2557 พิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2563 พิมพ์ครั้งที่ 3 มีนาคม 2566 ISBN 978-616-8175-25-5 ราคา 295 บาท จัดพิมพ์โดย บริษัท ส�ำนักพิมพ์ เวิร์ด วอนเดอร์ จ�ำกัด 664/19 ถนนพระราม 3 บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 บรรณาธิการต้นฉบับ วัชรวิชญ์ ออกแบบปก ทรงศีล ทิวสมบุญ รูปเล่ม Evolution Art พิสูจน์อักษร ยสวัสร์ ชุติวิสิฐรติกุล พิมพ์ที่ โรงพิมพ์ หจก.ภาพพิมพ์ จัดจ�ำหน่ายโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ที่ 2 ถนน บางกรวย-จงถนอม ต. มหาสวัสดิ์ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 02-423-9999 โทรสาร 02-449-9222, 02449-9500-6 http://www.naiin.com
Stardust สตาร์ดัสท์ นีล เกแมน เขียน กานต์สิริ โรจนสุวรรณ แปล
แด่ จีน และ โรสแมรี่ วูลฟ์
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ดวงดาวเอ๋ย ดาวน้อย ดาวลูกไก่ สุกไสว สุกสกาว พร่างพราวแสง เมื่อถึงครา ตกลงมา แสงวาบแวว เอาละหนา ได้เวลาตามหาดาว หากมีดาวสักดวงตกลงมาจากฟากฟ้า มนุษย์เรามักจะพร้อมใจกัน วิงวอนขอพรจากหมู่ดาว หรือบางคนต่างออกไปจากนั้น ไม่คิดแม้แต่จะวิงวอน ขอสิ่งอื่นใด นอกจากดาว หากการขอพรไม่ใช่ความปรารถนาเดียวของผู้คน และการออกเดินทางตามหาดาวตกนั้นจะยากเย็นสักเพียงใดกัน ชีวิตธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของทริสตัน ธอร์น หนุ่มผู้ศรัทธาในความรัก และค�ำมั่นสัญญาอย่างแน ่วแน ่ของตนเอง ต้องออกเดินทางตามหาดาวตก ดวงหนึ่งที่เพิ่งตกลงมาจากฟ้า ในคืนวันหนึ่งที่ทริสตัน ก�ำลังเดินกลับบ้านกับ หญิงสาวที่ตนเองรัก ด้วยค�ำมั่นสัญญาว่าจะน�ำดาวที่ตกลงมาดวงนั้นมาให้ คนที่รัก เขาจึงต้องก้าวข้ามผ่านเขตแดนระหว่างดินแดนบ้านเกิดที่วอลล์ไปยัง ดินแดนภูต ซึ่งมีทั้งภยันตรายมากมายระหว่างทาง ไม่ว่าจะมาจากผู้อาศัยใน แดนภูต หรือสถานที่บางแห่ง ณ เขตแดนนั้น เรายินดีที่จะพาทุกท่านไปตามหาดวงดาวไม่ว่าดาวดวงนั้นจะอยู่แห่งใด โปรดมั่นใจไว้เถิดว่าพวกเรามีดวงดาวในดวงใจเสมอ แด่เราเพื่อนร่วมทาง ส�ำนักพิมพ์ Words Wonder
น�ำเรื่อง ล�ำน�ำ ไปเถอะ ไปเก็บดาวตก ไปเก็บทารกจากรากไม้ บอกฉันทีว่าเวลาที่ล่วงไป เธออยู่ไหนหรือสยบพบซาตาน สอนฉันฟังเงือกน้อยละห้อยหวน ล่อรัญจวนไร้ริษยาเสียงซ่าหวาน ลมใดพัดความซื่อสัตย์อาบดวงมาน และดวงตาเห็นสารที่ซ่อนซับ ขี่ม้าไปหมื่นคืนหมื่นวัน จนผมขาวกระไรนั่นพึงสดับ เรื่องทั้งหลายที่ได้ยินเกินจะนับ เมื่อกลับจงเล่านะเจ้าเอย ว่าพบไหมสาวที่สวยและจริงใจ มีที่ไหน - ไม่มีอย่าพึงเอ่ย จนสุดหล้าฟ้าเขียวไม่พบเลย ทรามเชยที่งามทั้งนอกใน หากเจ้าพบนางใดที่ดีพร้อม ข้าจักยอมดั้นด้นถึงจนได้ แต่คิดอีกทีไม่ควรไป แม้ว่านางอยู่ใกล้บ้านนี้นา ต่อให้นางดีจริงทุกสิ่งอย่าง ได้พบบ้างหนึ่งสองสามครั้งดังว่า ถึงดูนางจริงใจในทุกครา แม้นส่งสารก็ใช่ว่านางจริงใจ - จอห์น ดันน์, 1572-1631
บทที่หนึ่ง เมื่อเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับหมู่บ้านวอลล์ และเรื่องแปลกๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่นั่นทุกเก้าปี กาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้มุ่งหวังจะได้สิ่งที่หัวใจปรารถนา แม้ว่าการเริ่มเรื่องแบบนี้ไม่แปลกใหม่นัก (เพราะทุกเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ชายหนุ่มเท่าที่เคยมีมาหรือจะมีต่อไปก็เริ่มแบบเดียวกันนี้ได้) แต่หลายเรื่อง เกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก็แปลกประหลาด แม้ว่าเขาจะไม่ เคยรู้เรื่องทั้งหมดก็ตาม เรื่องนี้เริ่มต้นเช่นเดียวกับเรื่องราวมากมาย คือเริ่มที่วอลล์ ทุกวันนี้หมู่บ้านชื่อวอลล์ยังคงอยู่อย่างที่เป็นมาตลอดหกร้อยปี โดยตั้ง อยู่บนแนวหินแกรนิตที่ยื่นสูงอยู่ท่ามกลางดงป่าเล็กๆ แห่งหนึ่ง บ้านเรือนใน วอลล์เป็นทรงสี่เหลี่ยมและเก่าแก่ สร้างด้วยหินสีเทา หลังคามุงแผ่นหินชนวน สีเข้ม มีปล่องไฟสูง และเพื่อใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วบนแผ่นหินให้คุ้มค่า บ้านเรือน เหล่านั้นจึงพิงกันอยู่ โดยสร้างต่อๆ กันไปหลังแล้วหลังเล่า มีพุ่มไม้หรือไม้ต้น เดี่ยวงอกจากข้างตึกตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง มีถนนสายหนึ่งจากหมู่บ้านวอลล์ ทอดเป็นทางคดเคี้ยวชันขึ้นจากตัวป่า มีหินน้อยใหญ่เรียงรายรายทาง เมื่อเดินไปทางทิศใต้ไกลพอควรจนออกจากป่า 11
ทางก็จะกลายเป็นถนนจริงๆ ที่ลาดยางมะตอย เมื่อไปไกลยิ่งขึ้น ถนนก็จะใหญ่ขึ้น มีรถยนต์และรถบรรทุกแล่นจอแจรีบรุดจากเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่งทุกโมงยาม สุดท้ายถนนสายนี้ก็จะพาไปถึงลอนดอน แต่กว่าจะถึงก็ต้องขับรถกันทั้งคืน ผู้อาศัยในวอลล์ล้วนเป็นพวกเก็บตัว แยกเป็นสองประเภทได้ชัดเจน คือชาวบ้านวอลล์ซึ่งมีผิวสีเทา ร่างสูง บึกบึนเหมือนเนินหินแกรนิตอันเป็นฐาน ของเมืองนี้ อีกประเภทคือคนจากที่อื่นซึ่งมาตั้งรกรากอยู่ที่วอลล์นานนับปี รวมทั้ง ลูกหลานของพวกเขาด้วย ต�่ำจากวอลล์ลงไปทางทิศตะวันตกจะเป็นป ่า ถ้าไปทางเหนือจะมี ทะเลสาบที่เงียบสงบจนไม่น่าไว้ใจ ล�ำธารหลายสายไหลลงเนินเขาหลังหมู่บ้าน ทางทิศเหนือสู่ทะเลสาบ บนเนินเขามีท้องทุ่งซึ่งมีฝูงแกะเล็มหญ้า ส่วนทาง ตะวันออกก็เป็นป่าเช่นกัน ทางตะวันออกนี้เองที่มีก�ำแพงหินสีเทาสูงตระหง่านอยู่ติดหมู่บ้าน ก�ำแพงนี้ เป็นที่มาของชื่อวอลล์ ก�ำแพงเก่าแก่สร้างด้วยหินแกรนิตที่ตัดหยาบๆ เป็นก้อน สี่เหลี่ยม สร้างเป็นแนวจากป่า แล้วไปสุดที่ป่าอีกครั้ง ก�ำแพงนี้มีช่องโหว่แห่งเดียว กว้างประมาณหกฟุต อยู่เยื้องไปทางเหนือ ของหมู่บ้าน มองจากช่องโหว่นั้นไปจะเห็นทุ่งหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ ถัดทุ่งหญ้าไป มีล�ำธาร ถัดจากล�ำธารไปอีกจะเป็นดงไม้ บางครั้งบางคราวก็จะเห็นรูปร่างและ ทรวดทรงต่างๆ อยู่ไกลๆ ท่ามกลางหมู่ไม้ ทั้งรูปทรงใหญ่โต รูปทรงแปลกๆ และเล็ก บางสิ่งซึ่งแวบวาบระยิบระยับแล้วหายวับ แม้ทุ่งหญ้านั้นไร้ที่ติ แต่ กลับไม่มีชาวบ้านคนไหนปล่อยสัตว์ไปเล็มหญ้าในทุ่งที่อยู่อีกฟากของก�ำแพง เลย แล้วก็ไม่เคยใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกด้วย ตลอดหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันปี ชาวบ้านกลับวางยามขนาบช่อง ก�ำแพง ทั้งยังพยายามลืมมันไปอย่างเต็มที่ แม้วันนี้ก็ยังมีชาวบ้านสองคนยืนอยู่สองฟากทั้งกลางวันกลางคืน เข้าเวร คนละแปดชั่วโมง ถือกระบองไม้อันใหญ่ ยืนขนาบช่องก�ำแพงทางฝั่งหมู่บ้าน Stardust 12
หน้าที่หลักคือป้องกันไม่ให้เด็กๆ ในหมู่บ้านเข้าไปยังทุ่งหญ้าและสถานที่ ซึ่งอยู่เลยออกไป บางครั้งก็ต้องตักเตือนคนที่ชอบเตร็ดเตร่ตามล�ำพัง หรือ ห้ามนักท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่ไม่กี่คนไม่ให้เข้าไป วิธีห้ามเด็กๆ ก็แค่เงื้อกระบอง ส่วนคนที่เดินเตร็ดเตร่กับนักท่องเที่ยว นั้น ต้องใช้วิธีสร้างสรรค์กว่า โดยใช้ก�ำลังเป็นวิธีสุดท้าย ถ้าการอ้างว่าหญ้า ตรงนั้นเพิ่งปลูก หรือมีวัวดุหลุดอยู่ข้างนอกนั่นยังห้ามไม่อยู่ คนที่ตั้งใจมุ่งมั่นมาวอลล์มีน้อยมาก คนเหล่านี้แหละที่บางครั้งยามยอม ปล่อยให้เข้าไป คนเหล่านี้จะมีแววตาแบบที่เห็นแล้วจะไม่มีทางเข้าใจเป็นอื่นได้ เท่าที่ชาวบ้านรู้ ตลอดศตวรรษที่ยี่สิบนี้ไม่เคยมีการลักลอบข้ามก�ำแพง นี้ไปได้ พวกเขาภูมิใจกับเรื่องนี้ ยามจะคลายความเข้มงวดครั้งเดียวทุกเก้าปี ในวันเมย์เดย์ เมื่อมีตลาดนัด ในทุ่งหญ้านอกก�ำแพง เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเล่าถึงนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน สมัยนั้นสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงครองบัลลังก์อังกฤษ แต่ยังไม่ทรงเป็นแม่หม้ายชุดด�ำ แห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ ตอนนั้นพระองค์ทรงมีพระปรางแดงเปล่งปลั่ง ทรงพระด�ำเนินกระฉับกระเฉง ลอร์ดเมลเบิร์นยังต้องต�ำหนิอย่างนุ่มนวลอยู่บ่อยๆ ที่ราชินีผู้อ ่อนเยาว์ยังทรงเหลวไหล ตอนนั้นราชินียังไม ่ได้อภิเษกสมรส แม้จะทรงตกหลุมรักขนาดหนัก ชาร์ลส์ ดิคเคนส์ ยังเขียนนวนิยาย โอลิเวอร์ ทวิสต์ ลงเป็นตอนๆ เฮนรี่ เดรเปอร์ เพิ่งจะถ่ายรูปดวงจันทร์รูปแรก จับผิวซีดจางไว้บนกระดาษ เย็นๆ ได้ ส่วน แซมมวล มอร์ส ก็เพิ่งจะประกาศวิธีส่งข้อความด้วยรหัสมอร์ส ไปตามสายโลหะได้ไม่นาน ถ้าเอ่ยถึงเวทมนตร์หรือภูตพรายกับคนเหล่านี้ ก็จะได้เห็นยิ้มเยาะหยัน อาจจะยกเว้นดิคเคนส์ ผู้ยังเป็นชายหนุ่มไม่ได้ไว้หนวดไว้เครา เขาคงจะมอง คุณด้วยแววตาละห้อยหา นีล เกแมน 13
ฤดูใบไม้ผลิปีนั้น ผู้คนหลั่งไหลมาหมู่เกาะอังกฤษ บ้างมาคนเดียว บ้างมาสองคน ลงจากเรือที่โดเวอร์ ลอนดอน หรือลิเวอร์พูล มีทั้งชายและหญิง มีทั้งผิวขาวราวกระดาษ ผิวคล�้ำราวหินภูเขาไฟ ผิวสีเหมือนอบเชย พูดจา ด้วยภาษาหลากหลาย พวกเขาทยอยมาตลอดเดือนเมษายน มีทั้งเดินทางโดย รถจักรไอน�้ำ ขี่ม้า รถม้าหรือเกวียน และมีอีกมากที่เดินมา เวลานั้นดันสแตน ธอร์น อายุสิบแปด แล้วก็ไม่ใช่คนอารมณ์อ่อนไหวนัก เขามีผมสีน�้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน�้ำตาลเข้ม และหน้าตกกระสีน�้ำตาลเข้ม เขาสูงปานกลาง พูดช้าๆ และยิ้มง่าย ท�ำให้หน้าตาแจ่มใส และเขาฝันกลางวัน อยู่ในทุ่งหญ้าของพ่อ ฝันถึงการไปให้พ้นจากวอลล์กับเสน่ห์ที่เอาแน่เอานอน ไม่ได้ของมัน แล้วไปลอนดอน เอดินบะระ ดับลิน หรือเมืองใหญ่ๆ สักเมืองที่ ไม่มีสิ่งใดต้องขึ้นอยู่กับทิศทางที่สายลมพัดพา เขาท�ำงานในไร่ของพ่อ และไม่มี อะไรเป็นของตัวเอง นอกจากกระท่อมเล็กๆ ท้ายทุ่งที่พ่อแม่ยกให้ เดือนเมษายนปีนั้น นักท่องเที่ยวมาตลาดนัดที่วอลล์ ดันสแตนไม่ชอบใจ เรือนแรม เซเวนธ์แม็กพาย ของคุณโบรมิออสซึ่งปกติจะมีห้องว่างมากมาย กลับมีแขกพักเต็มตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงาน ตอนนี้คนแปลกหน้าเริ่มมาพัก ตามบ้านเรือนไร่นา โดยจ่ายค่าที่พักด้วยเหรียญแปลกๆ สมุนไพรและเครื่องเทศ และแม้แต่เพชรนิลจินดา เมื่อใกล้ถึงวันงานผู้คนก็ยิ่งตั้งตาคอย และจะตื่นเช้ากว่าปกติ นับวัน นับนาทีให้ถึงวันงาน ยามที่อยู่ข้างช่องก�ำแพงก็ร้อนรนกระวนกระวาย แถบ แนวไม้ชายทุ่งมีรูปร่างและเงาด�ำมากมายเคลื่อนไหวอยู่ ที่เซเวนธ์แม็กพาย บริดเจ็ท คอมเฟรย์ ซึ่งใครๆ ยกให้เป็นบริกรสาว สวยที่สุดที่เคยมีมา จุดชนวนความบาดหมางระหว่างทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ ซึ่ง มีคนเห็นเธอสนิทสนมด้วยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กับชายร่างใหญ่ ผู้มีดวงตา สีเข้มและลิงตัวเล็กที่ร้องเจี๊ยกๆ ชายคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ไม่มาก แต่ยิ้มให้ เต็มที่ทุกครั้งที่บริดเจ็ทเดินผ่าน ในร้านเหล้า ลูกค้าประจ�ำต้องนั่งใกล้ผู้มาเยือนอย่างน่ากระอักกระอ่วน Stardust 14
พลางคุยกันว่า “งานนี้มีเพียงเก้าปีครั้ง” “ว่ากันว่าสมัยก่อนมีปีละครั้ง ช่วงกลางฤดูร้อน” “ถามคุณโบรมิออสดูสิ เขาต้องรู้แน่” คุณโบรมิออสเป็นชายร่างสูง ผิวคล�้ำแดด ผมด�ำหยิกแนบศีรษะ และ ดวงตาสีเขียว เมื่อเด็กหญิงในหมู ่บ้านโตเป็นสาวก็จะสนใจคุณโบรมิออส แต่เขาไม่สนใจด้วย เล่ากันว่าเมื่อนานมาแล้วเขามาที่นี่ในฐานะนักท่องเที่ยวแล้ว อยู่ต่อ ไวน์ของเขารสชาติดี ชาวบ้านจึงไม่ว่าอะไร เสียงทะเลาะกันดังขึ้นในร้านเหล้า ระหว่างทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ กับผู้ชาย ดวงตาสีเข้มซึ่งดูเหมือนจะชื่อ อลัม เบย์ “ห้ามพวกเขาสิ! ให้ตายเถอะ! ช่วยห้ามที!” บริดเจ็ทตะโกน “พวกเขา จะออกไปสู้กันข้างหลังเพื่อแย่งข้านะ” แล้วเธอก็สะบัดศีรษะอย่างน่ารัก ให้แสงไฟ จากตะเกียงน�้ำมันสาดต้องผมหยักศกสีทองอันไร้ที่ติ ไม่มีใครขยับไปห้าม แม้จะมีคนจ�ำนวนหนึ่ง ทั้งชาวบ้านและผู้มาเยือน พากันออกไปมุงดู ทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ถอดเสื้อเชิ้ต แล้วก�ำหมัดป้องหน้า ชายแปลกหน้า หัวเราะก่อนถ่มน�้ำลายลงบนพื้นหญ้า แล้วคว้ามือขวาของทอมมี่ กระชากเขา ปลิวไปจนล้มคางกระแทกพื้น ทอมมี่ตะกายยืนขึ้น แล้วโถมใส่ ต่อยเฉียดแก้ม หนุ่มแปลกหน้า ก่อนจะพบว่าตัวเองลงไปนอนคว�่ำอยู่บนพื้น หน้าทิ่มโคลน จุกแอ้ด อลัม เบย์ลงไปนั่งทับพลางหัวเราะหึๆ และพูดภาษาอาหรับ แล้วการต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็วง่ายดาย อลัม เบย์ลุกขึ้นจากตัวทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ เดินอาดๆ ไปหาบริดเจ็ท คอมเฟรย์ โค้งต�่ำให้ แล้วยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว บริดเจ็ทไม่แยแสเขา แต่วิ่งไปหาทอมมี่ “ตายแล้ว เขาท�ำอะไรกับเจ้า ที่รักของข้า” เธอถาม แล้วใช้ผ้ากันเปื้อนเช็ดโคลนจากหน้าเขา พลางเรียกเขา ด้วยถ้อยค�ำแสดงความรักต่างๆ นานา นีล เกแมน 15
อลัม เบย์เดินกลับเข้าร้านเหล้าในเรือนแรมพร้อมผู้ชม เมื่อทอมมี่กลับ เข้าไป เขาก็เลี้ยงไวน์ชาบลีส์ของคุณโบรมิออสหนึ่งขวดอย่างมีน�้ำใจ ทั้งสองไม่ แน่ใจว่าใครชนะ ใครแพ้ เย็นวันนั้นดันสแตน ธอร์นไม่ได้อยู่ที่เซเวนธ์แม็กพายด้วย เขาเป็นเด็ก หนุ่มเอาจริงเอาจังที่คอยเกี้ยวพาราสีเดซี่ เฮมป์สต็อก มาหกเดือนแล้ว เดซี่ เป็นหญิงสาวที่เอาจริงเอาจังเหมือนกัน ตอนเย็นที่อากาศดี ทั้งสองจะเดินเล่น รอบหมู่บ้าน คุยเรื่องทฤษฎีการปลูกพืชหมุนเวียน ลมฟ้าอากาศ และเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องเป็นราว การเดินเล ่นนี้จะมีแม ่กับน้องสาวของเดซี่เดินตามหลัง ห่างหกก้าวอยู่เป็นนิจ ดันสแตนกับเดซี่จะสบตากันอย่างรักใคร่เป็นครั้งคราว เมื่อไปถึงประตูหน้าบ้านเฮมป์สต็อก ดันสแตนจะหยุด แล้วโค้งให้ก่อน ลากลับ เดซี่ เฮมป์สต็อกจะเดินเข้าบ้าน ถอดหมวกปีกกว้างที่มีริบบิ้นผูกใต้คาง ออก แล้วพูดว่า “ข้าอยากให้คุณธอร์นตัดสินใจขอแต่งงานสักที ข้าแน่ใจว่าพ่อ ไม่คัดค้านอยู่แล้ว” “จริงจ้ะ แม่ก็แน่ใจว่าพ่อจะไม่คัดค้าน” แม่ของเดซี่ตอบในเย็นวันนี้ เหมือนที่ตอบทุกๆ เย็น แล้วถอดหมวกปีกกว้างกับถุงมือออก ก่อนจะเดินน�ำ ลูกสาวทั้งสองเข้าไปในห้องนั่งเล่น ในห้องมีสุภาพบุรุษร่างสูงชะลูด ไว้เคราสีด�ำ ยาวเฟื้อยนั่งรื้อหาของในห่ออยู่ เดซี่กับแม่และน้องสาวถอนสายบัวให้สุภาพบุรุษ (ผู้พูดภาษาอังกฤษได้ไม่มากและเพิ่งมาถึงเมื่อสองสามวันก่อน) ผู้มาพักแรม ชั่วคราวยืนขึ้น แล้วโค้งตอบ ก่อนนั่งลงรื้อ จัด และขัดของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท�ำด้วยไม้ที่อยู่ในห่อต่อไป เมษายนปีนั้นอากาศหนาวเย็น ทั้งยังแปรปรวนตามแบบฤดูใบไม้ผลิในอังกฤษ ผู้มาเยือนเดินตามถนนสายแคบผ่านป่าจากทางใต้ มาจับจองห้องว่าง มานอนในคอกวัวและโรงนา บางคนกางเต็นท์สีๆ บางคนมาด้วยรถเทียมม้า ของตนเอง เทียมม้าสีเทาตัวโตหรือม้าพันธุ์เล็กขนหนา Stardust 16
ในป่ามีดอกบลูเบลล์บานสะพรั่ง เช้าวันที่ 29 เมษายน ดันสแตน ธอร์นได้ยืนยามเฝ้าช่องก�ำแพงกับ ทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ ทั้งสองยืนขนาบช่องก�ำแพง แล้วรอ ดันสแตนเคยเฝ้ายามมาแล้วหลายครั้ง แต่จนบัดนี้ก็มีหน้าที่แค่ยืนอยู่ เฉยๆ กับไล่เด็กๆ เป็นครั้งคราว วันนี้เขารู้สึกว ่าตัวเองส�ำคัญเพราะถือกระบองไม้ เมื่อมีคนต ่างถิ่น เดินมาถึงช่องก�ำแพง ดันสแตนหรือทอมมี่จะบอกว่า “พรุ่งนี้นะ เอาไว้พรุ่งนี้ วันนี้ห้ามใครเดินเข้าไปนะขอรับ” คนแปลกหน้าจะถอยไปเล็กน้อย จ้องมองช่องก�ำแพง มองไปเห็นทุ่ง หญ้าเรียบๆ มีต้นไม้ธรรมดาๆ ที่ขึ้นอยู่ประปราย กับป่าที่ไม่เห็นจะน่าสนใจ ตรงไหน บางคนพยายามชวนดันสแตนหรือทอมมี่คุย แต่ชายหนุ่มทั้งสองผู้ ภูมิใจกับหน้าที่ยามไม่ยอมคุยด้วย ต่างคนพอใจกับการยืนเชิดหน้า เม้มปาก และวางท่าเป็นคนส�ำคัญ เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง เดซี่ เฮมป์สต็อกเอาเชพเพิร์ดพายใส่หม้อ เล็กๆ มาให้กินด้วยกัน ส่วนบริดเจ็ท คอมเฟรย์ก็น�ำเบียร์เอลใส่เครื่องเทศมา ให้คนละเหยือก เมื่อถึงพลบค�่ำ ชายหนุ่มล�่ำสันอีกสองคนจากหมู่บ้านมาเข้าเวรแทน ต่างคนถือตะเกียงมาคนละดวง ทอมมี่กับดันสแตนเดินไปเรือนแรม คุณโบรมิออส ให้เบียร์เอลชั้นเลิศคนละเหยือกเป็นรางวัลที่ท�ำหน้าที่ยาม เอลชั้นเลิศนั้นรสดี จริงๆ ตอนนั้นเรือนแรมจอแจแออัดเหลือเชื่อ เต็มไปด้วยผู้มาเยือนจากทุก ประเทศในโลก อย่างน้อยดันสแตนผู้ไม่เคยไปพ้นป่าซึ่งห้อมล้อมหมู่บ้านวอลล์ ก็คิดเช่นนั้น เขามองสุภาพบุรุษร่างสูง สวมหมวกทรงสูงสีด�ำ ผู้ดั้นด้นมาจาก ลอนดอนและนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ อย่างทึ่งจัดพอๆ กับที่มองสุภาพบุรุษผิวหมึกตัว สูงกว่า สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว และนั่งร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับเขา ดันสแตนรู้ว่าหยาบคายที่ไปจ้องเอาๆ แบบนั้น และรู้ว่าชาววอลล์มี สิทธิทุกประการที่จะรู้สึกสูงส่งกว่า “พวกต่างด้าว” แต่เขาได้กลิ่นเครื่องเทศที่ นีล เกแมน 17
ไม่คุ้นจมูก ได้ยินชายหญิงพูดคุยกันด้วยภาษานับร้อย เขาจึงเบิกตาจ้องเป๋ง อย่างไม่นึกอาย ผู้ชายสวมหมวกผ้าไหมสีด�ำทรงสูงสังเกตเห็นดันสแตนจ้องอยู่ จึงกวัก เรียกให้เข้าไปหา “ชอบกินพุดดิ้งในน�้ำเชื่อมไหม” เขาถามกะทันหันเป็นเชิงชวน คุย “มูตานาบบีโดนเรียกตัวไป ตรงนี้เลยมีพุดดิ้งมากเกินจะกินคนเดียวหมด” ดันสแตนพยักหน้า พุดดิ้งราดน�้ำเชื่อมควันฉุยอยู่บนจานดูน่ากิน “งั้นก็กินตามสบายเลย” เพื่อนใหม่บอกพลางส่งชามกระเบื้องสะอาดๆ กับช้อนให้ ดันสแตนเริ่มสวาปามพุดดิ้งโดยไม่ต้องให้เรียกอีก “นี่แน่ะ พ่อหนุ่ม” สุภาพบุรุษร่างสูงสวมหมวกผ้าไหมสีด�ำทรงสูงเอ่ยกับ ดันสแตน เมื่อชามแบ่งกับจานใส่พุดดิ้งว่างเปล่า “ดูเหมือนว่าเรือนแรมนี้จะไม่มี ห้องว่างแล้ว ห้องทุกห้องในหมู่บ้านก็มีคนเช่าหมดแล้ว” “งั้นหรือ” ดันสแตนถามอย่างไม่ประหลาดใจเลย “ก็ใช่น่ะสิ” สุภาพบุรุษสวมหมวกทรงสูงพูด “ข้าจึงอยากรู้ว่า เจ้าพอจะ รู้จักบ้านที่ยังมีห้องว่างอยู่บ้างหรือเปล่า” ดันสแตนยักไหล่ ตอบว่า “ป่านนี้ทุกห้องคงมีคนพักหมดแล้ว ข้าจ�ำได้ ว่าตอนอายุเก้าขวบ พ่อกับแม่เคยให้ข้าออกไปนอนที่ห้องใต้หลังคาในคอกวัว หนึ่งสัปดาห์ แล้วเอาห้องข้าให้เช่า ผู้เช่าเป็นสุภาพสตรีจากเอเชียตะวันออกกับ ครอบครัวและคนรับใช้ หล่อนทิ้งว่าวไว้ให้ข้าตัวหนึ่งเป็นการขอบคุณ ข้าเอาว่าว ไปเล่นที่ทุ่งจนวันหนึ่งสายป่านขาด แล้วว่าวก็ปลิวหายไป” “เดี๋ยวนี้เจ้าพักที่ไหนล่ะ” สุภาพบุรุษสวมหมวกทรงสูงถาม “ข้ามีกระท่อมอยู่ตรงชายเขตที่ดินของพ่อ” ดันสแตนตอบ “เป็นกระท่อม ส�ำหรับคนเลี้ยงแกะ จนกระทั่งเขาตายไปเมื่อสองปีก ่อน ช ่วงงานฉลอง ฤดูเก็บเกี่ยวครั้งหลังสุด พ่อกับแม่เลยยกกระท่อมให้ข้า” “พาข้าไปที่นั่นหน่อยสิ” สุภาพบุรุษสวมหมวกออกปาก ดันสแตนก็ ไม่คิดจะปฏิเสธด้วย ดวงจันทร์ฤดูใบไม้ผลิลอยสูงเด่น ฟ้ากระจ่างยามค�่ำคืน ทั้งสองเดินจาก Stardust 18
หมู่บ้านไปยังป่าที่อยู่ด้านล่าง แล้วเดินผ่านไร่ของครอบครัวธอร์น (ซึ่งสุภาพบุรุษ สวมหมวกทรงสูงสะดุ้ง เพราะวัวตัวหนึ่งที่นอนฝันอยู่ในทุ่งหญ้าพ่นลมทางจมูก ดังฟืดฟาด) จนไปถึงกระท่อมของดันสแตน กระท่อมมีห้องเดียวกับเตาผิงหนึ่งเตา ชายแปลกหน้าพยักหน้า พูดว่า “ข้าชอบนะ ดันสแตน ธอร์น ข้าขอเช่าสามวันนับจากนี้ก็แล้วกัน” “ท่านจะให้อะไรตอบแทนล่ะ” “เหรียญทอง เหรียญเงินหกเพนนี เหรียญทองแดงหนึ่งเพนนี อย่างละ หนึ่งเหรียญ แล้วก็เหรียญฟาร์ธิงใหม่ๆ วาวๆ อีกเหรียญ” ฝ่ายนั้นตอบ เหรียญทองหนึ่งเหรียญส�ำหรับที่พักสองคืนนับว่าได้ราคาดีมาก ในยุค ที่แรงงานในไร่หวังว่าจะหาเงินได้สิบห้าปอนด์ในปีที่เก็บเกี่ยวได้ผลดี กระนั้น ดันสแตนก็ยังลังเล บอกชายร่างสูงว่า “ถ้าท่านมาที่นี่เพื่อค้าขายในตลาด สิ่งที่ ท่านจะขายก็ต้องเป็นปาฏิหาริย์และสิ่งมหัศจรรย์” ชายร่างสูงพยักหน้า “นี่เจ้าอยากได้ปาฏิหาริย์และสิ่งมหัศจรรย์หรือ” เขา กวาดตามองกระท่อมขนาดหนึ่งห้องของดันสแตนอีกครั้ง ฝนเริ่มตกเปาะแปะ ลงมาบนหลังคามุงหญ้าแห้ง “อ๊ะ ก็ได้” สุภาพบุรุษร่างสูงพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “ปาฏิหาริย์ สิ่งมหัศจรรย์ พรุ่งนี้เจ้าจะได้สิ่งที่หัวใจปรารถนา เอ้า เงินของเจ้า” เขาโบกมือ ง่ายๆ ครั้งเดียวก็หยิบมันจากหูของดันสแตน ดันสแตนเอาเหรียญขูดกับตะปู เหล็กบนประตูกระท่อมเพื่อดูว่าเป็นเหรียญทองจากภูตหรือเปล่า จากนั้นก็ โค้งต�่ำให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินออกสู่สายฝน เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อเงินไว้ ดันสแตนเดินไปที่คอกวัวท่ามกลางฝนเทกระหน�่ำ เขาปีนขึ้นไปชั้นลอย เก็บฟาง แล้วหลับไปในไม่ช้า ตอนกลางคืน เขารู้ว่ามีฟ้าร้องฟ้าแลบแม้จะไม่ได้ตื่นขึ้นมา แล้วใน ช่วงสองสามชั่วโมงหลังเที่ยงคืน เขาก็ตื่นขึ้นมาเพราะมีผู้เดินซุ่มซ่ามมาเหยียบ เท้าเขา “ขอโทษนะ” เสียงหนึ่งพูด “โทษทีนะ” นีล เกแมน 19
“นั่นใครน่ะ ใครอยู่ตรงนั้น” ดันสแตนถาม “ข้าเอง” เสียงนั้นตอบ “ข้ามารอไปตลาดนัด คืนนี้ข้านอนในต้นไม้ กลวงๆ แต่ฟ้าผ่าต้นไม้แตกเป็นสองเสี่ยงเหมือนไข่แตก ต้นไม้แหลกราวกับเป็น กิ่งไม้เล็กๆ ฝนพรูลงมาตามคอข้า ร�่ำๆ จะซึมลงไปในสัมภาระด้วย ในนั้นมี ของหลายอย่างที่ต้องเก็บไว้ให้แห้งสนิท ข้าอุตส่าห์เก็บไว้อย่างปลอดภัยตลอด ทางที่มา ถึงมันจะเปียกโชกจนเป็น...” “เป็นน�้ำหรือ” ดันสแตนถาม “นั่นแหละ” เสียงนั้นพูดต่อในความมืด “ข้าเลยสงสัยว่า เจ้าจะว่าอะไร ไหม ถ้าข้าจะพักอยู่ใต้ชายคาของเจ้า เพราะข้าตัวไม่ใหญ่นัก และข้าก็จะไม่ รบกวนหรืออะไรกับเจ้าเลย” “แค่อย่าเดินเหยียบข้าก็แล้วกัน” ดันสแตนพูดพลางถอนใจ ตอนนั้นเองที่สายฟ้าแลบท�ำให้คอกวัวสว่างวาบ จนดันสแตนเห็นบางสิ่ง ที่เล็กและขนดกอยู่ที่มุม สวมหมวกใบโตหลวมโพรก จากนั้นก็มืดสนิท “หวังว่าข้าจะไม่รบกวนเจ้านะ” เสียงนั้นกล่าว เมื่อดันสแตนคิดดูอีกที เสียงนั้นก็ออกจะสากๆ “ไม่กวนหรอก” ดันสแตนผู้เหนื่อยจัดตอบ “ดีแล้ว” เสียงสากๆ กล่าว “เพราะข้าไม่อยากรบกวนเจ้าเลย” “ขอทีเถอะ” ดันสแตนขอร้อง “ให้ข้านอนเถอะนะ” มีเสียงสูดจมูกพรืดๆ แล้วก็มีเสียงกรนเบาๆ ดันสแตนพลิกตัวบนกองฟาง คนนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นอะไร ตดแล้วเกาเนื้อตัวแกรกๆ ก่อนจะกรนคร่อกอีกครั้ง ดันสแตนฟังเสียงฝนหล่นใส่หลังคาคอกวัว แล้วคิดถึงเดซี่ เฮมป์สต็อก ในความคิดของเขา ทั้งสองเดินเคียงกัน ห่างไปข้างหลังหกก้าวก็คือชายร่างสูง สวมหมวกทรงสูงกับร่างเล็กๆ ขนดกซึ่งดันสแตนมองไม่เห็นหน้า ทั้งหมด มุ่งหน้าไปดูสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา... Stardust 20
แสงแดดจ้าสาดต้องใบหน้าของดันสแตน คอกวัวว ่างเปล่า เขาล้างหน้า แล้วเดินไปบ้านไร่ เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตตัวที่ดูดีที่สุด สวมเสื้อเชิ้ตตัวที่ดูดีที่สุด และสวม กางเกงรัดเข่าตัวที่ดูดีที่สุด เขาใช้มีดพกขูดคราบโคลนออกจากรองเท้าบูต แล้ว เดินเข้าครัวไปจูบแก้มแม่ ก่อนหยิบขนมปังคอทเทจมากินกับเนยสดชิ้นใหญ่ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในหมู ่บ้านวอลล์ เขาพกผ้าเช็ดหน้าลินิน เนื้อละเอียดส�ำหรับใช้ในวันอาทิตย์ที่ห่อเงินไว้ แล้วกล่าวอรุณสวัสดิ์กับยามที่ เฝ้าก�ำแพงอยู่ เขามองเข้าไปในช่องก�ำแพง เห็นผู้คนตั้งเต็นท์สีต่างๆ ตั้งแผงขายของ เห็นธงหลากสี และเห็นผู้คนเดินไปมา “เรายังไม่ให้ใครเข้าไปจนกว่าจะเที่ยง” ยามคนหนึ่งบอก ดันสแตนยักไหล ่ แล้วเดินไปร้านเหล้า ขบคิดว ่าจะซื้ออะไรบ้าง เขามีเงินเก็บ (เงินครึ่งคราวน์ที่ออมไว้ กับเหรียญหกเพนนีน�ำโชคซึ่งเจาะรู ตรงกลาง แล้วร้อยสายหนังห้อยคอ) กับเหรียญที่เพิ่มมาเต็มห่อผ้าเช็ดหน้า เขาลืมไปครู่หนึ่งว่าเมื่อคืนนี้ได้รับค�ำสัญญาว่าจะให้อย่างอื่นด้วย เมื่อถึงเที่ยงตรง ดันสแตนก็ก้าวฉับๆ ไปที่ก�ำแพง แล้วเดินออกไปอย่างกระสับกระส่ายราวกับ ก�ำลังท�ำเรื่องต้องห้ามอย่างที่สุด เขาตระหนักว่าตนก้าวไปพร้อมกับสุภาพบุรุษ สวมหมวกผ้าไหมสีด�ำทรงสูง ผู้พยักหน้าให้เขา “อ้อ เจ้าของบ้านของข้า สบายดีหรือเปล่า” “ข้าสบายดี” ดันสแตนตอบ “เดินไปด้วยกันนะ มาเดินไปด้วยกันดีกว่า” ชายร่างสูงกล่าว ทั้งสองเดินตัดทุ่งตรงไปทางเต็นท์ “เจ้าเคยมาที่นี่หรือเปล่า” ชายร่างสูงถาม “ข้ามาตลาดที่จัดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อเก้าปีก่อน ตอนนั้นข้ายังเด็กอยู่เลย” ดันสแตนตอบ “งั้น” ผู้เช่าห้องพูด “จ�ำไว้นะว่าต้องท�ำตัวสุภาพ และอย่ารับของขวัญ นีล เกแมน 21
จากใคร จ�ำไว้ว่าเจ้าเป็นแขก เอาละ ข้าจะจ่ายค่าเช่าห้องส่วนสุดท้ายที่ค้างไว้ เพราะข้าลั่นวาจาไว้แล้ว ของขวัญจากข้าจะคงอยู่ไปนานแสนนาน ตั้งแต่เจ้า ลูกคนหัวปีของเจ้า ไปจนถึงลูกคนหัวปีของเขาหรือเธอ...เป็นของขวัญที่จะคง อยู่ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่” “ของขวัญอะไรหรือ” “สิ่งที่หัวใจเจ้าปรารถนา จ�ำไว้นะ” สุภาพบุรุษสวมหมวกทรงสูงตอบ “สิ่งที่หัวใจเจ้าปรารถนา” ดันสแตนค้อมศีรษะ แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในงาน “ดวงตา ดวงตา! ดวงตาคู่ใหม่แลกกับดวงตาคู่เก่า!” หญิงร่างเล็กจ้อยยืน อยู่หน้าโต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยขวดและเหยือกต่างๆ ที่บรรจุดวงตาทุกแบบทุกสีเอาไว้ “เครื่องดนตรีจากหนึ่งร้อยดินแดน!” “ผิวปากหนึ่งเพนนี! ฮัมสองเพนนี! เพลงสวดประสานเสียงสามเพนนี!” “เสี่ยงโชคกันเถอะ! ก้าวเข้ามา! ตอบปริศนาค�ำทายง่ายๆ ใครชนะ ได้ดอกไม้ลมไปเลย!” “ลาเวนเดอร์คงกระพัน! ผ้าดอกบลูเบลล์!” “ความฝันอัดขวด ขวดละชิลลิงเดียว!” “เสื้อโคตรัตติกาล! เสื้อโคตอัสดง! เสื้อโคตสนธยา!” “ดาบโชคลาภ! คทาอ�ำนาจ! แหวนชั่วนิรันดร์! ไพ ่แห ่งยศศักดิ์! เร่เข้ามา เร่เข้ามา มาทางนี้เลย!” “ขี้ผึ้งและยาทา ยาแฝดและยาเถื่อน!” ดันสแตนหยุดหน้าแผงที่เต็มไปด้วยของตกแต่งชิ้นเล็กๆ ท�ำด้วยคริสตัล เขาพิจารณาสัตว์ตัวจิ๋วๆ พลางคิดว่าจะซื้อให้เดซี่ เฮมป์สต็อกสักตัว เขาหยิบ แมวคริสตัลตัวหนึ่ง ตัวไม่ใหญ่ไปกว่านิ้วโป้งของเขา แต่แล้วมันก็กะพริบตาให้ อย่างแสนรู้ เขาตกใจจึงทิ้งมัน แมวม้วนตัวกลางอากาศ แล้วทิ้งตัวลงยืนสี่ตีน เหมือนแมวที่มีชีวิต จากนั้นก็เดินเชิดไปที่มุมแผง แล้วเริ่มเลียเนื้อเลียตัว ดันสแตนเดินต่อไปในตลาดจอแจ ตลาดมีผู้คนแออัด คนต่างถิ่นซึ่งมาเยือนหมู่บ้านวอลล์ในช่วงหลาย Stardust 22
สัปดาห์ก่อนหน้านี้ล้วนมาที่นี่ ชาวบ้านที่อาศัยอยู ่ในหมู ่บ้านนี้ก็เหมือนกัน คุณโบรมิออสตั้งเต็นท์ขายไวน์กับพายไส้ต่างๆ ให้ชาวหมู่บ้าน ผู้มักอยากกินอาหาร ซึ่งผู้คนจากนอกวอลล์ขาย แต่ปู่ย่าตายายบอกต่อๆ กันมาว่า การกินอาหารภูต กินผลไม้ภูต ดื่มน�้ำภูต และจิบไวน์ภูตนั้นเป็นเรื่องผิดมหันต์ ทุกเก้าปี ผู้คนจากนอกวอลล์กับที่อยู่เลยเนินเขาไปจะมาตั้งแผงขายของ ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนทุ่งหญ้าแห่งนี้จะเป็นที่จัดตลาดนัดภูต นี่คือการค้าระหว่าง แดนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนในรอบเก้าปี ในงานจะมีของมหัศจรรย์ ของวิเศษ และปาฏิหาริย์วางขาย รวมทั้ง สิ่งต่างๆ อันเกินจะคิดฝันและวัตถุที่เกินจินตนาการ (คนเราจะเอาเปลือกไข่อัด พายุไปท�ำอะไรล่ะ ดันสแตนสงสัย) เขาเขย่าเงินในผ้าเช็ดหน้า แล้วมองหาของ ขวัญชิ้นเล็กๆ ราคาไม่แพงที่จะซื้อไปเอาใจเดซี่ เขาได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งเบาๆ ดังอยู่ในอากาศแทรกเสียงจ้อกแจ้กของ ตลาด จึงเดินไปตามเสียงนั้น เขาเดินผ่านแผงซึ่งมีชายร่างใหญ่ห้าคนเต้นร�ำตามท�ำนองเพลงโศกจาก ซอเฮอร์ดี้-เกอร์ดี้ที่บรรเลงโดยหมีสีด�ำหน้าตาเศร้าตรมตัวหนึ่ง เขาเดินผ่านแผง ซึ่งชายหัวใกล้ล้านสวมกิโมโนสีสันสดใสทุบจานกระเบื้อง แล้วโยนใส่อ่างลุกไหม้ ซึ่งมีควันสีๆ ไหล ทุบไปโยนไปพลางร้องเชิญชวนผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้แวะดู เสียงกรุ๋งกริ๋งดังขึ้นทุกขณะ เมื่อเข้าใกล้แผงต้นเสียง ดันสแตนเห็นว่าไม่มีใครมาที่นี่เลย แผงมีดอกไม้ ประดับประดาเต็มไปหมด ทั้งดอกบลูเบลล์ ฟ็อกซ์โกลฟ แฮร์เบลล์ แดฟโฟดิล แต่ก็มีดอกไวโอเล็ตกับลิลลี่อยู่ด้วย รวมทั้งกุหลาบเลื้อยสีเลือดหมูดอกจิ๋ว สโนว์ดรอปสีขาว ฟอร์เก็ตมีน็อตสีน�้ำเงิน และดอกไม้ชนิดอื่นๆ ที่ดันสแตน ไม ่รู้จักละลานตา ดอกไม้แต ่ละดอกท�ำด้วยแก้วหรือคริสตัล จะเป ่าหรือ แกะสลักเขาก็ดูไม่ออก แต่ดูสมจริงอย่างไร้ที่ติ ทั้งยังส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง กรุ๋งกริ๋ง แว่วมาราวกับเสียงระฆังแก้ว “สวัสดี” ดันสแตนร้องเรียก นีล เกแมน 23
“อโณทัยสวัสดิ์ในวันตลาดนัดจ้ะ” เจ้าของแผงทักขณะค่อยๆ ลงมาจาก เกวียนสีสันสดใสซึ่งจอดอยู ่หลังแผง เธอยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวสะอาด อยู่บนใบหน้าผิวคล�้ำ เธอเป็นพวกที่มาจากนอกวอลล์ เขาดูออกทันทีจากดวงตา รวมทั้งใบหูซึ่งมองเห็นได้จากใต้ผมสีด�ำหยักศก ดวงตาสีม่วงเข้ม หูน่าจะเหมือน หูแมว โค้งนิดๆ และมีขนเส้นละเอียดสีด�ำขึ้นอยู่บางๆ เธอสวยทีเดียว ดันสแตนหยิบดอกไม้ดอกหนึ่งจากแผง พูดว่า “น่ารักจัง” เมื่อเขาถือไว้ ดอกไวโอเล็ตมีเสียงกรุ๋งกริ๋งไพเราะคล้ายเสียงที่ดัง เมื่อใช้นิ้วเปียกน�้ำถูปาก แก้วไวน์อย่างเบามือ “เท่าไรหรือ” เธอยักไหล่ เป็นท่ายักไหล่ที่น่าชม “เราไม่คุยเรื่องราคาตั้งแต่แรกหรอก” เธอตอบ “ราคาอาจสูงกว่าที่ท่าน เตรียมใจจะจ่าย แล้วก็เลยเดินไป เราจะเสียกันทั้งคู่ มาคุยเฉพาะเรื่องสินค้า ก่อนดีกว่า” ดันสแตนชะงัก ตอนนั้นเองสุภาพบุรุษสวมหมวกผ้าไหมทรงสูงก็ เดินผ่านมา “นั่นแหละ” ผู้เช่าห้องของดันสแตนพึมพ�ำ “ข้าใช้หนี้ให้ละ ข้าจ่าย ค่าเช่าห้องครบแล้วนะ” ดันสแตนสะบัดศีรษะราวกับจะให้ตื่นจากฝัน ก่อนจะหันกลับไปหา สาวน้อย “งั้นดอกไม้พวกนี้มาจากไหนล่ะ” เขาถาม เธอยิ้มอย่างรู้ทัน “บนพื้นที่ด้านข้างของภูเขาคาลามอนมีดอกไม้แก้วขึ้น อยู่เป็นดง การเดินทางไปที่นั่นเปี่ยมไปด้วยภยันตราย และขากลับนั้นอันตราย ยิ่งกว่า” “แล้วดอกไม้นี้มีไว้ท�ำอะไร” ดันสแตนถาม “หลักๆ แล้ว ประโยชน์และหน้าที่ของดอกไม้เหล่านี้ก็คือเพื่อประดับ ประดาและเพื่อความส�ำราญใจ น�ำความปรีดิ์เปรมมาให้ จะน�ำไปมอบให้ คนที่ท่านรัก เป็นเครื่องแสดงความชื่นชมและความเสน่หาก็ได้ เสียงก็เพราะ เสนาะหู ทั้งยังล้อแสงไฟได้อย่างงดงามอีกด้วย” เธอชูดอกบลูเบลล์ขึ้นรับแสง ดันสแตนอดสังเกตไม่ได้ว่าสีของแสงแดดที่สะท้อนคริสตัลสีม่วงนั้นยังด้อยกว่า Stardust 24
สีแสงเงาในดวงตาของเธอ “เข้าใจละ” ดันสแตนพูด “ดอกไม้พวกนี้ยังใช้ในการร่ายเวทมนตร์และเล่นกลได้ด้วย ถ้าท่านเป็น นักมายากล...” ดันสแตนส่ายหน้า แต่ก็สังเกตว่าสาวน้อยคนนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง “อ้อ ถึงยังงั้น ดอกไม้เหล่านี้ก็ท�ำให้แช่มชื่นอยู่ดี” เธอพูดแล้วยิ้ม อีกครั้ง สิ่งน ่าสนใจคือโซ ่สีเงินเส้นบางๆ ที่โยงจากข้อมือข้างหนึ่งลงไปยัง ข้อเท้า แล้วหายเข้าไปในเกวียนทาสีที่อยู่ข้างหลัง ดันสแตนเอ่ยปากถามเรื่องโซ่ “โซ่นี่น่ะหรือ มันผูกข้าไว้กับแผงนี้ ข้าเป็นทาสประจ�ำตัวของแม่มด เจ้าของแผง นางจับข้าได้เมื่อนานปีมาแล้ว ตอนที่ข้าเล่นอยู่ริมน�้ำตกในดินแดน ของพ่อ สูงขึ้นไปบนเทือกเขาโน่นแน่ะ นางล่อข้าให้ไปไกลโดยปลอมเป็นกบน้อย น่ารักที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม จนกระทั่งข้าพ้นดินแดนของพ่อโดยไม่ตั้งใจ ตอนนั้น แหละที่นางกลับร่างเดิม แล้วจับข้ายัดกระสอบ” “เจ้าเป็นทาสแม่มดนั่นตลอดกาลเลยหรือ” “ไม่ตลอดกาลหรอก” สาวน้อยภูตยิ้ม “ข้าจะได้อิสรภาพในวันที่ ดวงจันทร์สูญเสียลูกสาว ถ้าเหตุนี้เกิดขึ้นในสัปดาห์ที่มีวันจันทร์สองวันมา บรรจบกันนะ ข้าอดทนรอคอยวันนั้น ส่วนระหว่างนี้ข้าก็จะท�ำงานตามสั่ง แล้ว ก็ฝัน เอาละ จะรับดอกไม้สักดอกไหมคะท่าน” “ข้าชื่อดันสแตน” “เป็นชื่อที่จริงใจดีจัง” เธอยิ้มยิงฟันแบบล้อๆ “คีมเหล็กของท่านอยู่ไหนล่ะ ท่านดันสแตน ท่านจะใช้มันคีบจมูกปีศาจหรือเปล่า” “เจ้าชื่ออะไรล่ะ” ดันสแตนถาม หน้าแดงก�่ำ “ข้าไม่มีชื่อแล้ว ข้าเป็นทาสจึงถูกริบชื่อไป ข้าจะขานเวลาที่มีใครเรียกว่า “นี่ หล่อน!” หรือ “เจ้าน่ะ!” หรือ “นังโสหน้าโง่!” หรือค�ำสบถอื่นๆ อีกมากมาย” ดันสแตนสังเกตเห็นว ่าเสื้อคลุมผ้าไหมที่เธอสวมนั้นแนบเรือนร ่าง นีล เกแมน 25
เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าตรึงตา ดวงตาสีม่วงก็จับจ้องมองมา เขากลืนน�้ำลายเอื้อก ดันสแตนล้วงกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้า เขาไม่อาจมองผู้หญิงตรงหน้าได้ จึงเทเงินลงบนแผง “หยิบไปให้พอนะ” เขาบอกพลางหยิบดอกสโนว์ดรอป สีขาวบริสุทธิ์ขึ้นมา “แผงนี้ไม่รับเงินจ้ะ” เธอเลื่อนเหรียญคืนให้ “ไม่หรือ แล้วเจ้าจะรับเป็นอะไรล่ะ” เพราะตอนนี้เขาสับสนกระวนกระวาย ภารกิจเดียวของเขาคือการหาดอกไม้สักดอกให้...ให้เดซี่...เดซี่ เฮมป์สต็อก... หาดอกไม้สักดอก แล้วก็ไป เพราะบอกตามตรงนะ หญิงสาวคนนี้ท�ำให้เขา ว้าวุ่นเกินขนาด “ข้าจะรับเป็นสีผมของท่านก็ได้” เธอตอบ “หรือความทรงจ�ำทั้งหมดก่อน วัยสามขวบของท่าน จะเอาเป็นความสามารถในการได้ยินจากหูซ้ายของท่าน ก็ได้...ไม่ใช่ทั้งหมดนะ แค่พอที่ท่านจะไม่ได้รื่นรมย์กับบทเพลง เพลิดเพลิน กับเสียงน�้ำไหล หรือเสียงลมพัดหวิววู่น่ะ” ดันสแตนส่ายหน้า “หรือขอเป็นจูบก็ได้ แค่จูบเดียวบนแก้มของข้า” “เช่นนั้นข้าขอจ่ายอย่างเต็มใจ!” ดันสแตนชะโงกตัวข้ามแผงไปจูบแก้มนุ่มๆ ของเธออย่างสุภาพท่ามกลางเสียงกรุ๋งกริ๋งและประกายระยิบระยับของดอกไม้ คริสตัล เขาได้กลิ่นกายเธอ หอมเย้ายวนยั่วใจ อวลอยู่ในหัว ในอก และใน จิตใจของเขา “เรียบร้อยแล้ว” เธอยื่นดอกสโนว์ดรอปให้ เขารับมาประคองในมือทั้ง สองข้าง ซึ่งอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่ามือช่างใหญ่โต เงอะงะ และไม่เรียวเล็กไร้ที่ติเหมือน มือของสาวน้อยภูต “แล้วกลับมาเจอกันที่นี่ คืนนี้นะจ๊ะ ดันสแตน ธอร์น เมื่อดวงจันทร์ลาลับ จงมาที่นี่ แล้วร้องเหมือนนกฮูกจิ๋ว เจ้าท�ำได้หรือเปล่า” เขาพยักหน้า แล้วเดินโซเซผละมา เขาไม่จ�ำเป็นต้องถามว่าเธอรู้จัก นามสกุลของเขาได้อย่างไร เธอเอาไปพร้อมกับอย่างอื่น อย่างเช่นหัวใจของเขา เมื่อเขาจูบเธอ Stardust 26
ดอกสโนว์ดรอปส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งอยู่ในมือของเขา “อุ๊ย ดันสแตน ธอร์น” เดซี่ เฮมป์สต็อกทัก เมื่อเขาเจอเธอที่ข้างเต็นท์ของ คุณโบรมิออส เธอนั่งอยู่กับครอบครัวของเธอและพ่อแม่ของดันสแตน กิน ไส้กรอกสีน�้ำตาลอันใหญ่และดื่มเบียร์สีเข้ม “มีอะไรหรือ” “ข้าเอาของขวัญมาให้” ดันสแตนพึมพ�ำ ยื่นดอกสโนว์ดรอปที่ส่งเสียง กรุ๋งกริ๋งไปให้ ดอกไม้สะท้อนแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายระยับ เธอรับไป อย่างงุนงง มือยังมันย่องเพราะน�้ำมันจากไส้กรอก ดันสแตนโน้มตัวไปโดย ไม่ทันคิด แล้วจูบแก้มเนียนต่อหน้าพ่อ แม่ และน้องสาวของเธอ ต่อหน้า บริดเจ็ท คอมเฟรย์ คุณโบรมิออส และใครต่อใคร เสียงเอะอะดังขึ้นเป็นธรรมดา แต่คุณเฮมป์สต็อกผู้รู้ดีเพราะอยู่ตรง ชายเขตแดนของภูตกับดินแดนต่างๆ ถัดจากนั้นไปมาห้าสิบเจ็ดปีแล้วอุทานว่า “จุ๊ๆ เดี๋ยวก่อน! ดูตาเขาสิ เห็นไหมว่าไอ้หนุ่มที่น่าสงสารนี่งงงวยอยู่ สับสน เคลิบเคลิ้มด้วย เขาต้องมนตร์ พนันกันได้เลย เฮ้ย! ทอมมี่ ฟอเรสเตอร์! มานี่หน่อย พาพ่อหนุ่มดันสแตน ธอร์นกลับไปหมู่บ้าน แล้วคอยเฝ้าเอาไว้ด้วย ปล่อยให้หลับถ้าเขาอยากนอน คุยกับเขาถ้าเขาอยากคุย...” ทอมมี่พาดันสแตนออกจากตลาด เดินกลับไปหมู่บ้านวอลล์ “โอ๋ๆ เดซี่” แม่ลูบผมเธอ “เขาแค่ต้องมนตร์ของภูตนิดหน่อยเท่านั้น แหละจ้ะ อย่าคิดมากเลยนะ” หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าลูกไม้จากช่องหน้าอกอวบๆ แล้วซับแก้มลูกสาวซึ่งจู่ๆ ก็อาบน�้ำตา เดซี่เงยหน้าขึ้น คว้าผ้าเช็ดหน้าไปสั่งน�้ำมูกพรืด แล้วสูดจมูก คุณนาย เฮมป์สต็อกสังเกตเห็นอย่างงุนงงว่า เดซี่ดูจะยิ้มทั้งน�้ำตา “แต่แม่จ๋า ดันสแตนจูบข้าด้วย” เดซี่ เฮมป์สต็อกพูดแล้วเสียบ ดอกสโนว์ดรอปคริสตัลไว้ด้านหน้าของหมวกมีปีกซึ่งมีเชือกผูกใต้คาง ดอกไม้ เสียงดังกรุ๋งกริ๋งและเป็นประกายระยิบระยับอยู่บนนั้น หลังจากเดินหาอยู่พักหนึ่ง คุณเฮมป์สต็อกกับพ่อของดันสแตนก็เจอ นีล เกแมน 27
แผงขายดอกไม้คริสตัล แต่แผงนั้นมีหญิงชราเป็นคนขาย โดยมีนกต่างถิ่น ที่งดงามมากอยู่ด้วยตัวหนึ่ง มันถูกล่ามไว้กับคอนด้วยโซ่เงินเส้นบางๆ แต่ หญิงชราคนนี้พูดไม่รู้เรื่อง เพราะเมื่อพวกเขาพยายามถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ดันสแตน นางก็เอาแต่พล่ามว่าของล�้ำค่าชิ้นหนึ่งในชุดของสะสมถูกแจกไป เปล่าๆ ด้วยฝีมือของนังเด็กไม่เอาไหน เพราะความอกตัญญู เพราะยุคสมัยใหม่ อันน่าเศร้า และเพราะคนรับใช้ทุกวันนี้เป็นแบบนี้ ในหมู่บ้านไร้ผู้คน (ก็ใครจะมาอยู่ในหมู่บ้านเวลาที่มีตลาดนัดภูตล่ะ) ดันสแตน ถูกพาเข้าไปในเซเวนธ์แม็กพาย แล้วก็มีคนหาม้านั่งไม้มาให้ เขานั่งยกมือหนึ่ง กุมหน้าผาก มองเหม่อไปที่ไหนก็สุดรู้ แล้วถอนใจใหญ่ราวลมพัดเป็นครั้งคราว ทอมมี่ ฟอเรสเตอร์พยายามจะคุยด้วย เขาพูดว่า “นี่แน่ะ ไอ้เพื่อนยาก สดชื่นหน่อยสิ เจ้าต้องสดชื่นนะ ไหน ยิ้มหน่อยสิ เอ้า งั้นจะกินอะไรหรือเปล่า อยากดื่มอะไรไหม ไม่เอาหรือ ขอบอกนะ เจ้าดูพิลึกนะ ดันสแตน เพื่อนยาก...” แต่ดันสแตนไม่ตอบสนองใดๆ ทอมมี่ก็เริ่มอยากจะกลับไปตลาดนัด ป่านนี้ (เขาลูบกรามที่ระบม) บริดเจ็ทผู้น่ารักคงจะมีชายร่างใหญ่สูงสง่าตามติด ชายที่ สวมเสื้อผ้าแปลกตาและมีลิงน้อยร้องเจี๊ยกๆ ติดตาม เมื่อเขาวางใจว่าเพื่อน จะปลอดภัยอยู่ในเรือนแรมที่ไร้แขกเหรื่อนี้ ทอมมี่จึงเดินผ่านหมู่บ้านกลับไป ที่ช่องก�ำแพง เมื่อทอมมี่กลับเข้าไปในตลาดอีกครั้ง ก็สังเกตว่าที่นั่นอึกทึกครึกโครม วุ่นวายโกลาหล เพราะมีทั้งการแสดงหุ่นกระบอก นักโยนรับของสองมือ และ สัตว์เต้นระบ�ำ มีการประมูลขายม้า แล้วก็ขายหรือแลกเปลี่ยนข้าวของสารพัด อย่าง หลังจากนั้น เมื่อยามสนธยามาเยือน ก็มีผู้คนที่แตกต่างไป มีทั้งคน ร้องข่าวซึ่งตะโกนเล ่าข ่าวเหมือนหนังสือพิมพ์สมัยใหม ่ที่ตีพิมพ์พาดหัวข ่าว - “ผู้ครองสตอร์มโฮลด์ป่วยเป็นโรคลึกลับ!” “ภูเขาอัคคีย้ายไปอยู่ที่ปราการ แห่งดีน!” “คนสนิทของทายาทโทนแห่งตระกูลการามอนด์ถูกแปลงเป็นหมู Stardust 28
อู๊ดๆ!” - แล้วถ้าจ่ายเงินหนึ่งเหรียญก็จะเล่าเรื่องราวให้ฟังโดยละเอียด ดวงอาทิตย์อัสดง ดวงจันทร์ดวงมหึมาของฤดูใบไม้ผลิลอยสูงอยู่บน ท้องฟ้าแล้ว สายลมเย็นฉ�่ำพัดโชยมา พ่อค้าแม่ขายพากันกลับเข้าเต็นท์ ส่วน ผู้คนที่มาเดินตลาดก็จะได้ยินเสียงกระซิบเชิญชวนให้ร่วมดื่มกินของมหัศจรรย์ มากมายหลายหลากซึ่งมีให้เลือกด้วยราคาที่แตกต่างกันไป เมื่อดวงจันทร์คล้อยต�่ำอยู่บนเส้นขอบฟ้า ดันสแตน ธอร์นเดินเงียบๆ ไปตามถนนปูหินของหมู่บ้านวอลล์ ผ่านผู้คนที่สนุกสนานครึกครื้นจ�ำนวนมาก - ทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งพวกต่างด้าว - แม้จะมีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตเห็น เขาเมื่อเดินผ่าน ขณะที่เดินผ่านช่องก�ำแพงออกไป - ซึ่งก�ำแพงก็หนาเอาการ - ดันสแตน เกิดนึกสงสัยอย่างที่พ่อของเขาเคยสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาขึ้นไปเดิน บนสันก�ำแพง ดันสแตนก้าวจากช่องก�ำแพงเข้าสู่ทุ่งหญ้า คืนนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ เขาเพลิดเพลินกับความคิดที่ว่าเขาได้เดินตัดทุ่งหญ้า ข้ามล�ำธาร แล้วก็หายลับ เข้าไปในดงไม้ฟากโน้น เขาเพลิดเพลินกับความคิดเหล่านี้อย่างเก้ๆ กังๆ แบบ คนที่ต้อนรับขับสู้แขกที่มาเยือนโดยไม่คาดหมาย จากนั้น ขณะที่ไปถึงจุดหมาย เขาก็ผลักไสความคิดเหล่านั้นไป แบบคนที่ขอโทษขอโพย แล้วลาแขกเหรื่อโดย พึมพ�ำท�ำนองว่าติดนัดอื่น ดวงจันทร์ก�ำลังจะลาลับ ดันสแตนยกมือทั้งสองข้างขึ้นป้องปาก แล้วร้องฮูกๆ ไม่มีเสียงขานตอบ ท้องฟ้าเป็นสีเข้มจัด อาจเป็นสีน�้ำเงินหรือม่วง แต่ไม่ใช่ด�ำแน่ มีดวงดาว พราวพร่างเกินจะนับไหว เขาร้องฮูกๆ อีกรอบ “นั่นน ่ะ” เธอเอ ่ยอย ่างขึงขังเข้าหูเขา “ไม ่เหมือนเสียงนกฮูกจิ๋วเลย จะเป็นนกฮูกหิมะ หรือแม้แต่นกแสกก็ยังได้ ถ้าข้าโดนกิ่งไม้เล็กๆ อุดหูอยู่ ก็อาจจะนึกไปว่าเป็นเสียงนกเค้าใหญ่ แต่ไม่ใช่นกฮูกจิ๋ว” นีล เกแมน 29
ดันสแตนยักไหล่ แล้วยิ้มกว้างอย่างออกจะโง่เง่า หญิงภูตนั่งลงข้างๆ ท�ำให้เขาเคลิบเคลิ้ม เขาสูดกลิ่นกายของเธอ รู้สึกถึงเธอในทุกๆ รูขุมขน เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้ “ท่านคิดว่าตัวเองต้องมนตร์อยู่ใช่ไหม ดันสแตนผู้หล่อเหลา” “ไม่รู้สิ” เธอหัวเราะ เสียงกังวานใสราวกับล�ำธารที่ซัดใส่หินน้อยใหญ่ “ท่านไม่ได้ต้องมนตร์อะไร พ่อหนุ่มรูปหล่อ” เธอนอนลงบนพื้นหญ้า พลางจ้องมองท้องฟ้า “ดวงดาวของท่านดูเหมือนอะไรนะ” เธอถาม ดันสแตน นอนลงข้างๆ เธอบนพื้นหญ้าเย็น พลางจ้องมองท้องฟ้ายามค�่ำคืน ดวงดาว เหล่านั้นดูแปลกๆ แน่นอน อาจจะมีสีสันมากขึ้น เพราะดูระยิบระยับราวกับ อัญมณีเม็ดจิ๋ว หรืออาจจะมีดาวจิ๋วๆ ที่เป็นกลุ่มดาวมากขึ้น ดวงดาวเหล่านั้น ดูแปลกประหลาดอัศจรรย์ แต่ก็นั่นแหละ... ทั้งสองนอนชิดกัน พลางจ้องมองท้องฟ้า “ท่านต้องการอะไรในชีวิตนี้” ภูตสาวถาม “ไม่รู้สิ คงจะต้องการเจ้านะ” เขายอมรับ “ข้าอยากได้อิสรภาพ” เธอบอก ดันสแตนเอื้อมมือไปยังโซ่สีเงินที่โยงจากข้อมือข้างหนึ่งลงไปยังข้อเท้า แล้วทอดยาวไปตามพื้นหญ้า เขากระตุกแต่มันแข็งแกร่งกว่าที่เห็น “โซ่ท�ำจากลมหายใจแมว เกล็ดปลา แสงจันทร์ ผสมลงไปในเนื้อเงิน” เธอบอก “ตัดไม่ขาดจนกว่าจะท�ำตามที่ถูกสาปส�ำเร็จ” “อ้อ” เขานอนลงบนหญ้าอีกครั้ง “ข้าไม่ควรจะร�ำคาญหรอก เพราะโซ่นี้ยาว ยาวมากๆ แต่ข้าร�ำคาญใจ เพราะถูกล่าม ข้าคิดถึงดินแดนของพ่อ แถมแม่มดนั่นยังไม่ใช่เจ้านายใจดี อีกด้วย...” แล้วเธอก็เงียบไป ดันสแตนโน้มตัวไปหา เอื้อมมือข้างหนึ่งไปแตะใบหน้า แล้วก็รู้สึกว่าแตะถูกสิ่งที่เปียกและร้อนมือ Stardust 30
“โอ๊ะ เจ้าร้องไห้นี่” เธอไม่เอ่ยอะไร ดันสแตนรั้งเธอเข้ามา พลางใช้มือใหญ่เช็ดหน้าให้ อย่างไร้ผล เขาจึงโน้มตัวเข้าใกล้ใบหน้าสะอึกสะอื้น แล้วจูบอย่างละล้าละลัง ไม่แน่ใจว่าท�ำถูกหรือเปล่าในสถานการณ์นี้ เขาจูบริมฝีปากอันร้อนผ่าว เธอลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนเผยอริมฝีปาก แล้วแลบลิ้นแทรกเข้ามาในปาก เขาลุ่มหลงลืมตัวไปโดยสิ้นเชิงอยู่ภายใต้ดวงดาราอันแปลกประหลาด เขาเคยจูบมาก่อน เคยจูบสาวๆ ในหมู่บ้าน แต่ไม่เคยท�ำอะไรมากกว่านั้น เขาแตะทรวงอกเล็กๆ ใต้ชุดผ้าไหม สัมผัสตุ ่มไตอันคัดแข็งของ ยอดปทุม เธอเกาะเกี่ยวเขาไว้อย่างแน่นหนาราวกับก�ำลังจมน�้ำ มือคล�ำเปะปะ กับเสื้อเชิ้ตและกางเกงรัดเข่าของเขา เธอเล็กเหลือเกินจนเขาเกรงว่าจะท�ำให้เธอเจ็บและบุบสลาย แต่ก็ไม่ เธอบิดกาย ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างเขา หอบหายใจ ถีบเท้า และชักน�ำเขาด้วยมือ ข้างหนึ่ง เธอประทับจูบอันเร่าร้อนนับร้อยบนใบหน้าและแผ่นอกของเขา แล้วเธอ ก็อยู่เหนือร่างเขา คร่อมเขาไว้ ทั้งหอบหายใจ หัวเราะ เหงื่อโชก ลื่นราวกับ ปลามินเนาว์ เขาแอ่นกาย เหยียดดัน และยินดีเปี่ยมล้น ในใจมีแต่เธอและ เธอเท่านั้น นี่ถ้าเขารู้จักชื่อเธอ ก็คงจะตะโกนเรียกชื่อแล้ว ตอนท้ายเขาคงจะถอนกายออก แต่เธอยึดเขาไว้ข้างใน เรียวขารัด เขาไว้ ดันกายเบียดเขารุนแรงจนเขารู้สึกว่าทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันในจักรวาลนี้ ราวกับว่าในชั่วขณะอันทรงพลังท่วมท้นนั้น ทั้งสองเป็นคนเดียวกัน เป็นผู้ให้และ ผู้รับ ในยามที่ดวงดาราพากันเลือนหายไปในท้องฟ้าก่อนที่รุ่งอรุณจะมาเยือน ทั้งสองนอนเคียงกัน ภูตสาวจัดเสื้อคลุมไหมให้เข้าที่ แต่งกายเรียบร้อยอีกครั้ง ดันสแตนดึง กางเกงกลับขึ้นมาอย่างเสียดาย จากนั้นก็บีบมือเล็กๆ ของเธอ เหงื่อแห้งจับผิว เขารู้สึกหนาวเยือกเดียวดาย ตอนนี้เขามองเห็นเธอแล้ว เพราะฟ้าสางสว่างเป็นสีเทา สรรพสัตว์รอบตัวเริ่มเคลื่อนไหว ม้าเริ่มย�่ำเท้า นีล เกแมน 31
นกเพิ่งขยับตื่นและเริ่มขับขานรับวันใหม่ ในทุ่งหญ้าที่มีตลาด ผู้ที่อยู่ในเต็นท์ ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้างก็เริ่มลุกขึ้นเดินไปมา “เอาละ ท่านกลับไปได้แล้ว” เธอพูด เบาๆ แล้วมองเขาอย่างกึ่งเสียใจ ดวงตาคู่นั้นเป็นสีม่วงราวกับเมฆบางที่ลอย สูงอยู่บนท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ จากนั้นเธอก็จูบเขาอย่างอ่อนโยนด้วยริมฝีปากที่มี รสชาติเหมือนลูกแบล็กเบอร์รีช�้ำ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับเกวียนประทุน ซึ่งจอดอยู่หลังแผงขายของ ดันสแตนงุนงงเดียวดายเดินผ่านตลาด รู้สึกเหมือนตัวเองอายุมากกว่า สิบแปดปีเป็นไหนๆ เขากลับไปที่คอกวัว ถอดรองเท้าบูตออก แล้วหลับไปจนตื่นขึ้นมาเมื่อ ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนฟ้า วันรุ่งขึ้นตลาดนัดก็สิ้นสุดลง ถึงแม้ดันสแตนจะไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก พวกต่างด้าวออกจากหมู่บ้าน ชีวิตในวอลล์กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งก็อาจจะปกติ น้อยกว่าชีวิตในหมู ่บ้านส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะเวลาที่สายลมพัดผิดทิศ) แต่โดยรวมแล้วก็ปกติพอ สองสัปดาห์หลังจากตลาดนัด ทอมมี่ ฟอเรสเตอร์ขอบริดเจ็ท คอมเฟรย์แต่งงาน ซึ่งเธอก็ตอบตกลง หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ คุณนายเฮมป์สต็อกมาเยี่ยม คุณนายธอร์นในเช้าวันหนึ่ง ทั้งสองดื่มชากันในห้องรับแขก “เรื่องพ่อหนุ่มฟอเรสเตอร์นั่นน่ายินดีจริงๆ นะ” คุณนายเฮมป์สต็อก เอ่ยปาก “จริงด้วยจ้ะ” คุณนายธอร์นว่า “กินสคอนอีกชิ้นสิจ๊ะ ข้าว่างานนี้แม่หนู เดซี่ของเจ้าควรเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะ” “ข้าก็ว่ายังงั้น” คุณนายเฮมป์สต็อกพูด “ถ้ายายหนูจะมีชีวิตอยู่จนถึง วันนั้นนะ” คุณนายธอร์นเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “ตายจริง แม่หนูคงไม่เจ็บไข้ได้ ป่วยหรอกนะ คุณนายเฮมป์สต็อก บอกหน่อยเถอะว่าไม่ใช่” Stardust 32
“ลูกข้าไม่ยอมกินอะไรเลย คุณนายธอร์น ร่างกายผ่ายผอมลงทุกวัน ดื่มแต่น�้ำเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเท่านั้น” “ตายจริง!” คุณนายเฮมป์สต็อกพูดต่อ “ในที่สุดเมื่อคืนนี้ข้าก็รู้สาเหตุ ก็ดันสแตน ของเจ้ายังไงล่ะ” “ดันสแตนน่ะหรือ นี่เขาคงไม่...” คุณนายธอร์นยกมือขึ้นปิดปาก “อุ๊ย ไม่ใช่แบบนั้น” คุณนายเฮมป์สต็อกรีบส่ายหน้าพลางเม้มปาก “ไม่ใช่อะไรท�ำนองนั้น เขาไม่สนใจไยดีลูกสาวข้าต่างหาก นางไม่เห็นหน้าเขา มาหลายวันแล้ว ก็เลยคิดมากว่าเขาเลิกชอบนางแล้ว ตอนนี้ลูกข้าเอาแต่ถือ ดอกสโนว์ดรอปที่เขามอบให้ แล้วก็สะอื้นไห้” คุณนายธอร์นตักชาจากกระปุกใส่กาอีก แล้วเติมน�้ำร้อน ”บอกตาม ตรงนะ” หล่อนยอมรับ “เราก็ออกจะกังวลเรื่องดันสแตนเหมือนกัน ทั้งธอร์นีย์ ทั้งฉันเลย เพราะเจ้านั่นเอาแต่ใจลอย ต้องใช้ค�ำนี้เลย เดี๋ยวนี้ไม่เป็นอันท�ำการ ท�ำงาน ธอร์นีย์บอกว่าเจ้าลูกคนนี้ต้องลงหลักปักฐานสักที ถ้าเขาลงหลักปักฐาน ละก็ ธอร์นีย์บอกว่าจะยกทุ่งทางทิศตะวันตกให้ทั้งทุ่งเลย” คุณนายเฮมป์สต็อกพยักหน้าช้าๆ “คุณเฮมป์สต็อกไม่รังเกียจที่จะเห็นเดซี่ ของเรามีความสุข เขาย่อมจะยกแกะสักฝูงให้ลูกสาวเป็นของขวัญ” กิตติศัพท์ เรื่องความสวยงามของแกะจากครอบครัวเฮมป์สต็อกเลื่องลือระบือไกล พวกมัน มีขนที่ดกฟู เฉลียวฉลาด (ส�ำหรับแกะ) มีเขาม้วนงอ และมีกีบตีนที่คม คุณนายเฮมป์สต็อกกับคุณนายธอร์นจิบน�้ำชา แล้วก็ตกลงกันเรียบร้อย ดันสแตน ธอร์นแต่งงานกับเดซี่ เฮมป์สต็อกในเดือนมิถุนายน แม้ว่า เจ้าบ่าวดูจะเหม่อลอยอยู่บ้าง แต่เจ้าสาวก็ดูเปล่งปลั่งงดงามสมกับเป็นเจ้าสาว ข้างหลังบ่าวสาว พ่อของทั้งสองปรึกษากันเรื่องสร้างบ้านไร่ให้คู่แต่งงานใหม่ ที่ทุ่งหญ้าทางทิศตะวันตก ส่วนแม่ก็เห็นพ้องกันว่าเดซี่ช่างน่ารัก และน่าเสียดาย ที่ดันสแตนไม ่ยอมให้เดซี่เอาดอกสโนว์ดรอปที่เขาซื้อให้จากตลาดนัดเมื่อ ปลายเดือนเมษายนมาประดับชุดแต่งงาน นีล เกแมน 33
เราจะปล่อยพวกเขาไว้ตรงนี้ ท่ามกลางกลีบกุหลาบที่ปลิวพลิ้วสีเลือดหมู สีเหลือง สีชมพู และสีขาว หรือเกือบๆ จะปล่อยไป ทั้งสองอาศัยอยู่ในกระท่อมของดันสแตนระหว่างที่ก�ำลังสร้างบ้านไร่หลัง น้อย แน่นอนว่าทั้งสองมีความสุขพอตัว และกิจวัตรประจ�ำวันในการเลี้ยงแกะ ต้อนแกะ ตัดขนแกะ รักษาแกะ ก็ท�ำให้แววตาเหม่อลอยของดันสแตนเลือน หายไปทีละน้อยๆ แล้วฤดูใบไม้ร่วงปีแรกก็มาเยือน ตามด้วยฤดูหนาว เมื่อถึงปลายเดือน กุมภาพันธ์ ในฤดูแกะออกลูก เมื่อโลกนี้หนาวเย็นและลมบาดผิวพัดกระโชก ไปในทุ่งรก ผ่านป่าไร้ใบไม้ เมื่อสายฝนเย็นยะเยือกโปรยปรายไม่ขาดสายจาก ท้องฟ้าสีเทาครึ้ม เวลาหกโมงเย็น หลังจากที่ดวงอาทิตย์ตกดินและท้องฟ้ามืด แล้ว ตะกร้าหวายใบหนึ่งถูกผลักผ่านช่องก�ำแพงเข้ามา ตอนแรกยามที่ยืนขนาบ ช ่องก�ำแพงไม ่ได้สังเกตเห็นตะกร้า ในเมื่อทั้งสองไม ่ได้หันหน้าไปทางนั้น อีกทั้งยังมืดและเปียกด้วย พวกเขามัวแต่ย�่ำเท้าอยู่กับที่และมองแสงไฟใน หมู่บ้านอย่างห่อเหี่ยวโหยหา แล้วเสียงแหลมสูงก็ร้องจ้าดังลั่น พวกเขาก้มลงมองตอนนั้น เห็นตะกร้าใบหนึ่งวางอยู่แทบเท้า ในตะกร้า มีห่อผ้าไหมเคลือบน�้ำมันและผ้าห่มขนสัตว์ สิ่งที่ยื่นจากส่วนบนสุดของห่อนั้น คือใบหน้าแดงก�่ำที่ร้องจ้า ดวงตาคู่เล็กหลับปี๋ ปากอ้าแผดเสียง และหิวโหย สิ่งที่กลัดติดผ้าห่มของทารกน้อยด้วยเข็มกลัดเงินก็คือ กระดาษหนัง ชิ้นเล็กๆ เขียนค�ำด้วยลายมือสวยงาม แม้จะดูโบราณเล็กน้อยว่า: ทริสตัน ธอร์น Stardust 34
PUMPFOIL JO6308-0247 M_02 F_02 PUMPFOIL PUMPFOIL