www.facebook.com/wordswonderbook
มิสต์บอร์น วีรชนแห่งยุค Mistborn: The Hero of Ages ผู้เขียน แบรนดอน แซนเดอร์สัน ผู้แปล กานต์สิริ โรจนสุวรรณ THE HERO OF AGES: Copyright © Dragonsteel Entertainment, LLC 2008 Published in agreement with JABberwocky Literary Agency, Inc., through The Grayhawk Agency Ltd พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2566 ราคา 795 บาท ISBN 978-616-8175-24-8 จัดพิมพ์โดย บริษัท ส�ำนักพิมพ์ Words Wonder จ�ำกัด 664/19 ถนนพระราม 3 บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 บรรณาธิการต้นฉบับ ชาลี พงษ์สง่างาน ออกแบบปก Napon Suzuki รูปเล่ม/พิสูจน์อักษร วาสนาดีกรุ๊ป พิมพ์ที่ บริษัท ธรรมดาเพรส จ�ำกัด จัดจ�ำหน่ายโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ที่ 2 ถนน บางกรวย-จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 024239999โทรสาร024499222,024499500-6 http://www.naiin.com
THE HERO OF AGES BOOK THREE OF MISTBORN TENTH ANNIVERSARY DRAGONSTEEL LEATHER EDITION ไตรภาคมิสต์บอร์น เล่ม 3 วีรชนแห่งยุค ผู้เขียน Brandon Sanderson ผู้แปล กานต์สิริ โรจนสุวรรณ
แด่ จอร์แดน แซนเดอร์สัน ผู้ที่สามารถอธิบายกับใครก็ตามที่ถามว่า มันเป็นเช่นไรที่มีพี่ชาย ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของเจ้าตัวไปกับการฝันเฟื่อง (ขอบคุณที่อดรนทนกับฉันนะ)
สารบัญ กิตติกรรมประกาศ 6 แผนที่ 11 อารัมภบท 19 ตอนที่หนึ่ง: มรดกของผู้อยู่รอด 23 ตอนที่สอง: เสื้อผ้าและกระจก 167 ตอนที่สาม: ท้องฟ้าพังๆ 375 ตอนที่สี่: ผู้ท�าลายที่งดงาม 489 ตอนที่ห้า: ทรัสต์ (ความเชื่อใจ) 643 บทส่งท้าย 866 ศาสตร์ลึกลับ 1. ตารางอ้างอิงโลหะอัลโลแมนซ์แบบย่อ 2. ชื่อและค�าศัพท์ทางอัลโลแมนซ์ตามล�าดับอักษรภาษาอังกฤษ 3. สรุปเรื่องราวเล่มที่หนึ่ง 4. สรุปเรื่องราวเล่มที่สอง
กิตติกรรมประกาศ เหมือนเช่นเคย ผมติดค้างค�าขอบคุณกับผู้คนตั้งมากมายที่ช่วยท�าให้หนังสือ เล่มนี้เป็นอย่างทุกวันนี้ก่อนอื่นและที่ส�าคัญที่สุดเลย บรรณาธิการและ ตัวแทนของผม โมเช เฟเดอร์และโจชัวร์ บิลเมส ซึ่งควรค่าแก่การสรรเสริญ ส�าหรับความสามารถอันล�้าเลิศของพวกเขาในการช่วยให้โครงการนี้บรรลุ ศักยภาพของมันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีเอมิลีภรรยาของผมซึ่งให้การ สนับสนุนและความช่วยเหลืออย่างยอดเยี่ยมในกระบวนการเขียน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ไอแซค สจ๊วต (Nethemore.com) ท�า แผนที่ สัญลักษณ์ของบทต่างๆ และวงล้อของโลหะทางอัลโลแมนซ์ได้อย่าง งดงาม ผมซาบซึ้งใจอย่างแท้จริงกับผลงานศิลปะของจอน ฟอสเตอร์เช่นกัน คราวนี้มันส่งผลให้ผมโปรดปรานหน้าปกของเล่มนี้จากมิสต์บอร์นทั้งสามเล่ม มากที่สุดเป็นการส่วนตัว ขอขอบคุณแลร์รี่ โยเดอร์ส�าหรับความเก่งกาจและ ขอบคุณด็อต ลินส�าหรับงานประชาสัมพันธ์ให้ผมที่ทอร์ขอบคุณเดนนิส หว่องและสเตซี่ เฮก-ฮิลล์ส�าหรับความช่วยเหลือต่อบรรณาธิการของผม และ เช่นเคย ขอบคุณไอรีน แกลโลที่แสนยอดเยี่ยมส�าหรับการก�ากับด้านศิลปะ ของเธอ นักทดลองอ่านรอบแรกของหนังสือเล่มนี้ได้แก่แพรีส เอลเลียต, เอมิลี่ แซนเดอร์สัน, คริสตา โอลเซน, อีธาน สการ์สเตดต์, เอริก เจ. เอชเลอร์ส, เอริก “ที่หยิ่งกว่า” เจมส์สโตน, จิลเลนา โอ’ไบรอัน, ซีลี เพลเยอร์, บรูซ คันดิก/มัวร์, แจนซีแพตเตอร์สัน, เฮเธอร์ เคอร์บี, แซลลี่ เทย์เลอร์, แบรดลีย์ เรเนียร์, สตีฟ “ไม่ใช่หนุ่มร้านหนังสืออีกแล้ว” ไดมอนด์, นายพลมิคาห์ เดอมูซ์, แซคารี“สปู๊ก” เจ. คาเวนีย์, อลัน เลย์ตัน, เจเน็ตต์ เลย์ตัน, เคย์ลินน์ โวเบลล์, เนต แฮตฟีลด์, แมทธิว แชมเบอร์ส, คริสตินา คักเลอร์, แดเนียล เอ. เวลส์, ปีเตอร์อัห์ลสตรอม ผู้แยกส่วนไม่ได้, มา เรียนน์ พีซ, นิโคล เวสเตนส์โคว์, เนธาน วูด, จอห์น เดวิด เพย์น, ทอม
เกรกอรี, รีเบกกา ดอร์ฟฟ์, มิเชลล์ โครว์ลีย์, เอมิลีเนลสัน, นาตาเลีย จัดด์, เชลิส ฟ็อกซ์, เนธาน เครนชอว์, แมดิสัน แวน-เดนเบิร์ก, ราเชล ดันน์, และเบน โอเลซูน นอกจากนี้ขอขอบคุณจอร์แดน แซนเดอร์สัน ผู้ซึ่งผมขออุทิศ หนังสือเล่มนี้ให้ส�าหรับการท�าเว็บไซต์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เจฟฟ์ เครียร์ก็ท�าหน้าที่ได้อย่างวิเศษเช่นกันส�าหรับงานศิลปะบนเว็บไซต์ Brandon Sanderson.com แวะไปชมกันได้นะ!
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ มิสต์บอร์น วีรชนแห่งยุค ถือว่าเป็นเล่มจบของชุดมิสต์บอร์นยุคแรก ที่ แบรนดอน แซนเดอร์สันจะขมวดปมทั้งหมด ขอบคุณที่เดินทางด้วยกันมา จนถึงเล่มนี้นะครับ ผมไม่เขียนเยอะ คนที่อ่านรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ยอดเยี่ยม เพียงใด ท�าหนังสือหนาขนาดนี้ไม่ง่าย อ่านหนังสือหนาขนาดนี้ในยุคนี้ก็ ไม่ง่ายเช่นกัน แต่ผมเชื่อว่าทุกท่านจะได้รับความสุขกับมันในอีกแบบที่ไม่ เหมือนอ่านเล่มบางๆ ขอให้มีความสุขในการอ่านครับ ส�ำนักพิมพ์Words Wonder
1. เมืองลูธาเดล 2. เหวนรกแห่งแฮธซิน 3. เมืองเออร์โท 4. เมืองแฟเดร็กซ์ 5. เมืองเทรมรีแดร์ 6. เมืองแทธิงด์เวน 7. หอชุมนุมแห่งเซรัน 8. เทือกเขาเดอรีแททิธ ที่ตั้งตามประวัติศาสตร์ ของบ่อพิทักษ์พลัง 20. ทะเลสาบ เซรันเหนือ 21. ทะเลสาบ เซรันใต้ 22. แม่น�้ำ แชนเนอเรล ภูเขาขี้เถ้า 9. ไทเรียน 10. เซรินาห์ 11. ฟาลีสต์ 12. โดเรียล 13. โมแร็ก 14. แคลลิง 15. โทริโนสต์ 16. ทะเลสาบ ไทเรียน 17. ทะเลสาบ ลูธาเดล 18. ทะเลสาบ แบล็ค 19. แม่น�้ำ เซรัน เขตปกครองเทอร์รสิ เขตปกครองไกลโพ้น เขตปกครองตะวนั ตก เขตปกครองเหนื อ เขตปกครองกลาง เขตปกครองใต้ เกาะทางตอนใต้ เขตปกครองไกล เขตปกครองตะวันออก เขตปก ค ร อ ง จัน ท รเ์สี้ยว จักรวรรดไิฟนอล
จักรวรรดิ ไฟนอล 1021 เขตปกครอง เทอร์ริส เขตปกครองไกลโพ้น เขตปกครองใต้ ภเู ขาเซรนิาห์ เมืองเทรมรีแดร์ เมืองชาดีส์ เมืองชาแกธ เมืองแมนทิซ เมือง แฟเดร็กซ์ ภูเขาโทรโิ นสต์ภูเขาโมแร็ก ทะเลสาบไทเรยีน ทะเลใต้ เขตปกครองไกลโพ้น เ ขตปกครอ ง เทอร ์ริส
เขตปกครอง เทอร์ริส เมืองแทธิงด์เวน เขตปกครองใต้ เขตปกครองตะวันออก เขตปกครองกลาง เขตปกครองเหนอ ื เขตปกครอ ง จันทร์เสี้ยว ภูเขาแคลลิง ภเู ขาไทเรยี น ภเู ขาฟาลสี ต์ ภเู ขาโดเรยี ล ภเู ขาเซรนิาห์ แม่นาน้แชนเนอเรล เมืองอาร์กัวอิส เมืองฮาเวอร์เฟร็กซ์ เมืองเออร์โท เมืองฮอลสเต็ป เมืองวัลทรัวซ์ เมืองลูธาเดล หมู่บ้านซูสน่า เมืองลองส์ฟอลโลว์ เมืองออสเทร็กซ์ เมืองเลกัล เมืองเวอร์ทิตัน เมือง เออร์แลค เมืองเออร์บีน หอชุมนุมแห่งเซรัน เมืองการ์ธวูด เมือง เฟลลิส เมืองเทรสติง เหวนรกแห่ง แฮธซิน เมืองชาดีส์ เมือง แฟเดร็กซ์ ภูเขาโทรโิ นสต์ ทะเลสาบ ลูธาเดล ทะเลสาบไทเรยีน ทะเลสาบแบลค็ ทะเลสาบเซรันเหนือ แมน่นา้ เซรัน เขตปกครอง จนัทรเ์ สีย้ว เ ขตปกครอ ง เทอร ์ริส
1. ท่อระบายน�้ำของลอร์ดเฟเดร 2. ถนนไวท์ 3. ทบวงสืบสวน 4. บ้านของซิติเซน 5. จัตุรัสเก่าของเมือง 6. ทบวงศาสนา แผนที่เมืองเออร์โท ย่านแฮร์โรว์ส ลำ�ธารตะวันตก ตลาดมารกเ์็ตพติ
1. ทบวงทรัพยากร 2. โรงพยาบาล 3. บ้านของสโลว์สวิฟต์ 4. ป้อมตระกูลโอเรียลล์ แผนที่เมืองเออร์โท แผนที่เมืองแฟเดร็กซ์
THE HERO OF AGES วีรชนแห่งยุค
19 มาร์ชตะเกียกตะกายฆ่าตัวตาย มือเขาสั่นดิกๆ ขณะเขาพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเพื่อเอื้อมขึ้นไป ดึงเดือยแหลมออกจากแผ่นหลังและสิ้นสุดชีวิตปิศาจร้ายของเขาสักทีเขา ถอดใจกับการพยายามหนีจากมันแล้ว สามปีสามปีในฐานะผู้สืบสวนเหล็ก สามปีที่ถูกจองจ�าอยู่ในความคิดของตัวเอง แรมปีเหล่านั้นพิสูจน์แล้วว่าไม่มี ทางที่เขาจะหนีพ้นไปได้แม้ในตอนนี้สมองของเขาก็ยังมัวซัวอยู่ และแล้วมันก็เข้าควบคุมเขา โลกทั้งใบดูจะสั่นสะเทือนอยู่รอบตัว แล้วทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง เขาจะตะเกียกตะกายไปท�าไม เขาจะกังวล ไปท�าไม ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นแท้ๆ เขาก้าวไปข้างหน้า แม้เขาจะมองไม่เห็นแบบที่คนธรรมดามองเห็นได้ อีกต่อไปเพราะมีเดือยเหล็กกล้าแท่งใหญ่เสียบปลายทะลุดวงตาทั้งสองข้าง อารัมภบท
20 Mistborn: The Hero of Ages ของเขาอยู่ เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงห้องนี้ที่อยู่รอบตัวเขา เดือยคู่นั้นยื่นออกมาจาก หลังกะโหลกศีรษะ ถ้าเขาเอื้อมมือขึ้นไปแตะหลังศีรษะ เขาคล�าเจอปลายอัน แหลมคมที่แห้งผาก ไม่มีเลือดของมัน เดือยเหล่านี้ท�าให้เขามีพลัง ท�าให้เห็นทุกอย่างมีเค้าโครงเป็นเส้นสี น�้าเงินบางๆ จากพลังอัลโลแมนซ์จนโลกนี้เด่นชัดขึ้นมา ห้องนี้มีขนาดค่อน ข้างเล็ก มีคนอีกหลายคนยืนอยู่กับมาร์ชด้วย คนเหล่านั้นต่างก็มีเค้าโครง สีน�้าเงินเช่นกันโดยเป็นเส้นอัลโลแมนซ์ที่ชี้ไปยังโลหะต่างๆ ที่อยู่ในกระแส เลือดของพวกเขา แต่ละคนมีเดือยแหลมแทงทะลุดวงตา หมายถึงแต่ละคน ยกเว้นผู้ชายที่ถูกมัดไว้กับโต๊ะตรงหน้าเขา มาร์ช ยิ้มขณะหยิบเดือยแท่งหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะที่อยู่ข้างตัว แล้วเงื้อขึ้น เชลยของ เขาไม่ได้สวมที่อุดปาก ไม่อย่างนั้นมันคงหยุดเสียงกรีดร้องของเขาไว้ได้ “ได้โปรดเถอะ” เชลยกระซิบ เนื้อตัวสั่นเทา แม้แต่พ่อบ้านชาว เทอร์ริสก็ยังสติแตกเมื่อเผชิญหน้ากับความตายอันโหดร้ายทารุณของตัวเอง ผู้ชายคนนี้ดิ้นรนอย่างป้อแป้เขาอยู่ในท่าที่ประดักประเดิดมาก เพราะเขาถูก มัดไว้กับโต๊ะบนตัวคนอีกคน โต๊ะตัวนี้ออกแบบมาให้เป็นแบบนี้มีหลุมเจาะ ลงไปส�าหรับร่างที่อยู่ข้างใต้ “เจ้าต้องการอะไร” ชายเทอร์ริสถามขึ้น “ข้าบอกเรื่องซีนอดไปหมด เปลือกแล้ว!” มาร์ชไล้นิ้วไปบนเดือยทองเหลือง คล�าปลายของมัน มีงานที่ต้องท�า แต่เขาก็ยังลังเลขณะดื่มด�่ากับความเจ็บปวดและความพรั่นพรึงในเสียงของ ผู้ชายตรงหน้า ลังเลเพื่อที่เขาจะได้... แล้วมาร์ชก็เข้าควบคุมความคิดของตัวเอง กลิ่นของห้องนี้หมดความ หวานฉ�่าไปทันใด มีกลิ่นคาวคลุ้งของเลือดและความตายเข้ามาแทน ความ หรรษากลายเป็นความสยดสยอง เชลยของเขาคือคีพเปอร์คนหนึ่งของแคว้น เทอร์ริส คือผู้ชายที่ทุ่มเททั้งชีวิตของตัวเองเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น การฆ่า เขาจะไม่ใช่แค่เป็นอาชญากรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นโศกนาฏกรรมอีกด้วย มาร์ช พยายามสั่งตัวเองให้ได้พยายามบังคับแขนให้เอื้อมขึ้น แล้วอ้อมไปดึงเดือย แกนกลางขึ้นมาจากแผ่นหลัง การดึงเดือยนั้นออกมาจะจบชีวิตเขา
21 Brandon Sanderson กระนั้น มันก็แกร่งเกินไป พลังทิพย์นั่น ด้วยวิธีการบางอย่าง มัน ควบคุมมาร์ชเอาไว้มันต้องการให้เขาและผู้สืบสวนคนอื่นๆ เป็นลูกมือของ มัน มันเป็นอิสระแล้ว มาร์ชยังคงรู้สึกได้ถึงความยินดีปรีดาของมันที่ได้เป็น อิสระ แต่อะไรบางอย่างสกัดมันไว้จากการส่งผลกระทบต่อโลกนี้ด้วยตัวมัน เองมากเกินไป เป็นการสะกดเอาไว้เป็นพลังทิพย์ที่เคลือบคลุมดินแดนนี้ไว้ เหมือนเป็นโล่ มันยังไม่สมบูรณ์ มันต้องการมากกว่านี้เป็นสิ่งอื่น...เป็นอะไรบาง อย่างที่ซ่อนอยู่ มาร์ชจะต้องค้นหาบางอย่างนั่น แล้วเอามันมาให้เจ้านายของ เขา เจ้านายที่วินปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ตัวตนที่ถูกกักขังไว้ในบ่อพิทักษ์พลัง มันเรียกตัวเองว่า ภังคะ มาร์ชยิ้มเมื่อเชลยของเขาเริ่มร้องไห้ออกมา จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้าง หน้า เงื้อเดือยแหลมในมือขึ้น แล้วปักมันลงไปในแผ่นอกของผู้ชายที่ร้อง ครวญคราง เดือยนี้ต้องแทงเข้าไปในร่างของชายคนนี้ทะลวงหัวใจเขา แล้ว ทะลุไปถึงร่างของผู้สืบสวนที่ถูกมัดไว้ข้างใต้ฮีมาเลอร์เป็นศาสตร์ที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน นั่นคือเหตุผลที่มันสนุกสนานขนาดนี้ มาร์ชหยิบตะลุมพุกดุ้นหนึ่ง ขึ้นมา แล้วเริ่มตอก
มรดกของผู้อยู่รอด ตอนที่หนึ่ง
24 โชคร้ายที่ข้าคือวีรชนแห่งยุค แฟเทรนหรี่ตามองขึ้นไปยังดวงอาทิตย์สีแดงซึ่งซุกตัวอยู่หลังม่านหมอกมืด ทึบที่ปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปีขี้เถ้าสีด�าโปรยลงมาจากท้องฟ้าบางๆ อย่างที่มัน เป็นในวันส่วนใหญ่ในพักหลังๆ นี้สะเก็ดหนาเหล่านั้นร่วงตรงลงมา อากาศ นิ่งสนิทและร้อนระอุ ไม่มีแม้แต่วี่แววของสายลมโชยมาให้อารมณ์ของ แฟเทรนเบิกบานขึ้นเลย เขาถอนใจเฮือกขณะเอนหลังพิงก�าแพงดินทางทิศ ตะวันออกพลางมองไปยังเมืองเวติตัน เมืองของเขา “อีกนานแค่ไหน” เขาถาม ดรัฟเฟลเกาจมูก ใบหน้าของเขามีรอยเปื้อนสีด�าจากขี้เถ้า ช่วงนี้เขา ไม่นึกถึงสุขภาพอนามัยมากนัก แน่อยู่แล้วเมื่อดูจากความตึงเครียดตลอด สองสามเดือนมานี้แฟเทรนรู้ว่าตัวเองก็อยู่ในสภาพที่ดูไม่ค่อยได้เช่นกัน “น่าจะหนึ่งชั่วโมง” ดรัฟเฟลตอบพลางถ่มน�้าลายใส่ดินของตัว 1
25 ก�าแพง แฟเทรนถอนใจพลางมองขึ้นไปยังขี้เถ้าที่โปรยปราย “เจ้าว่ามันเป็น เรื่องจริงหรือเปล่า ดรัฟเฟล ที่คนเขาพูดกันน่ะ” “อะไรล่ะ” ดรัฟเฟลถาม “ที่ว่าโลกก�าลังจะถึงจุดจบอย่างนั้นหรือ” แฟเทรนพยักหน้า “ไม่รู้สิ” ดรัฟเฟลตอบ “ไม่ค่อยใส่ใจน่ะ” “เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง” ดรัฟเฟลยักไหล่พลางเกาเนื้อตัว “ทันทีที่โคลอสมาถึง ข้าก็จะตาย นั่นแทบจะเป็นจุดจบของโลกนี้ส�าหรับข้าแล้วละ” แฟเทรนเงียบไป เขาไม่ชอบกล่าวถึงความคลางแคลงของตัวเอง เขา ควรต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง ตอนที่ลอร์ดทั้งหลายละทิ้งเมืองนี้ซึ่งเป็นชุมชน กสิกรรมที่มีความเป็นเมืองมากกว่าเป็นไร่เพาะปลูกทางตอนเหนือเพียง เล็กน้อย แฟเทรนก็คือคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่าสกาให้ท�าการเพาะปลูกของพวก เขาต่อไป แฟเทรนคือคนที่คอยปัดเป่าแก๊งที่ขู่เข็ญเกณฑ์คนไปเป็นทหาร ใน ช่วงเวลาที่หมู่บ้านและไร่เพาะปลูกส่วนใหญ่สูญเสียผู้ชายทุกคนที่แข็งแรงดีให้ กับกองทัพใดกองทัพหนึ่ง เวติตันยังคงมีประชากรที่ท�างานได้มันต้องแลก ด้วยสินบนพืชพันธุ์จ�านวนมาก แต่แฟเทรนก็ท�าให้ผู้คนของเขาปลอดภัยมา โดยตลอดเป็นส่วนใหญ่นะ “วันนี้หมอกไม่จางลงเลยจนถึงเที่ยง” แฟเทรนเอ่ยขึ้นเบาๆ “มัน ตกค้างอยู่นานขึ้นเรื่อยๆ เจ้าเห็นพืชพันธุ์หรือเปล่าดรัฟฟ์ พวกมันไม่ค่อย งอกเงยเลย สงสัยว่าจะมีแดดไม่เพียงพอ เราจะไม่มีอาหารกินกันในฤดูหนาว นี้” “ยังไงเราก็อยู่ไม่ถึงฤดูหนาว” ดรัฟเฟลกล่าว “เราอยู่ไม่ถึงช่วงฟ้ามืด เสียด้วยซ�้า” เรื่องเศร้า เรื่องที่ท�าให้หมดก�าลังใจอย่างแท้จริงก็คือดรัฟเฟลเคย เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีแต่นี่แฟเทรนไม่ได้ยินน้องชายของเขาหัวเราะ มาหลายเดือนแล้ว เสียงหัวเราะของน้องซึ่งเป็นเสียงที่แฟเทรนโปรดปราน มาตลอด
26 Mistborn: The Hero of Ages แม้แต่โรงโม่ของลอร์ดรูเลอร์ก็ยังโม่เสียงหัวเราะไปจากน้องชายเขา ไม่ได้แฟเทรนคิด แต่เวลาสองปีนี้กลับท�าได้ “แฟตส์!” เสียงหนึ่งร้องเรียกมา “แฟตส์!” แฟเทรนเงยขึ้นมองเมื่อเด็กผู้ชายคนหนึ่งตะลีตะลานเลียบแนว ก�าแพงมา พวกเขาเพิ่งสร้างปราการแห่งนี้เสร็จไปหมาดๆ มันเป็นความคิด ของดรัฟเฟลในสมัยที่เจ้าตัวยังไม่ถอดใจจริงๆ เมืองนี้มีประชาชนเจ็ดพันคน ซึ่งท�าให้มันค่อนข้างใหญ่ ต้องใช้แรงกายแรงใจอย่างมากมายในการสร้าง เนินดินล้อมไว้โดยรอบ แฟเทรนมีทหารจริงๆ อยู่แค่หนึ่งพันนาย และมันก็ยากมากในการ รวบรวมทหารให้ได้ขนาดนี้จากประชากรที่น้อยนิดแค่นี้และอาจจะมีผู้ชายอีก หนึ่งพันคนที่ยังเด็กเกินกว่า แก่เกินกว่า หรือขาดทักษะเกินกว่าจะต่อสู้ได้ดี เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่ากองทัพโคลอสใหญ่แค่ไหน แต่มันต้องมีมากกว่าสองพัน ตัวแน่ ก�าแพงเมืองจะมีประโยชน์เพียงน้อยนิด ในที่สุดเด็กชายคนนั้น เจ้าเซฟก็กระหืดกระหอบมาถึงตัวแฟเทรน “แฟตส์!” เซฟร้องขึ้น “มีคนมา!” “ถึงแล้วหรือนี่” แฟเทรนถาม “ดรัฟบอกว่าพวกโคลอสยังอยู่ห่างไป อีกพักหนึ่ง!” “ไม่ใช่โคลอส แฟตส์” เด็กชายบอก “เป็นผู้ชายคนหนึ่ง มาดูเร็ว!” แฟเทรนหันไปหาดรัฟฟ์ซึ่งเช็ดจมูก แล้วยักไหล่ พวกเขาตามเซฟ อ้อมด้านในของก�าแพง บ่ายหน้าสู่ประตูเมืองด้านหน้า ขี้เถ้าและฝุ่นละออง หมุนพลิ้วอยู่บนดินที่อัดแน่น บ้างก็กองอยู่ตามมุมต่างๆ บ้างก็ลอยละล่อง พักนี้ไม่ค่อยมีเวลามาท�าความสะอาดเลย พวกผู้หญิงต้องท�างานในไร่ระหว่าง ที่พวกผู้ชายฝึกต่อสู้และเตรียมการรบ เตรียมการรบ แฟเทรนบอกตัวเองว่าเขามีกองก�าลัง ‘ทหาร’ อยู่ สองพันนาย แต่สิ่งที่เขามีอยู่จริงๆ ก็คือชาวไร่สกาหนึ่งพันคนที่มีดาบ จริงอยู่ พวกเขามีเวลาฝึกกันสองปีแต่พวกเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงๆ น้อย มาก ผู้ชายกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันแถวประตูหน้าโดยยืนอยู่บนก�าแพงดินหรือ
27 Brandon Sanderson ไม่ก็พิงข้างก�าแพง บางทีข้าอาจคิดผิดที่ใช้ทรัพยากรของเราตั้งมากมายไปกับ การฝึกทหาร แฟเทรนคิด ถ้าผู้ชายหนึ่งพันคนนี้ไปท�างานในเหมืองแทน เรา คงมีแร่มาติดสินบนอยู่บ้าง เว้นก็แต่ว่าพวกโคลอสไม่รับสินบนน่ะสิพวกมันฆ่าสถานเดียว แฟเทรนตัวสั่นเมื่อนึกถึงการ์ธวูด เมืองนั้นใหญ่กว่าเมืองของเขาเสียอีก แต่มี คนที่รอดตายและพากันอพยพมาเวติตันไม่ถึงหนึ่งร้อยคน นั่นคือเมื่อ สามเดือนก่อน เขาได้แต่หวังลมๆ แล้งๆ ว่าพวกโคลอสจะพอใจแล้วที่ได้ ท�าลายเมืองนั้น เขาน่าจะรู้ดีกว่านั้น โคลอสไม่เคยพอใจอะไรหรอก แฟเทรนปีนขึ้นไปบนก�าแพง พวกทหารซึ่งสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะชุน ประกอบกับเศษหนังชิ้นเล็กชิ้นน้อยพากันบ่ายหน้ามาหาเขา เขามองเขม้นผ่าน ขี้เถ้าที่โปรยปรายไปยังภูมิประเทศอันมืดมัวซึ่งดูราวกับมีผ้าห่มหิมะผืนหนา สีด�าเคลือบคลุมอยู่ มีคนขี่ม้าลุยเดี่ยวมาทางนี้สวมเสื้อคลุมไหล่สีเข้มแบบมีหมวกคลุม “เจ้าคิดยังไง แฟตส์” ทหารคนหนึ่งถามขึ้น “คนสอดแนมของ โคลอสหรือเปล่า” แฟเทรนหัวเราะออกจมูก “โคลอสไม่ส่งคนสอดแนมมาหรอก โดย เฉพาะแบบที่เป็นมนุษย์” “เขามีม้ามาด้วย” ดรัฟเฟลบอกเสียงฮึดฮัด “เราก�าลังต้องการม้าอีก ตัวอยู่พอดี” เมืองนี้มีม้าแค่ห้าตัว และทุกตัวก็ขาดอาหารกันถ้วนหน้า “พ่อค้า” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ไม่มีสินค้า” แฟเทรนว่า “แล้วก็ต้องเป็นพ่อค้าที่กล้าหาญชาญชัย ด้วยจึงจะเดินทางผ่านพื้นที่แถบนี้ตามล�าพัง” “ไม่เคยเห็นผู้อพยพที่ไหนมีม้ามาด้วย” ทหารอีกคนเอ่ยขึ้น เขาเงื้อ คันธนูพลางมองมาที่แฟเทรน แฟเทรนส่ายหน้า จึงไม่มีใครยิงออกไปในยามที่คนแปลกหน้า คนนั้นขี่ม้าเข้ามาด้วยจังหวะที่ไม่เร่งรีบ เขาหยุดม้าลงหน้าประตูเมืองพอดี แฟเทรนภูมิใจกับประตูสองบานนั้น ประตูไม้ของจริงขนานแท้ซึ่งติดไว้ที่
28 Mistborn: The Hero of Ages ก�าแพงดินทางทิศตะวันออก เขาไปเอาทั้งไม้และหินดีๆ มาจากคฤหาสน์ของ ลอร์ดที่ใจกลางเมือง ลักษณะของคนแปลกหน้าคนนั้นปรากฏให้เห็นน้อยมากภายใต้เสื้อ คลุมไหล่สีทึบตัวหนาที่เจ้าตัวสวมไว้เพื่อกันขี้เถ้า แฟเทรนมองข้ามขอบก�าแพง ดินออกไป พินิจพิเคราะห์คนแปลกหน้าคนนั้น แล้วเหลือบขึ้นมองน้องชาย พลางยักไหล่ ขี้เถ้าโปรยปรายอย่างเงียบๆ คนแปลกหน้ากระโจนจากหลังม้า ฝ่ายนั้นดีดตัวขึ้นราวกับมีแรงขับดันมาจากข้างล่าง เสื้อคลุมปลิว หลุดในยามที่เขาทะยานขึ้น ภายใต้เสื้อคลุมนั้น เขาสวมเครื่องแบบสีขาว กระจ่าง แฟเทรนสบถพลางกระโดดถอยเมื่อคนแปลกหน้าลอยมาเหนือยอด ก�าแพง แล้วร่อนลงบนประตูไม้พอดิบพอดีผู้ชายคนนี้เป็นนักอัลโลแมนซ์ เป็นขุนนาง แฟเทรนอุตส่าห์หวังว่าขุนนางทั้งหมดจะติดอยู่กับการทะเลาะ เบาะแว้งทางตอนเหนือและปล่อยผู้คนของเขาให้อยู่อย่างสงบสุขแท้ๆ เลย หรืออย่างน้อยก็ปล่อยให้พบกับความตายอย่างสงบสุข ผู้มาใหม่หันขวับ เขาไว้เคราสั้นและมีผมสีเข้มที่ตัดเกรียน “เอาละ พวกเรา” เขาเอ่ยขึ้นขณะเดินเอื่อยๆ อยู่บนขอบประตูด้วยการทรงตัวที่เหนือ ธรรมชาติ“เรามีเวลาไม่มากนัก มาลงมือเลยดีกว่า” เขาก้าวจากขอบประตูลง มาบนก�าแพง ดรัฟเฟลชักดาบใส่ผู้มาใหม่ทันที ดาบนั้นสะบัดหลุดจากมือดรัฟเฟล ถูกกระชากไปในอากาศด้วยพลัง ที่มองไม่เห็น คนแปลกหน้าคว้าอาวุธไว้ในตอนที่มันปลิวผ่านหัวเขา แล้วพลิก ดาบไปมา พินิจพิเคราะห์มัน “เหล็กกล้าอย่างดีเลยนะเนี่ย” เขาเอ่ยขึ้นพลาง พยักหน้า “ข้าประทับใจนะ ทหารของพวกเจ้ามีอาวุธดีๆ แบบนี้กี่คน” เขา กลับดาบในมือ แล้วยื่นกลับมาให้ดรัฟเฟลโดยหันด้ามให้ ดรัฟเฟลเหลือบมองแฟเทรนอย่างสับสน “เจ้าเป็นใคร เจ้าคนแปลกหน้า” แฟเทรนเค้นถามด้วยความใจกล้า ที่สุดเท่าที่เขาจะรวบรวมได้เขาไม่ค่อยรู้เรื่องพลังอัลโลแมนซ์ก็จริง แต่เขาก็ ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นมิสต์บอร์น คนแปลกหน้าคนนี้อาจฆ่าทุกคน
29 Brandon Sanderson ที่อยู่บนก�าแพงดินได้ด้วยแค่การคิด คนแปลกหน้าไม่น�าพากับค�าถามนั้น แต่หันไปกวาดตามองตัวเมือง “ก�าแพงนี้ล้อมรอบอาณาเขตทั้งหมดของเมืองใช่ไหม” เขาถามพลางหันไปหา ทหารคนหนึ่ง “เอ่อ...ใช่ขอรับ” ผู้ชายคนนั้นตอบ “มีประตูอยู่กี่ที่” “แค่ที่เดียวขอรับ” “เปิดประตูแล้วพาม้าข้าเข้ามา” ผู้มาใหม่กล่าว “พวกเจ้าคงมีโรงม้า ใช่ไหม” “มีขอรับ” ทหารคนนั้นตอบ หึแฟเทรนคิดอย่างไม่พอใจขณะทหารคนนั้นวิ่งออกไป ผู้มาใหม่ คนนี้รู้วิธีออกค�าสั่งใครต่อใครอย่างชัดเจน ทหารของแฟเทรนไม่หยุดคิดเสีย ด้วยซ�้าว่าเขาก�าลังท�าตามค�าสั่งคนแปลกหน้าคนหนึ่งโดยไม่ขออนุญาตเสีย ก่อน แค่นี้แฟเทรนก็มองเห็นแล้วว่าทหารคนอื่นๆ พากันเหยียดตัวตรงขึ้น เล็กน้อย คลายความระแวดระวังลง ผู้มาใหม่คนนี้พูดจาเหมือนเขาคาดว่าคน อื่นจะเชื่อฟัง และพวกทหารก็ตอบสนองเสียด้วย นี่ไม่ใช่ขุนนางอย่างพวกที่ แฟเทรนรู้จักในสมัยที่เขาเป็นคนรับใช้ประจ�าบ้านในคฤหาสน์ของลอร์ดใน เมือง ผู้ชายคนนี้แตกต่างออกไป คนแปลกหน้ายังคงพินิจพิเคราะห์เมืองต่อไป ขี้เถ้าร่วงใส่เครื่องแบบ สีขาวอันงดงามของเขา แฟเทรนคิดว่ามันน่าเสียดายที่เห็นเสื้อผ้าเช่นนี้ แปดเปื้อน ผู้มาใหม่พยักหน้ากับตัวเอง แล้วตั้งท่าจะไต่ลงไปตามด้านข้างของ ก�าแพง “เดี๋ยว” แฟเทรนร้องเรียก ท�าให้คนแปลกหน้าหยุดชะงัก “เจ้าเป็น ใคร” ผู้มาใหม่หันมา แล้วสบตากับแฟเทรน “ข้าชื่อเอเลนด์ เวนเชอร์ข้า เป็นจักรพรรดิของเจ้า” แค่นั้น ผู้ชายตรงหน้าก็หมุนตัว แล้วเดินลงจากสันก�าแพงต่อไป พวกทหารหลีกทางให้เขาและมีอยู่มากที่ตามหลังเขาไป
30 Mistborn: The Hero of Ages แฟเทรนเหลือบมองน้องชาย “จักรพรรดิอย่างนั้นหรือ” ดรัฟเฟลพึมพ�า แล้วถ่มน�้าลาย แฟเทรนเห็นด้วยกับค�าพูดนั้น จะท�าอย่างไรดีเขาไม่เคยสู้กับนัก อัลโลแมนซ์เสียด้วย เขาไม่แน่ใจด้วยซ�้าว่าจะเริ่มต้นอย่างไร แน่นอนว่า “จักรพรรดิ” ปลดอาวุธดรัฟเฟลได้อย่างง่ายดายทีเดียว “จัดระเบียบผู้คนในเมือง” คนแปลกหน้า เอเลนด์ เวนเชอร์ บอก มาจากข้างหน้า “พวกโคลอสจะมาจากทางเหนือ พวกมันจะไม่สนใจประตู เมือง แต่จะปีนข้ามก�าแพงเข้ามา ข้าอยากให้เด็กกับคนแก่รวมตัวกันอยู่ตอน ใต้สุดของเมือง ให้พวกเขากระจุกอยู่ด้วยกันในอาคารให้น้อยหลังที่สุดเท่าที่ จะเป็นไปได้” “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร” แฟเทรนถามทันควัน เขาจ�้าตาม “จักรพรรดิ” เพราะไม่เห็นว่ามีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ “โคลอสจะอันตรายที่สุดเวลาที่พวกมันบ้าเลือด” เวนเชอร์ตอบขณะ เดินต่อไป “ถ้าพวกมันยึดเมืองนี้ได้เจ้าจะอยากให้พวกมันใช้เวลาค้นหาผู้คน ของเจ้าให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ถ้าความบ้าเลือดของพวกมันซาลงใน ระหว่างที่ค้นหา พวกมันก็จะขัดอกขัดใจ แล้วเปลี่ยนเป็นปล้นสะดมแทน จากนั้นคนของเจ้าก็น่าจะแอบหนีไปได้โดยไม่ถูกไล่ตาม” เวนเชอร์หยุดลง แล้วหันมาสบตากับแฟเทรน สีหน้าของคนแปลกหน้า นั้นดุดันทีเดียว “มันเป็นความหวังอันริบหรี่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย” พูดจบ เขาก็ก้าวต่อไปโดยบ่ายหน้าไปตามถนนสายหลักของเมือง แฟเทรนได้ยินพวกทหารกระซิบกระซาบกันมาจากข้างหลัง พวกเขา ล้วนได้ยินเรื่องราวของผู้ชายที่ชื่อเอเลนด์ เวนเชอร์มาแล้วทั้งสิ้น เขาคือคนที่ กุมอ�านาจในลูธาเดลหลังการตายของลอร์ดรูเลอร์เมื่อกว่าสองปีก่อน ข่าวคราว จากดินแดนทางเหนือนั้นหายากและเชื่อถือไม่ได้แต่ข่าวส่วนใหญ่จะกล่าวถึง เวนเชอร์ เขาฟาดฟันกับคู่แข่งทุกรายจนได้ขึ้นสู่บัลลังก์ถึงกับฆ่าพ่อของ ตัวเองเลยด้วย เขาปิดบังการเป็นมิสต์บอร์นของตัวเองไว้และจงใจแต่งงาน กับผู้หญิงหนึ่งเดียวที่สังหารลอร์ดรูเลอร์แฟเทรนแคลงใจว่าผู้ชายที่มีความ ส�าคัญขนาดนั้น คนที่น่าจะเป็นต�านานมากกว่าเป็นเรื่องจริงจะเดินทางมายัง
31 Brandon Sanderson เมืองอันต�่าต้อยเมืองหนึ่งในเขตปกครองใต้เชียวหรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมา โดยไม่มีผู้ติดตาม แม้แต่เหมืองต่างๆ ก็ไม่มีราคาค่างวดสักเท่าไหร่แล้ว คน แปลกหน้านี่ต้องโกหกแน่ แต่...เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นนักอัลโลแมนซ์... แฟเทรนจ�้าไปให้ทันคนแปลกหน้า เวนเชอร์หรือตัวจริงจะเป็นใคร ก็ตามหยุดลงหน้าสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใจกลางเมือง มันคือส�านักงานเก่า ของกระทรวงเหล็กกล้า แฟเทรนสั่งให้ตีกระดานปิดประตูและหน้าต่างมันเอา ไว้ “เจ้าเจออาวุธพวกนั้นจากในนี้ใช่ไหม” เวนเชอร์ถามพลางหันมาหา แฟเทรน แฟเทรนยืนนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วในที่สุดก็ส่ายหน้า “จากคฤหาสน์ ของท่านลอร์ดน่ะ” “เขาทิ้งอาวุธเอาไว้เนี่ยนะ” เวนเชอร์ถามอย่างประหลาดใจ “เราคิดว่าเขาตั้งใจจะกลับมา” แฟเทรนบอก “พวกทหารที่เขาทิ้งไว้ พากันละทิ้งหน้าที่ไปในที่สุด หันไปอยู่กับกองทัพที่ผ่านมาสักกองทัพแทน พวกเขาหยิบฉวยอะไรก็ได้ที่หอบหิ้วไปด้วยได้เราคุ้ยหาเอาจากที่เหลือ” เวนเชอร์พยักหน้ากับตัวเองพลางลูบคางที่มีเคราขึ้นอย่างครุ่นคิด ขณะจ้องมองอาคารเก่าของกระทรวง มันเป็นอาคารที่สูงใหญ่ ดูทะมึนเป็น ลางร้ายทั้งๆ ที่ไม่มีใครใช้มันแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้“คนของเจ้า ดูจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีข้าไม่คาดคิดมาก่อน พวกเขาคนไหนมี ประสบการณ์ในการรบจริงๆ บ้าง” ดรัฟเฟลพ่นลมออกจมูกอยู่เงียบๆ บ่งบอกว่าเขาคิดว่ามันไม่ใช่ กงการของคนแปลกหน้านี้เลยที่จะมาสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ “คนของเราเคยสู้รบมามากพอที่จะเป็นกลุ่มอันตราย เจ้าคนแปลก หน้า” แฟเทรนบอก “มีพวกอันธพาลที่คิดจะแย่งการปกครองเมืองนี้ไปจาก เรา พวกมันทึกทักว่าเราอ่อนแอและจะยอมศิโรราบให้ง่ายๆ” ถ้าคนแปลกหน้ามองว่าถ้อยค�าเหล่านี้เป็นค�าขู่ เขาก็ไม่แสดงออกมา ให้เห็น เขาแค่พยักหน้า “พวกเจ้าคนไหนเคยสู้กับโคลอสมาบ้าง”
32 Mistborn: The Hero of Ages แฟเทรนสบตากับดรัฟเฟล “คนที่สู้กับโคลอสไม่มีใครรอดมาได้ หรอก เจ้าคนแปลกหน้า” เขาตอบไปในที่สุด “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง” เวนเชอร์กล่าว “ข้าคงตายไปเป็นสิบครั้งแล้ว” เขาหันไปเผชิญหน้ากับทหารและชาวเมืองที่ฝูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ “ข้าจะสอนวิธี สู้กับโคลอสให้พวกเจ้าเท่าที่จะสอนได้แต่เรามีเวลาไม่มากนัก ข้าอยากให้ นายกองและนายหมู่ไปรวมตัวกันที่ประตูเมืองภายในสิบนาทีส่วนทหาร ธรรมดาให้ไปตั้งแถวตามแนวก�าแพง ข้าจะสอนกลเม็ดสองสามอย่างให้กับ นายหมู่และนายกอง แล้วให้พวกเขาเอาไปสอนคนของตัวเองต่อ” ทหารบางคนเคลื่อนไปท�าตามนั้น แต่ส่วนใหญ่ปักหลักอยู่กับที่ซึ่ง ต้องยกความดีความชอบให้พวกเขา ผู้มาใหม่ดูจะไม่ขุ่นเคืองที่พวกเขาไม่ยอม ท�าตามค�าสั่ง เขาแค่ยืนอยู่เงียบๆ มองไปยังฝูงคนที่ติดอาวุธ เขาไม่ได้ดูหวาด กลัวหรือโกรธขึ้ง หรือไม่พอใจเลย เขาแค่ดู...สง่าผ่าเผย “ท่านลอร์ด” ทหารคนหนึ่งถามขึ้นในที่สุด “ท่าน...น�ากองทัพมาช่วย เราหรือเปล่า” “ที่จริงข้าน�ามาสองนะ” เวนเชอร์ตอบ “แต่เราไม่มีเวลารอพวกเขา น่ะสิ” เขาสบตากับแฟเทรน “เจ้าเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากข้า และในฐานะนายเหนือหัวของเจ้า ข้าจึงมาเพื่อมอบความช่วยเหลือนั้น เจ้ายัง ต้องการมันอยู่หรือเปล่า” แฟเทรนนิ่วหน้า เขาไม่เคยขอความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนี้หรือจาก ลอร์ดคนไหนๆ เขาอ้าปากจะปฏิเสธ แต่แล้วก็ชะงักไป เขาจะให้ข้าเสแสร้งว่า ข้าส่งจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากเขา แฟเทรนคิด ถ้าท�าเหมือนนี่เป็น ส่วนหนึ่งของแผนการมาโดยตลอด ข้าก็จะมอบการเป็นผู้น�าให้เขาได้โดยไม่ ดูเหมือนคนล้มเหลว เราก�าลังจะตายอยู่รอมร่อ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของผู้ชาย คนนี้ข้าแทบจะเชื่อได้เลยว่าเรามีโอกาสรอด “ข้า...ไม่คาดว่าท่านจะมาตามล�าพัง ท่านลอร์ด” แฟเทรนพบว่าตัว เองพูดออกไปเช่นนี้“ข้าประหลาดใจที่เห็นท่าน” เวนเชอร์พยักหน้า “นั่นก็เข้าใจได้มาเถอะ มาคุยเรื่องกลยุทธ์กัน
33 Brandon Sanderson ในระหว่างที่ทหารของเจ้าไปรวมพล” “ได้ขอรับ” แฟเทรนตอบ แต่ขณะที่เขาก้าวออกไป ดรัฟเฟลก็คว้า แขนเขาไว้ “เจ้าจะท�าอะไรน่ะ” น้องชายเขาถามผ่านไรฟัน “เจ้าส่งข้อความไปหา ผู้ชายคนนี้อย่างนั้นหรือ ข้าไม่เชื่อ” “รวบรวมทหาร ดรัฟฟ์” แฟเทรนสั่ง ดรัฟเฟลยืนนิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วสบถเบาๆ ก่อนจะเดินตึงๆ ออก ไป ดูแล้วเหมือนเขาไม่คิดจะไปรวบรวมพวกทหาร ฉะนั้น แฟเทรนจึงโบกมือ ให้นายกองสองคนของเขาเป็นคนจัดการ พอเรียบร้อยแล้ว เขาจึงไปสมทบ กับเวนเชอร์ ทั้งสองเดินกลับไปทางประตูเมืองโดยที่เวนเชอร์สั่งทหารสองสาม นายให้เดินน�าหน้าพวกเขาและคอยกันคนออกไปเพื่อให้เขากับแฟเทรนได้คุย กันเป็นส่วนตัวขึ้น ขี้เถ้ายังคงร่วงหล่นจากฟากฟ้า จับท้องถนนจนเป็นสีด�ามืด บ้างก็กองอยู่บนอาคารชั้นเดียวเตี้ยๆ ของเมือง “ท่านเป็นใคร” แฟเทรนถามขึ้นเบาๆ “ข้าก็คือคนที่ข้าบอกไป” เวนเชอร์ตอบ “ข้าไม่เชื่อ” “แต่เจ้าก็เชื่อใจข้า” เวนเชอร์กล่าว “ไม่ ข้าแค่ไม่อยากโต้เถียงกับนักอัลโลแมนซ์” “นั่นก็ดีพอแล้ว ส�าหรับตอนนี้นะ” เวนเชอร์ว่า “ฟังนะ สหาย เจ้ามี กองทัพโคลอสหนึ่งหมื่นตัวยกขบวนมายังเมืองของเจ้า เจ้าต้องการความช่วย เหลือใดๆ ก็ตามที่เจ้าจะหาได้” หนึ่งหมื่นตัวเลยหรือ แฟเทรนคิดอย่างตะลึงงัน “ขอเข้าใจว่าเจ้าเป็นคนดูแลเมืองนี้ถูกไหม” เวนเชอร์ถาม แฟเทรนสลัดความงงงันของตัวเองทิ้งไป “ใช่” เขาตอบ “ข้าชื่อ แฟเทรน” “เอาละ ลอร์ดแฟเทรน เรา…” “ข้าไม่ใช่ลอร์ด” แฟเทรนว่า “อ๋อ เจ้าเพิ่งจะได้เป็นน่ะ” เวนเชอร์ตอบ “ไว้เจ้าค่อยเลือกนามสกุล
34 Mistborn: The Hero of Ages ทีหลังก็แล้วกัน เอาละ ก่อนที่เราจะไปต่อ เจ้าต้องรู้ถึงเงื่อนไขของข้าในการ ช่วยเหลือเจ้า” “เงื่อนไขแบบไหน” “แบบที่ต่อรองไม่ได้” เวนเชอร์ตอบ “ถ้าเราชนะ เจ้าจะสาบานตนว่า จะสวามิภักดิ์ต่อข้า” แฟเทรนหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางหยุดลงกลางถนน ขี้เถ้าร่วงลงมารอบ ตัวเขา “แบบนี้เองสินะ ท่านเยื้องกรายเข้ามาก่อนการสู้รบ อ้างตนว่าเป็นลอร์ด สูงส่งอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ความดีความชอบในชัยชนะของเราอย่าง นั้นใช่ไหม ท�าไมข้าจึงควรจะสาบานตนว่าจะสวามิภักดิ์ต่อผู้ชายที่ข้าเพิ่งเจอ หน้าเพียงสองสามนาทีด้วย” “เพราะถึงเจ้าไม่ท�าเช่นนั้น” เวนเชอร์ตอบเบาๆ “ข้าก็จะยึดอ�านาจไป อยู่ดี” ว่าแล้วเขาก็เดินต่อ แฟเทรนยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็จ�้าไปจนทันเวนเชอร์ “อ๋อ เข้าใจ ละ ต่อให้เรารอดจากการสู้รบครั้งนี้เราก็จะลงเอยด้วยการตกอยู่ใต้อาณัติ ของทรราชสินะ” “ใช่” เวนเชอร์ตอบ แฟเทรนนิ่วหน้า เขาไม่คาดว่าผู้ชายคนนี้จะโผงผางขนาดนี้ เวนเชอร์ส่ายหน้าขณะเพ่งมองเมืองผ่านขี้เถ้าที่โปรยปราย “ข้าเคย คิดว่าข้าท�าอะไรๆ ในแบบที่แตกต่างออกไปได้และข้าก็ยังคงเชื่อว่าข้าจะ สามารถท�าเช่นนั้นได้ในวันหนึ่ง แต่ส�าหรับตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือก ข้าต้องการ ทหารของเจ้าและข้าก็ต้องการเมืองของเจ้าด้วย” “เมืองของข้าหรือ” แฟเทรนถาม หน้านิ่วคิ้วขมวด “ท�าไมล่ะ” เวนเชอร์ชูนิ้วขึ้น “เราต้องรอดจากการสู้รบครั้งนี้ก่อน” เขาตอบ “แล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่นทีหลัง” แฟเทรนหยุดไป แล้วเขาก็ประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าเขาเชื่อใจคน แปลกหน้าคนนี้จริงๆ เขาอธิบายไม่ถูกว่าท�าไมเขาจึงรู้สึกเช่นนี้นี่คือผู้ชายที่ คนต้องเดินตาม คือผู้น�าแบบที่แฟเทรนอยากเป็นมาตลอด เวนเชอร์ไม่รอให้แฟเทรนตอบตกลงกับ ‘เงื่อนไข’ เหล่านั้น มันไม่ใช่
35 Brandon Sanderson ข้อเสนอ แต่เป็นค�าขาด แฟเทรนจ�้าให้ทันเวนเชอร์อีกครั้งเมื่อฝ่ายนั้นเข้าสู่ จัตุรัสขนาดเล็กหน้าประตูเมือง พวกทหารพลุกพล่านไปหมด ไม่มีใครสวม เครื่องแบบ วิธีเดียวที่พวกเขาแยกแยะนายกองกับทหารธรรมดาได้ก็คือแถบ สีแดงที่รัดอยู่ตรงแขนข้างหนึ่ง เวนเชอร์ให้เวลาพวกเขารวมพลกันไม่มากนัก แต่นั่นแหละ พวกเขาต่างก็รู้ว่าเมืองนี้ก�าลังจะถูกโจมตีพวกเขาจึงมารวมตัว กันอยู่แล้ว “เวลามีน้อย” เวนเชอร์กล่าวซ�้าด้วยเสียงอันดังก้อง “ข้าสอนเจ้าได้ แค่สองสามอย่าง แต่มันจะสร้างความแตกต่างได้” “โคลอสมีขนาดหลากหลายตั้งแต่ตัวเล็กซึ่งสูงราวห้าฟุตไปจนถึง ตัวใหญ่ซึ่งสูงราวสิบสองฟุต ถึงอย่างนั้น แม้แต่พวกตัวเล็กก็ยังแข็งแกร่ง กว่าพวกเจ้า จงคาดการณ์ไว้เช่นนี้ โชคดีที่ตัวพวกนั้นต่อสู้โดยไม่มีการ ประสานงานกัน ถ้าเพื่อนโคลอสสักตัวก�าลังตกที่นั่งล�าบาก มันจะไม่ร้องขอ ให้ช่วยเสียด้วยซ�้า “พวกมันโจมตีแบบตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม และพยายามจะ ใช้ก�าลังลุ่นๆ ในการเอาชนะ อย่ายอมให้พวกมันท�าเช่นนั้น! บอกคนของเจ้า ให้รวมตัวกันรุมโคลอสตัวเดี่ยวๆ สองคนต่อตัวเล็กหนึ่งตัว สามหรือสี่คนต่อ ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เราจะตรึงแนวหน้าได้ไม่มากนัก แต่มันจะท�าให้เรารอดไปได้ นานที่สุด” “อย่ากังวลกับตัวประหลาดที่ฝ่าแนวหน้าของเราเข้าไปในตัวเมืองได้ เราจะพาพลเรือนไปซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของเมือง และโคลอสที่ฝ่าแนวมา ได้ก็อาจหันมาปล้นสะดมแทน ปล่อยให้ตัวอื่นๆ ต่อสู้ไป นั่นคือสิ่งที่เรา ต้องการ! อย่าไล่ตามพวกมันเข้าไปในเมือง ครอบครัวของพวกเจ้าจะ ปลอดภัย” “ถ้าพวกเจ้าสู้กับโคลอสตัวใหญ่ ให้โจมตีที่ขา ท�าให้มันล้มลงก่อนที่ เจ้าจะลงมือฆ่า ถ้าพวกเจ้าสู้กับตัวเล็ก จงท�าให้แน่ใจว่าดาบหรือหอกของพวก เจ้าไม่ไปติดแหง็กอยู่ในผิวหนังย้วยๆ ของพวกมัน จงเข้าใจว่าโคลอสไม่ได้ โง่ พวกมันแค่ซื่อ คาดเดาได้พวกมันจะเล่นงานเจ้าด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่ จะเป็นไปได้และโจมตีในแบบที่ตรงไปตรงมาที่สุด”
36 Mistborn: The Hero of Ages “สิ่งส�าคัญที่สุดที่พวกเจ้าจะต้องเข้าใจก็คือพวกมันพ่ายแพ้ได้และ วันนี้เราจะท�าให้เป็นเช่นนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองครั่นคร้าม! สู้โดยประสานงาน กัน มีสติเอาไว้ข้าสัญญาว่าเราจะรอด” พวกนายกองยืนกระจุกกันเป็นกลุ่มเล็กๆ มองไปยังเวนเชอร์พวกเขา ไม่ได้ไชโยโห่ร้องกับสุนทรพจน์นั้น แต่พวกเขาดูจะมั่นใจมากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเพื่อน�าค�าแนะน�าของเวนเชอร์ไปถ่ายทอดแก่คนของ ตัวเอง แฟเทรนเดินเข้าไปหาจักรพรรดิเงียบๆ “ถ้าจ�านวนของท่านถูกต้อง พวกมันมีมากกว่าเราแบบห้าต่อหนึ่งเลยนะ” เวนเชอร์พยักหน้า “พวกมันใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า และฝึกมาดีกว่าเรา” เวนเชอร์พยักหน้าอีกครั้ง “งั้นเราก็จบเห่แล้วละ” ในที่สุดเวนเชอร์ก็มองมาที่แฟเทรนพลางท�าหน้านิ่วคิ้วขมวด ขี้เถ้า สีด�าจับอยู่บนไหล่ทั้งสองข้าง “เจ้าไม่ได้จบเห่ เจ้ามีบางอย่างที่พวกมันไม่มี เป็นอะไรที่ส�าคัญมาก” “อะไรหรือ” เวนเชอร์สบตาเขา “เจ้ามีข้าไง” “ท่านลอร์ดจักรพรรดิ!” เสียงหนึ่งร้องเรียกมาจากยอดก�าแพง “เห็น โคลอสแล้ว!” พวกเขาเรียกคนผู้นี้ก่อนข้าเสียแล้ว แฟเทรนคิด เขาไม่แน่ใจว่าจะ รู้สึกเหมือนโดนดูถูกหรือจะประทับใจดี เวนเชอร์กระโจนขึ้นไปบนก�าแพงทันทีโดยใช้พลังอัลโลแมนซ์พา ตัวเองข้ามพื้นที่ด้วยการกระโดดอย่างว่องไวเพียงครั้งเดียว ทหารส่วนใหญ่คู้ตัว หรือไม่ก็แอบอยู่หลังยอดก�าแพง ท�าตัวให้ไม่เป็นที่สังเกตทั้งๆ ที่ศัตรูยังอยู่ไกล อย่างไรก็ตาม เวนเชอร์กลับยืนตระง่านอยู่ในเสื้อคลุมไร้แขนและเครื่องแบบ สีขาวพลางป้องตาและเขม้นมองไปที่ขอบฟ้า “พวกมันก�าลังตั้งค่าย” เขาบอกยิ้มๆ “ดีลอร์ดแฟเทรน เตรียม
37 Brandon Sanderson ก�าลังพลไปโจมตีได้เลย” “โจมตีหรือ” แฟเทรนถามขณะตะกายขึ้นไปอยู่หลังเวนเชอร์ จักรพรรดิพยักหน้า “พวกโคลอสจะเหนื่อยจากการยกทัพและจะมัว แต่ยุ่งกับการตั้งค่าย เราจะไม่มีวันมีโอกาสที่ดีกว่านี้ในการโจมตีพวกมันอีก แล้ว” “แต่เราเป็นฝ่ายตั้งรับนะ!” เวนเชอร์ส่ายหน้า “ถ้าเราเอาแต่รอ พวกมันจะลุกขึ้นมาบ้าเลือดใน ท้ายที่สุด แล้วก็มารบกับเรา เราต้องโจมตีแทนที่จะรอโดนสังหารหมู่” “แล้วก็ละทิ้งก�าแพงเมืองน่ะหรือ” “ปราการนี้น่าประทับใจมาก ลอร์ดแฟเทรน แต่สุดท้ายมันจะ ไร้ประโยชน์ เจ้าไม่มีก�าลังคนมากพอที่จะปกป้องทั่วทั้งก�าแพง และโดยรวม แล้วพวกโคลอสก็สูงใหญ่กว่าและมั่นคงกว่ามนุษย์ พวกมันจะยึดก�าแพงเมือง ไปจากเจ้า แล้วชิงความเป็นต่อขณะรุกเข้ามาในเมือง” “แต่…” เวนเชอร์มองมาที่เขา ดวงตาสงบนิ่ง แต่สายตาหนักแน่นและ คาดหวัง ข้อความนั้นเรียบง่าย ตอนนี้ข้าเป็นคนคุม จะไม่มีการโต้แย้งอีก ต่อไป “ขอรับ ท่านลอร์ด” แฟเทรนกล่าว แล้วตะโกนเรียกคนส่งสารให้ ถ่ายทอดค�าสั่งต่อไป เวนเชอร์ยืนมองเด็กหนุ่มเดินสารเหล่านั้นปราดออกไป ดูเหมือนจะ มีความสับสนอยู่บ้างในหมู่พวกเขา พวกเขาไม่คาดฝันว่าจะเป็นฝ่ายโจมตีมี สายตาเบนมาจับจ้องเวนเชอร์มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขายืนตระหง่านอยู่บน ก�าแพงเมือง เขาดูเหมือนจักรพรรดิจริงๆ แฟเทรนคิดอย่างไม่ตั้งใจ ค�าสั่งถูกถ่ายทอดไปตามล�าดับ เวลาผ่านไป ในที่สุดกองทัพทั้ง กองทัพก็มองมาเป็นตาเดียว เวนเชอร์ชักดาบออก แล้วชูสูงไปยังท้องฟ้าที่ กระจัดกระจายไปด้วยขี้เถ้า จากนั้นเขาก็ทะยานลงจากก�าแพงด้วยการกระโจน อย่างว่องไวเหนือมนุษย์แล้วพุ่งสู่ค่ายของพวกโคลอส
38 เขาวิ่งตามล�าพังอยู่ชั่วขณะ จากนั้นแฟเทรนก็ท�าให้ตัวเองประหลาด ใจด้วยการกัดฟันข่มอาการขวัญหนีดีฝ่อ แล้วตามเขาไป ก�าแพงเมืองระเบิดไปด้วยความเคลื่อนไหว พวกทหารพุ่งทะยาน พลางร้องตะโกนไปด้วยกัน วิ่งไปสู่ความตายพร้อมด้วยอาวุธที่ชูสูง