หนว่ ยที่ 2
รปู แบบของธรุ กิจ
Types of Business
นางกิตติมา คงโต
วทิ ยาลยั ชุมชนระนอง สถาบนั วทิ ยาลยั ชุมชน
สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
32
สาระสำคญั
การประกอบธุรกิจมีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะสำคัญ องค์ประกอบ ข้อดีและ
ข้อเสีย รวมถึงข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องแตกต่างกัน ก่อนที่ผู้ประกอบธุรกิจจะตัดสินใจ
เลือกดำเนินธุรกิจ จะต้องพิจารณาและตัดสินใจได้ว่า ธุรกิจรูปแบบใดที่เหมาะกับกิจการของตน
โดยการศึกษารูปแบบของธุรกิจ ท้ังธุรกิจรูปแบบกิจการเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด
สหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ ก่อนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการเลือกรูปแบบธุรกิจที่ตรงกับ
วตั ถปุ ระสงค์ ความต้องการและเพื่อใหธ้ รุ กิจน้ันประสบผลสำเรจ็ ตามเป้าหมาย นำมาซึง่ ผลกำไรสงู สุด
สาระการเรยี นรู้
1. ปัจจัยทตี่ ้องนำพิจารณาในการเลือกรูปแบบธรุ กิจ
2. รปู แบบของธุรกิจ
3. ภาษีและขอ้ กำหนดทีเ่ กี่ยวกบั การประกอบธรุ กิจ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. นักศึกษาสามารถบอกปจั จัยที่ต้องนำพิจารณาในการเลือกรูปแบบธุรกิจได้
2. นักศึกษาสามารถอธิบายลกั ษณะรปู แบบของธรุ กจิ แตล่ ะประเภทได้
3. นกั ศึกษาสามารถอธิบายลกั ษณะภาษแี ละข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจกิจได้
วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอน
วิธีการสอน
1. วิธกี ารสอนแบบบรรยายและอภิปรายซักถาม
2. วิธีการแบ่งกลมุ่ ศึกษาค้นคว้าและรายงานกล่มุ
3. วิธกี ารสอนแบบทำงานเปน็ ทีม
กิจกรรมการเรียนการสอน
1. แนะนำชี้แจงเกี่ยวกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ และสาระการเรียนในหน่วยที่ 2
2. นำเสนอส่ือ Power point เนื้อหาหน่วยที่2 รูปแบบของธุรกิจ โดยใช้เอกสารประกอบ
การสอนประกอบ พร้อมท้ังให้นกั ศึกษาจดบันทึก
หนว่ ยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
33
3. แบง่ กลมุ่ นักศึกษาใหม้ ีจำนวนสมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ใกลเ้ คียงกัน แลว้ มอบหมายใหน้ ักศึกษา
ค้นคว้าเนื้อหาลว่ งหน้าจากเอกสารการสอน และเอกสารตำราทีเ่ กีย่ วข้อง นำเสนอรายงานการค้นคว้า
ในชว่ั โมงสอน
4. ใหน้ กั ศึกษาทำแบบฝึกหัดเป็นการบ้านเป็นรายบคุ คล
สือ่ การเรียนการสอน
1. Power Point ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์พกพา พร้อมเครือ่ งฉาย LCD Projector
2. เอกสารประกอบการสอน และเอกสารตำราทีเ่ กีย่ วข้อง
การวัดและประเมนิ ผล
1. สังเกตและบนั ทึกผลจากพฤติกรรมความสนใจ และการมีส่วนรว่ มในช้ันเรียน
2. สังเกตและบันทึกผลการมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกลุ่ม การทำกิจกรรมการเรียน
การสอน การตอบคำถามในขณะที่มกี ารอภิปรายและซักถาม
3. สงั เกตและบันทึกผลการนำไปใช้ในการทำแบบฝึกหดั
4. ตรวจผลงานที่ได้รับมอบหมายจากการทำแบบฝึกหัด
5. ประเมนิ ผลจากการสอบกลางภาคเรียนและปลายภาคเรียน
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
34
รูปแบบของธรุ กิจ
บทนำ
การประกอบธุรกิจดำเนินการได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจการค้า
หรือธุรกิจบริการ ท้ังโดยบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของกิจการโดยลำพัง หรืออาจดำเนินการ
โดยร่วมลงทุนกับบุคคลอ่ืนเป็นกลุ่มคณะก็ได้ การประกอบธุรกิจแต่ละรูปแบบย่อมมีข้อดีและ
ข้อเสียแตกต่างกัน ดังน้ันผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจควรจะต้องศึกษาและเลือกรูปแบบที่จะ
ดำเนินธุรกิจที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้
ธรุ กิจที่ต้ังข้ึนเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตรงตามเป้าหมาย
1. ปจั จัยทต่ี ้องพจิ ารณาในการเลือกรูปแบบธรุ กจิ
การเลือกรูปแบบในการประกอบธุรกิจที่ถูกต้องและเหมาะสม ถือว่าเป็นก้าวแรกและ
เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจประสบความสำเร็จ รูปแบบของการประกอบธุรกิจ
แต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังน้ันผู้ประกอบธุรกิจควรพิจารณาเลือกรูปแบบที่
สอดคล้อง เหมาะสมและตรงกบั วตั ถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจยั ที่ใช้พจิ ารณาในการเลือกรูปแบบของธุรกิจ มีดงั ต่อไปนี้
1. ความยากง่ายของการก่อตั้ง
ความยากงา่ ยของการก่อตั้งธุรกิจ เป็นปัจจยั ทีส่ ำคัญทีต่ ้องนำมาพิจารณา การประกอบ
กิจการเจ้าของคนเดียว เป็นรูปแบบของธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน ก่อต้ังได้ง่าย กฎหมายไม่เข้มงวดเหมือน
ธรุ กิจรปู แบบอน่ื อตั ราคา่ ธรรมเนียมตา่ ง ๆ ที่จะต้องเสยี ใหร้ ัฐกน็ ้อยกวา่ รูปแบบอ่นื
2. ขอบเขตของความรบั ผิดชอบในหนี้
ความรับผิดชอบต่อหนี้สินของผู้ประกอบการมีขอบเขตจำกัด หรือไม่จำกัดขึ้นอยู่กับ
ประเภทของธุรกิจที่ดำเนินการ ถ้าเป็นธุรกิจเจ้าของคนเดียวต้องรับผิดหนี้สินของกิจการท้ังหมด
เพียงคนเดียว แต่ถ้าธุรกิจที่มีผู้ประกอบการหลายคนก็จะแบ่งกระจายความรับผิดชอบทุกคน
และถึงแม้ว่าแต่ละคนอาจไมร่ ับชอบไม่เทา่ กัน แตช่ ่วยทำให้ขอบเขตความรบั ผิดในหนแี้ คบลง
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
35
3. ความคลอ่ งตัวในการดำเนินงาน
ความคล่องตัวในการดำเนินงานของธุรกิจรูปแบบเจ้าของคนเดียวมีความคล่องตัวสูง
เนื่องจากตัดสินใจคนเดียว เพราะเป็นเจ้าของทุน และมีส่วนได้เสียโดยตรงต่อความสำเร็จและ
ความล้มเหลวของธุรกิจเพียงคนเดียว ดังนั้นการเปล่ียนแปลงใด ๆ ย่อมจะได้รับการพิจารณา
อยา่ งรอบคอบ
4. ความสามารถในการเพิ่มทนุ ขยายกิจการ
ความสามารถในการจัดหาเงินทุนเป็นปัจจัยที่สำคัญ เพราะการพิจารณาให้เครดิต
จะดูจากความน่าเชื่อถือของรูปแบบธุรกิจ ความสามารถของผู้ประกอบการ และความต่อเน่ือง
ของกิจการในระยะยาว กิจการทีม่ ีรปู แบบเป็นนิติบุคคลจะมคี วามน่าเชือ่ ถอื มากกวา่
5. สทิ ธิในการควบคุมการดำเนินงานของธรุ กิจ
ธุรกิจรูปแบบเจ้าของคนเดียว ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิในการควบคุมการดำเนินงาน
มากกว่าธุรกิจรูปแบบอน่ื ๆ เนือ่ งจากเจา้ ของเป็นผู้บริหารกิจการเอง สำหรับธุรกิจรูปแบบบริษัท
จำกัดจะมีผู้บริหาร ซึ่งอาจจะได้รับการว่าจ้าง เข้ามาบริหารกิจการแทนผู้ถือหุ้น ทำให้สิทธิในการ
ควบคมุ การดำเนินงานของผู้ถอื หุ้นมีจำกดั
6. การรกั ษาความลับ
ธรุ กิจรูปแบบเจ้าของคนเดยี วสามารถเก็บรกั ษาความลับได้ดี เนอ่ื งจากเปน็ ผู้บริหาร
เพียงคนเดียว แต่ถ้าเป็นธุรกิจรูปแบบอ่ืน เช่น บริษัทจำกัด จะมีผู้บริหารหลายคนและถ้าเป็น
บริษัทมหาชนจะต้องเปิดเผยผลการดำเนินงานต่อสาธารณชน
7. ความมีอสิ ระจากการควบคุมโดยรฐั
ธรุ กิจรูปแบบเจ้าของคนเดียวจะมีอิสระจากการควบคุมโดยรัฐมากที่สุด ธุรกิจรูปแบบ
บริษัทจำกัดจะมีอิสระจากการควบคุมน้อยที่สุด เพราะการดำเนินการของบริษัทจำกัดมีผลกระทบ
ถึงคนจำนวนมากกวา่
8. ปจั จัยดา้ นกฎหมาย
การดำเนินธุรกิจบางอย่างจะมีข้อจำกัดด้านกฎหมายซึ่งทำใหไ้ มส่ ามารถเลอื กรปู แบบ
ธุรกิจได้ เช่น กฎหมายบัญญัติให้การดำเนินการเกี่ยวกับธนาคารและการขุดเจาะน้ำมันจะต้อง
จดทะเบียนในรปู บริษัทจำกัด ไม่อาจจดทะเบียนในรปู ร้านค้าเอกชนและหรือหา้ งหนุ้ สว่ นได้
9. ความมน่ั คงและความตอ่ เนอ่ื งของการดำเนินงาน
ความมั่นคงและความต่อเนื่องของการดำเนินงาน จะมีมากน้อยแตกต่างกัน ในแต่ละ
รูปแบบของธุรกิจ ซึ่งการประกอบธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียวจะเรียบง่าย มีความมั่นคงและความ
ต่อเนื่องของการดำเนินงานน้อยที่สุด เนื่องจากมีขอบเขตจำกัดโดยจะส้ินสุดลงตามสภาวะของ
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
36
ผู้ประกอบการ สำหรับหา้ งหนุ้ สว่ นจะขนึ้ อยกู่ ับอายุของหนุ้ ส่วน ซึง่ ตา่ งจากบริษทั จำกัดที่สามารถจะ
ดำเนินงานอยไู่ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนือ่ งตลอดไป
10. ปจั จยั ดา้ นภาษี
ปัจจัยด้านภาษีเป็นอีกปัจจัยที่จะต้องพิจารณา ธุรกิจในรูปของบริษัทจำกัดจะต้อง
เสียภาษีซ้ำซ้อนและเสยี ภาษีทกุ ครึง่ ปี ขณะทีธ่ รุ กิจแบบเจ้าของคนเดียวเสยี ภาษีแบบเงนิ ได้บคุ คล
ธรรมดา อย่างไรก็ดีในองค์รูปร้านค้าเอกชนนี้ ถ้าช่วงรายได้พึงประเมินอยู่ในระดับสูงอาจจะ
เสียเปรียบธุรกิจในรูปบริษัทจำกัดได้ เพราะต้องเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า ดังนั้นผู้ประกอบการ
ธุรกิจจึงควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นก่อน โดยการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย
ความได้เปรียบเสียเปรียบ ของแตล่ ะปัจจัยกอ่ นทีจ่ ะตดั สินใจเลอื กรูปแบบธรุ กิจที่เหมาะสมที่สุด
จากปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกรูปแบบธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า องค์กรธุรกิจ
แต่ละรูปแบบมีลักษณะเด่นและด้อยที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการ หรือเจ้าของ
กิจการจะให้ความสำคัญกับลักษณะเด่นเร่ืองใดมากที่สุด ได้แก่ การพิจารณาถึงความยากง่าย
ของการก่อตั้ง,ขอบเขตของความรับผิดชอบในหนี้,ความคล่องตัวในการดำเนินงาน, ความสามารถ
ในการเพิ่มทุนขยายกิจการ, สิทธิในการควบคุมการดำเนินงานของธุรกิจการรักษาความลับ,
ความมีอิสระจากการควบคุมโดยรัฐ, ความม่ันคงและความต่อเนื่องของการดำเนินงาน, ปัจจัย
ดา้ นกฎหมาย, ความม่ันคงและความต่อเน่ืองของการดำเนินงาน,ปัจจัยด้านภาษี และยังมีปัจจัย
อ่ืนอีกหลายประการ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดต้ัง ความเคร่งครัดในการโอนผลประโยชน์ในกิจการ
ให้แก่บุคคลอ่ืน การเลิกกิจการ เป็นต้น ในอันที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกรูปแบบของ
องค์กรธุรกิจที่จะตอบสนองความต้องการสูงสุดของผู้ประกอบการ รวมทั้งเป็นส่วนช่วยให้กิจการ
ประสบความสำเรจ็ อีกดว้ ย
2. รูปแบบของธรุ กิจ
2.1 กิจการเจา้ ของคนเดียว (Sole Proprietorship)
กิจการเจ้าของคนเดียวเป็นรูปแบบธุรกิจที่เก่าแก่ที่สุดและยังเป็นที่นิยมแพร่หลาย
ธุรกิจรูปแบบนี้เจ้าของจะเป็นผู้ควบคุม บริหารงานและดำเนินงานเองท้ังหมด โดยการ
นำทรพั ย์สนิ สว่ นตวั หรือจากเครือญาติ เพือ่ นฝงู จากสถาบนั การเงินมาลงทนุ ดังน้ันกิจการเจ้าของ
คนเดียวมักจะเป็นธุรกิจที่มีเงินทุนดำเนินการไม่มาก มีขอบเขตของการดำเนินธุรกิจค่อนข้างจำกัด
ไม่ซับซ้อน มีความคล่องตัวสูง กิจการมีขนาดเล็กกว่าธุรกิจประเภทอ่ืนเมื่อกิจการประสบ
ผลสำเร็จมีผลกำไร ก็จะได้รับผลประโยชน์เพียงคนเดียว ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับความ
เสี่ยงจากการขาดทุนเพียงคนเดียวเช่นกัน ตัวอย่างกิจการประเภทนี้ เช่น ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง
ร้านเสริมสวย ร้านตดั เยบ็ เสอื้ ผา้ ร้านอาหาร คลินิก เปน็ ต้น
หนว่ ยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
37
ลักษณะของธรุ กิจรูปแบบกิจการเจา้ ของคนเดียว
1. มีเจ้าของกิจการเพียงคนเดียว ใช้เงินลงทนุ น้อย
2. เจ้าของกิจการรับผิดชอบในหนี้สินทั้งหมดไม่จำกัดจำนวน เจ้าหนี้มีสทิ ธิเรียกร้อง
เอาทรพั ยส์ ินของเจ้าของได้ ถ้าทรพั ย์สินของกิจการไม่เพียงพอชำระหนี้
3. เจ้าของกิจการไดร้ ับผลตอบแทนจากการลงทุนท้ังผลกำไรและผลขาดทุนเพียงคนเดยี ว
4. การควบคมุ การดำเนินงานโดยเจ้าของกิจการคนเดียว
กิจการในลักษณะนี้ หากเข้าข่ายเป็นกิจการตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์
พ.ศ. 2499 กำหนดใหต้ ้องจดทะเบียน โดยเจ้าของกิจการจะต้องยื่นจดทะเบียนพาณิชย์ ภายใน 30 วัน
นับแตว่ นั ทีไ่ ด้เริม่ ประกอบกจิ การ
การจดทะเบียนพาณิชย์
กิจการทีต่ ้องจดทะเบียนพาณิชย์
1. กิจการโรงสขี ้าว และโรงเลอ่ื ยที่ใช้เครือ่ งจกั ร
2. กิจการขายสินค้าไม่ว่าอย่างใด ๆ อย่างเดียวหรือหลายอย่าง คิดรวมท้ังส้ิน
ในวันหนึ่งขายได้เป็นเงินตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป หรือมีสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อขายมีค่ารวมทั้งส้ินเป็นเงิน
ต้ังแต่ 500 บาทขนึ้ ไป
3. นายหน้าหรือตัวแทนค้าต่าง ๆ ซึ่งทำการเกี่ยวกับสินค้าไม่ว่าอย่างใด ๆ
อย่างเดียวหรือหลายอย่างก็ตาม และสินค้าน้ันมีคา่ รวมท้ังส้นิ ในวันหนึ่งวันใดเป็นเงินต้ังแต่ 20 บาท
ขนึ้ ไป
4. กิจการหัตถกรรมหรืออุตสาหกรรมไม่ว่าอย่างใด ๆ อย่างเดียวหรือ
หลายอย่างก็ตาม และขายสินค้าที่ผลิตได้ คิดราคารวมท้ังส้ินในวันหนึ่งวันใดเป็นเงินตั้งแต่ 20 บาท
ขนึ้ ไปหรือในวนั หนึง่ วันใดมีสินค้าที่ผลิตได้มรี าคารวมท้ังส้นิ ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป
5. กิจการขนส่งทางทะเล การขนส่งโดยเรือกลไฟ หรือเรือยนต์ประจำทาง
การขนส่งโดยรถไฟ การขนส่งโดยรถราง การขนส่งโดยรถยนต์ประจำทาง การขายทอดตลาด
การรับซื้อขายที่ดิน การให้กู้ยืมเงิน การรับแลกเปล่ียนหรือซื้อขายเงินตราต่างประเทศ การซื้อหรือ
ขายต๋ัวเงิน การธนาคาร การโพยก๊วน การทำโรงรับจำนำ และการทำโรงแรม
6. ซื้อขายสินค้าหรือบริการโดยวิธีการใช้ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่าย
อนิ เทอรเ์ นต็
ระยะเวลาทีต่ ้องจดทะเบียนพาณิชย์และค่าธรรมเนียม
เจา้ ของกิจการมีหน้าที่ต้องยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์ภายใน 30 วัน นับต้ังแต่
วันที่ได้เริ่มประกอบกิจการ เจ้าของกิจการใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และปรับ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
38
ต่อเนื่องอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะได้จดทะเบียน การจดทะเบียนพาณิชย์จะต้องเสีย
ค่าธรรมเนียม 50 บาท
กิจการทีไ่ ด้รบั ยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณชิ ย์
1. การค้าเร่ การค้าแผงลอย
2. พาณิชยกิจเพื่อบำรงุ ศาสนา หรือเพอ่ื การกุศล
3. พาณิชยกิจของนิติบคุ คลซึง่ ไดม้ ี พระราชบัญญัติหรือพระกฤษฎีกาจัดตั้งขนึ้
4. พาณิชยกิจของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัท
จำกดั ทีจ่ ดทะเบียนในประเทศไทย
5. กลุ่มเกษตรกรซึ่งได้จดทะเบียนตามประกาศคณะปฏวิ ตั ิฉบบั ที่ 141
ข้อดแี ละข้อเสียของการประกอบธรุ กิจรปู แบบกิจการเจา้ ของคนเดยี ว
ข้อดขี องธรุ กิจรปู แบบกิจการเจา้ ของคนเดียว
1. จัดตั้งได้ง่าย ผู้ประกอบการสามารถนำหลักฐานต่าง ๆ ไปจดทะเบียนพาณิชย์
และขอใบอนุญาตต่าง ๆ ที่จำเป็นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีการรับรองจากสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา
เช่นเดียวกบั หา้ งหุ้นสว่ น และบริษทั จำกัด
2. มอี สิ ระในการดำเนินงานเต็มที่ การตดั สินใจตา่ ง ๆ จะทำโดยเจ้าของเพียง
คนเดียวทำให้คลอ่ งตวั และสะดวกในการดำเนินงาน
3. รักษาความลับได้ดี เพราะธุรกิจเจ้าของคนเดียวไม่มีข้อบังคับทางกฎหมาย
ทีจ่ ะต้องเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลภายนอก เจ้าของจะทำการปฏิบัติงานหลัก ๆ เอง ทำให้เคล็ดลับ
แห่งความสำเร็จไมถ่ ูกแพรก่ ระจายและลอกเลียนแบบ
4. ได้ผลกำไรเป็นคา่ ตอบแทนในการประกอบการคนเดียว ไม่ต้องแบ่งใหผ้ ู้อื่น
เช่นเดียวกับหา้ งหุ้นสว่ นหรือบริษทั
5. เลิกกิจการได้ง่าย เจ้าของธุรกิจสามารถเลิกกิจการได้หากเห็นว่าธุรกิจน้ัน
ไม่คุ้มแกก่ ารลงทุนหรือประสบปัญหาธุรกิจขาดทนุ
6. ข้อจำกัดทางกฎหมายมีน้อย ไมจ่ ำเป็นต้องแสดงงบการเงินต่อกรมสรรพากร
ทุกส้ินงวดบัญชีเพื่อเสียภาษี เพราะจะใช้วิธีการเหมาจ่ายโดยหักจ่ายจากเงินได้พึงประเมิน
ตามอตั ราต่าง ๆ ซึง่ ลดภาระในการทำบญั ชีและการใช้ผู้สอบบัญชีรับรองงบการเงิน
7. การคำนวณภาษีกฎหมายถอื วา่ เจ้าของและธุรกิจเป็นบุคคลเดยี วกนั จึงเสยี แต่
เพียงภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา (ภงด.90 และ ภงด.94) ไมต่ ้องเสียภาษีซับซ้อนเหมือนรูปแบบธุรกิจ
อ่นื
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
39
ข้อเสียของธรุ กจิ รูปแบบกิจการเจา้ ของคนเดียว
1. ต้องรับผิดในหนี้สินไม่จำกัดจำนวน เพราะถือว่าเจ้าของกับธุรกิจเป็นบุคคล
เดยี วกนั ถ้ากิจการขาดทุน เจ้าของจะสญู เสยี เงินที่ลงทนุ และต้องรบั ผิดชอบชดใช้หนี้สนิ ดว้ ย
2. เจ้าของจะมีความชำนาญเฉพาะด้าน เมื่อต้องบริหารงานจัดการโดยตนเอง
ทกุ เรือ่ งอาจตัดสินใจผิดพลาด ซึง่ อาจทำใหธ้ รุ กิจประสบความลม้ เหลวได้
3. ขยายกิจการได้ยาก หากจะขยายสาขาเพิ่มจะดูแลไม่ทั่วถึงโอกาสและ
ความก้าวหน้า ของพนักงานมีจำกดั ทำใหพ้ นักงานจะอยูไ่ ม่นาน
4. เงินทุนมีจำกัด กิจการเจ้าของคนเดียวใช้เงินลงทุนส่วนตัวของเจ้าของ หากจะ
ขยายกิจการเงินส่วนตัวไม่พอ ต้องจัดหากู้ยืม การกู้ยืมเงินจากผู้อ่ืนหรือจากสถาบันทางการเงิน
ค่อนข้างทำได้ยากเพราะธุรกิจเจ้าของคนเดียวมีภาพลักษณ์ของความไม่มั่นคง ขาดความน่าเชื่อถือ
ต่างกับธรุ กิจรปู แบบอน่ื
5. อายุการดำเนินงานของกิจการมีจำกัด เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ดำเนินงาน
โดยบคุ คลคนเดยี วถา้ เจา้ ของเสยี ชีวิตหรือตกเปน็ ผู้ไร้ความสามารถธรุ กิจก็จะสนิ้ สดุ ลงดว้ ย
จากธุรกิจรูปแบบกิจการเจ้าของคนเดียวที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า กิจการเจ้าของคน
เดียว คือกิจการที่มีบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของหรือลงทุนคนเดียว ควบคุมการดำเนินเองท้ังหมด
เมื่อกิจการประสบผลสำเร็จมีผลกำไรก็จะได้รับผลประโยชน์เพียงคนเดียว ในขณะเดียวกันก็
ยอมรับการเส่ียงภัยจากการขาดทุนเพียงคนเดียวเช่นกัน กิจการประเภทนี้มีอยู่ท่ัวประเทศ
จำนวนมาก ได้รับความนิยมสูงสุดและเป็นธุรกิจที่เก่าแก่ที่สุด การดำเนินงานไม่สลับซับซ้อน
มีความคล่องตัวสูงในการตดั สินใจดำเนนิ งาน กิจการมีขนาดเล็กกว่าธุรกิจประเภทอ่นื
2.2 หา้ งหุ้นส่วน (Partnership)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 บัญญัติว่า “ห้างหุ้นส่วน คือ สัญญา
ซึ่งบุคคลตั้งแตส่ องคนขนึ้ ไปตกลงเข้ากัน เพื่อกระทำกิจการร่วมกัน ดว้ ยประสงค์จะแบง่ ปันกำไรอัน
จะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้น” จากบทบัญญัติดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า กิจการห้างหุ้นส่วน คือ
กิจการที่มีบุคคลต้ังแต่ 2 คนขึ้นไปร่วมกันลงทุนและดำเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อแบ่งผล
กำไรที่ได้จากการดำเนินงานซึ่งธุรกิจประเภทนี้สืบต่อมาจากธุรกิจเจ้าของคนเดียว เมื่อกิจการ
ดำเนินงานก้าวหน้าขึน้ ต้องการเงินทุนและการจดั การเพิ่มขึน้ จึงต้องหาบุคคลที่ไว้วางใจเข้ามาเป็น
หนุ้ ส่วนรว่ มดำเนินงาน ทำใหก้ จิ การมีขนาดใหญ่ขนึ้ การบริหารงานมีประสทิ ธิภาพ ทีส่ งู กวา่ เดมิ
การบริหารงานห้างหุ้นส่วนเป็นลักษณะของการรวมทุนของบุคคลหลายคน ซึ่งถือว่า
ทุกคนมีสิทธิ์ในการดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนอย่างเต็มที่ตามวัตถุประสงค์ การทำสัญญากับ
บุคคลภายนอกอาจให้หุ้นส่วนทุกคนยินยอม แต่ถ้าเป็นการบริหารกิจการก็สามารถตกลงกันได้
โดยใหถ้ อื เสยี งข้างมาก
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
40
คุณสมบัติของผู้เข้าเป็นหุ้นส่วน เป็นส่ิงสำคัญถ้าต้องการที่จะให้มีการเปล่ียนแปลงผู้เข้า
เป็นหุ้นส่วนหรือมีสมาชิกเข้ามาร่วมหุ้นใหม่จะต้องได้รับความยินยอมเห็นชอบจากหุ้นส่วนเดิมทุกคน
ก่อนจึงจะดำเนินการได้ ส่วนความรับผิดชอบในหนี้สิน กำไรขาดทุน ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนเป็น
ตัวแทนรับผิดชอบร่วมกัน ดังน้ันไม่ว่าทรัพย์สินหรือกำไรขาดทุนหรือหนี้สินหรือนิติกรรม หรือ
สญั ญาใดท่หี นุ้ สว่ นทำในขอบเขตของธรุ กิจยอ่ มผกู มดั ผเู้ ปน็ หุ้นส่วนทกุ คน หนุ้ ส่วนจะปฏิเสธไม่ได้
ลกั ษณะของธุรกิจรปู แบบหา้ งหนุ้ สว่ น
1. มีผู้ร่วมเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตกลงทำสัญญาร่วมกันดำเนินงาน
ซึง่ อาจกระทำดว้ ยวาจาหรือเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร
2. มีการร่วมกนั ลงทุน โดยนำเงินสด ทรัพยส์ ินหรือแรงงานมาลงทุนตามข้อตกลง
3. มีการกระทำกิจการอยา่ งเดียวกันร่วมกนั
4. มีความประสงค์แบ่งผลกำไรกันตามข้อตกลง
การแบ่งประเภทหา้ งหุ้นส่วน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แบง่ หา้ งหนุ้ ส่วนออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1. หา้ งหุ้นสว่ นสามญั (Ordinary Partnerships)
หา้ งหุ้นส่วนสามัญ เป็นหา้ งหุ้นส่วนประเภทซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกเดียว
คือ หุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดชอบในการชำระหนี้ร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวน ดังนั้นเจ้าหนี้จะ
ฟ้องร้องหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งให้ชำระหนี้เต็มตามจำนวนก็ได้ ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้ กฎหมาย
บัญญัติไว้ว่า “จะจดทะเบียนก็ได้” กล่าวคือจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ได้ ห้างหุ้นส่วน
สามญั แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1.1 หา้ งหนุ้ สว่ นสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งไมม่ ีสภาพเป็นนิติบคุ คลตาม
กฎหมาย (ตัวผู้เป็นหุ้นส่วนกับห้างหุ้นส่วนจะไม่แยกกัน) แต่ต้องไปจดทะเบียนพาณิชยไว้กับ
นายทะเบียนพาณิชย์ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อเกิดคดีความ
เจา้ หน้าทีจ่ ะฟ้องร้องใครกไ็ ด้
1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
และมีชื่อเรียกโดยเฉพาะว่า “ห้างหุ้นส่วนสามญั นิติบุคคล" ผลของการจดทะเบียนทำใหห้ ้างหุ้นสว่ น
เป็นนิติบุคคล จะแยกต่างหากจากหุ้นส่วน หากมีการฟ้องร้องต้องทำในนามห้างหุ้นส่วนก่อน
ตอ่ เมอ่ื ทรัพย์สนิ ของห้างไมพ่ อชำระหนี้ จงึ จะต้องร้องจากหุ้นส่วนต่อไป
2. หา้ งหุ้นสว่ นจำกัด (Limited Partnerships)
การจัดตั้งหา้ งหนุ้ ส่วนจำกัด จะต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย ณ สำนกั งาน
บริการจดทะเบียนกระทรวงพาณชิ ย์ และมีหุ้นสว่ น 2 ประเภท คือ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
41
2.1 หุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดชอบ คือหนุ้ ส่วนจะเปน็ คนเดียว หรือ
หลายคนก็ได้ที่จำกัดความรับผิดชอบในหนี้สินของธุรกิจ ไม่เกินจำนวนเงินที่ตน ตกลงนำมาลงทุน
นอกเหนือจากนี้ จะไม่รับผิดชอบ การลงทุนต้องลงด้วยเงินสดหรือทรัพย์สิน จะลงด้วยแรงงาน
ไม่ได้ หุ้นส่วนประเภทนี้ไม่มีสิทธิ์เข้าจัดการห้าง แต่มีสิทธิ์เพียงออกความคิดเห็นการตั้งชื่อห้าง
หุ้นส่วน กฎหมายห้ามไม่ให้ใช้ชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนชนิดจำกัดความรับผิดมาต้ังเป็นชื่อห้าง และ
หากหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบเสียชีวิต ล้มละลาย หรือไร้ความสามารถ ธุรกิจนี้
ยังสามารถดำเนินต่อไปได้
2.2 หุ้นส่วนชนิดไม่จำกัดความรับผิดชอบ คือ หุ้นส่วนที่รับผิดชอบ
ในหนี้สินของธุรกิจโดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งอย่างน้อยต้องมี 1 คน และมีสิทธิ์เข้าจัดการงานของ
หา้ งหนุ้ ส่วนได้
การจดทะเบียนหา้ งหุ้นสว่ นสามัญนิติบคุ คล/ หา้ งหุ้นส่วนจำกัด
1. ยืน่ แบบขอจองชื่อหา้ งหนุ้ ส่วนเพื่อตรวจสอบไมใ่ หซ้ ้ำกับหา้ งหนุ้ ส่วนบรษิ ทั อ่นื
2. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อของห้างหุ้นส่วน กิจการที่จะทำ สถานที่ต้ัง
ชื่อที่อยู่ อายุ สัญชาติ ส่ิงที่นำมาลงทุน ลายมือชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ
ข้อจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการ (ถ้ามี) พร้อมกับประทับตราสำคัญของห้างในแบบพิมพ์คำขอจด
ทะเบียนจัดตั้ง และให้หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียน (ปกติการยื่นขอจดทะเบียนจัดต้ังห้าง
หุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล/ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องลงลายมือชื่อในคำขอ
จดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียน ในกรณีที่หุ้นส่วนผู้จัดการไม่ประสงค์จะลงลายมือชื่อต่อหน้านาย
ทะเบียน สามารถลงลายมือชื่อต่อหน้าสามัญหรือวิสามัญสมาชิกแห่งเนติบณั ฑิตยสภา เพ่ือเปน็ การ
รับรองลายมือชื่อของตนในอีกทางหนึ่ง) หรือหุ้นส่วนผู้จัดการมอบอำนาจให้ผู้อ่ืนไปยื่นขอ
จดทะเบียนแทนก็ได้
3. เสียค่าธรรมเนียมโดยนับจำนวนผู้เป็นหุ้นส่วน กล่าวคือ ผู้เป็นหุ้นส่วนไม่เกิน
3 คน เสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท กรณีเกิน 3 คน จะเสยี ค่าธรรมเนียมหุ้นสว่ นที่เกินเพิ่มอีกคนละ
200 บาท
4. เมือ่ จดทะเบียนจัดตั้งแลว้ จะไดร้ ับหนังสอื รับรองและใบสำคญั เป็นหลกั ฐาน
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
42
หา้ งหนุ้ สว่ น ห้างหุ้นสว่ น (ไมจ่ ดทะเบียน)
สามัญ ห้างหนุ้ สว่ นสามัญนิติบคุ คล (จดทะเบียน)
หา้ งหุน้ สว่ น
หา้ งห้นุ สว่ นจำกัด (จดทะเบยี น)
ภาพที่ 2.1 ประเภทของหา้ งหนุ้ ส่วน
ข้อดแี ละข้อเสียของการประกอบธุรกิจแบบหา้ งหุ้นสว่ น
ข้อดขี องธรุ กจิ แบบห้างหนุ้ สว่ น
1. สามารถระดมเงินทุนจากแหล่งอ่ืนมาใช้ในการดำเนินงาน ทำให้ม่ันคงและ
เปน็ ที่เช่อื ถือและเครดิตดีกว่าธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียว
2. สามารถระดมความรู้ความสามารถของหนุ้ สว่ นแตล่ ะคน ทีม่ ีความชำนาญ
และประสบการณ์หลายๆ ดา้ นมาช่วยในการบริหารงาน
3. การจัดตั้งไม่ยุ่งยาก จะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ การรวมหุ้นมีสัญญาต่อกัน
กไ็ ดไ้ ม่จำเปน็ ต้องเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร
4. สามารถกระจายความเส่ียงได้ เพราะมีหุ้นส่วนหลายคน หากผลการดำเนินงาน
ผิดพลาด สง่ ผลให้ขาดทุน ผู้เป็นหนุ้ ส่วนจะรวมกันรบั ภาระการขาดทุนดว้ ยกัน
ข้อเสียของธุรกจิ แบบห้างหนุ้ ส่วน
1. การถอนทนุ หรือโอนหุ้นทำไดย้ าก
2. มีอายุการดำเนินงานที่ไม่ต่อเนื่อง ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดเสียชีวิต ถอนตัวออก
ล้มละลาย หรือตกเป็นผู้ไร้ความสามารถ ห้างก็ต้องเลิก ยกเว้นหุ้นส่วนที่เหลืออยู่รับซื้อหุ้นของผู้ที่
ออกไป ห้างก็จะดำเนินต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดหากเกิดการเปล่ียนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับ
หนุ้ สว่ น หา้ งต้องเลกิ กิจการ
3. อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ของหุ้นส่วนในการบริหารงาน หรือ
ความขัดแย้งระหวา่ งหนุ้ สว่ น
4. ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิดชอบทำให้ไม่กล้าเส่ียง
ทีจ่ ะขยายกิจการ
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
43
จากธุรกิจแบบหา้ งหนุ้ สว่ นที่กล่าวมาข้างต้น สรปุ ไดว้ า่ หา้ งหนุ้ ส่วนเป็นองค์กรในการประกอบ
ธรุ กิจการค้ารูปแบบหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีเป้าหมายเพือ่ นำผลกำไร
ที่หามาได้มาแบ่งกัน ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องมีส่ิงใดส่ิงหนึ่งมาลงหุ้นและส่ิงที่จะนำมาลงหุ้นน้ัน
ต้องเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงานก็ได้ และผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบเพื่อหนี้ท้ัง
ปวงของธรุ กิจนั้น ๆ โดยการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนน้ันอาจจะทำด้วยวาจา หรือเป็นลายลกั ษณ์อักษรกไ็ ด้
แต่ในทางปฏิบัติเพื่อป้องกันข้อขัดแย้งต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังจึงควรทำสัญญาเป็นลาย
ลักษณ์ ส่วนการดำเนินงาน การแบ่งกำไรหรือขาดทุนของห้างหุ้นส่วน หากตกลงกันไว้อย่างไรก็
เป็นไปตามข้อตกลงของผู้เป็นหุ้นสว่ นทุกคน ส่วนสทิ ธิหน้าที่อ่นื ๆ ของผู้เป็นหนุ้ สว่ นให้เป็นไปตาม
กฎหมายกำหนด
2.3. บริษทั จำกัด (Company Limited)
บริษัท คือ องค์กรธรุ กิจที่จัดตั้งขนึ้ ดว้ ยการแบง่ ทุนออกเป็นหุ้น แต่ละหนุ้ จะมีมูลค่าเท่า ๆ กัน
ผู้ถอื หนุ้ ต่างรบั ผิดชอบจำกดั ไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยงั สง่ ใช้ไม่ครบมูลคา่ ของหนุ้ ทีต่ นถอื
กฎหมายไดจ้ ำแนกประเภทของบริษัทจำกัดออกเปน็ 2 ประเภท คือ บริษทั มหาชนจำกัด
(Public Company Limited) และ บริษัทมหาชนจำกดั (Public Company Limited)
1. บริษัทจำกัด (Private Company Limited) จัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ (ป.พ.พ.)
ลักษณะสำคัญของบริษทั เอกชน จำกัด (ตามกฎหมายใหม่)
1. มีผกู้ ่อการและผู้ถอื หุ้นตั้งแต่ 3 คนขนึ้ ไป (เดิม 7 คน)
2. หนุ้ แต่ละหนุ้ มีมูลค่าเท่า ๆ กนั มลู คา่ ไมต่ ำ่ กว่าหนุ้ ละ 5 บาท
3. มีคำว่า บริษทั นำหน้าและต่อท้ายดว้ ยคำวา่ จำกดั เสมอ
4. ต้องจดทะเบียนกบั นายทะเบียน
5. ไม่สามารถประกาศแจ้งเรียกระดมหุ้นจากประชาชนคนทว่ั ไป และออก
หนังสอื เพื่อชี้ชวนให้ประชาชนคนทั่วไปมาซือ้ หุ้น
6. มีผู้ซ้ือหนุ้ หมดก่อน จึงจัดตั้งบริษทั ได้
7. ผู้ถอื หุ้นต้องชำระค่าหนุ้ อย่างน้อย 25 % ของมลู ค่าหุ้น
8. มีการเรียกประชุมผถู้ อื หนุ้ และมกี ารเลือกคณะกรรมการบริหาร
9. ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเป็นผู้กำหนดนโยบายบริษัท แต่งตั้งถอดถอน
กรรมการ ผู้สอบบัญชี และกำหนดเงนิ ปันผลใหแ้ กผ่ ู้ถอื หุ้น
10. ทำการออกหนุ้ กู้ไมไ่ ด้
11. ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบในหนี้ของบริษัท ไม่เกินจำนวนเงินตามมูลค่าหุ้น
ทีต่ นถอื อยูแ่ ละยงั สง่ ใช้ไมค่ รบเท่าน้ัน
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
44
การจัดตั้งบริษทั เอกชน จำกัด
การจัดตั้งบริษทั จำกัด ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ดังนี้
1. มีผู้ริเริ่มก่อการจัดต้ังบริษัทตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปเข้าชื่อกันทำหนังสือ
บริคณห์สนธิแล้วนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียน
หนังสือบริคณห์สนธิ คือหนังสือแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการจังต้ัง
บริษัทโดยลงลายมือชื่อผู้ก่อการทุกคนพร้อมพยานรับรองลายมือชื่อเหล่านั้น 2 คน แล้วนำไป
จดทะเบียน หนงั สอื บริคณห์สนธติ ้องจดั ทำอยา่ งน้อย 2 ฉบบั และต้องมีรายการดง้ั นี้
1) ชื่อบริษัทจะต้องมีคำวา่ “จำกัด” ไว้ท้ายชือ่ นี้ดว้ ยเสมอไป
2) จงั หวัดซึง่ เป็นที่ตั้งสำนกั งานใหญข่ องบริษัท
3) วัตถทุ ี่ประสงค์ทั้งหลายของบริษัท
4) ข้อแถลงแสดงว่าความรบั ผิดของผู้ถอื หนุ้ จะมีจำกัด
5) จำนวนทนุ จำนวนหนุ้ และมูลคา่ ของหนุ้ ของบริษัทที่กำหนดไว้
6) ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ และจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนต่างเข้าชื่อซื้อไว้ของผู้เริ่ม
กอ่ การต้ังบริษทั และลายมือชือ่ ของผู้เริม่ ก่อการน้ันทุกคน
7) ชื่อ อายุ ทีอ่ ยู่และลายมือชื่อของพยาน (อย่างน้อย 2 คน) ซึง่ รบั รอง
ลายมือชือ่ ของผู้เริ่มก่อการจัดต้ังบริษทั ตาม (6)
การตั้งชื่อบริษัทจำกัดน้ัน ต้องมคี ำว่า “บริษทั ” ไว้หน้าชื่อและ “จำกัด”
ต่อท้ายชือ่ ยกเว้น ธนาคารพาณิชยใ์ ห้ใช้คำว่า “ธนาคาร” แทนคำว่าบริษัท
2. จดั การให้หุ้นทั้งหมดของบริษัทนน้ั ได้มผี ู้ลงชื่อจองจนครบ
3. ผู้เริ่มก่อการต้องนัดบรรดาผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นมาประชุมกันเป็นการประชุม
ใหญ่ เรียกว่าการประชุม “ก่อตั้งบริษัท” โดยปกติจะประชุมเกี่ยวกับการจัดทำข้อบังคับของบริษัท
ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาต่าง ๆ ที่ผู้ก่อการได้ทำไว้ รวมท้ังอนุมัติค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ได้จ่ายไป
ในการก่อต้ังบริษัท กำหนดจำนวนและสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิหากจะมีหุ้นประเภทนี้ ในบริษัทกำหนด
จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งออกเสมือนได้ใช้เต็มมูลค่าแล้ว หรือใช้ได้แต่บางส่วนด้วย
ส่ิงอ่ืนที่มิใช่ตัวเงิน ส่ิงอ่ืนนี้อาจจะเป็นทรัพย์สินหรือแรงงาน เลือกตั้งกรรมการและพนักงานสอบ
บัญชีประจำปีชุดแรกของบริษัทและระบอุ ำนาจหน้าที่ของคนเหลา่ นั้น
4. ผู้เริม่ ก่อการตั้งบริษัทจะต้องมอบกิจการ ใหก้ รรมการที่เลอื กต้ัง มาดำเนินการ
ต่อไป สว่ นคณะผู้เริม่ ก่อการก็หมดหน้าที่
5. กรรมการบริษัทจัดการเรียกเงินค่าหุ้นจากผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหลายให้ชำระ
ค่าหนุ้ อย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลคา่ หุ้นจนครบทุกหนุ้
หนว่ ยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
45
6. กรรมการบริษัทต้องไปขอจดทะเบียนบริษัทภายใน 3 เดือน นับแต่วันประชุม
ก่อตั้งบริษัท เมื่อนายทะเบียนตรวจสอบ ถูกต้องตามกฎหมายแล้วจะออกใบสำคัญการจดทะเบียน
บริษทั ใหไ้ ว้เป็นหลักฐานบริษทั ก็จะมีสภาพเปน็ นิติบุคคลต้ังแต่บดั น้ันเปน็ ต้นไป
อยา่ งไรกต็ าม การจดั ตั้งบริษัทมีกฎเกณฑ์ยุ่งยากหลายประการ จงึ ควรให้
นักกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการให้เพราะเป็นผู้ชำนาญการโดยตรงจะสะดวกและรวดเร็วกว่าผู้ประกอบการ
ดำเนินการเอง
ผกู้ ่อการ 3 คน ทำหนงั สอื จดั ใหจ้ องหุ้นใหค้ รบ ประชมุ กอ่ ตั้งบริษัท
บริคณหส์ นธิไปจดทะเบียน
มอบกิจการให้กรรมการที่
เลอื กตั้งขึน้ ดำเนนิ การตอ่
การจัดต้งั บริษทั เสรจ็ สมบรู ณ์ จดทะเบยี น เรียกคา่ หนุ้
ภายใน 3 เดือน อยา่ งน้อย
25%
ภาพที่ 2.2 แผนภมู ิการจดั ต้ังบริษัท จำกัด
ชนิดของหนุ้
ในการประกอบการของบริษัท จำกัด จะมีการออกหุ้นเพื่อระดมทุนเสมอ
หนุ้ ของบริษทั จำกัด มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หนุ้ ทนุ และหุ้นกู้
1. หุ้นทุน คือ หุ้นที่บริษัทจำกัดจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น มูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน
ผู้ถือหุ้นทุนแสดงว่าเป็นเจ้าของบริษัท หุ้นทุนจะได้รับเงินปันผลเมื่อบริษัทมีกำไร หุ้นทุนแบ่งเป็น
หลายประเภท ที่สำคัญได้แก่ หุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ โดยปกติหุ้นทุนจะมีสิทธิออกเสียงในที่
ประชุมผู้ถอื หุ้น
บริษัทอาจแบ่งหุ้นทุนออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีสิทธิ
และมลู ค่าแตกตา่ งกนั ดงั นี้
1.1 หุ้นสามญั (Common Stock) เป็นหนุ้ ทนุ ทีข่ ายให้ผู้สนใจขณะเริ่ม
ก่อตั้งบริษัท ผู้ถือหุ้นประเภทนี้มีส่วนได้เสียในกำไรและทรัพย์สินของบริษัทไม่แน่นอน แต่ได้รับ
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
46
สทิ ธิในการลงมติต่าง ๆ ในการประชุมผู้ถือหุ้น มีสิทธิออกเสียงเลือกต้ังคณะกรรมการของบริษัท
และมีสิทธิซื้อหุ้นที่ออกใหม่ก่อนบุคคลภายนอก ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล
โดยบริษทั จะจ่ายให้เมื่อมผี ลกำไร หากขาดทนุ จะไมจ่ ่ายเงนิ ปันผล
1.2 หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) เป็นหุ้นที่มีสิทธิพิเศษตามที่
ระบุไว้ ในข้อบังคับของบริษัท เชน่ ได้รับเงนิ ปนั ผลกอ่ นหุ้นสามัญ และได้รับส่วนแบ่งทรพั ย์สินคืน
ในกรณีบริษัทเลิกกิจการกอ่ นหนุ้ ประเภทอ่นื
1.3 หุ้นทุนซึ่งมีสิทธิรองลงมา คือ หุ้นทุนที่ได้รับเงินปันผล
ภายหลังจากจ่ายเงินปันผลให้แกห่ นุ้ ชนิดอ่นื ๆ แล้ว โดยมากเป็นหุ้นทีอ่ อกใหผ้ ู้เริ่มกอ่ การหรือผู้ที่
ขายกิจการใหบ้ ริษทั ทีต่ ั้งขนึ้ ใหม่ ในกรณีที่กำไรเหลือหุ้นชนิดนีจ้ ึงจะไดร้ ับเงนิ ปันผล
1.4 หุ้นให้เปล่า เป็นหุ้นที่บริษัทจ่ายให้แทนเงินปันผล เพราะ
บริษัทอาจไม่มีเงินสดเพียงพอ โดยถือว่าชำระมูลค่าหุ้นเต็มแล้ว หรือบริษัทออกหุ้นให้เปล่า แถม
ใหแ้ กผ่ ู้ซ้อื หนุ้ บรุ ิมสทิ ธิหรือพนั ธบตั รเปน็ การดึงดูดผซู้ ือ้ หุ้น ทำให้ขายได้งา่ ยและรวดเร็ว
1.5 หุ้นทนุ ร่วมเป็นเจ้าของ เป็นหนุ้ ที่ออกให้แก่คนงานของบริษัท
เพ่ือให้คนงานมีส่วนร่วมในกิจการ หุ้นชนิดนี้ไม่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น แต่มี
สทิ ธิได้รบั เงินปันผลและคา่ ของหนุ้ ประเภทนมี้ กั กำหนดไว้ตายตัว
2. หุ้นกู้ คือ หุ้นที่ออกขายให้แก่ประชาชน โดยสัญญาจะจ่ายดอกเบี้ยให้
ตามอัตราที่กำหนดในแต่ละปีและจ่ายต้นทุนคืนให้เมื่อครบกำหนดเวลา ผู้ถือหุ้นกู้มีฐานะเป็น
เจ้าหนี้ของบริษัท โดยหุ้นกู้จะไม่มีทรัพย์สินใด ๆ เป็นประกันนอกจากชื่อเสยี งของบริษัท และหุ้นกู้
ไม่มีสิทธิเข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น การออกหุ้นกู้จะทำในกรณีที่
บริษัทต้องการขยายกิจการหรือต้องการเงินเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ใดก็ตาม บริษัทมหาชนจำกัด
เทา่ น้ันทีอ่ อกหนุ้ กู้ได้
การเลิกบริษัทจำกัด
การจดทะเบียนจัดต้ังบริษัทจำกัด ทำด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจ
การค้า ถือเป็นการสัญญารว่ มกันของผู้ถอื หุ้น ซึ่งอาจมีการกำหนดใหเ้ ลกิ เมือ่ มีการอันใดซึ่งเป็นเหตุ
ให้ต้องเลิก หรือกำหนดเวลาที่จะเลิกตามที่จดทะเบียนไว้ หรือเลิกโดยผลของกฎหมายในกรณี
เกินวิสัยที่บริษัทจะดำรงอยู่ได้ ดังนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดเหตุที่จะ
เลิกของบริษทั ไวห้ ลายกรณี ดังนี้
1. ถ้ามีการกำหนด หรือระบุเหตุที่จะเลิกบริษัทจำกัดไว้ในข้อบังคับ
ต่อเมือ่ มเี หตุดังกลา่ วเกิดขนึ้ กต็ ้องเลิกทันที
2. ถ้าบริษทั จำกัดต้ังขึ้นมีกำหนดระยะเวลา เมื่อครบกำหนดระยะเวลา
น้ันก็ต้องเลิก
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
47
3. ถ้าบริษัทจำกัดจัดตั้งขึ้น เพื่อกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อทำ
กิจการนั้นแลว้ เสร็จ กต็ ้องเลกิ
4. เมอ่ื มติพิเศษที่ประชมุ ใหญ่ มีมติให้เลิก
5. เมื่อบริษัทจำกัดล้มละลาย มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินเกินกว่า 10
ลา้ นบาท ก็ต้องเลกิ บริษัท และต้องจดั การทรัพย์สนิ ของบริษทั ตามกฎหมายล้มละลาย
6. เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิก โดยคำร้องขอของผู้มีส่วนได้เสียในบริษัท
เชน่ กรรมการ หรือผู้ถอื หุ้น ซึง่ เหตทุ ีจ่ ะร้องขอใหศ้ าลมีคำสงั่ เลกิ บริษัทได้ มีดงั นี้
6.1 มีการทำผิดในการยื่นรายงานการประชุมตั้งบริษัท หรือมีการทำ
ผิดในการประชุมต้ังบริษัท
6.2 บริษัทไม่เริม่ ดำเนินการภายใน 1 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียน หรือ
หยดุ ดำเนินการ 1 ปี
6.3 การค้าขายของบริษทั มีแตข่ าดทุน โดยไมม่ ีทางที่จะกลบั ฟืน้ ตัวได้
6.4 จำนวนผู้ถอื หุ้นไม่ครบตามทีก่ ฎหมายกำหนด คือไมถ่ ึง 7 คน
ขอ้ ดีและข้อเสยี ของการประกอบธุรกิจแบบบริษัทจำกัด
ขอ้ ดีของธรุ กจิ แบบบรษิ ัทจำกดั
1. ง่ายต่อการจัดหาเงินทุน บริษัทจำกัดสามารถที่จะจัดหาเงินมาใช้ใน
การดำเนินงานได้งา่ ย โดยการขายหุ้นใหแ้ กผ่ ู้ลงทนุ ท่ัวไป
2. กิจการมีความม่ันคงยาวนาน เนื่องจากเป็นนิติบุคคล ดังน้ัน อายุ
การดำเนินงานของบริษัท จำกัด จึงเป็นไปอย่างต่อเน่ือง กิจการใด ๆ ที่ผู้ถือหุ้นทำขึ้นจะไม่มี
ผลกระทบตอ่ บริษัท เชน่ การโอนหนุ้ หรือการเสยี ชีวิตของผู้ถอื หนุ้ จะไมถ่ อื เปน็ เหตใุ หต้ ้องเลกิ กิจการ
3. ผู้ถือหุ้นมีความรับผิดชอบจำกัด ผู้ถือหุ้นมีความเส่ียงเฉพาะจำนวนเงิน
ทีต่ นนำมาลงทุนเท่าน้ัน ความรับผิดชอบอ่ืนใดที่บริษัทกอ่ ขึ้น โดยไม่ถือเป็นความรับผิดในหนี้ ซึ่งผู้ถือ
หนุ้ จะต้องร่วมรบั ผิดชอบดว้ ย
4. การโอนหุ้นทำได้ง่าย ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดสามารถจะขาย
สว่ นของหนุ้ ทีถ่ อื อยหู่ รือจำนวนหนุ้ ทีถ่ อื อยทู่ ้ังหมดใหก้ บั ใครก็ได้ โดยไมต่ ้องแจ้งใหบ้ ริษทั ทราบ
5. งา่ ยต่อการขยายกิจการ บริษัทมีความชำนาญในการบริหารจัดการและ
ความพร้อมของเงนิ ทนุ จึงสามารถขยายสาขาหรือกิจการได้ง่าย
6. ผู้ถือหุ้นไม่ต้องเข้ามาบริหารเอง เนื่องจากมีการแยกผู้ถือหุ้น
จากความรับผิดชอบ ในการบริหาร โดยผู้ถือหุ้นจำนวนมากไม่จำเป็นต้องเข้ามาบริหาร แต่จะเป็น
ผู้ควบคุมโดยผา่ นคณะกรรมการบริษัท
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
48
ข้อเสียของธุรกจิ แบบบรษิ ทั จำกัด
1. ขั้นตอนในการจัดต้ังยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง ในการจัดต้ังต้องมี
ผู้ริเริ่มต้ังแต่ 3 คนขึ้นไป ร่วมกันจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิและนำไปจดทะเบียน ณ สำนักงาน
ทะเบียน แห่งท้องถนิ่ นั้น ๆ และต้องเสยี ค่าใช้จ่ายตา่ ง ๆ สูงกว่ารปู แบบธรุ กิจเจ้าของคนเดียวและ
หา้ งหุ้นสว่ น
2. เสียภาษีซ้ำซ้อน เนื่องจากบริษัทจำกัดเป็นนิติบุคคล เมื่อประกอบ
กจิ การมีกำไรต้องเสยี ภาษี 30 % จากกำไรสุทธิ สว่ นที่เหลือนำไปจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหนุ้ ซึ่งเงิน
ปันผล ที่ผู้ถอื หนุ้ ไดร้ ับจะถอื เปน็ เงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ซึง่ ต้องเสยี ภาษีใหก้ ับรฐั อกี คร้ังหนึ่ง
3. เก็บรักษาความลับไม่ได้ เพราะต้องเปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้ถือหุ้น ไม่ว่า
จะเปน็ ผลประกอบการ ยอดขาย รายได้ รายจา่ ย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะไปตกอยู่ในมือของคูแ่ ขง่ ได้
4. ขาดความจงรักภักดี เนื่องจากผู้บริหารไม่จำเป็นต้องมาจากผู้ถือหุ้น
ความจงรักภักดตี อ่ องคก์ ารอาจจะน้อยกวา่ รูปแบบธุรกิจเจ้าของคนเดียวและห้างหนุ้ ส่วน
5. ข้อจำกัดทางกฎหมายมีมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสาธารณชนจำนวน
มาก ซึง่ จะเข้ามาในรปู ของผู้ถอื หุ้น
6. อาจเกดิ ความขดั แย้งระหว่างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น เกี่ยวกับการดำเนินงาน
ของบริษัท
2. บริษัทมหาชนจำกัด (Public Company Limited) จัดต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติ
มหาชน จำกัด พ.ศ. 2521
ลกั ษณะสำคญั ของบริษทั มหาชน จำกัด
1. ต้องมีผู้ถือหนุ้ ไมน่ ้อยกว่า 15 คนขนึ้ ไป จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้
2. หนุ้ มีมลู คา่ ต้ังแต่ 1 บาทขนึ้ ไป
3. ต้องเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปอย่างน้อย 50% ของหุ้นท้ังหมด ทำ
ใหส้ ามารถระดมเงินทุนได้มาก
4. ชือ่ บริษทั ต้องมีคำวา่ “บริษทั ” นำหน้า และมีคำว่า “จำกัด (มหาชน)” ตอ่ ท้าย
การจดั ต้ังบริษัทมหาชนจำกัด
การจัดต้ังบริษัทมหาชนจำกัด ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติบริษัท
มหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 ดังนี้
1. ผู้เริ่มก่อการจัดต้ังบริษัทอย่างน้อย 15 คนร่วมกันจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ
เพือ่ นำไปจดทะเบียนขอจัดต้ังบริษทั บุคคลเหล่านี้ครึง่ หนึง่ ต้องมีที่อยู่ในประเทศไทยและไดม้ ีการจอง
หนุ้ รวมกนั ไม่น้อยกว่า 5% ของทนุ จดทะเบียน
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
49
หนงั สอื บริคณหส์ นธิ มีขอ้ ความคลา้ ยกบั บริษทั จำกดั และทีต่ ่างกนั ดงั นี้
1.1 ชือ่ บริษัทจะต้องมีคำว่า “จำกดั (มหาชน)” ต่อท้าย หรือมีอักษรย่อ
นำหน้าวา่ “บมจ.”
1.2 มีวัตถุประสงค์ที่สามารถขายหุ้นต่อประชาชนและชี้ชวนให้ประชาชน
ซอื้ หนุ้ ได้ แต่บริษัทจำกัดจะชี้ชวนให้ประชาชนซอื้ หนุ้ ไมไ่ ด้
2. ผู้เริ่มจัดต้ังบริษัทจะต้องขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงเสนอขายหุ้นต่อประชาชนให้
ได้ไมต่ ่ำกว่า 50% ของทุนทั้งหมด
3. เสนอขายหุ้นให้ประชาชนบางส่วนโดยทำเป็นหนังสือชี้ชวนแล้วเปิด
ให้จองหนุ้
4. เปดิ ใหจ้ องหนุ้ โดยผา่ นบริษัทเงนิ ทุนหลกั ทรัพยห์ รือธนาคาร
5. ประชุมก่อตั้งบริษัท โดยผู้ก่อการเรียกผู้จองหุ้นทั้งหมด มาประชุมเพื่อ
พิจารณาข้อบังคับของบริษัท เลือกตั้งกรรมการบริษัท ให้สัตยาบันในกิจการที่ทำไปแล้ว และอ่ืน ๆ
เสรจ็ แลว้ คณะผู้เริ่มจัดต้ังบริษทั ต้องมอบกิจการท้ังหมดให้แกค่ ณะกรรมการที่เลือกต้ังข้นึ
6. คณะกรรมการบริษัทเรียกให้ผู้จองหุ้นท้ังหมดชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน
ถา้ มผี ู้ไม่ชำระคา่ หนุ้ ให้เอาหนุ้ น้ันออกขายทอดตลาด
7. เมื่อได้รับค่าหุ้นครบแล้วให้ดำเนินการจดทะเบียนบริษัทภายใน 3 เดือน
นบั แตว่ ันทีป่ ระชมุ กอ่ ตั้งบริษัทเสรจ็ การจดั ตั้งบริษทั มหาชนจำกดั ก็สมบูรณ์
ตวั อย่างบริษัทมหาชนจำกัด ไดแ้ ก่
- ธนาคารกรงุ เทพ จำกดั (มหาชน)
- บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
- บริษทั หลกั ทรพั ยส์ ินเอเชีย จำกดั (มหาชน)
- บริษทั หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
50
ผ้กู อ่ การ 15 คน ขออนุญาต เสนอขายหุ้น
ทำหนงั สอื บริคณหส์ นธิ ก.ล.ต. ให้ประชาชน
เปดิ ใหจ้ องหนุ้
ประชุมกอ่ ตงั้ บริษทั
การจดั ตั้งบริษทั เสร็จสมบูรณ์ จดทะเบียน เรียกชำระคา่
ภายใน 3 เดือน หุ้นเต็มมูลคา่
หุ้น
ภาพที่ 2.3 แผนภมู กิ ารจดั ตง้ั บริษัทมหาชน จำกัด
การดำเนินงานของบรษิ ัทมหาชนจำกดั
การดำเนินงานของบริษัทมหาชนจำกัด มีสาระสำคัญทีค่ วรทราบ ดงั นี้
1. ต้องมีกรรมการชุดหนึ่งไม่น้อยกว่า 15 คน ทำหน้าที่ในการบริหารบริษัท
โดยกรรมการจะได้จากการเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น มีวาระ 1 ปี มีอำนาจหน้าที่ตามที่
กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ กึ่งหนึ่งของคณะกรรมการต้องมี
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
2. คณะกรรมการต้องมีการประชุมอย่างน้อย 3 เดือนต่อคร้ัง ณ ท้องที่
อนั เป็นที่ต้ังของสำนักงานใหญห่ รือสถานที่ใกลเ้ คียง
3. ความรับผิดของกรรมการบริษัท กรรมการบริหารของบริษัทต้อง
ปฏิบัติหน้าทีใ่ หเ้ ป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบงั คับของบริษทั ตลอดจนมติที่ประชุม
ใหญ่ผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัท หากบริษัทได้รับความ
เสียหาย บริษัทมีสิทธิเรียกร้องค่าสนิ ไหมทดแทนจากกรรมการผู้กอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายได้
4. การประชมุ ผู้ถือหุ้น จะต้องจัดให้มีการประชุมผู้ถอื หนุ้ ปีละครั้ง เรียกว่า
“การประชุมสามัญประจำปี” ภายใน 4 เดือนนับแต่วันที่ส้ินสุดของรอบปีบัญชีของบริษัท
ส่วนการประชุมวิสามัญน้ันคณะกรรมการอาจเรียกประชมุ เมอ่ื ไรก็ได้
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
51
5. ต้องจัดทำบัญชีและเก็บรักษาบัญชี ตลอดจนจัดให้มีการสอบบัญชี
ตามกฎหมาย ต้องจัดทำงบดุลและงบกำไรขาดทุนอย่างน้อยปีละ 1 คร้ัง และต้องเสนอต่อ
ทีป่ ระชมุ ผู้ถอื หุ้นในการประชมุ สามัญประจำปีเพือ่ ขออนุมัติ
6. การจ่ายเงินปันผล จะต้องจ่ายจากเงินกำไรเท่านั้นและต้องได้รับความ
เห็นชอบจากมติของที่ประชุมใหญ่ผู้ถอื หุ้น และต้องจัดสรรกำไรไว้เป็นทุนสำรองของบริษัทอย่าง
น้อย 5% ของผลกำไร การจ่ายเงนิ ปันผลต้องประกาศโฆษณาในหน้าหนังสอื พมิ พท์ ้องถนิ่
ข้อดแี ละข้อเสียของการประกอบธุรกิจแบบบริษัทมหาชนจำกัด
ข้อดีของธุรกจิ แบบบรษิ ัทมหาชน จำกดั
1. ระดมทุนไดง้ า่ ย เนื่องจากบริษทั มหาชน จำกัด มีสทิ ธิเสนอขายหุ้นให้แก่
ประชาชนท่วั ไปรวมทั้งสามารถออกจำหนา่ ยหนุ้ กู้ไดอ้ กี ดว้ ย
2. เมือ่ ต้องการเพิม่ ทุน อาจเสนอขายใหแ้ กผ่ ู้ถอื หนุ้ เดมิ หรือเสนอขายให้แก่
ประชาชนทว่ั ไปก็ไดแ้ ล้วแตจ่ ะลงมติกนั
3. การโอนหนุ้ ซอื้ ขายทำไดง้ า่ ย โดยเฉพาะหนุ้ ทีซ่ ือ้ ขายกนั ในตลาดหลักทรพั ย์
4. ผู้ถือหุ้นรายย่อยมีโอกาสที่จะเลือกกรรมการเข้าไปบริหารงานได้
เพราะผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นที่ขายได้
ทั้งหมด
5. ประชาชนธรรมดาก็สามารถเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนได้ เพราะมูลค่า
ของหนุ้ ไมส่ งู มากนัก (อย่างตำ่ ต้องซอื้ 100 หุ้น)
ข้อเสียของธรุ กจิ แบบบริษัทมหาชน จำกัด
สำหรับข้อเสียของบริษัทมหาชน จำกัดคล้ายกับข้อเสียของบริษัทเอกชน
จำกัด
จากธุรกิจแบบบริษัทจำกัดที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า บริษัทจำกัดเป็นรูปแบบธุรกิจที่มี
การระดมทุนได้มาก คือ บริษัทซึง่ มีส่วนของเจ้าของ เรียกว่า ส่วนของผู้ถอื หนุ้ จะแบง่ ทุนออกเป็น
หุ้น แต่ละหุ้นมีมูลค่าเท่า ๆ กัน หุ้นในบริษัทสามารถโอนเปล่ียนมือได้ง่ายแม้จะมีการเปล่ียนตัว
ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เนื่องจากผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดจำนวนเพียงไม่เกินจำนวนเงิน
ที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ และบริษัทสามารถควบเข้ากับบริษัทอ่ืนเพื่อขยาย
ธุรกิจได้ง่ายโดยใช้เสียงข้างมาก ซึ่งนับตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถืออยู่มิใช่นับจากจำนวนผู้ถือหุ้น
แต่บริษัทมีกฎเกณฑ์ ข้อบังคับยุ่งยากและซับซ้อน โดยทั่วไปบริษัทจะถูกจัดต้ังในลักษณะบริษัท
จำกัด หรือบริษทั มหาชนจำกัด
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
52
2.4 สหกรณ์ (Co-Operative)
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2543 ได้ให้ความหมายของสหกรณ์ไว้ดังนี้ “สหกรณ์
หมายความว่า คณะบุคคลซึ่งรวมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยช่วย
ตนเองและช่วยเหลอื ซึ่งกนั และกนั และไดจ้ ดทะเบียนตามพระราชบัญญตั ิน”ี้
จากความหมายของสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ สหกรณ์ คือ ธรุ กิจรูปแบบหนึ่ง
ทีจ่ ัดต้ังและดำเนินการโดยกลุ่มบุคคลที่มีความประสงค์อย่างเดียวกัน ในการร่วมกันจัดต้ังลงทุน
ดำเนินการและเป็นเจ้าของร่วมกันด้วยความสมัครใจ ทำหน้าที่ในกิจกรรมทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือ
สมาชิก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและสังคมในหมู่สมาชิก
รวมท้ังรกั ษาและส่งเสริมผลประโยชนข์ องสมาชิกใหด้ ขี นึ้
วัตถุประสงค์ของสหกรณ์ คือ การช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางด้านเศรษฐกิจ ป้องกัน
มิให้สมาชิกถูกเอาเปรียบ การดำเนินงานของสหกรณ์ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเอากำไรมาแบ่งปันกัน
แตเ่ ป็นการเสริมสร้างความสามัคคีและความต้องการทีจ่ ะชว่ ยเหลอื กันในหมู่สมาชิกเปน็ สำคญั
หลกั ของสหกรณ์
สหกรณ์ของทุกประเทศทั่วโลก จะยึดถือในหลักการและใช้ร่วมกัน คือ หลักสหกรณ์
สากล โดยสาระสำคญั ดังนี้
1. เปิดรับสมาชิกทั่วไป และสมาชิกด้วยใจ สมัคร ท้ังนี้เพื่อเปิดโอกาส
ให้บุคคลที่สนใจทุกคนสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ นอกจากน้ันการเป็นสมาชิกให้เป็นไปด้วย
ความสมคั รใจบนพืน้ ฐานของเสรีภาพ ไม่มีการบังคับ
2. การดำเนินการเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย คือ สมาชิกทุกคนมีสิทธิ
เสมอภาพในแง่การจัดการงานสหกรณ์ เช่น การมีสิทธิออกเสยี งตัดสนิ ปญั หา (หนึ่งคนหนึ่งเสียง)
การเลอื กหรือไดร้ บั เลอื กเปน็ คณะกรรมการ ยงั มีสิทธิขอความช่วยเหลอื จากสหกรณ์ได้
3. หลกั การจำกัดดอกเบี้ยแก่ทุนเรือนหุ้น หมายความว่า สหกรณ์จะตอบแทน
แก่สมาชิกผู้ถอื หนุ้ โดยการจ่ายดอกเบี้ยคา่ หนุ้ ในอัตราจำกัดอัตราหนึง่ เมือ่ สหกรณ์มีกำไร
4. หลักการแบง่ เงนิ กำไรใหแ้ ก่สมาชิกอยา่ งเทีย่ งธรรม
5. หลักการให้การศึกษาแก่สมาชิก เพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจในหลักการ
ดำเนินงานของสหกรณ์ ซึง่ มีส่วนทำให้สหกรณ์มีการพฒั นาและความก้าวหน้า
6. หลักการร่วมมือกันระหว่างสหกรณ์ เพ่ือให้ขบวนการของสหกรณ์มีความ
แขง็ แกร่ง
ประเภทของสหกรณ์
การจัดต้ังสหกรณ์ แบ่งโดยการยึดถือหลักเกณฑ์ใหญ่ ๆ 2 ประการ คือ การแบ่ง
ตามความรับผิดชอบของสมาชิก และการแบง่ ตามลักษณะของงาน
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
53
1. การแบ่งตามความรับผิดชอบของสมาชิก ตาม พ.ร.บ. สหกรณ์ 2511 แบ่ง
ออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1.1 สหกรณ์จำกัด คือ สหกรณ์ซึ่งสมาชิกมีความรับผิดชอบจำกัดเพียงไม่เกิน
จำนวนเงินค่าหนุ้ ทีต่ นยังส่งใช้ไม่ครบตามมลู คา่ หุ้นทีต่ นถอื
1.2 สหกรณ์ไม่จำกัด คือ สหกรณ์ซึ่งสมาชิกทุกคนมีความรบั ผิดชอบร่วมกัน
ในหนี้สนิ ทั้งปวงของสหกรณโ์ ดยไมจ่ ำกดั
2. การแบ่งตามลักษณะของงาน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า แบ่งออกเป็น
6 ประเภท คือ
1. สหกรณ์การเกษตร เป็นสหกรณ์ที่มีหน้าที่ในการจัดหาและการให้บริการ
แก่สมาชิกด้านการผลิตการเกษตร เช่น การจัดหาเงินทุน วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
มาจำหน่ายให้สมาชิกในราคาถูก รวมท้ังการรวบรวมผลิตผลออกจำหน่าย และการแปรรูปผลิตผล
ออกจำหน่ายให้ไดร้ าคาดี
2. สหกรณ์การประมง จัดตั้งขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมง ส่วนใหญ่อยู่ใน
จังหวัดที่ติดชายทะเล ทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมประกอบอาชีพด้านการประมง รวมถึงการจัดหา
เงินทุนและอปุ กรณ์เกี่ยวกบั การประมงจำหน่ายใหแ้ กส่ มาชิกในราคาถูก
3. สหกรณ์นิคม เป็นสหกรณ์ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการหรือจัดสรรที่ดิน
ให้แก่สมาชิกในการประกอบอาชีพ รวมถึงการจัดหาและอำนวยความสะดวกในการประกอบ
อาชีพให้แก่สมาชิก เช่น การจัดหาเงินทุน อุปกรณ์การผลิตและเครื่องมือการผลิตมาจำหน่าย
ตลอดจนการจดั หาน้ำและการจัดการด้านการตลาดให้อีกด้วย
4. สหกรณ์ร้านค้า หรือสหกรณ์ผู้บริโภค เป็นสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้
บริการด้านการจัดหาสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภคจำหน่ายให้แก่สมาชิกในราคาย่อมเยา สหกรณ์
ใช้เงินทุนจากการขายหุ้นให้แก่สมาชิกและจากการกู้ยืมเป็นทุนในการดำเนินการ ส่วนใหญ่จะ
ต้ังอยใู่ นเขตชุมชนทีม่ ีประชาชนหนาแนน่ ในสถาบันศึกษา และหน่วยงานอ่นื ๆ
5. สหกรณ์บริการ เป็นสหกรณ์ที่จดั ต้ังขนึ้ เพื่อจัดหาและให้บริการแกส่ มาชิก
ในด้านต่าง ๆ และจะเรียกเก็บค่าบริการที่สหกรณ์จัดหาให้สมาชิกตามส่วนที่สมาชิกแต่ละคนใช้
ประโยชน์ เชน่ สหกรณ์ไฟฟ้า สหกรณแ์ ทก็ ซี่ สหกรณก์ ารเคหสถาน
6. สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นสหกรณ์ที่สมาชิกร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริม
การออมเงินในหมู่สมาชิก เพื่อให้สมาชิกได้กู้ยืมเงินในยามจำเป็นด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจน
ให้บริการทางการเงินแก่สมาชิก โดยมีเงินปันผลคืนตามส่วน สหกรณ์ประเภทนี้ได้รับความนิยม
และจดั ต้ังขนึ้ ในหมู่ผู้มีรายไดป้ ระจำ เชน่ ข้าราชการ ครู ตำรวจ รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
54
การจัดต้ังสหกรณ์
การจัดต้ังสหกรณแ์ ตล่ ะประเภทมีรายละเอียดข้ันตอนคล้ายคลึงกัน คือ
1. ต้องมีสมาชิกแรกตั้งไม่น้อยกว่า 10 คน ไปยื่นคำขอจดทะเบียนจัดต้ังที่กรม
สง่ เสริมสหกณ์
2. จำนวนสมาชิกข้ันต่ำของสหกรณ์แต่ละประเภทกำหนดไว้ดงั นี้
2.1 สหกรณ์การเกษตร สมาชิกแรกต้ังกำหนดไว้ไมต่ ่ำกวา่ 150 คน
2.2 สหกรณร์ ้านค้า สมาชิกแรกตั้งกำหนดไว้ไม่ต่ำกวา่ 300 - 400 คน
2.3 สหกรณ์ออมทรัพย์ สมาชิกแรกต้ังกำหนดไว้ไม่ต่ำกวา่ 100 คน
2.4 สำหรับสหกรณ์นิคม สหกรณ์บริการไม่ได้กำหนดจำนวนสมาชิกขั้นต่ำไว้
แต่ก็ต้องไม่ต่ำกว่า 10 คน
การเลิกสหกรณ์
สหกรณอ์ าจเลิกกจิ การได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังตอ่ ไปนี้
1. ถ้ามขี ้อกำหนดให้เลิกในกรณีใด เมือ่ มกี รณีน้ันเกิดขนึ้ ต้องเลิกกิจการ
2. เม่อื สหกรณ์มีสมาชิกน้อยกว่า 10 คน
3. ทีป่ ระชุมใหญม่ ีมติใหเ้ ลิก
4. เมอ่ื สหกรณ์ล้มละลาย
5. เมอ่ื นายทะเบียนสหกรณ์ส่งให้เลกิ
นายทะเบยี นสหกรณจ์ ะสงั่ ใหเ้ ลกิ ในกรณีที่เหน็ ว่า
1) สมาชิกเกินกว่ากึง่ หนึง่ แจ้งเปน็ หนังสือขอใหเ้ ลิกพร้อมเหตุผลอย่าง
ละเอยี ด
2) สหกรณ์ไม่เริ่มดำเนินการภายในหนึ่งปีนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนหรือ
หยุดกิจการติดตอ่ กนั เปน็ เวลา 2 ปี
3) สหกรณ์ไม่อาจดำเนินกิจการให้เป็นผลดีหรือก่อให้เกิดความเสียหาย
แก่สหกรณ์หรือต่อส่วนรวม
ข้อดแี ละขอ้ เสียของการประกอบธุรกิจแบบสหกรณ์
ขอ้ ดขี องการประกอบธุรกิจแบบสหกรณ์
1. สหกรณ์สามารถรวมทนุ ไดเ้ ป็นจำนวนมากและไดร้ ับการสนับสนุนจากรฐั บาล
2. ได้รบั สิทธพิ ิเศษทางด้านภาษี (เงนิ ปนั ผลไมต่ ้องเสยี ภาษี)
3. ส่งเสริมให้สมาชิกรู้จกั การทำงานเปน็ หมคู่ ณะและรู้จกั รับผิดชอบ
4. ได้รบั ผลประโยชนอ์ ย่างเทีย่ งธรรมตามสว่ นแห่งธรุ กิจ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
55
ข้อเสียของการประกอบธุรกิจแบบสหกรณ์
1. สมาชิกไม่นิยมซือ้ หนุ้ มาก เพราะผลตอบแทนต่อหุ้นน้อย
2. สมาชิกยงั ขาดความรู้ เข้าใจในหลกั และวิธีการของสหกรณ์อย่างแท้จริง
จากธุรกิจแบบสหกรณ์ทีก่ ล่าวมาข้างต้น สรปุ ได้ว่า สหกรณ์ คือ องค์กรทางเศรษฐกิจและ
สังคมที่สมาชิกร่วมกันจัดต้ังขึ้นด้วยการลงหุ้นร่วมกัน จัดการร่วมกันในการผลิต การจำหน่าย
สินค้า หรือบริการตามความต้องการหรือผลประโยชน์อย่างเดียวกันของบรรดาสมาชิก สมาชิก
แต่ละคนมีสิทธิ์ออกเสียงได้หนึ่งเสียงในการบริหารสหกรณ์ โดยไม่ขึ้นกับจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ และ
ร่วมกันดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกัน
และกนั และไดจ้ ดทะเบียนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสหกรณ์
2.5. รัฐวิสาหกจิ (State Enterprise)
ความหมายของรัฐวิสาหกิจ มีพระราชบัญญตั ิ 2 ฉบับ ที่กลา่ วไว้ ดงั นี้
1. ตามพระราชบัญญัติสภาพพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ พ.ศ. 2502 มาตรา 13
“รัฐวิสาหกิจ” หมายถึง “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งทุนทั้งส้ินเป็นของกระทรวง ทบวง กรม
ในรัฐบาลทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละห้าสิบ หรือ บริษัทห้างส่วนนิติบุคคลใด ๆ ที่บริษัท หรือ
หา้ งหุ้นสว่ นนิติบุคคลดังกล่าวข้างต้น มีทนุ รวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละห้าสิบ และให้ความรวมถึง
องค์การรัฐบาลหรือหน่วยงานธรุ กิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ และรวมตลอดถึงห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ใด ๆ ที่องคก์ ารรัฐบาลหรือหนว่ ยงานธุรกิจของรัฐบาลมีทุนรวมอยดู่ ้วยเกินร้อยละห้าสบิ
2. ตามพระราชบัญญตั วิ ิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 “รฐั วิสาหกิจ” หมายถึง
2.1 องค์การของรฐั บาลหรือหนว่ ยงานธุรกิจทีร่ ัฐบาลเปน็ เจา้ ของ
2.2 บริษทั หรือหา้ งหนุ้ สว่ นนิตบิ ุคคลที่สว่ นราชการมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินรอ้ ยละหา้ สบิ
2.3 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการ และ/ หรือ รัฐวิสาหกิจตามข้อ 1
และ/ หรือ 2 มีทนุ รวมอยดู่ ้วยเกนิ กวา่ ร้อยละห้าสิบ
2.4 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการ และ/ หรือ รัฐวิสาหกิจ ตาม 3
และ/ หรือ 1 และ/ หรือ 2
2.5 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการ และ/ หรือ รัฐวิสาหกิจ ตาม 4
และ/ หรือ 1 และ/ หรือ 2 และ/ หรือ 3 มีทนุ รวมอยดู่ ้วยเกนิ กว่าร้อยละห้าสิบ
สรุป รัฐวิสาหกิจ หมายถึง องค์การของรัฐหรือ หน่วยงานธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าของ
หรือบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานธุรกิจของรฐั บาลมีทุนรวมอยู่ด้วย
เกินกว่าร้อยละ 50 มีการบริหารงานอยู่ระหวา่ งระบบราชการและระบบธุรกิจ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
56
สาเหตุที่รัฐบาลเข้าดำเนินงานรัฐวิสาหกจิ
เหตผุ ลทร่ี ัฐบาลใช้พิจารณาในการเขา้ ดำเนินงานรัฐวิสาหกจิ ประกอบด้วย
1. เมื่อเอกชนไม่อยู่ในสถานการณ์และฐานะอันเหมาะสมซึ่งจะดำเนินการได้
เพราะเอกชนอาจจะขาดแคลนเงินทุน หรือมีเงินทุนเพียงพอ ขาดเจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิในการ
ดำเนินงาน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้าไปดำเนินกิจการบางประเภท เช่น การสาธารณูปโภค
การคมนาคมขนสง่ การชลประทาน การพลงั งาน อตุ สาหกรรมหนกั
2. ประเทศที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ จำเป็นต้องพิจารณา
โครงการตามความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะที่กำลังพัฒนา รัฐจึงไม่หวังกำไรจากการ
ดำเนินงานมากนัก แต่จะให้ความสำคัญกบั การเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ มากกว่า
3. ด้านเหตุผลทางยุทธศาสตร์ที่รัฐจำเป็นต้องดำเนินการเอง เพื่อความ
ปลอดภยั ทางดา้ นการทหาร การเมือง ตลอดจนความสงบสขุ ของประชาชน
4. รัฐวิสาหกิจบางแห่งรัฐจำเป็นต้องต้ังขึ้น เพื่อเป็นการเชิดชูชื่อเสียง เผยแพร่
วฒั นธรรมและประเพณีอันดีงามของประเทศ
5. เพ่ือเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ รัฐบาลจำเป็นและ
อย่ใู นภาวะจำยอมที่จะต้องดำเนินกิจกรรมบางอย่าง เพ่อื ป้องกันการผกู ขาด เน่ืองจากกิจการนั้น
มีตลาดแคบเกินกว่าจะมีการแข่งขันอย่างเสรี ในกรณีนี้รัฐบาลมีหน้าที่ควบคุมราคา เพื่อให้
ประชาชน ไดบ้ ริโภคสนิ ค้าและบริการในราคายุติธรรม
ประเภทของรัฐวิสาหกจิ ในประเทศไทย
รัฐวิสาหกิจในประเทศไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ โดยจำแนก
ตามลกั ษณะการจัดตั้งและจำแนกตามรายได้ที่นำสง่ รัฐ
1. ประเภทของรฐั วิสาหกิจตามลักษณะการจดั ต้ัง สามารถแบง่ ออกเปน็
1.1 ประเภทองค์การและโรงงาน เป็นกิจการที่รัฐจัดตั้งขึ้น โดยทุนทั้งหมด
ที่ใช้ในการดำเนินงานเปน็ ของรัฐบาล โดยแบ่งออกไดเ้ ปน็ 4 กรณี คือ
1.1.1 จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ เช่น การส่ือสารแห่งประเทศไทย
การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง องคก์ ารโทรศัพทแ์ หง่ ประเทศไทย
1.1.2 จัดต้ังโดยประกาศของคณะปฏิวัติ เช่น การเคหะแห่งชาติ การทาง
พิเศษแหง่ ประเทศไทย นิคมอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย
1.1.3 จัดตั้งโดยพระราชกฤษฎีกา เช่น องค์การตลาด การท่องเที่ยว
แห่งประเทศไทย องคก์ ารแก้ว
1.1.4 จัดตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เช่น โรงงานยาสูบ โรงงาน
กระสอบป่าน กรมโรงงานอตุ สาหกรรม โรงงานกระสอบ (กระทรวงการคลัง) โรงงานกระดาษบางประอนิ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
57
1.2 ประเภทสำนักงานและกิจการอ่ืน เป็นสำนักงานและกิจการที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ทุนท้ังส้นิ เป็นของรัฐ ดำเนินงานโดยมีรฐั บาลเป็นผู้ควบคุม
1.2.1 จดั ตั้งโดยพระราชบญั ญัติ ไดแ้ ก่ สำนกั งานสลากกินแบ่งรฐั บาล
1.2.2 จดั ต้ังโดยพระราชบญั ญัติ ได้แก่ ร้านนารายณ์ภณั ฑ์
1.2.3 จดั ต้ังโดยพระราชบัญญตั ิ ได้แก่ องค์การเหมอื งแร่
1.2.4 จัดต้ังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้แก่ หน่วยบัญชี
การข้าวโครงการสำรองข้าวกรงุ เทพ
1.3 ประเภทธนาคารและบริษัทจำกัด ที่รัฐบาลถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50
รัฐวิสาหกิจในรูปของธนาคาร สถาบันการเงิน หรือบริษัทจำกัด ที่รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นเกินกว่า
ร้อยละ 50 นี้จำแนกตามการจัดต้ังได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่
1.3.1 กิจการธนาคารที่ก่อตั้งโดยพระราชบัญญัติ มีทุนทั้งสิ้นเป็นของ
รัฐบาล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออม
สนิ และธนาคารอาคารสงเคราะห์
1.3.2 กิจการที่จัดตั้งโดยอาศัยพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์และ
รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ดำเนินกิจกรรมธนาคารพาณิชย์เช่นเดียวกับธนาคาร
พาณิชย์ ท่ัว ๆ ไป เชน่ ธนาคารกรงุ ไทย
1.3.3 กิจการบริษัทจำกัด ที่จัดต้ังขึ้นโดยประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์และรัฐบาลถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ได้แก่ บริษัทขนส่ง จำกัด บริษัทไทยเดินเรือทะเล
จำกดั และบริษัทไม้อดั ไทย จำกดั
1.4 แบ่งตามหน่วยงานที่รัฐวิสาหกิจสังกัด ได้แก่
1.4.1 สำนักงานนายกรัฐมนตรี เช่น การทอ่ งเทีย่ วแหง่ ประเทศไทย
องคก์ ารสตั ว์ การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย
1.4.2 กระทรวงกลาโหม เช่น โรงกลั่นน้ำมัน (ฝางและบางจาก) องค์การ
แก้ว องค์การผลติ อาหารสำเรจ็ รปู (อสร.) องค์การทอผา้
1.4.3 กระทรวงการคลัง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทกระสอบอีสาน
จำกดั โรงงานยาสูบ
1.4.4 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น องค์การสะพานปลา บริษัทข้าวไทย
จำกัด
1.4.5 กระทรวงมหาดไทย เช่น องค์การตลาด โรงพิมพ์ตำรวจ การไฟฟ้าส่วน
ภูมิภาค
1.4.6 กระทรวงศึกษาธิการ เชน่ องคก์ ารดรุ ิยางค์นาฏศิลป์ องคก์ ารค้าครุ ุสภา
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
58
1.4.7 กระทวงพาณิชย์ เชน่ องค์การคลงั สนิ ค้า
1.4.8 กระทรวงอุตสาหกรรม เช่น องค์การอุตสาหกรรมน้ำตาลไทย โรงงาน
กระดาษไทย (กาญจนบุรีและสามเสน)
2. ประเภทของรัฐวิสาหกจิ ตามรายได้ทีน่ ำสง่ รัฐ
การจำแนกรัฐวิสาหกิจตามรายได้ที่นำส่งรัฐทางสำนักงบประมาณ ถือเอา
หลักเกณฑ์ในการกำหนดอัตราร้อยละของกำไรสุทธิ เพื่อจัดสรรส่งเป็นรายได้ให้รัฐสามารถแยก
รฐั วิสาหกิจ ในประเทศไทยออกเป็น 6 ประเภท คือ
2.1 รัฐวิสาหกิจประเภทผูกขาด
รัฐวิสาหกิจประเภทนี้ รัฐบาลมีวัตถุประสงค์หลักในนการจัดต้ัง
เพื่อแสวงหาและจัดหารายได้เข้ารัฐ เพื่อที่รัฐบาลได้นำมาใช้จ่ายในรูปของการบูรณะและพัฒนา
ประเทศ โดยรัฐวิสาหกิจประเภทผูกขาด รัฐจะกำหนดให้จัดสรรกำไรส่งเป็นรายได้ให้แก่รัฐ
ไมต่ ่ำกว่าร้อยละ 80 ของผลกำไรสุทธิประจำปี เช่น โรงงานยาสบู โรงงานไพ่ องค์การสรุ า
2.2 รฐั วิสาหกจิ ประเภทก่ึงผูกขาด
รัฐวิสาหกิจประเภทนี้ทำหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนและหารายได้ให้
รฐั ด้วยในขณะเดียวกัน รัฐวิสาหกิจประเภทนี้จะต้องจัดสรรกำไรส่งเป็นรายได้ให้แก่รัฐไม่ต่ำกว่า
ร้อยละ 50 ของกำไรประจำปี กิจการดังกล่าวนี้ ได้แก่ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ องค์การ
เช้ือเพลิง องค์การคลังสนิ ค้า
2.3 รฐั วิสาหกจิ ประเภทสาธารณปู โภค
รัฐวิสาหกิจประเภทนี้รัฐจัดต้ังขึ้นเพื่อเป็นส่ือนำในการพัฒนาเศรษฐกิจ
เป็นกิจการปูพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชน กิจการเหล่านี้รัฐจะเน้นที่การอำนวยความสะดวก
และความผาสุก แก่ประชาชนเป็นสำคัญ รัฐวิสาหกิจประเภทนี้รัฐกำหนดให้ส่งผลกำไรเป็นรายได้
ให้รัฐตามความเหมาะสมในแต่ละปีในปัจจุบัน กิจการดังกล่าว ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ
ไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาค การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย
2.4 รัฐวิสาหกจิ ประเภทอุตสาหกรรม
รั ฐวิ สาหกิ จป ระเภทนี้ จั ดตั้ งขึ้ นเพ่ื อเป็ นแนวทางและปู พื้ นฐานด้ าน
อุตสาหกรรม ซึ่งจะให้เอกชนรับช่วงทำต่อไป เพราะรัฐบาลมีนโยบายอย่างแน่นนอนว่า จะไม่
ดำเนินกิจการค้า และอตุ สาหกรรมที่จะเป็นการแข่งขนั กับเอกชน รัฐบาลได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจ
ประเภทนี้จัดสรรกำไรส่งเป็นรายได้ให้รัฐไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของผลกำไรสุทธิประจำปี กิจการ
เหลา่ นี้ ได้แก่ องคก์ ารแก้ว องค์การทอผ้า องคก์ ารเภสชั กรรม
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
59
2.5 รัฐวิสาหกิจประเภทอ่นื ๆ
รั ฐวิ ส าห กิ จป ระ เภ ท นี้ จั ด ตั้ งขึ้ น เพื่ อ จุ ด ป ระส งค์ ใน ก าร ให้ บ ริ ก า ร
แก่สาธารณชนไม่หวังผลกำไร บางแห่งจำเป็นต้องพึ่งงบประมาณแผ่นดินในการลงทุนดำเนินงาน
รัฐกำหนดให้รัฐวิสาหกิจประเภทนี้ส่งผลกำไรเป็นรายได้ให้รัฐตามความเหมาะสมในแต่ละปี กิจการ
ดงั กล่าวนี้ ไดแ้ ก่ องคก์ ารสวนยาง องคก์ ารสะพานปลา
2.6 รัฐวิสาหกิจประเภทบริษัทจำกัด
รัฐวิสาหกิจประเภทนี้ต้องเสียภาษีการค้าและภาษีเงินนิติบุคคลตาม
ประมวลรษั ฎากร รฐั ใหพ้ ิจารณาชว่ ยจา่ ยเงนิ ปนั ผลตามอตั ราที่กำหนดตามสมควรเป็นปี ๆ ไป
การจดั ต้ังรัฐวิสาหกจิ
การจัดตั้งรฐั วิสาหกจิ ทำได้ 4 ลักษณะ คือ
1. จัดต้ังโดยพระราชบัญญัติ โดยมีทุนท้ังส้นิ เป็นของรัฐ เช่น องคก์ ารโทรศพั ท์
แห่งประเทศไทย การรถไฟแหง่ ประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย ฯลฯ
2. จัดต้ังโดยพระราชกฤษฎีกา โดยมีทุนท้ังส้ินเป็นของรัฐ เช่น องค์การ
อุตสาหกรรมป่าไม้ องค์การสวนยาง องค์การสวนสัตว์ ฯลฯ
3. จดั ตั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ โดยรัฐบาลเปน็ เจา้ ของ หรือ
ถอื หนุ้ เกินกวา่ ร้อยละ 50 เช่น บริษัทการบินไทย บริษทั ไม้อัดไทย บริษทั ขนส่ง จำกัด ฯลฯ
4. จัดต้ังตามมติคณะรฐั มนตรี เชน่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สถานธนา
นเุ คราะห์โรงงานยาสูบ ฯลฯ
ข้อดแี ละข้อเสียของการประกอบธุรกิจแบบรฐั วิสาหกจิ
ข้อดขี องการประกอบธรุ กิจแบบรัฐวิสาหกจิ
1. เหตุผลทางการเมือง นโยบายด้านหนึ่งของรัฐบาลแทบทุกประเทศที่ต้ัง
รัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะกิจการบางอย่างมีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย
ภายในประเทศ เช่น การผลติ สุรา บุหรี่ ไพ่
2. เหตุผลทางเศรษฐกิจ กิจการบางประเภทต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก หรือ
กิจการที่เอกชนไม่สนใจลงทุนเพราะผลตอบแทนต่ำ หรือจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวเกินไป หรือ
บางกรณียังไม่ควรที่จะเส่ียงให้เอกชนลงทุน เช่น กิจการด้านสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นกิจการที่สนองตอบ
ประชาชนดว้ ยสวัสดกิ ารและความเป็นอยู่ และเปน็ กิจการทีจ่ ำเปน็ ต่อการพัฒนาประเทศ
3. เหตุผลทางการทหาร การรวบรวมกิจการบางประเภทไว้เป็นของรัฐตาม
จุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์ เช่น สินค้ายุทธปัจจัยต่าง ๆ น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารสำเร็จรูป
เพ่อื ป้องกนั การขาดแคลนและเพ่ือใหม้ ีความสามารถในการผลติ ยามสงคราม
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
60
ข้อเสียของการประกอบธรุ กิจแบบรฐั วิสาหกิจ
1. เหตุผลในด้านการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจ มักจะถูกควบคุมด้วยระเบียบ
ต่าง ๆ ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ต้องรอการส่ังการ จึงเป็นเหตุ
ทำให้ขาดความรับผิดชอบและความคิดริเริม่ ซ่ึงเป็นส่งิ สำคญั ของธุรกจิ
2. เหตุผลที่เกี่ยวกับการขาดประสิทธิภาพการผลิต เพราะการแต่งตั้งผู้บริหาร
มักจะเป็นไปตามเหตุผลอ่ืน ๆ มากกว่าการคำนึงถึงความรู้ความสามารถ จึงเป็นเหตุทำให้ผู้บริหาร
มักจะดำเนินนโยบายเฉพาะหน้ามากกว่าที่จะวางแผนระยะยาว นอกจากนี้รัฐวิสาหกิจส่วนมากจะซื้อ
วัตถุดิบ ในราคาที่สูงกว่าธุรกิจเอกชน และมีพนักงานเจ้าหน้าที่มากเกินจำเป็น ทำให้ต้นทุน
การผลิตสูงเกินไป เป็นสาเหตุทำให้การดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ขาดทุน ทำให้ผู้บริโภคได้รับกระทบ
ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ซือ้ สนิ ค้าและบริการในราคาทีส่ ูง ต้องรับภาระภาษีอากรเพิม่ ขนึ้ หรือ ฯลฯ
จากธุรกิจแบบรัฐวิสาหกิจที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า รัฐวิสาหกิจ คือองค์กรของรัฐบาล
หรือหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของหรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละ 50 ดังน้ัน รัฐวิสาหกิจจึงเป็นหน่วยงานทาง
ธุรกิจ หรือกิจการของรัฐที่มีภารกิจในการให้บริการสาธารณะ ด้านอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม
รวมถึงเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานทางเศรษฐกิจให้แก่รัฐบาล จากภารกิจของรัฐวิสาหกิจ
ข้างต้น จึงทำให้รัฐวิสาหกิจมี ลักษณะองค์การและการดำเนินงานที่มีลักษณะผสมระหว่าง
กิจการเอกชนต้องมีความคล่องตัวและมีเป้าหมายคือกำไรในการดำเนินงานอันเปน็ เป้าหมายทาง
เศรษฐกิจ กับการเป็นหน่วยงานของรัฐแบบมหาชนซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐที่ต้องดำเนินการต่าง ๆ
ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ของกฎหมายและ มีเป้าหมายคือผลประโยชน์ต่อส่วนรวมอันเป็น
เป้าหมายทางสังคม
3. ภาษแี ละข้อกำหนดท่เี กย่ี วกับการประกอบธรุ กจิ
ในการประกอบธุรกิจ ส่ิงหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องรู้และตระหนัก และถือภาระหน้าที่
ของผู้ประกอบการ ที่จะต้องชำระภาษีอากรให้กับรัฐบาล เพื่อนำมาใช้ในกิจการของรัฐและ
ให้บริการแก่สมาชิกของรัฐ คือ ประชาชน โดยไมผ่ ูกพนั ทีจ่ ะให้สิ่งใดตอบแทนแก่ผู้เสียภาษี
ประเภทของภาษีอากร
1. ภาษีทางตรง (Direct Taxes) คือ ภาษีทีร่ ัฐบาลเรียกเก็บจากรายได้และทรัพยส์ ินตา่ ง ๆ
ของบุคคล หรือนิติบุคคล ที่กฎหมายประสงค์ให้เป็นผู้รับภาระเสียภาษีโดยตรง ไม่สามารถผลักภาระ
ภาษีไปยังผู้อ่ืนได้ โดยทั่วไปภาษีทางตรงได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีมรดก ภาษีประกันสังคม ภาษีการให้
ภาษีทรัพยส์ ินต่าง ๆ
หนว่ ยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
61
2. ภาษีทางอ้อม (Indirect Taxes) ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากผู้ใดแล้ว ก็คาดหวัง
และต้ังใจใหบ้ ุคคลนั้นไปเอาคืนจากบุคคลอ่ืน หรือผลกั ภาระทางภาษีท้ังหมด หรือบางสว่ นไปยัง
บุคคลอ่ืน เป็นผู้รับชำระภาษีอากรแทน โดยทั่วไปภาษีทางอ้อม ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีสรรพามิต ภาษีธรุ กิจเฉพาะ ภาษีศุลกากร ภาษีทางการค้า คา่ ธรรมเนียมอากรต่าง ๆ
ภาษีทีธ่ รุ กิจต้องเกีย่ วขอ้ ง
1. ภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา (Personal income Taxes)
ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา คือ ภาษีทางตรง ภาษีเงนิ ได้ทีเ่ ก็บจากบุคคลธรรมดา
บคุ คลธรรมดาที่มีเงินได้ไม่ว่าประเภทใด ชนิดใด ถ้าไม่มีกฎหมายยกเว้นให้ จะต้องเสียภาษีเงนิ ได้
บคุ คลธรรมดา
ผู้มีเงินไดท้ ี่ต้องเสยี ภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา ไดแ้ ก่ บคุ คลธรรมดา ผู้ถงึ แก่ความตาย
ระหวา่ งปีภาษี กองมรดกที่ยงั ไม่ไดแ้ บง่ หา้ งหุ้นส่วนสามัญ หรือกิจกรรมรว่ มค้าที่ไม่ใชน่ ิติบุคคล
การคำนวณเสียภาษีเงนิ ได้บุคคลธรรมดา คอื
เงนิ ได้สุทธิ = เงนิ ไดพ้ ึงประเมนิ ลบคา่ ใช้จ่าย – ค่าลดหยอ่ น
2. ภาษีเงนิ ได้นิติบุคคล (Corporate income Taxes)
ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นเครื่องมือของรัฐประเภทหนึ่งที่ใช้ในการจัดเก็บจาก
ผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากการประกอบกิจการของบริษัทหรือ
หา้ งหนุ้ ส่วนนิติบุคคลในแตล่ ะรอบระยะเวลาบัญชี มีกำหนดสบิ สองเดอื นต่อหนึง่ รอบระยะเวลาบญั ชี
นอกจากนี้ยังมีวิธีการจัดเก็บวิธีอ่ืนอีก คือ เก็บจากยอดรายรับ หรือยอดขายก่อนหักรายจ่ายใด ๆ
หรือเก็บจากค่าโดยสาร ค่าระวางฯ ของกิจการขนส่งระหวา่ งประเทศ หรือเก็บจากการจำหน่าย
เงนิ กำไรไปต่างประเทศ
ผู้มีหน้าทีเ่ สยี ภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่
1) บริษทั หรือหา้ งหุ้นส่วนนิตบิ คุ คลทีจ่ ดทะเบียนต้ังขนึ้ ตามกฎหมายไทย
2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนต้ังขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
และเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย (กรณีมีสาขาในไทย) หรือมีตัวแทนซึ่งเป็นลูกจ้าง หรือผู้ทำ
การแทน หรือผู้ทำการติดต่อในการประกอบกิจการในประเทศไทย ซึง่ เป็นเหตใุ ห้ไดร้ บั เงินหรือผล
กำไรในประเทศไทย
3) กิจการขนส่งระหวา่ งประเทศ
4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนจัดต้ังขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
มไิ ด้ประกอบกิจการในประเทศไทย แต่ได้รับเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๔๐
(๒) (๓) (๔) (๕) (๖) ทีจ่ า่ ยจากหรือในประเทศไทย
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
62
5) กิจการซึ่งดำเนินการเป็นทางการค้าหรือหากำไรโดยรัฐบาลต่างประเทศ
องคก์ ารของรัฐบาลตา่ งประเทศ หรือนิติบุคคลอ่ืนทีต่ ้ังข้นึ ตามกฎหมายของต่างประเทศ
6) กิจการร่วมค้า ซึ่งได้แก่กิจการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นทางค้าหรือหากำไร
ระหว่างบริษัทกับ บริษัท บริษทั กบั หา้ งหุ้นสว่ นนิติบคุ คล หา้ งหุ้นสว่ นนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนนิติ
บุคคล หรือระหวา่ งบริษัทและหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่มิใช่นิติ
บคุ คล ห้างหนุ้ ส่วนสามญั หรือนิติบคุ คลอืน่
ภาษีเงินได้นิติบุคคล คำนวณจากเงินได้ที่ใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณภาษี
คูณด้วยอัตราภาษีที่กำหนด ดังน้ัน เงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือฐานภาษีเงินได้
นิติบุคคลน้ัน โดยท่ัวไปได้แก่กำไรสุทธิที่คำนวณตาม เงื่อนไขที่กำหนด แต่เพื่อความเป็นธรรม
และอุดช่องว่างในการจัดเก็บภาษีเงินได้ จึงได้มี การบัญญัติจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเงิน
ได้หรือฐานภาษี ที่แตกต่างกัน ดังนี้ กำไรสุทธิ ยอดรายได้ก่อนหักรายจ่าย เงินไดท้ ี่จ่ายจากหรือ
ในประเทศไทย การจำหน่ายเงนิ กำไรออกไปจากประเทศไทย
เงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่ ยกเว้นตามอนุสัญญาภาษีซ้อน
ยกเว้นตามพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ยกเว้นค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงจากการ
รับบริจาคของมูลนิธิหรือสมาคม ยกเว้นเงินได้จากกิจการของโรงเรียนเอกชนที่มูลนิธิหรือ
สมาคมจดั ต้ังข้นึ ตามกฎหมายว่าดว้ ยโรงเรียนเอกชน
3. ภาษีมลู ค่าเพิม่ (Value Added Tax : VAT)
เป็นภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่เก็บจากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ในแต่ละขั้นตอนการผลิต
การจำหน่ายสินค้า และบริการต่าง ๆ โดยการคำนวณจากยอดค่าสินค้าหรือบริการตามอัตรา
ภาษีที่กำหนด เพือ่ ไมใ่ หม้ กี ารจดั เกบ็ ภาษีซำ้ ซ้อน
เน่อื งจากภาษีมูลค่าเพ่ิมจดั เก็บจากการขายสินค้า การให้บริการ และการนำเข้า
สินค้าหรือบริการทั่วไปจากต่างประเทศ ดังนั้น หากจะจำแนกกระบวนการที่ทำให้มีขึ้นซึ่งสินค้า
จนถึงการบริโภคสินค้าแล้ว อาจแบ่งได้เป็นข้ันตอนการผลิต การขายส่ง การขายปลีก ซึ่งการจัดเก็บ
ภาษีมูลค่าเพิ่มจะครอบคลุมทุกขั้นตอนที่มีการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่าผู้อยู่ในข่าย
มีหน้าที่เสียภาษี มูลค่าเพิ่มประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้ขายส่ง ผู้ขายปลีก ผู้ส่งออก ผู้ให้บริการและ
ผู้นำเข้า ทั้งนี้ไม่ว่าจะประกอบการในรูปของบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
องค์กรของรัฐบาล หรอื นิติบุคคล ๆ ก็ตาม
ดังนั้นผู้ที่ขายสินค้าหรือให้บริการในแต่ละขั้นตอน มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ต่อเมือ่ ไดข้ ายสนิ ค้าหรือใหบ้ ริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพเท่านั้น ซึง่ เรียกว่า “ผู้ประกอบการ” และมี
สิทธิ์และหน้าที่เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นทันที เมื่อจดทะเบียนมูลค่าเพิ่มแล้ว “ผู้ประกอบการ
จดทะเบียน”แล้วเท่าน้ัน แต่สำหรับกรณีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าผู้นำเข้าจะเป็น
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
63
ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือไม่ หรือนำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจ หรือเพื่อวัตถุประสงค์
อ่ืนใดก็ตาม ผู้นำจะต้องเสียภาษีมูลราคาเพิ่มด้วยกันเช่นกัน (นอกจากผู้ที่อยู่ในกรณีได้รับการ
ยกเว้นภาษีมลู ค่าเพม่ิ )
ธุรกิจที่มีรายรับไม่เกินปีละ 1,800,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มถ้าสูงกว่านี้จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และยื่นแบบ ภ.พ.30 การจดทะเบียน
ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะทำได้ เมื่อมีการขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว โดยทะเบียนตัวจดทะเบียน
ที่สำนักงานภาษีสรรพากรจังหวัด หรือสำนกั งานสรรพากรภาคทกุ แห่ง
ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องชำระภาษีทุกเดือน ๆ ละหนึ่ง
คร้ัง ตามเดือนปฏิทิน ภายในวันที่ 15 ของเดือนภาษีถดั ไป โดยการคำนวณภาษีดงั นี้
ภาษีที่ต้องชำระ = ภาษขี าย – ภาษีซือ้
หากผลการคำนวณเปน็ ลบ เน่ืองจากภาษีซ้อื มากกว่าภาษีขาย ผปู้ ระกอบ
มีสิทธิ์ไดร้ ับภาษีคืน ผู้กระทำผิดเกี่ยวกบั บทบญั ญัติเกีย่ วกับภาษีมูลค่าเพิ่มจะไดร้ ับโทษปรบั ทาง
แพง่ และไดร้ ับโทษทางอาญาจำคกุ ต้ังแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี ตามกรณี
4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax)
คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการที่เป็นบุคคล บุคคลธรรมดา คณะบุคคล
ที่ไม่ใช่นิติบุคคล (กิจการร่วมค้า) กองมรดก ห้างหุ้นส่วนสามัญ กองทุน หน่วยงานหรือกิจกรรมของ
เอกชน ที่กระทำโดยบุคคลธรรมดาต้ังแต่สองคนขึ้นไปอันมิใช่นิติบุคคล ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ
การธนาคาร ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ การรับประกันชีวิต
การประกันภัย การรับจำนำ ธุรกิจการให้กู้ยืมเงินค้ำประกัน การแลกเปล่ียนเงินตรา ออก ซื้อหรือ
ขายต๋ัวเงิน รับส่งเงินตราต่างประเทศ การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นการค้าหรือหากำไร (นอกจากจะ
ได้รบั การยกเว้นภาษีธุรกจิ เฉพาะตามพระราชกฤษฎีกา)
ผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษีธรุ กิจเฉพาะ จะต้องขอยื่นจดทะเบียนตามภาษา
แบบภาษีภายใน 30 วัน นับแต่วันเริ่มประกอบการ ที่สำนักงานสรรภากรเขตพื้นที่ ที่สำนักงาน
ใหญ่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ยืนได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานสรรพากรจังหวัด เมื่อได้รับ
ใบทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ ภ.ธ.20 ให้นำไปติดแสดงไว้ ณ ที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายในสถาน
ประกอบการ
5. ภาษีสรรพสามติ
คือ ภาษีการขายเฉพาะที่เรียกเก็บจากสินค้าและบริการบางประเภท ที่มีเหตุผล
สมควรทีจ่ ะต้องรับภาระภาษีสูงกวา่ ปกติ เช่น สินค้าที่บริโภคแล้วอาจก่อใหเ้ กิดผลเสียต่อสุขภาพและ
ศีลธรรมอันดี สินค้าและบริการที่มีลักษณะเป็นการฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ได้รับผลประโยชน์เป็น
พิเศษจากรัฐ หรือสินค้าที่ก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาลในการที่จะต้องสร้างส่ิงอำนวยความสะดวก
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
64
ต่าง ๆ เพ่ือให้บริการผู้บริโภค หรือเป็นสินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อส่ิงแวดล้อม เช่น ธุรกิจการ
ผลิตและจำหน่ายสุรา เครื่องด่ืม ยาสูบ ปูนซีเมนต์ น้ำมันผลิตภัณฑ์น้ำมัน น้ำหอม หัวน้ำหอม
และน้ำมันหอม พรมและส่ิงทอปูพื้นอ่ืน (เฉพาะที่ทำด้วยขนสัตว์) สถานบริการ (สนามแข่งม้า
สนามกอล์ฟ) รถจักรยานยนต์ แบตเตอรี่ ไพ่ เครื่องไฟฟ้า (เฉพาะเครื่องปรับอากาศและโคมระย้า
ที่ทำจากแก้วเลดคริสตัลและแก้วคริสตัลอ่ืน ๆ) รถยนต์ (รถยนต์น่ัง รถยนต์กระบะ รถยนต์โดยสาร
ทีม่ ีทีน่ ่งั ไมเ่ กิน 10 คน) เรือยอรช์ และยานพาหนะทางน้ำที่ใช้เพ่อื ความสำราญ
นอกจากนี้ผู้ประกอบการอาจจะต้องเสีย ภาษีท้องถิ่น ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
ภาษีป้ายตามกิจกรรมที่ธรุ กิจไดท้ ำไว้
6. กฎหมายทรพั ย์สินทางปัญญา
ประเทศไทยมีกฎหมายรบั รองสทิ ธิใ์ นทรพั ย์สินทางปัญญา 3 ประเภท คือ
สทิ ธิบตั ร(Patent) ลิขสิทธิ์ (Copyright) และเครือ่ งหมายการค้า (Trademark)
6.1 พระราชบัญญัติสทิ ธิบัตร มุ่งคุ้มครองการประดิษฐ์และการออกแบบผลิตภัณฑ์
โดยให้ความคุ้มครอง 3 ประการ คือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Patent for Innovation), การออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ (Product Design) และ อนุสิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Petty Patent) โดยผู้ประดิษฐ์และ
ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์จะได้รับความคุ้มครองต่อเมื่อได้ทำการจดสิทธิบัตรตามหลักเกณฑ์ของ
พระราชบัญญัตินี้ เมื่อจดแล้วจะได้รับสิทธิรวมรวมถึงผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหา
ประโยชน์จากผลผลิตทางปัญญาของตน เพื่อส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ
เพ่มิ ขนึ้
6.2 ลิขสิทธิ์ มุ่งคุ้มครองสิทธิที่เกี่ยวกับผลงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการ
ใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์
โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อ่ืน โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้
คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียนกฎหมาย
ลิขสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภท ได้แก่ งานวรรณกรรม (หนังสือจุลสาร ส่ิงพิมพ์
คำปราศรัย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ) งานนาฎกรรม (ท่ารำ ท่าเต้น ฯลฯ) งานศิลปกรรม
(จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ศิลปประยุกต์ ฯลฯ) งานดนตรีกรรม (ทำนอง ทำนอง
และเนื้อร้อง ฯลฯ) งานส่ิงบันทึกเสียง (ซีดี) งานโสตทัศนวัสดุ (วีซีดี ดีวีดี ที่มีภาพหรือมีท้ังภาพและ
เสยี ง) งานภาพยนตร์ งานแพรเ่ สยี งแพร่ภาพ งานอ่นื ใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
6.3 เครื่องหมายการค้า คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้า
เพอ่ื แสดงว่าสนิ ค้าที่ ใช้เครื่องหมายน้ันแตกตา่ งกับสนิ ค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบคุ คลอ่นื
หนว่ ยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
65
1) เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมาย
เกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ ใช้เครื่องหมายน้ันแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมาย
การค้าของบคุ คลอื่น เช่น มาม่า กระทิงแดง บรีส
2) เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมาย
หรือเกี่ยวข้องกับบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมาย
บริการของบคุ คลอ่นื เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม
3) เครื่องหมายรับรอง (Certification Mark) คือ เครื่องหมายที่เจ้าของ
เครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับ สินค้าและบริการของบุคคลอ่ืน เพื่อเป็น
การรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แมช่ ้อยนางรำ ฮาลาล (Halal)
4) เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือ
เครื่องหมายบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่ม เดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม
กลมุ่ บุคคล หรือองค์กรอน่ื ใดของรฐั หรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัท ปนู ซิเมนต์ไท จำกัด
สำหรับกฎหมายอ่ืน ๆ ที่ผู้ประกอบการจะต้องเกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายประกันสังคม การขอ
จดทะเบียนพาณิชยเ์ ล็กทอนิกส์ การขนึ้ ทะเบียนอาหารและยาของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งผู้ประกอบการ
สามารถขอคำปรึกษาไดท้ ีก่ รมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
จากภาษีและข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า ภาษี
ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจนั้นแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่มีการเรียกเก็บเงิน
จากเราโดยตรงและไม่สามารถผลักภาระให้กับคนอ่ืนได้ และภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่เรา
สามารถผลกั ภาระภาษีให้กับผู้บริโภคได้ เช่น ภาษีมลู ค่าเพ่มิ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์
ซึง่ มีหลกั การจัดเก็บที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทภาษี นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรศึกษา
ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อประโยชน์ในการเตรียมพร้อม วางแผน
พิจารณา และตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและเหมาสม ซึ่งก็จะช่วยให้ได้ประโยชน์จากกิจการอย่าง
เตม็ ที่และลดความเสี่ยงในการเกดิ ความเสียหายต่าง ๆ ได้
สรุป
รูปแบบของธุรกิจโดยท่ัวไปแล้วจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ
ในด้านตา่ ง ๆ ได้แก่
องค์กรธุรกิจที่ไม่เป็นนิติบุคคล ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล แต่อาจมีการจด
ทะเบียนตามพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ ประกอบด้วยธุรกิจที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว
ที่มีบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของหรือลงทุนคนเดียว ควบคุมการดำเนินเองทั้งหมด เมื่อกิจการ
ประสบผลสำเร็จมีผลกำไร ก็จะได้รับผลประโยชน์เพียงคนเดียว ในขณะเดียวกันก็ยอมรับการ
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
66
เสี่ยงภัยจากการขาดทุนเพียงคนเดียว และห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นรูปแบบที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจะต้อง
รับผิดชอบในการชำระหนี้สินร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวน ห้างหุ้นส่วนสามัญจะจดทะเบียนเป็น
นิติบุคคลหรือไม่ก็ได้ โดยมีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรและขาดทุนที่เกิดจากการประกอบธุรกิจน้ัน
ในสัดสว่ นเท่ากันตามจำนวนหนุ้
องค์กรธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล ประกอบด้วยห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นรูปแบบห้างหุ้นส่วนที่จะต้อง
จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จึงมีผลทำให้กิจการน้ันเสมือนเป็นบุคคล และมีสิทธิดำเนินการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจำกัดเป็นธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น มีมูลค่าเท่า ๆ
กัน ผู้ถอื หนุ้ ต่างรับผิดชอบจำกัดไม่เกินจำนวนเงินที่ตนส่งใช้ให้ครบมลู ค่าหุ้นที่ตนถือ และองค์กร
ธุรกิจจัดตั้งขึ้นหรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ และบริษัทจำกัดมหาชนมีโครงสร้าง
เหมือนกับบริษัทจำกัด คือ มีผู้ลงทุนเรียกว่า ผู้ถือหุ้น รับผิดชอบจำกัด ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้น
ที่ยังไม่ชำระมีคณะกรรมการเป็นผู้บริหาร
ธุ ร กิ จ ยั งส า ม า ร ถ ด ำ เนิ น กิ จ ก า ร ใน ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ก า ร ผ ส ม ผ ส า น กั น ร ะ ห ว่ า ง ธุ ร กิ จ กั บ
การช่วยเหลือเกื้อกูลสังคม คือ ธุรกิจในรูปแบบของสหกรณ์ ซ่ึงมีคณะบุคคลต้ังแต่ 10 คนขึ้นไป
ที่มีอาชีพความต้องการ ความสนใจที่คล้ายคลึงร่วมกันจัดตั้งขึ้น และจดทะเบียนถูกต้องตาม
พระราชบัญญัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพ การครองชีพของสมาชิกและครอบครัวให้มี
ฐานะความเป็นอยู่ที่ดขี ึ้น ซ่ึงเป็นวิธีที่ให้ประโยชน์ทั้งต่อสมาชิกของสหกรณ์และต่อส่วนรวม และ
ธุรกิจในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจที่ประกอบธุรกิจโดยรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐ โดยดำเนินการ
เพื่อความสงบสุข ความมั่นคง ความปลอดภัยของประชาชน เช่น การประปา การไฟฟ้า โทรศัพท์
การรถไฟ เปน็ ต้น
ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเลือกประกอบธุรกิจได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของ
เงินทุนในการประกอบธุรกิจ ความพร้อมของทรัพยากร ขนาดและประเภทของธุรกิจที่มีความ
ประสงค์จะดำเนินการ ดังน้ันก่อนการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด ๆ จะต้องพิจารณาถึง
ความสามารถของตนเองและปัจจัยต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ เพื่อให้การ
ประกอบธรุ กิจนั้นประสบผลสำเรจ็ นำมาซึ่งผลประโยชนแ์ ละกำไรสูงสุด
หนว่ ยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
67
แบบฝกึ หัด
ตอนที่1 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี หไ้ ดใ้ จความสมบูรณ์
1. ปัจจัยอะไรบ้างทนี่ กั ธรุ กิจต้องนำมาพิจารณากอ่ นเลอื กรูปแบบในการดำเนินธรุ กิจ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. การประกอบธุรกิจรปู แบบกิจการเจ้าของคนเดียวมีลักษณะอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. จงเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างหา้ งหุ้นสว่ นสามัญและหา้ งหนุ้ ส่วนจำกดั
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. การประกอบธุรกิจรปู แบบบริษทั เอกชนจำกัดมีลกั ษณะอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. การประกอบธุรกิจรปู แบบบริษทั มหาชนจำกัดมีลกั ษณะอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
68
6. หนงั สอื บริคณหส์ นธมิ ีลกั ษณะอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
7. “สหกรณ”์ มลี ักษณะอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
8. สาเหตทุ ีร่ ัฐบาลเข้าดำเนินงานรฐั วิสาหกจิ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
9. ภาษีอากรมีกป่ี ระเภท แตล่ ะประเภทมีลักษณะอยา่ งไร จงอธิบาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
10. ประเทศไทยมีกฎหมายรับรองสิทธิ์ในทรัพยส์ ินทางปัญญากีป่ ระเภท อะไรบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
หนว่ ยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
69
แบบประเมินผลหลังเรียน
ให้นักศึกษาเลือกข้อทถ่ี ูกทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดยี ว โดยทำเครอ่ื งหมาย (X) ลงหน้าข้อท่ถี ูกตอ้ งทสี่ ดุ
1. การประกอบธรุ กิจรปู แบบใดที่จัดตั้งงา่ ยและเลิกงา่ ยที่สุด
ก. สหกรณ์
ข. ห้างหุ้นส่วน
ค. รฐั วิสาหกจิ
ง. กิจการเจ้าของคนเดยี ว
2. ธุรกิจรูปแบบใดที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันลงทุน โดยมีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรร่วมกัน
มีความเสย่ี งในการขาดทุนน้อยกวา่ กิจการคนเดียว
ก. สหกรณ์
ข. บริษทั จำกัด
ค. รัฐวิสาหกจิ
ง. หา้ งหุ้นส่วนจำกดั
3. ธุรกิจรูปแบบใดที่มีผู้ริเริ่มต้ังแต่ 3 คน เข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิแล้วนำไปจดทะเบียน
ต่อนายทะเบียน และจดั การให้หนุ้ ท้ังหมดของบริษัทมีผู้ลงชือ่ จองจนครบ
ก. สหกรณ์
ข. บริษทั จำกัด
ค. รฐั วิสาหกจิ
ง. หา้ งหุ้นส่วนจำกัด
4. ธรุ กิจรูปแบบใดที่จัดต้ังขึน้ โดยมีข้อดีในการชว่ ยใหเ้ ศรษฐกิจของประเทศดขี นึ้ เป็นแหลง่ รายได้
ของรัฐและยังควบคมุ สนิ ค้าบางตวั ทีเ่ ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพ
ก. รฐั วิสาหกจิ
ข. บริษทั จำกัด
ค. หา้ งหุ้นสว่ นจำกัด
ง. สหกรณอ์ อมทรพั ย์
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
70
5. ขอ้ ใดเป็นข้อเสยี ของธรุ กิจประเภทบรษิ ัทจำกดั
ก. มีข้อจำกัดในด้านกฎหมาย
ข. ข้ันตอนในการจดั ตั้งยุ่งยากมาก
ค. ส้นิ เปลอื งค่าใช้จา่ ยในการบริหารงาน
ง. ถูกทกุ ขอ้
6. ธรุ กิจรูปแบบใดยึดการดำเนินการตามหลกั ประชาธปิ ไตยและชว่ ยเหลือสมาชิก
ก. สหกรณ์
ข. รฐั วิสาหกจิ
ค. บริษทั จำกดั
ง. หา้ งหนุ้ สว่ นจำกดั
7. รูปแบบธรุ กิจใดท่จี ัดต้ังขนึ้ ดว้ ยทนุ ทั้งหมดของรัฐบาลหรือรัฐบาลมที ุนมากกวา่ ร้อยละ50
ก. สหกรณ์
ข. รฐั วิสาหกจิ
ค. บริษทั จำกดั
ง. หา้ งหุ้นสว่ นจำกัด
8. หากหา้ งหนุ้ สว่ นสามัญจดทะเบยี น จะมีสภาพเป็นข้อ ใด
ก. ห้างหนุ้ ส่วนจำกัด
ข. หา้ งหุ้นสว่ นสามญั นิติบคุ คล
ค. ห้างหนุ้ ส่วน (ชือ่ หา้ ง) จำกัด
ง. หา้ งหุ้นสว่ นสามญั จำกดั
9. สหกรณ์วัดจนั ทรไ์ ม่จำกดั สินใช้ คือสหกรณป์ ระเภทใด
ก. สหกรณ์นิคม
ข. สหกรณ์บริการ
ค. สหกรณก์ ารเกษตร
ง. สหกรณอ์ อมทรัพย์
หนว่ ยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ
71
10. ธนาคารกรงุ ไทย เป็นรัฐวิสาหกจิ ประเภทใด
ก. รัฐวิสาหกจิ ที่จดั ตั้งขนึ้ โดยพระราชบญั ญัติ
ข. รัฐวิสาหกจิ ทีจ่ ัดตั้งขนึ้ โดยพระราชกฤษฎีกา
ค. รัฐวิสาหกจิ ทีจ่ ดั ตั้งขนึ้ มีฐานะเป็นบริษทั จำกดั
ง. รัฐวิสาหกจิ ที่จัดต้ังขนึ้ ตามมติของ คณะรัฐมนตรี
หน่วยที่ 2 รปู แบบของธรุ กจิ
72
บรรณานุกรม
กิจจา บานชืน่ , กณกนนั ต์ บานชื่น. (2559). หลักการจดั การ. กรุงเทพฯ :
บริษัทซีเอ็ดยเู คช่นั จำกัด (มหาชน).
คณะวิทยาการจดั การ. (2559). ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั การประกอบธุรกิจ. (พิมพ์คร้ังที่ 9).
กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต.
ประจวบ เพิ่มสวุ รรณ. (2558). ความรู้เบื้องต้นทางธรุ กิจ. ปทมุ ธานี :
สำนกั พิมพม์ หาวิทยาลยั กรงุ เทพฯ.
ประภัสสร บญุ มี. (2550). ความร้เู บือ้ งต้นเก่ยี วกบั การประกอบธุรกิจ. มหาสารคาม :
สารคามการพิมพ์.
พรพรหม พรหมเพศ. (2551). ธุรกจิ เบ้อื งตน. กรุงเทพฯ : สาํ นกั พิมพทอป.
ภทั ริยา สงั ขม์ .ี (2552). ความรู้เบือ้ งต้นเกย่ี วกบั การประกอบธรุ กิจ.
คู่มือประกอบการบรรยาย. สงขลา : สาขาวิชาการจดั การ คณะวทิ ยาการจัดการ
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา.
สมคิด บางโม, (2553). การเป็นผปู้ ระกอบการ. (พิมพค์ ร้ังที่ 4). กรุงเทพฯ :
พัฒนวทิ ย์การพมิ พ์.
อนิวัช แก้วจำนงค์. (2555). ความรเู้ บือ้ งตน้ เก่ยี วกบั การประกอบธุรกิจ. หาดใหญ่ :
บริษัท นำศิลป์โฆษณา จำกดั .
หน่วยที่ 2 รูปแบบของธรุ กจิ