1
2
หนว่ ยท่ี 3
ระบบเครอื ขา่ ยอินเทอร์เนต็
หัวข้อเร่อื ง (Topics)
3.1 ความหมายและความสําคญั ของระบบเครอื ข่าย
3.2 ประเภทของระบบเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต
3.3 รปู แบบการเชื่อมตอ่ ของระบบเครอื ขา่ ย LAN Topology
3.4 อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็
3.5 ระบบเครอื ขา่ ยไร้สาย
3.6 คําศพั ท์ทเ่ี กย่ี วข้องกับอินเทอร์เน็ต
แนวคดิ สาํ คัญ (Main Idea)
การใช้งานเครือ่ งคอมพวิ เตอรส์ ่วนบคุ คล ไดถ้ กู นาํ มาใชง้ านครั้งแรกในระบบธรุ กจิ ซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ ถูก
ออกแบบมาสาํ หรับผใู้ ชง้ านคนเดยี ว มีเพียงส่วนน้อยที่ใชใ้ นการเชื่อมตอ่ เครอ่ื งคอมพิวเตอร์สว่ นบุคคลหลาย เครอ่ื ง
ปจั จุบนั เมือ่ คอมพิวเตอร์มีการใช้งานมากข้ึน นักพฒั นาโปรแกรมได้พฒั นาซอฟตแ์ วร์ท่รี องรบั การทาํ งาน แบบผู้ใช้
หลายคน จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทต่าง ๆ ใหค้ วามสาํ คญั ในการเช่ือมต่อเครื่องคอมพวิ เตอรห์ ลายเครื่องเข้า ด้วยกัน
เปน็ ระบบเครือข่าย การตดิ ตอ่ สือ่ สารข้อมลู หรอื การรบั สง่ สารสนเทศระหวา่ งเครื่องคอมพิวเตอร์จึงกลายมา เป็นสิ่ง
ท่อี ุตสาหกรรมคอมพวิ เตอรต์ อ้ งใหค้ วามสาํ คญั เทคโนโลยรี ะบบเครอื ขา่ ยจึงเป็นเทคโนโลยที ีม่ กี าร เจรญิ เตบิ โตมาก
ที่สุดในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ มีความต้องการระบบเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น มีความปลอดภัย และมี
ประสิทธิภาพมากขึน้
สมรรถนะย่อย (Element of Competency)
แสดงความรูเ้ ก่ยี วกับระบบเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็
จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives)
1. บอกความหมายและความสําคัญของระบบเครือข่ายและระบบเครือข่ายไร้สายได้
2. บอกประเภทของระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ และอุปกรณ์ท่ีใช้ในระบบเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตได้
3. อธบิ ายรปู แบบการเชอ่ื มต่อของระบบเครอื ขา่ ย LAN Topology ได้
4. บอกคาํ ศัพท์ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั อนิ เทอร์เน็ตได้
3
เนอ้ื หาสาระ (Content)
3.1 ความหมายและความสําคญั ของระบบเครอื ขา่ ย
3.1.1 ความหมายของระบบเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็
อนิ เทอรเ์ น็ต (Internet) หมายถงึ เครอื ข่ายคอมพวิ เตอรข์ นาดยักษ์ท่ีเชอ่ื มต่อกนั ทวั่ โลก โดย
มี มาตรฐานการรับส่งข้อมูลระหว่างกนั เปน็ หนงึ่ เดียว ซง่ึ คอมพวิ เตอรแ์ ต่ละเครอ่ื งสามารถรับสง่ ข้อมูลใน รูปแบบ
ตา่ ง ๆ เชน่ ตวั อักษร ภาพและเสียงได้ รวมท้งั สามารถคน้ หาข้อมลู จากท่ีต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็
รปู ที่ 3.1 แสดงระบบเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็
(ทม่ี า : https://sites.google.com/site/aekkalakkhamphachum)
3.1.2 ความสาํ คญั ของระบบเครือขา่ ยอนิ เทอร์เนต็
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีมาตรฐานการรับส่งข้อมูลที่ชัดเจน และเป็นหนึ่งเดียวทําให้
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดคนละแบบเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
มินิคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคลชนิดต่าง ๆ อาทิ พีซี แมคอินทอช หรือเครื่องแบบใด ๆ ก็ตาม ซ่ึง
โดยทั่วไปแล้วคอมพิวเตอร์ที่ประกอบกันเข้าเป็นเครือข่ายหลักของอินเทอร์เน็ตมักจะเป็นเครือข่าย ของ
มินิคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network หรือ LAN) และเครือข่ายของ
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ บางคนจึงเรียกอินเทอร์เน็ตว่าเป็น “เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์" (Network of
Networks) ส่วนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลท้ังหลายนั้นมกั จะไมไ่ ด้เชอ่ื มต่อกับระบบอนิ เทอร์เน็ตตลอดเวลา เพียงแต่
เชื่อมต่อเข้าไปเป็นครั้งคราวเมื่อต้องการใช้งาน การเชื่อมต่อจากเครือข่ายท่ัวโลกโดยทั่วไประบบ อินเทอร์เน็ต มี
ความสาํ คญั ในรปู แบบ ดังน้ี
4
1. การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทีท่ นั สมยั
2. การติดตอ่ สอื่ สารทีส่ ะดวก และรวดเรว็
3. แหล่งรวบรวมข้อมลู แหล่งใหญท่ สี่ ดุ ของโลก
สรุป ความสําคัญของระบบอินเทอร์เน็ต คือ เป็นเครื่องมือที่จําเป็นสําหรับงานไอที ทําให้
เกดิ ช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเรว็ ช่วยในการตดั สนิ ใจ และบรหิ ารงานทง้ั ระดบั บคุ คและองค์กร
3.2 ประเภทของระบบเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต
3.2.1 Peer To Peer
Peer To Peer เป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครอื ขา่ ยมีฐานเทา่ เทียม
กัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอ่ืนได้ และสามารถให้เครื่องอืน่ มาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ
Peer To Peer มีการทํางานแบบดิสทริบิวต์ (Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่าง ๆ ไปสู่
เวิร์กสเตชันอื่น ๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป็นความลับจะถูกส่งออก ไปสู่
คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกัน โปรแกรมที่ทํางานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal
Netware
รูปที่ 3.2 ระบบเครือข่าย Peer To Peer
(ทม่ี า : https://www.bobology.com/members/images/301.jpg)
3.2.2 Client/Server
Client Server เป็นระบบการทํางานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผล
แบบ กระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอนต์ แทนที่แอปพลิเคชันจะ
ทํางานอยู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคํานวณของโปรแกรมแอปพลิเคชันมาทํางานบนเคร่ือง ไคลเอนต์
ด้วย และเมอ่ื ใดท่เี คร่ืองไคลเอนต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางสว่ น จะมีการเรียกใช้ไปยงั เครื่อง เซิร์ฟเวอร์ให้นํา
เฉพาะขอ้ มลู บางส่วนเท่านัน้ ส่งกลับมาให้เครอ่ื งไคลเอนต์เพ่อื ทําการคํานวณขอ้ มูลน้ันตอ่ ไป
5
รูปท่ี 3.3 แสดงการทํางานของ Client/Server
(ที่มา : https://www.snc.co.th/upload/20862/4oXmPmOvoi.png)
3.3 รปู แบบการเชื่อมต่อของระบบเครอื ข่าย LAN Topology
3.3.1 แบบบสั (Bus)
การเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสายหลกั 1 เส้น เครื่องคอมพวิ เตอร์เซริ ์ฟเวอร์และไคลเอนต์ ทุกเครื่อง
จะต้องเชื่อมต่อสายเคเบิลหลักเส้นนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกมองเป็น Node เมื่อเครื่อง ไคลเอนต์เครื่องท่ี
หนง่ึ (Node A) ต้องการส่งข้อมูลใหก้ บั เครอ่ื งที่สอง (Node C) จะตอ้ งส่งข้อมลู และ แอดเดรสของ Node C ลงไป
บนบัสสายเคเบิลน้ี เมอ่ื เคร่ืองท่ี Node C ไดร้ บั ข้อมูลแลว้ จะนาํ ข้อมลู ไปทํางานต่อทนั ที
รูปท่ี 3.4 ระบบเครือข่ายแบบบัส
(ที่มา : https://heritage-offshore.com/images/network-topology-6-network-topologies-explained-compared-2.jpg)
6
3.3.2 แบบวงแหวน (Ring)
การเชอ่ื มตอ่ แบบวงแหวน เปน็ การเช่ือมต่อจากเครอื่ งหน่งึ ไปยงั อกี เครอ่ื งหนึง่ จนครบวงจร ใน
การสง่ ข้อมูลจะสง่ ออกท่ีสายสญั ญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครือ่ งหน่งึ ไปสู่เครื่องหน่งึ จนกว่าจะถงึ
เคร่ืองปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบน้คี อื ถ้ามสี ายขาดในสว่ นใดจะทําให้ไมส่ ามารถ สง่ ข้อมลู ได้ ระบบ Ring
มีการใชง้ านบนเครอื่ งตระกูล IBM กนั มาก เป็นเครือ่ งขา่ ย Token Ring ซึ่งจะใช้ รบั สง่ ขอ้ มลู ระหว่างเครอื่ งมินิ
หรือเมนเฟรมของ IBM กบั เครื่องลูกข่ายบนระบบ
รูปที่ 3.5 แสดงการเชอ่ื มตอ่ แบบวงแหวน
(ท่ีมา : https://heritage-offshore.com/images/network-topology-6-network-topologies-explained-compared-3.jpg)
3.3.3 แบบดาว (Star)
การเชื่อมต่อแบบดาวนี้จะใช้อุปกรณ์ Hub/Switch เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ โดยเครื่อง
คอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองจะต้องผ่าน Hub สายเคเบิลที่ใช้ส่วนมากจะเปน็ UTP และ Fiber Optic ในการส่ง ข้อมูล
Hub จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญาณ (Repeater) ปัจจุบันมีการใช้ Switch เป็นอุปกรณ์ในการ เชื่อมต่อซึ่งมี
ประสิทธภิ าพการทํางานสูงกว่า
7
รูปท่ี 3.6 แสดงการเชื่อมตอ่ แบบดาว
(ท่ีมา : https://heritage-offshore.com/images/network-topology-6-network-topologies-explained-compared-5.jpg)
3.3.4 แบบไฮบริด (Hybrid)
แบบไฮบรดิ เป็นการเชอ่ื มต่อท่ีผสมผสานเครือข่ายยอ่ ย ๆ หลายส่วนมารวมเขา้ ด้วยกัน อย่างเชน่
นาํ เอาเครอื ข่ายระบบ Bus ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าดว้ ยกนั เหมาะสําหรับ บางหนว่ ยงานทีม่ ี
เครอื ขา่ ยเก่าและใหมใ่ ห้สามารถทํางานร่วมกนั ได้ ซงึ่ ระบบ Hybrid Network จะมี โครงสรา้ งแบบ Hierarchical
หรอื Tree ที่มีลําดับชน้ั ในการทาํ งาน
รปู ที่ 3.7 แสดงการเชอ่ื มต่อแบบไฮบริด
(ทมี่ า : https://www.itrelease.com/wp-content/uploads/2021/06/Pros-and-cons-of-hybrid-topology-1024x683.jpg)
8
3.4 อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต
3.4.1 โมเด็ม (Modem)
โมเดม็ เป็นฮาร์ดแวร์ท่ีทําหน้าท่ีแปลงสญั ญาณ แอนะลอ็ กให้เปน็ สญั ญาณดิจิทัล เมื่อข้อมูลถูกส่ง
มายังผูร้ บั และ แปลงสัญญาณดิจทิ ัลใหเ้ ปน็ แอนะลอ็ ก เมอ่ื ตอ้ งการส่งขอ้ มลู ไป บนช่องส่ือสาร กระบวนการท่ีโมเดม็
แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็น สัญญาณแอนะล็อก เรียกว่า มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทําหน้าที่มอดูเลเตอร์
(Modulator) กระบวนการที่โมเดม็ แปลง สัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็น สัญญาณดิจิทลั
เรียกวา่ ดมี อดูเลชนั (Demodulation) โมเด็มท่ี ใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายในปัจจุบนั มี 2 ประเภท โมเด็มทท่ี ํางานเป็น
ท้งั โมเด็มและเคร่ืองโทรสาร เรยี กว่า Faxmodem
รปู ที่ 3.8 โมเด็ม (Modem)
(ท่ีมา : https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/wukOUBV0V/PRODUCT/TP_LINK_Archer_VR400.png)
3.4.2 การ์ดเครอื ข่าย (Network Adapter) หรอื การด์ LAN
การ์ดเครือข่ายเป็นอุปกรณ์ทําหน้าที่สื่อสาร ระหว่างเครื่อง
ต่างกันได้ ไม่จําเป็นต้องเป็นรุ่นหรือแบบเดียวกัน ควรเป็นการ์ดแบบ PCI
เนื่องจากสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่า แบบ ISA และเมนบอรด์ รุ่นใหม่ ๆ มักจะไม่
มี Slot ISA ควรเป็น การ์ดที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ซึ่งจะมีราคามากกว่า
การด์ แบบ 10 Mbps ไม่มากนัก แต่สง่ ขอ้ มูลได้เรว็ กว่า นอกจากน้ี ควรคํานึงถึง
ขั้วต่อหรือคอนเนกเตอร์ของการ์ดด้วย โดยทั่วไปคอนเนกเตอร์ของการด์ LAN (ก) การ์ดเครือขา่ ยแบบมสี าย
จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็นต้น ซึ่งคอนเนกเตอร์แต่ละแบบก็จะใช้
สายทแ่ี ตกตา่ งกนั
การ์ดเครือข่ายแบบไร้สาย (Wireless Lan) เป็น เครือข่ายที่อาศยั
คลื่นวิทยุ (RE:Radio Frequency) โดย คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่ได้รับการติดตั้ง
ตัวสง่ (การ์ด Wireless สาํ หรบั เคร่ืองพีซี หรือ การด์ เน็ตเวริ ค์ แบบ PCMCIA สาํ หรับ
เครือ่ งโนต็ บ๊คุ ) ไว้ จะส่งสญั ญาณคลืน่ วทิ ยไุ ปในอากาศ - (ข) การด์ เครอื ขา่ ยแบบไม่มี
สาย หาตัวรับที่เรียกวา่ Wireless Access Point ซึ่งต่อเข้ากับสาย รูปที่ 3.9 การ์ด
เครือข่าย LAN ธรรดา โดยเชื่อมต่อเข้า “บระบบเครือข่ายตามปกติอีกทอด
หนงึ่ (ข) การด์ เครอื ข่ายแบบไมม่ สี าย
9
3.4.3 เกตเวย์ (Gateway)
เกตเวย์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่ง ที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์
หน้าที่หลักคือช่วยให้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะ ไม่เหมือนกัน สามารถ
ตดิ ตอ่ ส่ือสารกันไดเ้ หมือนเป็นเครอื ขา่ ย เดยี วกนั
รูปท่ี 3.10 เกตเวย์
(ท่ีมา : http://1.bp.blogspot.com/-vc7hGPJFzbo/T_41l_0MENI/AAAAAAAAAFw/TV8VeniKp10/s320/safasgf.jpg)
3.4.4 เราเตอร์ (Router)
เราเตอร์เป็นอปุ กรณ์ในระบบเครือข่ายทท่ี ําหน้าที่เปน็ ตัวเช่ือมโยงให้เครอื ข่ายที่มีขนาดหรือ
มาตรฐานในการส่งขอ้ มลู ต่างกัน สามารถติดตอ่ แลกเปล่ยี นข้อมูลระหวา่ งกันได้ เราเตอรจ์ ะทํางานอยู่ช้ัน Network
หน้าที่ของเราเตอร์ก็คอื ปรับโพรโทคอล (Protocol) (โพรโทคอลเป็นมาตรฐานในการสื่อสารขอ้ มูล บนเครือข่าย
คอมพิวเตอร์) ท่ตี ่างกันใหส้ ามารถสอ่ื สารกันได้
รปู ท่ี 3.11 เราเตอร์
(ที่มา : https://res.cloudinary.com)
3.4.5 บรดิ จ์ (Bridge)
บริดจ์มีลักษณะคล้ายเครื่องขยายสัญญาณ บริดจ์จะทํางานอยู่ในชั้น Data Link บริดจ์
ทาํ งานคลา้ ย เครอื่ งตรวจตําแหนง่ ของข้อมูล โดยบริดจจ์ ะรบั ข้อมูลจาก ต้นทางและส่งใหก้ บั ปลายทาง โดยทบี่ ริดจ์
จะไม่มีการแก้ไขหรือ เปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ข้อมูล บริดจ์ทําให้การเชื่อมต่อระหว่าง เครือข่ายมีประสิทธภิ าพ ลด
การชนกนั ของข้อมูลลง บริดจจ์ งึ เป็นสะพานสาํ หรับขอ้ มูลสองเครือขา่ ย
รปู ที่ 3.12 บริดจ์
(ทม่ี า : data:image/jpeg;base64)
10
3.4.6 รีพตี เทอร์ (Repeater)
รีพีตเทอร์เป็นเครื่องทบทวนสัญญาณข้อมูล ในการส่งสัญญาณข้อมูลในระยะทางไกล ๆ
สําหรับสัญญาณ แอนะล็อกจะต้องมีการขยายสัญญาณข้อมูลที่เริ่มเบาบางลง เนื่องจากระยะทาง และสําหรับ
สัญญาณดิจิทลั จะต้องมีการ ทบทวนสัญญาณเพื่อป้องกนั การขาดหายของสญั ญาณ เน่ืองจากการส่งระยะทางไกล
ๆ เช่นกัน รพี ตี เทอร์จะทาํ งานอยู่ในชน้ั Physical
รปู ท่ี 3.13 รีพตี เทอร์
(ทีม่ า : https://sites.google.com/site/39srayya45sathida)
3.4.7 สายสัญญาณ
สายสัญญาณเป็นสายสําหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ในระบบเข้าด้วยกัน หาก
เปน็ ระบบทมี่ ีจาํ นวนเครื่องมากกวา่ 2 เครื่อง กจ็ ะต้องต่อผ่านฮบั อีกทีห่ นึ่ง โดยสายสญั ญาณสาํ หรบั เชอ่ื มตอ่ เคร่ือง
ในระบบเครือขา่ ย มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่
1. สาย Coaxial มลี ักษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทศั น์ ส่วนมากจะเปน็ สดี ําสายชนดิ น้ี
จะใช้กับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเนกเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้
จะต้องใช้ตัว T Connector สําหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกับการ์ด LAN ต่าง ๆ ในระบบ และ ต้องใช้ตัว
Terminator ขนาด 50 โอหม์ สาํ หรบั ปดิ หัวและท้ายของสาย
รปู ท่ี 3.14 สายสญั ญาณ Coax
(ท่มี า : https://lh3.googleusercontent.com/proxy)
2. สาย UTP
สายแลน ชนิด Category 5e แบบ Unshielded twisted pair (UTP) cables เป็นสาย ท่ี
ไม่มีชนวนป้องกันสญั ญาณรบกวนจากภายนอกหรอื Shielded (ส่วนทมี่ ี Shielded จะกล่าวในภายหลงั ) สายชนิด
นี้ เป็นสายที่มี จํานวน 4 คู่สาย 8 เส้น และมีขนาดของแกนทองแดงขนาดที่ 24 AWG (0.5 Squmm) ซึ่งมีการ
ผลติ แกนทองแดงแบบแกนเดี่ยว (Solid conductor) ที่เหมาะกบั การตดิ ตง้ั แบบทัว่ ไป
11
และ แบบ แกนทองแดงแบบฝอย (stranded conductor) ท่ีเหมาะกบั สายเชอื่ มต่อภายในตู้สือ่ สาร หรอื ที่ เรยี กวา่
สาย Patch Cord ซึ่งจะสามารถบิดโค้งงอ ได้มากกว่าสายชนิด แกนเดี่ยว (Solid) สายชนิดนี้จะมี Bandwidth
สูงสุด 350 MHz ในบางยี่ห้อมาตรฐานที่ 100 MHz และ ความเร็วในการส่งสัญญาณที่ 1001000 Mbps หรือ
Gigabit
รูปท่ี 3.15 สายแลน ชนิด Category 5e
(ทมี่ า : https://qrgo.page.linkz9gHk)
สายแลนชนิด Category 6 แบบ Unshielded twisted pair (UTP) cables เป็นสายที่ ไม่
มีชนวนป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกหรือ Shielded สายชนิดนี้ เป็นสายที่มี แกนกลางสําหรบั แบ่งแยก
ช่องสัญญาณทั้ง 4 คู่สายและมีจํานวน 4 คู่สาย 8 เส้น เหมือนกับ Cat5e แต่จะมีขนาดของแกน ทองแดงที่ใหญ่
กว่า ชนิด Cat5e อยู่ที่ขนาด 23AWG(0.65SQUMM) ซึ่งมีการผลิตแกนทองแดงทั้งแบบแกน เดี่ยว (Solid
Conductor) ทเี่ หมาะกบั การตดิ ตั้งแบบทวั่ ไป และ แบบแกนทองแดงแบบฝอย (stranded conductor) ทีเ่ หมาะ
กับสายเชื่อมต่อภายในตู้สื่อสาร หรือที่เรียกว่าสาย Patch Cord ซึ่งจะสามารถบิดโค้ง งอ ได้มากกว่าสายชนิด
แกนเดี่ยว (Solid) สําหรับสาย Cat.6 จะมี Bandwidth สูงสุดที่ 650 MHz หรือ มาตรฐานอยู่ที่ 250Mhz และ
ส่วนความเรว็ สงู สุดในการส่งสญั ญาณที่ Full speed 1000Mbps หรอื Full Gigabit
รูปท่ี 3.16 สายแสนซนิต Category 6
(ที่มา : https://df.lnwfile.com/_/df/_raw/0t/p2/vh.jpg)
12
วธิ ีการดูและสังเกตว่าสายเส้นไหนเปน็ Cat5e หรอื Cat.6 • จดุ สงั เกต อนั ดับแรก คือ สายชนดิ
Cat5e ขนาดของเส้นรอบนอก จะเล็กกว่าสายชนิด Cat6
• สีของตัวสาย โดยส่วนใหญ่ในประเทศไทย สายชนิด cat5e จะมีสเี ทาและสีขาว สว่ น สายชนดิ
Cat.6 จะมีสีฟา้ หรือ น้ำเงนิ ในบางยห่ี ้อ
• แกนทองแดง ของสายชนดิ Cat5e จะมีแกนทองแดงทีเ่ ลก็ กว่า ชนดิ Cat.6 • สาย Cat6 จะมี
พลาสติกแกนกลาง ที่ข้ันระหว่างสายทัง้ 4 คู่ ส่วน สายชนดิ Cat5e ไม่มี • อกี จุดสังเกตดุ ้านหนา้ ตดั ของหัวคอน
เน็คเตอร์ RJ45 Plug ตวั ผ้จู ะมีวธิ สี งั เกต ดงั น้ี - Cat5e หน้าตัด แกนกลางของสายจะเรียงกนั แบบแนวนอน เสมอ
กัน - Cat.6 หน้าตดั จะ สลับฟันปลา ขึ้นลง ไม่เสมอกัน ดังแสดงท่ีรปู ภาพ ด้านล่าง
รูปที่ 3.17 ความแตกต่างของหวั คอนเนค็ เตอร์ RJ45 Plug (male)
(ที่มา : https://1.bp.blogspot.com)
สายสัญญาณ UTP Cat5e จะผลิตตามมาตรฐาน ANSI/TIANEIA-568-A โดยมี ความกวา้ ง ของ
ชอ่ งสญั ญาณ (bandwidth) ท่ี 100 MHz หรอื 350 MHz และ จะมโี ค้ดสีในการเขา้ สายแลน ตาม มาตรฐาน
TIANEIA-568-A/B ซ่งึ ขึ้นอยู่กับลกั ษณะการใชง้ านของแตล่ ะพ้ืนท่ีหรอื ตามมาตรฐานของแตล่ ะ องค์กรน้นั แต่ใน
ปัจจบุ นั นิยมใชร้ หัสสีแบบ TIANEIA-568-B
รูปท่ี 3.18 โคด้ สีในการเข้าสายแลน ตามมาตรฐาน TIANEIA-568-ANB
(ท่มี า : https://i1.wp.com/www.bismon.com)
13
เพราะการเข้า Code สีผิด ก็จะไม่สามารถใช้งานรว่ มกับสายที่มีโค้ดสีแบบอ่ืนได้ ซึ่งเหมาะ กับการใช้งานภายใน
อาคารทว่ั ไป เชน่ การนาํ ไปใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์, เชือ่ มตอ่ Wireless หลาย ๆ ตัว, ระบบกล้อง IP camera,
CCTV, Access Control, PLC, BAS, Telephone หรือระบบที่เกี่ยวข้องกับ การเชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่าย
Ethernet LAN network ตามมาตรฐาน IEEE 802.3% ในทุกระดบั ของ มาตรฐานการสง่ สญั ญาณ โดยจะแบ่งการ
ใช้งานในยา่ นความถแ่ี ละความเรว็ ดงั ตอ่ ไปนี้
• ความเร็วในการสง่ สญั ญาณที่ 10Mbps, 100Mbps, 1000Mbps, 10000Mbps
• ความถ่ีในการส่งสญั ญาณ 100MHz, 250MHz, 350MHz,500MHz, 600MHz
การเลือกใชส้ าย Cat5e และ Cat.6 กบั Application ใหเ้ หมาะสม ท้ังคุณภาพและราคา
รปู ท่ี 3.19 อุปกรณ์ทม่ี กี ารเชอื่ มต่อกบั สายแลน
(ทีม่ า : https://www.ssaiot.net/17735111/cable-accesories)
1. สาย Cat5e ในระบบแลน (Ethernet LAN) เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ และ WIF ในปจั จุบัน
ไมน่ ยิ มใชก้ นั มากนกั เนอ่ื งจากขอ้ จํากดั เชน่ ความเรว็ (Speed) อัตราการส่งผา่ นข้อมูล ท่ีไดส้ งู สดุ ที่ 1000 Mbps
หรือ Gigabit และ ช่องของสัญญาณ Bandwidth ที่ได้สูงสุดที่ 350 MHz โดยขณะที่สายชนิด Cat 6 ทําได้ดีกวา่
มาก ถึง 650 MHz และความเร็วระดับ 10 Gigabit และปัจจุบันมีถึง Cat 8 ที่ความเร็ว support 25 Gbps/ 40
Gbps ท่ี Bandwidth 2000Mhz
14
สายชนิด Cat5e ตามสาํ นกั งาน หรือตามบ้าน หรือองค์กรบางแหง่ กย็ งั คงสามารถใชง้ านได้ทวั่ ไป เพราะ ความเร็ว
ก็ยังสามารถใช้งานแบบธรรมดาได้อยู่ดี ไม่ถึงกับช้าแต่ระดับองค์กรที่เน้นระดบั ความเร็วสงู จะต้อง เปลี่ยนไปใช้
สายแบบ UTP Cat.6 แทน เพราะสามารถใชง้ านได้มากกว่า เชน่ การสง่ ภาพวีดรี ะดบั Full HD หรือองค์กรที่เน้น
ตัดต่อภาพยนตร์ หรือหนัง หรือที่ทํากราฟิกดีไซด์ องค์กรที่เน้นระบบเกม ที่ต้องการ ความเร็ว และ หรือ ระบบ
Data Center ทีใ่ หบ้ ริการ โครงขา่ ยตา่ ง ๆ ทีส่ ามารถเข้าถงึ ข้อมูลได้เร็วข้นึ จงึ สมควรใช้งานสายเคเบ้ิลชนิด Cat.6
แตก่ ็จะมีราคาทส่ี ูงกวา่ Cat5e ตามไปดว้ ยน่ันเอง
รูปที่ 3.20 สาย Cat5e ในระบบแลน (Ethernet LAN)
(ทมี่ า : https://www.ssaiot.net/17735111/cable-accesories)
2. สาย UTP Cat5e และ Cat.6 ในระบบ โทรทศั นว์ งจรปิด (CCTV) จะมีอยู่ 2 ระบบ แบบ
แรก คือ ระบบอนาล็อคธรรมดา แบบที่สอง คือ ระบบ HD-Analog TVI, AHD, CVI ช่างหรือผู้ใช้งาน ก็ สามารถ
เลอื กใช้สายสัญญาณ ชนิด UTP cable Cat5e ทง้ั ชนดิ ภายในอาคาร (Indoor) และ ภายนอก อาคาร (Outdoor)
แทนสาย Coaxial cable ชนิด RG6 เพราะสามารถใช้ตัวแปลงสัญญาณ Balun ในการ แปลงเพื่อต่อใช้งาน กับ
กลอ้ งและตวั บนั ทึก (DVR/NVR) แถมใชส้ ายแลน Cat5e ก็ยงั สามารถนาํ ไป ประยุกต์ใช้งานกบั กลอ้ ง IP ไดอ้ ีก หรือ
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแต่แค่เปลี่ยนคอนเน็คเตอร์ปลายทางใหม่ ก็สามารถใช้งานได้แล้ว ประหยัด
ราคาไดม้ าก
ส่วนจะเลือกใชส้ าย Cat5e หรือ Cat.6 นน้ั ก็ข้นึ อยู่กับงบประมาณ ของแตล่ ะหนว่ ยงาน และ
ประโยชน์ที่จะไดร้ ับ เมื่อใช้สายที่แพงขึ้น ให้คุ้มค่าเงินที่ลงทุนไป หรือเหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน ถ้าเป็นกล้อง
ระบบ IP Camera จึงเหมาะสมกว่าที่จะใช้งานสาย Cat.6 เพราะระบบนี้ต้องการความเร็วที่สูง มาก เนื่องจาก
ความละเอียดของภาพมากขึน้
15
รูปที่ 3.21 สาย UTP Cat5e และ Cat6 ในระบบ โทรทศั นว์ งจรปิด (CCTV)
(ทมี่ า : https://www.ssaiot.net/17735111/cable-accesories)
3. สายแลน (UTP Cable) ทั้งชนิด Cat5e และ Cat.6 สามารถใช้งานได้ในระบบ PLC
(Programmable Logic Control) ที่ปัจจุบันทําได้ถึงระดับ PAC (Programmable Automation Control) เช่น
Modicon ต้นตํารับผู้คิดค้น การเชื่อมต่อแบบ Modbus ที่ยังคงสามารถใช้งานร่วมกับสายเคเบิ้ล Cat5e และ
Cat.6 ได้ ทุกระดับความเร็ว 10/100/1000 Mbps ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบระบบที่ต้องการ ความเร็วเท่าไร ในการ
ส่งผ่านข้อมูล ให้กับอุปกรณ์ปลายทางและต้นทางและระบบตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ สายเคเบิ้ล (Ethernet cable)
ชนดิ นี้ ขน้ึ อยกู่ ับการนําไปประยกุ ตใ์ ชง้ าน เชน่ Access Control, Audio system, Lighting control เป็นต้น
3.4.8 สวิตช์ (Switch)
Switch เป็นอุปกรณ์ในระบบ computer network เช่นเดียวกับ Hub ทําหน้าที่เชื่อมต่อ
อุปกรณอ์ นื่ ๆ เข้าดว้ ยกนั ในระบบ โดยอาศยั การทํา packet Switching ซึ่งจะรับ ประมวลผล และส่งข้อมูล ตอ่ ไป
ยงั ปลายทาง เพียงแค่หน่งึ หรือ หลาย port ไม่ใชก่ าร broadcast ไปทุก port เหมือนกับ hub
Switch จะมีด้วยกันหลาย port มีการระบุที่อยู่ (address) ประมวลผลก่อนที่จะส่งข้อมูล ต่อไปในระดับ data
link layer (layer 2) ใน OSI model บาง Switch สามารถประมวลผลในระดับ network
16
layer (layer 3) ซึ่งจะเป็นความสามารถในการทํา routing ซึ่งมักจะใช้งานกับ IP address เพื่อทํา packet
forwarding เรียกวา่ L3-Switch หรอื multilater Switch
รปู ท่ี 3.22 สวิตซ์ (Switch)
(ทม่ี า : https://lh3.googleusercontent.com)
คณุ สมบัติของ Switch
เป็นอุปกรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ที่เชือ่ มอุปกรณ์ network เข้าด้วยกัน โดยอาศัยสาย cable ต่อ
เข้า กับ port แต่ละอุปกรณ์ และยังสามารถจัดการเชื่อมต่อระหว่าง network ได้ อุปกรณ์แต่ละตัวที่ต่อเข้ากับ
Switch จะได้รับ network address เป็นตัวบอกตัวตนของแต่ละอุปกรณ์ เพื่อให้การส่งข้อมูล packet ไปถึง ได้
ถูกตอ้ งและเจาะจง อีกท้งั ยงั เป็นการเพิม่ ความปลอดภยั ให้กับ network
1. การทาํ งานของ Switch
Switch ทาํ งานในระดับ data link layer (layer 2) มีการแบง่ collision domain ของ
แต่ ละ port เพ่ือให้สามารถส่งข้อมูลหากันได้ในเวลาเดียวกันโดยไม่ชนกันได้ แต่ด้วยคุณสมบัติ half duplex
mode ทาํ ให้ port เดียวกนั ทาํ หน้าที่ สง่ หรือ รบั ขอ้ มลู ได้อย่างใดอยา่ งหน่ึงเท่าน้ันในชว่ งเวลาน้นั แตถ่ ้า อุปกรณ์
ท่ีตอ่ รองรบั full duplex mode ก็จะสามารถส่งและรบั ขอ้ มลู ได้ในเวลาเดียวกนั
จะเห็นไดว้ ่าถา้ เทียบกับ repeater hub แล้ว การส่งขอ้ มูลทําไดเ้ พียงแต่ port เดยี วในชว่ ง เวลานั้น จากคณุ สมบัติ
ที่ต้อง broadcast รวมถึงทํางานแบบ half duplex ทําให้ bandwidth ที่ได้ค่อนข้าง ต่ํา จากการชนกันของ
packet และตอ้ ง retransmit บ่อยคร้งั
2. การใช้งาน Switch
Network Switch มีบทบาทใน Ethernet local area networks (LANs) อย่างมาก
ตั้งแต่ ระบบ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ LAN จะประกอบด้วย Switch จํานวนหนึ่ง ที่ทําหน้าที่จัดการระบบ
network เช่น Small office/home office (SOHO) อาจจะใช้ Switch เพียงตัวเดียว รวมถึง office ขนาดเล็ก
หรือ ทีพ่ กั อาศยั ซง่ึ สดุ ท้ายแลว้ อาจจะนําไปเช่ือมต่อกบั router เพื่อใชใ้ นการเช่อื มตอ่ ineternet หรือ ทาํ Voice
over IP (VoIP)
3. Microsegmentation
การแบ่ง segment ทใ่ี ชใ้ น bridge หรือ Switch (router) เพอื่ แบง่ collision domain
ขนาดใหญ่ออกเป็นขนาดเล็ก เพื่อลดการชนกันของ packet รวมถึงเพิ่ม throughput ให้กับ network ใน การ
ทํางานขั้นสูง อุปกรณ์แต่ละตัวจะได้รับการเชื่อมต่อ port ของตัวเอง ซึ่งแต่ละ port จะแยก collision domain
เป็นของตัวเอง ซึ่งทําให้แต่ละ อุปกรณ์สามารถใช้งาน bandwidth ต่างกันตามการรองรับได้อีกทั้งยังทำ Full-
duplex mode ได้
17
ประเภทของ Switch
• L1-Switch : ทํางานระดับ Physical layer ทําหน้าที่เช่นเดียวกับ hub เป็นเหมือน
repeater ทาํ หนา้ ท่ี broadcast ข้อมลู ไปทกุ ๆ port ทาํ ใหต้ ิดขอ้ จํากนั เรื่องความเร็ว
• L2-Switch : ทํางานระดับ Data link later ทําหน้าที่เป็น network bridge ซึ่ง Switch
ส่วนใหญ่จะเป็นแบบน้ี มีประสิทธภิ าพสงู กว่า hub หรอื L1-Switch
• L3-Switch : ทํางานระดับ Network layer ทําหน้าที่เป็น router มีคุณสมบัติ IP
multicast สง่ ข้อมลู ให้เป็น group ได้
3.5 ระบบเครอื ขา่ ยไร้สาย
ระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ ระบบเครือข่ายแบบ Wireless LAN หรือ WLAN เป็นการเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สาย (ไม่จําเป็นต้องเดินสายเคเบิล) เหมาะสําหรับการติดตั้งในสถาน ที่ ที่ไม่
สะดวกในการเดนิ สาย หรือในสถานท่ีทต่ี ้องการความสวยงาม เรียบรอ้ ย และเปน็ ระเบยี บ เช่น สนามบนิ โรงแรม
ร้านอาหาร เป็นต้นหลักการทํางานของระบบ Wireless LAN การทํางานจะมีอุปกรณ์ใน การส่งสัญญาณ และ
กระจายสัญญาณ หรือเรียกวา่ Access Point และมี PC Card ที่เป็น LAN Card สําหรับในการเช่ือมกับ Access
Point โดยเฉพาะการทํางานจะใช้คลื่นวิทยุเป็นการรับส่งสัญญาณ โดยมีให้ เลือกใช้ตั้งแต่ 2.4 to 2.4897 GHz
และสามารถเลือกคอนฟิก (config) ใน Wireless LAN (ภายในระบบ เครือข่าย Wireless LAN ควรเลือก
ช่องสัญญาณเดียวกัน)
3.5.1 ระยะทางการเชอ่ื มต่อของระบบ Wireless LAN
ภายในอาคาร ภายนอกอาคาร
ระยะ 50 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps ระยะ 250 เมตร ไดค้ วามเร็วประมาณ 11 Mbps
ระยะ 80 เมตร ไดค้ วามเรว็ ประมาณ 5.5 Mbps ระยะ 300 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps
ระยะ 120 เมตร ได้ความเรว็ ประมาณ 2 Mbps ระยะ 400 เมตร ไดค้ วามเรว็ ประมาณ 2 Mbps
ระยะ 150 เมตร ไดค้ วามเร็วประมาณ 1 Mbps ระยะ 500 เมตร ได้ความเรว็ ประมาณ 1 Mbps
3.5.2 ลกั ษณะการเช่อื มต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี 2 ลกั ษณะ ดงั นี้
1. การเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc (Peer to Peer) โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ
Ad-hoc หรอื Peer to Peer เป็นการส่อื สารข้อมูลระหว่างเครอ่ื งคอมพวิ เตอรไ์ ร้สายและอปุ กรณต์ ่าง ๆ ต้งั แตส่ อง
เครื่องขึ้นไป โดยที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ทุกเครื่องสามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้เอง ตัวส่งจะใช้วิธีการ
แพร่กระจายคลน่ื ออกไปในทกุ ทิศทุกทางโดยไม่ทราบจดุ หมายปลายทางของตวั รบั ว่า อยู่ท่ีใด ซง่ึ ตัวรับจะต้องอยใู่ น
ขอบเขตพ้ืนทใ่ี หบ้ รกิ ารที่คลื่นสามารถเดนิ ทางมาถึงแล้วคอยเชก็ ข้อมูลว่า ใช่ของตนหรอื ไม่? ดว้ ยการตรวจสอบค่า
Mac Address ผู้รับปลายทางในเฟรมข้อมูลที่แพร่กระจายออกมา ถ้าใช่ข้อมูลของตนก็จะนําข้อมูลเหล่านั้นไป
ประมวลผลต่อไป การเชื่อมโยงเครือข่ายไวร์เลสแลนที่ใช้ โครงสร้างการเชื่อมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถ
เช่อื มโยงเขา้ สู่ระบบเครอื ขา่ ยอเี ธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบน ระบบไมม่ กี ารใช้สญั ญาณเลย
18
2. การเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server) โครงสร้างการเชือ่ มโยงระบบ
แบบ Infrastructure หรือ ClientServer มขี ้อพิเศษกวา่ ระบบแบบ Ad-hoc ตรงทมี่ ีแอก็ เซสพอยตเ์ ปน็ ศนู ยก์ ลาง
การเชื่อมโยง (ทําหน้าที่คล้ายฮับ) และเป็นสะพานเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ ไวร์เลสแลนเข้าสู่
เครือขา่ ยอเี ธอรเ์ นต็ แลนหลกั (Ethernet Backbone) รวมถงึ การควบคุมการสอ่ื สารขอ้ มลู อปุ กรณ์ไวรเ์ ลสแลน
8.6 คําศพั ท์ทเ่ี กี่ยวข้องกบั อนิ เทอร์เนต็
คำศัพท์ ความหมาย
Web Page ข้อมูลที่เป็นอักษร เสียง และภาพต่าง ๆ ที่บรรจุในแฟ้มเอกสารแตล่ ะหน้า
ของเวิลดไ์ วด์เว็บ (WWW) ทเ่ี ปดิ อา่ นจากโปรแกรม Browser
Website สถานทีท่ ่ี Web Page อาศัยอยู่ โดยเข้าถึงดว้ ยชอ่ื Domain Name เชน่
www.kknic.ac.th
Home Page Web Page ที่อยหู่ นา้ แรกของเวบ็ ไซต์
Web Browser โปรแกรมใช้ในการเข้าไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ในโลก World Wide Web ของ
อนิ เทอร์เน็ต เช่น Microsoft Edge, Google Chrome, Firefox เป็นตน้
Domain Name ชื่อที่ใช้ประกาศความเป็นตัวตนบนโลกอินเทอร์เน็ต ถ้าชื่อลงท้ายด้วย
.com ต้องมีการจดทะเบียนที่ www.internic.com แต่ถ้า .co.th ต้องมี
การจดทะเบียนที่ www.thnic.co.th
URL(Uniform Resource Locator) ท่ีอยขู่ องข้อมูลบน www
IP (Internet Protocol) โพรโทคอลทใ่ี ช้สำหรับการสอ่ื สารแบบ TCP
TCP/IP (Transport Control Protocol ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมในการติดต่อสื่อสาร ทำให้ระบบ
Protocol/Internet Protocol) เครือข่ายสามารถติดตอ่ สอ่ื สารถึงกนั ได้
Protocol กฎระเบียบและข้อตกลงที่สถาบันต่าง ๆ กำหนดขึ้นมาเพื่อรองรับการ
ส่อื สารระหว่างเครือ่ งและอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ให้สามรถสือ่ สารและเข้าใจพูดคุย
กนั ได้ เชน่ ท่นี ยิ มใช้คอื TCP/IP เป็นตน้
ISP (Internet Service Provider) ผูใ้ ห้บรกิ ารเชอื่ มตอ่ เข้าสู่เครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็
ASP (Application Service ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ หรือวิธีการใช้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมี
Provider) ซอฟต์แวร์ของผใู้ ช้เอง
IDC (Internet Data Center) ผู้ให้บริการรับฝากเครื่อง Server และตะเตรียมสาธารณูปโภคในการทำ
ธรุ กรรมใหพ้ ร้อมสรรพ
E-Commerce (Electronic การทำธุรกรรม อะไรกไ็ ด้โดยใช้สือ่ อินเทอร์เน็ต
Commerce)
Hypertext เอกสารทีท่ ำการเช่ือมโยงต่อไปยังเอกสารอ่ืน ๆ ทำใหส้ ามารถอ่านได้หลาย
มติ ิ
19
ใบงาน 3.1 สรปุ องคค์ วามรู้
คำสั่ง
ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่มออกเปน็ 6 กลุ่ม ศกึ ษาเนือ้ หาแล้วสรุปเปน็ องคค์ วามรู้ (Mind mapping)
หน่วยท่ี 3 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์สามารถใช้โปรแกรม หรือแอพพลิเคชัน่ ทม่ี ีความถนัด
หรือจะวาดเขียนลงในกระดาษ แล้วนำส่งในห้องเรียน Classroom
20
ใบงาน 3.2
คำสัง่ ตอบคำถามให้สมบูรณ์
1. จงจับคู่ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอรใ์ ห้สมั พันธ์กัน
………………….LAN A. ระบบเครอื ขา่ ยแบบไรส้ าย
………………….MAN B. เครือข่ายระยะใกล/้ ท้องถ่ิน
………………….WAN C. เครอื ข่ายระดับเมือง
………………….Wireless LAN D. เครือขา่ ยระยะหา่ งไกล/ระดับประเทศ
………………….Internet E. เครือขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ่มี ขี นาดใหญ่ที่สุด
2. จงเรยี งลำดับของขนาดเครือข่ายคอมพวิ เตอรต์ อ่ ไปนี้จากเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กไป
เครือข่ายคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ (Internet, MAN, LAN, WAN, Wireless LAN)
3. ช่องทางการสอื่ สารประเภทคลน่ื มีขอ้ ดกี ว่าประเภทสายนำสญั ญาณในข้อใด
4. หลักจากทน่ี ักเรยี นได้ศกึ ษาเก่ียวกับชนดิ ของระบบเครือขา่ ยนักเรยี นคดิ วา่ ระบบเครือขา่ ย
คอมพิวเตอร์ภายในสถานศึกษาเปน็ ระบบเครือขา่ ยชนิดใด
5. ขอ้ ดีของระบบเครอื ขา่ ยแบบไรส้ ายคอื อะไร
6. ขอ้ ด้อยของระบบเครือขา่ ยแบบไร้สายคอื อะไร
7. การเลือกใช้ระบบเครอื ข่ายแบบใช้สายสญั ญาณ กับระบบเครอื ขา่ ยแบบไร้สายมขี ้อดี
แตกต่างกันอย่างไร
21
ใบงาน 3.3
คำสั่ง ให้นักเรยี นเช่ือมโยงเสน้ ระหว่างชอ่ื อุปกรณ์ อปุ กรณ์ และหน้าท่ีให้สมั พันธ์กัน
ชอ่ื อปุ กรณ์ อุปกรณ์ หนา้ ท่ี
1. จุดเช่ือมตอ่ แบบไร้สาย 1. ทำหน้าที่เชอ่ื มตอ่ คอมพิวเตอรใ์ ห้
(Wireless Access Point) สอื่ สารผ่านโครงข่ายโทรศพั ท์
2. ฮับ/สวิตซ์ 2. ทำหน้าท่ีคล้ายฮบั ใชส้ ำหรบั
(Hub/Switch) เชื่อมต่อระหวา่ งอุปกรณ์แบบไร้สาย
3. เราเตอร์ 3. ทำหน้าที่เชอ่ื มโยงระหว่าง
(Router) คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ในเครือขา่ ย
4. การ์ดแลน 4. ทำหน้าท่ีเชอ่ื มระหวา่ ง
(LAN Card) คอมพวิ เตอร์กบั สายนำสัญญาณ
เพอ่ื ให้คอมพวิ เตอรส์ ามารถใชง้ าน
5. โมเดม็ เครอื ขา่ ยได้
(Modem)
5. ทำหน้าท่ีจัดหาเส้นทางและเลอื ก
เสน้ ทางที่เหมาะสมที่สุด ใช้เช่อื มตอ่
ระบบเครือข่ายหลายระบบเข้า
ดว้ ยกัน
22
แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยที่ 2
คาํ ชีแ้ จง ให้นักเรียนทาํ เครื่องหมายกากบาท (X) ทบั ข้อทเ่ี หน็ วา่ ถกู ตอ้ งที่สุดเพียงข้อเดียว
1. การนําเอาเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลมาต่อเชอ่ื มกันเรียกวา่ อะไร
ก. อินเทอร์เน็ต
ข. การต่อเชอื่ ม
ค. เครือข่ายท้องถนิ่ หรอื เครือข่ายแลน
ง. เครื่องเครอื ขา่ ย
2. ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกต้องเกีย่ วกบั การสอ่ื สารขอ้ มูลสมยั ใหม่
ก. มรี ากฐานมาจากความพยายามในการเชื่อมตอ่ ระหวา่ งคอมพิวเตอรก์ บั คอมพวิ เตอร์
ข. การเชื่อมต่อระหวา่ งคอมพวิ เตอร์จะอาศยั ระบบสอื่ สารที่มอี ยูแ่ ลว้ เช่น โทรศัพท์
ค. การสอ่ื สารขอ้ มลู สมัยใหม่สามารถเชือ่ มตอ่ คอมพวิ เตอรไ์ ด้ 2 ตวั เทา่ นัน้
ง. การติดตอ่ ระหวา่ งคอมพิวเตอร์เรยี กวา่ ระบบเครือข่าย (Network)
3. ข้อใดตอ่ ไปนี้เป็นการสง่ ข้อมูลแบบสองทิศทางสลับกนั
ก. โทรทัศน์
ข. โทรศัพท์
ค. วิทยสุ ่ือสาร
ง. วทิ ยุ FM
4. ตัวกลางสือ่ ชนดิ ใดมคี วามเรว็ ในการส่งขอ้ มลู สงู ทส่ี ุด
ก. สายคู่บดิ เกลยี วมีฉนวนหุ้ม
ข. สายค่บู ดิ เกลียวไมม่ ีฉนวนหุ้ม
ค. สายโคแอ็กเชยี ล
ง. สายใยแกว้ นําแสง
5. ขอ้ ใดเปน็ หนว่ ยท่ใี ชว้ ัดความเรว็ ของการสง่ ขอ้ มูล
ก. pages per second (pps)
ข. lines per minute (Ipm)
ค. bits per second (bps)
ง. data per minute (dom)
23
6. เครือข่ายท้องถ่นิ คือขอ้ ใด
ก. LAN
ข. MAN
ค. WAN
ง. AP
7. เครือข่ายระดบั เมอื งคือข้อใด
ก. LAN
ข. MAN
ค. WAN
ง. AP
8. เครอื ข่ายระดบั ประเทศคือข้อใด
ก. LAN
ข. MAN
ค. WAN
ง. AP
9. ข้อใดคอื สายสญั ญาณ
ก. Coax
ข. IP
ค. ISP
ง. PCI
10. สาย UTP เป็นสายสาํ หรบั การด์ อะไร
ก. การ์ด WAN
ข. การ์ด MAN
ค. การด์ LAN
ง. การ์ด BNC
24