หน่วยที่ 6 ระบบเงนิ ดจิ ทิ ัล สกลุ เงนิ ดจิ ิทลั หรอื ครปิ โทเคอรเ์ รนซี (Cryptocurrency)
หัวขอ้ เร่อื ง (Topics)
6.1 หลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับสกลุ เงนิ ดิจิทลั
6.2 สถาปัตยกรรมของสกุลเงนิ ดจิ ิทลั
6.3 ประเภทของสกลุ เงนิ ดิจทิ ลั
6.4 การกระทำผดิ เกีย่ วกบั สกุลเงินดิจทิ ลั
6.5 กฎหมายดิจิทัลที่เกี่ยวขอ้ งกบั สกุลเงินดิจิทัล
สมรรถนะย่อย (Element of Competency)
แสดงความรูพ้ นื้ ฐานเกี่ยวกับความหมาย องคป์ ระกอบ ระบบเงินดิจทิ ัล สกุลเงินดจิ ทิ ลั หรอื ครปิ โทเคอร์เรนซี
วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (Behavioral Objectives)
1. อธิบายความหายของระบบเงนิ ดิจิทัลได้
2. อธบิ ายวธิ ีการทำงานของระบบสกุลเงนิ ดจิ ทิ ัลได้
3. บอกประเภทของสกุลเงนิ ดิจิทลั ได้
4. บอกข้อดีและข้อเสียของสกลุ เงนิ ดจิ ทิ ลั ได้
5. อธิบายลักษณะเดน่ ของสกลุ เงนิ ดิจิทลั ทน่ี ิยมนำมาใชใ้ นธรุ กจิ ได้
เนือ้ หาสาระ (Content)
6.1 หลักการเบ้อื งต้นเกี่ยวกับสกุลเงนิ ดจิ ทิ ัล
6.1.1 ความหมายของครปิ โทเคอร์เรนซี
Cryptocurrency เกิดจากคำว่า “Crypto” ซึ่งมาจากคำว่า “Cryptography” ที่มีความหมายว่า การ
เขา้ รหัส และคำวา่ “Currency” แปลวา่ สกลุ เงิน หรือแปลตรงตวั คือ “สกุลเงินเงนิ เขา้ รหสั ”
คริปโทเคอร์เรนซีประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ คือ 1) ไม่มีลักษณะกายภาพ เป็นกลไกทางคณิตศาสตร์ กลไก
ทางคอมพิวเตอร์ 2) การมีอยู่แบบกระจาย เมื่อใช้งานแล้วจะมีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายไม่กระจุกตัวอยู่ที่ใดท่หี นึง่
หรือเคร่ืองคอมพวิ เตอรใ์ ดเคร่ืองหนง่ึ และ 3)ตอ้ งมกี ารถอดรหัสออกมาถงึ จะสามารถใช้งานได้
ตามพระราชกำหนดการประกอบธรุ กจิ สินทรพั ย์ดจิ ิทัล พ.ศ. 2561 ได้กำหนดนยิ มามของ “Cryptocurrency” ได้
ว่า “หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์โดยมีความประสงค์ที่จะใช้เป็น
สอื่ กลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อใหไ้ ด้มาซึ่งสินค้า บริการ หรอื สทิ ธิอืน่ ใดหรอื แลกเปล่ยี นระหวา่ งสนิ ทรพั ยด์ ิจิทัล และให้
หมายความรวมถงึ หน่วยข้อมูลอเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ืน่ ใดตามทีค่ ณะกรรมการกำกับหลักทรพั ย์และตลาดหลกั ทรพั ย์ (ก.ล.ต.)
ประกาศกำหนด”
6.1.2 ความเป็นมาของครปิ โทเคอร์เรนซี
ในปี 1983 นักวิทยาการรหัสลับชาวอเมริกาเดวิด ชอม (David Chaum) ได้คิดค้นเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่
เขา้ รหัสและนริ นามซงึ่ เรียกว่าอีแคช (eCash) ตอ่ มาในปี 1995 เขาจัดระบบใหเ้ ป็นดิจิแคช (DigiCash) ซ่งึ เป็นวิธีการ
ชำระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์โดยเขา้ รหสั ในยุคต้น ซ่งึ ผใู้ ช้จะต้องมซี อฟตแ์ วรเ์ พ่อื ถอนเงินจากธนาคารและกำหนดกุญแจ
เข้ารหัสโดยเฉพาะ ก่อนจะส่งเงินไปให้ผูร้ ับ เป็นวิธีทีท่ ำให้เงินดจิ ิทลั ไมส่ ามารถติดตามได้โดยธนาคารทีอ่ อกเงิน หรือ
รัฐบาล หรอื บุคคลทส่ี ามอ่ืน ๆ
บริษัทโรโบคอยน์ (Robocoin) ได้เริ่มติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนบิตคอยน์อัตโนมัติ (บิตคอยน์ ATM) ใน
สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2014 เครื่องที่ติดตั้งในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส คล้ายกับเครื่องเอทีเอ็มแต่มี
เครื่องอ่านบัตรประจำตัวที่ออกโดยรฐั บาล เช่น ใบขบั ข่หี รอื หนังสือเดนิ ทางเพอื่ ยนื ยนั พสิ ูจน์วา่ เปน็ บุคคลน้ันโดยเดือน
กันยายน 2017 มเี ครือ่ งแลกเปล่ยี นบติ คอยน์อตั โนมัติ 1,574 เครือ่ งท่ีไดต้ ดิ ต้ังท่ัวโลก โดยมคี ่าธรรมเนยี มเฉลยี่ 9.05%
มกี ารตดิ ตงั้ เครอื่ งโดยเฉลยี่ 3 เครอ่ื งต่อวัน ในเดือนกันยายน 2017
มูลนิธิโดชคอยน์ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลและจัดตั้งโดยผู้ร่วมสร้างโดชคอยน์ คือ แจ็กสัน พาล์มเมอร์
(Jackson Palmer) ได้บรจิ าคโดชคอยน์มลู ค่ากวา่ 30,000 คอลลารส์ หรัฐ (ประมาณ 903,900 บาท) เพื่อให้ทุนแก่ทีม
กีฬาจาไมกัน บอลสเลด (Jamaican Bobsled Team) เพื่อเดินทางไปแข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ที่เมืองโซชิ
ประเทศรัศเซีย ชุมชนผูใ้ ช้โดชคอยน์ทกี่ ำลังขยายกว้างข้ึนยังเพ่ิมช่ือเสยี งทางการกศุ ลของตนโดยหาเงินจำนวนเท่ากัน
เพอื่ ซอ้ื สุนัขบรกิ ารสำหรบั เดก็ พกิ าร
รูปที่ 6.1 เคร่ืองแลกเปล่ียนบิตคอยนอ์ ตั โนมตั ิ (Bitcoin ATM)
(ที่มา : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/2/21/Bitcoin_
Teller_SIBOS_Boston_2014_2.jpg)
6.2 สถาปตั ยกรรมของสกุลเงินดจิ ิทลั
6.2.1 บล็อกเชน (Blockchain)
ความถกู ต้องของหน่วยครปิ โทเคอร์เรนซีแตล่ ะหน่วยจะยนื ยันโดยบล็อกเชน ซ่งึ เป็นรายการระเบยี น
ท่เี พิ่มขนึ้ เรือ่ ย ๆ ซ่ึงเรยี กว่า บล็อก ทเ่ี ช่ือมกนั เปน็ ลูกโซแ่ ละรบั ประกันโดยวิทยาการเข้ารหัสลบั บลอ็ กแต่ละบล็อกปกติ
จะมีจะมีตัวช้ีแบบแฮชไปยงั บล็อกที่มาก่อนตราเวลา และขอ้ มูลธุรกรรมตามการออกแบบบลอ็ กเชนจะทนทานตอ่ การ
เปลีย่ นข้อมลู คอื เป็น “บญั ชีแยกประเภทแบบกระจายและเปดิ ท่ีสามารถบนั ทกึ ธุรกรรมระหว่างคกู่ รณสี องบุคคล
อยา่ งมีประสิทธภิ าพและโดยวธิ ีท่พี ิสจู น์ความถูกต้องได้และถาวร เพอ่ื ใชเ้ ป็นบญั ชแี ยกประเภทแบบกระจาย บล็อกเชน
จะบรหิ ารจัดการโดยเครอื ข่ายเพียร์ทเู พียรท์ ่รี ว่ มใชเ้ กณฑว์ ธิ เี ดยี วกันเพื่อยนื ยันพิสูจนบ์ ล็อกใหม่ ๆ เมื่อบันทึกแล้ว
ขอ้ มูลทีอ่ ย่ใู นบล็อกไมส่ ามารถแกย้ ้อนหลังโดยไม่เปล่ียนบล็อกท่ีเชอื่ มตอ่ ๆ มาทัง้ หมด ซ่งึ จำเป็นต้องได้การสนบั สนนุ
แนวคิดของสถานใี นเครอื ข่าย
รปู ที่ 6.2 แผนภาพของบล็อกเชน (โวบ่ ลอ็ ก)
(ทม่ี า : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/77/
Blockchain_main_chain.png/220px-Blockchain_main_chain.png)
6.2.2 การตราเวลา (Timestamping)
ครปิ โทเคอรเ์ รนซีใชแ้ นการตราเวลาต่าง ๆ เพือ่ เล่ียงความจำเป็นต้องมบี ุคคลท่สี ามซึ่งเชอ่ื ถือได้เพื่อ
ตราเวลาธุรกรรมทจี่ ะเพิม่ ใส่ในบญั ชจี ำแนกประเภท คอื บลอ็ กเชน
1. แผนการพิสูจน์การทำงาน (Proof-of-Work)
แผนการตราเวลาแรกท่ีประดษิ ฐข์ ้ึนคือ วิธีพสิ ูจนก์ ารทำงาน (Proof-of-Work) และวธิ กี ารคำนวณท่ี
ใช้มากที่สุดจะเปน็ แบบอลั กอรทมึ แฮชเพอ่ื ความปลอดภัย 256 บติ (SHA-256) และสคริป (Scrypt) โดยแบบหลงั เป็น
แบบทใี่ ชม้ ากที่สดุ ในระบบครปิ โทเคอรเ์ รนซี คือ มีการประยกุ ตใ์ ชถ้ ึง 480 ระบบ และฟังก์ชนั แฮชอนื่ ๆ ทใี่ ช้สำหรบั
พสิ ูจน์การทำงานรวมท้ัง CryptoNight, Blake, SHA-3 และ X11
2. แผนการพิสูจน์การเดมิ พัน (Proof-of-Stake) และแผนแบบผสม
ครปิ โทเคอรเ์ รนซบี างสกุลใช้แผนพสิ ูจน์การทำงาน/พิสูจนก์ ารเดมิ พนั (Proof-of-Work/Proof-of-
Stake) แบบผสม ซ่ึงการพสิ ูจน์การเดมิ พนั เปน็ วิธกี ารรับประกันเครือขา่ ยคริปโทเคอร์เรนซีใหไ้ ดค้ วามเหน็ พ้องแบบ
กระจาย ผ่านการบงั คับให้ผู้ใชแ้ สดงความเปน็ เจา้ ของของเงินจำนวนหนง่ึ (คอื ให้แสดงสเตก (Stake)) เป็นวธิ ีท่ีแตกตา่ ง
จากการพิสูจน์การทำงานซงึ่ ต้องกราดคำนวณหาคา่ แฮชท่ียากเพอื่ ยืนยนั พิสจู น์ธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ แผนการจะ
ขน้ึ อยกู่ ับสกลุ เงนิ และปัจจุบันยงั ไม่มีมาตรฐานของขน้ั ตอนวธิ นี ้ี
6.2.3 การขดุ หาเหรียญ (Mining)
ในเครือขา่ ยครปิ โทเคอรเ์ รนซี การขดุ หาเหรยี ญเปน็ การยืนยนั พสิ จู น์ธรุ กรรม เน่ืองจากการทำงานให้
เช่นนี้ ผู้ขุดหาเหรียญจะไดค้ ริปโทเคอรเ์ รนซีใหมเ่ ป็นรางวัล รางวลั จะลดคา่ ธรรมเนยี มธรุ กรรมโดยสรา้ งแรงจงู ใจเสรมิ
ใหอ้ อกแรงประมวลผลเพ่ือเครือข่าย อัตราการคำนวณค่าแฮช ซึง่ เป็นตัวยนื ยนั พิสูจน์ธุรกรรมได้เพิ่มข้ึน (คือการ
คำนวณใช้เวลาน้อยลง) เพราะการใช้อปุ กรณ์พิเศษ เชน่ อุปกรณล์ อจิกแบบโปรแกรมได้ (FPGA) และวงจรรวมเฉพาะ
กจิ (Application – Specific Integrated Circuit : ASIC) เพือ่ คำนวณขน้ั ตอนวิธีแฮชท่ีซับซอ้ น เช่น SHA-256 และ
Scrypt การแขง่ ขนั เพ่ือใชอ้ ุปกรณ์ท่ีถูกกว่าและมีประสิทธิภาพมากกวา่ น้ไี ดเ้ รม่ิ ต้นขึน้ ต้ังแต่การเรม่ิ ใช้คริปโทเคอร์เรนซี
แรก คอื บติ คอยน์ ตง้ั แต่ปี 2009 เมือ่ มผี ู้คนลงทุนมากขน้ึ ในวงการเงนิ เสมือน การคำนวณค่าแฮชเพือ่ ยนื ยนั พสิ ูจน์
เชน่ นีก้ เ็ พ่มิ ความซบั ซ้อนขนึ้ เรื่อย ๆ ตามปีที่ผา่ นไปและตามเกณฑก์ ำหนดของระบบ โดยคนขุดหาเหรียญกจ็ ำต้อง
ลงทุนท่ีใช้เพ่อื ติดตงั้ อุปกรณ์ เพื่ออปุ กรณ์ลดความรอ้ นมหาศาลท่ีสร้างโดอยอปุ กรณพ์ เิ ศษ และเพอื่ ลดคา่ ไฟฟา้
6.2.4 วอลเลต (“Wallet)
คริปโทรเคอร์เรนซวี อลเลต (Cryptocurrency Wallet) จะเก็บรหสั ทเี่ ปน็ สาธารณะและสว่ นตัวหรือ
เก็บ “เลขที่อยตู่ ่าง ๆ” เพอ่ื สามารถใชร้ ับหรอื ใช้จ่ายครปิ โทเคอร์เรนซดี ว้ ยรหัสส่วนตวั สามารถบนั ทึกธุรกรรมในบญั ชี
แยกประเภทที่เปน็ สาธารณะ เทา่ กบั ใช้จา่ ยคริปโทเคอร์เรนซีทีส่ ัมพนั ธก์ ัน และรหสั สาธารณะทำให้ผู้อื่นสง่ เงนิ มาที่วอล
เลตนั้นได้
6.2.5 สภาวะนิรนาม (Anonymous)
บิตคอยนเ์ ปน็ เงนิ แบบนริ นามเทียม เนอ่ื งจากครปิ โทเคอรเ์ รนซีท่ีอยูใ่ นวอลเลตไม่ไดส้ ัมพันธ์กบั บคุ คล
แตส่ มั พนั ธ์กบั รหัสหนึง่ รหัสหรือมากกว่านัน้ (หรือสัมพันธก์ บั เลขท่อี ยู่ต่าง ๆ) ดังนั้น เจา้ ของบติ คอยนจ์ งึ ไม่สามารถระบุ
ได้ แตธ่ ุรกรรมท้ังหมดจะปรากฏอยใู่ นบลอ็ กเชนท่ีเปน็ สาธารณะ ศูนย์แลกเปลย่ี นคริปโทเคอร์เรนซีถงู บงั คบั โดย
กฎหมายให้เก็บข้อมูลส่วนตัวของผ้ใู ช้บริการมีการเสนอการเพมิ่ บริการ เชน่ ซโี รคอยน์ (Zerocoin) ซึง่ จะทำใหไ้ ด้
สภาวะนิรนามได้จริง เทคโนโลยนี ริ นามอน่ื ๆ เช่น การพสิ จู น์โดยไมเ่ ปดิ เผยข้อมูลชดุ นน้ั (Zero-Knowledge Proofs)
และลายเซน็ ดจิ ิทลั ทไ่ี ดร้ บั รองจากบุคคลคนใดคนหน่งึ ในกลุม่ (Ring Signatures) ไดน้ ำมาใช้ในระบบครปิ โทเคอร์เรนซี
เชน่ ซแี คช (Zcash) และโมเนโร (Monero) ตามลำดับ
6.3 ประเภทของสกุลเงินดจิ ทิ ลั
สกุลเงนิ ดิจทิ ัลสามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ บิตคอยน์ (Bitcoin) กบั อัลคอยน์ (Altcoins)
6.3.1 บิตคอยน์ (Bitcoin)
บติ คอยน์ คือ สกลุ เงินดจิ ิทัลสกุลแรกทกี่ ำเนดิ ขึ้นพร้อมกับระบบบลอ็ กเชน (Blockchain) เมื่อปี 2009
ออกแบบมาเพ่อื ใช้เป็นตวั กลางในการแลกเปลีย่ นสนิ ค้าและบริการ แต่ไมส่ ามารถจับต้องไดเ้ หมอื นเหรียญท่วั ไป เพราะ
บติ คอยน์ (BTC) คอื เหรยี ญทอ่ี ยใู่ นระบบดจิ ทิ ัลเทา่ น้ัน เกิดจากการทร่ี ะบบการแลกเปลย่ี นเงนิ ตราผา่ นตัวกลางอย่าง
ระบบธนาคารน้นั มกี ารดำเนนิ การช้า ค่าธรรมเนยี มสงู และสามารถถกู แทรกแซงได้ จึงมกี ลมุ่ คนท่ตี ้องการแก้ไขปัญหา
เหลา่ นี้ โดยการใช้เทคโนโลยีทเี่ รียกวา่ “บลอ็ กเชน” ซ่งึ เป็นระบบไมม่ ศี นู ยก์ ลาง มีความปลอดภยั สูง แทรกแซงไดย้ าก
และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลา เปน็ ระบบพื้นฐานของสกุลเงนิ ดจิ ิทัล
บิตคอยน์สร้างขนึ้ มาแบบมีจำกัด ผคู้ ิดคน้ บติ คอยนไ์ ดก้ ลา่ วไวว้ า่ บิตคอยน์ถูกผลิตข้นึ มาไดเ้ พียงแค่ 21 ล้าน
บติ คอยนเ์ ทา่ น้นั อย่างไรก็ตามบติ คอยน์คอื หนว่ ยกลางหน่วยหน่ึง ทแ่ี บ่งออกเปน็ หนว่ ยยอ่ ยได้โดยหน่วยทีน่ ยิ มใชม้ ี
ดังน้ี
บติ คอยน์ (BTC) = 1 บติ คอยน์
milli บิตคอยน์ (mBTC) = 0.001 บติ คอยน์
micro บิตคอยน์ = 0.000001 บิตคอยน์
Satoshi = 0.00000001 บติ คอยน์
โดยหน่วยท่ีเลก็ ที่สดุ ของบติ คอยน์ คอื “ซาโตช”ิ (Satoshi) เพ่ือเป็นเกียรตใิ หก้ ับผูส้ ร้างบติ คอยนน์ ่นั เอง
6.3.2 อัลคอยน์ (Altcoins)
Altcoins ยอ่ มาจาก Alternative Coins หรอื แปลตรงตัวว่า เหรยี ญทางเลอื ก ซึ่งเป็นกล่มุ สกุลเงินดจิ ิทลั ต่าง
ๆ ที่เกดิ ขึ้นหลังบติ คอยน์ เช่น อเี ธอเรียม (Ethereum) บิตคอยนแ์ คช (Bitcoin Cash) ไลต์คอยน์ (Litecoin) ริปเปิล
(Ripple) เปน็ ต้น ซึ่งแต่ละสกลุ มีท่ีมาและคุณสมบัติทแ่ี ตกต่างกันออกไป
เหรียญอลั คอยน์ หรือ เหรยี ญทางเลอื ก คอื เหรียญดจิ ทิ ัลทุกสกุลทีไ่ มใ่ ชบ่ ิตคอยน์ เพราะเหรยี ญบติ คอยน์ถอื
เปน็ ตน้ กำเนิด ทำใหเ้ หรียญที่สร้างออกมาหลงั จากนั้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน จึงถกู เรียกว่า อัลคอยนห์ รือเหรียญ
ทางเลอื กทง้ั หมด แต่เหรียญทางเลือกเหล่านีก้ ม็ ีอยหู่ ลายประเภท ดงั นี
1. กลมุ่ เหรยี ญทีแ่ ยกตัวออกจากบิตคอยน์ (Derived from Bitcoin) คือ เหรยี ญทม่ี ีพน้ื ฐานคล้ายกับบิต
คอยน์ แตม่ ีข้อกำหนดบางประการทไ่ี มเ่ หมอื นกัน ทำให้เกดิ การแยกตวั (Fork) ออกมาจากบิตคอยน์ เช่น บิตคอยน์
แคช ไลต์คอยน์ เป็นต้น
2. กลุม่ เหรียญทส่ี รา้ งข้ึนมาบนระบบบลอ็ กเชนของตัวเอง (Independent บล็อกเชน) คอื เหรยี ญท่ีมีการ
พัฒนาระบบบลอ็ กเชนเป็นของตัวเอง จะมีลักษณะเฉพาะของแตล่ ะระบบทีแ่ ตกตา่ งกนั ออกไป เพราะมีจดุ ม่งุ หมายใน
การใช้งานที่ตา่ งกนั เช่น อีเธอเรยี ม ริปเปิล เป็นต้น
3. กลุ่มเหรยี ญทีส่ รา้ งข้ึนมาบนระบบบล็อกเชนของเหรยี ญอ่ืน (Tokens) คอื เหรยี ญทม่ี กี ารพฒั นาข้ึนมาบน
ระบบบลอ็ กเชนของเหรียญอ่นื ที่ไม่ใช่บิตคอยน์
ประเภทของเหรียญหรอื สกุลเงนิ ดิจทิ ัลมีลกั ษณะแตกตา่ งกันออกไป ด้วยทางเลอื กที่หลากหลายในการสรา้ ง
หรอื พัฒนาสกลุ เงนิ ดิจิทลั ขนึ้ ตัวอยา่ งสกุลเงนิ ดิจทิ ัลทีม่ มี ลู ค่าสูงสุด 10 อันดบั (มูลค่าตลาดมกี ารเปล่ยี นแปลง
ตลอดเวลา ข้อมูลนีเ้ ป็นมลู ค่าตลาด ณ วันท่ี 7 กรกฎาคม 2563) ดังนี้
1. บิตคอยน์ (Bitcoin) สร้างขนึ้ ในปี 2009 โดยชาโตชิ นากาโมโตะ ใชช้ ่ือย่อสกลุ เงินวา่ BTC ซึ่งใชเ้ ครอื ขา่ ย
บล็อกเชนแบบเปิดในการจดั เก็บขอ้ มูล ทำให้ไมม่ ีใครสามารถควบคมุ หรือแก้ไขข้อมูลท่บี ันทกึ อยู่บนบลอ็ กเชนได้
มลู คา่ ตลาด 5.2 ล้านลา้ นบาท
2. อเี ธอเรยี ม (Ethereum) เปน็ ชื่อของบล็อกเชนหนง่ึ ซงึ่ มีเหรียญชอ่ื อเี ธอ (Ether) ช่ือย่อสกุลเงินคือ ETH
สรา้ งขน้ึ ในปี 2013 โดย วตี าลิค บูเจรนิ (Vitalik Buterin) โปรแกรมเมอื ชาวรสั เซยี ซงึ่ เลง็ เห็นศกั ยภาพของคลิปโทและ
บ,อกเชนที่มากกวา่ แค่เปน็ สกลุ เงนิ ดจิ ทิ ลั โดยอีเธอเรีมจะเปน็ เหมือนวตั ถปุ ระสงค์ท่ัวไปของบลอ็ กเชน (General
Purpose Blockchain) หรอื บลอ็ กเชนอเนกประสงค์ท่ีทำใหห้ ลายอยา่ ง เช่น สญั ญาอัจฉริยะและข้อตกลงทางการเงนิ
เป็นเต้น มูลค่าทางการตลาด 7.85 แสนล้านบาท
3. เท็ตเธอร์ (Tether) ช่อื ยอ่ สกลุ เงนิ คอื USDT ถูกสร้างขึน้ เมื่อปี 2014 โดยบรษิ เั ท็ตเธอร์ (Tether) ท่มี ี
บลอ็ ก เพียรซ์ (Brock Pirerce) เป็นผู้ก่อตงั้ เท็ตเธอร์ คอื สกลุ เงินดจิ ทิ ัลประเภทสกุลเงนิ ทีม่ คี า่ คงท่ี (Stablecoin) โดย
ที่มาของทกุ ๆ 1 USDT จะถูกค้ำประกันดว้ ยเงนิ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ท่มี อี ยใู่ นบัญชีของบรษิ ัทเท็ตเธอร์ จุดประสงค์หลัก
ของเท็ตเธอร์ คือการรกั ษามูลคา่ ของเงินดิจทิ ัลทม่ี ีอยูใ่ นตลาดแลกเปล่ียนซอื้ ขายสกุลเงินดิจทิ ัล (Cryptocurrency
Exchange) เพราะหลายท่ีไมส่ ามารถที่ไม่สามารถเปลี่ยนเงินดจิ ทิ ัลมาเปน็ เงินแบบธนบัตร (Fiat Currency) ได้
มลู คา่ ตลาด 2.85 แสนล้านบาท
4. รปิ เปลิ (Ripple) สร้างขนึ้ ในปี 2012 โดยบรษิ ทั รปิ เปลิ แลบ็ (Ripple Labs) ทคี่ รสิ ลาร์เซน (Chris
Larsen) เปน็ ผ้ถู ือหุ้นใหญ่ สกุลเงินของรปิ เปิลใช้ช่ือย่อวา่ XRP ใช้สำหรบั การชำระเงินหรือโอนเงนิ ระหว่างสถาบัน
การเงนิ และธนาคารทั่วโลก แพลตฟอร์มของริปเปลิ จะแตกต่างจากสกุลเงนิ อ่นื ๆ เพราะใชเ้ ครอื ข่ายริปเปิลเน็ต
(RippleNet) ซงึ่ เป็นระบบปิดทีใ่ ห้ใช้งานเฉพาะธนาคารท่ีลงทะเบียนกบั รปิ เปิลเทา่ นั้น และการยืนยันธรุ กรรมทงั้ หมด
นน้ั จะถกู ควบคมุ โดยบรษิ ัทริปเปลิ แตเ่ พียงผเู้ ดยี ว มลู คา่ ตลาด 2.45 แสนล้านบาท
5. บติ คอยน์แคช (Bitcoin Cash) ช่ือยอ่ สกุลเงิน คือ BCH เปน็ สกลุ เงนิ ทเี่ กิดจากการแยกออกของสกลุ เงิน
บติ คอยน์ หรือการทำฮารฟ์ อร์ก (Hard Fork ซง่ึ หมายถึง เครอื ข่ายบล็อกเชนของบิตคอยนจะถูกแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น
ส่วนท่ีหนง่ึ เป็นของบติ คอยน์ (BTC) และอกี สว่ นเปน็ ของบิตคอยนแ์ คช (BCH) การเกดิ ข้ึนของบิตคอยน์แคล เป็น
เพราะวา่ บิตคอยน์ (BTC) นัน้ รองรบั ได้แค่ 100 ธรุ กรรมตอ่ บล็อก หรอื 1 MB ซงึ่ ถือวา่ ช้าและมีปริมาณธุรกรรมทีร่ อ
การตรวจสอบเปน็ จำนวนมาก จงึ เกิดการโต้แย้งขึ้นระหวา่ งนกั พฒั นาของท้งั สองกลมุ่ สุดทา้ ยแลว้ กลมุ่ ทไ่ี ม่เห็นด้วยกับ
ปญั หาการทำธุรกรรมทีม่ ีอัตราจำกัด (Scaling) ของบิตคอยน์ (BTC) จำเปน็ ตอ้ งแยกออกมาเปน็ อกี สกุลเงนิ นั่นก็คือบิต
คอยนแ์ คช (BCH) มลู ค่าตลาด 1.27 แสนลา้ นบาท
6. บิตคอยนเ์ อสวี (Bitcoin SV) มชี ื่อเตม็ วา่ Bitcoin Satashi’s Vision ชอ่ื ย่อสกุลเงนิ คือ BSV เป็นสกลุ
เงนิ ทีเ่ กิดจากการแยกออกของสกลุ เงนิ บติ คอยน์แคชหลงั จากการฮารด์ ฟอรก์ เพือ่ พฒั นาระบบ (Upgrade) ให้เป็นไป
ตามวิสัยทัศน์ของชาโตชิ มกี ารเพ่มิ ขนาดบล็อกเป็น 128 MB ทำให้รบั -ส่งั ธรุ กรรมไดม้ ากขึ้นและคา่ ธรรมเนียมการทำ
ธรุ กรรมต่ำ เป็นระบบเงนิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์แบบเพียร์ทเู พียร์ (ไมต่ อ้ งมคี นกลาง) มูลคา่ ตลาด 8.9 หมน่ื ลา้ นบาท
7. ไลตค์ อยน์ (Litecoin) ชอ่ื ย่อสกุลเงนิ คอื LTC ถูกสร้างขึน้ ในปี 2011 โดยนายชารล์ ี ลี (Charlie Lee)
ซึ่งไลต์คอยน์นน้ั มีคณุ สมบตั ิคล้ายกบั บิตคอยน์ แต่ส่ิงที่แตกตา่ งคือไลต์คอยนม์ ตี า่ ธรรมเนียมในการโอนที่ถูกวา่ บติ
คอยน์และมีความเรว็ ในการยนื ยันธรกรรมโดยเฉลย่ี 2.5 นาที เม่อื เทยี บกับบติ คอยน์ที่ต้องใชเ้ วลาถึง 10 นาที มลู ค่า
ทางตลาด 8.38 หม่นื ล้านบาท
8. คารด์ าโน (Cardano) ชื่อย่อสกุลเงนิ คือ ADA เป็นแพลตฟอรม์ สัญญาอจั ฉริยะทีถ่ ูกสรา้ งข้ึนในปี 2015
เพ่ือเปล่ยี นแปลงและพฒั นาสกุลเงินดจิ ทิ ลั ให้มรี ูปแบบทแี่ ตกตา่ งไปจากเดมิ ทางผ้พู ฒั นากลา่ ววา่ คาร์ดาโนเปน็ บลอ็ ก
เชนยุคที่ 3 (Blockchain Generation 3) ท่ีระบุและแก้ไขปญั หาหลัก ๆ ที่เกดิ ขนึ้ ในบล็อกเชนยุคกอ่ น ๆ ซึง่
ประกอบดว้ ย ความสามารถในการเพิ่มขยาย (Scalability) ความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Interoperability)
และความยั่งยืน (Sustainability) ผา่ นสถาปัตยกรรมแบบเป็นลำดับช้ัน (Layered Architecture) มูลคา่ ตลาด 7.93
หมืน่ ลา้ นบาท
9. ไบแนนซ์คอยน์ (Binance Coin) ชอ่ื ย่อสกลุ เงนิ คือ BNB เปดิ ตัวครง้ั แรกระหว่างการระดมทุน (ICO)
ของไบแนนซ์ (เวบ็ เทรด) โดยไบแนนซ์คอยน์ใช้เปน็ ส่วนลดคา่ ธรรมเนียมการซ้ือขายบนเว็บเทรดไบแนนซใ์ ช้ชำระเงิน
ในร้านค้าและผใู้ ห้บรกิ าร เช่น การจองโรงแรมผ่านเว็บไซตผ์ ู้ท่ีมไี บแนซ์คอยน์มีสิทธร์ิ ว่ มโหวตเหรียญที่จะได้เขา้ เทรด
บนเวบ็ เทรดไบแนนซ์และสามารถนำไปปล่อยกูบ้ นเว็บเทรดไบแนนซ์ได้ ซึ่งทกุ ไตรมาส บรษิ ัทไบแนนซจ์ ะนำกำไร 20%
มาซอ้ื เหรียญและเผาท้งิ (ลบออกจากระบบ) ส่งผลให้มลู คา่ เหรียญเพิม่ ขน้ึ มูลค่าตลาด 7.42 หมนื่ ล้านบาท
10. อีโอเอส (EOS) ชื่อยอ่ ยสกุลเงนิ คือ EOS เป็นสกลุ เงินดจิ ิทลที่มคี วามสามารถในการสร้างแอปพลิเคชนั
แบบกระจาย (Decentralized Application) โดยใชส้ ญั ญาอัจฉรยิ ะในการกำหนดเงอื่ นไขตา่ ง ๆ อโี อเอสจะใช้
เทคโนโลยีใกล้เคียงกับอเี ธอเรยี ม แตอ่ ีโอเอสสามารถทำธรุ กรรมได้มากกวา่ 100,000 ธรุ กรรมต่อวนิ าที เมือ่ เทยี บกบั อี
เธอเรียมทีท่ ำได้ 13 ธุรกรรมต่อวนิ าที และทสี่ ำคัญคอื อโี อเอสไม่มคี า่ ธรรมเนยี มหรอื ค่าแส (Gas) เหมือนอีเธอเรยี ม
มูลค่าตลาด 7.2 หม่นื ลา้ นบาท