1
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 4
นางสาวสุมาลี คงสอดทรพั ย์
โรงเรียนนางรอง จงั หวดั บุรีรมั ย์
สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาบุรีรมั ย์
1
บันทึกข้อความ
ส่วนราชการโรงเรยี นนางรอง อาเภอนางรอง จังหวัดบรุ รี มั ย์
ท่ี .................. วันท่ี ๒๓ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
เรือ่ ง ส่งโครงการสอนหลัก และกาหนดการสอน รายวชิ าวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ว๓๐๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
เรียน ผู้อานวยการโรงเรยี นนางรอง
ตามที่ขา้ พเจ้า นางสาวสมุ าลี คงสอดทรพั ย์ ตาแหน่งครู ไดร้ บั มอบหมายจากโรงเรยี นนางรองใหด้ าเนินการปฏิบตั ิหนา้ ที่
สอนในรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ ว๓๐๑๐๑ ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๔ จานวน ๑ หนว่ ยกติ ข้าพเจ้าจงึ ได้วเิ คราะห์หลักสตู ร
ศึกษามาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ และผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) เพื่อจดั ทาคาอธิบาย
รายวิชา หน่วยการเรียนรู้ และจดั ทาโครงการสอน กาหนดการสอน รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ ว๓๐๑๐๑ ระดบั ช้นั มธั ยม
ศกึ ษาปที ่ี ๔
บดั น้ี ขา้ พเจา้ ไดด้ าเนินการจดั ทาคาอธบิ ายรายวิชา หนว่ ยการเรยี นรู้ โครงการสอน และกาหนดการสอนรายวชิ า
วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ ว๓๐๑๐๑ ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ เรยี บรอ้ ยแล้ว จึงขออนุมัติใช้
แผนการจดั การเรียนรู้ ดังเอกสารที่แนบมาพรอ้ มนี้
จึงเรียนมาเพ่อื โปรดพจิ ารณา
เห็นควรอนมุ ัติ ไม่เหน็ ควรอนมุ ัติ ลงช่อื
(นางสาวสุมาลี คงสอดทรพั ย์)
ตาแหน่ง ครูวทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ
อ่ืนๆ .......................................
ลงชอื่
(นายพิคเนตร อุทัยไชย)
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เห็นควรอนมุ ัติ ไมเ่ ห็นควรอนมุ ัติ อ่ืนๆ .......................................
ลงชื่อ
(นายอดุ ม นามสวสั ดิ์)
รองผอู้ านวยการโรงเรยี น
อนมุ ตั ิ ไม่อนมุ ตั ิ อนื่ ๆ .......................................
ลงช่อื
(นายมานัส เวยี งวเิ ศษ)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นนางรอง
1
ตวั ชีว้ ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง วิทยาศาสตร์
สาระวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไม่มีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตและความสัมพันธ์
ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนที่ในระบบ
นเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทีม่ ตี อ่ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม แนวทางใน
การอนุรกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มรวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ชัน้ ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.4 1. สืบค้นข้อมูลและอธิบายความสัมพันธ์ บริเวณของโลกแต่ละบริเวณมีสภาพทางภูมิศาสตร์ท่ีแตกต่างกัน แบ่ง
ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับ ออกได้เป็นหลายเขตตามสภาพภูมิอากาศและปริมาณน้าฝน ทาให้มี
ความหลากหลายของไบโอม และ ระบบนิเวศท่หี ลากหลาย ซ่ึงส่งผลใหเ้ กดิ ความหลากหลายของไบโอม
ยกตัวอยา่ งไบโอมชนิดต่าง ๆ
2. สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุ และ การเปลยี่ นแปลงของระบบนเิ วศเกิดข้ึนไดต้ ลอดเวลาทั้งการเปล่ยี นแปลง
ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงแทนท่ี ทีเ่ กิดขึน้ เองตามธรรมชาตแิ ละเกดิ จากการกระทาของมนษุ ย์
ของระบบนเิ วศ การเปลี่ยนแปลงแทนที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มส่ิงมีชีวิตท่ีเกิดขึ้น
อย่างช้า ๆ เป็นเวลานานซ่ึงเป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ
ทางกายภาพและทางชีวภาพ ส่งผลให้ระบบนิเวศเปลย่ี นแปลงไปสู่สมดุล
จนเกิดสงั คมสมบูรณไ์ ด้
3. สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่าง การเปล่ียนแปลงขององค์ประกอบในระบบนิเวศ ทั้งทางกายภาพและ
เ ก่ี ย วกั บก าร เ ปล่ีย นแ ปลง ข อ ง ทางชวี ภาพมีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากร
องค์ประกอบทางกายภาพและทาง
ชีวภาพที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลง
ขนาดของประชากรส่ิงมีชีวิตในระบบ
นิเวศ
4. สืบค้นข้อมูลและอภิปรายเก่ียวกับ มนุษย์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยปราศจากความระมัดระวัง และมีการ
ปั ญ ห า แ ล ะ ผ ล ก ร ะ ท บ ที่ มี ต่ อ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพ่ือช่วยอานวยความสะดวกต่าง ๆ แก่มนุษย์
ทรัพยากร- ธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ส่งผลตอ่ การเปล่ียนแปลงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม
พร้อมท้ังนาเสนอแนวทางในการ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ ปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม บางปัญหาส่ง
แกไ้ ขปัญหาสิง่ แวดลอ้ ม ผลกระทบในระดับท้องถ่ิน บางปัญหาก็ส่งผลกระทบในระดับประเทศ
และบางปญั หาสง่ ผลกระทบในระดับโลก
การลดปริมาณการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ การกาจัดของเสียที่เป็นสาเหตุ
ของปัญหาส่ิงแวดล้อม และการวางแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ดี
เป็นตัวอย่างของแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการลด
ปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม ท่เี กิดขึน้ เพือ่ ให้เกดิ การใช้ประโยชน์ทยี่ ่งั ยนื
1
2
มาตรฐาน ว 1.2เข้าใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ติ หน่วยพนื้ ฐานของสง่ิ มีชวี ติ การลาเลียงสารผา่ นเซลล์ ความสมั พันธ์ของ
โครงสรา้ ง และหน้าทขี่ องระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ยท์ ีท่ างานสัมพันธก์ นั ความสมั พันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ท่ีของ
อวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ที างานสัมพนั ธ์กนั รวมทงั้ นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ชั้น ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ม.4 1. อธิบายโครงสร้างและสมบัติของเย่ือหุ้ม เยื่อหุ้มเซลล์มีโครงสรา้ งเป็นเยื่อหุ้มสองชั้นท่มี ีลิพิดเป็นองค์ประกอบ และมี
เซลล์ที่สัมพันธ์กับการลาเลียงสาร และ โปรตนี แทรกอยู่
เปรียบเทียบการลาเลียงสารผ่านเย่ือหุ้ม สารท่ีละลายได้ในลิพิดและสารท่ีมีขนาดเล็กสามารถแพร่ผ่านเย่ือหุ้มเซลล์
เซลลแ์ บบต่าง ๆ
ได้โดยตรง ส่วนสารขนาดเล็กท่ีมีประจุต้องลาเลียงผ่านโปรตีนที่แทรกอยู่ท่ี
เยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งมี 2 แบบ คือ การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานส
ปอร์ต ในกรณีสารขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน จะลาเลียงเข้าโดยกระบวนการ
เอนโดไซโทซสิ หรือลาเลยี งออกโดยกระบวนการเอกโซไซโทซิส
2. อธิบายการควบคุมดุลยภาพของน้าและ การรักษาดุลยภาพของน้าและสารในเลือด เกิดจากการทางานของไต ซึ่ง
สารในเลือดโดยการทางานของไต เป็นอวัยวะในระบบขับถ่ายที่มีความสาคัญในการกาจัดของเสียท่ีมี
ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ รวมทั้งน้าและสารที่มีปริมาณเกินความ
ตอ้ งการของร่างกาย
การกาจัดของเสียโดยไต เลือดท่ีเข้าสู่ไตจะถูกกรองที่โกลเมอรูลัสและโบว์
แมนส์แคปซลู ของหน่วยไต สารท่ีเป็นประโยชน์จะถกู ดูดกลับท่ที ่อหน่วยไต
เข้าสู่เลือด ส่วนสารท่ีไม่เป็นประโยชน์จะถูกขับจากเลือดเข้าสู่ท่อหน่วยไต
กอ่ นทจี่ ะถกู กาจัดออกจากร่างกายในรปู ของปัสสาวะ
3. อธิบายการควบคมุ ดลุ ยภาพของกรด-เบส การรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในเลือดเกิดจากการทางานของไตท่ีทา
ของเลือดโดยการทางานของไตและปอด หน้าที่ขับ หรอื ดูดกลับไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน และ
แอมโมเนียมไอออน และการทางานของปอดท่ีทาหน้าที่กาจัดคาร์บอน-
ไดออกไซด์
4. อธิบายการควบคมุ ดุลยภาพของอณุ หภูมิ การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกาย เกิดจากการทางานของ
ภายในร่างกายโดยระบบหมุนเวยี นเลือด ระบบหมุนเวียนเลือดที่ควบคุมปริมาณเลือดไปที่ผิวหนัง การทางานของ
ผวิ หนงั และกลา้ มเนอื้ โครงร่าง
ต่อมเหง่ือ และกล้ามเน้ือโครงร่าง ซ่ึงส่งผลถึงปริมาณความร้อนท่ีถูกเก็บ
หรอื ระบายออกจากรา่ งกาย
5. อธิบายและเขียนแผนผังเกี่ยวกับ การ เมื่อเช้ือโรคหรือส่ิงแปลกปลอมอ่ืนเข้าสู่เน้ือเย่ือในร่างกาย ร่างกายจะมี
ตอบสนองของร่างกายแบบไม่จาเพาะ กลไกในการต่อต้าน หรือทาลายสิ่งแปลกปลอมทั้งแบบไม่จาเพาะและแบบ
และแบบจาเพาะต่อส่ิงแปลกปลอมของ จาเพาะ
ร่างกาย
เซลล์เม็ดเลือดข าวกลุ่มฟาโกไซต์จะมีกลไกในการต่อต้านหรือทาลายส่ิง
แปลกปลอมแบบไม่จาเพาะ
กลไกในการตอ่ ต้านหรอื ทาลายสิ่งแปลกปลอม แบบจาเพาะเป็นการทางาน
ของเซลล์เม็ดเลอื ดขาว ลมิ โฟไซต์ชนดิ บีและชนดิ ที ซง่ึ เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวทั้ง
สองชนิดจะมีตัวรับแอนติเจน ทาให้เซลล์ทั้งสองสามารถตอบสนองแบบ
จาเพาะต่อแอนติเจนนน้ั ๆ ได้
เซลล์บีทาหน้าที่สร้างแอนติบอดี ซ่ึงช่วยในการจับกับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
เพ่ือทาลายต่อไปโดยระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ทีทาหน้าท่ีหลากหลาย เช่น
กระตุ้นการทางานของเซลล์บีและเซลล์ทีชนิดอ่ืน ทาลายเซลล์ที่ติดไวรัส
และเซลล์ท่ผี ิดปกติอื่น ๆ
1
3
ช้ัน ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
6. สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่างโรค บางกรณีร่างกายอาจเกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ภูมิคุ้มกัน
หรืออาการท่ีเกิดจากความผิดปกติของ ตอบสนองต่อแอนติเจน บางชนิดอย่างรุนแรงมากเกินไป หรือร่างกายมี
ระบบภูมิค้มุ กนั ปฏิกิริยาตอบสนองต่อแอนติเจนของตนเอง อาจทาให้ร่างกายเกิดอาการ
ผดิ ปกตไิ ด้
7. อธบิ ายภาวะภูมิค้มุ กนั บกพร่องที่มีสาเหตุ
มาจากการตดิ เชอื้ HIV บุคคลที่ได้รับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ HIV ซ่ึงสามารถทาลายเซลล์ที
ทาให้ภูมิคุ้มกนั บกพรอ่ งและติดเชอ้ื ตา่ ง ๆ ไดง้ ่ายข้นึ
8. ทดสอบและบอกชนิดของสารอาหารท่ี
พชื สงั เคราะหไ์ ด้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างน้าตาลในพืช
พืชเปลี่ยนน้าตาลไปเป็นสารอาหารและสารอ่ืน ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต
9. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และยกตัวอย่าง โปรตนี ไขมนั ท่จี าเปน็ ตอ่ การดารงชีวิตของพชื และสตั ว์
เก่ียวกับการใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ
ท่ีพืชบางชนิดสร้างขึ้น มนุษย์สามารถนาสารต่าง ๆ ท่ีพืชบางชนิดสร้างขึ้นไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้
เป็นยาหรือสมุนไพรในการรักษาโรคบางชนิด ใช้ในการไล่แมลง กาจัด
10. ออกแบบการทดลอง ทดลอง และ ศัตรูพืชและสัตว์ ใช้ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และใช้เป็น
อธิบายเกี่ยวกับปัจจยั ภายนอกท่ีมีผลต่อ วตั ถุดิบในอตุ สาหกรรม
การเจรญิ เตบิ โตของพชื
ปัจจัยภายนอกท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโต เช่น แสง น้า ธาตุอาหาร
11.สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสารควบคุมการ คาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจน ปัจจยั ภายใน เช่น ฮอร์โมนพชื ซ่งึ พืชมี
เจริญเติบโตของพืชท่ีมนุษย์สังเคราะห์ การสงั เคราะห์ขน้ึ เพอื่ ควบคมุ การเจริญเติบโตในชว่ งชีวติ ต่าง ๆ
ขนึ้ และยกตัวอย่างการนามาประยกุ ต์ใช้
ทางด้านการเกษตรของพชื มนุษย์มีการสังเคราะห์สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชโดยเลียนแบบ
ฮอร์โมนพชื เพือ่ นามาใช้ควบคมุ การเจริญเตบิ โตและเพม่ิ ผลผลิตของพืช
12. สังเกตและอธิบายการตอบสนองของ
พืชต่อสิ่งเร้าในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อ การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพืชแบ่งตามความสัมพันธ์กับทิศทางของส่ิงเร้า
การดารงชีวิต ได้ ได้แก่ แบบที่มีทิศทางสัมพันธ์กับทิศทางของส่ิงเร้า เช่น ดอกทานตะวัน
หันเข้าหาแสง ปลายรากเจริญเข้าหาแรงโน้มถ่วงของโลก และแบบท่ีไม่มี
ทิศทางสัมพันธ์กับทิศทางของส่ิงเร้า เช่น การหุบและบานของดอก หรือ
การหุบและกางของใบพชื บางชนิด
การตอบสนองต่อส่ิงเร้าของพชื บางอย่างส่งผลต่อการเจรญิ เติบโต เช่น การ
เจริญในทิศทางเข้าหา หรือตรงข้ามกับแรงโน้มถ่วงของโลก การเจริญใน
ทศิ ทาง เขา้ หาหรือตรงข้ามกับแสง และการตอบสนองต่อการสมั ผัสส่งิ เร้า
1
4
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การ
เปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ชน้ั ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ม.4 1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างยีน การ ดเี อ็นเอ มีโครงสรา้ งประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์มาเรียงต่อกัน โดยยีนเป็นช่วง
สังเคราะห์โปรตีน และลักษณะทาง ของสายดีเอ็นเอที่มีลาดับนิวคลีโอไทด์ที่กาหนดลักษณะของโปรตีนที่
พันธุกรรม
สังเคราะห์ขน้ึ ซ่ึงส่งผลให้เกิดลกั ษณะทางพันธกุ รรมต่าง ๆ
2. อธิบายหลักการถ่ายทอดลักษณะที่ถูก ลักษณะบางลักษณะมีโอกาสพบในเพศชายและเพศหญิงไม่เท่ากัน เช่น ตา
ควบคุมด้วยยีนท่ีอยู่บนโครโมโซมเพศ บอดสีและฮีโมฟีเลีย ซ่ึงควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมเพศ บางลักษณะมีการ
ควบคุมโดยยีนแบบมัลติเปิลแอลลีล เช่น หมู่เลือดระบบ ABO ซึ่งการ
และมลั ติเปลิ แอลลีล ถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมดงั กล่าวจัดเป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมน
เดล
3. อธิบายผลท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลง มิวเทชันท่ีเปลี่ยนแปลงลาดับนิวคลีโอไทด์ หรือเปล่ียนแปลงโครงสร้าง หรือ
ลาดับนิวคลีโอไทด์ในดีเอ็นเอต่อการ จานวนโครโมโซม อาจส่งผลทาให้ลักษณะของส่ิงมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจาก
เดมิ ซง่ึ อาจมผี ลดหี รือผลเสีย
แสดงลกั ษณะของสิง่ มชี วี ิต
มนุษยใ์ ช้หลักการของการเกิดมวิ เทชันในการชักนาใหไ้ ด้สงิ่ มีชวี ิตทม่ี ีลักษณะที่
4. สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างการนามิว แตกตา่ งจากเดิม โดยการใช้รังสีและสารเคมีตา่ ง ๆ
เทชนั ไปใชป้ ระโยชน์
5. สืบค้นข้อมูลและอภิปรายผลของ มนุษย์นาความรู้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาประยุกต์ใช้ทางด้านการแพทย์และ
เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอท่ีมีต่อมนุษย์ เภสัชกรรม เช่น การสร้างส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม เพ่ือผลิตยาและวัคซีน
และสิ่งแวดลอ้ ม
ด้านการเกษตร เช่น พืชดัดแปรพันธุกรรมท่ีต้านทานโรคหรือแมลง สัตว์ดัด
แปรพันธุกรรมท่ีมีลักษณะตามที่ต้องการ และด้านนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การ
ตรวจ ลายพิมพ์ดีเอ็นเอ เพื่อหาความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือเพื่อหา
ผกู้ ระทาผดิ
การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในด้านต่าง ๆ ต้องคานึงถึงความปลอดภัยทาง
ชีวภาพ ชวี จรยิ ธรรม และผลกระทบทางด้านสงั คม
6. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันมีลักษณะที่ปรากฏให้เห็นแตกต่างกันซึ่งเป็นผลมา
ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิตซึ่งเป็น จากความหลากหลายของลักษณะทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากมิวเทชันร่วมกับ
ผลมาจากวิวัฒนาการ
การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ
ผลจากกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ทาให้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะ
เหมาะสมในการดารงชีวิต สามารถปรับตัวให้อยรู่ อดได้ในสง่ิ แวดลอ้ มนน้ั ๆ
กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติเป็นหลักการที่สาคัญอย่างหนงึ่ ที่ทาให้เกิด
วิวฒั นาการของสง่ิ มีชวี ิต
*สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. 2551. (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย, 2560)
1
5
คาอธิบายรายวชิ า
รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 40 ชว่ั โมง/ปี
ศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของระบบนิเวศ องค์ประกอบของ
ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เซลล์และโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ การลาเลียงสารเข้า
และออกจากเซลล์ การรักษาดุลยภาพของน้าและแร่ธาตุ กรด-เบส อุณหภูมิในร่างกายมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกัน
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างอาหารของพชื ด้วยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง สารสังเคราะห์
จากพืช ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช การตอบสนองของพืชต่อส่ิงเร้า ยีนและการถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมการเปล่ียนแปลงทางพนั ธกุ รรมระดบั ยีนและโครโมโซม การ
ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติ การคัดเลือก
โดยธรรมชาตขิ องสิง่ มชี ีวติ
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความรู้การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ
วเิ คราะห์ การอธิบาย การอภิปรายและการสรปุ เพื่อให้เกิดความรู้ความคิดความเข้าใจ มีความสามารถในการ
ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเองและดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอ่ืนๆ เฝ้าระวังและ
พฒั นาสิง่ แวดล้อมอยา่ งยง่ั ยนื มจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมทเี่ หมาะสม
ตัวชี้วดั
ว 1.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4
ว1.2 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 ม.4/7 ม.4/8 ม.4/9 ม.4/10 ม.4/11
ม.4/12
ว 1.3 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6
รวม 22 ตวั ช้ีวัด
1
6
โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ม.4
หน่วย ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ เวลา ระหวา่ ง คะแนน น้าหนัก
เรียนรู้ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (40 ชม.) เรียน ปลาย คะแนน
18 กลาง ภาค (100)
1 สิ่งมชี ีวติ ใน ว 1.1 15 ภาค
7 25
ส่งิ แวดล้อม ม.4/1 15
8 25
ม.4/2
10 15
ม.4/3
9 15
ม.4/4
35
2 การลาเลยี งสารเข้า ว1.2 6 11 4
10 13 4 30 100
และออกจากเซลล์ ม.4/1
3 การรกั ษาดลุ ยภาพ ว1.2
ของรา่ งกาย ม.4/2
มนุษยย์ ม.4/3
ม.4/4
ม.4/5
ม.4/6
ม.4/7
4 การดารงชวี ติ ว1.2 65
ของพืช ม.4/8 66
ม.4/9 22
ม.4/10 40 55 15
ม.4/11
ม.4/12
5 พนั ธุกรรม ว1.3
ม.4/1
ม.4/2
ม.4/3
ม.4/4
ม.4/5
6 วิวฒั นาการของ ว1.3
ส่งิ มีชวี ติ ม.4/6
รวม
1
7
กาหนดการสอนรายวิชาวิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัส ว 30101
ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 40 ชั่วโมง
ชื่อหนว่ ยการ คะแนน
เรียนรู้
หน่วย เนอื้ หาสาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด เวลา ระหว่าง กลาง ปลาย รวม
(ชวั่ โมง) เรียน ภาค ภาค
1. สิง่ มชี ีวติ ใน ความหลากหลาย 1. สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายความสัมพันธข์ อง 3 52 7
ระบบนิเวศ ของระบบนเิ วศ สภาพทางภมู ิศาสตร์บนโลกกบั ความ 4 82 10
ว 1.1 หลากหลายของไบโอม และยกตัวอย่างไบ 3 53 8
ม.4/1 การเปลย่ี นแปลง โอมชนดิ ต่าง ๆ
ม.4/2 ของระบบของนิเวศ 3 52 7
ม.4/3 2. สืบค้นขอ้ มลู อภปิ รายสาเหตุ และยกตัวอย่าง 3 62 8
2 32 5
การเปลี่ยนแปลงแทนท่ขี องระบบนเิ วศ
ม.4/4 ทรพั ยากรธรรมชาติ 3. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายและยกตวั อยา่ งเกยี่ วกับ
และสิ่งแวดลอ้ ม การเปล่ียนแปลงขององค์ประกอบทาง
กายภาพและทางชีวภาพที่มีผลตอ่ การ
เปลย่ี นแปลงขนาดของประชากรส่งิ มีชวี ติ
ในระบบนิเวศ
4. สืบค้นข้อมูลและอภปิ รายเกี่ยวกับปัญหาและ
ผลกระทบท่ีมตี อ่ ทรพั ยากร- ธรรมชาติและ
สงิ่ แวดลอ้ ม พร้อมท้ังนาเสนอแนวทางในการ
อนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไข
ปัญหาสิง่ แวดล้อม
2. การลาเลียง เซลล์ของสิง่ มชี ีวิต 1. อธิบายโครงสรา้ งและสมบัติของเย่ือห้มุ เซลล์
ทส่ี ัมพนั ธ์กับการลาเลยี งสาร และ
สารเขา้ และ
เปรยี บเทียบการลาเลยี งสารผา่ นเยอ่ื หุม้ เซลล์
ออกจากเซลล์
ว1.2 แบบต่าง ๆ
ม.4/1 การลาเลียงสาร 1. อธบิ ายโครงสรา้ งและสมบตั ขิ องเยื่อหมุ้ เซลล์
ผ่านเซลล์ ทสี่ มั พนั ธ์กับการลาเลียงสาร และ
เปรียบเทียบการลาเลียงสารผา่ นเยอื่ หมุ้ เซลล์
แบบตา่ ง ๆ
3. การรักษา การรักษาดลุ ยภาพ 2. อธิบายการควบคุมดุลยภาพของน้าและสาร
ดุลยภาพของ ของน้าและแรธ่ าตุ ในเลอื ดโดยการทางานของไต
ร่างกายมนุษย์ ในรา่ งกาย
ว1.2
ม.4/2
3. การรกั ษาดลุ ย การรกั ษาดลุ ยภาพ 3. อธิบายการควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของ 3 52 7
ของ กรด-เบส และ เลือดโดยการทางานของไตและปอด
ภาพของ
รา่ งกายมนุษย์ อณุ หภมู ิในร่างกาย
1
8
ชอ่ื หน่วยการ คะแนน
เรียนรู้
หนว่ ย เนอ้ื หาสาระ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั เวลา ระหว่าง กลาง ปลาย รวม
(ชั่วโมง) เรียน ภาค ภาค
(ต่อ) ระบบภมู ิคมุ้ กนั 4. อธิบายการควบคุมดุลยภาพของอุณหภูมิ 3 3 58
ม.4/3 ภายในร่างกายโดยระบบหมุนเวียนเลือด 2 2 35
ม.4/4 ความผิดปกตขิ อง ผวิ หนงั และกล้ามเนื้อโครงรา่ ง 3 2 57
ม.4/5 ระบบภมู คิ ุ้มกนั 2 2 46
ม.4/6 5. อธิบายและเขยี นแผนผงั เก่ียวกับ การ
ม.4/7 ตอบสนองของร่างกายแบบไมจ่ าเพาะ และ 1 1 12
แบบจาเพาะต่อส่งิ แปลกปลอมของร่างกาย 2 2 35
6. สืบค้นข้อมูล อธบิ ายและยกตวั อยา่ งโรคหรือ 2 2 35
อาการทีเ่ กดิ จากความผิดปกตขิ องระบบ
ภมู คิ มุ้ กัน
7. อธิบายภาวะภมู ิคุ้มกันบกพร่องท่ีมีสาเหตุ
มาจากการตดิ เชอ้ื HIV
4. การดารงชีวิต การสรา้ งอาหาร 8. ทดสอบและบอกชนิดของสารอาหารทพ่ี ืช
สงั เคราะห์ได้
ของพืช ของพืช
ว1.2 9. สืบค้นขอ้ มูล อภิปราย และยกตัวอย่าง
เกีย่ วกับการใชป้ ระโยชน์จากสารตา่ ง ๆ ทพ่ี ชื
ม.4/8 ปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ การ บางชนิดสรา้ งขน้ึ
ม.4/9 เจรญิ เติบโตของพชื
ม.4/10 10. ออกแบบการทดลอง ทดลอง และอธบิ าย
ม.4/11 เกี่ยวกับปจั จัยภายนอกทีม่ ีผลต่อการ
ม.4/12 เจรญิ เตบิ โตของพืช
11.สืบค้นข้อมลู เกีย่ วกับสารควบคุมการ
เจรญิ เตบิ โตของพืชที่มนุษย์สังเคราะหข์ ้นึ
และยกตัวอยา่ งการนามาประยุกต์ใช้
ทางด้านการเกษตรของพืช
การตอบสนองต่อ 12. สงั เกตและอธบิ ายการตอบสนองของพืชตอ่
สิ่งเร้าในรูปแบบต่าง ๆ ทีม่ ีผลต่อการ
สิง่ เรา้ ของพืช ดารงชีวติ
5. พันธกุ รรม การถ่ายทอด 1. อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งยีน การ
ว1.3 ลกั ษณะทาง สังเคราะห์โปรตีน และลกั ษณะทาง
ม.4/1 พนั ธุกรรม พันธกุ รรม
ม.4/2
ม.4/3 การเปลย่ี นแปลง 2. อธิบายหลกั การถา่ ยทอดลักษณะที่ถูกควบคุม
ม.4/4 ทางพนั ธกุ รรม ด้วยยีนทีอ่ ยูบ่ นโครโมโซมเพศและมัลตเิ ปลิ
ม.4/5 แอลลลี
3. อธิบายผลทเ่ี กิดจากการเปลยี่ นแปลงลาดับ
นวิ คลีโอไทด์ในดเี อน็ เอตอ่ การแสดงลักษณะ
ของส่ิงมีชีวติ
4. สืบค้นข้อมลู และยกตวั อยา่ งการนามิวเทชนั
ไปใช้ประโยชน์
5. พนั ธุกรรม เทคโนโลยีทาง 5. สืบค้นข้อมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยี 2 2 35
(ตอ่ ) DNA ทางดีเอน็ เอที่มีต่อมนุษย์และสง่ิ แวดล้อม
ว1.3
1
9
ชอ่ื หน่วยการ คะแนน
เรยี นรู้
หน่วย เนอ้ื หาสาระ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด เวลา ระหว่าง กลาง ปลาย รวม
(ชวั่ โมง) เรยี น ภาค ภาค
ม.4/5
6 วิวฒั นาการ วิวฒั นาการของ 6. สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และยกตวั อย่าง ความ 2 2 35
หลากหลายของสง่ิ มชี ีวิตซึง่ เปน็ ผลมาจาก
ของสง่ิ มชี วี ิต ส่งิ มชี ีวิตจากการ
ว1.3 คัดเลือกโดย วิวฒั นาการ
ม.4/6 ธรรมชาติ
รวม 22 ตวั ช้ีวดั 40 55 15 30 100
1
10
โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ม.4
ลาดับท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั
เรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด (40 ชม.) คะแนน
(100)
1 สง่ิ มชี ีวิตในสง่ิ แวดล้อม ว 1.1 โลกประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตที่ 15
ม.4/1 อาศั ยอยู่ร่ วม กัน สิ่งมีชี วิต แต่ล ะชนิด จะ มี 25
ม.4/2 ความจาเพาะต่อสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน จึง 6
ม.4/3 สามารถพบสงิ่ มชี ีวิตไดห้ ลากหลายและกระจายอยู่ 10 15
ม.4/4 ในชีวนิเวศหรือไบโอมที่แตกตา่ งกัน ซ่ึงแบ่งออกได้
เป็นหลายเขตตามสภาพอากาศและปริมาณน้าฝน 25
2 การลาเลียงสารเข้าและ ว1.2 ทาให้มีไบโอมท่หี ลากหลาย
ออกจากเซลล์ ม.4/1 การเปล่ียนแปลงของระบบนิเวศเกิดขึ้นได้
ตลอดเวลาท้ังที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและจาก
3 การรักษาดุลยภาพของ ว1.2 การกระทาของมนุษย์ ซึ่งการเปล่ียนแปลงเหล่าน้ี
เป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทาง
รา่ งกายมนุษย์ ม.4/2 กายภาพและทางชีวภาพ และมีผลต่อขนาด
ประชากรสงิ่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ
ม.4/3
ในปัจจุบันมีประชากรมนุษย์เพ่ิมมากขึ้นจึงมี
ม.4/4 ความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพ่ิมสูงข้ึน
ก่อให้เกิดปญั หาต่าง ๆ ต่อทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
ม.4/5 ส่ิงแวดล้อมจึงต้องมีแนวทางป้องกันและแก้ไข
ปัญหาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื ให้มี
การใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ตอ่ ไป
ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีเซลล์เป็นหน่วยพ้ืนฐาน
มโี ครงสรา้ งสาคัญ 3 สว่ น ได้แก่ สว่ นท่ีหอ่ หุ้มเซลล์
(ผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์) ไซโทพลาซึม (ไรโบโซม
ร่างแหเอนโดพลาซึม ไมโทคอนเดรีย กอจจิคอม-
เพล็กซ์ ไลโซโซม แวคิวโอล เซนทริโอล คลอโร-
พลาสต์) และนิวเคลยี ส
เซลล์มีการลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
โดยอาศัยคุณสมบัติการเป็นเยื่อเลือกผ่านของเย่ือ
หุ้มเซลล์ที่มีลิพิดและโปรตีนเป็นองค์ประกอบ ซ่ึง
เซลล์จะมีรูปแบบการลาเลียงสารที่แตกต่างกัน
หลายรูปแบบ ทั้งการแพร่ การแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต
การลาเลียงสารโดยใช้พลังงาน และการลาเลียง
สารขนาดใหญ่ (เอนโดไซโทซิสและเอกโซไซโทซิส)
การดารงชีวิตของมนุษย์จาเปน็ ตอ้ งมีการรักษา
ดลุ ยภาพต่าง ๆ ของร่างกาย ท้ังการรกั ษาดลุ ยภาพ
ของน้าและแร่ธาตุในร่างกายโดยอาศัยการทางาน
ของไตในการกรองและดูดกลับสารท่ีมีประโยชน์
การรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในเลือดโดยอาศัย
1
11
ลาดบั ท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั
4 การดารงชวี ิตของพืช เรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด (40 ชม.) คะแนน
(100)
ม.4/6 การทางานของไตและปอด การรกั ษาของอุณหภูมิ 6
ม.4/7 ใ น ร่ า ง ก า ย โ ด ย อ า ศั ย ก า ร ท า ง า น ข อ ง ร ะ บ บ 15
หมุนเวยี นเลือด ตอ่ มเหงอ่ื และกล้ามเนอ้ื โครงร่าง
ว1.2
ม.4/8 รา่ งกายของมนุษยม์ ีกลไกตอบสนองตอ่ เช้ือโรค
ม.4/9 และสิ่งแปลกปลอมท่ีเข้าสู่ร่างกาย ท้ังแบบท่ีไม่
ม.4/10 จาเพาะ เชน่ ผิวหนัง เยื่อบุผิว น้าตา น้าย่อย ต่อม
ม.4/11 เหงื่อ เซลล์เม็ดเลือดขาวกลมุ่ ฟาโกไซต์ และแบบท่ี
ม.4/12 จาเพาะ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่มลิมโฟไซต์
(เซลล์บีและเซลลท์ ี) ซ่ึงหากระบบภูมคิ ุ้มกันเหล่าน้ี
เ กิ ด ค ว า ม ผิ ด ป ก ติ อ า จ ท า ใ ห้ เ กิ ด ภ า ว ะ พ ร่ อ ง
ภูมคิ ุ้มกัน เช่น โรคภมู ิแพ้ โรคลปู สั โรคเอดส์
พืชเป็นส่ิงมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารได้เอง
ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซ่ึงมีแสง น้า
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และคลอโรฟิลล์เป็น
ปัจจัยสาคัญ และจะได้น้าตาลกลูโคส และแก๊ส
ออกซิเจนเป็นผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้น พืชยัง
ส า ม า ร ถ สั ง เ ค ร า ะ ห์ ส า ร ก ลุ่ ม อ่ื น ๆ เ ช่ น
คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน อัลคาลอยด์ สาร
กลุ่มฟีนอลิก เทอร์พีนอยด์และสเตียรอยด์ ซ่ึง
ม นุ ษ ย์ ส า ม า ร ถ น า ม า ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ เ ป็ น ย า ห รื อ
สมุนไพรรักษาโรค กาจัดแมลงและศัตรูพืช ยับย้ัง
การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และใช้เป็นวัตถุดิบ
ในอตุ สาหกรรม
การเจริญเติบโตของพืชจาเป็นต้องมีปัจจัย
ควบคุมการเจริญเติบโต แบ่งออกเป็นปัจจัย
ภายนอก ประกอบด้วย แสง น้า แร่ธาตุ แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สออกซิเจน และปัจจัย
ภายในคอื ฮอรโ์ มนพืช ประกอบด้วยออกซนิ ไซโท
ไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทีลีน กรดแอบไซซิก ซึ่ง
ม นุ ษ ย์ ส า ม า ร ถ สั ง เ ค ร า ะ ห์ ฮ อ ร์ โ ม น พื ช เ พ่ื อ ใ ช้
ควบคมุ การเจริญเติบโตและเพ่ิมผลผลติ ของพชื
พืชมีการตอบสนองต่อส่ิงเร้า 2 รูปแบบ คือ
รูปแบบที่มีทิศทางสัมพันธ์กับสิ่งเร้า เช่น การ
ตอบสนองต่อแสง สิ่งสัมผัส แรงโน้มถ่วมของโลก
สารเคมี น้า เป็นต้น และรูปแบบท่ีไม่มีทิศทาง
สัมพันธ์กับสิ่งเร้า ซ่ึงเกิดจากการเปลี่ยนแปลง
ปริมาณนา้ และแรงดันเต่งภายในเซลล์
1
12
ลาดบั ที่ ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั
5 พันธกุ รรม เรียนรู้/ตัวชีว้ ัด (40 ชม.) คะแนน
(100)
ว1.3 ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดจะมีลักษณะพันธุกรรมท่ี 6
ม.4/1 แตกต่างกนั เป็นผลมาจากหน่วยพันธุกรรมหรือยีน 15
ม.4/2 ซง่ึ เป็นลาดับเบสของนิวคลโี อไทดช์ ว่ งหนึ่งบนสายดี
ม.4/3 เอน็ เอท่ีอย่บู นโครโมโซมในนวิ เคลียสของสิ่งมชี ีวิต 5
ม.4/4 100
ม.4/5 ก า ร ถ่ า ย ท อ ด ลั ก ษ ณ ะ ท า ง พั น ธุ ก ร ร ม ข อ ง
สิ่งมีชีวิตจะถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกผ่านเซลล์
สืบพันธุ์ ซึ่งมีการถ่ายทอดลักษณะหลายรูปแบบ
เช่น การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมทางโครโมโซม
ร่างกาย การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรมทาง
โครโมโซมเพศ การถ่ายทอดลักษณะพันธุกรรม
แบบมัลตเิ ปลิ แอลลลี
มิวเทชันเป็นการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของ
สิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ มิวเทชันระดับ
ยีนเป็นการเปลี่ยนแปลงลาดับนิวคลีโอไทด์ในสาย
ดีเอ็นเอ เช่น โรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงรูป
เคียว และมวิ เทชนั ระดับโครโมโซม แบง่ ออกเปน็ 2
ลกั ษณะ คอื การเปลยี่ นแปลงรูปร่างของโครโมโซม
เช่น กลุ่มอาการคริดูชาต์ การเปล่ียนแปลงจานวน
โครโมโซม เชน่ กล่มุ อาการพาทวั กลุ่มอาการดาวน์
เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอถูกนามาประยุกต์ใช้ในด้าน
ต่าง ๆ เช่น ด้านการแพทย์และเภสัชกรรมในการ
ผลิตยาหรือฮอร์โมน ด้านการเกษตรในการ
ปรับปรุงและพัฒนาสายพนั ธ์ุพืชและสัตว์ ด้านนิติ-
วิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ตัวบุคคล แต่ยังมีความ
กังวลเร่ืองความปลอดภัยด้านชีวภาพ สังคม และ
ชวี จริยธรรม
6 วิวฒั นาการของสิ่งมีชวี ิต ว1.3 ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิตในปัจจุบันเป็น 2
ม.4/6 ผลมาจากวิวัฒนาการที่มีกลไกพ้ืนฐานมาจากการ
คัดเลอื กโดยธรรมชาติ ซ่ึงเปน็ กระบวนการคัดเลือก
ป ร ะ ช า ก ร ส่ิ ง มี ชี วิ ต ท่ี มี ลั ก ษ ณ ะ เ ห ม า ะ ส ม กั บ
สิ่งแวดล้อมให้สามารถดารงชีวิตและให้กาเนิด
ประชากรในรุ่นต่อไป โดยสิ่งมีชีวิตจะอาศัยการ
ปรับเปล่ียนลักษณะทางสรีระ พฤติกรรม และ
รูปแบบการดารงชีวิต แต่สาหรับประชากรที่ไม่
สามารถปรับตวั ได้จะถูกคดั ทงิ้ และลดจานวนไป
รวมตลอดภาคเรยี น 40
1
กาหนดการสอนรายวิชาวิทยา
ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธสี อน/วธิ ีการจัด ทักษะทไ่ี ด้
เรยี นรู้ /เนอ้ื หาสาระ กจิ กรรมการเรียนรู้
1. ส่ิงมีชีวิตใน แผนฯ ที่ 1 ความ วิธีสอนแบบสืบ - ทักษะการสารวจ - ตรว
ระบบนเิ วศ หลากหลายของ - ตรว
เสาะหาความรู้ (5Es ค้นหา - ตรว
ระบบนเิ วศ ระด
Instructional - ทกั ษะการจาแนก - ตรว
ระด
Model) ประเภท - ตรว
ระด
- ทักษะการ - ตรว
- ตรว
เปรยี บเทยี บ - สังเ
- สังเ
- ทักษะการตคี วาม - สังเ
การ
ขอ้ มลู และการลง
ขอ้ สรุป
1
13
าศาสตร์ชวี ภาพ รหัส ว 31101
ปกี ารศึกษา 2561 จานวน 40 ชวั่ โมง
การประเมิน คะแนน รวม
เวลา ระหว่าง กลาง ปลาย 7
(ชวั่ โมง) เรยี น ภาค ภาค
วจแบบทดสอบก่อนเรยี น 3 52
วจแบบฝึกหัด
วจการนาเสนอหน้าชั้นเรียน เร่ือง ไบโอม
ดับโลก
วจรายงานและป้ายนิเทศ เร่ือง ไบโอม
ดบั โลก
วจผังสรุป เร่ือง การแบ่งเขตของไบโอม
ดบั โลก
วจรายงาน เรื่อง ไบโอมของประทศไทย
วจใบงานท่ี เรือ่ ง ไบโอมระดับโลก
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
เกตความมีวินัย ไฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นใน
รทางาน
1
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจัดการ วธิ สี อน/วิธกี ารจัด ทักษะทไ่ี ด้
เรยี นรู้ /เนอื้ หาสาระ กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. สิ่งมีชีวิตใน แผนฯ ท่ี 2 วิธีสอนแบบสบื - ทกั ษะการสังเกต - ตรว
- ตรว
ระบบนเิ วศ (ต่อ) การเปล่ียนแปลงของ เสาะหาความรู้ (5Es - ทกั ษะการสารวจ เปล
ท้อง
ระบบของนเิ วศ Instructional คน้ หา - ตร
ของ
Model) - ทักษะการจาแนก เปล
เปล
ประเภท - ตรว
ส่งิ มชี
- ทกั ษะการให้ - ตรว
ของ
เหตผุ ล - ตรว
- สงั เ
- ทักษะการลง - สังเ
การ
ความเห็นจาก
ข้อมลู
แผนฯ ที่ 3 วิ ธี ส อ น แ บ บ สื บ - ทักษะการสงั เกต - ตรว
ทรัพยากรธรรมชาติ เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการสารวจ - ตร
และส่ิงแวดลอ้ ม Instructional ค้นหา สาร
Model) - ทักษะการจาแนก เทา
ประเภท - ตร
- ทั ก ษ ะ ก า ร ใ ห้ และ
เหตผุ ล - ตรว
1
14
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ช่วั โมง) ภาค 10
ระหว่าง กลาง
เรยี น ภาค
วจแบบฝกึ หดั 4 82
วจการนาเสนอหน้าชั้นเรียน เร่ือง การ
ลี่ ย น แ ป ล ง แ ท น ที่ ข อ ง ร ะ บ บ นิ เ ว ศ ใ น
งถ่ิน
วจการนาเสนอหน้าช้ันเรียน เร่ือง ผล
งองค์ประกอบทางกายภาพท่ีมีต่อการ
ลยี่ นแปลงแทนทีข่ องระบบนเิ วศ และการ
ล่ียนแปลงของขนาดประชากร
วจจากรายงาน เร่ือง ความสมั พนั ธข์ อง
ชีวติ ในระบบนิเวศ
วจใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงแทนที่
งระบบนเิ วศ
วจใบงาน เร่อื ง สายใยอาหาร
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
เกตความมีวินัย ไฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันใน
รทางาน
วจแบบฝึกหัด 3 53 8
รวจรายงานกิจกรรม ทดสอบผลของ
รละลายกรดต่อการเจริญของสาหร่าย
านา้
วจรายงาน เร่ือง ทรัพยากรธรรมชาติ
ะส่งิ แวดลอ้ ม
วจใบงาน เร่ือง ปญั หาสง่ิ แวดล้อม
1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การ วิธสี อน/วิธีการจดั ทกั ษะท่ไี ด้
เรียนรู้ /เนอ้ื หาสาระ กิจกรรมการเรียนรู้
1. สิ่งมีชีวิตใน แผนฯ ท่ี 3 วธิ สี อนแบบสืบ - ทกั ษะการลง - ตรว
ระบบนิเวศ (ตอ่ ) ทรัพยากรธรรมชาติ เสาะหาความรู้ (5Es ความเห็นจาก ท่ี 1
และสิ่งแวดลอ้ ม Instructional ข้อมูล - ประ
2. การลาเลยี ง Model) - สังเ
สารเขา้ และออก แผนฯ ที่ 1 - ทักษะการคดิ อยา่ ง - สงั เ
จากเซลล์ เซลลข์ องส่ิงมีชีวติ วิธสี อนแบบสบื มีวิจารณญาณ - สังเ
เสาะหาความรู้ (5Es การ
Instructional - ทกั ษะการสงั เกต
Model) - ทกั ษะการสารวจ - ตรว
ค้นหา - ตรว
- ทักษะการระบุ - ตรว
- ทกั ษะการ - ตรว
เปรียบเทยี บ ส่งิ ม
- ทักษะการจาแนก - ประ
ประเภท - สังเ
- สงั เ
- สังเ
- สังเ
การ
1
15
การประเมนิ เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชั่วโมง) ภาค 7
ระหวา่ ง กลาง
เรยี น ภาค
วจ Unit Question ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ 3 52
1
ะเมินการปฏบิ ัติการ
เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
เกตความมีวินัย ไฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันใน
รทางาน
วจแบบทดสอบกอ่ นเรียน
วจแบบฝกึ หดั
วจใบงาน เรอ่ื ง โครงสรา้ งของเซลล์
วจแผน่ พับนาเสนอ เรอ่ื ง เซลล์ของ
มีชีวติ
ะเมินการปฏิบตั ิการ
เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
เกตพฤตกิ รรมการนาเสนอ
เกตความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ ใน
รทางาน
1
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธสี อน/วธิ กี ารจดั ทักษะทีไ่ ด้
เรยี นรู้ /เน้ือหาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้
2. การลาเลียง แผนฯ ที่ 2 วธิ ีสอนแบบสบื - ทกั ษะการระบุ - ตรว
เสาะหาความรู้ (5Es - ทกั ษะการสารวจ - ตรว
สารเข้าและออก การลาเลยี งสารผา่ น Instructional ค้นหา ในส
Model) - ทักษะการ - ตรว
จากเซลล์ เซลล์ เปรียบเทยี บ ผา่ น
วิธีสอนแบบสบื - ทกั ษะการให้ - สงั เ
(ต่อ) เสาะหาความรู้ (5Es เหตุผล - สงั เ
Instructional - ทักษะการรวบรวม - สังเ
3. การรักษาดุลย แผนฯ ที่ 1 Model) ข้อมูล - สงั เ
ภาพของร่างกาย การรักษาดลุ ยภาพ การ
มนุษย์ ของนา้ และแรธ่ าตใุ น - ทกั ษะการสงั เกต
- ทกั ษะการสารวจ - ตรว
ร่างกาย ค้นหา - ตรว
- ทกั ษะการ - ตรว
เปรียบเทยี บ น้าแ
- ทกั ษะการให้ - ตรว
เหตุผล ผิดป
- ทักษะการลง - ตรว
ความเหน็ จากข้อมลู ทาง
- สงั เ
- สังเ
- สงั เ
การท
1
16
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ช่ัวโมง) ภาค 8
ระหว่าง กลาง
เรยี น ภาค 5
วจแบบทดสอบหลงั เรยี น 3 62
วจใบงาน เรอื่ ง การลาเลยี งสารผา่ นเซลล์ 2 32
สิ่งมีชวี ิต
วจแผนผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง การลาเลียงสาร
นเซลล์
เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
เกตพฤติกรรมการนาเสนอ
เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มั่นใน
รทางาน
วจแบบทดสอบก่อนเรียน
วจแบบฝกึ หดั
วจผงั สรุป เรอ่ื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของ
และแรธ่ าตุในรา่ งกาย
วจรายงาน เรือ่ ง โรคทเ่ี กิดจากการทางาน
ปกตขิ องไต
วจใบงาน เรอื่ ง สว่ นประกอบและการ
งานของหน่วยไต
เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
เกตความมวี ินยั ไฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ใน
ทางาน
1
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการ วิธีสอน/วิธกี ารจดั ทกั ษะทีไ่ ด้
เรียนรู้ /เนอื้ หาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้
3. การรักษาดุลย แผนฯ ท่ี 2 วิธีสอนแบบสบื - ทกั ษะการสังเกต - ตรว
ภาพของร่างกาย การรกั ษาดลุ ยภาพ - ตรว
มนุษย์ (ต่อ) ของ กรด-เบส และ เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการระบุ ภาพข
- ตรว
อณุ หภมู ิในรา่ งกาย Instructional - ทกั ษะการ ภาพข
- สังเ
แผนฯ ท่ี 3 Model) วิเคราะห์ - สังเ
ระบบภูมิคุม้ กนั การท
- ทักษะการ
- ตรว
เปรียบเทยี บ - ตรว
สถาน
- ทักษะการให้ เซลล
- ตรว
เหตุผล - ตรว
กลุม่ ฟ
วิธีสอนแบบสบื - ทักษะการระบุ - ตรว
และเ
เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการสารวจ - สังเ
- สังเ
Instructional ค้นหา - สังเ
การท
Model) - ทักษะการ
เปรยี บเทยี บ
- ทักษะการให้
เหตผุ ล
- ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
1
17
การประเมนิ เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชัว่ โมง) ภาค 7
วจแบบฝึกหัด ระหว่าง กลาง
วจผังสรุป เรอื่ ง กลไกการรักษาดลุ ย- เรยี น ภาค 8
ของกรด-เบสในรา่ งกาย
วจผังสรปุ เรอื่ ง กลไกการรกั ษาดุลย- 3 52
ของอณุ หภมู ิในร่างกาย
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล 33 5
เกตความมีวนิ ัย ไฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ใน
ทางาน
วจแบบฝึกหดั
วจกจิ กรรมกลมุ่ เรื่อง การจาลอง
นการณ์การทางานของเซลล์บแี ละ
ล์ที
วจรายงาน เรอ่ื ง เซลล์เมด็ เลอื ดขาว
วจใบงาน เรอ่ื ง เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว
ฟาโกไซต์
วจใบงาน เรอ่ื ง การทางานของเซลลบ์ ี
เซลลท์ ี
เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่
เกตความมวี นิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ใน
ทางาน
1
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธีสอน/วธิ ีการจัด ทกั ษะที่ได้
เรียนรู้ /เนือ้ หาสาระ กจิ กรรมการเรยี นรู้
3. การรักษาดุลย แผนฯ ท่ี 4 วิธสี อนแบบสบื - ทักษะการสังเกต - ตรว
ภาพของร่างกาย ความผิดปกตขิ อง - ตรว
มนุษย์ (ตอ่ ) ระบบภมู คิ ้มุ กนั เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการระบุ - ตรว
แนว
Instructional - ทกั ษะการให้ - ครูต
บกพ
Model) เหตผุ ล - ครตู
- ครตู
- ทกั ษะการลง เรยี
- สงั เ
ความเหน็ จากข้อมลู - สังเ
- สงั เ
- ทักษะการนา การ
ความร้ไู ปใช้
ประโยชน์
1
18
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชัว่ โมง) ภาค 5
ระหวา่ ง กลาง
เรียน ภาค
วจแบบทดสอบหลังเรยี น 2 2 3
วจแบบฝึกหดั
วจการนาเสนอหน้าชน้ั เรยี น เรื่อง
วทางป้องกนั การตดิ เช้อื HIV
ตรวจรายงาน เร่อื ง โรคภูมิคมุ้ กัน
พร่อง
ตรวจใบงาน เร่อื ง โรคภูมคิ มุ้ กนั บกพรอ่ ง
ตรวจ Unit Question ท้ายหน่วยการ
ยนรทู้ ่ี 3
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่
เกตความมีวนิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่ันใน
รทางาน
1
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการ วิธีสอน/วิธีการจัด ทกั ษะท่ีได้
เรียนรู้ /เนอ้ื หาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้
4. การดารงชีวิต แผนฯ ที่ 1 วธิ ีสอนแบบสบื - ทักษะการสงั เกต - ตรว
ของพืช การสร้างอาหาร - ตรว
เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการสารวจ - ตรว
ของพชื แป้ง
Instructional คน้ หา - ตรว
แผนฯ ท่ี 2 สงั เ
ปัจจยั ทีม่ ีผลต่อการ Model) - ทกั ษะการ - ตรว
เจรญิ เติบโตของพืช แสง
ตงั้ สมมติฐาน - ตรว
ของ
- ทักษะการทดสอบ - ประ
- สังเ
สมมตฐิ าน - สงั เ
- สังเ
- ทกั ษะการลง การ
ความเห็นจาก - ตรว
- ตรว
ข้อมลู ท่ีมผี
- ตรว
- ทักษะการตคี วาม - ผงั ม
เจร
ขอ้ มูลและการลง - ใบง
- ประ
ขอ้ สรุป - สงั เ
วิธสี อนแบบสืบ - ทกั ษะการสงั เกต
เสาะหาความรู้ (5Es - ทกั ษะการสารวจ
Instructional คน้ หา
Model) - ทกั ษะการ
ตง้ั สมมตฐิ าน
- ทักษะการกาหนด
ควบคมุ ตัวแปร
- ทักษะทดสอบ
สมมตฐิ าน
1
19
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชว่ั โมง) ภาค 7
ระหวา่ ง กลาง
เรียน ภาค 6
วจแบบฝึกหดั กอ่ นเรยี น 3 2 5
วจแบบฝึกหดั 2 2 4
วจรายงานกิจกรรม เรื่อง การทดสอบ
งจากการสังเคราะหด์ ้วยแสงในใบพืช
วจการนาเสนอหน้าช้ันเรยี น เร่อื ง สาร
เคราะห์จากพชื
วจผงั มโนทัศน์ เรื่อง การสังเคราะห์ด้วย
งของพืช
วจใบงาน เร่อื ง การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง
งพืช
ะเมินการปฏบิ ตั ิการ
เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
เกตความมีวนิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่นใน
รทางาน
วจแบบฝึกหดั
วจรายงานกิจกรรม เร่ือง ปัจจัยภายนอก
ผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื
วจนาเสนอหน้าชน้ั เรียน เรื่องฮอรโ์ มนพชื
มโนทัศน์ เร่ือง ปจั จัยท่มี ผี ลตอ่ การ
รญิ เติบโตของพืช
งาน เร่ือง ออร์โมนพชื
ะเมนิ การปฏิบัตกิ าร
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
1
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการ วิธสี อน/วิธกี ารจัด ทกั ษะทไี่ ด้
เรยี นรู้ /เนอื้ หาสาระ กิจกรรมการเรียนรู้
4. การดารงชีวิต - ทักษะการรวบรวม - สังเ
ของพืช (ต่อ) ข้อมลู - สังเ
การ
แผนฯ ที่ 3 วิธีสอนแบบสบื - ทกั ษะการลง
การตอบสนองต่อสิ่ง เสาะหาความรู้ (5Es ความเห็นจาก - ตรว
เรา้ ของพชื Instructional ข้อมูล - ตรว
Model) - ตรว
- ทักษะการตคี วาม เรา้ ข
ข้อมูลและการลง - ตรว
ข้อสรุป เรีย
- สังเ
- ทักษะการสังเกต - สงั เ
- ทกั ษะการสารวจ - สังเ
ค้นหา ในก
- ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
- ทกั ษะการลง
ความเห็นจาก
ขอ้ มลู
1
20
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชั่วโมง) ภาค
เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระหวา่ ง กลาง
เกตความมวี นิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ใน เรยี น ภาค
รทางาน
วจแบบทดสอบหลงั เรยี น 1 1 12
วจแบบฝกึ หดั
วจผังมโนทศั น์ เรอ่ื ง การตอบสนองต่อส่ิง
ของพืช
วจ Unit Question ทา้ ยหนว่ ยการ
ยนรทู้ ่ี 4
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
เกตความมีวินยั ไฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มั่น
การทางาน
1
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วธิ สี อน/วธิ กี ารจดั ทักษะท่ีได้
เรยี นรู้ /เนือ้ หาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้
5.พนั ธุกรรม แผนฯ ท่ี 1 วิธีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการระบุ - ตรว
การถา่ ยทอดลกั ษณะ - ตรว
ทางพันธกุ รรม เสาะหาความรู้ (5Es - ทกั ษะการสังเกต - ตรว
โคร
แผนฯ ที่ 2 Instructional - ทักษะการสารวจ - ตรว
การเปลี่ยนแปลงทาง - ตรว
พนั ธกุ รรม Model) คน้ หา โคร
- ตรว
- การเปรียบเทียบ พัน
- ตรว
- ทักษะการจาแนก พนั
- สังเ
ประเภท - สังเ
- สังเ
- ทักษะการลง
- ตรว
ความเหน็ จากข้อมลู - ตรว
จาก
วธิ สี อนแบบสบื - ทกั ษะการสังเกต - ตรว
ประ
เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการสารวจ - ตรว
ชันร
Instructional คน้ หา - สังเ
- สงั เ
Model) - ทักษะการจาแนก - สงั เ
ประเภท
- ทกั ษะการลง
ความเห็นจาก
ขอ้ มูล
1
21
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชั่วโมง) ภาค 5
ระหวา่ ง กลาง
เรยี น ภาค 5
วจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2 2 3
วจแบบฝึกหดั 2 2 3
วจการนาเสนอ เร่อื ง ความสมั พันธ์ของ
รโมโซม ดีเอน็ เอ และยีน
วจผงั สรปุ เร่อื งโครโมโซมดเี อน็ เอ และยนี
วจใบงาน เร่ือง ความสัมพนั ธข์ อง
รโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
วจใบงาน เร่อื ง การถา่ ยทอดลักษณะ
นธกุ รรมทางโครโมโซมเพศ
วจใบงาน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะ
นธุกรรมแบบมลั ตเิ ปิลแอลลลี
เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม
เกตความมวี นิ ยั และมุ่งมน่ั ในการทางาน
วจแบบฝกึ หดั
วจการนาเสนอ เรื่อง ลักษณะผดิ ปกติ
กมิวเทชันระดบั โครโมโซม
วจรายงาน เรอ่ื ง การประยกุ ต์ใช้
ะโยชนจ์ ากการเกดิ มวิ เทชนั ของสิ่งมีชวี ติ
วจใบงาน เรอ่ื ง ความผดิ ปกตจิ ากมวิ เท
ระดบั โครโมโซม
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ
เกตความมีวินยั และมุ่งมั่นในการทางาน
1
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การ วธิ ีสอน/วธิ ีการจดั ทกั ษะท่ไี ด้
เรียนรู้ /เน้ือหาสาระ กิจกรรมการเรียนรู้
5.พนั ธุกรรม (ตอ่ ) แผนฯ ที่ 3 วธิ ีสอนแบบสืบ - ทกั ษะการสังเกต - ตรว
เทคโนโลยีทาง DNA - ตรว
เสาะหาความรู้ (5Es -ทกั ษะการสารวจ - ตรว
ประ
Instructional ค้นหา เอน็
- ตรว
Model) - ทกั ษะการ และ
- ตรว
เรียงลาดบั แปร
- ตรว
- ทักษะการลง เทค
- ตรว
ความเห็นจาก เรยี
- สงั เ
ข้อมูล - สังเ
- สงั เ
- ทกั ษะการนา การ
ความรู้ไปใช้
ประโยชน์
1
22
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ช่วั โมง) ภาค 5
ระหวา่ ง กลาง
เรยี น ภาค
วจแบบทดสอบหลังเรยี น 2 2 3
วจแบบฝึกหดั
วจการนาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน เรือ่ ง การ
ะยกุ ต์ใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยที างดี
นเอในด้านตา่ ง ๆ
วจจากการโตว้ าทใี นหัวข้อ ประโยชน์
ะโทษของการใชเ้ ทคโนโลยที างดเี อ็นเอ
วจแผ่นพบั นาเสนอ เร่อื ง สง่ิ มชี วี ิตดัด
รพนั ธกุ รรม
วจใบงาน การประยกุ ต์ใช้ประโยชนจ์ าก
คโนโลยีทางดเี อน็ เอ
วจ Unit Question ทา้ ยหนว่ ยการ
ยนรูท้ ่ี 5
เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล
เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม
เกตความมวี นิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ ม่นั ใน
รทางาน
1
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การ วธิ ีสอน/วธิ กี ารจดั ทักษะที่ได้
เรยี นรู้ /เน้อื หาสาระ กิจกรรมการเรยี นรู้
6.วิวฒั นาการ แผนฯ ที่ 1 วิธสี อนแบบสบื - ทกั ษะการสงั เกต - ตรว
ของส่ิงมชี วี ติ - ตรว
ววิ ฒั นาการของ เสาะหาความรู้ (5Es - ทักษะการสารวจ - ตรว
- ตรว
สิ่งมชี ีวิตจากการ Instructional คน้ หา หลา
ววิ ฒั
คัดเลือกโดยธรรมชาติ Model) - ทักษะการจาแนก - ตรว
จาแ
ประเภท - ตรว
หลา
- ทักษะการลง - ตรว
ธรร
ความเหน็ จากขอ้ มลู - ครูต
เรยี
- สงั เ
- สงั เ
- สงั เ
การ
1
23
การประเมิน เวลา คะแนน ปลาย รวม
(ชว่ั โมง) ภาค
ระหวา่ ง กลาง
เรยี น ภาค
วจแบบทดสอบก่อนเรยี น 2 2 35
วจแบบทดสอบหลงั เรยี น
วจแบบฝกึ หดั
วจรายงานกจิ กรรม เรอ่ื ง ความ
ากหลายของสิ่งมชี ีวิตทีเ่ ปน็ ผลจาก
ฒนาการ
วจการนาเสนอหน้าชน้ั เรียน เรื่อง การ
แนกความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ
วจใบงาน เรือ่ ง การจาแนกความ
ากหลายของส่ิงมชี ีวติ
วจใบงาน เรอ่ื ง การคัดเลือกโดย
รมชาติของส่ิงมีชวี ิต
ตรวจ Unit Question ทา้ ยหน่วยการ
ยนรู้ที่ 6
เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล
เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ
เกตความมวี นิ ยั ไฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่นใน
รทางาน
1