The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานบูรณาการโรงเรียนนางรอง การเลี้ยงจิ้งหรีด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 4410210155, 2020-09-17 20:18:56

โครงงานบูรณาการโรงเรียนนางรอง การเลี้ยงจิ้งหรีด

โครงงานบูรณาการโรงเรียนนางรอง การเลี้ยงจิ้งหรีด

74

โครงงานบรู ณาการ
เร่อื ง การเจริญเติบโตของจิ้งหรีดท่เี ลีย้ งด้วยอาหารแตกต่างกัน

โดย
1. นางสาวปรมาพร วรรณุปถมั ภ์ เลขที่ 11
2. นางสาวววิ ศิ รา บุญสง่า เลขที่ 15
3. นางสาวดวงรักษ์ ยนิ ดีชาติ เลขที่ 24

ครทู ป่ี รึกษา
1. นางสาวสมุ าลี คงสอดทรัรพย์
2. นางสาวสิรกิ ร หยมิ กระโทก

โรงเรยี นนางรอง อาเภอนางรอง จงั หวัดบุรีรัมย์
สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 32

ปกี ารศึกษา 2563



กติ ตกิ รรมประกาศ

โครงงานน้ีสาเร็จเสร็จสมบูรณเปนอยางดีไดดวยความชวยเหลือและใหคาปรึกษาอย่างดียิ่ง
จากครูสมุ าลี คงสอดทรัพย์ และครูสิรกิ ร หยิมกระโทก ครทู ี่ปรกึ ษาโครงงาน ทไ่ี ด้ให้คาแนะนาและ
ข้อคิดเห็นต่างๆ ของการทาโครงงาน ตลอดจนการเขียนรายงานทางวิชาการเพื่อนาเสนอผล
โครงงานการตรวจสอบ แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ขอขอบคุณนางสาวปิยวรรณ สุขเกษม ท่ีให้ความ
อนุเคราะห์ในการใช้ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และเคร่ืองมือทางวิทยาศาสตร์ ขอขอบคุณคุณ
สมชาย คงสอดทรัพย์ ปราชญ์ชาวบ้าน ที่ได้ให้ข้อมูลความรู้เก่ียวกับการเล้ียงจิ้งหรีด เช่น
ภูมิปัญญาท้องถ่ินของชุมชนในการเตรียมภาชนะเล้ียงจ้ิงหรีด การให้น้า การให้อาหาร พร้อมท้ัง
ให้คาแนะนาที่เป็นประโยชน์ และขอขอบคุณนายมานัส เวียงวิเศษ ผู้อานวยการโรงเรียนนางรอง
นายอุดม นามสวัสดิ์ รองผู้อานวยการโรงเรียนนางรอง และคณะครูโรงเรียนนางรองทุกท่านที่ให้
คาแนะนา ช่วยเหลือ และเป็นกาลังใจในการจัดทาโครงงานตลอดมา

สุดท้ายนี้ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่า โครงงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของผู้สนใจ
และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนในการเพิ่มผลผลิตทางการเพาะเล้ียงจิ้งหรีด เพ่ือหารายได้เสริม และหาก
มีขอ้ บกพรอ่ งดว้ ยประการใดๆ ผศู้ กึ ษาขอน้อมรบั ไว้ดว้ ยความขอบคณุ ยง่ิ

คณะผูจ้ ัดทา



หัวข้อโครงงาน : การเจริญเตบิ โตของจิ้งหรดี ท่ีเลีย้ งดว้ ยอาหารแตกต่างกนั

ประเภทของโครงงาน : โครงงานประเภททดลอง

ผู้เสนอโครงงาน : นางสาวปรมาพร วรรณุปถัมภ์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/12 เลขที่ 11

นางสาววิวิศรา บุญสง่า ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4/12 เลขที่ 15

นางสาวดวงรกั ษ์ ยนิ ดชี าติ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4/12 เลขท่ี 24

ครทู ่ีปรกึ ษาโครงงาน : นางสาวสมุ าลี คงสอดทรัพย์

นางสาวสิรกิ ร หยมิ กระโทก

ปกี ารศกึ ษา : 2563

บทคดั ยอ่

การจัดทาโครงงานในครงั้ น้ีมีวตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเปรยี บเทยี บการเจริญเตบิ โตของจ้งิ หรีดทเี่ ลยี้ ง
ดว้ ยอาหารแตกต่างกนั คือ อาหารไก่ รา ผัก และหญา้ โดยการวดั อัตราการเจริญเติบโตจาก
นา้ หนกั ความยาว ลาตัว และความยาวขา ผลการศึกษาพบว่า จิง้ หรดี กลมุ่ ที่ได้รับอาหารไก่ รว่ มกับ
ผกั และหญา้ จะมีอัตราการเจริญเติบโตสงู กวา่ กลมุ่ อน่ื ๆ อย่างมีนัยสาคัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั 0.05
รองลงมาคอื กลมุ่ ที่ไดร้ ับรารว่ มกบั ผกั และหญา้ สว่ นกลมุ่ ท่ีไดร้ บั ราเพียงอย่างเดียวจะมีอัตราการ
เจรญิ เติบโตน้อยทสี่ ดุ เม่ือเปรียบเทยี บกับกลมุ่ อืน่ ๆ

ผลท่ไี ดจ้ ากการศึกษาคร้งั น้แี สดงใหเ้ หน็ วา่ สามารถใช้ราในการเล้ยี งจิง้ หรดี ทดแทนอาหาร ไก่

ได้ โดยใช้รว่ มกบั ผกั และหญ้า เพราะหาได้ง่ายในท้องถน่ิ ลดภาระค่าใชจ้ า่ ย ลดปัญหาสารพษิ ตกคา้ ง

ปลอดภยั ต่อผ้บู ริโภคและสิ่งแวดลอ้ ม นอกจากน้ีช่วยลดปัญหาภาวะโลกรอ้ นดว้ ย

สารบญั ค

เร่ือง หน้า
กิตติกรรมประกาศ ก
บทคดั ย่อ ข
สารบญั ค
สารบญั ตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
1
บทท่ี 1 บทนา 1
ทีม่ าและความสาคัญของโครงงาน 1
วตั ถปุ ระสงค์ 1
ขอบเขตการศกึ ษาคน้ ควา้ 2
ตวั แปรที่ศกึ ษา 2
ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั 2
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 3
3
บทที่ 2 เอกสารและโครงงานทเ่ี ก่ยี วข้อง 3
เอกสารทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 4
- จง้ิ หรีด 8
- ลกั ษณะทัว่ ไปของจ้ิงหรดี 8
- ลักษณะของจิ้งหรีดวยั ต่างๆ 10
11
- การเลยี้ งจ้งิ หรดี 12
- การใชป้ ระโยชนจ์ ากจ้งิ หรดี 13
- คุณค่าทางโภชนาการของจง้ิ หรีด 13
13
โครงงานท่ีเกย่ี วข้อง 15
บทที่ 3 วธิ ีการจดั ทาโครงงาน 17
17
วัสดแุ ละอปุ กรณ์ 17
วิธีการจัดทาโครงงาน 18
บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา
บทที่ 5 สรปุ ผล และขอ้ เสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา
ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากโครงงาน
ข้อเสนอแนะ

สารบัญ ง

เรื่อง หน้า
บรรณานุกรม 19
ภาคผนวก 20
21
ภาคผนวก ก ภาพประกอบการทดลอง 25
ภาคผนวก ข ขอ้ มลู ทางสถิติในการวเิ คราะหข์ ้อมูล

สารบญั ตาราง จ

ตาราง หน้า
11
ตารางท่ี 1 เปรยี บเทียบคณุ ค่าทางโภชนาการของแมลงตอ่ นา้ หนักสด 100 กรัม 15
ตารางท่ี 2 การเจริญเตบิ โตของจ้งิ หรีดโดยการชง่ั น้าหนกั วัดความยาวลาตวั และขา 16
ตารางที่ 3 เปรยี บเทียบการเจรญิ เตบิ โตของจ้ิงหรดี

สารบญั ภาพ ฉ

เร่อื ง หน้า

ภาพที่ 1 จิ้งหรีดทองแดง (Acheta domestica) 3
ภาพที่ 2 ลักษณะของจ้ิงหรดี 5
ภาพท่ี 3 จง้ิ หรดี ทองดา 5
ภาพท่ี 4 จง้ิ หรีดทองแดง 5
ภาพที่ 5 จ้งิ หรดี เลก็ 5
ภาพที่ 6 จ้งิ โกรง่ 6
ภาพที่ 7 ระยะวางไข่ 6
ภาพที่ 8 ระยะตัวออ่ น 6
ภาพท่ี 9 ระยะตัวเต็มวัย 7
ภาพท่ี 10 การผสมพนั ธุ์ 7
ภาพที่ 11 การวางไข่ 8

1

บทที่ 1
บทนา

ที่มาและความสาคัญของโครงงาน

สภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประชากรเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทาให้ความต้องการปัจจัย
พื้นฐานในการดารงชีวิตเพ่ิมมากขึ้น ทาให้สินค้ามีราคาแพง เกษตรกรในอาเภอนางรองจึงหันมา
เลี้ยงจิ้งหรีดเพ่ือจาหน่ายหารายได้เสริมให้กับครอบครัว เน่ืองจากปัจจุบันคนนิยมบริโภคจ้ิงหรีดเป็น
อาหาร เพราะมีโปรตีน และแคลเซียมสูง ปลอดสารพิษ ดังน้ันโรงเรียนนางรองจึงมีการนาเอา
ภูมิปัญญาพนื้ บ้านในการเลี้ยงจิ้งหรีดมาใช้ในการศึกษาเพื่อเปรยี บเทียบอัตราการเจริญเติบโต เพื่อหา
วิธกี ารท่ปี ระหยัด ลดภาระคา่ ใช้จา่ ย

จากการสังเกตพบว่า การเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อจาหน่ายในชมุ ชนอาเภอนางรอง นิยมเลยี้ งโดยการ
ใช้อาหารไก่ เพราะทาให้จ้ิงหรีดเจริญเติบโตเร็ว แต่จ้ิงหรีดที่อยู่ในธรรมชาติจะกินผักและหญ้าต่างๆ
เป็นอาหาร จากคุณสมบัติดังกล่าว ทาให้ผู้ศึกษาเกิดแนวคิดว่า ควรนาเอาวัสดุที่หาได้ในท้องถ่ินมาใช้
ในการเล้ียงจ้ิงหรีดทดแทนอาหารไก่ท่ีมีราคาแพง จะลดภาระค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับการ
น้อมนาเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของรชั กาลท่ี 9 มาใช้ในการดาเนินชีวิต ซ่งึ ผลการศึกษา
คร้ังนีจ้ ะเป็นขอ้ มลู พื้นฐานและเปน็ ประโยชนอ์ ย่างยง่ิ ตอ่ ชุมชนในอาเภอนางรอง เพื่อนาไปประยุกต์ใช้
ในการเลยี้ งจ้งิ หรดี เพื่อประหยดั ต้นทนุ ในการเล้ยี งจ้งิ หรดี

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพื่อเปรยี บเทยี บการเจริญเติบโตของจิ้งหรีดที่เล้ียงด้วยอาหารทแี่ ตกต่างกัน จากอาหารไก่
รา ผัก และหญา้

2. ขยายผลความรู้ท่ีไดส้ ู่ชมุ ชน เพ่ือลดต้นทุนการผลิต

ขอบเขตของการศกึ ษาค้นควา้

การศกึ ษาครงั้ นี้ศกึ ษาเฉพาะการเปรยี บเทียบการเจรญิ เตบิ โตของจ้ิงหรดี ทเี่ ล้ยี งด้วยอาหารที่
แตกตา่ งกนั ดงั นี้

1. สตั วท์ ี่ใชใ้ นการทดลอง คือ จงิ้ หรดี (Acheta testacea)
2. อาหารทีใ่ ชใ้ นการเล้ยี งจ้ิงหรดี คือ อาหารไก่ รา ผัก หญา้
3. อตั ราการเจรญิ เติบโต ศึกษาจาก นา้ หนกั ความยาวลาตวั และความยาวขา
4. แบ่งกลุ่มการทดลองออกเป็น 5 กลุม่ ดังนี้

กลุ่มท่ี 1 อาหารไก่อย่างเดยี ว
กลุม่ ท่ี 2 ราอย่างเดยี ว

2

กลมุ่ ที่ 3 ผกั และหญ้าอย่างเดียว
กลุ่มที่ 4 อาหารไกร่ ว่ มกบั ผักและหญา้
กลุ่มท่ี 5 รารว่ มกับผกั และหญา้

ตัวแปรท่ีศึกษา

ตวั แปรตน้ คือ อาหารทใ่ี ชเ้ ลี้ยงจงิ้ หรดี คอื อาหารไก่ รา ผัก หญ้า
ตัวแปรตาม คอื อัตราการเจริญเตบิ โตของจ้ิงหรีดโดยวดั จากความยาวขา ความยาวตวั และ
น้าหนัก
ตัวแปรควบคุม ขนาดภาชนะที่ใช้เลี้ยง ขนาด และน้าหนักของจ้ิงหรีดท่ีนามาใช้ในการ
ทดลอง เวลาท่ีใช้ในการทดลอง สถานท่ีหรือโรงเรือนที่ใช้ในการทดลอง ระยะเวลาในการให้น้า
จานวนนา้ ท่ีใหใ้ นแตล่ ะวนั

ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ

1. เพือ่ ให้ชุมชนมองเห็นคุณค่าของทรพั ยากรธรรมชาติที่มีอยู่ และสามารถนามาประยุกต์ใช้
ในการเลี้ยงจ้ิงหรีดแทนอาหารไก่

2. เพื่อเพ่มิ องค์ความรู้จากการศกึ ษาภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ของชาวบา้ นอาเภอนางรอง
3. นาไปประยุกตใ์ ช้ในการเกษตร ทาให้เกษตรกรเลือกอาหารที่เหมาะสมในการเล้ยี งจิ้งหรีด
เพื่อลดต้นทนุ และเพ่มิ อัตราการเจริญเตบิ โต

นยิ ามศัพท์เฉพาะ

1. จ้ิงหรีด (Cricket) หมายถึง เป็นแมลงจาพวกหน่งึ มชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์ คือ Acheta
testacea อย่ใู นวงศ์ Gryllidae ลกั ษณะรูปร่างสน้ั หวั กลม หนวดยาวเปน็ รูปเส้นดา้ ย ลาตวั สนี า้ ตาล
คอ่ นข้างแดง ปากเปน็ แบบปากกดั ขาคหู่ ลงั มีขนาดใหญ่และ แข็งแรง เพศเมียปีกเรียวและมีอวยั วะ
วางไขย่ าวแหลมคลา้ ยเขม็ ยนื่ ออกมาจากส่วนทอ้ ง เพศผู้มีปีกคูห่ น้าย่นสามารถทาเสยี งได้ สว่ นใหญ่ขดุ
รอู ยตู่ ามคันนาและทงุ่ หญา้ ออกหากินในเวลากลางคนื

2. การเจริญเติบโต หมายถึง กระบวนการเจริญเปล่ียนแปลงในด้านมวลและรูปร่างของ
สิ่งมีชีวติ โดยศึกษาจากความยาวลาตวั ความยาวขา และนา้ หนัก

3

บทท่ี 2
เอกสารและโครงงานท่เี ก่ยี วขอ้ ง

ในการจัดทาโครงงานการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของจ้ิงหรีดที่เล้ียงด้วยอาหารแตกต่าง
กัน คือ อาหารไก่ รา ผัก และหญ้า หญ้า คณะผู้จัดทาได้ทาการศึกษาเอกสารท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือเป็น
ขอ้ มูลประกอบการทาโครงงาน ดังน้ี

เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ ง

1. จง้ิ หรีด

ภาพท่ี 1 จิ้งหรีดทองแดง (Acheta domestica)
ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki4

การจาแนกช้นั ทางวทิ ยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลมั : Arthropoda
ชั้น: Insecta
อันดับ: Orthoptera
อันดับยอ่ ย: Ensifera
วงศใ์ หญ:่ Grylloidea
วงศ:์ Gryllidae Bolívar, 1878
สปีชีส:์ Acheta domestica
จ้ิงหรีด (Cricket) เป็นแมลงจาพวกหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Gryllidae เป็นแมลงที่มีขนาดลาตัวปาน

กลางเมื่อเทียบกับแมลงโดยทั่วไป มีปีก 2 คู่ คู่หน้าเน้ือปีกหนากว่าคู่หลัง ปีกเม่ือพับจะหักเป็นมุมท่ี
ด้านข้างของลาตัว ปีกคู่หลังบางพับได้แบบพัดสอดเข้าไปอยู่ใต้ปีกคู่หน้า ปากเป็นชนิดกัดกิน หัวกับ
อกมีขนาดกว้างไล่เล่ียกัน ขาคู่หลังใหญ่และแข็งแรงใช้สาหรับกระโดด ตัวผู้มีอวัยวะพิเศษสาหรับทา

4

เสียงเป็นฟันเล็ก ๆ อยู่ตามเส้นปีกบริเวณกลางปีก ใช้กรีดกับแผ่นทาเสียงที่อยู่บริเวณท้องปีกของปีก
อีกข้างหน่ึง อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เป็นที่รู้จักกันดีของจิ้งหรีด ขณะที่ตัวเมียจะไม่สามารถทาเสียง
ได้ และจะมีอวัยวะสาหรับใช้วางไข่เป็นท่อยาว ๆ บริเวณก้นคล้ายเข็ม เห็นได้ชัดเจน (พจนานุกรม
ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน, 2542)

จิง้ หรีดสามารถพบไดท้ ่ัวไปโดยเฉพาะในเขตร้อนช้ืนประมาณ 900 ชนิด ในประเทศไทยก็พบ
หลายชนิด จิ้งหรีดเป็นแมลงท่ีกัดกินพืชชนิดต่าง ๆ เป็นอาหาร สามารถกินได้หลายชนิด มักออกหา
กินในเวลากลางคืน อาศยั โดยการขดุ รอู ยใู่ นดนิ หรอื ทราย แต่จ้งิ หรีดบางจาพวกทีอ่ าศัยบนต้นไม้

ประเทศไทย พบจิ้งหรีดได้ทั่วทุกภูมิภาค ชนิดของจิ้งหรีดที่พบ ได้แก่ จ้ิงหรีดทองดา
(Gryllus bimaculatus), จิ้งหรีดทองแดง (G. testaceus), จ้ิงโกร่ง หรือ จ้ิงกุ่ง (Brachytrupes
portentosus) เป็นต้น

จิ้งหรีดเป็นแมลงที่มีวงจรชีวิตแบบไม่ต้องผ่านการเป็นหนอนหรือดักแด้ ตัวอ่อนที่เกิดมาจะ
เหมือนตัวเต็มวัย เพียงแต่ยังไม่มีปีก และมีสีท่ีอ่อนกว่า ต้องผ่านการลอกคราบเสียก่อน จึงจะมีปีก
และทาเสียงได้ จิ้งหรีดจะผสมพันธุ์เมื่อเป็นตัวเต็มวัย การผสมพันธุ์และวางไข่แต่ละรุ่นจะใช้เวลา
ประมาณ 15 วันต่อคร้ัง ในแต่ละรุ่น เมื่อหมดการวางไข่รุ่นสุดท้ายแล้วตัวเมียก็จะตาย โดยตัวผู้จะทา
เสียงโดยยกปีกค่หู น้าถกู ันใหเ้ กดิ เสียง เพือ่ เรียกตวั เมีย จังหวะเสียงจะดังเมอ่ื ตัวเมียเข้ามาหา บรเิ วณท่ี
ตวั ผ้อู ยู่ ตัวผจู้ ะเดินไปรอบ ๆ ตัวเมียประมาณ 2-3 รอบ ช่วงน้ีจงั หวะเสียงจะเบาลง แล้วตัวเมยี จะขึ้น
คร่อมตวั ผู้ จากนัน้ ตัวผู้จะย่ืนอวัยวะเพศแทงไปที่อวัยวะเพศตัวเมีย หลังจากนั้นประมาณ 14 นาที ถุง
น้าเช้อื ก็จะฝ่อลง แล้วตวั เมียจะใช้ ขาเขย่ี ถงุ นา้ เช้ือทิ้งไป เม่ือไขไ่ ด้รบั การปฏสิ นธแิ ลว้ ตัวเมยี ใชอ้ วัยวะ
วางไข่ที่แทงลงในดนิ ที่มลี ักษณะเรยี วยาวคล้ายเมล็ดข้าวสาร ใช้เวลาประมาณ 7 วัน กจ็ ะฟักออกเป็น
ตัวอ่อน ตลอดอายุไข่จิ้งหรีดตัวเมียสามารถวางไข่ได้ต้ังแต่ 600-1,000 ฟอง ซ่ึงจะวางไข่เป็นรุ่น ๆ ได้
ประมาณ 4 ร่นุ

จิ้งหรีดถือเป็นแมลงที่เป็นศัตรูพืชอย่างหน่ึง แต่ก็มีความเกี่ยวพันธ์กับมนุษย์ในแง่ของเล้ียง
เป็นสัตว์เลี้ยงมาอย่างยาวนาน ในหลายวัฒนธรรม ในหลายประเทศ มีการเลี้ยงจิ้งหรีดเพื่อฟังเสียง
ร้อง และเล้ียงไว้สาหรับการกัดกัน โดยถือว่าเป็นแมลงจาพวกหน่ึงที่สามารถนามาต่อสู้กันได้ อย่าง
ด้วงกว่าง อีกทั้งยังปรากฏในนิทานอีสปในเร่ือง มดกับจ้ิงหรีด เป็นต้น (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,
2555)

2. ลักษณะทั่วไปของจิ้งหรีด

2.1. รปู รา่ งลักษณะ
จ้ิงหรีดเป็นแมลงที่มีลักษณะปากเป็นแบบปากกัด มีตารวม หนวดยาว ขาคู่หลังมีขนาด

ใหญ่และแข็งแรง กระโดดเก่ง เพศเมียปีกเรียบและมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลมคล้ายเข็มยื่นออกมาจาก
สว่ นทอ้ ง เพศผู้มีปีกคู่หนา้ ยน่ สามารถทาเสียงได้

5

ภาพที่ 2 ลกั ษณะของจิง้ หรีด
ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

2.2 ชนิดของจิ้งหรดี

จงิ้ หรีดทพ่ี บในประเทศไทย ซง่ึ เป็นที่รูจ้ ักกนั อยา่ งแพรห่ ลาย มี 4 ชนดิ ดงั นี้

2.2.1 จงิ้ หรีดทองดา ลาตัวกว้าง

ประมาณ 0.7 ซม. ยาวประมาณ 3ซม. มี 3 สี

ทพ่ี บตามธรรมชาตคิ อื สดี า สที อง และสอี าพัน

โดยลกั ษณะที่เด่นชัด คอื จะมจี ุดเหลอื งทโ่ี คนปกี

จานวน 2 จุด ภาพที่ 3 จิ้งหรีดทองดา

ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

2.2.2 จง้ิ หรดี ทองแดง มลี าตวั สีน้าตาล

เพศผู้มีสีเข้มกว่าเพศเมีย ส่วนหวั เหนอื ขอบตารวมด้านบน

แต่ละด้านมีแถบสเี หลอื ง มองดคู ลา้ ยหมวกแก๊ป มคี วาม

ว่องไวมากภาคตะวันออกเฉยี งเหนือเรยี กจง้ิ หรดี

ชนิดนีเ้ ปน็ ภาษาทอ้ งถนิ่ คือ จนิ าย อเิ จ็ก จิง้ หรดี ม้า

เปน็ ตน้ ภาพท่ี 4 จิ้งหรีดทองแดง

ท่ีมา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

2.2.3 จง้ิ หรดี เลก็ มีขนาดเล็กทส่ี ุด
มสี ีนา้ ตาล บางท้องทเี่ รียกวา่ จลิ อ จงิ้ หรีดผี หรือบางที่
เรยี กวา่ แอด้ ลกั ษณะคล้าย จง้ิ หรดี พันธ์ทุ องแดง
เพียงแต่มีขนาดเลก็ กว่าเท่านั้น

ภาพท่ี 5 จิง้ หรีดเลก็

ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

6

2.2.4 จงิ้ โกร่ง เปน็ จิง้ หรดี ขนาดใหญ่

สนี ้าตาล ลาตัวกวา้ งประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ

3.5 ซม. ชอบอย่ใู นรูลกึ โดยจะขุดดินสร้างรงั

อาศัยได้เอง และมพี ฤติกรรมชอบอพยพย้ายทอ่ี ยู่เสมอ

มีช่ือเรยี กแตกตา่ งกันไป เชน่ จโิ ปม จลิ อ เปน็ ต้น ภาพที่ 6 จิ้งโกร่ง

2.3 วงจรชวี ิตจิง้ หรดี ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

จง้ิ หรีดมรี ะยะการเจรญิ เติบโต แบ่งออกไดเ้ ปน็ 3 ระยะ คอื

2.3.1 ระยะไข่ ไข่จิ้งหรีดจะมีสีเหลืองรวมกันเป็นกลุ่มในดิน ลักษณะยาวเรียวคล้าย

เมลด็ ข้าวสาร ความยาวประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ระยะไข่ใช้เวลาประมาณ 7 วัน จึงฟักออกมาเป็นตัว

อ่อน

ภาพที่ 7 ระยะวางไข่

ท่ีมา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

2.3.2 ระยะตัวอ่อน ไข่จ้ิงหรีดเมื่อฟักออกเป็นตัวอ่อน จิ้งหรีดวัยอ่อนที่ฟักออกจากไข่
ใหม่ ๆ จะมีลักษณะคล้ายมด และมีการเจริญเติบโตโดยการลอกคราบ จะลอกคราบประมาณ 8 คร้ัง
จงึ จะเป็นตัวเตม็ วัย ตัวอ่อนเม่ือโตขนึ้ เร่ิมมีปีก เรยี กวา่ ระยะใส่เสอื้ กั๊ก มีระยะกั๊กเล็ก มีตงิ่ ปีก และก๊ัก
ใหญ่ มีติ่งปีกยาว ระยะตัวอ่อนพันธุ์จงิ้ หรีดทองดาใชเ้ วลาประมาณ 36 - 40 วนั แต่ถ้าพันธ์ุทองแดงใช้
เวลาประมาณ 46 - 50 วนั จึงจะลอกคราบเปน็ ตัวเต็มวัย

ภาพที่ 8 ระยะตวั อ่อน

ท่ีมา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

7

2.3.3 ระยะตัวเต็มวัย เป็นระยะที่สามารถแยกเพศได้ชัดเจน โดยการสังเกตความ
แตกต่างของเพศผู้ เพศเมยี เพศผู้จะมีปีกคู่หน้าย่น สามารถทาให้เกิดเสียงข้ึนได้ โดยใช้ปีกคู่หน้าถูกัน
จะทาให้เกิดเสียง เสียงที่จิ้งหรีดทาขึ้นเป็นการ ส่ือสารที่มีความหมายของจิ้งหรีด สาหรับเพศเมียจะมี
ปีกคู่หน้าเรียบ และมีอวัยวะวางไข่ยาวแหลมคล้ายเข็มย่ืนออกมา จากส่วนท้อง โดยท่ัวไปจ้ิงหรีดตัว
เต็มวนั จะมอี ายเุ ฉลีย่ ประมาณ 45-60 วนั

เพศเมีย เพศผู้

ภาพที่ 9 ระยะตวั เตม็ วยั

ท่ีมา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

2.4 การผสมพนั ธขุ์ องจ้งิ หรีด
จิ้งหรีดจะผสมพันธ์ุเมื่อเป็นตัวเต็มวัย การผสมพันธุ์และวางไข่แต่ละรุ่นจะใช้เวลา

ประมาณ 15 วนั /ครงั้ /ร่นุ เมือ่ หมดการวางไขร่ นุ่ สุดทา้ ยแลว้ ตัวเมยี กจ็ ะตาย
วธิ ผี สมพันธุ์
ตัวผู้จะทาเสยี งโดยยกปีกคู่หน้าถูกันให้เกิดเสียง เพอ่ื เรยี กตัวเมีย จังหวะเสียงจะดังเม่ือ

ตัวเมียเข้ามาหา บริเวณที่ตัวผู้อยู่ ตัวผู้จะเดินไปรอบ ๆ ตัวเมียประมาณ 2-3 รอบ ช่วงนี้จังหวะเสียง
จะ เบาลง แล้วตัวเมียจะขึ้นคร่อมตัวผู้ จากน้ันตัวผู้จะยื่นอวัยวะเพศแทงไปท่ีอวัยวะเพศเมีย
หลังจากนั้นประมาณ 14 นาที ถุงนา้ เชือ้ กจ็ ะฝ่อลง แลว้ ตวั เมยี จะใช้ ขาเขย่ี ถุงน้าเช้อื ท้งิ ไป

ภาพที่ 10 การผสมพนั ธุ์

ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

8

ระบบสืบพันธุ์เพศผู้
เพศผมู้ อี ัณฑะ 1 คู่ สีขาวขนุ่ แตล่ ะขา้ งมีท่อนา้ อสุจิมาเก็บไว้ท่ีพกั นา้ เชื้ออสจุ ิ และมตี ่อมสรา้ ง
น้าเลีย้ งอสุจิสีขาวขนุ่ เม่ือมกี ารผสมพนั ธุเ์ ชอื้ อสุจิจะออกไปทางท่อนาเช้อื อสจุ ิ
ระบบสบื พนั ธุเ์ พศเมยี
เพศเมียมีรังไข่ 1 คู่ สเี หลืองเปน็ ชอ่ รังไข่แตล่ ะข้างมีทอ่ นาไข่และนาออกมารวมกันที่ทอ่ กลาง
นอกจากน้ีจะพบถุงเก็บอสุจิเป็นก้อนกลมสีขาวขุ่นสาหรับเก็บอสุจิของเพศผู้เม่ือได้รับการผสมพันธุ์
ขณะท่ีจะวางไข่ โดยไข่แก่เคล่ือนตัวลงมาจากท่อนาไข่ก็จะมีการฉีดเช้ืออสุจิเข้าไปในไข่ก่อนที่จิ้งหรีด
จะวางไขอ่ อกมา
การวางไข่
เพศเมียใช้อวัยวะวางไข่ท่ียาวแหลมคล้ายเข็มแทงลงในดินท่ีมีลักษณะเรียวยาวคล้ายเมล็ด
ขา้ วสาร ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ก็จะฟักออกเป็นตัวอ่อน ตลอดอายุไข่จ้ิงหรีดตัวเมียสามารถวางไข่ได้
ต้ังแต่ 600 - 1,000 ฟอง ซึ่งจะวางไข่เป็นร่นุ ๆ ได้ประมาณ 4 รนุ่

ภาพที่ 11 การวางไข่

ที่มา http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm

ขนั้ ตอนการวางไข่
จิ้งหรีดตัวเมียจะเรมิ่ วางไขภ่ ายใน 7 วัน หลังผสมพันธุ์ มีขั้นตอนดงั นี้
- จ้งิ หรดี จะวางไข่ในดินทมี่ คี วามช้ืนพอเหมาะสาหรับวางไข่
- ใชเ้ ข็มแทงลงดนิ เพื่อวางไข่
- การวางไขจ่ ะวางเป็นกลมุ่ ๆ ละ 3 - 4 ฟอง ประมาณ 2 - 3 กลมุ่
- แทงเข็ม 1 ครั้ง จะวางไข่ประมาณ 2 - 3 กลุม่
- ยกเข็มขนึ้ มาเพอื่ หาทเ่ี หมาะสมเพื่อแทงเขม็ วางไข่ใหม่
- จะมีการวางไขต่ ลอดอายุ 4 คร้งั ๆ ละ ประมาณ 200 - 300 ฟอง
- การวางไขแ่ ตล่ ะรนุ่ จะใชเ้ วลาหา่ งกันประมาณ 15 วนั

3. ลักษณะของจง้ิ หรีดวยั ต่าง ๆ

ลักษณะไข่จิ้งหรีด
- ไขจ่ ้ิงหรีดมสี ีขาว ยาวประมาณ 1.5 ม.ม.

- ไข่อย่ใู ต้ดินใชเ้ วลาฟกั ตวั ประมาณ 7 วนั แล้วออกเปน็ ตัวออ่ น

9

ลกั ษณะตวั ออ่ น
- มขี นาดเล็กคล้ายมด ความยาวประมาณ 1.5 ม.ม.
- ลาตัวมสี ีดา มีอวยั วะครบทุกอย่าง แตย่ ังไมม่ ีปกี
- ระยะกลางวัยอ่อน จะเร่มิ มตี ุม่ ปีก
- มีการลอกคราบ 8 ครงั้ กอ่ นเป็นตัวเตม็ วัย

ระยะตัวเตม็ วยั
ระยะตัวเต็มวัยมีอวัยวะครบทุกสว่ นเห็นได้ชดั เจน แบง่ เปน็ 3 ส่วน คือ
1) สว่ นหัว ประกอบด้วยส่วนทส่ี าคัญ คอื ตารวม 1 คู่ หนวด 1 คู่ ส่วนของปาก
ส่วนหัวจะเชอ่ื มต่อกับส่วนอกดว้ ยเน้ือเย่ือบาง ๆ เคลื่อนไหวได้รอบทิศ โดยมีหนวด

เปน็ อวัยวะทสี่ าคัญสาหรบั สมั ผสั และรับกล่ิน
2) สว่ นอก ประกอบด้วยอวัยวะสาคญั คือ ปีก 2 คู่ ขา 3 คู่
3) ส่วนท้อง จะเปน็ ส่วนประกอบท่สี าคัญของอวยั วะสืบพนั ธุ์

4. การเลยี้ งจง้ิ หรดี

การเลี้ยงจ้งิ หรีด ก็คอื การนาจ้งิ หรีดมาเล้ียงและมีการดูแล โดยมีหลักการท่ีว่าจ้ิงหรีดท่ีนามา
เลี้ยงน้ัน จะต้องมีสภาพความเป็นอยู่เหมือนกับในธรรมชาติมากท่ีสุด ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมการ
และจัดการที่ดอี ย่างเป็นขนั้ ตอน ซึ่งจะไดก้ ลา่ วถึงต่อไป (ศนู ย์ศกึ ษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้, 2554).

การเลอื กท่ตี ้ังโรงเรือน
1. บริเวณก่อสรา้ งโรงเรอื นควรเป็นที่ดอน น้าไมท่ ว่ มขงั
2. บริเวณทีจ่ ะเลีย้ งควรมีพ้ืนท่ีกว้างพอสมควร
3. บริเวณที่จะเล้ียงต้องป้องกันฝนและแสงแดดจัดได้ โดยมีแสงแดดส่องผ่านประมาณ 30-
40% ในชว่ งเชา้ และสาย มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. พ้ืนท่จี ะใชเ้ ล้ยี งไมค่ วรเป็นสถานทม่ี ีโรคและการระบาดของแมลงศตั รูพวกมด ไร
5. พ้นื ที่ควรมแี หลง่ อาหารธรรมชาติ หาไดง้ ่าย เช่น หญา้ จากธรรมชาติ ผักตบชวา เป็นตน้
แบบโรงเรือน
โรงเรือน สามารถเลี้ยงได้ในสภาพทั่วไปท่ีมีอยู่ หรืออาจจะจัดทาโรงเรือนไว้เลี้ยงโดย
เฉพาะที่ก็ได้ ถ้ามีทุนดาเนินการเพียงพอ หรือจะเล้ียงใต้ชายคาบ้าน ใต้ถุนบ้านก็ได้ แล้วแต่ความ
เหมาะสม แต่ต้องมกี ารป้องกนั การถกู ฝนสาดถึง และปอ้ งกนั แดดจดั ได้
อุปกรณใ์ นการเล้ียงจิง้ หรดี
1.) บ่อจงิ้ หรดี
วัสดุท่ีจะนามาเปน็ สถานที่เพาะเล้ียง มีอยู่มากมายหลายชนดิ เชน่ ถัง กะละมัง ปี๊บ เป็นต้น
แต่ถ้าใช้วงปูน จะคงทนและสามารถใช้เลี้ยงจิ้งหรีดได้ตลอดไปและมีราคาไม่สูงนัก ง่ายต่อการเล้ียง
และป้องกันศัตรู วงปูนมีหลายขนาด แตข่ นาดทเ่ี หมาะสมในการเล้ียงและการจัดการควรเป็นวงขนาด
80 x 50 ซม. ซง่ึ สามารถปลอ่ ยแม่พันธ์ุ 3 ตัว ต่อพ่อพนั ธุ์ 1 ตัว

10

2.) แผ่นพลาสตกิ และเทปกาว
แผ่นพลาสติกและเทปกาวจะใช้ติดรอบวงในด้านบนเพื่อป้องกันจิ้งหรีดไม่ให้ออกนอกวง
จะใช้พลาสติกตัดกว้างประมาณ 2-3 น้ิว ให้ยาวเท่าเส้นรอบวง ในการใช้กระดาษกาวติดทับพลาสติก
วงปนู
3.) ยางรัดปากวง
ยางในรถจักรยานหรือรถจักยานยนต์ ตัดให้มีขนาดกว้างน้อยกว่าขอบวงด้านนอก ตัดอย่า
ใหม้ คี วามกว้างของยางมาก เพื่อความสะดวกเม่ือเวลายดื รัดตาขา่ ยกับขอบวง
4.) กาบมะพร้าว
กาบมะพร้าวเป็นวัสดุเพื่อใช้วางในวงท่อปูนสาหรับเป็นท่ีหลบซ่อนของจ้ิงหรีด จะใช้กาบ
มะพรา้ วแห้งประมาณ 2-4 ชน้ิ
5.) เศษหญ้าแหง้
เศษหญ้าแห้งเป็นวัสดุท่ีใช้วางทับกาบมะพร้าว ใช้ทับหนาประมาณ 2 ซม. เพ่ือป้องกันแสง
สว่างและ ให้ความอบอนุ่ แกจ่ ิง้ หรีด
6.) ถาดน้าและถาดอาหาร
ถาดน้าและถาดอาหาร ควรเป็นถาดท่ีไม่ลึกมาก เพ่ือให้จิ้งหรีดได้ขึ้นกินอาหารและน้าได้
สะดวก 1 วง จะมถี าดอาหารและนา้ อยา่ งละ 2 ที่
7.) พลาสตกิ ไนลอ่ นสเี ขียว
เปน็ ตาข่ายสาหรบั ปิดปากวงบ่อปนู เพอื่ ปอ้ งกนั การบินหนขี องจ้งิ หรดี ตวั เตม็ วัยและป้องกัน
ศตั รเู ข้าทาลายจิ้งหรดี ตัดให้มคี วามกวา้ งกวา่ ปากวงบอ่ ปนู รอบนอกเล็กนอ้ ย เชน่ วงขนาด 80 ซม.
จะตดิ ตาข่ายไนลอ่ นสีเขียวขนาด 100 x 100 ซม.

5. การใชป้ ระโยชน์จากจงิ้ หรดี

การใชป้ ระโยชน์จากจ้งิ หรดี (พิทักษ์พงษ์ ถาบวั คา และคณะ, 2553) ดังน้ี
1. จ้ิงหรีดนามาแปรรูปเป็นอาหารสาหรับบริโภค มีคุณค่าทางอาหารด้านโปรตีน และ
วิตามิน ดังน้ันจิ้งหรีดจึงเหมาะสาหรับนามาแปรรูปเป็นอาหารสาหรับบริโภคในครัวเรือน และ
จาหน่ายให้กับประชาชนในการรับประทาน ท้ังนี้ก่อนจับจ้ิงหรีดมาบริโภคต้องงดให้อาหารเสริมแก่
จิง้ หรีด อยา่ งน้อย 2-3 วัน ให้เฉพาะหญ้าสดและน้า เพ่อื ไมใ่ ห้จง้ิ หรีด มีกล่ินของอาหารเสรมิ และควร
จบั จ้ิงหรดี เม่ือมีอายุได้ 46 วันขึ้นไป วัยนเ้ี ป็นชว่ งที่เหมาะสม เพราะจะได้นา้ หนักดี การแปรรปู จิง้ หรีด
เพื่อเป็นอาหารรับประทาน นอกเหนือจากได้กล่าวถึงแล้ว ยังมีอีกหลายวิธี เช่น การชุบแป้งทอด ทา
ลาบ ยา เป็นต้น
2. การใช้จิ้งหรีดเป็นส่วนผสมอาหารสัตว์ โดยการใช้จ้ิงหรีดทั้งวัยอ่อนและตัวเต็มวัย นาไป
เป็นอาหารสัตว์ โดยตรงกไ็ ด้เชน่ อาหารไก่ นก ปลาสวยงาม ปลาบ่อ ลกู จระเข้ และสัตวอ์ ่นื ๆ
3. การใช้จ้ิงหรีดเพ่ือการกีฬา ปัจจุบันมีความนิยมในการตกปลามาก การนามาเป็นเหย่ือ
ตกปลา
4. การใช้จิ้งหรีดเพื่อความเพลิดเพลิน โดยการเลี้ยงศึกษาวงจรชีวิตและนิเวศวิทยาของ
จง้ิ หรดี หรือ การฟงั เสยี งรอ้ งของจ้ิงหรดี เป็นต้น

11

6. คณุ คา่ ทางโภชนาการของจ้ิงหรดี

จ้ิงหรดี มโี ปรตนี สงู ไขมันต่า (ดงั ตารางที่ 1) เหมาะสาหรบั การนามาเป็นอาหาร ปจั จบุ นั เป็น
ที่นยิ มกนั แพรห่ ลาย ทัง้ ในประเทศและตา่ งประเทศจะพบเหน็ ได้จากร้านอาหารหรอื ภัตตาคาร

ตารางที่ 1 เปรยี บเทียบคุณค่าทางโภชนาการของแมลงต่อนา้ หนักสด 100 กรมั

ชื่อแมลง Energy protein Fat Carbohydrate Iron Calcium Phosphorus Potassium
(Kcal) (g) (g) (g) (mg) (mg) (mg) (mg)

1. ต๊ักแตนใหญ่ 95.7 14.3 3.3 2.2 3.0 27.5 150.2 217.4
Grasshoppers

2. ตั๊กแตนเล็ก 152.9 20.6 6.1 3.9 5.0 35..2 238.4 237.4
Locustsmall

3. แมลงตับเตา่ 0.3 6.4 36.7 204.8 197.9
True 149.1 211.0 7.1

Waterbeetle

4. กระชอน 125.1 15.4 6.3 1.7 41.7 75.7 254.1 267.8
Mole Cricket

5. จิง้ หรดี 121.5 12.9 5.5 5.1 9.5 75.8 185.3 305.5
Cricket

6. ไขม่ ดแดง 82.8 7..0 3.2 6.5 4.1 8.4 113.4 96.3
Red Anteggs

7. ดกั แด้ไหม 98.0 9.6 5.6 2..3 1.8 41.7 155.4 138.7
Silk worm

pupae

8. แมลงดานา 162.3 19.8 8.3 5.5 13.6 43.5 22.5 191.7
Giant water bug

ทม่ี า : นภิ า เบญจพงศ์ และอุรญุ ากร จันทร์แสง, 2540

12

โครงงานท่ีเกย่ี วข้อง

อาพล ศิริคา และคณะ. (2560) ศึกษาการสรา้ งมาตรฐานต้นแบบการจัดฟารม์ จง้ิ หรีดให้
ถูกต้องตามหลักสุขอนามยั เพ่ือให้ได้ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี ีคุณภาพของวสิ าหกจิ ชมุ ชนผ้เู ลย้ี งจงิ้ หรีดบ้านมะค่า
พบว่า การเล้ียงจ้งิ หรดี ท่ีถกู วิธีโดยจัดการเกี่ยวการสุขอนามยั ท่ดี จี ะลดการตายของจิง้ หรีดได้ โดยการ
ขงึ ตาขา่ ย 2 ช้ัน ควบคุมอุณหภมู ิ ความชนื้ ไมใ่ ห้ฝนเขา้ มาในอุปกรณ์เลย้ี งจิง้ หรีด และการรณรงค์ให้
ชาวบา้ นปลูกพืชสมุนไพร เพ่ือใช้เล้ยี งจิง้ หรีด คือ ผักบ้งุ ฟักทอง ชว่ ยให้จง้ิ หรดี ทองดามีการ
เจรญิ เตบิ โตทดี่ ี ใชเ้ วลาประมาณ 30-35 วนั กส็ ามารถจบั ขายได้

13

บทที่ 3
วิธกี ารจัดทาโครงงาน

จากการศึกษาโครงงาน เรอ่ื งการเปรียบเทยี บการเจริญเตบิ โตของจงิ้ หรีด ทเี่ ล้ียงดว้ ยอาหาร
แตกตา่ งกนั โดยการศึกษาอาหารท่ีเหมาะสมในการเลย้ี งจิง้ หรีด เชน่ อาหารไก่ รา ผัก และหญ้า
แล้ววดั อัตราการเจรญิ เตบิ โต มวี ธิ กี ารทดลองดงั นี้

วสั ดุและอปุ กรณ์

วสั ดุและอุปการณท์ ่ีใช้ในการจัดทาโครงงาน ได้แก่
1. กลอ่ งโฟม ขนาด 25x40x30 ซ ม. จานวน 5 กล่อง
2. ตาข่ายไนล่อนเขยี ว 60X60 ซม. จานวน 5 ผืน
3. ยางรดั ปากบ่อ จานวน 5 เสน้
4. ถาดอาหารและ น้า อยา่ งละ 5 ชดุ
5. แผงใส่ไข่ท่ีทาจากกระดาษ 10-12 แผน่
6. เทปกาว จานวน 1 ม้วน
7. อาหารไกบ่ ดละเอยี ด 1 กิโลกรมั
8. ผักและหญ้าตา่ งๆ
9. รา จานวน 1 กโิ ลกรมั
10. กระดาษ label จานวน 1 แผน่
11. เคร่อื งชั่งละเอียด จานวน 1 เครอื่ ง
12. คีมคบี จานวน 2 อัน

วิธีการจดั ทาโครงงาน

การคัดเลือกจ้ิงหรีด
คัดเลือกจิ้งหรีดท่ีมีขนาดเท่าๆ กัน เลือกเฉพาะตัวท่ีมีลักษณะแข็งแรง มีอวัยวะต่างๆ

ครบถว้ น หนกั ประมาณ 0.1 กรัม จานวน 150 ตวั
การเตรียมภาชนะเลย้ี ง
1. นากล่องโฟมท่เี ตรียมไว้มาติดด้วยกระดาษกาวท่ีขอบของกล่องโฟม เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้

จ้งิ หรดี ปีนออกได้ โดยติดตา่ จากขอบปากกล่องโฟมประมาณ 1 นิ้ว จานวน 2 รอบ
2. ตัดตาขา่ ยไนล่อนเขียวขนาด 60X60 ซม. จานวน 5 ผืน
3. ถกั ยางเส้นเล็กเป็นแถวจานวน 18 เสน้ แลว้ ขดเปน็ วงกลม เพื่อใช้รัดปากกลอ่ งโฟม
4. ตัดแผงไข่ไก่กระดาษแย่งออกเป็น 4 ช้นิ
5. นากลอ่ งโฟมทต่ี ดิ ขอบเรียบร้อยแลว้ มาใส่แผงไข่ที่ตัดเปน็ ชิ้นกล่องละ 8 แผน่

14

6. ใสถ่ าดรองแกว้ ลงไปในกล่องโฟมเพื่อเป็นทวี่ างอาหารและน้าให้กับจ้ิงหรีด
การศึกษาการเจริญเตบิ โตของจิ้งหรีด

1. นากล่องโฟมทเี่ ตรยี มไว้ มาติดกระดาษ label เพ่ือระบุกลุ่มที่ใช้ในการทดลอง
2. แยกจ้งิ หรีดที่คดั เลอื กไวอ้ อกเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 30 ตวั
3. ใสจ่ งิ้ หรีดที่แยกไว้แล้วลงไปในกลอ่ งทีเ่ ตรียมไวท้ ง้ั 5 กล่อง โดยแบง่ กลุม่ ดังนี้

กลุ่มท่ี 1 กลุ่มที่ไดร้ บั อาหารไกเ่ พียงอยา่ งเดยี ว
กลุ่มที่ 2 กลมุ่ ทไ่ี ด้รบั ราเพียงอย่างเดยี ว
กลมุ่ ท่ี 3 กลมุ่ ทไ่ี ดร้ ับผัก และหญา้ เพียงอยา่ งเดียว
กลุ่มที่ 4 กลมุ่ ท่ไี ดร้ ับอาหารไก่ รว่ มกับ ผัก หญา้
กลุม่ ท่ี 5 กลุ่มทไี่ ด้รบั รา ร่วมกับ ผกั หญ้า
4. วัดการเจริญเติบโต โดยใชด้ ัชนีการเจริญเติบโต คือ ความยาวขา ความยาวลาตวั
น้าหนัก โดยวัดอตั ราการเจริญเตบิ โตแล้วบันทึกผลการทดลอง
5. เปรยี บเทียบการเจริญเติบโตของจง้ิ หรดี ในแตล่ ะกลุ่ม แลว้ บนั ทึกผล
การเสนอข้อมูล
เสนอขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการทดลอง รายงานผลในรปู ของตาราง และภาพถ่าย

15

บทที่ 4
ผลการศกึ ษา

จากการศึกษาโครงงาน เรื่อง การเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของจ้ิงหรีดที่เล้ียงด้วย
อาหารแตกตา่ งกนั คอื อาหารไก่ รา ผกั และหญา้ โดยการวดั อัตราการเจรญิ เติบโตจากความยาว
ขา ความยาวลาตัว และนา้ หนัก ได้ผลการทดลองดังน้ี

การเปรยี บเทียบการเจริญเตบิ โต

จากการเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของจ้ิงหรีดที่เลี้ยงด้วยอาหารแตกต่างกัน คือ อาหาร

ไก่ รา ผัก และหญ้า เป็นเวลา 4 สัปดาห์ แล้ววัดอัตราการเจริญเติบโตจากน้าหนกั ความยาวลาตัว

และความยาวขา ได้ผลการทดลองดังตารางท่ี 2

ตารางที่ 2 การเจริญเตบิ โตของจ้ิงหรีดโดยการช่งั นา้ หนัก วดั ความยาวลาตัว ขาหน้า และขาหลงั

การเจรญิ เตบิ โตของจง้ิ หรดี

กลมุ่ ทดลอง นา้ หนกั ความยาวลาตวั ความยาวขาหนา้ ความยาวขาหลงั

คา่ เฉลย่ี SD ค่าเฉลย่ี SD ค่าเฉลี่ย SD ค่าเฉลี่ย SD

กลุ่มที่ 1 อาหารไก่ 0.82 B 0.07 2.60 A 0.10 1.38 B 0.13 2.44 A 0.18

กลมุ่ ท่ี 2 รา 0.54 C 0.06 2.20 B 0.20 1.26 B 0.16 2.20 B 0.12

กลุม่ ท่ี 3 ผกั หญา้ 0.80 B 0.09 2.46 A 0.21 1.38 B 0.04 2.32 AB 0.11

กลมุ่ ท่ี 4 อาหารไก่ 0.97 A 0.08 2.62 A 0.15 2.62 A 0.15 2.34 AB 0.18
รว่ มกบั ผักและหญ้า

กล่มุ ท่ี 5 รา ร่วมกบั 0.80 B 0.09 2.56 A 0.28 2.56 A 0.28 2.50 A 0.12
ผักและหญ้า

หมายเหตุ อักษรภาษาองั กฤษตัวพมิ พ์ใหญ่เปน็ การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งเปน็ รายกลุ่ม
ถา้ มีอักษรแตกตา่ งกันแสดงว่ามีความแตกตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ
ความเช่ือม่ัน 0.05

จากตารางที่ 2 สรุปผลการทดลองได้ว่าจิ้งหรีดกลุ่มที่ 4 ท่ีได้รับอาหารไก่ ร่วมกับผักและ
หญ้าจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 รองลงมาคือ
กลุ่มที่ 5 ท่ีได้รับรารว่ มกับผกั และหญ้า ส่วนกลมุ่ ที่ 2 ที่ได้รบั ราเพียงอย่างเดียวจะมีน้าหนักตัวน้อย
ทส่ี ดุ เมอ่ื เปรียบเทยี บกับกลมุ่ อ่ืนๆ

16

ตารางที่ 3 เปรียบเทียบการเจรญิ เติบโตของจงิ้ หรดี รายละเอียด
กลมุ่ ภาพ -บางตวั มีการลอกคราบเข้าสู่
ระยะตวั เต็มวยั
กลมุ่ ที่ 1 -เริ่มมปี กี สนี า้ ตาล
อาหารไก่ -ทอ้ งมีสีดา

กลมุ่ ที่ 2 -ลาตัวมีสีดา
รา -ยงั ไม่มปี ีก

กลมุ่ ที่ 3 -ลาตัวมสี ีดา
ผกั หญ้า -ยงั ไม่มีปีก

กลุ่มท่ี 4 -มกี ารลอกคราบเข้าสูร่ ะยะ
อาหารไก่ รว่ มกบั ตัวเตม็ วยั ลาตวั ใหญ่
-เริม่ มีปกี สีน้าตาล
ผักและหญา้ -ทอ้ งมีสดี า

กลมุ่ ที่ 5 -ลาตวั มีสีดา
รา ร่วมกับ -ยงั ไม่มปี ีก
ผกั และหญ้า

17

บทท่ี 5
สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ

สรปุ ผลการศึกษา

อภิปรายผลการทดลอง
จากการศึกษาโครงงาน เรือ่ ง การเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของจิ้งหรีดที่เลี้ยงดว้ ยอาหาร
แตกต่างกัน คือ อาหารไก่ รา ผัก และหญ้า โดยการวัดอัตราการเจริญเติบโตจากน้าหนัก ความ
ยาว ลาตัว และความยาวขา พบว่า
กลุ่มท่ี 1 อาหารไก่ พบว่ามีน้าหนักตัวเฉล่ีย 0.82 ความยาวลาตัวเฉลี่ย 2.60 ความยาวขา
หน้าเฉล่ีย 1.38 และความยาวขาหลงั เฉลย่ี 2.44 บางตัวมีการลอกคราบเขา้ สู่ระยะตวั เต็มวัย ท้องมี
สดี า เร่ิมมปี ีกสีน้าตาล
กลุ่มท่ี 2 รา พบว่ามีน้าหนักตัวเฉลี่ย 0.54 ความยาวลาตัวเฉล่ีย 2.20 ความยาวขาหน้า
เฉล่ีย 1.26 และความยาวขาหลังเฉลี่ย 2.20 ลาตัวมีสีดา ยังไม่มีปีก เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ พบว่า
ความยาวลาตัว และน้าหนัก นอ้ ยท่สี ุดต่างจากกลมุ่ อนื่ ๆ อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิติ
กลุ่มที่ 3 ผกั และหญา้ พบว่ามนี ้าหนกั ตวั เฉล่ีย 0.80 ความยาวลาตัวเฉล่ีย 2.46 ความยาว
ขาหนา้ เฉลย่ี 1.38 และความยาวขาหลงั เฉลย่ี 2.32 ลาตัวมีสดี า ยังไม่มปี ีก
กลุ่มท่ี 4 อาหารไก่ ร่วมกับผักและหญ้า พบวา่ มีน้าหนักตวั เฉลีย่ 0.97 ความยาวลาตัวเฉล่ีย
2.62 ความยาวขาหน้าเฉล่ีย 2.62 และความยาวขาหลังเฉลี่ย 2.34 มีการลอกคราบเข้าสู่ระยะตัว
เต็มวัย ลาตัวใหญ่ ท้องมีสีดา เร่ิมมีปีกสีน้าตาล มีน้าหนักและความยาวลาตัวมากท่ีสุดเมื่อเทียบกับ
กลุ่มอ่นื ๆ
กลุ่มท่ี 5 ราร่วมกับผักและหญ้า พบว่ามีน้าหนักตัวเฉลี่ย 0.80 ความยาวลาตัวเฉลี่ย 2.56
ความยาวขาหน้าเฉลี่ย 2.56 และความยาวขาหลังเฉลี่ย 2.50 ลาตัวมีสีดา ยังไม่มีปีก แต่ลาตัวมี
ขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับกลมุ่ ที่ 4 พบว่ามีความยาวลาตัว และขาไมแ่ ตกตา่ งกัน แต่มีน้าหนกั น้อยกว่า
เพยี งเล็กน้อย
ผลการทดลองทไี่ ดส้ อดคล้องกับศกึ ษาของพิทักษ์พงษ์ ถาบัวคา และคณะ (2553)
และศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ (2554) ที่ทาการเล้ียงจ้ิงหรีดแล้วพบว่าพัฒนาการของจ้ิงหรีด
ข้นึ อยกู่ บั อาหารท่ีกนิ และสอดคลอ้ งกบั การศึกษาของอาพล ศิริคา และคณะ (2560)
สรปุ ผลการทดลอง
จากการศึกษาโครงงาน เร่ือง การเปรียบเทยี บการเจริญเติบโตของจิ้งหรีดท่ีเล้ียงด้วยอาหาร
แตกต่างกัน คือ อาหารไก่ รา ผัก และหญ้า โดยการวัดอัตราการเจริญเติบโตจากน้าหนัก ความ
ยาว ลาตัว และความยาวขาพบว่า จ้ิงหรีดกลุ่มท่ีได้รับอาหารไก่ ร่วมกับผักและหญ้าจะมีอัตราการ

18

เจริญเติบโตสูงกว่ากลุ่มอ่ืนๆ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 รองลงมาคือกลุ่มที่ได้รับรา
ร่วมกับผักและหญ้า ส่วนกลุ่มท่ีได้รับราเพียงอย่างเดียวจะมีอัตราการเจริญเติบโตน้อยท่ีสุดเม่ือ
เปรียบเทยี บกับกลุม่ อ่ืนๆ

ประโยชน์ท่ีได้รบั จากโครงงาน
1. ชุมชนมองเห็นคุณค่าของทรพั ยากรธรรมชาติที่มีอยู่ และสามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นการ
เลย้ี งจ้ิงหรดี แทนอาหารไก่ไขไ่ ด้
2. ได้รับความรู้จากการศึกษาภูมิปัญญาท้องถ่ินของชาวบ้านอาเภอนางรองในการเล้ียง
จ้งิ หรดี
3. นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการเกษตร ทาให้เกษตรกรเลอื กอาหารที่เหมาะสมในการเลย้ี งจ้ิงหรีด
เพ่อื ลดตน้ ทนุ ในการผลิต และเพิ่มอตั ราการเจริญเติบโต

ขอ้ เสนอแนะ

ควรมกี ารศกึ ษาเปรียบเทยี บการเจรญิ เตบิ โตของจิ้งหรดี กับการเลย้ี งดว้ ยผกั ชนิดต่างๆ
แตล่ ะประเภทเพอื่ ศึกษาว่าพืชชนิดใดทท่ี าให้จ้ิงหรดี มีอัตราการเจริญเติบโตมากท่สี ดุ

นอกจากน้ีควรมีการศึกษาเก่ียวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์จิ้งหรีด เพ่ือเพ่ิมมูลค่าให้กับสินค้า
แทนการจาหน่วยสดอยา่ งเดยี ว

19

บรรณานุกรม

การเลยี้ งจงิ้ หรดี . (ออนไลน์). แหลง่ ทม่ี า : www.gotoknow.org/blogs/posts/305828. 2555.
จง้ิ หรดี . (ออนไลน)์ . แหลง่ ที่มา : http://www.agriqua.doae.go.th/lac_cricket_web/

Cricket2.htm. 2555.
นิภา เบญจพงศ์ และอุรญุ ากร จันทรแ์ สง. (ออนไลน์). แหลง่ ทมี่ า : http://www.agriqua.doae.

go.th/lac_cricket_web/Cricket2.htm. 2555.
พิทักษ์พงษ์ ถาบวั คา, รุ่งทวิ า คาโพธิ, อภิญญา สนุ ะธรรม และนายพงษศ์ ักดิ์ ขาวกอนแก้ว. การเลีย้ ง

จิ้งหรดี . หลักสตู รศลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์สหกรณ์ มหาวทิ ยาลัยแมโ่ จ้;
เชยี งใหม.่ 2553.
ราชบัณฑิตยสถาน. จง้ิ หรีด. (ออนไลน)์ . แหล่งท่มี า : http://th.wikipedia.org/wiki/พจนานุกรม
ฉบบั ราชบัณฑิตย-สถาน - 48k. 2555.
วกิ ิพีเดีย สารานกุ รมเสรี. จิ้งหรดี . (ออนไลน)์ . แหลง่ ทีม่ า : http://th.wikipedia.org/wiki.
2555.
ศนู ย์ศึกษาการพัฒนาหว้ ยฮ่องไคร.้ การเล้ียงจง้ิ หรีด. ศูนศกึ ษาการพฒั นาหว้ ยฮ่องไคร้
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ อาเภอดอยสะเด็ด; เชยี งใหม่. 2554.
อาพล ศิริคา, มาระตรี เปลย่ี นศิรชิ ัย, มันฑนา นครเรียบ, วรญั ญู แก้วดวงตา และ นคิ ม นครเรยี บ.
ผลติ ภัณฑ์จง้ิ หรดี คุณภาพของวสิ าหกิจชุมชนผู้เล้ียงจงิ้ หรีดบา้ นมะคา่ จงั หวัด
มหาสารคาม. (ออนไลน)์ . แหลง่ ท่ีมา : http://www.arda.or.th/datas/file/
frppt20.pdf. 2560.

20

ภาคผนวก

21

ภาคผนวก ก
ภาพประกอบการทดลอง

ผู้จดั ทาโครงงานวทิ ยาศาสตร์
การสุ่มตวั อย่างจ้ิงหรดี แตล่ ะกลุ่มทดลอง มาวดั อตั ราการเจริญเตบิ โต

22
ตวั อย่างการวัดความยาวลาตัว ความขาวขาหน้า ขาหลงั

บรรยากาศการทดลองโครงงานวิทยาศาสตร์

23
วสั ดแุ ละอุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการทดลอง
ลกั ษณะโรงเรือนที่ใชใ้ นการทดลอง

24
ภายในโรงเรือนกจ็ ะมีกล่องทดลอง

25

ภาคผนวก ข

ข้อมลู ทางสถิตใิ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู

น้าหนกั ตัว

95% Confidence

กลุ่มทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Minimum Maximu
Deviation Error Mean m
อาหารไก่
รา Lower Upper

Bound Bound

5 .8180 .07396 .03308 .7262 .9098 .73 .89

5 .5400 .06595 .02950 .4581 .6219 .46 .64

ผัก หญา้ 5 .8040 .09555 .04273 .6854 .9226 .71 .96

รา รว่ มกับ ผกั หญา้ 5 .8000 .09823 .04393 .6780 .9220 .68 .89
1.08
อาหารไก่ รว่ มกับ ผัก หญา้ 5 .9700 .08000 .03578 .8707 1.0693 .87

Total 25 .7864 .16067 .03213 .7201 .8527 .46 1.08
ANOVA

กลุม่ ทดลอง Sum of Squares df Mean F Sig.
Square

Between Groups .480 4 .120 17.128 .000

Within Groups .140 20 .007

Total .620 24

Duncan N Subset for alpha = 0.05
กลุ่มทดลอง 123

รา 5 .5400

รา ร่วมกบั ผกั หญ้า 5 .8000

ผกั หญา้ 5 .8040

อาหารไก่ 5 .8180

อาหารไก่ ร่วมกับ ผกั หญา้ 5 .9700

Sig. 1.000 .752 1.000

26

95% Confidence

กลมุ่ ทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Minimum Maximu
Deviation Error Mean m

Lower Upper

Bound Bound

อาหารไก่ 5 .8180 .07396 .03308 .7262 .9098 .73 .89

รา 5 .5400 .06595 .02950 .4581 .6219 .46 .64

ผัก หญ้า 5 .8040 .09555 .04273 .6854 .9226 .71 .96

รา รว่ มกับ ผกั หญา้ 5 .8000 .09823 .04393 .6780 .9220 .68 .89

อาหารไก่ ร่วมกบั ผัก หญา้ 5 .9700 .08000 .03578 .8707 1.0693 .87 1.08

Means for groups in homogeneous subsets are displayed.

ความยาวลาตัว

95% Confidence

กลมุ่ ทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Mean Minimum Maximum
Deviation Error Lower Upper

Bound Bound

อาหารไก่ 5 2.6000 .10000 .04472 2.4758 2.7242 2.50 2.70

รา 5 2.2000 .20000 .08944 1.9517 2.4483 1.90 2.40
2.7175 2.20 2.70
ผัก หญ้า 5 2.4600 .20736 .09274 2.2025 2.9068 2.30 2.90

รา ร่วมกบั ผัก หญา้ 5 2.5600 .27928 .12490 2.2132 2.8042 2.40 2.80

อาหารไก่ รว่ มกบั ผกั 5 2.6200 .14832 .06633 2.4358
หญ้า

Total 25 2.4880 .23861 .04772 2.3895 2.5865 1.90 2.90

ANOVA

กลุ่มทดลอง Sum of df Mean Square F Sig.
Squares 4 .149 3.850 .018
Between Groups 20 .039
Within Groups .594

.772

Total 1.366 24

Duncan

27

กลุ่มทดลอง Subset for alpha =
N 0.05

12

รา 5 2.2000

ผัก หญา้ 5 2.4600

รา รว่ มกบั ผัก หญา้ 5 2.5600

อาหารไก่ 5 2.6000

อาหารไก่ รว่ มกบั ผกั หญา้ 5 2.6200

Sig. 1.000 .252

Means for groups in homogeneous subsets are
displayed.

ความยาวขาหน้า

95% Confidence

กล่มุ ทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Mean Minimum Maximum
Deviation Error Lower Upper

Bound Bound

อาหารไก่ 5 1.3800 .13038 .05831 1.2181 1.5419 1.20 1.50

รา 5 1.2600 .16733 .07483 1.0522 1.4678 1.10 1.50

ผัก หญา้ 5 1.3800 .04472 .02000 1.3245 1.4355 1.30 1.40

รา ร่วมกบั ผกั หญา้ 5 2.5600 .27928 .12490 2.2132 2.9068 2.30 2.90

อาหารไก่ รว่ มกับ ผกั 5 2.6200 .14832 .06633 2.4358 2.8042 2.40 2.80
หญ้า

Total 25 1.8400 .64614 .12923 1.5733 2.1067 1.10 2.90

ANOVA

กล่มุ ทดลอง Sum of df Mean Square F Sig.
Squares

Between Groups 9.432 4 2.358 80.204 .000

Within Groups .588 20 .029

Total 10.020 24

28

Duncan

Subset for alpha =
0.05

กล่มุ ทดลอง N1 2

รา 5 1.2600

อาหารไก่ 5 1.3800

ผัก หญา้ 5 1.3800

รา ร่วมกับ ผัก หญ้า 5 2.5600

อาหารไก่ ร่วมกับ ผกั หญา้ 5 2.6200

Sig. .308 .586

Means for groups in homogeneous subsets are
displayed.

ความยาวขาหลงั

95% Confidence

กลุ่มทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Mean Minimum Maximum
Deviation Error Lower Upper

Bound Bound

อาหารไก่ 5 2.4400 .18166 .08124 2.2144 2.6656 2.20 2.60

รา 5 2.2000 .12247 .05477 2.0479 2.3521 2.00 2.30

ผกั หญา้ 5 2.3200 .10954 .04899 2.1840 2.4560 2.20 2.50

รา ร่วมกับ ผัก หญา้ 5 2.5000 .12247 .05477 2.3479 2.6521 2.30 2.60

อาหารไก่ รว่ มกบั ผัก 5 2.3400 .18166 .08124 2.1144 2.5656 2.10 2.60
หญา้

Total 25 2.3600 .17078 .03416 2.2895 2.4305 2.00 2.60

ANOVA

กลมุ่ ทดลอง Sum of df Mean Square F Sig.
Squares

Between Groups .268 4 .067 3.102 .039

Within Groups .432 20 .022

29

95% Confidence

กลมุ่ ทดลอง N Mean Std. Std. Interval for Mean Minimum Maximum
Deviation Error Lower Upper
อาหารไก่
รา Bound Bound
ผัก หญ้า
รา รว่ มกับ ผัก หญ้า 5 2.4400 .18166 .08124 2.2144 2.6656 2.20 2.60
อาหารไก่ ร่วมกบั ผกั
หญา้ 5 2.2000 .12247 .05477 2.0479 2.3521 2.00 2.30
Total
5 2.3200 .10954 .04899 2.1840 2.4560 2.20 2.50

5 2.5000 .12247 .05477 2.3479 2.6521 2.30 2.60

5 2.3400 .18166 .08124 2.1144 2.5656 2.10 2.60

.700 24

Duncan Subset for alpha =
กลุ่มทดลอง N 0.05

รา 12

5 2.2000

ผกั หญ้า 5 2.3200 2.3200
อาหารไก่ รว่ มกับ ผกั หญ้า 5 2.3400 2.3400
อาหารไก่ 5 2.4400

รา รว่ มกับ ผกั หญ้า 5 2.5000

Sig. .169 .089

Means for groups in homogeneous subsets are
displayed.


Click to View FlipBook Version