The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติตัวอักษรจีน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pornnapat.kh, 2022-08-02 12:17:41

ประวัติตัวอักษรจีน

ประวัติตัวอักษรจีน

ภ า ษ า จี น วั ฒ น ธ ร ร ม

ป ร ะ วั ติ ตั ว
อั ก ษ ร จี น

ธนกฤต สมรส

โครงร่างหัวข้อ

#1 บทนำ
#2 ความเป็นมาของ

ตัวอักษรจีน
#3 วิวัฒนาการของ

ตัวอักษรจีน
#4 เส้นขีดในภาษาจีน

บทนำ

บทนำ

漢字อักษรจีนอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า ฮั่นจื้อ ( ) สัญลักษณ์แต่ละตัวแสดงคำ

ในภาษาจีนและความหมาย มีจุดกำเนิดจากรูปคน สัตว์ หรือสิ่งอื่นๆ แต่เมื่อเวลา
ผ่านไป รูปร่างของอักษรมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างและไม่เหมือนกับสิ่งที่เลียน
แบบอีกต่อไป สัญลักษณ์หลายตัวเกิดจากสัญลักษณ์ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปมารวม
กันอักษรจีนประกอบด้วยขีดตั้งแต่ 1-64 ขีด ในพจนานุกรมจะเรียงอักษรตาม
หมวดนำและจำนวนขีด เมื่อเขียนอักษรจีน อักษรแต่ละตัวจะมีระยะห่างเท่าๆ
กัน ไม่ขึ้นกับจำนวนขีดที่มีอยู่ อักษรที่รวมเป็นคำประสมจะไม่รวมกลุ่มเป็น
อักษรเดียวกัน เพราะฉะนั้นในการอ่านภาษาจีน นอกจากต้องรู้ถึงความหมาย
และการออกเสียงของแต่ละคำแล้ว ยังต้องรู้ด้วยว่าอักษรใดรวมเป็นคำเดียวกัน

ความเป็นมาของ
ตัวอักษรจีน

ความเป็นมาของ
ตัวอักษรจีน

การปรากฏของอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุดมาจากแหล่ง
โบราณคดีปั้นปอจาก เมืองซีอันมณฑลส่านซีทาง
ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน สามารถนับ
ย้อนหลังกลับไปได้กว่า 5,000 ปี โดยอยู่ในรูปของ
อักษรภาพที่สลักเป็นรูปวงกลม เสี้ยวพระจันทร์และ
ภูเขาห้ายอดบนเครื่องปั้นดินเผา จวบจนถึงเมื่อ
3,000 ปีก่อนจึงก้าวเข้าสู่รูปแบบของอักษรจารบน
กระดูกสัตว์ ซึ่งนับเป็นยุคต้นของศิลปะการเขียน
อักษรจีน

ความเป็นมาของ
ตัวอักษรจีน

เมื่อปี ค.ศ. 1899 ชาวบ้านจากหมู่บ้านเล็ก ๆแห่งหนึ่งทางทิศตะวันตก
เฉียงเหนือของอำเภออันหยา งมณฑลเหอหนัน ประเทศจีนได้ ค้นพบ
สิ่งที่เรียกกันว่า ‘กระดูกมังกร’ จึงนำมาใช้ทำเป็นตัวยารักษาโรค ต่อมา
เนื่องจากพ่อค้าหวังอี้หรงเกิดความสนใจต่อตัวอักษรบนกระดูก จึงสะสม
ไว้มีจำนวนกว่า 5,000 ชิ้นและส่งให้ผู้เชี่ยวชาญทำการศึกษาวิจัย จึงพบ
ว่ากระดูกมังกรนั้นแท้ที่จริงคือกระดูกที่จารึกอักขระโบราณของยุคสมัย
ซาง ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 1,300 ปีก่อนคริสตกาล

เพิ่มเติม

วิ ธี ก า ร ส ร้ า ง อั ก ษ ร
วิธีการสร้างอักษรแบบดั้งเดิมของจีนเรียกว่า “ลิ่วซู”

(อักษรหกชนิด) วิธีการสร้างอักษรหกชนิดนี้มี อักษร
เหมือนภาพ (เซี่ยงสิง) อักษรบ่งความ (จื่อซื่อ) อักษร
รวมความหมาย (ฮุ่ยอี้) อักษรแบบบอกความหมายและ
เสียง (สิงเซิง) อักษรอธิบายเสียง (จ่วนจู้) อักษรยืม
(เจี่ยเจี้ย) แท้จริงแล้วในการสร้างอักษรนั้นมีเพียงสี่
ชนิดแรกเท่านั้น สองชนิดหลังเป็นเพียงการใช้อักษร
ไม่ได้เป็นการสร้างอักษร ดังนั้นจึงมีการเรียกวิธีการ
สร้างอักษรจีนแบบดั้งเดิมอีกว่า “ซื่อซู”

วิวัฒนาการของ
ตัวอักษรจีน

วิวัฒนาการของ
ตัวอักษรจีน

อักษรจีนมีวิวัฒนาการดังนี้ )

甲骨文1. จี๋ยกู่เหวินหรืออักษรจารบนกระดูกสัตว์ (
金文2. จินเหวินหรืออักษรโลหะ ( )
小篆3. อักษรเสี่ยวจ้วนหรือจ้วนเล็ก ( )
隶书4. อักษรลี่ซู( )
楷书5. อักษรข่ายซู ( )
草书6. อักษรเฉ่าซู ( )
行书7. อักษรสิงซู ( )

甲骨文จี๋ยกู่เหวินหรืออักษรจารบน )
กระดูกสัตว์ (

(甲骨文)อักษรจารบนกระดูกสัตว์ เป็นอักขระโบราณที่

มีอายุเก่าแก่ที่สุดของจีน เท่าที่มีการค้นพบในปัจจุบัน โดย

มากอยู่ในรูปของบันทึกการทำนายที่ใช้มีดแกะสลักหรือจารลง

บนกระดองเต่า หรือกระดูกสัตว์

金文จินเหวินหรือ

อักษรโลหะ ( )

(钟鼎文)เป็นอักษรที่ใช้ในสมัยซางต่อเนื่องถึงราชวงศ์โจว (1,100 – 771ปี

ก่อนคริสตศักราช) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘จงติ่งเหวิน’
หมายถึงอักษรที่หลอมลงบนภาชนะทองเหลืองหรือสำริด เนื้อหาที่
บันทึกด้วยอักษรโลหะ โดยมากเป็น คำสั่งการของชนชั้นผู้นำ พิธีการ
บูชาบรรพบุรุษ บันทึกการทำสงคราม เป็นต้น

小篆อักษรเสี่ยวจ้วนหรือ
จ้วนเล็ก ( )

หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รวมแผ่นดินจีนเข้าด้วยกันในปีค.ศ. 221 แล้ว ก็ทำการปฏิรูประบบตัว

อักษรครั้งใหญ่ โดยการสร้างมาตรฐานรูปแบบตัวอักษรที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ กล่าวกัน

ว่า ภายใต้การผลักดันของมหาเสนาบดีหลี่ซือ ได้มีการนำเอาตัวอักษรดั้งเดิมของรัฐฉิน(อักษรจ้

วน)มาปรับให้เรียบง่ายขึ้น จากนั้นเผยแพร่ออกไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ก็ยกเลิกอักษรที่มี

(小篆)ลักษณะเฉพาะจากแว่นแคว้นอื่น ๆในยุคสมัยเดียวกัน อักษรที่ผ่านการปฏิรูปนี้ รวมเรียกว่า
อักษรเสี่ยวจ้วนหรือจ้วนเล็ก ถือเป็นอักษรที่ใช้ทั่วประเทศจีนเป็นครั้งแรก

隶书อักษรลี่ซู( ) 楷书อักษรข่ายซู ( )

ขณะที่ยุคสมัยฉินประกาศใช้อักษรจ้วนเล็กอย่างเป็น (真书)หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอักษรจริงเป็นอักษรจีนรูป
楷แบบมาตรฐานใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน (คำว่า ‘ ’ อ่าน
(隶ทางการ พร้อมกันนั้นก็ปรากฏว่ามีการใช้อักษรลี่ซู
书)ควบคู่กันไป โดยมีการประยุกต์มาจากการเขียน ว่า ข่าย มีความหมายว่าแบบฉบับหรือตัวอย่าง) อักษรข่ายซูเป็น

อักษรจ้วนอย่างง่าย อักษรลี่ซูทำให้อักษรจีนก้าวเข้าสู่ เส้นสัญลักษณ์ที่ประกอบกันขึ้น ภายใต้กรอบสี่เหลี่ยม หลุดพ้น

ขอบเขตของอักษรสัญลักษณ์อย่างเต็มรูปแบบ จากรูปแบบอักษรภาพของตัวอักขระยุคโบราณอย่างสิ้นเชิง

草书อักษรเฉ่าซู ( )

หรืออักษรหวัด คืออักษรที่เขียนด้วยความรวดเร็วและหวัดพบในช่วง

汉ราชวงศ์ฮั่น ( 202 ปีก่อนคริสตศักราช-ค.ศ. 220) โดยพัฒนามาจาก
隶 书การเขียนอักษรลี่ซู ( ) แบบหวัด ซึ่งในปัจจุบันไม่ว่าอักษร

ประเภทใด ขอเพียงแค่เขียนหวัดก็สามารถจัดเป็นอักษรเฉ่าซูได้

เนื่องจากเป็นอักษรที่มีการเขียนง่ายแต่อ่านค่อนข้างยาก อาจทำให้เกิด

ความเข้าใจผิดในการสื่อสาร จึงไม่มีการนำมากำหนดให้เป็นรูปแบบ

อักษรที่ใช้กันทั่วไป 行书อักษรสิงซู ( )

อักษรสิงซูแบบสิงข่าย (ซ้าย) และแบบสิงเฉ่า (ขวา) อักษรสิงซูเป็นอีกหนึ่งรูปแบบอักษรที่พัฒนามาจากอักษรลี่ซู

隶 书 楷 书( ) เป็นรูปแบบที่อยู่ระหว่างอักษรข่ายซู ( ) และอักษร
草 书เฉ่าซู ( ) โดยจะอ่านได้ง่ายกว่าอักษรเฉ่าซู แต่ก็เขียนออก

มาได้รวดเร็วกว่าอักษรข่ายซูเช่นกัน อักษรสิงชูสามารถแบ่งได้

สองประเภทตามลักษณะของการเขียน หากเขียนได้บรรจงและ

行楷ประณีตหน่อยจะเรียกว่า 'สิงข่าย' ( แต่ถ้าหากเขียนแล้วมี
行草ความหวัดมากกว่าจะเรียกว่า 'สิงเฉ่า'( )

เส้นขีดใน
ภาษาจีน

เส้นขีด

ส่วนประกอบพื้นฐานของอักษรจีนยังต้องแยกออกมาเป็นเส้นขีด
เส้นขีดก็คือตอนที่ลงปากกาตลอดจนยกปากกาเส้นนี้เราเรียกว่าเส้น
ขีด เส้นขีดเป็นส่วนประกอบของอักษรจีนที่เล็กที่สุด ถึงแม้ว่าตัวอักษร
จีนมีเส้นขีดมากมาย แต่ทุกอักษรก็ต้องเริ่มต้นเขียนจากเส้นขีดพื้น
ฐานของอักษรจีน ดังนั้นการเรียนรู้เส้นขีดพื้นฐานอักษรจีนจึงเป็นขั้น
พื้นฐานในการเรียนการเขียนอักษรจีน และเป็นผลดีต่อการจดจำ
อักษรจีนด้วย เส้นขีดพื้นฐานอักษรจีนสามารถแบ่งออกเป็น 32 แบบ
ดังนี้

เส้นขีด

เส้นขีด


Click to View FlipBook Version