“การจ ั ดการเร ี ยนร ู ้ แบบร ่ วมม ื อ” Cooperative Learning
“ร ู ปแบบจ ั ดการเร ี ยนร ู ้ แบบร่วมม ื อ สามารถจ ั ดได ้ อย่าง หลากหลาย แต่ท ุ กแบบม ี ล ั กษณะรว่มก ั น ค ื อ แบ่งน ั กเร ี ยน ออกเป็ นกล ุ่มย่อยๆ ประมาณ 2-6 คน โดยสมาชิกท ุ กคน ช่วยเหล ื อก ั น ม ี การฝึ กฝนการท างานกล ุ่ม กระบวนการ กล ุ่ม และการประเมินผลเป็ นรายบค ุ คล “
การจด ั การเรย ี นร ู แ ้ บบรว ่ มม ื อ (Cooperative Learning) หมายถึง วิธีการเรียนการสอนทเี่น้นผู้เรียนเป็ นศูนยก์ลาง ส่งเสริมผู้เรียนเกิดทกัษะ ด้านการคิด (Thinking Skills) การสืบเสาะค้นหา (Enquirers) การคิดแก้ปัญหา (Problem Solvers) รวมทงั้การทา งานร่วมกับผู้อนื่อยา่งมีประสิทธิภาพ (Effective Collaborators)ภายใตก้ารทา งานเป็ นทมีจากการลงมือปฏิบัตแิละน าความรู้ทไี่ด้มา วิเคราะห์แก้ปัญหา โดยมีผู้สอนเป็ นโค้ชหรือทปี่รึกษาในการเรียนรู้ซ่ึงการเรียนรู้ที่ ได้นั้นจะทา ให้ผู้เรียนเกิดการจดจ าและสามารถไปประยกุตใ์ช้ได้อยา่งตอ่เนื่องตลอด ชีวิต
ร ู ปแบบการเร ี ยนร ู ้ แบบร ่ วมม ื อท ่ ี น ิ ยมใช ้ใน ปั จจ ุ บ ั น ม ี7 ร ู ปแบบ ด ั งน ้ ี
เป็ นการสอนทอี่าศัยแนวคิดการตอ่ภาพ ซ่ึงบางครัง้เรียกรูปแบบนนี้ว่าการเรียนแบบ ตอ่ช้ินส่วน หรือการศึกษาเฉพาะส่วน วิธีการเรียนด้วยรูปแบบนี้ผู้สอนจะแบ่งกลมุ่ผู้เรียน โดยการคละตามความสามารถ พร้อมกับมอบหมายให้ทกุกลมุ่ทา กิจกรรมในหัวข้อเดียวกัน หลงัจากนั้นในกลมุ่หลกั (Home Groups) ทแี่บ่งไว้ให้แบ่งสมาชิกภายในกลมุ่ ศึกษาเพียง ส่วนหน่ึงหรือหัวข้อยอ่ยของเนื้อหาทงั้หมดโดยขณะศึกษาหัวข้อยอ่ยนั้นผู้เรียนจะทา งานเป็ น กลมุ่กับเพื่อนกลมุ่อนื่ทไี่ด้รับมอบหมายให้ศึกษาหัวข้อยอ่ยเดียวกัน เรียกกลมุ่นี้ว่ากลมุ่ ผู้เชี่ยวชาญ (Expert Group) และเตรียมพร้อมทจี่ะกลบั ไปอธิบายหรือสอนเพื่อนสมาชิกใน กลมุ่หลกัของตนเอง 01 รูปแบบ Jigsaw
เป็นการเรียนแบบร่วมมือท่ีใช้ร่วมกับกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบอื่นๆ หรือหลังจากท่ีผู้สอนได้ สอนผู้เรียนทั้งชั้นไปแล้ว และต้องการให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า ร่วมกันภายในกลุ่มสืบเนื่องจากส่ิงท่ี ผู้สอนได้สอนไป ซ่ึงใช้ได้กับทุกวิชาท่ีต้องการให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในส่ิงท่ีเป็นข้อเท็จจริง เกิด ความคิดรวบยอด ค้นหาส่ิงท่ีมีค าตอบ 02 รูปแบบ STAD โดยขั้น ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบ STAD มีขั้นตอนดังน้ี ขั้นท่ี1 : ขั้นสอน ผู้สอนด าเนินการสอนเนื้อหา ทักษะหรือวิธีการเก่ียวกับบทเรียนนั้น ๆ อาจเป็นกิจกรรมท่ี ผู้สอนบรรยาย สาธิตใช้สื่อประกอบการสอน หรือให้นักท ากิจกรรม ขั้นท่ี2 :ขั้นทบทวนความรู้เป็นกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มประกอบด้วยสมาชิก4 – 5 คน ท่ีมีความสามารถทางการเรียน ต่างกันสมาชิกในกลุ่มต้องมีความเข้าใจกัน ทุกคนจะต้องท า งานร่วมกัน เพื่อช่วยเหลือกันและกัน ในการศึกษา เอกสารและทบทวนความรู้เพื่อเตรียมพร้อมส าหรับการสอบย่อย
02 รูปแบบ STAD ขั้นท่ี3 :ขั้นทดสอบย่อยผู้สอนจัดให้ผู้เรียนท าแบบทดสอบย่อย หลังจากผู้เรียนได้เรียนและทบทวน เป็นกลุ่มเก่ียวกับเรื่องท่ีก าหนด โดยผู้เรียนท าแบบทดสอบคนเดียว ขั้นท่ี4 :ขั้นหาคะแนนพัฒนาการคะแนนพัฒนาการเป็นคะแนนท่ีได้จากการพิจารณาความแตกต่าง ระหว่างคะแนนการทดสอบครั้งก่อนๆ กับคะแนนการทดสอบครั้งปัจจุบัน มีเกณฑ์การให้คะแนน ก าหนดไว้ดังนั้นจะต้องมีการก าคะแนนฐานของนักเรียนแต่ละคน ซ่ึงอาจได้จากค่าเฉล่ียของคะแนน ทดสอบ 3ครั้งก่อน หรืออาจใช้คะแนนทดสอบครั้งก่อนหากเป็นการหาคะแนนปรับปรุงโดยใช้ รูปแบบการสอน STADเป็นครั้งแรก ขั้นท่ี5 : ขั้นให้รางวัลกลุ่ม โดยรางวัลผู้สอนอาจจะเป็นผู้ก าหนดร่วมกับผู้เรียน เช่น กลุ่มท่ีได้ คะแนนพัฒนาการตามเกณฑ์ท่ีก าหนดจะได้ร้บค าชมเชยหรือติดประกาศท่ีบอร์ดในห้องเรียน
03 รูปแบบ LT (Learning Together) รูปแบบน้ีผู้สอนก าหนดสถานการณ์หรือโครงงาน พร้อมก าหนดเงื่อนไขรายละเอียดของงาน เพื่อให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ผลงานเอง หลังจากนั้นผู้สอนแบ่งกลุ่มผู้เรียนโดยคละกันตาม ความสามารถแล้วให้ผู้เรียนท าผลงานเป็นกลุ่ม ซ่ึงสมาชิกกลุ่มรับผิดชอบในงานส่วนของตนเอง เมื่องานในส่วนของตนเองแล้วเสร็จ จะน างานของทุกคนมารวมเป็นงานของกลุ่ม ดังนั้น ความส าเร็จของกลุ่มเกิดจากความร่วมมือของสมาชิกกลุ่มทุกคนให้นักเรียนแลกเปล่ียนความ คิดเห็นและแบ่งปันเอกสารการแบ่งงานท่ีเหมาะสม พร้อมน าเสนอผลงาน โดยมีผู้สอนเป็นผู้ ประเมินผลการท างานของกลุ่ม เน้นผลงานและกระบวนการท างาน วิธีการประเมินโดยคัดเลือก ตัวแทนกลุ่มออกมาสอบถามเก่ียวกับงานท่ีได้ท าและกระบวนการท างานของกลุ่ม สุดท้ายมีการให้ รางวัลกลุ่มท่ีท าผ่านเกณฑ์ท่ีก าหนด
04 รูปแบบ TAI (Team Assisted Individualization) คือ วิธีการสอนที่ผสมผสานระหว่างการเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning) และการสอนรายบุคคล (Individualization Instruction) เข้าด้วยกันโดยให้ผู้เรียนได้ลงมือ ท ากิจกรรมในการเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตนและ ส่งเสริมความร่วมมือภายในกลมุ่มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การ เรียนรู้และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
05 รูปแบบ TGT (Teams-Games-Tournaments) เป็ นการเรียนแบบร่วมมือกันแข่งขันท ากิจกรรมกล่าวคือเป็ นการเรียน ที่มีการแข่งขันกันระหว่างกลุ่มดว้ยเกม ซ่ึงเป็ นการจัดการเรียนการ สอนที่ให้ผู้เรียนได้เรียนในกลุ่มเล ็ กๆ คละความสามารถเช่นเดียวกับ รูปแบบการเรียนการสอนแบบกลุ่มแข่งขันแบบแบ่งตามผลสัมฤทธ์ิ (STAD) โดยมีความแตกต่างกัน ที่การเข้าร่วมกลุ่มจะมีลักษณะถาวร กว่า โดยสมาชิกแต่ละคนของกลุ่มหน่ึงๆ ต้องแข่งขันตอบค าถามกบั สมาชิกของกลุ่มอื่นที่โตะ ๊ แข่ง (Tournament Tables) เป็ นรายสัปดาห์ โดยนักเรียนที่มีระดับผลสัมฤทธ์ิเดียวกันจะแข่งขันกัน เพื่อท าคะแนน ให้กลุ่มของตน
06 รูปแบบ GI (Group Investigation) เป็ นการเรียนแบบสืบสวนสอบสวน เน้นการสร้างบรรยากาศ การทา งานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์การสอน แบบสืบสวนสอบสวนเป็ นกลมุ่น้ ี เป็ นโครงสร้างการเรียนรู้ที่ เน้นความส าคัญของทกัษะการคิดระดับสูง เช่น การวิเคราะห์ และการประเมินผล ผู้เรียนทา งานเป็ นกลมุ่เลก ็ ๆโดยใช้การ สืบค้นแบบร่วมมือกัน เพื่อการอภปิรายเป็ นกลมุ่รวมทงั้ วางแผนเพื่อผลติ โครงการของกลมุ่
07 โปรแกรม CIRC (Cooperative Integrated Reading and Composition) เป็ นโปรแกรมส าหรับสอนการอ่าน การเขียนและทักษะทางภาษา (Language arts) นับว่าเป็ นโปรแกรมที่ใหม่ที่สุดของวิธีการ เรียนรู้เป็ นทีม และน่าสนใจ เนื่องจากเป็ นโปรแกรมการเรียนการสอนที่น าการเรียนแบบร่วมมือมาใช้กับการ อ่านและการเขียนโครงการเหมาะกับนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย โดย เน้น ที่หลักสูตรและวิธีการสอนในการพยายามน าการเรียนรู้แบบร่วมมือมาใช้
ข ั ้ นตอนจ ั ดการเร ี ยนร ้ ู แบบร ่ วมม ื อ (Cooperative learning)
0 1 ขั้ น เ ต ร ย ี ม ก า ร ใ น ขั้ น ต อ น นี้ เ ป็ น ก า ร เ ต รี ย ม ค ว า ม พ ร้ อ ม ก่ อ น เ รี ย น เ ร่ิ ม ด้ ว ย ผู้ ส อ น ชี้ แ จ ง จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง บ ท เ รี ย น ห ล ง ั จ า ก นั้ น ผู้ ส อ น จั ด ก ล ม ุ่ ผู้ เ รี ย น เ ป็ น ก ล ม ุ่ ย อ ่ ย โ ด ย ค ล ะ ผู้ เ รี ย น ใ น ก ล ม ุ่ ใ ห้ แ ต ก ต า ่ ง กั น ใ น ด้ า น ส ต ป ิ ั ญ ญ า ค ว า ม ถ นั ด แ ล ะ ภ ม ู ิ ห ล ง ั แ บ่ ง จ า น ว น ส ม า ชิ ก ใ น ก ล ม ุ่ ล ะ ป ร ะ ม า ณ ไ ม่ เ กิ น 6 ค น ห ล ง ั จ า ก นั้ น ผู้ ส อ น แ น ะ น า วิ ธี ก า ร ท า ง า น ก ล ม ุ่ แ ล ะ บ ท บ า ท ข อ ง ส ม า ชิ ก ใ น ก ล ม ุ่ 0 2 ขั้ น ส อ น ใ น ขั้ น ต อ น นี้ ผู้ ส อ น เ ร่ิ ม น า เ ข้ า สู่ บ ท เ รี ย น โ ด ย ก า ร ส อ น ห รื อ บ ร ร ย า ย เ นื้ อ ห า ต า ม บ ท เ รี ย น ห ล ง ั จ า ก นั้ น ม อ บ ห ม า ย ง า น ใ ห้ แ ต ล ่ ะ ก ล ม ุ่ ซ่ึ ง ผู้ ส อ น จ ะ อ ธิ บ า ย ถึ ง ปั ญ ห า ห รื อ ง า น ท ต ี่ อ ้ ง ก า ร ใ ห้ ก ล ม ุ่ แ ก้ไ ข ห รื อ คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห์ ห า ค า ต อ บ พ ร้ อ ม แ น ะ น า แ ห ล ง ่ ข้ อ มู ล ค้ น ค ว้ า ห รื อ ใ ห้ ข้ อ มู ล พื้ น ฐ า น ส า ห รั บ ก า ร คิ ด วิ เ ค ร า ะ ห์ อ ย า ่ ง ชั ด เ จ น
03 ข ั ้ นท าก ิ จกรรมกลม ุ ่ เป็ นขั้นตอนที่สมาชิกภายในกลุ่มจะได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ร่วมกัน การท างานเป็ นทีม การ ร่วมกันรับผิดชอบในงานที่ไดร้ ับมอบหมาย ร่วมกนัแสดงความคิดเห ็ นร่วมกัน ท างานตาม บทบาทหน้าที่ที่ได้รับ โดยผู้สอนอาจใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจที่น่าสนใจ และเหมาะสมกับผู้เรียน เช่น การเล่าเรื่องรอบวง มุมสนทนาคู่ตรวจสอบ คู่คิด ฯลฯ ผู้สอน สังเกตการณ์ท างานของกลุ่ม เป็ นผู้อ านวยความสะดวกให้ความกระจ่างในกรณีที่ผเู้รียน สงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ
0 4 ขั้ น ต ร ว จ ส อ บ ผ ล ง า น และทดสอบ 0 5 ขั้ น ส รุ ป บ ท เ ร ย ี น แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร ท า ง า น ก ลุ่ ม ขั้ น ต อ น นี้ ส ม า ชิ ก ภ า ย ใ น ก ลุ่ ม จ ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ด า เ นิ น ง า น ก ลุ่ ม โ ด ย ผู้ ส อ น แ ล ะ เ พื่ อ น ก ลุ่ ม อื่ น ส า ม า ร ถ ซั ก ถ า ม ห รื อ แ ล ก เ ป ล ย ี่ น เ รี ย น รู้ เ พื่ อ ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ชั ด เ จ น ม า ก ข้ึ น เ น้ น ก า ร ต ร ว จ ผ ล ง า น ก ลุ่ ม แ ล ะ ผ ล ง า น ร า ย บุ ค ค ล ใ น บ า ง ก ร ณี ผู้ เ รี ย น อ า จ ต้ อ ง ซ่ อ ม เ ส ริ ม ส่ิ ง ที่ ยั ง ต้ อ ง ป รั บ ป รุ ง แ ล้ ว จึ ง ท า ก า ร ท ด ส อ บ ผ ล ง า น อี ก ค รั้ ง ขั้ น น้ี ผู้ ส อ น แ ล ะ ผู้ เ รี ย น ช่ ว ย กั น ส รุ ป บ ท เ รี ย น ผู้ ส อ น ช่ ว ย เ ส ริ ม เ พ่ิ ม เ ติ ม ค ว า ม รู้ ท่ี จ า เ ป็ น ห รื อไ ม่ ค ร อ บ ค ลุ ม เ พื่ อ ใ ห้ บ ร ร ลุ ต า ม เ ป้ า ห ม า ย ก า ร เ รี ย น ท่ี ก า ห น ดไ ว้ แ ล ะ ช่ ว ย นั ก ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร ท า ง า น ก ลุ่ ม ทั้ ง ส่ ว น ท่ี เ ด่ น แ ล ะ ส่ ว น ท่ี ค ว ร ป รั บ ป รุ ง แ ก้ไ ข ใ ห้ ก า ร เ ส ริ ม แ ร ง โ ด ย ก า ร ช ม เ ช ย ห รื อ ม อ บ ร า ง วั ล ก ลุ่ ม ท่ี ท า ค ะ แ น นไ ด้ ต า ม เ ก ณ ฑ์ แ ล ะ ก า ร ใ ห้ ก า ลั ง ใ จ กั บ ส ม า ชิ ก ใ น ก ลุ่ ม ท่ี ยั งไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ง า น ผ่ า น เ ก ณ ฑ์ไ ด้
1.ผู้เรียนเก่งที่เข้าใจค าสอนของผู้สอนได้ ดีสามารถเปลี่ยนค าสอนของผู้สอนเป็ น ภาษาพูดของผู้เรียน แล้วอธิบายให้เพื่อน ฟังได้และท าให้เพื่อนเข้าใจได้ดีข้ึน ประโยชน ์ ของการเรย ี นแบบรว ่ มม ื อ (Co-operative learning) 2.ผู้เรียนที่ท าหน้าที่อธิบายบทเรียนให้ เพื่อนฟัง จะเข้าใจบทเรียนได้ดีข้ึน 3.การสอนเพื่อนเป็ นการสอนแบบ ตัวต่อตัวท าให้ผเู้รียน ได้รับความเอา ใจใส่และมีความสนใจมาก ย่ิงข้ึน 4. ผู้เรียนทุกคนต่างก ็ พยายาม ช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน เพราะผู้สอน คิดคะแนนเฉลี่ยของทั้งกลุ่มดว้ย
ประโยชน ์ ของการเรย ี นแบบรว ่ มม ื อ (Co-operative learning) 7.ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนรู้กระบวนการ กลุ่ม เพราะในการปฏิบัติงานร่วมกัน นั้น ต้องมีการทบทวนกระบวนการท างานของ กลุ่มเพื่อให้ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน หรือคะแนนของกลุ่มดขี้ึน 5.ผู้เรียนทุกคนเข้าใจดีว่าคะแนนของตน มี ส่วนช่วยเพ่ิมหรือลดค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ดังนั้น ทุกคนต้องพยายามปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง อย่างเต ็ มความสามารถ เพื่อให้กลุ่มประสบ ความส าเร ็ จ 6. ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสฝึกทักษะทางสังคม มีเพื่อนร่วมกลุ่ม และเป็ นการเรียนรู้วิธีการ ท างานเป็ นกลุ่ม ซ่ึงจะเป็ นประโยชน์มาก เมื่อเข้าสู่ระบบการท างานอันแท้จริง 8. ผู้เรียนเก่งจะมีบทบาททางสังคมในช้ ันมาก ข้ึน เขาจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้เรียนหรือหลบไป ท่องหนังสือเฉพาะตน เพราะเขาต้องมีหน้าที่ ต่อสังคมด้วย นั่นคือเขาต้องอธิบายให้เพื่อนฟัง อย่างเข้าใจ