ระบาํ ทวารวดี
คาํ นาํ
ระบาํ ทวารวดีเปนระบาํ สมัยทวารวดี อยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที
๑๑ – ๑๖ ประดิษฐ์ขนึ จาก ลกั ษณะทว่ งทา่ อากปั กิรยิ าของมนษุ ย์ และ
เทวรปู รวมทังอาภรณ์ และเครืองประดับทปี รากฏอย่บู นภาพปน และ
ภาพแกะสลัก ทคี ้นพบในประเทศไทย ณ โบราณสถาน ตาํ บลคูบวั
จงั หวดั ราชบรุ ี อาํ เภออู่ทอง จงั หวดั สุพรรณบุรี และทตี าํ บลโคกไม้เดน
และจนั เสน จงั หวดั นครสวรรค์ นักโบราณคดเี ชอื วา่ ชนชาตทิ อี าศัยอยู่ ใน
สมัยทวารวดีนีเปนมอญหรือเผา่ ชนทีพูดภาษามอญ ทาํ ใหด้ นตรี และ
กระบวนทา่ รํา ตลอดจนเครืองแตง่ กาย มลี ักษณะเปนแบบมอญ
ผจู้ ดั ทาํ หวังว่ารายงานฉบบั นจี ะเปนประโยชน์ต่อผู้ทสี นใจศึกษา
เกยี วกบั ระบําทวารวดี เพือจะได้มกี ารเรยี นรใู้ หม่ๆให้เกิดประโยชนอ์ ยา่ ง
สูงสุด และเพือใชป้ ระกอบการศึกษาและนาํ ไปปฏิบัติแสดงอยา่ งถกู ตอ้ ง
ถกู วิธี หากผูส้ ืบคน้ ขอ้ มลู มีขอ้ เสนอหรอื ขอ้ ตชิ มขา้ พเจา้ ขอนอมรบั ไว้ ณ ที
นีด้วย
ผู้จดั ทาํ
สารบัญ
เรือง หนา้ ที
ความเปนมา 1
การแตง่ กาย 3
ท่ารํา 4
เครืองดนตรี 5
ความเปนมา
ระบําทวารวดี เปนระบําชุดที ๑ ในระบําโบราณคดที เี กิด
ขึนจากแนวความคิดของนายธนติ อยู่โพธิ (อดีตอธิบดี
กรมศิลปากร) ซงึ ต้องการศึกษา และเรียนรเู้ รอื งเครอื ง
แต่งกายของมนุษย์ เพือประโยชน์แก่วิชาประวัตศาสตร์
และโบราณคดี โดยทลู ขอรอ้ งให้หมอ่ มเจา้ ยาใจ จติ รพงศ์
ซึงขณะนันดํารงตาํ แหน่งสถาปนกิ พิเศษของกรม
ศิลปากร ทางศึกษาแบบอย่าง และเขยี นเลยี นแบบเครือง
แตง่ การสมัยทวารวดีบางรูป โดยในครังแรกคิดจะจดั
สรา้ งเครืองแตง่ กายตามสมัยโบราณคดี ถวายทอด
พระเนตรในงานเสดจ็ พระราชดําเนนิ ทรงเปดการแสดง
ศิลปะโบราณวัตถใุ นอาคาร สร้างใหม่ ใน
พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร แตห่ ลงั จากได้ภาพ
ตามต้องการแล้ว จึงเปลยี นแนวความคดิ ใหม่ในการจัด
แสดงระบําโบราณคดชี ุดตา่ ง ๆ ถวายพระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิ
ริกติ ิ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรแทนการจัดแสดง
เครืองแตง่ กาย
ระบาํ ทวาราวดี เปนระบาํ ชดุ แรกในระบําโบราณคดี 5
ชดุ ซงึ เกดิ จากแนวความคดิ รเิ รมิ ของนายธนิต อย่โู พธิ
อดีตอธิบดกี รมศิลปากร โดยใหน้ ายมนตรี ตราโมท ผู้
เชียวชาญดนตรีไทยและศิลปนแหง่ ชาติ เปนผ้แู ต่งทาํ นอง
เพลง นางลมุล ยมะคปุ ต์ ผูเ้ ชยี วชาญการสอนนาฏศิลปไทย
และนางเฉลย ศุขะวณชิ ผเู้ ชยี วชาญการสอนนาฏศิลปไทย
และศิลปนแห่งชาติ เปนผูป้ ระดิษฐ์ท่าราํ จากหลกั ฐานทาง
โบราณวัตถุ ภาพจติ รกรรมและปฏมิ ากรรมในสมัยทวาราวดี
อยู่ระหวา่ งพุทธศตวรรษที 12 - 16 ตามหลักฐานว่า
ประชาชนชาวทวาราวดีเปนมอญหรือเผ่าชนทีพูดภาษามอญ
ดังนนั ทา่ ราํ และดนตรี ตลอดจน เครอื งแต่งกายในระบาํ ชุด
นี จงึ มลี ลี าสําเนียง และแบบอย่างทีเปนมอญ
ระบาํ นีประดิษฐ์ขึนจากการนคน้ คว้าหลกั ฐานทาง
โบราณคาดีสมยั ทวารวดี ทา่ ราํ และ เครอื งแต่งกายได้
แนวคดิ จากภาพสลกั ภาพปนทขี ุดคน้ พบ ณ โบราณสถานที
ตาํ บลคบู วั อาํ เภอ อูท่ อง จงั หวดั นครปฐมและทตี าํ บลโคกไม้
เดน จงั หวดั นครสวรรค์ ฯลฯ นักโบราณคดี สันนิฐานว่าชาว
ทวารวดเี ปนต้นเชอื สายพวกมอญ ดงั นันลีลาทา่ รํา รวมทงั
เนยี งทาํ นองเพลง จึงเปนแบบมอญ ทา่ รําบางท่าได้ความคิด
มาจากภาพสลักและภาพปูนปนทคี ้นพบโบราณสถานที
สําคัญ
การแตง่ กาย
เครืองแต่งกายชุดระบําทวารวดี ได้
แบบอย่างมาจากภาพปูนปน ทคี น้ พบตาม
สถานทีสําคัญตา่ ง ๆ สมัยทวารวดี และได้นํา
มาประดิษฐ์ใหเ้ หมาะสมกับการแสดง ซงึ มี
ดังนี
๑. ผมเกล้าสูงกลางศีรษะในลักษณะคลา้ ย
ลกู จนั แบน สวมเกียวรดั ผม
๒. สวมกระบงั หน้า
๓. สวมต่างหเู ปนหว่ งกลมใหญ่
๔. สวมเสือในสีเนอื ( แทนการเปลือยอก
ตามภาพปน )
๕. นุ่งผ้าลกั ษณะคลา้ ยจีบหน้านางสีนาํ ตาล
แถวหนึง และสีเหลอื งออ่ นแถวหนึง มตี าลสี
ทองตกแตง่ เปนลายพาดขวางลาํ ตัว
๖. ห่มสไบเฉียง ปล่อยชายไวด้ า้ นหน้า และ
ด้านหลงั
๗. สวมกําไลขอ้ มอื ต้นแขนโลหะ และแผง
ข้อเท้าผา้ ตดิ ลูกกระพรวน
๘. สวมจนี าง
๙. คาดเขม็ ขดั ผ้าตาดเงนิ หรอื เขม็ ขัดโลหะ
ทา่ รํา
- ท่านงั พับเพียบ มือขวาจีบ
ตังขอ้ มอื ระดับไหล่ มือซา้ ย
วางบนตัก ทา่ นีเปนท่าทีได้
จากภาพปนู ปน นกั ร้องนัก
ดนตรหี ญงิ สมยั ทวารวดี ซงึ
พบทีตาํ บลคบู ัว จังหวัดราชบุรี
-ทา่ มอื ซา้ ยควําฝามือ งอนิวทัง ๔
เล็กน้อยปรกหู มอื ขวาหงายฝามอื
ปลายนิวมอื จรดทหี นา้ ขาเกอื บถงึ ข่า
ซ้าย เขยง่ เทา้ ซ้าย
ยอ่ เขา่ ทงั ๒ ข้างลง กดไหลว่ ้าย ลกั
คอข้างขวา ทา่ นีเรียกวา่ ท่าลลิตะ
จากภาพปนู ปนกินรีฟอนราํ ทตี าํ บล
โคกไมเ้ ดน จังหวดั นครสวรรค์
เเคครรอื อื งงดดนนตตรรี ี
พิณ ๕ สาย
จะเข้
ระนาด
ตะโพนมอญ
ฉิง
ฉาบ
กรับ
ผ้จู ดั ทาํ
นางสาวณัฐพรรณ โพธิวดั
6321163031
สาขาวชิ า นาฏยศิลปศึกษา