The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mook Chosita, 2023-06-28 09:01:44

รายงานกลุ่ม(1)

รายงานกลุ่ม(1)

นางสาวศศิธร นามวิเศษ ม.5/6 เลขท ี่ 14 นางสาวพัชรพร จุลรัตน ์ ม.5/6 เลขท ี่ 15 นางสาวศศิกานต ์ ทับแปลง ม.5/6 เลขท ี่ 16 นางสาวโชษิตา สมบัติโพธิอุดม ม.5/6 เลขท ี่ 22 นางสาวฟ้าทอฝัน มนตรีม.5/6 เลขท ี่ 24 นางสาววลัญช ์ อร ศรีกุลจันทรืม.5/6 เลขท ี่ 36 รายงานกลุ่ม สมาชิกกลุ่ม รายงานน ี้ เป็ นส่วนหน ึ่ งของรายวิชา ว30243 พฤกษศาสตร ์ โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ ภาคเรียนท ี่1 ปีการศึกษา 2566


คํานํา รายงานเล่มน ี้ เป็ นส่วนหน ึ่ งของรายวิชาพฤกษศาสตร ์ จัดทําข ึ้ นเพ ื่ อเป็ นการสรุปผลการทดลองท ี่ได้ทดลองในคาบ เรียน ซ ึ่ งผู้จัดทําได้รับมอบหมายจากครูผู้สอนให้ไปสรุป ผลการทดลอง และอธิบายองค ์ ประกอบ ราก ลําต้น ใบ ของพืช คณะผู้จัดทําขอขอบพระคุณคุรครูฤทัยทิพย ์ ฉันวิจิตร ท ี่ คอยให้คําแนะนํา ก คณะผู้จัดทํา


กิตติกรรมประกาศ รายงานเล่มน ี้ จัดทําข ึ้ นเพ ื่ อให้เรารู้ถึงองค ์ ประกอบของ พืชและทําให้เราสรุปผลการทดลองท ี่ได้ทําการทดลองจาก ในคาบเรียนรายวิชาพฤกษศาสตร ์ ผู้จัดทําขอขอบพระคุณ คุณครูท ี่ปรึกษารายวิชา พฤกษศาสตร ์ ท ี่ให้คําแนะนําในการศึกษาและการดําเนิน การ ซ ึ่ งเป็ นประโยชน ์ อย่างย ิ่ ง จนทําให้การศึกษาน ี้ สําเร็ จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอขอบพระคุณคุณครูฤทัยทิพย ์ ฉันวิจิตร ท ี่ให้คํา แนะนําในการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค ์ ความรู้ซ ึ่ งเป็ น ประโยชน ์ อย่างย ิ่ งแก่การศึกษาค้นคว้าครั้ งน ี้ ขอขอบพระคุณคุณพ่อและคุณแม่ผู้ท ี่ อยู่เบ ื้ องหลังค วามสําเร็ จในครั้ งน ี้ ท ี่ได้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนและ ให้กําลังใจตลอดมา คณะผู้จัดทํา ข


ส า ร บั ญ เ รื่ อ ง ห น้า คํา นํา ก กิ ต ติ ก ร ร ม ป ร ะ ก า ศ ข ค ส า ร บั ญ ค อ ง ค์ป ร ะ ก อ บ ข อ ง พื ช 1


องค ์ ประกอบของพ ื ช 1 ราก Epidermis : เอพิเดอมิส -เป็ นเน ื้ อเย ื่ อท ี่ อยู่นอกสุดมีเซลล์ ท ี่ เรียงช ั้นเดียวและผนังเซลล์บาง ไม่มีคลอโรพลาสต์มีคิวทิน ปกป้องเน ื้ อเย ื่ อ และลดการสูญ เสียนํ้า บางส่วนเป็ นขนรากย ื่ น ออกไปดูดน ํ้ าเเละธาตุอาหาร Cortex : คอร์เทกซ์ -เป็ นช ั้นท ี่ อยู่ถัดจากเอพิเดอร์มิส ประกอบด้วยเซลล์พาเรงคิมาเรียง ตัวกันหลายแถว ไม่มีคลอโร พลาสต์ทําหน้าท ี่ สะสมอาหาร ช ั้นในสุดจะเจอเซลลเ์อนโดเดอร์ มิส ซ ึ่ งมีสารซูเบอร์รินมาสะสม เป็ นแถบเรียกว่า แคสพาเรียนส ตริป โดยจะทําการเคล ื่ อท ี่ ของนํ้า และธาตุอาหาร Stele : สตีล -เพริไซเคิล (pericycle) ประกอบด้วย เซลล์พาเรงคิมา เซลล์สามารถเปล ี่ ยน สภาพเป็ นเน ื้ อเย ื่ อเจริญและเกิดการ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้อีกทําให้ เกิดรากแขนง -มัดท่อลําเลียง (vascular bundle) ประกอบด้วยโฟลเอ ็ มปฐมภูมิและไซ เล ็ มปฐมภูมิโดยไซเล ็ มจะเรียงตัวเป็ น แฉกอยุ่ตัวกลางของราก และมีโฟลเอ ็ มอยู่ระหว่างแฉก พืชใบเล ี้ ยงคู่จะมี จํานวนแฉกน้องกว่าพืชใบเล ี้ ยงเด ี่ ยว ไซเล ็ ม (xylem) : ลําเลียงนํ้าและธาตุ อาหาร โฟลเอ ็ ม (phloem) : ทําหน้าท ี่ เลียง อาหาร -พิท (pith) อยู่บริเวณตรงกลางของ รากท ี่ไม่ใช่ไซเล ็ มปฐมภูมิส่วนใหญ่ พบในพืชใบเล ี้ ยงเด ี่ ยวแต่ไม่พบใน พืชใบเล ี้ ยงคู่


องค ์ ประกอบของพ ื ช 2 โครงสร ้ างภายในรากพืชใบเล ี้ ยงคู่ตัดตามขวาง วาสคิวลาร์แคมเบียมท ี่ ค ั่นระหว่างไซเล ็ มปบมภูมิกับโฟลเอ ็ มปฐม ภูมิจะแบ่งเซลล์สร้างไซเล ็ มทุติยภูมิทางด้านใน และสร้างโฟลเอ ็ ม ทุติยภูมิออกไปทางด้านนอก ในใบเล ี้ ยงคู่เพอริไวเคิลเปล ี่ ยนสภาพ เป็ นคอร์กแคมเบียม ทําให้สร้างเซลล์คอร์กแทนเน ื้ อเย ื่ อผิวเดิม รากปฐมภูมิ(Primary root) -เป็ นรากท ี่ เกิดมาจากรากแรกเกิด หรือ เเรดิเดิล (radicle) ในขณะ ท ี่ เป็ นเอ ็ มบริโออยู่ในเมล ็ ดแล้ว เจริญเติบโตยืดยาวออกมาซ ึ่ งจะ ติดอยู่กับลําต้น มีขนาดใหญ่และ เรียวเล ็ กลงเร ื่ อยๆ เรียกว่า ราก แก้ว (Tap root) รากทุติยภูมิ(Secondary root) -เกิดจากรากแก้วอีกทีหน ึ่ ง เรียก ว่า รากแขนงซ ึ่ งจะแตกแขนงออก ไปได้อีก โดยรากแขนงน ี้ จะแตก ออกจากส่วนเพอริไซเคิล (pericycle) ของราก รากพิเศษหรือรากวิสามัญ (Adventious root) -เป็ นรากท ี่ เกิดจาก ก ิ่ ง ใบ หรือ ลําต้น ซ ึ่ งไม่ได้เกิดจากรากแก้ว โดยตรง สามารถแยกเป็ นชนิด ต่างๆ ได้ตามรูปร่างและหน้าท ี่ เช่น รากสะสมอาหาร รากคํ้าจุ้น เป็ นต้น


องค ์ ประกอบของพ ื ช ลําต ้ น การเจริญเติบโตข ั้นปฐมภูมิ(Primary Growth) Epidermis : อิพิเดอมิส -อยู่ช ั้นนอกสุด ไม่มีคลอโรพลาสต์ มีการเปล ี่ ยนแปลงเป็ นขน หนาม และมีสารคิวตินเคลือบ ในพืชท ี่ มี เน ื้ อไม้พบเฉพาะในปีเเรกๆ เม ื่ อ ต้นไม้เจริญเติบโตในปีต่อๆมา จะมีเซลล์คอร์กเจริญ และดันให้ อิพิเดอมิสหลุดไป Cortex : คอร์เทกซ์ -อยู่ถัดจากช ั้นอิพิเดอมิส ประกอบด้วยเซลล์คลอเลนไคมา พาเรนไคมา ส่วนในเน ื้ อไม้เเข ็ ง พบสเคลอเรนไคมา โดยคอร์ เทกซ์ในลําต้นเเคบกว่าในราก และเป็ นส่วนท ี่ เกิดการเเตกก ิ่ ง สําหรับช ั้นเอนโดเดอมิส Stele : สตีล ในลําต้นเเยกจากคอร์เทกซ์ไม่ ชัดเจน ประกอบด้วย วาสคิวลาร์ บันเดิล หรือมัดท่อลําเลียง —Vascular bundle ของพืชใบเล ี้ ยง คู่ ไซเลมและโฟลเลม จัดเรียงเป็ นกลุ่ม อย่างมีระเบียบ โดยไซเลมอยู่ด้านใน โฟลเลมอยู่ด้านอก มีเน ื้ อเย ื่ อเจริญด้าน ข้าง ทําให้มีการเจริญเติบโตข ั้นท ี่ 2 -Vascular bundle ของพืชใบเล ี้ ยงเด ี่ ยว ไซเลมและโฟลเลมอยู่กันเป็ นกลุ่ม มีพาเรนไคมา หรือ สเคลอเรนไคมาล้อม รอบ มัดท่อลําเลียงกระจยอยู่ท ั่ วไปในช ั้น คอร์เทกซ์และสตีล ไม่มีเน ื้ อเย ื่ อเจริญใน มัดท่อลําเลียง ยกเว้นบางชนิด -ส่วนสุดท้ายของ Stele เรียกว่าพิทเป็ นเน ื้ อเย ื่ อพาเรนไค มาส่วนกลางสุดของลําต้น โดยใน ลําต้นพืชใบ้ล ี้ ยงคู่พิทจะถูกแทนท ี่ ด้วยไซเลม 3


องค ์ ประกอบของพ ื ช ลําต ้ น การเจริญเติบโตข ั้นทุติยภูมิ(Secondary Growth) -เกิดข ึ้ นโดยเน ื้ อเย ื่ อเจริญท ี่ อยู่ระหว่างเน ื้ อเย ื่ อไวเล ็ มปฐมภูมิและโฟล เอ ็ มปฐมภูมิเรียกว่า วาสคิวลาร์แคมเบียม (vascular cambium) จะ แบ่งเซลล์ได้2 ทิศทาง -แบ่งเข้าทางด้านในและด้านนอกการแบ่งเซลล์เข้าด้สนในของวาสคิว ลาร์แคมเบียมเกิดได้เร็ วกว่าด้านนอก และเจริญเป็ นเน ื้ อเย ื่ อไซเล ็ มท ี่ เกิดจากวาสคิวลาร์แคมเบียมว่า ไซเล ็ มทุติยภูมิ(secondary xylem) 4


องค ์ ประกอบของพ ื ช ใบ Epidermis :(อิพิเดอมิส) -อยู่ช ั้นนอกสุด ท ั้ งหลังใบ upper epidermis เเละ ท้อง ใบ lower epidermis -มเีซลล์คุม(guard cell) รูป ร่างคล้ายไตอยู่เป็ นคู่ประกบ ใบ ช่องตรงกลางเรียกว่า รู ปากใบ(stomatal pore) กลุ่มท ่ิ ลําเลียง : vascular bundle -อยู่ช ั้นมีโซฟิลล์บริเวณก้านใบ เส้นใบ เส้นใบย่อย โดยไซเล ็ มจะ อยู่ด้านบน โฟลเอ ็ มจะอยู่ด้านล่าง มบี ันเดิลซีท(bundle sheet) ล้อม รอบอยู่ mesophyll : มีโซฟิลล์ -อยู่ระหว่างเอพิเดอร์มิสด้าน บนเเละด้านล่าง ประกอบด้วย พาเรงไคมาท ี่ มีคลอโรพลาสต์ -palisade mesophyll อยู่ติด กับเอพิเดอร์มิสด้านบน เซลล์ รูปร่างยาวเรียงตัวกันไม่มีช่อง ว่างระหว่างเซลล์มีคลอโร พลาสต์อยู่มาก -spongy mesophyll อยู่ถัดลง มาจาก palisade mesophyll รูปร่างค่อนข้างกลม เรียงตัว หลวมๆ ไม่เป็ นระเบียบ 5


**ส่วนรากและลําต้น ใช้วิธีการเดียวกัน** ส่วนลําต้น 1.นํานํ้าใส่ถาดเพาะเช ื้ อ 2 ถาด และนําสีย้อมหยดใส่ถาดเพาะเช ื้ อ 3-4 หยด 2.นําใบมีดตัดรากให้เป็ นแนวตามขวางให้มีขนาดเล ็ กท ี่ สุด 3.นําช ิ้ นส่วนของรากทําการแช่นํ้า 4.นํารากท ี่ ตัดมาย้อมสี10-15 วินาที 5.นําข ึ้ นมาวางบนแผ่นสไลด์และนําหลอดหยดนํ้าเพ ื่ อหยดลงไปบน แผ่นสไลด์เพ ื่ อล้างสีนํากระดาษชําระมาซับนํ้าก่อนหยดนํ้าชะล้างอีก รอบแล้วปิดกระจกปิดสไลด์ 6.นําแผ่นสไลด์ไปวางบนกล้องจุลทรรศน์และทําการส่องหาเซลล์ ของราก การทดลองศ ึ กษาโครงสร ้ างของพ ื ช วัสดุอุปกรณ์ท ี่ใช้ในการทดลอง 1.ต้นกะเพรา 1 ต้น 2.ใบเตย 1 ต้น 3.กล้องจุลทรรศน์1 ตัว 4.หลอดหยด 1 หลอด 5.ถาดเพาะเช ื้ อ 4 ถาด 6.พู่กัน 1 อัน 7.กระดาษชําระ 1 ม้วน 8.โฟม 1 ช ิ้ น 9.สีชาฟาริน 1 ขวด 10.แผ่นสไลด์พร้อมกระจกปิดสไลด์3 ชุด 11.ท ี่ คีบ 1 อัน 12.ใบมีดโกน 3 ใบ 13.บีกเกอร์1 ใบ 14.เข ็ มเข ี่ ยเช ื้ อปลายแหลม 1 อัน 15.นํ้า 1 ขวด วิธีการทดลอง ส่วนใบ 1.นํานํ้าใส่ถาดเพาะเช ื้ อ 2 ถาด และนําสีย้อมหยดใส่ถาดเพาะเช ื้ อ 3-4 หยด 2.ฝังใบลงไปในโฟมแล้วตัดโฟมให้เป็ นช ิ้ นตามขวาง 3.นําช ิ้ นส่วนของใบออกมาแช่นํ้าก่อนนําใบท ี่ ตัดมาย้อมสี10-15 วินาที 4.นําข ึ้ นมาวางบนแผ่นสไลด์และนําหลอดหยดนํ้าเพ ื่ อหยดลงไปบน แผ่นสไลด์เพ ื่ อล้างสีนํากระดาษชําระมาซับนํ้าก่อนหยดนํ้าชะล้างอีก รอบแล้วปิดกระจกปิดสไลด์ 5.นําแผ่นสไลด์ไปวางบนกล้องจุลทรรศน์และทําการส่องหาเซลล์ ของใบ 6


รู ป ร ะ ห ว่ า ง ทํา ก า ร ท ด ล อ ง 7 epidellis


ราก -ด้านนอกสุดของรากจะเป็ นepidermis มอง เห ็ นช ั้นcortexกับsteleชัดเจน ช ั้นcortex ส่วนใหญ่เป็ น parenchyma มีendodermisอยู่ ด้านในสุด ช ั้นstele มีท่อ xylem pholem เรียงกัน กระจายอยู่ด้านใน ลําต้น -ด้านนอกสุดของลําต้นจะเป็ นepidermis บางบริเวณเห ็ นเป็ นเซลล์ขน มีcollenchyma อยู่บริเวณตามมุมขอบ ของลําต้น มีperenchyma ท ี่ มีคลอโรพลาสต์ (chlorenchyma) ท่อลําเลียงเรียงตัวกันเป็ นวง pholem อยู่ด้านนอก xylem อยู่ด้านใน ตรงกลางคือ pith ประกอบด้วย parenchyma 8 ใบ -ด้านนอกสุดของใบจะเป็ นepidermis ด้านในจะมีchlorenchyma และ spongy mesophyll epidellis 1 - stele cONtex epidellis 7 pith ↑ Vascula I L chlowenchy V collenchyma spok gy epidellis n 7 -chowenchyma


Click to View FlipBook Version