The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่างกลไกป้องกันตนเองต่างๆที่พบได้ในชีวิต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

กลไกการป้องกันตนเอง

ตัวอย่างกลไกป้องกันตนเองต่างๆที่พบได้ในชีวิต

กลไกการป้องกันตนเอง Defense Mechanism


คำ นำ E-book เล่ม ล่ นี้ เป็น ป็ ส่ว ส่ นหนึ่งของรายวิชวิาวิทวิยาการ คำ นวณและออกแบบเทคโนโลยี ว30122 มีวัต วั ถุป ถุ ระสงค์ เพื่อเป็น ป็ สื่อ สื่ การเรีย รี นรู้ที่รู้ มี ที่ เนื้อหาเกี่ยวกับกลไกการ ป้องกันทางจิตจิ โดยคณะผู้จัผู้ ด จั ทำ ริเริริ่มริ่ ประมวนความรู้ และสร้า ร้ งสรรค์เ ค์ นื้อหาในรูป รู แบบ E-book เพื่อ พื่ เป็น ป็ ทาง เลือ ลื กสำ หรับ รั ผู้ที่ ผู้ สนใจอยากศึก ศึ ษาเนื้อหาที่เ ที่ ข้าใจ และ สะดวกในการศึก ศึ ษาเนื้อหามากยิ่งยิ่ขึ้น คณะผู้จัผู้ ด จั ทำ หวัง วั เป็น ป็ อย่า ย่ งยิ่งยิ่ว่า ว่ E-book เล่ม ล่ นี้จะ เป็น ป็ สื่อ สื่ การเรีย รี นรู้ที่รู้ ส ที่ ามารถสร้า ร้ งความรู้เรู้พื่อ พื่ ส่ง ส่ ต่อ ต่ สิ่งสิ่ ดีๆ ดี ให้เ ห้ กิดประโยชน์แก่ผู้ที่ผู้ ศึ ที่ ก ศึ ษาเรื่อ รื่ งนี้ให้ดี ห้ ยิ่ ดี งยิ่ขึ้นต่อ ต่ ไป คณะผู้จัผู้ ด จั ทำ น.ส.จิดจิาภา จินจิตนา ม.4/1 เลขที่8ที่ น.ส.จิรจิภัทร วงศ์ปศ์ ระภาธิวัธิฒ วั น์ ม.4/1 เลขที่9ที่ น.ส.ปภาดา ไชยพิณพิม.4/1 เลขที่2ที่ 3


สารบัญ บั เรื่อ รื่ ง หน้า จิตจิสำ นึก จิตจิก่อนสำ นึก จิตจิ ไร้สำ ร้ สำนึก Id Ego Superego การปรับรัตัวตั โดยใช้ก ช้ ลไกป้องกันตนเอง การเก็บกด การแสดงปฏิกิฏิ กิริยริาตรงข้ามความรู้สึรู้ กสึที่แ ที่ ท้จ ท้ ริงริ การหาเหตุผ ตุ ลเข้าข้างตน การแสดงพฤติกติรรมถอยหลังลั การปฏิเฏิสธความจริงริ การระบายที่อื่ ที่ น อื่ การโทษผู้อื่ผู้ น อื่ การชดเชย การถอยหนี บรรณานุกรม 2 4 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 17


มนุษย์มี ย์ วิธีวิป้ธี ป้ องกันร่า ร่ งกายของตนไม่ใม่ ห้ไห้ ด้รั ด้ บ รั บาด เจ็บ จ็ ฉันใด ก็ย่อ ย่ มมีกลไกป้องกันจิตจิ ใจของตนไม่ให้เ ห้ จ็บ จ็ ช้ำ ด้ว ด้ ยฉันนั้น เมื่อไหร่ที่ ร่ รู้สึรู้ ก สึ ไม่สบายใจหรือ รื มีอะไรมาร บกวนให้ส ห้ ภาพจิตจิ ใจไม่ปกติ เช่น ช่ ความเครีย รี ด ความ โกรธและความเสีย สี ใจ เราก็มักจะหาทางดึง ดึ จิตจิ ใจให้ กลับ ลั มาเป็น ป็ ปกติใติห้ไห้ ด้ ไม่ว่า ว่ จะเป็น ป็ การปฎิเฎิสธความ จริงริการหาเหตุผ ตุ ลมาหัก หั ล้า ล้ ง หรือ รื การระบายอารมณ์ ใส่สิ่ ส่ งสิ่ของและคนด้ว ด้ ยกันเอง ทั้ง ทั้ หมดนี้ล้ว ล้ นเป็น ป็ ธรรมชาติขติองมนุษย์ทั้ ย์ ง ทั้ สิ้นสิ้ 1


ในทางจิตจิวิทวิยาเราเรีย รี กว่า ว่ “กลไกป้องกันตนเอง (Defense Mechanism)” ทฤษฎีนี้ ฎี นี้ ถูก ถู นำ เสนอครั้ง รั้ แรกโดยนักจิตจิวิทวิยาชาวออสเตรีย รี ชื่อ ชื่ ดัง ดั อย่า ย่ ง ซิกซิ มันด์ ฟรอยด์ มีที่ม ที่ าจากทฤษฎีจิ ฎี ตจิวิเวิคราะห์ โดยใน ทฤษฎีก ฎี ลุ่ม ลุ่ จิตจิวิเวิคราะห์ข ห์ องซิกซิ มันด์ ฟรอยด์ ได้แ ด้ บ่ง บ่ การทำ งานของจิตจิมนุษย์อ ย์ อกเป็น ป็ 3 ระดับ ดั 2


3 จิตจิ สำ นึก (Conscious Mind) เป็น ป็ สภาวะที่บุค บุ คล รับ รั รู้ ตามประสาทสัม สั ผัส ผั ทั้ง ทั้ ห้า ห้ เป็น ป็ จิตจิที่บุ ที่ ค บุ คลรู้ตัรู้ ว ตั ตลอดเวลาว่า ว่ กำ ลัง ลั ทำ อะไร และคิดคิอย่า ย่ งไร จิตจิก่อนสำ นึก (Preconscious Mind) เป็น ป็ จิตจิ ระดับ ดั ที่รู้ตัรู้ ว ตั เพียงแต่ค ต่ วบคุม คุ ไม่ให้แ ห้ สดงพฤติกติรรม ออกมา เมี่อใดก็ตามที่ต้ ที่ อ ต้ งการแสดงออกก็สามารถ เปิดเผยได้ใด้ นทันที จิตจิ ไร้สำร้ สำนึก (Unconscious Mind) เป็น ป็ จิตจิ ที่ ฟรอยด์เ ด์ ชื่อ ชื่ ว่า ว่ ทำ ให้เ ห้ กิดกลไกป้องกันตนเอง เป็น ป็ ส่ว ส่ น ที่มีบทบาทในการแสดงพฤติกติรรมของมนุษย์ โดย เฉพาะพฤติกติรรมบางอย่า ย่ งที่บุ ที่ ค บุ คลแสดงออกโดย ไม่รู้ตัรู้ ว ตั จิตจิ ไร้สำ ร้ สำนึกทำ หน้าที่ก ที่ ระตุ้น ตุ้ ให้บุ ห้ ค บุ คลแสดง พฤติกติรรมไปตามหลัก ลั แห่ง ห่ ความพึง พึ พอใจของตน


นอกจากนี้ตามหลัก ลั ทฤษฎีข ฎี องฟรอยด์เ ด์ ชื่อ ชื่ ว่า ว่ พฤติกติรรมต่า ต่ งๆของบุค บุ คลที่แ ที่ สดงออกมาเกี่ยวข้อง กับการทำ งานของจิตจิ 3 ส่ว ส่ น ซึ่ง ซึ่ ถือ ถื เป็น ป็ โครงสร้า ร้ ง หลัก ลั ของบุค บุ ลิกลิภาพในบุค บุ คล เพราะถ้า ถ้ การทำ งาน ของจิตจิ 3 ส่ว ส่ นนี้สามารถทำ งานประสานหรือ รื ประนีประนอมกันได้อ ด้ ย่า ย่ งราบรื่น รื่ พฤติกติรรมของ บุค บุ คลจะแสดงออกมาแบบปกติแติละเป็น ป็ ผู้มี ผู้ สุข สุ ภาพ จิตจิดี แต่ถ้ ต่ า ถ้ เกิดความขัดแย้ง ย้ กัน จะมีผลทำ ให้เ ห้ กิด พฤติกติรรมไม่พึงประสงค์ก่ ค์ ก่ อให้เ ห้ กิดปัญหาด้า ด้ น บุค บุ ลิกลิภาพและการปรับ รั ตัว ตั ซึ่ง ซึ่ พลัง ลั จิตจิ 3 ส่ว ส่ น ได้แ ด้ ก่ Id (อิดอิ ) Ego (อีโอี ก้) Superego (ซูเ ซู ปอร์อี ร์ โอี ก้) 4


5 Id (อิดอิ ) เป็น ป็ แรงผลัก ลั ดัน ดั ของจิตจิ ใจหรือ รื แรงขับ ทางสัญ สั ชาตญาณที่ติ ที่ ดติตัว ตั มาแต่กำ ต่ กำ เนิด กระตุ้น ตุ้ ให้ มนุษย์ต ย์ อบสนองตามความต้อ ต้ งการและความพอใจ Ego (อีโอี ก้) เป็น ป็ พลัง ลั ที่พัฒนาจากการเรีย รี นรู้โรู้ลก ตามความเป็น ป็ จริงริอีโอี ก้เป็น ป็ เหตุเ ตุ ป็น ป็ ผลชี้นำ ชี้ นำ ให้บุ ห้ ค บุ คล มาสู่ส สู่ ภาพการรับ รั รู้ที่รู้ เ ที่ ป็น ป็ จริงริ Superego (ซูเ ซู ปอร์อี ร์ โอี ก้) เป็น ป็ พลัง ลั ทางจิตจิ ที่ก่อตัว ตั ขึ้นจากการเรีย รี นรู้รรู้ ะเบีย บี บ กฎเกณฑ์รวมทั้ง ทั้ ศีล ศี ธรรม ของสัง สั คม เป็น ป็ ส่ว ส่ นที่เ ที่ ตือ ตื นให้บุ ห้ ค บุ คลรู้ว่รู้ า ว่ สิ่งสิ่ ใดถูก ถู และสิ่งสิ่ ใดผิดผิ


6 การปรับ รั ตัว ตั โดยใช้ก ช้ ลไกป้อ ป้ งกันตนเอง เป็น ป็ กลยุท ยุ ธ์ที่ ธ์ บุค บุ คลนำ มาใช้เ ช้ พื่อ พื่ ลดสภาวะทาง อารมณ์ต่า ต่ งๆที่เกิดขึ้นด้ว ด้ ยการบิดบิเบือ บื นปฏิเฏิสธ และ หลีก ลี เลี่ย ลี่ งสถานการณ์ต่า ต่ งๆ นอกจากนี้การปรับ รั ตัว ตั โดยการใช้ก ช้ ลไกป้องกันตนเองยัง ยั มีจุด จุ มุ่ง มุ่ หมายเพื่อ พื่ ที่จะยกย่อ ย่ งตนเอง ทำ ให้รู้ ห้ สึรู้ ก สึ ว่า ว่ ตนเองมีคุ มี ณ คุ ค่า ค่ มี ศัก ศั ดิ์ศดิ์รีแ รี ละขจัด จั ความกลัว ลั ต่า ต่ งๆที่ม ที่ ารบกวนจิตจิ ใจให้ หมดไป ดัง ดั นั้นเมื่อได้ใด้ ช้แ ช้ ล้ว ล้ บุค บุ คลนั้นจะรู้สึรู้ ก สึ สบายใจ ขึ้นถึง ถึ แม้ว่า ว่ การปรับ รั ตัว ตั โดยการใช้ก ช้ ลไกป้องกัน ตนเองนี้จะสามารถรัก รั ษาความสมดุล ดุ ของ จิตจิ ใจไว้ ได้ใด้ นระดับ ดั หนึ่งก็ตามแต่ถ้ ต่ า ถ้ นำ ไปใช้กั ช้ กั บทุก ทุ เรื่อ รื่ งจน เคยชินชิเป็น ป็ นิสัย สั แล้ว ล้ จะส่ง ส่ ผลให้เ ห้ป็น ป็ ผลเสีย สี ต่อ ต่ บุค บุ ลิกลิภาพของบุค บุ คลนั้นได้ การปรับ รั ตัว ตั โดยการใช้ก ช้ ลไกป้องกันตนเองตาม ทฤษฎีจิ ฎี ตจิวิเวิคราะห์ข ห์ องฟรอยด์ที่ ด์ นิ ที่ นิยมใช้ใช้ นชีวิ ชี ตวิ ประจำ วัน วั มีดัง ดั ต่อ ต่ ไปนี้


7 การเก็บกด (Repression) หมายถึง ถึ เก็บกด ความคิดคิความรู้สึรู้ ก สึ หรือ รื ความต้อ ต้ งการที่ต ที่ นเอง ยอมรับ รั ไม่ได้ได้ ว้ใว้ นระดับ ดั จิตจิ ไร้สำ ร้ สำนึก เพื่อ พื่ ไม่ให้จ ห้ ดจำ ความรู้สึรู้ ก สึ เหล่า ล่ นี้และเปลี่ย ลี่ นเป็น ป็ การลืม ลื ส่ง ส่ ผลให้ บุค บุ คลนั้น ไม่สามารถจำ เหตุก ตุ ารณ์ที่ก่ ที่ ก่ อให้เ ห้ กิดความ ขมขื่น หรือ รื ความรู้สึรู้ ก สึ ผิดผิหวัง วั


8 การแสดงปฏิกิฏิ กิริยริาตรงกันข้า ข้ มกับความรู้สึรู้ ก สึ ที่แ ที่ ท้จ ท้ ริงริ (Reaction Formation) เป็น ป็ การเก็บกด ความรู้สึรู้ ก สึ ที่แท้จริงริของตนเอง ซึ่ง ซึ่ สัง สั คมไม่ยอมรับ รั แล้ว ล้ แสดงออกถึง ถึ พฤติกติรรมที่ต ที่ รงข้ามกับความ รู้สึรู้ ก สึ ของตนเพื่อไม่ใม่ ห้ถู ห้ ก ถู บุค บุ คลในสัง สั คมตำ หนิรวม ทั้ง ทั้ เพื่อรัก รั ษาศัก ศั ดิ์ศดิ์รีข รี องตนเอง


9 การหาเหตุผ ตุ ลเข้า ข้ ข้า ข้ งตนเอง (Rationalization) เป็น ป็ การหาคำ อธิบธิายหรือ รื เหตุผ ตุ ลมาอ้า อ้ งอิงอิการกระ ทำ ของตน เพื่อให้เ ห้ป็น ป็ ที่ย ที่ อมรับ รั ลดความเครีย รี ดและ ความวิตวิกกังวล การอ้า อ้ งเหตุผ ตุ ลมี2 แบบ คือ คื 1.) แบบองุ่น งุ่ เปรี้ย รี้ ว (Sour Grape) เป็น ป็ การอ้า อ้ ง เหตุผ ตุ ลเมื่อบุค บุ คลพลาดจากสิ่งสิ่ที่ต ที่ นเองหวัง วั หรือ รื ต้อ ต้ งการเพื่อปลอบใจตนเอง และทำ ให้ค ห้ วามรู้สึรู้ ก สึ ของตนเองดีขึ้ ดี ขึ้ น 2.) แบบมะนาวหวาน (Sweet Lemon) เป็น ป็ การ อ้า อ้ งเหตุผ ตุ ลเมื่อบุค บุ คลต้อ ต้ งเผชิญชิกับภาวะที่ต ที่ นไม่ อยากพบและไม่อยากกระทำ หรือ รื ไม่อยากได้ใด้ นสิ่งสิ่ นั้น แต่ไต่ ม่สามารถหลีก ลี เลี่ย ลี่ งได้ เพื่อ พื่ ให้ต ห้ นเองเกิด ความมั่น มั่ ใจ สบายใจ และรู้สึรู้ ก สึ ดีแ ดี ก่ตนเอง


10 การแสดงพฤติกติรรมถอยหลัง ลั (Regression) เป็น ป็ การแสดงพฤติกติรรมย้อ ย้ นกลับ ลั ไปมีลั มี ก ลั ษณะ เหมือนพฤติกติรรมที่เ ที่ คยทำ ในอดีต ดี โดยเฉพาะ พฤติกติรรมในวัย วั เด็ก ด็ เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้ ด้ ง ตั้ ใจและไม่รู้ตัรู้ ว ตั พฤติกติรรมนี้จะเกิดขึ้นเมื่อประสบความไม่มั่น มั่ คงทาง จิตจิ ใจ มีความคับ คั ข้องใจ การแสดงพฤติกติรรมถอย หลัง ลั นี้พบได้ทั้ ด้ ง ทั้ ในวัย วั เด็ก ด็ และผู้ใผู้หญ่ หากใช้บ่ ช้ อ บ่ ยในวัย วั เด็ก ด็ จะเป็น ป็ คนที่แก้ปัญหาเองไม่ได้ และในผู้ใผู้หญ่อาจ ถูก ถู มองว่า ว่ เป็น ป็ คนที่ไที่ ม่มีวุฒิ วุ ภฒิาวะ


11 การปฏิเฏิสธความจริงริ (Denial) เป็น ป็ การปฏิเฏิสธ ความจริงริ ที่มีผลกระทบกระเทือ ทื นต่อ ต่ จิตจิ ใจอย่า ย่ ง รุน รุ แรงจนไม่สามารถยอมรับ รั ได้ จึง จึ ทำ ให้บุ ห้ ค บุ คลนั้นไม่ ยอมรับ รั รู้สิ่รู้ งสิ่ ที่เกิดขึ้นกับตนเพื่อ พื่ เป็น ป็ การหลอกตัว ตั เอง ให้ค ห้ ลายทุก ทุ ข์ มักพบบ่อ บ่ ยเมื่อบุค บุ คลสูญสู เสีย สี คนที่รั ที่ ก รั หรือ รื ปฏิเฏิสธการกระทำ บางอย่า ย่ งที่ร้ ที่ า ร้ ยแรง กลไก ชนิดนี้หากใช้บ่ ช้ อ บ่ ยอาจจะทำ ให้เ ห้ป็น ป็ โรคประสาทได้


12 การระบายไปที่อื่ ที่ น อื่ (Displacement) เป็น ป็ การ ระบายความคับ คั ข้องใจ หรือ รื อารมณ์โกรธที่มี ที่ อ มี ยู่ข ยู่ ณะ นั้นไปสู่ค สู่ นหรือ รื สิ่งสิ่ของที่ไที่ ม่ได้เ ด้ป็น ป็ ต้น ต้ เหตุข ตุ องความ โกรธ ซึ่ง ซึ่ ทำ ให้รู้ ห้ สึรู้ ก สึ ดีขึ้ ดี ขึ้ นก็จริงริแต่ก็ ต่ ก็ไม่ใช่วิ ช่ ธีวิที่ ธี ดี ที่ เ ดี พราะ คนที่ถูก ถู โมโหใส่ไส่ ม่ได้ทำ ด้ ทำอะไรผิดผิ


13 การโทษผู้อื่น อื่ (Projection) การโทษผู้อื่ผู้ น อื่ เป็น ป็ กลไกป้องกันตนเองที่นิ ที่ นิยมใช้กั ช้ กั นมาก เกิดจากการที่ บุค บุ คลเกิดความผิดผิพลาดจากสิ่งสิ่ที่ต ที่ นกระทำ และ ทำ ให้เ ห้ กิดความรู้สึรู้ ก สึ ผิดผิแต่เ ต่ พื่อ พื่ ให้ค ห้ วามรู้สึรู้ ก สึ ผิดผินั้น ลดน้อยลงจึง จึ ซัด ซั ทอดความผิดผิ ไปให้ผู้ ห้ อื่ผู้ น อื่ ซึ่ง ซึ่ ส่ง ส่ ผล เสีย สี ต่อ ต่ สัม สั พันธภาพระหว่า ว่ งบุค บุ คล


14 การชดเชย (Compensation) เป็น ป็ กลไก ป้องกันตนเองที่บุค บุ คลนำ มาใช้เ ช้มื่อพบว่า ว่ ตนเองมีข้ มี ข้ อ บกพร่อ ร่ งบางอย่า ย่ งอยู่ใ ยู่ นตัว ตั และทำ ให้เ ห้ กิดเป็น ป็ ปมด้อ ด้ ยจึง จึ พยายามสร้า ร้ งปมเด่น ด่ มาชดเชย ถือ ถื เป็น ป็ การปรับ รั ตัว ตั ไปในทางบวกมากกว่า ว่ วิธีวิอื่ ธี น อื่ เนื่องจากเป็น ป็ รูป รู แบบของการสร้า ร้ งสรรค์แ ค์ ละพัฒ พั นา เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตจิ ใจของบุค บุ คลผู้นั้ผู้ นั้ น


15 การถอยหนี (Withdrawal) เป็น ป็ กลไกป้องกัน ตนเองที่ใช้ล ช้ ดความกลัว ลั ความวิตวิกกังวลและ ความเครีย รี ด โดยการหลีก ลี เลี่ย ลี่ งออกจากสถานการณ์ ตัว ตั บุค บุ คล และสิ่งสิ่แวดล้อ ล้ มที่ก่ ที่ ก่ อให้เ ห้ กิดความรู้สึรู้ ก สึ ดัง ดั กล่า ล่ ว การใช้ก ช้ ลไกป้องกันตนเองชนิดนี้ก่อให้เ ห้ กิดผล เสีย สี มากกว่า ว่ ผลดีเ ดี นื่องจากบุค บุ คลจะไม่ส ม่ ามารถแก้ไข ปัญหาหรือ รื สถานการณ์ในแบบเผชิญชิหน้า


การนำ กลไกป้องกันตนเองไปใช้ใช้ นการปรับ รั ตัว ตั ถือ ถื เป็น ป็ เรื่อ รื่ งปกติที่ ติทุก ทุ คนสามารถนำ ไปใช้ไช้ ด้ต ด้ าม สถานการณ์ที่เกิดกับตนในขณะนั้น สำ คัญ คั อยู่ต ยู่ รงที่ ว่า ว่ บุค บุ คลนั้นได้ปด้ ล่อ ล่ ยให้ก ห้ ลไกเหล่า ล่ นี้มีอิทอิธิพธิลต่อ ต่ การ ดำ เนินชีวิ ชี ตวิ ในขอบเขตใด เนื่องจากกลไกป้องกัน ตนเองเป็น ป็ วิธีวิที่ ธี ช่ว ช่ ยผ่อ ผ่ นคลายสภาวะความกดดัน ดั ต่า ต่ งๆ ได้ชั่ ด้ ว ชั่ คราว เพราะเมื่อบุค บุ คลผ่อ ผ่ นคลายจาก ปัญหาและความวิตวิกกังวลต่า ต่ งๆ แล้ว ล้ บุค บุ คลก็จะมี สติแติละพิจพิารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้ว ด้ ย เหตุผ ตุ ลมากขึ้น 16 *****************


17 บรรณานุกรม วรุต รุ ม์อุ่น อุ่ จิตจิสกุล. "เอกสารคำ สอนรายวิชวิา ระบบ ประสาทการเคลื่อ ลื่ นไหว และ พฤติกติรรม 1 สำ หรับรั นักศึกศึษาแพทย์ชั้ ย์ นชั้ ปี่ที่ 3 เรื่อ รื่ ง Defense Mechanisms & Psychosexual development". Prince of Songkla University (Online). http://medinfo2.psu.ac.th/psychiatry /elearning/document/undergrade/Doc1-3 /Lecture%20defense.pdf 19 สิงสิหาคม 2566 พีธพีะกัญญ์ สุข สุ โพธารมณ์ และ ปรัษรันีย์ เกศะบุต บุ ร. มหาวิทวิยาลัยลักรุง รุ เทพ. "การปรับรัตัวตั โดยใช้ก ช้ ลไก ป้องกันตนเอง". p119-125 (Online). https://www.bu.ac.th/knowledgecenter /executive_journal/oct_dec_10/pdf/aw16.pdf 19 สิงสิหาคม 2566


18 Dek-D. "เจาะลึกลึ Defense Mechanism 10 กลไกทางจิตจิ ที่ทำ ที่ ทำให้ม ห้ นุษย์ยั ย์ งยัเป็น ป็ มนุษย์อ ย์ ยู่" ยู่. Dek-D.com (Online). https://www.dek-d.com/studyabroad/58322/ 19 สิงสิหาคม 2566 Novabizz. "กลไกป้องกันตนเอง". Novabizz (Online). https://www.novabizz.com/NovaAce /Behavior/กลไกป้องกันตนเอง.htm 19 สิงสิหาคม 2566


Click to View FlipBook Version