พระราชบญั ญัติ
มหาวิทยาลัยราชภัฏ
พ.ศ. ๒๕๔๗
รวบรวมผา่ นรูปแบบ e-book
ผศ.ดร.ธี มรม.
พระราชบัญญตั ิ
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ
พ.ศ. ๒๕๔๗
ภมู พิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๑๐ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗
เปน็ ปที ี่ ๕๙ ในรัชกาลปจั จบุ นั
พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้
ประกาศว่า
โดยท่ีเปน็ การสมควรจัดตั้งมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏขนึ้ แทนสถาบนั ราชภัฏ
จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขนึ้ ไวโ้ ดยคำแนะนำและยนิ ยอมของ
รัฐสภา ดังตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ ี้เรียกวา่ “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภฏั พ.ศ. ๒๕๔๗”
เป็นต้นไป มาตรา ๒[๑] พระราชบัญญัตนิ ใี้ หใ้ ชบ้ ังคบั ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จนเุ บกษา
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๓๘
มาตรา ๔ ให้สถาบันราชภฏั ทจ่ี ดั ตั้งขน้ึ ตามพระราชบัญญตั สิ ถาบนั ราชภฏั พ.ศ. ๒๕๓๘
มีฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภฏั ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
ให้เรยี กชอื่ มหาวิทยาลัยราชภัฏตามชื่อของสถาบนั ราชภัฏเดมิ ตามบัญชรี ายชอ่ื ท้าย
พระราชบญั ญัตินี้
ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏแต่ละแห่งเป็นนิตบิ คุ คลและเป็นสว่ นราชการตามกฎหมายวา่ ด้วย
วธิ ีการงบประมาณในสังกัดสำนกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา
มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตนิ ี้
“มหาวทิ ยาลยั ” หมายความว่า มหาวทิ ยาลัยราชภัฏตามพระราชบัญญัติน้ี
“สภามหาวทิ ยาลัย” หมายความว่า สภามหาวทิ ยาลยั ราชภัฏตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
“สภาวิชาการ” หมายความว่า สภาวิชาการมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏตามพระราชบัญญตั ินี้
“วิทยาเขต” หมายความว่า เขตการศึกษาของมหาวิทยาลยั ทมี่ คี ณะ สถาบัน สำนัก
วิทยาลยั ศนู ย์ สว่ นราชการหรอื หน่วยงานทีเ่ รยี กชอื่ อย่างอนื่ ที่มฐี านะเทียบเท่าคณะตั้งแตส่ องสว่ น
ราชการขึน้ ไปต้ังอยูใ่ นเขตการศกึ ษานน้ั ตามทสี่ ภามหาวทิ ยาลัยกำหนด
“สภาคณาจารย์และข้าราชการ” หมายความวา่ สภาคณาจารย์และข้าราชการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏตามพระราชบัญญตั ิน้ี
“รัฐมนตร”ี หมายความว่า รฐั มนตรีผ้รู กั ษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้
มาตรา ๖ ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบญั ญตั ินี้ และให้
มีอำนาจออกกฎกระทรวง และประกาศเพื่อปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี
กฎกระทรวงนน้ั เม่ือได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วใหใ้ ชบ้ งั คบั ได้
หมวด ๑
บททั่วไป
มาตรา ๗ ให้มหาวทิ ยาลัยเป็นสถาบนั อุดมศกึ ษาเพื่อการพฒั นาทอ้ งถิน่ ที่เสรมิ สร้างพลัง
ปญั ญาของแผ่นดิน ฟื้นฟพู ลังการเรียนรู้ เชดิ ชูภูมปิ ญั ญาของทอ้ งถนิ่ สร้างสรรค์ศิลปวทิ ยา เพ่ือความ
เจรญิ ก้าวหน้าอยา่ งม่ันคงและยั่งยืนของปวงชน มีสว่ นร่วมในการจดั การ การบำรงุ รกั ษา การใช้ประโยชน์
จากทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมอย่างสมดุลและย่งั ยนื โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ใหก้ ารศึกษา ส่งเสรมิ
วชิ าการและวิชาชีพชนั้ สงู ทำการสอน วิจัย ใหบ้ รกิ ารทางวิชาการแกส่ ังคม ปรับปรุง ถ่ายทอด และ
พัฒนาเทคโนโลยี ทะนุบำรงุ ศิลปะและวฒั นธรรม ผลติ ครแู ละส่งเสริมวทิ ยฐานะครู
มาตรา ๘ ในการดำเนินงานเพอ่ื ให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคต์ ามมาตรา ๗ ใหก้ ำหนด
ภาระหนา้ ท่ีของมหาวทิ ยาลยั ดังตอ่ ไปนี้
(๑) แสวงหาความจริงเพือ่ สู่ความเปน็ เลิศทางวิชาการ บนพ้ืนฐานของภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่
ภมู ิปัญญาไทย และภูมปิ ัญญาสากล
(๒) ผลติ บณั ฑิตท่มี คี วามรคู้ ู่คณุ ธรรม สำนึกในความเป็นไทย มีความรักและผกู พันต่อ
ท้องถน่ิ อกี ทั้งสง่ เสริมการเรียนรู้ตลอดชวี ิตในชมุ ชน เพื่อชว่ ยใหค้ นในท้องถนิ่ รู้เท่าทนั การเปลยี่ นแปลง
การผลิตบณั ฑิตดังกลา่ ว จะต้องใหม้ ีจำนวนและคณุ ภาพสอดคล้องกบั แผนการผลติ บัณฑิตของประเทศ
(๓) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในคุณคา่ ความสำนกึ และความภมู ใิ จในวัฒนธรรมของ
ท้องถิน่ และของชาติ
(๔) เรียนรู้และเสริมสร้างความเขม้ แข็งของผู้นำชุมชน ผูน้ ำศาสนาและนักการเมือง
ท้องถน่ิ ให้มีจติ สำนกึ ประชาธิปไตย คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความสามารถในการบริหารงานพัฒนาชมุ ชน
และทอ้ งถิน่ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
(๕) เสริมสร้างความเขม็ แข็งของวิชาชพี ครู ผลิตและพฒั นาครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ให้มคี ณุ ภาพและมาตรฐานทเ่ี หมาะสมกบั การเปน็ วชิ าชีพชนั้ สูง
(๖) ประสานความรว่ มมอื และชว่ ยเหลือเกอ้ื กลู กันระหวา่ งมหาวทิ ยาลัย ชุมชน องค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถิน่ และองคก์ รอน่ื ท้งั ในและตา่ งประเทศ เพื่อการพฒั นาท้องถนิ่
(๗) ศกึ ษาและแสวงหาแนวทางพัฒนาเทคโนโลยพี ้นื บ้านและเทคโนโลยีสมยั ใหม่ให้
เหมาะสมกับการดำรงชีวิตและการประกอบอาชพี ของคนในทอ้ งถนิ่ รวมถึงการแสวงหาแนวทางเพ่ือ
สง่ เสรมิ ให้เกดิ การจัดการ การบำรงุ รกั ษา และการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
อย่างสมดุลและย่ังยนื
(๘) ศึกษา วจิ ัย สง่ เสรมิ และสบื สานโครงการอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริในการ
ปฏบิ ตั ภิ ารกิจของมหาวิทยาลัยเพอ่ื การพัฒนาทอ้ งถ่นิ
มาตรา ๙ มหาวทิ ยาลยั จะปฏเิ สธการรับผูส้ มัครผใู้ ดเข้าศึกษาในมหาวทิ ยาลัยหรือยตุ ิ
หรอื ชะลอการศึกษาของนักศึกษาผู้ใดดว้ ยเหตุเพยี งว่าผู้น้นั ขาดแคลนทนุ ทรพั ยอ์ ย่างแทจ้ ริงเพือ่ จ่าย
คา่ ธรรมเนียมการศกึ ษาตา่ งๆ แก่มหาวิทยาลัยมไิ ด้
มาตรา ๑๐ มหาวิทยาลัยอาจแบง่ สว่ นราชการ ดังนี้
(๑) สำนกั งานอธิการบดี
(๒) สำนกั งานวทิ ยาเขต
(๓) บัณฑิตวิทยาลยั
(๔) คณะ
(๕) สถาบัน
(๖) สำนกั
(๗) วทิ ยาลยั
มหาวทิ ยาลัยอาจให้มีศนู ย์ ส่วนราชการหรอื หน่วยงานทเ่ี รียกชือ่ อย่างอื่นที่มฐี านะ
เทียบเทา่ คณะ เพ่อื ดำเนนิ การตามวตั ถุประสงค์ในมาตรา ๗ เปน็ สว่ นราชการหรือหน่วยงานใน
มหาวทิ ยาลัยอกี ได้
สำนกั งานอธกิ ารบดีและสำนักงานวทิ ยาเขตอาจแบ่งสว่ นราชการเปน็ กอง ส่วนราชการ
หรอื เรยี กหนว่ ยงานท่เี รยี กชื่ออยา่ งอน่ื ทมี่ ฐี านะเทยี บเท่ากอง
บัณฑิตวิทยาลัย คณะ และวทิ ยาลัยอาจแบง่ ส่วนราชการเป็นสำนักงานคณบดี กอง ส่วน
ราชการหรอื หน่วยงานที่เรยี กชื่ออยา่ งอน่ื ทีม่ ฐี านะเทยี บเทา่ กอง
สถาบนั สำนกั ศนู ย์ สว่ นราชการหรือหน่วยงานทเ่ี รยี กช่ืออย่างอ่นื ทม่ี ีฐานะเทยี บเท่าคณะ
อาจแบ่งส่วนราชการเปน็ สำนักงานผูอ้ ำนวยการ กอง ส่วนราชการหรือหนว่ ยงานที่เรียกช่ืออยา่ งอืน่ ที่มี
ฐานะเทยี บเทา่ กอง
สำนักงานคณบดี สำนกั งานผอู้ ำนวยการ กอง ส่วนราชการหรือหน่วยงานท่เี รียกช่ืออย่าง
อ่ืนท่มี ฐี านะเทียบเทา่ กอง อาจแบง่ ส่วนราชการเปน็ งาน ส่วนราชการหรือหน่วยงานท่ีเรียกชือ่ อย่างอืน่ ท่ีมี
ฐานะเทยี บเท่างาน
มาตรา ๑๑ การจัดตง้ั การรวม และการยุบเลิกสำนกั งานวทิ ยาเขต บัณฑิตวิทยาลยั
คณะ สถาบัน สำนัก วิทยาลัย ศนู ย์ ส่วนราชการหรือหน่วยงานท่ีเรียกชือ่ อยา่ งอืน่ ทีม่ ฐี านะเทียบเท่าคณะ
ใหท้ ำเป็นกฎกระทรวง
การแบง่ สว่ นราชการเปน็ สำนักงานคณบดี สำนักงานผู้อำนวยการ และกอง สว่ นราชการ
หรือหนว่ ยงานท่ีเรยี กชอ่ื อย่างอ่ืนท่มี ฐี านะเทียบเท่ากอง ให้ทำเปน็ ประกาศกระทรวงและประกาศในราช
กจิ จานเุ บกษา
การแบง่ ส่วนราชการเปน็ งาน ส่วนราชการหรอื หน่วยงานท่เี รียกชือ่ อย่างอืน่ ทม่ี ฐี านะ
เทยี บเทา่ งาน ใหท้ ำเปน็ ประกาศมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๑๒ ภายใตว้ ัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ มหาวิทยาลัยจะรับสถาบนั การศึกษาชั้นสูง
หรือสถาบันอื่นเขา้ สมทบในมหาวิทยาลัยก็ได้ และมอี ำนาจให้ปรญิ ญา อนปุ ริญญา หรอื ประกาศนยี บตั ร
ช้ันหนงึ่ ชน้ั ใดแก่ผสู้ ำเร็จการศกึ ษาจากสถาบนั ทเ่ี ข้าสมทบนนั้ ได้
การรับเข้าสมทบหรือการยกเลิกการสมทบซง่ึ สถาบนั การศกึ ษาช้ันสูงหรือสถาบนั อืน่ ให้
เปน็ ไปตามข้อบังคับของมหาวทิ ยาลัย ให้ประกาศการรับเขา้ สมทบหรือยกเลกิ การสมทบในราชกจิ จา
นุเบกษา
การควบคุมสถาบนั การศึกษาชน้ั สูงหรือสถาบันที่เข้าสมทบในมหาวิทยาลัย ให้เปน็ ไปตาม
ข้อบังคบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๑๓ นอกจากเงินทีก่ ำหนดไวใ้ นงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยอาจมรี ายได้
ดังน้ี
(๑) เงินผลประโยชน์ ค่าธรรมเนียม ค่าปรบั และค่าบริการตา่ งๆ ของมหาวิทยาลยั
(๒) เงนิ และทรัพยส์ ินที่มผี อู้ ทุ ศิ ให้แก่มหาวิทยาลัย
(๓) รายได้หรือผลประโยชนท์ ไ่ี ด้มาจากการใช้ทร่ี าชพัสดุซง่ึ มหาวทิ ยาลยั ปกครอง ดแู ล
หรอื ใช้ประโยชน์
(๔) เงนิ อุดหนนุ จากราชการส่วนท้องถน่ิ หรือเงินอดุ หนนุ อื่นทมี่ หาวิทยาลัยได้รบั เพือ่ ใช้
ในการดำเนนิ กิจการของมหาวิทยาลยั
(๕) รายได้หรือผลประโยชนท์ ไี่ ด้จากการลงทุนและจากทรพั ยส์ ินของมหาวิทยาลยั
(๖) รายไดห้ รอื ผลประโยชนอ์ ่ืน
ให้มหาวิทยาลยั มีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาผลประโยชน์จาก
ทรพั ย์สนิ ของมหาวิทยาลยั ทั้งท่ีเป็นท่ีราชพสั ดตุ ามกฎหมายว่าดว้ ยทีร่ าชพัสดุและท่เี ป็นทรัพยส์ นิ อนื่
บรรดารายได้และผลประโยชนข์ องมหาวทิ ยาลยั รวมทงั้ ผลประโยชน์ท่ีเกิดจากทรี่ าชพสั ดุ
เบีย้ ปรบั ทเ่ี กิดจากการผดิ สญั ญาลาศึกษา และเบี้ยปรบั ทเ่ี กิดจากการผดิ สญั ญาการซอื้ ทรพั ยส์ นิ หรือจา้ ง
ทำของที่ดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณ ไมเ่ ปน็ รายได้ทต่ี ้องนำสง่ กระทรวงการคลงั ตามกฎหมายวา่ ด้วย
เงนิ คงคลงั และกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณ
มาตรา ๑๔ บรรดาอสังหารมิ ทรัพยท์ ี่มหาวิทยาลัยได้มาโดยมผี ูอ้ ทุ ิศให้ หรอื ไดม้ าโดยการ
ซอื้ หรือแลกเปลยี่ นจากรายได้ของมหาวิทยาลยั ตงั้ แตว่ นั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินีใ้ ชบ้ ังคบั ไมถ่ ือเปน็ ทรี่ าชพัสดุ
และให้เปน็ กรรมสทิ ธ์ขิ องมหาวิทยาลัย
มาตรา ๑๕ บรรดารายได้และทรัพยส์ ินของมหาวทิ ยาลัยจะต้องจดั การเพอ่ื ประโยชน์
ภายใต้วตั ถุประสงคข์ องมหาวิทยาลัยตามมาตรา ๗
เงินและทรพั ยส์ ินทมี่ ีผอู้ ทุ ิศใหแ้ ก่มหาวทิ ยาลัยจะตอ้ งจัดการตามเงอื่ นไขที่ผอู้ ทุ ศิ ให้
กำหนดไว้ และต้องเปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัย แต่ถ้ามีความจำเป็นตอ้ งเปล่ียนแปลง
เง่อื นไขดงั กล่าว มหาวิทยาลยั ตอ้ งได้รบั ความยนิ ยอมจากผอู้ ุทศิ ใหห้ รอื ทายาท หากไมม่ ีทายาทหรอื
ทายาทไม่ปรากฏ จะต้องได้รับอนุมัตจิ ากสภามหาวิทยาลยั
หมวด ๒
การดำเนินการ
มาตรา ๑๖ ใหม้ หาวทิ ยาลัยแตล่ ะแห่งมีสภามหาวทิ ยาลยั ประกอบด้วย
(๑) นายกสภามหาวิทยาลัย ซง่ึ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แตง่ ต้ัง
(๒) กรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธกิ ารบดี ประธานสภาคณาจารย์
และข้าราชการ และประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลยั
(๓) กรรมการสภามหาวทิ ยาลัยจำนวนสค่ี น ซึ่งเลอื กจากผู้ดำรงตำแหน่งรองอธกิ ารบดี
คณบดี ผ้อู ำนวยการสถาบนั ผ้อู ำนวยการสำนัก ผอู้ ำนวยการศนู ย์ หัวหนา้ สว่ นราชการหรอื หัวหนา้
หนว่ ยงานทเ่ี รยี กชือ่ อย่างอ่ืนท่ีมีฐานะเทยี บเทา่ คณะ
(๔) กรรมการสภามหาวทิ ยาลัยจำนวนสคี่ น ซึ่งเลือกจากคณาจารย์ประจำของ
มหาวทิ ยาลยั และมใิ ชผ่ ดู้ ำรงตำแหน่งตาม (๓)
(๕) กรรมการสภามหาวทิ ยาลัยผู้ทรงคุณวุฒจิ ำนวนสิบเอด็ คน ซึง่ ทรงพระกรุณาโปรด
เกลา้ ฯ แต่งต้ังจากบคุ คลภายนอกมหาวิทยาลัย โดยคำแนะนำของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการ
สภามหาวทิ ยาลยั ตาม (๒) (๓) และ (๔) ท้งั นี้ ผู้ทรงคณุ วุฒิดังกลา่ วต้องมาจากผูม้ ีความรคู้ วามเช่ยี วชาญ
ด้านการศึกษา มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎหมาย การงบประมาณและ
การเงนิ การบรหิ ารงานบคุ คล การปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน การศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม และด้านอื่นๆ
ตามทีส่ ภามหาวทิ ยาลัยเห็นสมควร ในจำนวนน้ใี ห้แตง่ ตั้งจากบุคคลในเขตพื้นท่ีบรกิ ารการศกึ ษาของ
มหาวทิ ยาลัยแตล่ ะแห่งไมน่ ้อยกวา่ กึ่งหนึ่ง
ใหส้ ภามหาวิทยาลัยแต่งตง้ั รองอธกิ ารบดีคนหน่ึง ซง่ึ มใิ ช่กรรมการสภามหาวิทยาลยั ตาม
(๓) เป็นเลขานกุ ารสภามหาวิทยาลัย โดยคำแนะนำของอธิการบดี
ให้สภามหาวทิ ยาลัยเลอื กกรรมการสภามหาวิทยาลยั ผู้ทรงคณุ วฒุ ิคนหน่ึงเปน็ อุปนายก
สภามหาวิทยาลยั ทำหนา้ ท่ีแทนนายกสภามหาวทิ ยาลัยเมอื่ นายกสภามหาวทิ ยาลัยไม่อาจปฏบิ ัตหิ น้าท่ีได้
หรือเม่อื ไมม่ ผี ดู้ ำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย
คณุ สมบัติ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารได้มาซ่ึงนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภา
มหาวิทยาลยั ตาม (๓) (๔) และ (๕) ให้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๑๗ นายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ตามมาตรา ๑๖ (๓)
(๔) และ (๕) มีวาระการดำรงตำแหนง่ คราวละสามปี
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระในวรรคหน่งึ แลว้ นายกสภามหาวิทยาลัยและ
กรรมการสภามหาวิทยาลยั ตามมาตรา ๑๖ (๓) (๔) และ (๕) พน้ จากตำแหน่งเม่ือ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ขาดคุณสมบัติของการเปน็ นายกสภามหาวทิ ยาลัยหรอื กรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ใน
ประเภทนน้ั ๆ
(๔) ถกู จำคุกโดยคำพพิ ากษาถึงท่สี ุดใหจ้ ำคุก
(๕) สภามหาวทิ ยาลยั ให้ออกเพราะมคี วามประพฤติเสอ่ื มเสยี บกพรอ่ งตอ่ หน้าท่ี หรือ
หยอ่ นความสามารถ
(๖) เปน็ บคุ คลลม้ ละลาย
(๗) เปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมอื นไร้ความสามารถ
การพน้ จากตำแหน่งตาม (๕) ตอ้ งเป็นไปตามมติสองในสามของจำนวนกรรมการสภา
มหาวทิ ยาลยั เท่าทีม่ ีอยู่
ในกรณีท่นี ายกสภามหาวทิ ยาลัย หรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามมาตรา ๑๖ (๓) (๔)
หรอื (๕) พน้ จากตำแหนง่ ก่อนครบวาระ และได้มีการดำเนนิ การให้ผ้ใู ดดำรงตำแหน่งแทนแลว้ ใหผ้ ูน้ ้ันอยู่
ในตำแหนง่ เพยี งเท่ากบั วาระทเี่ หลืออยขู่ องผู้ซ่ึงตนแทน แต่ถ้าวาระการดำรงตำแหน่งเหลืออยนู่ ้อยกวา่
เก้าสิบวนั จะไม่ดำเนนิ การใหม้ ผี ู้ดำรงตำแหน่งแทนก็ได้ ใหส้ ภามหาวทิ ยาลัยประกอบด้วยกรรมการสภา
มหาวทิ ยาลยั เทา่ ทมี่ อี ยมู่ อี ำนาจและปฏบิ ตั ิหน้าทตี่ ามมาตรา ๑๘ ตอ่ ไปได้
ในกรณีทีน่ ายกสภามหาวทิ ยาลัย หรือกรรมการสภามหาวทิ ยาลัยตามมาตรา ๑๖ (๓) (๔)
หรอื (๕) พน้ จากตำแหนง่ ตามวาระ แต่ยังมไิ ดด้ ำเนินการให้ได้มาซ่งึ นายกสภามหาวทิ ยาลัย หรอื
กรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ใหม่ ให้นายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยซงึ่ พน้ จาก
ตำแหน่งปฏบิ ตั ิหนา้ ทตี่ ่อไป จนกวา่ จะไดม้ ีนายกสภามหาวิทยาลัยหรือกรรมการสภามหาวิทยาลัยใหม่
แล้ว
ใหม้ ีการดำเนนิ การให้ไดม้ าซ่ึงนายกสภามหาวิทยาลยั หรือกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ตาม
มาตรา ๑๖ (๓) (๔) และ (๕) ภายในเกา้ สบิ วันนบั แต่วนั ทีผ่ นู้ น้ั พน้ จากตำแหนง่
มาตรา ๑๘ สภามหาวทิ ยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคมุ ดูแลกจิ การทวั่ ไปของ
มหาวิทยาลยั และโดยเฉพาะใหม้ อี ำนาจและหนา้ ท่ี ดังน้ี
(๑) กำหนดนโยบายและอนุมัตแิ ผนพัฒนาของมหาวทิ ยาลัยเก่ยี วกับการศึกษา การวิจัย
การให้บรกิ ารทางวิชาการแก่สังคม การผลิตและส่งเสรมิ วทิ ยฐานะครู การทะนบุ ำรงุ ศิลปะและวฒั นธรรม
การอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
(๒) ออกกฎ ระเบียบ ประกาศและข้อบังคับของมหาวิทยาลยั และอาจมอบใหส้ ่วน
ราชการใดในมหาวิทยาลยั เป็นผู้ออกกฎ ระเบียบ ประกาศและข้อบังคับสำหรับส่วนราชการหรอื
หนว่ ยงานนน้ั เป็นเรอ่ื งๆ กไ็ ด้
(๓) กำกับมาตรฐานการศกึ ษา การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา การเปิดสอนของ
มหาวทิ ยาลัย และติดตามประเมนิ ผลการดำเนินงานของมหาวทิ ยาลยั
(๔) อนมุ ตั ิให้ปรญิ ญา ประกาศนยี บตั รบณั ฑิตชัน้ สูง ประกาศนยี บัตรบณั ฑติ อนุปรญิ ญา
และประกาศนียบัตร
(๕) พจิ ารณาการจดั ต้ัง การรวมและการยบุ เลิกสำนกั งานวิทยาเขต บณั ฑิตวทิ ยาลัย
คณะ วทิ ยาลยั สถาบนั สำนัก ศนู ย์ ส่วนราชการหรือหน่วยงานทเี่ รยี กช่ืออยา่ งอืน่ ท่มี ฐี านะเทยี บเทา่ คณะ
รวมท้ังการแบง่ ส่วนราชการหรือหนว่ ยงานของสว่ นราชการดังกลา่ ว
(๖) อนมุ ตั ิการรับสถาบนั การศึกษาช้นั สูงหรือสถาบนั อื่นเข้าสมทบในมหาวิทยาลัยหรอื
ยกเลิกการสมทบ
(๗) พจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบหลักสูตรการศกึ ษาใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานที่
คณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนด
(๘) พิจารณาเสนอเร่ืองเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั และถอดถอนนายกสภา
มหาวิทยาลยั กรรมการสภามหาวิทยาลัยผทู้ รงคุณวุฒิ อธกิ ารบดี ศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์พิเศษ
(๙) แต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี คณบดี ผอู้ ำนวยการสถาบนั ผู้อำนวยการสำนกั
และผอู้ ำนวยการศนู ย์ หัวหน้าสว่ นราชการหรือหวั หน้าหน่วยงานที่เรยี กชอ่ื อยา่ งอ่นื ท่มี ีฐานะเทียบเทา่
คณะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ผู้ช่วย
ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ
(๑๐) แตง่ ต้ังและถอดถอนประธานกรรมการและกรรมการสง่ เสริมกจิ การมหาวิทยาลยั
(๑๑) อนมุ ตั ิงบประมาณรายจ่ายจากเงนิ รายไดข้ องมหาวทิ ยาลัย
(๑๒) ออกระเบยี บและขอ้ บังคับต่างๆ เกยี่ วกบั การบรหิ ารการเงิน การจดั หารายได้และ
ผลประโยชนจ์ ากทรพั ยส์ นิ ของมหาวทิ ยาลยั ท้งั น้ี โดยไม่ขดั หรือแยง้ กบั กฎหมายหรอื มติคณะรัฐมนตรีท่ี
เกี่ยวขอ้ ง
(๑๓) พจิ ารณาดำเนนิ การเกีย่ วกบั การบริหารงานบุคคลของมหาวิทยาลัยตามกฎหมาย
ว่าดว้ ยระเบียบขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบันอุดมศกึ ษา และตามทีค่ ณะกรรมการข้าราชการพลเรือนใน
สถาบนั อุดมศึกษามอบหมาย
(๑๔) แตง่ ตัง้ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือบุคคลหนึง่ บคุ คลใดเพ่ือพจิ ารณาและ
เสนอความเหน็ ในเรอ่ื งหน่งึ เร่ืองใด หรอื มอบหมายให้ปฏบิ ตั ิการอย่างหนึ่งอย่างใดอันอยู่ในอำนาจและ
หนา้ ที่ของสภามหาวทิ ยาลัย
(๑๕) พิจารณาและให้ความเหน็ ชอบในเร่ืองที่เกี่ยวกบั กจิ การของมหาวทิ ยาลัยตามท่ี
อธกิ ารบดีหรอื สภาวชิ าการเสนอ และอาจมอบหมายใหอ้ ธิการบดีหรอื สภาวิชาการปฏิบตั กิ ารอยา่ งหนึ่ง
อยา่ งใดอันอยู่ในอำนาจและหน้าทขี่ องสภามหาวทิ ยาลัยได้
(๑๖) ส่งเสริม สนบั สนนุ และแสวงหาวิธกี ารเพอ่ื พัฒนาความกา้ วหน้าของมหาวทิ ยาลยั
ตลอดจนการปฏบิ ัติภารกิจร่วมกันกบั สถาบันอนื่
(๑๗) ปฏบิ ตั หิ น้าที่อ่ืนเก่ยี วกับกจิ การของมหาวิทยาลยั ท่ีมไิ ด้ระบใุ ห้เปน็ หน้าที่ของผู้ใด
โดยเฉพาะ
มาตรา ๑๙ การประชมุ สภามหาวทิ ยาลัยให้เป็นไปตามข้อบังคบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๒๐ ใหม้ หาวิทยาลยั แต่ละแห่งมีสภาวชิ าการ ประกอบด้วย
(๑) ประธานสภาวชิ าการ ไดแ้ ก่ อธกิ ารบดี
(๒) กรรมการสภาวิชาการท่คี ณาจารย์ประจำเลอื กจากผู้บรหิ ารหรือคณาจารย์ประจำ
คณะคณะละหน่งึ คน
(๓) กรรมการสภาวิชาการซึ่งแต่งต้ังจากผู้ทรงคณุ วุฒิจากบุคคลภายนอกมีจำนวนเทา่ กับ
บคุ คลตาม (๒)
คณุ สมบตั ิ หลักเกณฑ์ และวิธกี ารเลือกกรรมการสภาวิชาการตาม (๒) และ (๓) ตลอดจน
การประชมุ และการดำเนนิ งานของสภาวิชาการ ให้เปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวิทยาลัย
ใหส้ ภาวิชาการแต่งตง้ั รองอธิการบดคี นหนึ่งเปน็ กรรมการและเลขานุการสภาวชิ าการโดย
คำแนะนำของอธิการบดี
มาตรา ๒๑ กรรมการสภาวิชาการมีวาระอย่ใู นตำแหนง่ คราวละสองปี และอาจได้รบั
แตง่ ตั้งใหมอ่ กี ได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมไิ ด้
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระในวรรคหนึง่ แลว้ กรรมการสภาวชิ าการพ้นจาก
ตำแหน่งเมือ่
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) ขาดคณุ สมบตั ิของการเป็นประธานสภาวชิ าการหรือกรรมการสภาวิชาการ
(๔) ถกู จำคุกโดยคำพิพากษาถึงทส่ี ุดให้จำคุก
(๕) เป็นบคุ คลล้มละลาย
(๖) เปน็ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ในกรณีทีก่ รรมการสภาวชิ าการพน้ จากตำแหนง่ ก่อนครบวาระและได้มีการดำเนินการให้
ผู้ใดดำรงตำแหน่งแทนแลว้ ใหผ้ นู้ ้ันอยู่ในตำแหนง่ เพียงเท่ากบั วาระที่เหลอื อยขู่ องผู้ซง่ึ ตนแทน แต่ถา้ วาระ
การดำรงตำแหน่งเหลอื อยู่น้อยกวา่ เกา้ สิบวัน จะไม่ดำเนนิ การเพอื่ ใหม้ ผี ้ดู ำรงตำแหนง่ แทนกไ็ ด้ ใหส้ ภา
วิชาการประกอบดว้ ยกรรมการสภาวิชาการเท่าที่มีอย่มู อี ำนาจและปฏิบัติหน้าทต่ี ามมาตรา ๒๒ ต่อไปได้
ในกรณที ่ีกรรมการสภาวิชาการพน้ จากตำแหนง่ ตามวาระ แต่ยงั มิได้ดำเนนิ การให้ได้มาซึ่ง
กรรมการสภาวิชาการใหม่ ให้กรรมการสภาวชิ าการซึง่ พน้ จากตำแหนง่ ปฏิบัติหน้าทต่ี อ่ ไปจนกว่าจะไดม้ ี
การแต่งตัง้ กรรมการสภาวิชาการขึน้ ใหม่แล้ว
มาตรา ๒๒ สภาวิชาการมีอำนาจและหน้าที่ ดังน้ี
(๑) พิจารณาเสนอวิสัยทัศน์ กำหนดนโยบายวิชาการ และหลกั สูตรการเรยี นการสอน
และการวัดผลประเมินผลการศกึ ษาให้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์และภาระหน้าท่ีของมหาวทิ ยาลัย
(๒) พิจารณาเสนอดำเนนิ การเกย่ี วกบั การวิจัยการสอน การประเมินผลการสอนและการ
ประกันคุณภาพการศกึ ษา
(๓) พจิ ารณาเสนอการใหป้ ริญญา ประกาศนียบัตรบัณฑติ ช้นั สูง ประกาศนยี บตั รบัณฑิต
อนุปริญญา และประกาศนียบัตร
(๔) พจิ ารณาเสนอการจดั ต้ัง ยุบรวม และการยบุ เลิกคณะ สถาบนั สำนกั ศูนย์ สว่ น
ราชการหรอื หน่วยงานทเี่ รียกช่อื อย่างอืน่ ท่มี ฐี านะเทยี บเท่าคณะ รวมทั้งการเสนอแบ่งสว่ นราชการหรือ
สว่ นงานในหนว่ ยงานดงั กลา่ ว
(๕) พิจารณาเสนอการรบั สถาบันวชิ าการช้ันสูงหรือสถาบันวจิ ัยอนื่ เขา้ สมทบใน
มหาวิทยาลัย
(๖) พจิ ารณาให้ความเห็นเกี่ยวกบั การแต่งต้ังและถอดถอนศาสตราจารย์ รอง
ศาสตราจารยแ์ ละผชู้ ่วยศาสตราจารย์
(๗) พิจารณาใหค้ วามเหน็ เกี่ยวกับการแตง่ ต้ังและถอดถอนศาสตราจารยพ์ ิเศษ
ศาสตราจารย์เกียรตคิ ณุ รองศาสตราจารย์พเิ ศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ และอาจารยพ์ ิเศษ
(๘) แสวงหาวิธีการที่จะทำใหก้ ารศึกษา การวิจัย การบรกิ ารทางวิชาการแกส่ ังคม การ
ปรับปรุง การถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี การทะนุบำรงุ ศลิ ปะและวฒั นธรรม การพัฒนาท้องถนิ่ การ
ผลิตและส่งเสริมวทิ ยฐานะครู การอนรุ กั ษส์ ิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติใหเ้ จริญย่ิงขึ้น
(๙) เสนอแนะแนวทางการประสานงาน การระดมสรรพกำลังเพอ่ื การพฒั นาท้องถนิ่ การ
ทำข้อตกลงระหว่างมหาวทิ ยาลัยในความร่วมมือทางวิชาการ ประสานการใชบ้ คุ ลากร ทรพั ยากรและ
ความชำนาญร่วมกนั ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของมหาวิทยาลยั เพ่ือการพฒั นาทอ้ งถ่นิ
(๑๐) พจิ ารณาให้ความเหน็ ตอ่ สภามหาวิทยาลยั เก่ยี วกบั การงานด้านวชิ าการของ
มหาวทิ ยาลัย
(๑๑) เสนอความเหน็ เก่ียวกบั การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลงานด้านวิชาการของ
มหาวทิ ยาลัย
(๑๒) ใหค้ ำปรกึ ษาแก่อธิการบดีและปฏบิ ตั ิหน้าที่อนื่ ตามทส่ี ภามหาวทิ ยาลยั หรือ
อธิการบดีมอบหมาย
(๑๓) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรอื บุคคลหนง่ึ บคุ คลใดเพ่อื กระทำการ
ใดๆ อันอยใู่ นอำนาจและหนา้ ทขี่ องสภาวชิ าการ
มาตรา ๒๓ ให้มหาวิทยาลัยแตล่ ะแห่งมสี ภาคณาจารยแ์ ละขา้ ราชการ ประกอบดว้ ย
ประธานสภาและกรรมการสภาซ่งึ เลือกจากคณาจารย์ประจำ และข้าราชการของมหาวิทยาลยั
องค์ประกอบ จำนวน คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์และวิธกี ารได้มา วาระการดำรงตำแหนง่ และ
การพน้ จากตำแหน่งของประธานสภาและกรรมการสภาตามวรรคหนึ่ง ตลอดจนการประชมุ ของสภา
คณาจารยแ์ ละข้าราชการและการเรียกประชมุ คณาจารย์และข้าราชการ ให้เปน็ ไปตามข้อบังคบั ของ
มหาวิทยาลัย
มาตรา ๒๔ สภาคณาจารยแ์ ละข้าราชการมีหนา้ ที่ ดังนี้
(๑) ใหค้ ำปรึกษาและขอ้ เสนอแนะในกิจการของมหาวิทยาลยั และการพฒั นา
มหาวิทยาลัยตอ่ อธิการบดหี รอื สภามหาวทิ ยาลยั
(๒) แสวงหาแนวทางรว่ มกันเพื่อสง่ เสรมิ พัฒนาศักยภาพของคณาจารยแ์ ละข้าราชการใน
การปฏบิ ตั ิหน้าทีต่ ามจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพ
(๓) พทิ ักษ์ผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและปฏิบัติหนา้ ทีอ่ ืน่ ตามท่อี ธิการบดี หรอื สภา
มหาวทิ ยาลยั มอบหมาย
(๔) เรียกประชุมคณาจารย์และข้าราชการเพอ่ื พจิ ารณากจิ กรรมของมหาวิทยาลยั และ
นำเสนอความคดิ เหน็ ต่อสภามหาวิทยาลยั
การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของสภาคณาจารย์และขา้ ราชการถอื เป็นการปฏบิ ัตหิ นา้ ทร่ี าชการและ
การดำเนนิ การใดๆ ในการปฏิบัติหน้าทโี่ ดยชอบยอ่ มได้รบั ความคุม้ ครองและไม่เปน็ เหตุในการดำเนินการ
ทางวนิ ัย
มาตรา ๒๕ ให้มหาวทิ ยาลัยแตล่ ะแห่งมีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลยั คณะ
หน่ึงประกอบด้วยประธานกรรมการ ประธานสภานักศึกษา นายกองค์การนกั ศกึ ษา และกรรมการ
ผ้ทู รงคณุ วฒุ จิ ำนวนหนึ่งซึ่งสภามหาวทิ ยาลัยแต่งตัง้ จากผู้มีความรู้ความเช่ียวชาญด้านการศึกษา
มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กฎหมาย การงบประมาณและการเงิน การ
บรหิ ารงานบคุ คล การปกครองส่วนท้องถิ่น การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และด้านอ่ืนๆ ตามท่สี ภา
มหาวิทยาลยั เห็นสมควร ในจำนวนนใี้ ห้แต่งตั้งจากบุคคลในเขตพนื้ ทบี่ ริการการศึกษาของมหาวิทยาลยั
แตล่ ะแหง่ ไม่นอ้ ยกวา่ กึ่งหน่ึง
องคป์ ระกอบ จำนวน คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์และวิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและ
การพน้ จากตำแหน่งของกรรมการ ตลอดจนการประชุม วธิ กี ารดำเนินงานของคณะกรรมการ ใหเ้ ปน็ ไป
ตามข้อบงั คบั ของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๒๖ คณะกรรมการสง่ เสริมกิจการมหาวิทยาลัยมหี น้าที่ ดังน้ี
(๑) สง่ เสริม สนบั สนุน ให้คำปรกึ ษาและข้อเสนอแนะแกม่ หาวทิ ยาลยั เพ่อื พฒั นาแนว
ทางการดำเนินงานของมหาวิทยาลยั
(๒) เสนอความเห็นเกย่ี วกับนโยบายและแผนพฒั นาการจัดการอดุ มศึกษาเพือ่ การพัฒนา
ท้องถ่นิ
(๓) สง่ เสรมิ ใหม้ ีทุนการศึกษาแก่นกั ศกึ ษาทขี่ าดแคลนทุนทรพั ย์ใหม้ ีโอกาสศกึ ษาให้
มหาวิทยาลัยอันเป็นการสนับสนนุ ความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษา
(๔) สง่ เสรมิ สนับสนุนการสร้างสมั พนั ธภาพและการเรียนรรู้ ะหว่างมหาวทิ ยาลัยกับ
ประชาชน
มาตรา ๒๗ ใหม้ อี ธกิ ารบดคี นหน่ึงเป็นผู้บงั คับบญั ชาสงู สดุ และรับผิดชอบการบริหารงาน
ของมหาวิทยาลยั แต่ละแห่งและจะให้มรี องอธิการบดหี รือผู้ช่วยอธิการบดี หรือจะมที ้ังรองอธกิ ารบดีและ
ผชู้ ว่ ยอธิการบดีตามจำนวนที่สภามหาวทิ ยาลยั แตล่ ะแหง่ กำหนด เพือ่ ทำหน้าท่ีและรบั ผิดชอบในการ
ปฏบิ ตั ิงานตามทีอ่ ธกิ ารบดีมอบหมายก็ได้
มาตรา ๒๘ อธกิ ารบดีนนั้ จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แตง่ ตัง้ โดยคำแนะนำของสภา
มหาวทิ ยาลยั จากผูม้ ีคุณสมบัตติ ามมาตรา ๒๙
หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา และคณุ สมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ใหเ้ ป็นไปตาม
ขอ้ บงั คับของมหาวทิ ยาลยั โดยกระบวนการสรรหาซ่งึ ตอ้ งคำนึงถงึ หลกั เกณฑด์ ังตอ่ ไปนี้
(๑) เปน็ ผมู้ ีความรู้ ความชำนาญ และคณุ สมบตั เิ หมาะสมกับวัตถุประสงค์และ
ภาระหน้าทข่ี องมหาวทิ ยาลัย และเปน็ ท่ียอมรบั นบั ถือของบุคลากรของมหาวทิ ยาลัยและบุคคลในท้องถิ่น
ท่มี สี ่วนเก่ียวขอ้ งกับกจิ การของมหาวิทยาลัย
(๒) กระบวนการสรรหาจะตอ้ งเนน้ เรือ่ งการมสี ่วนร่วมของบคุ ลากรของมหาวทิ ยาลยั และ
บุคคลในท้องถ่ินท่ีมสี ว่ นเกีย่ วขอ้ งกบั กจิ การของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๒๙ อธกิ ารบดตี อ้ งสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกวา่ ปรญิ ญาตรีหรอื เทียบเทา่ จาก
มหาวทิ ยาลัยหรือสถาบนั อุดมศกึ ษาอนื่ ทีส่ ภามหาวิทยาลยั รับรอง และไดท้ ำการสอนหรือมีประสบการณ์
ดา้ นการบริหารมาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปีในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอดุ มศกึ ษาอนื่ ที่สภามหาวทิ ยาลยั
รบั รอง หรือเคยดำรงตำแหนง่ กรรมการสภามหาวิทยาลยั หรอื สภาสถาบนั อุดมศึกษาอนื่ ที่สภา
มหาวิทยาลัยรบั รอง หรอื ดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหนง่ ศาสตราจารย์ รวมทั้งมีคณุ สมบัติอืน่ และไม่
มีลกั ษณะตอ้ งห้ามตามท่กี ำหนดในขอ้ บังคบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๓๐ อธกิ ารบดมี ีวาระการดำรงตำแหนง่ คราวละสี่ปี และจะทรงพระกรณุ าโปรด
เกลา้ ฯ แต่งตั้งใหม่อีกได้ แต่จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระตดิ ต่อกนั มิได้
นอกจากการพน้ จากตำแหน่งตามวรรคหน่ึง อธกิ ารบดีพน้ จากตำแหนง่ เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สภามหาวิทยาลัยใหอ้ อกเพราะมีความประพฤตเิ สื่อมเสีย หรอื บกพร่องต่อหนา้ ท่ีหรือ
หยอ่ นความสามารถ
(๔) ถูกลงโทษทางวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง หรือถกู สงั่ ใหอ้ อกจากราชการเพราะเหตมุ มี ลทนิ
หรือมวั หมองในกรณที ี่ถูกสอบสวนทางวินัยอย่างรา้ ยแรง
(๕) ถกู จำคกุ โดยคำพิพากษาถึงทส่ี ุดให้จำคุก
(๖) เปน็ บุคคลลม้ ละลาย
(๗) เปน็ คนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ
การให้ออกจากตำแหน่งตาม (๓) ต้องมีคะแนนเสียงลงมติไมน่ อ้ ยกวา่ สองในสามของ
จำนวนกรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ทั้งหมดเท่าที่มอี ยู่
มาตรา ๓๑ อธิการบดีมีอำนาจและหน้าที่ ดังน้ี
(๑) บริหารกจิ การของมหาวิทยาลัยใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ และ
ขอ้ บงั คบั ของทางราชการและของมหาวิทยาลยั ท้ังนี้ ใหส้ อดคล้องกับนโยบายและวตั ถปุ ระสงคข์ อง
มหาวทิ ยาลยั
(๒) ควบคุมดแู ลบุคลากร การเงิน การพัสดุ สถานทแี่ ละทรัพยส์ ินอื่นของมหาวิทยาลยั ให้
เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ และข้อบงั คับของทางราชการและของมหาวิทยาลยั
(๓) จดั ทำแผนพฒั นามหาวิทยาลยั และปฏิบตั ติ ามนโยบายและแผนงาน รวมทั้งตดิ ตาม
ประเมินผลการดำเนินงานดา้ นต่างๆ ของมหาวทิ ยาลัย
(๔) รักษาระเบียบวินัย จรรยาบรรณ และมารยาทแหง่ วิชาชีพของข้าราชการพลเรือนใน
มหาวทิ ยาลัย
(๕) เปน็ ผู้แทนมหาวทิ ยาลยั ในกิจการทวั่ ไป
(๖) เสนอรายงานประจำปีเก่ียวกับกิจการดา้ นต่างๆ ของมหาวิทยาลยั ต่อสภา
มหาวทิ ยาลยั
(๗) แต่งตั้งและถอดถอนผ้ชู ่วยอธกิ ารบดี รองคณบดี รองผ้อู ำนวยการสถาบนั รอง
ผอู้ ำนวยการสำนัก รองผ้อู ำนวยการศนู ย์ รองหัวหน้าสว่ นราชการหรอื รองหวั หนา้ หนว่ ยงานที่เรียกช่อื
อย่างอ่นื ทม่ี ฐี านะเทียบเท่าคณะ และอาจารย์พิเศษ
(๘) ส่งเสริมและสนบั สนนุ การดำเนินงานของสภาวิชาการ สภาคณาจารย์และข้าราชการ
รวมท้งั ส่งเสริมกิจการนักศึกษา
(๙) ปฏิบัตหิ น้าทีอ่ น่ื ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศและข้อบงั คับของมหาวทิ ยาลัย
หรอื ตามทสี่ ภามหาวทิ ยาลัยมอบหมาย
มาตรา ๓๒ ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งรองอธิการบดีโดยคำแนะนำของอธกิ ารบดีจากผู้มี
คุณสมบัตติ ามมาตรา ๒๙
อธกิ ารบดอี าจแต่งตั้งผชู้ ว่ ยอธิการบดจี ากขา้ ราชการพลเรือนในมหาวทิ ยาลยั ซึง่ สำเร็จ
การศึกษาไมต่ ่ำกว่าปริญญาตรหี รือเทยี บเท่าจากมหาวิทยาลัยหรอื สถาบนั อุดมศึกษาอ่ืนท่สี ภา
มหาวทิ ยาลัยรบั รอง และได้ทำการสอนหรือมปี ระสบการณ์ด้านการบริหารมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ สามปใี น
มหาวิทยาลยั หรือสถาบนั อดุ มศกึ ษาอน่ื ที่สภามหาวิทยาลัยรบั รอง และให้อธกิ ารบดีมอี ำนาจถอดถอน
ผ้ชู ่วยอธกิ ารบดไี ด้
เมอ่ื อธิการบดพี ้นจากตำแหน่ง ให้รองอธกิ ารบดแี ละผชู้ ว่ ยอธิการบดพี ้นจากตำแหน่งดว้ ย
มาตรา ๓๓ ในกรณที ผี่ ู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีไม่อยูห่ รือไมอ่ าจปฏิบัติราชการได้ ให้รอง
อธกิ ารบดเี ปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน ถ้ามีรองอธกิ ารบดีหลายคน ให้รองอธิการบดซี ่งึ อธิการบดมี อบหมาย
เป็นผรู้ ักษาราชการแทน ถ้าอธกิ ารบดมี ิไดม้ อบหมาย ให้รองอธกิ ารบดีซึง่ มีอาวุโสสูงสดุ เป็นผรู้ ักษา
ราชการแทน
ในกรณีที่ไมม่ ีผูร้ ักษาราชการแทนอธกิ ารบดตี ามความในวรรคหน่งึ หรือมแี ต่ไมอ่ าจปฏิบัติ
ราชการได้ หรอื ไม่มีผู้ดำรงตำแหนง่ อธิการบดี ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งต้งั ผ้มู ีคณุ สมบตั ิตามมาตรา ๒๙
คนหน่ึงเป็นผ้รู กั ษาราชการแทนอธิการบดแี ต่ตอ้ งไม่เกินหน่งึ รอ้ ยแปดสบิ วัน
มาตรา ๓๔ ในวิทยาเขตหน่งึ ให้มสี ำนักงานวิทยาเขต โดยมรี องอธกิ ารบดีคนหนึง่ เปน็
ผูบ้ งั คับบญั ชา มีหน้าทีร่ ับผดิ ชอบการบรหิ ารงานของวทิ ยาเขตนัน้ แทนอธิการบดีตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
และจะให้มผี ชู้ ว่ ยอธกิ ารบดีตามจำนวนทส่ี ภามหาวิทยาลยั กำหนด เพอ่ื ทำหน้าทแี่ ละรบั ผดิ ชอบตามท่ี
อธิการบดมี อบหมายกไ็ ด้
มาตรา ๓๕ ในบัณฑิตวิทยาลยั ให้มีคณบดเี ป็นผ้บู ังคับบญั ชาและรบั ผิดชอบงานของ
บัณฑิตวทิ ยาลยั และจะใหม้ ีรองคณบดีตามจำนวนทส่ี ภามหาวิทยาลัยกำหนด เพือ่ ทำหนา้ ทแ่ี ละ
รบั ผิดชอบตามทค่ี ณบดีมอบหมายกไ็ ด้
มาตรา ๓๖ ในคณะหรือวทิ ยาลยั ใหม้ ีคณบดีเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาและรบั ผดิ ชอบงานและ
จะใหม้ รี องคณบดีตามจำนวนท่สี ภามหาวิทยาลัยกำหนด เพอ่ื ทำหน้าทแ่ี ละรับผิดชอบตามทค่ี ณบดี
มอบหมายก็ได้
มาตรา ๓๗ ให้สภามหาวิทยาลยั แต่งตั้งคณบดีจากผู้สำเรจ็ การศึกษาไมต่ ่ำกวา่ ปรญิ ญาตรี
หรอื เทยี บเท่าจากมหาวิทยาลัย หรอื สถาบันอดุ มศกึ ษาอน่ื ท่สี ภามหาวิทยาลยั รบั รอง และได้ทำการสอน
หรอื มปี ระสบการณด์ ้านการบริหารมาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ สามปีในมหาวทิ ยาลัย หรือสถาบนั อดุ มศึกษาอืน่ ท่ี
มหาวิทยาลยั รับรอง
ให้อธิการบดีแต่งตั้งรองคณบดีโดยคำแนะนำของคณบดีจากผ้มู คี ณุ สมบตั เิ ช่นเดียวกบั
คณบดี และให้อธิการบดมี อี ำนาจถอดถอนรองคณบดโี ดยคำแนะนำของคณบดี
มาตรา ๓๘ คณบดมี ีวาระการดำรงตำแหนง่ คราวละสป่ี แี ละอาจได้รบั แต่งตั้งใหม่อกี ได้
แตจ่ ะดำรงตำแหน่งเกนิ สองวาระตดิ ตอ่ กันมิได้ และให้นำความในมาตรา ๓๐ วรรคสองและวรรคสาม มา
ใช้บังคบั แก่การพน้ จากตำแหน่งกอ่ นครบวาระของคณบดโี ดยอนุโลม
เมือ่ คณบดีพ้นจากตำแหน่ง ใหร้ องคณบดพี ้นจากตำแหน่งด้วย
มาตรา ๓๙ การติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลงานในตำแหน่งคณบดี ใหเ้ ปน็ ไปตาม
ขอ้ บงั คับของมหาวิทยาลัย และใหน้ ำบทบญั ญตั ิในหมวด ๔ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม
มาตรา ๔๐ ในกรณที ผี่ ูด้ ำรงตำแหน่งคณบดีไม่อยู่ หรอื ไมอ่ าจปฏบิ ัตริ าชการได้ หรอื ไมม่ ี
ผ้ดู ำรงตำแหน่งคณบดี ให้อธกิ ารบดีแต่งตง้ั ผู้มคี ณุ สมบัตติ ามมาตรา ๓๗ วรรคหนึง่ เป็นผู้รักษาราชการ
แทนคณบดแี ตต่ อ้ งไมเ่ กนิ หน่ึงรอ้ ยแปดสบิ วัน
มาตรา ๔๑ ในสถาบนั สำนกั และศูนย์ สว่ นราชการหรือหน่วยงานท่เี รียกช่อื อยา่ งอ่ืนทม่ี ี
ฐานะเทยี บเท่าคณะ ให้มผี อู้ ำนวยการ หวั หนา้ สว่ นราชการหรอื หัวหน้าหนว่ ยงานคนหนึ่ง เป็น
ผบู้ งั คบั บัญชารับผิดชอบงานของส่วนราชการหรือหน่วยงานนน้ั และจะใหม้ รี องผู้อำนวยการ รองหัวหนา้
สว่ นราชการหรอื รองหวั หนา้ หนว่ ยงานนนั้ ๆ คนหน่ึง หรือหลายคน เพ่ือชว่ ยปฏบิ ัติงานตามทผี่ ู้อำนวยการ
หัวหน้าสว่ นราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานนนั้ มอบหมายก็ได้
ใหส้ ่วนราชการตามมาตรา ๓๔ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๖ และส่วนราชการหรือ
หน่วยงานตามวรรคหน่ึงมคี ณะกรรมการประจำส่วนราชการนั้นคณะหนึง่ องคป์ ระกอบ จำนวน
คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารได้มา อำนาจและหนา้ ที่ วาระการดำรงตำแหนง่ และการพน้ จาก
ตำแหน่งของกรรมการ ตลอดจนการประชุมของคณะกรรมการประจำสว่ นราชการและการจดั ระบบ
บรหิ ารงานในส่วนราชการดังกล่าว ให้เปน็ ไปตามขอ้ บงั คับของมหาวิทยาลยั ทั้งน้ี จะตอ้ งมกี รรมการที่
เป็นผู้ทรงคณุ วุฒิซ่งึ แต่งตั้งจากบคุ คลภายนอกมหาวิทยาลัยจำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ หนึ่งในสาม
มาตรา ๔๒ ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี คณบดี ผอู้ ำนวยการ หัวหน้าสว่ นราชการ หรือ
หัวหน้าหนว่ ยงานท่ีเรียกชอ่ื อย่างอืน่ ทม่ี ีฐานะเทยี บเทา่ คณะ รวมทั้งผดู้ ำรงตำแหนง่ รองและผ้ชู ว่ ยของ
ตำแหน่งดังกล่าว ตอ้ งสามารถปฏิบตั หิ น้าที่ไดเ้ ตม็ เวลา และจะดำรงตำแหนง่ ดังกล่าวเกินหนึ่งตำแหน่งใน
ขณะเดียวกันมิได้
ผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนงึ่ จะรกั ษาราชการแทนตำแหน่งอนื่ อกี หน่งึ ตำแหนง่ ก็ได้แต่
ต้องไมเ่ กนิ หนง่ึ รอ้ ยแปดสบิ วัน
มาตรา ๔๓ ให้มกี ารสรรหาบุคคลเพื่อแต่งต้ังเป็นคณบดี ผอู้ ำนวยการ หวั หน้าสว่ น
ราชการหรอื หัวหนา้ หนว่ ยงานท่เี รยี กชอ่ื อยา่ งอน่ื ทีม่ ีฐานะเทียบเทา่ คณะ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทกี่ ำหนดในขอ้ บังคบั ของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๔๔ เพ่ือประโยชนใ์ นการบรหิ ารราชการในสำนักงาน บัณฑติ วิทยาลัย คณะ
สถาบัน สำนกั วทิ ยาลัย ศูนย์ ส่วนราชการหรือหน่วยงานทเ่ี รยี กชอื่ อย่างอ่นื ท่ีมีฐานะเทยี บเทา่ คณะ
อำนาจในการส่งั การอนุญาต การอนุมตั ิ การปฏบิ ตั ิการ หรอื การดำเนินการอ่นื ใดที่อธิการบดีจะพึงปฏบิ ตั ิ
หรอื ดำเนนิ การตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ ขอ้ บังคับ คำสั่ง หรือมติคณะรฐั มนตรใี นเร่ืองใด ถา้
กฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ขอ้ บงั คบั คำสั่ง หรอื มติคณะรฐั มนตรใี นเร่ืองนั้นมไิ ด้กำหนดเร่อื งการ
มอบอำนาจไวเ้ ป็นอย่างอ่ืนหรือมิไดห้ า้ มเร่ืองการมอบอำนาจไว้ อธิการบดจี ะมอบอำนาจโดยทำเป็น
หนงั สอื ให้ผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี ผ้อู ำนวยการ หัวหนา้ ส่วนราชการหรอื หวั หน้าหนว่ ยงานที่เรียกชอ่ื อยา่ ง
อืน่ ทม่ี ฐี านะเทยี บเท่าคณะปฏิบัตริ าชการแทนอธิการบดีเฉพาะในราชการของสว่ นราชการนนั้ กไ็ ด้
ใหผ้ ปู้ ฏบิ ัติราชการแทนตามวรรคหน่งึ มอี ำนาจและหน้าทีต่ ามท่ีอธิการบดกี ำหนด
มาตรา ๔๕ ให้ผ้รู กั ษาราชการแทนตามทีบ่ ญั ญัติไว้ในพระราชบัญญตั ิน้ีมีอำนาจและ
หนา้ ที่เช่นเดียวกับผูซ้ ่งึ ตนแทน
ในกรณที กี่ ฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ ข้อบงั คับ คำส่ัง หรอื มติคณะรฐั มนตรแี ต่งตั้งให้
ผ้ดู ำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือใหม้ ีอำนาจและหน้าทอ่ี ย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนทำหนา้ ที่
กรรมการหรือมีอำนาจและหน้าที่เชน่ เดยี วกับผู้ดำรงตำแหน่งนนั้ ในระหวา่ งทร่ี กั ษาราชการแทนด้วย
หมวด ๓
การประสานงานและระดมสรรพกำลังเพ่ือการพัฒนาทอ้ งถิน่
มาตรา ๔๖ เพ่อื ประโยชนใ์ นการประสานงานและระดมสรรพกำลังเพอื่ พฒั นาการ
อุดมศกึ ษาในทอ้ งถน่ิ ของมหาวิทยาลยั ให้มีหนว่ ยงานประสานงานและระดมสรรพกำลงั ทางการศึกษาใน
แตล่ ะมหาวิทยาลยั เพื่อทำข้อตกลงระหว่างมหาวทิ ยาลยั ในความร่วมมือทางวิชาการ ประสานการใช้
บุคลากร ทรัพยากรและความชำนาญร่วมกันในการปฏบิ ตั ิตามภารกจิ ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๔๗ เพอ่ื ให้การดำเนนิ การเปน็ ไปตามมาตรา ๔๖ ใหค้ ณะกรรมการการ
อดุ มศึกษาจดั ให้มีการทำขอ้ ตกลงระหว่างมหาวทิ ยาลัย โดยมีคณะกรรมการร่วมกนั จากทุกมหาวทิ ยาลยั
ใหค้ ณะกรรมการรว่ มกนั จากทุกมหาวทิ ยาลัยมีหน้าท่ี ดงั น้ี
(๑) จัดให้มกี ารศกึ ษาแนวทางในการพัฒนาและสง่ เสริมการปฏิบัติหนา้ ท่ขี อง
มหาวิทยาลัยเพอ่ื การพฒั นาทอ้ งถ่ิน
(๒) เสนอนโยบายและแผนพฒั นาการจัดการอุดมศกึ ษาเพือ่ การพัฒนาท้องถน่ิ ตอ่ สภา
มหาวทิ ยาลยั แต่ละแหง่
(๓) สนับสนุนการผนกึ กำลงั เพ่อื สง่ เสริมการปฏิบัตติ ามวตั ถปุ ระสงค์ และภาระหน้าทีข่ อง
มหาวทิ ยาลยั เพ่ือการพัฒนาท้องถิ่น
องค์ประกอบ จำนวน คณุ สมบัติ หลกั เกณฑ์และวธิ กี ารได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง และ
การพน้ จากตำแหน่งของกรรมการ ตลอดจนการประชมุ วธิ ีการดำเนนิ งานของคณะกรรมการร่วมกันจาก
ทุกมหาวิทยาลยั ใหเ้ ป็นไปตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา
มาตรา ๔๘ เพื่อประโยชนใ์ นการส่งเสรมิ และสนับสนุนการวิจยั เพ่ือการพัฒนาท้องถ่นิ ให้
คณะกรรมการร่วมกันจากทุกมหาวทิ ยาลยั ประสานความรว่ มมอื ในการวจิ ัย การแลกเปล่ียนความรู้การ
สรา้ งสรรค์ภูมิปญั ญาในการแกไ้ ขปญั หาและการพัฒนาท้องถ่นิ
หมวด ๔
การตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผล
มาตรา ๔๙ ใหม้ ีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลงานของมหาวทิ ยาลยั
ประกอบด้วยประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ จิ ากบคุ คลภายนอกซงึ่ นายกสภามหาวิทยาลัย
แตง่ ต้ังโดยความเห็นชอบของสภามหาวทิ ยาลัย
องคป์ ระกอบ จำนวน คุณสมบตั ิ หลกั เกณฑ์และวิธกี ารได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การ
พน้ จากตำแหน่ง ตลอดจนวิธกี ารดำเนนิ งานของคณะกรรมการ ให้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ของมหาวิทยาลยั
มาตรา ๕๐ ให้คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยมี
อำนาจและหน้าท่ี ในการตรวจสอบ ตดิ ตามและประเมนิ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลการใช้จ่าย
งบประมาณการจัดการศกึ ษา การวจิ ยั ดังน้ี
(๑) ตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลยั และของอธกิ ารบดีโดยรับ
ฟังความคดิ เหน็ อยา่ งกว้างขวางเก่ียวกบั การปฏิบตั ิหนา้ ทีข่ องมหาวทิ ยาลัยและของอธิการบดี
ประกอบการประเมนิ ผลงาน
(๒) รายงานผลการตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยและของ
อธิการบดีพรอ้ มความเห็นตอ่ สภามหาวทิ ยาลยั ทกุ ปี
หมวด ๕
ตำแหนง่ ทางวิชาการ
มาตรา ๕๑ คณาจารยป์ ระจำในมหาวิทยาลัยมีตำแหนง่ ทางวชิ าการ ดังนี้
(๑) ศาสตราจารย์
(๒) รองศาสตราจารย์
(๓) ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์
(๔) อาจารย์
ศาสตราจารย์นั้น จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดยคำแนะนำของสภา
มหาวทิ ยาลัย
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการแต่งต้งั และถอดถอนคณาจารยป์ ระจำตามวรรคหน่ึง ให้
เป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยระเบียบข้าราชการพลเรอื นในสถาบนั อุดมศึกษา
มาตรา ๕๒ คณาจารย์พิเศษมีตำแหน่งทางวชิ าการ ดังนี้
(๑) ศาสตราจารย์พิเศษ
(๒) รองศาสตราจารย์พิเศษ
(๓) ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์พเิ ศษ
(๔) อาจารยพ์ ิเศษ
ศาสตราจารยพ์ ิเศษนั้น จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แตง่ ต้ังโดยคำแนะนำของสภา
มหาวทิ ยาลัยจากผู้ซงึ่ มิไดเ้ ปน็ คณาจารยป์ ระจำของมหาวิทยาลัย
คณุ สมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธีการแต่งตั้งและถอดถอนคณาจารยพ์ เิ ศษตามวรรคหนง่ึ ให้
เปน็ ไปตามขอ้ บงั คับของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๕๓ ศาสตราจารย์ซง่ึ มคี วามรคู้ วามสามารถและความชำนาญเปน็ พเิ ศษและพน้
จากตำแหนง่ ไปโดยไมม่ ีความผิด สภามหาวิทยาลัยอาจแต่งต้ังให้เปน็ ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณในสาขาท่ี
ศาสตราจารยผ์ นู้ ้ันมีความเช่ยี วชาญเพ่อื เปน็ เกียรติยศได้
คุณสมบตั ิ หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารแต่งตัง้ ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อบงั คับ
ของมหาวิทยาลัย
มาตรา ๕๔ ให้ผู้ดำรงตำแหนง่ ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พิเศษ ศาสตราจารย์เกยี รติ
คณุ รองศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์พเิ ศษ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ และผู้ชว่ ยศาสตราจารย์พิเศษ มีสทิ ธิ
ใชต้ ำแหนง่ ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พเิ ศษ ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ุณ รองศาสตราจารย์ รอง
ศาสตราจารย์พเิ ศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หรือผู้ชว่ ยศาสตราจารยพ์ ิเศษ แลว้ แตก่ รณี เป็นคำนำหน้านาม
เพ่ือแสดงวทิ ยฐานะไดต้ ลอดไป
การใชค้ ำนำหนา้ นามตามความในวรรคหนึ่ง ให้ใช้อักษรย่อ ดงั นี้
ศาสตราจารย์ ใช้อักษรย่อ ศ.
ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ใช้อกั ษรย่อ ศ.(พเิ ศษ)
ศาสตราจารย์เกยี รติคุณ ใช้อกั ษรย่อ ศ.(เกยี รติคุณ)
รองศาสตราจารย์ ใชอ้ ักษรย่อ รศ.
รองศาสตราจารย์พิเศษ ใช้อกั ษรย่อ รศ.(พิเศษ)
ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ใช้อกั ษรย่อ ผศ.
ผู้ชว่ ยศาสตราจารยพ์ ิเศษ ใช้อักษรย่อ ผศ.(พิเศษ)
หมวด ๖
ปริญญาและเคร่ืองหมายวิทยฐานะ
มาตรา ๕๕ ปรญิ ญามสี ามชน้ั คือ
ปริญญาเอก เรียกวา่ ดุษฎีบัณฑิต ใช้อักษรย่อ ด.
ปรญิ ญาโท เรียกวา่ มหาบัณฑิต ใชอ้ ักษรย่อ ม.
ปริญญาตรี เรยี กวา่ บัณฑติ ใชอ้ ักษรยอ่ บ.
มาตรา ๕๖ มหาวทิ ยาลยั มีอำนาจใหป้ ริญญาในสาขาวิชาที่มกี ารสอนในมหาวทิ ยาลยั
การกำหนดให้สาขาวิชาใดมปี รญิ ญาชัน้ ใดและจะใช้อกั ษรยอ่ สำหรับสาขาวิชานั้นอยา่ งไร
ใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๕๗ สภามหาวทิ ยาลัยอาจออกข้อบงั คบั กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปรญิ ญา
ตรไี ด้รับปริญญาตรเี กียรตินยิ มอนั ดบั หน่ึง หรือเกียรตนิ ยิ มอันดับสองก็ได้
มาตรา ๕๘ สภามหาวทิ ยาลัยอาจออกข้อบังคบั กำหนดให้มปี ระกาศนยี บัตรบณั ฑติ ชนั้ สูง
ประกาศนยี บัตรบัณฑิต อนปุ รญิ ญา และประกาศนียบตั รสำหรับสาขาวิชาใดได้ ดังนี้
(๑) ประกาศนียบัตรบัณฑติ ชั้นสูง ประกาศนยี บัตรบณั ฑิต ออกใหแ้ กผ่ ้สู ำเรจ็ การศกึ ษา
ตามหลักสูตรในสาขาวิชาหนง่ึ สาขาวชิ าใดภายหลังทไ่ี ดร้ ับปริญญาแลว้
(๒) อนุปริญญา ออกให้แก่ผ้สู ำเรจ็ การศกึ ษาตามหลักสูตรในสาขาวิชาหน่ึงสาขาวชิ าใด
กอ่ นถงึ ขน้ั ได้รับปรญิ ญาตรี
(๓) ประกาศนียบตั ร ออกให้แกผ่ ู้สำเรจ็ การศกึ ษาเฉพาะวิชา
มาตรา ๕๙ มหาวิทยาลยั มีอำนาจใหป้ ริญญากิตติมศกั ดิแ์ กบ่ คุ คลซ่ึงสภามหาวทิ ยาลัย
เห็นวา่ ทรงคุณวุฒิ มีคุณธรรม และมีผลงานท่ีเปน็ คุณูปการตอ่ สว่ นรวม สมควรแก่ปรญิ ญานั้นๆ แตจ่ ะให้
ปรญิ ญาดังกล่าวแก่คณาจารย์ประจำ ผดู้ ำรงตำแหน่งต่างๆ ในมหาวิทยาลัย นายกสภามหาวทิ ยาลัย
กรรมการสภามหาวิทยาลยั หรอื กรรมการส่งเสรมิ กิจการมหาวิทยาลยั ในขณะทด่ี ำรงตำแหนง่ นัน้ มิได้ ท้ังน้ี
ต้องไมเ่ ปน็ การให้ปรญิ ญากิตตมิ ศักดเ์ิ พอื่ แลกกับผลประโยชนอ์ ยา่ งใดอย่างหนง่ึ
ช้นั สาขาของปริญญากติ ตมิ ศกั ด์ิ และหลักเกณฑ์การให้ปรญิ ญากติ ติมศักดิ์ ให้เป็นไปตาม
ข้อบังคบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๖๐ มหาวทิ ยาลยั อาจกำหนดใหม้ ีครุยวทิ ยฐานะหรือเขม็ วิทยฐานะเป็น
เครอ่ื งหมายแสดงวิทยฐานะของผูไ้ ดร้ ับปรญิ ญา ประกาศนยี บตั รบณั ฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบณั ฑิต
อนปุ รญิ ญาและประกาศนยี บตั ร และอาจกำหนดให้มีครุยประจำตำแหนง่ นายกสภามหาวทิ ยาลัยหรอื
กรรมการสภามหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งผู้บริหาร และครุยประจำตำแหน่งคณาจารยข์ อง
มหาวทิ ยาลัยกไ็ ด้
การกำหนดลักษณะ ชนดิ ประเภทและส่วนประกอบของครุยวทิ ยฐานะ เขม็ วทิ ยฐานะ
และครยุ ประจำตำแหน่ง ให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎกี า
ครยุ วิทยฐานะ เข็มวทิ ยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งจะใช้ในโอกาสใด โดยมีเง่ือนไข
อย่างใด ให้เปน็ ไปตามขอ้ บงั คบั ของมหาวทิ ยาลัย
มาตรา ๖๑ สภามหาวิทยาลยั อาจกำหนดให้มีตราสญั ลักษณ์ หรอื เครอื่ งหมายของ
มหาวทิ ยาลยั ได้ โดยตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๖๒ สภามหาวทิ ยาลัยอาจออกขอ้ บงั คับให้มีเครอ่ื งแบบ เคร่ืองหมาย และเครอ่ื ง
แต่งกายนักศกึ ษาได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
หมวด ๗
บทกำหนดโทษ
มาตรา ๖๓ ผู้ใดใช้ตรา สญั ลักษณ์ ครยุ วทิ ยฐานะ เขม็ วทิ ยฐานะ ครยุ ประจำตำแหน่ง
เครอื่ งแบบ เครือ่ งหมาย หรือเครื่องแต่งกายนกั ศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยไม่มีสทิ ธิที่จะใช้ หรอื แสดง
ดว้ ยประการใดๆ วา่ ตนมตี ำแหน่งใดในมหาวิทยาลยั หรือมปี ริญญา ประกาศนยี บตั รบณั ฑิตช้ันสงู
ประกาศนยี บัตรบัณฑิต อนุปรญิ ญา หรอื ประกาศนียบตั รของมหาวิทยาลยั โดยที่ตนไม่มี ถา้ ได้กระทำ
เพอ่ื ให้บคุ คลอื่นเช่อื ว่าตนมสี ทิ ธทิ จ่ี ะใชห้ รือมตี ำแหนง่ หรือมวี ทิ ยฐานะเชน่ นน้ั ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกิน
หกเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กินห้าหมน่ื บาท หรือท้ังจำทั้งปรบั
มาตรา ๖๔ ผใู้ ด
(๑) ปลอม หรือทำเลียนแบบซ่ึงตราสญั ลกั ษณ์ หรอื เคร่ืองหมายของมหาวิทยาลัย หรอื
สว่ นราชการหรอื หนว่ ยงานของมหาวทิ ยาลัยไม่วา่ จะทำเปน็ สีใด หรอื ทำด้วยวิธีใดๆ
(๒) ใช้ตราสญั ลักษณ์ หรือเครื่องหมายของมหาวิทยาลยั หรอื ส่วนราชการ หรอื หน่วยงาน
ของมหาวทิ ยาลัยปลอม หรอื ซงึ่ ทำเลียนแบบ หรอื
(๓) ใช้หรือทำให้ปรากฏซึ่งตราสญั ลักษณ์ หรอื เครื่องหมายของมหาวทิ ยาลัย หรือส่วน
ราชการหรอื หน่วยงานของมหาวทิ ยาลยั ทว่ี ตั ถุหรือสนิ คา้ ใดๆ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากมหาวิทยาลัย
ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินหนงึ่ ปี หรอื ปรับไมเ่ กินหนง่ึ แสนบาท หรือทั้งจำท้ังปรับ
ถ้าผ้กู ระทำความผดิ ตาม (๑) เปน็ ผู้กระทำความผิดตาม (๒) ด้วย ใหล้ งโทษตาม (๒) แต่
กระทงเดยี ว
ความผดิ ตาม (๓) เปน็ ความผิดอนั ยอมความได้
บทเฉพาะกาล
มาตรา ๖๕ ให้โอนบรรดากจิ การ ทรัพยส์ นิ สทิ ธิทั้งปวง หน้สี นิ ขา้ ราชการ ลกู จา้ ง
อัตรากำลัง เงนิ งบประมาณและรายได้ของสำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษาเฉพาะสว่ นของ
สำนักงานสภาสถาบนั ราชภัฏไปเปน็ ของมหาวิทยาลัยราชภฏั แต่ละแห่งตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ท้ังน้ี ตาม
รายการท่ีรฐั มนตรกี ำหนด โดยทำเปน็ ประกาศกระทรวง ซ่ึงจะตอ้ งดำเนินการให้เสร็จสนิ้ ภายในหกสบิ วัน
นับแตว่ ันที่พระราชบญั ญัติน้ใี ชบ้ งั คบั
ใหข้ ้าราชการซึ่งโอนไปตามวรรคหน่ึงเปน็ ขา้ ราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษาตาม
กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอดุ มศึกษา โดยในระยะเริ่มแรก ให้ข้าราชการ
ดงั กล่าวยงั คงดำรงตำแหน่งและรบั เงินเดอื น ตลอดจนได้รับสทิ ธปิ ระโยชนเ์ ช่นเดิมต่อไป จนกว่าจะไดร้ บั
แตง่ ต้งั ให้ดำรงตำแหน่งตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบันอดุ มศึกษา
มาตรา ๖๖ ให้ผูด้ ำรงตำแหน่งนายกสภาประจำสถาบันราชภฏั และกรรมการสภาประจำ
สถาบนั ราชภัฏตามพระราชบญั ญัติสถาบนั ราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๓๘ อยู่ในวนั ทีพ่ ระราชบญั ญัตนิ ้ีใชบ้ ังคบั
ปฏิบตั ิหนา้ ทน่ี ายกสภามหาวทิ ยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามพระราชบัญญตั ินีต้ ่อไป จนกวา่
จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตง้ั นายกสภามหาวทิ ยาลยั กรรมการสภามหาวทิ ยาลยั ผู้ทรงคุณวุฒิ
และมีการเลือกกรรมการสภามหาวิทยาลยั ตามพระราชบัญญัตนิ ี้ขน้ึ ใหม่ ทง้ั นี้ ต้องไม่เกนิ หนึง่ ร้อยแปดสิบ
วนั นบั แตว่ ันทพี่ ระราชบัญญัตินี้ใชบ้ ังคบั
มาตรา ๖๗ ให้ส่วนราชการของสถาบันราชภฏั ตามพระราชบญั ญตั สิ ถาบนั ราชภฏั พ.ศ.
๒๕๓๘ ยังคงเป็นส่วนราชการตอ่ ไป จนกวา่ จะมีการแบ่งสว่ นราชการตามพระราชบญั ญตั ินี้ ท้งั นี้ ตอ้ งไม่
เกนิ หน่ึงรอ้ ยแปดสิบวันนบั แตว่ ันที่พระราชบญั ญตั นิ ใี้ ช้บังคบั
มาตรา ๖๘ ให้ผดู้ ำรงตำแหนง่ อธิการบดี คณบดี ผูอ้ ำนวยการสำนักงานอธิการบดี
ผูอ้ ำนวยการสำนักวิจัย หัวหน้าส่วนราชการหรอื หัวหน้าหนว่ ยงานที่เรียกชอื่ อย่างอื่นท่มี ฐี านะเทยี บเท่า
คณะตามพระราชบัญญตั ิสถาบนั ราชภฏั พ.ศ. ๒๕๓๘ อยู่ในวนั ทพ่ี ระราชบญั ญัตนิ ใ้ี ช้บงั คับ ปฏบิ ัติหนา้ ที่
ในตำแหน่งอธิการบดี คณบดี ผอู้ ำนวยการสำนักงานอธิการบดี ผูอ้ ำนวยการสำนักวิจัย หวั หน้าส่วน
ราชการหรอื หัวหน้าหนว่ ยงานที่เรยี กชอื่ อยา่ งอน่ื ทม่ี ฐี านะเทียบเทา่ คณะตามพระราชบัญญตั ินี้ตอ่ ไป ทัง้ นี้
ต้องไมเ่ กนิ หน่งึ รอ้ ยแปดสบิ วันนับแต่วนั ท่ีพระราชบญั ญตั นิ ี้ใชบ้ งั คับ
ใหผ้ ูด้ ำรงตำแหน่งรองหรือผชู้ ่วยของผู้ดำรงตำแหนง่ ตามวรรคหนึง่ ปฏิบตั ิหนา้ ทใี่ น
ตำแหนง่ ต่อไปจนกวา่ ผู้ดำรงตำแหน่งตามวรรคหนง่ึ จะพน้ จากตำแหน่ง
ให้ผู้ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีในตำแหนง่ ตามวรรคหนึง่ ดำเนินการใหม้ ีคณะกรรมการประจำส่วน
ราชการตามมาตรา ๔๑ วรรคสอง แล้วแต่กรณี ภายในหนง่ึ ร้อยแปดสบิ วนั นับแตว่ นั ทีพ่ ระราชบญั ญตั นิ ี้ใช้
บังคบั
มาตรา ๖๙ ให้ผซู้ ง่ึ เป็นศาสตราจารย์ ศาสตราจารยพ์ ิเศษ รองศาสตราจารย์ รอง
ศาสตราจารยพ์ ิเศษ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ผ้ชู ่วยศาสตราจารยพ์ ิเศษ และอาจารยป์ ระจำของสถาบนั ราช
ภัฏแตล่ ะแห่งอยใู่ นวนั ทพ่ี ระราชบัญญตั ินีใ้ ช้บงั คบั มฐี านะเปน็ ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์พเิ ศษ รอง
ศาสตราจารย์ รองศาสตราจารยพ์ เิ ศษ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พเิ ศษ และอาจารยป์ ระจำ
ของมหาวิทยาลัยแตล่ ะแห่งตอ่ ไปตามพระราชบัญญัติน้ี
ให้ผ้ซู ่งึ เปน็ อาจารย์พเิ ศษของสถาบนั ราชภัฏแตล่ ะแหง่ อยู่ในวันท่พี ระราชบญั ญัตนิ ใี้ ช้
บงั คับเป็นอาจารยพ์ ิเศษของมหาวทิ ยาลัยแต่ละแหง่ ต่อไปตามพระราชบัญญตั นิ ี้จนครบกำหนดทีไ่ ดร้ บั
แตง่ ตงั้
มาตรา ๗๐ ในระหว่างท่ียงั ไม่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ และขอ้ บังคับเพ่ือ
ปฏิบัตกิ ารตามพระราชบัญญตั ินอ้ี อกใชบ้ งั คับ ให้นำกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ และข้อบังคบั ซึ่ง
ออกตามความในพระราชบัญญัตสิ ถาบันราชภฏั พ.ศ. ๒๕๓๘ ทใ่ี ชอ้ ยใู่ นวันทพ่ี ระราชบญั ญัติน้ีใชบ้ ังคบั
มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลมเท่าทไ่ี มข่ ัดหรือแย้งกบั พระราชบญั ญัตินี้
ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ
พนั ตำรวจโท ทกั ษณิ ชนิ วตั ร
นายกรัฐมนตรี
บญั ชรี ายช่อื สถาบนั ราชภัฏท่ีเปลย่ี นเปน็ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
๑. สถาบันราชภัฏกาญจนบรุ ี ๒๗. สถาบนั ราชภัฏร้อยเอ็ด
๒. สถาบนั ราชภัฏกาฬสินธุ์ ๒๘. สถาบนั ราชภฏั รำไพพรรณี
๓. สถาบนั ราชภัฏกำแพงเพชร ๒๙. สถาบันราชภฏั เลย
๔. สถาบนั ราชภัฏจนั ทรเกษม ๓๐. สถาบนั ราชภัฏลำปาง
๕. สถาบันราชภัฏชัยภูมิ ๓๑. สถาบันราชภัฏศรีสะเกษ
๖. สถาบนั ราชภัฏเชยี งราย ๓๒. สถาบนั ราชภฏั สกลนคร
๗. สถาบันราชภัฏเชยี งใหม่ ๓๓. สถาบนั ราชภัฏสงขลา
๘. สถาบันราชภัฏเทพสตรี ๓๔. สถาบันราชภัฏสวนดสุ ิต
๙. สถาบันราชภัฏธนบุรี ๓๕. สถาบันราชภัฏสวนสนุ ันทา
๑๐. สถาบันราชภฏั นครปฐม ๓๖. สถาบนั ราชภัฏสุราษฎร์ธานี
๑๑. สถาบันราชภัฏนครพนม ๓๗. สถาบนั ราชภัฏสุรนิ ทร์
๑๒. สถาบนั ราชภัฏนครราชสมี า ๓๘. สถาบันราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ
๑๓. สถาบนั ราชภัฏนครศรธี รรมราช ๓๙. สถาบนั ราชภัฏอดุ รธานี
๑๔. สถาบันราชภัฏนครสวรรค์ ๔๐. สถาบนั ราชภฏั อตุ รดิตถ์
๑๕. สถาบนั ราชภัฏบ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา ๔๑. สถาบันราชภฏั อบุ ลราชธานี
๑๖. สถาบนั ราชภฏั บุรีรมั ย์
๑๗. สถาบนั ราชภัฏพระนคร
๑๘. สถาบนั ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา
๑๙. สถาบันราชภฏั พิบูลสงคราม
๒๐. สถาบันราชภฏั เพชรบุรี
๒๑. สถาบนั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี
๒๒. สถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์
๒๓. สถาบันราชภฏั ภูเก็ต
๒๔. สถาบันราชภัฏมหาสารคาม
๒๕. สถาบนั ราชภฏั ยะลา
๒๖. สถาบันราชภัฏราชนครนิ ทร์
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตฉิ บบั น้ี คอื โดยท่ีมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ บญั ญัติใหส้ ถานศึกษาของรัฐทีจ่ ดั การศกึ ษาระดบั ปริญญาเป็นนติ บิ คุ คล
และอาจจดั เป็นสว่ นราชการหรือเป็นหนว่ ยงานในกำกบั ของรัฐ ดำเนินการไดโ้ ดยอสิ ระ สามารถพฒั นา
ระบบบรหิ าร และการจัดการทเ่ี ปน็ ของตนเอง มคี วามคลอ่ งตัว มีเสรภี าพทางวชิ าการ และอยู่ภายใตก้ าร
กำกบั ดูแลของสถานศกึ ษา ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ต้งั สถานศกึ ษาน้ันๆ ดงั นัน้ สมควรกำหนดให้
สถาบันราชภฏั เปน็ สถานศกึ ษาของรฐั ท่จี ดั การศึกษาระดบั ปรญิ ญาและเปน็ นิติบุคคล โดยมีฐานะเป็น
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อทำหนา้ ที่เป็นสถาบันอดุ มศึกษาเพ่ือการพัฒนาทอ้ งถิ่น โดยมีวัตถปุ ระสงคแ์ ละ
ภาระหนา้ ทใ่ี นการส่งเสรมิ การเป็นสถาบันอุดมศึกษาท่มี ่งุ สูค่ วามเป็นเลศิ ทางวชิ าการบนพืน้ ฐานของภมู ิ
ปัญญาทอ้ งถ่นิ ภูมิปัญญาไทยและภมู ปิ ญั ญาสากล เพอื่ สร้างและพฒั นาองค์ความรู้ สร้างบณั ฑติ ท่ีมี
ความรูค้ ู่ความดี สร้างสำนกึ ในคุณค่าของวฒั นธรรมทอ้ งถิ่นและของชาติ เสริมสร้างความเข้มแขง็ ของ
วิชาชพี ครู ประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งมหาวิทยาลัย ชุมชนและองค์กรอื่นเพอ่ื การพฒั นาทอ้ งถิ่น ศึกษา
แสวงหาแนวทางพฒั นาเทคโนโลยพี ้ืนบ้านและเทคโนโลยสี มัยใหมใ่ หเ้ หมาะสมกบั การดำรงชวี ติ และ
ประกอบอาชพี ของคนในทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั ศึกษาส่งเสริม สืบสานโครงการอนั เน่ืองมาจากแนวพระราชดำริ
ทั้งน้ี โดยคำนึงถึงการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในท้องถ่นิ และสังคม สอดคลอ้ งกบั นโยบายการบริหารและ
การจดั การศกึ ษาของรัฐตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ จงึ จำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตนิ ี้