The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีสารทเดือนสิบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yuvghifvhh, 2022-02-23 06:40:12

ประเพณีสารทเดือนสิบ

ประเพณีสารทเดือนสิบ

ความเปน็ มา - ขนมบ้า
- ขนมดซี า
ความสาคญั - ขนมเทยี น
ระยะเวลา
การฉลองหมฺ ฺรับและบงั สุกลุ
การจัดหมฺรับ การตั้งเปรต

ขนมวันสารทเดอื นสิบ

- ขนมลา
- ขนมพอง

ความเป็นมา

จดั ขึน้ ครงั้ แรกเม่อื พ.ศ. 2466 ทีส่ นามหนา้ เมอื ง นครศรธี รรมราช โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่อื หาเงนิ สรา้ งสโมสรขา้ ราชการซงึ่ ชารุดมาก

แล้ว โดยในชว่ งนั้น พระภทั รนาวิก จารญู (เอ้อื น ภัทรนาวกิ ) ซึ่งเป็นนายกศรีธรรมราชสโมสร และพระยารษั ฎานุประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจงั หวดั
ได้รว่ มกันจัดงานประจาปีขนึ้ พร้อมทั้งมกี ารออกรา้ น และมหรสพต่าง ๆ โดยมรี ะยะเวลาในการจัดงาน 3 วัน 3 คนื จนกระทงั่ ถึงปี พ.ศ. 2535
ทางจังหวดั ไดย้ า้ ยสถานที่จัดงาน จากสนามหน้าเมือง ไปยงั สวนสมเด็จพระศรนี ครนิ ทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ซงึ่ มบี ริเวณกว้าง และไดม้ กี ารจดั
ตกแต่งสถานที่ ไวอ้ ย่างสวยงาม

ความเช่ือของพุทธศาสนิกชน ชาวนครศรีธรรมราช เชือ่ วา่ บรรพบุรษุ อนั ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย และ ญาตพิ นี่ อ้ ง ท่ีลว่ งลบั ไปแล้ว หาก
ทาความดีไว้ เมือ่ ครง้ั ทีย่ ังมชี ีวติ อยู่ จะไดไ้ ปเกิดในสรวงสวรรค์ แตห่ ากทาความช่ัว จะตกนรก กลายเปน็ เปรต ตอ้ งทนทุกขท์ รมานในอเวจี ตอ้ ง
อาศัยผลบุญ ทลี่ กู หลานอทุ ศิ สว่ นกศุ ลใหใ้ นแตล่ ะปี มายงั ชพี ดงั น้ัน ในวนั แรม 1 ค่าเดอื นสิบ คนบาปทงั้ หลาย ทเ่ี รียกว่า เปรต จึงถูกปลอ่ ยตวั
กลบั มายังโลกมนษุ ย์ เพอื่ มาขอสว่ นบุญ จากลกู หลาน ญาติพ่นี อ้ ง และจะกลบั ไปนรกดงั เดิม ก่อนพระอาทติ ยข์ ึ้น ในวันแรม 15 คา่ เดือนสิบ
โอกาสนี้เองลกู หลาน และผทู้ ย่ี ังมีชวี ติ

วันสารท เป็นวนั ที่ถอื เปน็ คติ และเชอ่ื สบื กนั มาวา่ ญาตทิ ่ลี ่วงลบั ไปแลว้ จะมีโอกาส ไดก้ ลบั มารบั สว่ นบญุ จากญาตพิ ี่นอ้ งท่ยี ังมชี ีวิต
อยู่ ดังนั้น จึงมีการทาบุญอุทศิ ส่วนกุศล ไปใหญ้ าตใิ นวันน้ี และเช่อื วา่ หากทาบญุ ในวันน้ีไปให้ญาติแลว้ ญาตจิ ะไดร้ ับสว่ นบญุ ไดเ้ ต็มท่ี และมี
โอกาสหมดหน้กี รรม และไดไ้ ปเกิดหรือมคี วามสุข

ความสาคญั

การทาบญุ สารทเดือนสบิ เป็นประเพณีทีช่ าวเมืองนครศรธี รรมราช ได้ถือปฏบิ ตั ดิ ้วยศรทั ธาแต่ดึกดาบรรพ์ โดยถือเปน็
คติว่า ปลายเดอื นสบิ ของแต่ละปี เปน็ ระยะท่พี ชื พันธุธ์ ัญญาหารในทอ้ งถน่ิ ออกผล เป็นชว่ งท่ชี าวเมอื งซง่ึ ส่วนใหญ่ ยังชีพดว้ ย
การเกษตร ช่นื ชมยนิ ดีในพืชของตน ประกอบดว้ ยเช่ือกันวา่ ในระยะเดียวกนั นเ้ี ปรตทีม่ ชี ื่อว่า “ปรทัตตปู ชวี ีเปรต” จะถกู ปล่อยให้
ขึน้ มาจากนรก เพ่อื มารอ้ งขอสว่ นบุญต่อลกู หลาน ญาติพ่ีนอ้ ง เหตุน้ี ณ โลกมนุษย์ จงึ ได้มีการทาบุญอทุ ศิ สว่ นกศุ ล ไปไห้ พอ่ แม่
ปู่ ยา่ ตา ยาย พ่ีนอ้ ง ลกู หลาน ท่ีล่วงลบั ไป โดยการจดั อาหารคาวหวาน วางไวท้ ี่บรเิ วณวัด เรยี กวา่ "ตงั้ เปรต” ตามพธิ ไี สยเวทอกี
ทางหนึ่งด้วย ซึ่งเร่ืองนี้กไ็ ด้พัฒนามาเปน็ "การชงิ เปรต” ในเวลาต่อมา

ระยะเวลา

ระยะเวลาของการประกอบพธิ ปี ระเพณีสารทเดอื นสิบ มีขน้ึ ในวันแรม 1 คา่ เดอื นสิบ แตว่ นั ที่ชาวนครนยิ ม
ทาบุญคอื วนั แรม 13-15 ค่า

การจัดหมฺ รฺ ับ

การบรรจแุ ละประดบั ด้วยสิง่ ของ อาหาร ขนมเดือนสบิ ลงในภาชนะทีเ่ ตรยี มไว้ เชน่ ถาด
กาละมงั เขง่ กระเชอ เป็นต้น ชั้นล่างสดุ บรรจอุ าหารแหง้ ชน้ั สองเปน็ พืชผกั ท่เี ก็บไว้นาน ช้ันสามเป็นของใช้
ในชวี ิตประจาวนั ข้นั บนสดุ ประดบั ขนมสัญลักษณเ์ ดอื นสิบ

ขนมวันสารทเดือนสบิ

ขนมลา

แปง้ ข้าวเจ้าผสมแป้งขา้ วเหนยี วนวดกับน้าตาลแลว้ นาแป้งมาโรยเปน็ เสน้ ฝอย ๆ บนกระทะใบบวั ได้เปน็ ขนม
ลาแผ่นใหญ่แบบเหนยี วน่มุ ซึง่ ปจั จบุ นั มีการทาขนมลาใหน้ ่ากินขนึ้ ดว้ ยการแต่งสผี สมอาหารและนาไปอบเปน็ ขนมลาอบ
กรอบอกี ดว้ ย ขนมลาเปน็ สัญลกั ษณ์แทนเสอื้ ผ้า เครื่องนงุ่ ห่ม

ขนมพอง

ขนมพองหรอื ขา้ วพอง ทาจากขา้ วเหนียวที่ผ่านการแชน่ า้ 1 คืน เมื่อนงึ่ จนสุกแลว้ ตักใสใ่ นพมิ พว์ งกลม
และนาไปไปตากแดด เมือ่ ขา้ วเหนยี วแห้งดแี ลว้ นาไปทอด ขนมพองเปน็ สญั ลกั ษณ์แทนแพหรอื พาหนะ ใหบ้ รรพ
บุรุษใชใ้ นการเดนิ ทาง

ขนมบา้

ขนมบ้าทาจากแป้งขา้ วเหนยี วผสมแปง้ ขา้ วเจา้ และมันเทศนึ่ง นวดให้เขา้ กันแลว้ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ
แบน ๆ นาไปคลกุ กับงาขาวแลว้ ทอด เปน็ สัญลักษณแ์ ทนลูกสะบา้ เอาไว้เล่นสะบา้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ขนมดซี า

เป็นขนมทท่ี าจากแปง้ ข้าวเจา้ ผสมแปง้ ขา้ วเหนยี วนวดกบั น้าตาลโตนด ปั้นแป้งใหเ้ ป็นรูแลว้ นาลง
ทอดในน้ามันจนเหลอื งทอง จะได้ขนมเจาะหทู ่กี รอบนอกนมุ่ ใน หอมน้าตาลโตนด เป็นสญั ลกั ษณแ์ ทนเงนิ ไวใ้ ช้
จ่าย

ขนมเทียน

ทาจากแปง้ ข้าวเหนยี วนวดกับน้าตาลโตนดหอ่ ใบตองแล้วนึ่งจนสกุ ไม่มีไส้ แต่บางทอ้ งถ่นิ นิยมสอด
ไสม้ ะพรา้ วปรงุ รสหวานหรือถวั่ เขยี วปรงุ รสเคม็ ขนมเทียนจะถูกหอ่ เปน็ รูปสีเ่ หลยี่ มเลก็ ๆ จึงเป็นสญั ลักษณ์ใช้
แทนหมอนหนุน

การฉลองหมรฺ บั และการบงั สกุ ลุ

วันแรม 15 คา่ ซง่ึ เป็นวนั สารทเรยี กว่า "วนั หลองหมฺรบั " มกี ารทาบุญเลี้ยงพระและบังสุกลุ การทาบญุ วนั น้ี
เป็นการส่งบรรพบรุ ษุ และญาติพน่ี อ้ งใหก้ ลับไปยงั เมืองนรก นบั เปน็ วันสาคัญวันหนงึ่ ซึ่งเชอื่ กันว่าหากไมไ่ ด้กระทา
พิธกี รรมในวนั น้ี บรรพบุรษุ พน่ี ้องทีล่ ว่ งลับไปแลว้ จะไมไ่ ด้รบั สว่ นกศุ ล ทาใหเ้ กดิ ทุขเวทนาดว้ ยความอดอยาก ลกู หลาน
ท่ียงั มีชวี ติ อย่กู จ็ ะกลายเปน็ คนอกตญั ญูไป

การต้ังเปรต

เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภตั ตาหารแลว้ ชาวบา้ นจะนาขนมอีกสว่ นหน่งึ ไปวางไว้ตามบรเิ วณ

ลานวัด ข้างกาแพงวัด โคนไม้ใหญ่ เรยี กว่า ตั้งเปรต เพ่ือแผ่ส่วนกุศลเปน็ ทานแกผ่ ู้ลว่ งลบั ทไี่ มม่ ญี าติ หรือญาตไิ ม่
มาร่วมทาบุญให้ การชิงเปรตจะทาตอนตั้งเปรตเสร็จแล้ว เพราะเชอื่ วา่ ถ้าหากใครไดก้ ินของเหลือจากการเซน่ ไหว้
บรรพบุรุษ จะไดร้ ับกศุ ลเป็นสริ ิมงคลแก่ตนเอง

บางวดั นยิ มสร้างหลาเปรต เพือ่ สะดวกแกก่ ารต้ังเปรต บางวัดสร้างหลาเปรตไว้บนเสาสงู เพียงเสาเดียว
เกลาและชะโลมน้ามนั เสาจนล่ืน เม่ือเวลาชิงเปรตผู้ชนะคอื ผทู้ ่สี ามารถปนี ไปถึงหลาเปรตซึ่งตอ้ งใชค้ วามพยายาม
อย่างมาก จึงสนุกสนานและตื่นเต้น


Click to View FlipBook Version