The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ppooppy24, 2022-12-17 07:31:24

แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร1

แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร1

50

๒) ความรู้เชิงบรู ณาการระหว่างวชิ าชพี ครูกบั วชิ าเฉพาะ (PedagogicalContent Knowledge)
๒.๑) จิตวิทยาครสู ําหรับการจดั การเรยี นร้แู ตล่ ะระดบั การศึกษาและวิชาเอก
๒.๒) การพฒั นาหลักสตู รวิชาเฉพาะสําหรับการจดั การเรยี นรูแ้ ตล่ ะระดับการศกึ ษาและวชิ าเอก
๒.๓) การจดั การเรยี นรวู้ ิชาเฉพาะสําหรบั การจัดการศึกษาแตล่ ะระดบั การศึกษาและวิชาเอก
๒.๔) การจดั การชนั้ เรยี นแตล่ ะระดบั การศกึ ษาและวชิ าเอก
๒.๕) นวตั กรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทางการศึกษาสําหรบั การจดั การเรียนรแู้ ต่ละระดบั
การศึกษาและวิชาเอก
๒.๖) การวดั และประเมนิ ผลการศึกษาวชิ าเฉพาะสาํ หรบั การจดั การเรยี นรูแ้ ตล่ ะระดบั การศึกษาและวชิ าเอก

ดา้ นทักษะทางปญั ญา
๑) สามารถคดิ ค้นหาข้อเทจ็ จริง ทาํ ความเขา้ ใจและประเมนิ ข้อมลู สารสนเทศ และ
แนวคิดจากแหลง่ ขอ้ มลู ท่ีหลากหลายเพอื่ นํามาใชใ้ นการปฏิบตั งิ านสอนและงานครู
รวมทง้ั การวนิ จิ ฉัยผเู้ รยี น และการวจิ ัยเพ่ือพัฒนาผเู้ รยี น
๒) สามารถคิดแก้ปัญหาในการจัดการเรียนรทู้ ี่มีความสลบั ซบั ซอ้ น เสนอทางออก และ
นําไปสกู่ ารแก้ไขไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์
๓) มคี วามเป็นผูน้ ําทางปญั ญาในการคิดพัฒนาการจัดการเรยี นรอู้ ยา่ งสร้างสรรคแ์ ละมวี ิสยั ทัศน์

ดา้ นทักษะความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคลและความรบั ผดิ ชอบ
๑) มคี วามไวในการรบั ความรู้สึกของผ้เู รยี นดว้ ยความเข้าใจ และความร้สู กึ
เชงิ บวก มวี ุฒภิ าวะทางอารมณแ์ ละสังคม
๒) มคี วามเอาใจใส่ มสี ว่ นชว่ ยเหลือและเออื้ ตอ่ การแก้ปัญหาความสมั พันธใ์ นกลุ่ม
และระหว่างกลมุ่ ผ้เู รยี นอยา่ งสร้างสรรค์
๓) มคี วามสมั พนั ธ์ท่ดี กี ับผ้เู รียน เปน็ ผ้นู าํ และผตู้ ามทีม่ คี วามรบั ผดิ ชอบต่อส่วนรวมทัง้
ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม และส่งิ แวดล้อม

51

ด้านทักษะการวเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ
๑) มคี วามไวในการวิเคราะหแ์ ละเขา้ ใจข้อมูลสารสนเทศท่ีได้รบั จากผเู้ รียนอย่าง
รวดเรว็ ทง้ั ท่เี ปน็ ตวั เลขเชงิ สถติ ิหรือคณติ ศาสตรภ์ าษาพดู หรอื ภาษาเขียน
๒) มคี วามสามารถในการใชด้ ุลยพินจิ ท่ดี ีในการประมวลผล แปลความหมาย และ
เลอื กใช้ขอ้ มูลสารสนเทศเกย่ี วกับวชิ าท่ีสอน และงานครทู ี่รบั ผิดชอบโดยใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศไดด้ ี
๓) มคี วามสามารถในการสอื่ สารกับผเู้ รยี นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ทงั้ การพูดการเขยี น และ
การนาํ เสนอด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับกล่มุ ผูเ้ รยี น
ดา้ นทักษะการจดั การเรยี นรู้
๑) มคี วามเชีย่ วชาญในการจัดการเรยี นรทู้ ี่มรี ปู แบบหลากหลาย ทง้ั รูปแบบท่เี ป็น
ทางการ (Formal) รปู แบบกง่ึ ทางการ (Non-formal) และรปู แบบไมเ่ ป็นทางการ
(Informal) อย่างสรา้ งสรรค์
๒) มคี วามเชยี่ วชาญในการจดั การเรยี นรู้สาํ หรบั ผ้เู รียนทห่ี ลากหลาย ทงั้ ผเู้ รียนท่มี ี
ความสามารถพเิ ศษ ผเู้ รียนทม่ี ีความสามารถปานกลาง และผูเ้ รยี นท่มี คี วาม
ต้องการพเิ ศษอย่างมนี วตั กรรม
๓) มคี วามเช่ียวชาญในการจดั การเรยี นรใู้ นวิชาเอกทจ่ี ะสอนอย่างบูรณาการ

52

โครงสรา้ งหลักสูตร

องคป์ ระกอบของหลักสูตรแบง่ เปน็ หมวดวชิ าที่สอดคลอ้ งกับที่ก าหนดไว้ในเกณฑ์มาตรฐาน

หลกั สูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศกึ ษาแห่งชาติ

(TQF) พ.ศ.2552 ดงั นี้

(1) จำนวนหนว่ ยกิต รวมตลอดหลกั สตู ร ไมน่ อ้ ยกว่า 121 หน่วยกติ

(2) โครงสรา้ งหลกั สตู ร

โครงสรา้ งหลักสตู ร แบ่งเป็นหมวดวิชาท่สี อดคล้องกบั ท่กี าหนดไวใ้ นเกณฑม์ าตรฐานหลักสูตร

ระดับปรญิ ญาตรี พ.ศ.2558 ของกระทรวงศึกษาธกิ าร ดังน้ี

1. หมวดวิชาศกึ ษาทัว่ ไป ไม่นอ้ ยกวา่ 30 หนว่ ยกติ

1.1 กลมุ่ วิชาภาษาและการสอ่ื สาร 12 หนว่ ยกิต

1.2 กลุ่มวชิ ามนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละกลมุ่ วชิ าสงั คมศาสตร์ 9 หน่วยกติ

1.3 กลุ่มคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 9 หน่วยกติ

2. หมวดวชิ าเฉพาะ ไมน่ ้อยกว่า 85 หน่วยกิต

2.1 วิชาแกน 9 หน่วยกติ

แกนคณิตศาสตร์และพืน้ ฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ 9 หนว่ ยกิต

2.2 วิชาเฉพาะด้าน 61 หนว่ ยกิต

กลมุ่ ภาษาสำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศ 6 หนว่ ยกิต

กลมุ่ ประเด็นดา้ นองคก์ ารและระบบสารสนเทศ 9 หน่วยกิต

กลุ่มเทคโนโลยเี พอ่ื งานประยกุ ต์ 21 หน่วยกิต

กลมุ่ เทคโนโลยแี ละวธิ ีการทางซอฟตแ์ วร์ 12 หน่วยกติ

กลุ่มโครงสรา้ งพ้ืนฐานของระบบ 6 หนว่ ยกิต

หมวดวิชาฝึกประสบการณ์ภาคสนาม 7 หนว่ ยกติ

2.3 วชิ าเลอื ก ไมน่ ้อยกว่า 15 หน่วยกิต

3. หมวดวิชาเลอื กเสรี ไมน่ อ้ ยกว่า 6 หนว่ ยกติ

53

สภาพปัญหาหลกั สูตรในประเทศไทย

ปัญหาการพัฒนาหลกั สูตรไทย
1. ปัญหาการขาดครูทมี่ ีคณุ สมบัตเิ หมาะสม
2. ปัญหาการไมย่ อมรับและไม่เปลย่ี นแปลงบทบาทการสอนของครู
3. ปัญหาการจดั อบรมครู
4. ศนู ยก์ ารพฒั นาหลักสูตร ไม่เข้าใจบทบาทหนา้ ทข่ี องตน
5. ขาดการประสานงานทีด่ รี ะหว่างหน่วยงานต่างๆ
6. ผู้บริหารต่างๆ ไมส่ นใจเกย่ี วกบั การเปลีย่ นแปลงหลกั สูตร
7. ปัญหาการขาดแคลนเอกสาร

ปัญหาหลักสูตรในการศึกษาปฐมวัย

-การเรยี นการสอนจะเนน้ สอนเน้อื หาวชิ าตามหลกั สูตรมากกว่าการพัฒนาการเด็ก ทำใหเ้ ด็กเกดิ ความเครียด

-การไมไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชน์จากหลักสูตรอยา่ งเตม็ ท่ี

-แนวทางการปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับการใช้หลกั สตู รยังขาดความเป็นเอกภาพ

ปญั หาหลักสตู รในการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน

- การจัดโครงสร้างหลักสตู รใหมท่ ำให้ครตู อ้ งสอนเนื้อหาหนักมากขนึ้ และผ้เู รยี นตอ้ งเรียนหนักมากขน้ึ

- สถานศกึ ษาจดั ทำเองไม่มคี วามชัดเจกรมวชิ าการและกรมเจา้ สังกดั มีจุดเน้นทไี่ ม่ตรงกนั

- มีเสยี งสะทอ้ นว่านโยบายการจดั ทำหลกั สตู รการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.2544 ทีใ่ หโ้ รงเรยี นจัดทำเองไมม่ ี
ความชดั เจน

- ทำใหค้ รูเกิดความสบั สน

ปัญหาหลักสตู รการอาชีวศึกษา

ผ้เู ขา้ เรยี นในการอาชีวศึกษาไมม่ คี ณุ ภาพเทา่ ทคี่ วรหลกั สูตรก่อนถึงระดบั ปวช. คือระดับมัธยมต้น หรอื
การศกึ ษาผู้ใหญ่เปน็ การปพู ืน้ ฐานความรู้ระดับตำ่ เชน่ อ่าน สะกดคำไม่ได้ ขาดความสามารถในการใช้
ภาษาอังกฤษ เม่อื มาเรยี นต่อในระดับอาชวี ศึกษาจงึ เกิดปญั หา แมค้ รจู ะเตรียมการสอนดอี ยา่ งไร ผ้เู รียนไม่
สามารถตอ่ ยอดความรไู้ ด้ เพราะพ้นื ฐานความรไู้ มด่ ีเพยี งพอ

54

ปัญหาการพฒั นาหลักสูตรของอดุ มศกึ ษา
- ขาดแคลนอาจารยป์ ระจำท่มี ีคุณวุฒแิ ละประสบการณ์โดยเฉพาะสาขาวชิ าทมี่ ีความตอ้ งการมากทางดา้ น
วทิ ยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเกษตรกรรม
- อุดมศึกษามงุ่ ความเปน็ เลศิ ทางวิชาการ ละเลยคณุ ธรรม จริยธรรม การบริการวิชาการแกส่ ังคม
- มหาวิทยาลยั มักเลยี นแบบตา่ งประเทศโดยไม่เขา้ ใจ หลกั การและเปา้ หมายทีแ่ ท้จริงของหลกั การท่ี
เลียนแบบ
- การเรยี นการสอนยงั เนน้ ทฤษฎมี ากกวา่ ปฏบิ ัติเนน้ ความรูม้ ากกว่าการนำไปใช้
- การตืน่ ตัวทางการวิจยั ม่งุ การกำหนดใหเ้ ล่อื นตำแหน่งทางวชิ าการซึ่งเน้นการวจิ ยั มากเกนิ ไปจนทำใหล้ ด
ความสำคัญดา้ นการสอน
- กลุ่มผ้บู รหิ ารอุดมศกึ ษามีลักษณะอนุรกั ษ์นิยมสงู
- งบประมาณในการพฒั นาการศกึ ษาระดับนีก้ ็ยงั มีไมเ่ พยี งพอ
สภาพและปญั หาของหลักสูตร
1. การกระจายโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา
2. คณุ ภาพการศกึ ษา
3. หลกั สูตรและการเรยี นการสอน
4. การบริหารและการจัดการศกึ ษา
5. งบประมาณและการลงทนุ ทางการศึกษา
6. คณุ ภาพของผูส้ ำเรจ็ การศกึ ษา
7. แนวโนม้ ผเู้ ข้าเรียน

การจัดหลักสูตรสำหรับผูด้ ้อยโอกาส
- ยงั ไม่เหมาะสม เพราะหลักสตู รยังยึดวธิ กี ารแบบเกา่ ๆไม่สนองความตอ้ งการและความสนใจและสอดคล้อง
กบั วิถีชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในแต่ละกลุ่มเปา้ หมาย

55

แนวโนม้ การพฒั นาหลักสตู รในศตวรรษท่ี 21

แนวโน้มการพัฒนาหลกั สูตรประถมศกึ ษา
การศกึ ษาสำหรับเดก็ เลก็ และก่อนประถมศึกษาจะขยายตัวมากกวา่ ระดับอนื่
- การเพิ่มคณุ ภาพของครูประถม
- การเพิ่มงบประมาณ การปรบั ปรงุ คุณภาพ และหลักสูตรโดยเนน้ การประกอบอาชีพ
- การพฒั นาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งโรงเรยี นกบั ชุมชนใหใ้ กลช้ ดิ ย่งิ ขนึ้
- การยุบโรงเรียนรวมเขา้ ดว้ ยกันแทนการสร้างโรงเรียนแหง่ ใหม่
แนวโนม้ การพฒั นาหลกั สูตรมัธยมศึกษา
- เปน็ บคุ คลทีม่ คี วามสามารถในการใชภ้ าษา เพือ่ การสอื่ สาร
- มคี วามสามารถใชเ้ ทคโนโลยมี าชว่ ยสง่ เสริมทกั ษะการทำงานและการดำเนินชีวิต
- มคี วามสามารถปรบั ตัวอยู่ร่วมกับคนอ่นื ได้
- มแี นวทางทจี่ ะเลอื กดำเนนิ ชวี ิต
แนวโนม้ สำคัญของการศกึ ษาไทยใน 5 ปีข้างหน้า
- มุง่ พัฒนาหลกั สูตรใหม่ ๆ อาทิ หลักสูตรทบี่ ูรณาการระหวา่ งสองศาสตรข์ นึ้ ไป เชน่ ระดบั อาชวี ศึกษา
หลักสตู รเดยี วจะมีหลายสาขาวิชาเรียนช่างยนต์ จะผนวกการตลาดและการบัญชเี ขา้ ไปด้วย เป็นตน้ หลักสตู ร
ท่ใี หป้ รญิ ญาบตั ร 2 ใบ และมีการพฒั นาหลกั สตู รใหท้ ันสมัยตลอดเวลา
- หลกั สูตรนานาชาติมีแนวโนม้ มากข้นึ เนอ่ื งจากสภาพยุคโลกาภวิ ตั นท์ ่ีมกี ารเชอ่ื มโยงดา้ นการคา้ และการ
ลงทุน
- การจัดการศึกษามีความเปน็ สากลมากขน้ึ สภาพโลกาภิวัฒนท์ ่มี กี ารเช่ือมโยงในทุกดา้ นร่วมกันทัว่ โลก
- ความเหลอื่ มล้ำดา้ นโอกาสทางการศึกษาลดลง
- โอกาสรบั บรกิ ารทางการศกึ ษาที่มีคุณภาพเพิม่ ข้ึน

56

ออนสไตน์ (Ornstein, Allan C. 1994 : 4-20) ได้เสนอแนวคดิ เก่ียวกับแนวโนม้ ของหลักสตู รไวว้ า่ หลักสตู ร
ในอนาคต เนือ้ หาวชิ าจะถกู ลดความสำคัญลงโดยเฉพาะเนือ้ หาวชิ าทแ่ี ยกแบบโดดเดยี่ ว แต่จะมลี ักษณะ
ประสมประสานมากขึ้นและมลี กั ษณะเป็นองค์รวม ถึงแมว้ า่ ขอบขา่ ยเน้ือหาวชิ าในหลกั สูตรแบบด้งั เดมิ จะยังคง
อยู่ แต่จะมีลักษณะการบรู ณาการขา้ กลุม่ สาระการเรียนร้เู พ่มิ ขึน้ ความรไู้ มส่ ามารถพจิ ารณาในแง่มมุ ของ
รายละเอยี ดปลกี ย่อยหรอื ความต่อเนือ่ ง แตจ่ ะมีความเป็นสหวทิ ยาการและหลากหลายมติ ิยง่ิ ขน้ึ ความรู้จะ
บรู ณาการกนั ความร้มู มี ากกว่าแหลง่ ความรภู้ าพและเสียงเท่าน้ัน และมคี วามน่าเชอ่ื ถือน้อยจากสื่อทเี่ ป็นการ
พูดและการส่อื สารดว้ ยตัวอกั ษร ออนสไตน์ไดส้ รปุ ไวว้ ่าแนวโน้มของหลกั สตู รมีดงั ต่อไปน้ี

1. การศกึ ษาในรปู แบบอเี ล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Education) ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของ
วีดิทศั น์สามารถนำมาใช้เปน็ เครอ่ื งมอื ในการเรียนการสอนได้ วีดิโอเทป คาสเสท และดสิ คส์ ามารถนำมาใช้
สอนได้ทงั้ ในหอ้ งเรยี น ห้องสมดุ ศูนย์เรียนรู้ และท่ีบา้ นของนักเรียน วีดิทัศนม์ คี วามสะดวกที่นำมาเรยี นได้
ตลอดเวลา ซึง่ จะชว่ ยไม่ใหพ้ ลาดบทเรียนไปได้ มีวีดิทัศน์บทเรยี นวชิ าต่างมจี ำนวนมากนับเปน็ จำนวนพัน
นอกจากนีโ้ รงเรยี นหลายแหง่ และครูจำนวนมากที่สามารถผลิตสือ่ การสอนวชิ าทีต่ นเองรับผิดชอบในรูปของวดี ิ
ทศั น์ จากความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี สามารถท่ีจะพิมพว์ ีดทิ ัศน์ หรอื ภาพจากจอภาพในรูปของ
ภาพถา่ ย ตาราง กราฟ หรือรปู ภาพในแบบตา่ ง ๆ ลงในกระดาษสำหรบั ศกึ ษาตอ่ ไปได้

วีดทิ ศั น์ยังสามารถนำใช้ผา่ นระบบคอมพวิ เตอรท์ ่ีช่วยให้สามารถเรยี นไดใ้ นลักษณะแบบจำลอง
เหตุการณท์ ี่เปน็ จรงิ มีการโตต้ อบกัน สามารถนำเสนอไดเ้ ชน่ เดียวกนั กับการสอนใหช้ ้ันเรยี น บทเรยี น
คอมพิวเตอรส์ ามารถให้คำตอบถกู หรอื ผดิ ใหก้ ับผ้เู รียนได้ทนั ที หรือในกรณีท่ผี ู้เรยี นเลอื กคำตอบ โปรแกรม
คอมพิวเตอรส์ ามารถให้ผเู้ รียนเหน็ คำตอบและสามารถเลือกทางเลอื กทีก่ ำหนดใหป้ ฏบิ ัติได้ตามทีโ่ ปรแกรม
กำหนดไว้ นอกจากน้ีวดี ิทัศนย์ งั สามารถใชเ้ ปน็ บทเรยี นเรยี นแบบรายบคุ คลหรือแบบกลมุ่ ย่อยก็ได้

ความรู้ในรปู แบบอเี ลก็ ทรอนกิ ส์นย้ี ังสามารถจัดเกบ็ ไวใ้ นสถานทท่ี ผ่ี ้เู รยี นสามารถเข้าถงึ ได้โดยผ่าน
ระบบเครือขา่ ย ใคร ๆ กส็ ามารถเข้าถึงขอ้ มูลสารสนเทศและสามารถใชป้ ระโยชน์ได้

2. การร้เู ทคโนโลยี (Technical Literycy) โรงเรียนในปจั จุบันเห็นความสำคัญในวิวฒั นาการของ
เทคโนโลยี จึงไดใ้ ห้การศกึ ษากบั บคุ ลากรเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ อเี ลก็ ทรอนิกส์ เลเซอร์ และห่นุ ยนต์ การรู้
คอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) เป็นทกั ษะพ้ืนฐานเพมิ่ ข้ึนจากทักษะการอ่านออก เขียนได้ คดิ เลขเปน็
หรอื รู้จักกนั วา่ 3Rs

ในวถิ ีทางเศรษฐกิจทใี่ ชเ้ ทคโนโลยขี นั้ สงู ผูป้ ฏิบตั งิ านต้องมกี ารศกึ ษาท่ีดี ต้องมปี ญั ญาที่ดีกว่า มี
ทักษะการส่ือสาร และการทำงานเป็นทมี บา้ นและท่ที ำงานจะมเี ครอ่ื งคิดเลข คอมพวิ เตอร์ เครอ่ื งแฟกซ์ และ
เครอ่ื งมืออเี ลก็ ทรอนิกส์ สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้จี ะนำสู่จดุ วกิ ฤตขิ องคนท่ีไมส่ ามารถใชเ้ ครื่องมอื อุปกรณต์ า่ ง ๆน้ีให้
ทำงานได้ จงึ มีความจำเป็นท่ภี าคอตุ สาหกรรมและรฐั บาล จะไดร้ ่วมกันสร้างโรงเรียนหรือสถาบนั การศึกษาท่ีมี
หลกั สูตรในการเตรยี มคนเข้าสตู่ ลาดแรงงานท่ใี ช้เทคโนโลยีดังกลา่ วนี้ ในอนาคตการศกึ ษาจะเปน็ การสรา้ ง
นักวิทยาศาสตรเ์ พือ่ ทจี่ ะสามารถออกแบบ พัฒนา และประยกุ ตเ์ ทคโนโลยีได้ในอนาคต

สมาคมครูวทิ ยาศาสตรแ์ ห่งชาติ (The National Science Teachers Association : NSTA) ได้
อนุมตั ิหลกั สตู รเรยี กวา่ Science/Technology/Society ซงึ่ ไม่ได้มุ่งเนน้ เพยี งวิทยาศาสตรเ์ ทา่ นน้ั หากแตใ่ ห้

57

ความสำคญั กบั สังคมและเทคโนโลยี ตัวอยา่ งหน่งึ ของจดุ ประสงคโ์ ปรแกรมน้กี เ็ พื่อช่วยนกั ศกึ ษาจดั การกบั
ผลกระทบของเทคโนโลยีในชวี ติ ประจำวนั

ความจำเปน็ ทีจ่ ะตอ้ งเพม่ิ แผนพัฒนาแห่งชาติแบบมีส่วนร่วม ของการศึกษา อุตสาหกรรมและ
รฐั บาล การประเมินความต้องการอาชีพในอนาคต และแผนความรว่ มมอื กนั ของโรงเรียนหรอื สถานศกึ ษา

3. การเรียนรตู้ ลอดชวี ติ (Lifelong Learning) แนวโน้มของการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ เป็นความจำเป็น
กบั สังคมสมยั ใหมอ่ นั เป็นผลสืบเนอื่ งจากความรูท้ ีม่ มี ากมาย การเปล่ียนแปลงของสงั คมอยา่ งรวดเร็ว การ
เปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยแี ละเศรษฐกจิ ทม่ี ีผลต่อประชาชนในการประกอบอาชีพท่ีปรบั เปลีย่ นไปส่กู าร
พัฒนาใหมท่ ม่ี ผี ลต่อเปา้ หมายของบุคคลและสงั คม การศกึ ษาจะมีความต่อเนือ่ งตลอดชวี ิตไมใ่ ชเ่ ปน็ เพยี ง
การศึกษาในโรงเรยี นเทา่ น้นั การศกึ ษาผใู้ หญ่จึงถกู คาดหวงั เพ่มิ ขึ้นในปคี รสิ ต์ศตวรรษท่ี 1990s

4. การศึกษานานาชาติ (International Education) สงั คมอเมรกิ ันถือไดว้ ่าความรู้เกยี่ วกับการ
พฒั นาไดม้ าจากประเทศต่างๆ และไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกับ “หม่บู ้านโลก(global village) กลา่ วถงึ มาตรฐาน
ของการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจของชาต(ิ อเมรกิ นั )มีความเก่ียวข้องกับเหตุการณท์ ี่เกดิ ขน้ึ ในท่ีอ่ืนๆ ของโลก

การส่ือสารผ่านดาวเทยี มและบรรยากาศ รายการโทรทศั น์ เครือขา่ ยซุปเปอรค์ อมพิวเตอร์
เทคโนโลยีเลเซอร์ และการเดนิ ทางดว้ ยเครอ่ื งบินเจต็ ช่วยใหด้ ูเหมือนว่าโลกแคบลง ความจำเปน็ ในการเรยี น
การสอนภาษาต่างประเทศมีมากยง่ิ ขึน้ ภาษาพูดที่รจู้ กั กันส่วนใหญ่คอื ภาษาจีนกลาง รองลงมาคอื
ภาษาองั กฤษ ฮนิ ดี และสเปน ภาษาญ่ปี ุน่ (อันดบั ท่ี 10) และภาษาเยอรมันและฝรงั่ เศส การฝกึ อบรมนักศึกษา
ในสหรฐั อเมรกิ าใหเ้ รยี นรภู้ าษาตา่ ง ๆมีผลตอ่ ความเจริญเตบิ โตทางด้านการคา้ ของสหรฐั อเมริกาและความ
เข้าใจในตลาดการคา้ โลก

5. สิง่ แวดลอ้ มศึกษา (Environmental Education) ผลจากปญั หาตา่ งๆ อาทิ มลภาวะ น้ำเสยี
ประชากรที่เพมิ่ ข้นึ อยา่ งรวดเร็ว ภาวะทุพโภชนาการ และแหล่งทรพั ยากรธรรมชาติ เป็นต้น ปัญหาตา่ งๆ
เหล่านีน้ ำไปสูค่ วามตอ้ งการความรูแ้ ละโปรแกรมใหมใ่ นสาขาวชิ านเิ วศวทิ ยาและสิ่งแวดล้อมศกึ ษา ถงึ แม้ว่า
เดมิ ทีมวี ิชาท่ีเกี่ยวขอ้ งคือ ธรณีวทิ ยา ชวี วทิ ยา ภมู ศิ าสตร์ แต่ความต้องการความรู้ทม่ี ีความหมายและมี
ความสัมพนั ธ์กับการแกป้ ัญหาชวี ติ และความเปน็ อยู่ของมวลมนุษยใ์ นยามคับขนั หรอื ช่วงเวลาเร่งด่วน

โรงเรียนหรือสถาบันการศกึ ษาควรได้ทำหน้าที่เตรยี มผู้เรยี นสู่โลกอนาคต โดยช่วยให้เขา้ ใจใน
ปฏสิ มั พันธ์ระหว่างวทิ ยาศาสตร์ สงั คมและการเมอื งว่าเป็นอย่างไร ด้วยเหตุทว่ี ่าความรทู้ ่มี ีอยูไ่ มม่ ่ันใจวา่ ใช้ได้
อยา่ งเหมาะสม หลักสตู รตอ้ งให้เกดิ เจตคติ คณุ คา่ และความคิดเชงิ จรยิ ธรรม ท่ีชว่ ยใหม้ ีพฤตกิ รรมทีร่ บั ผิดชอบ
ตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม การเรยี นรเู้ ก่ยี วกับนเิ วศวิทยาต้องการการมองโลกยคุ ใหมแ่ บบบรู ณาการ รูว้ า่ อยา่ งไรท่ีเป็นการ
ทำลาย รวู้ า่ วทิ ยาศาสตร์ สังคม และการเมือง จะนำมาบูรณาการกันอย่างไรทจี่ ะช่วยให้ลดปัญหาหรือนำไปสู่
แนวทางการแกไ้ ข สงิ่ ต่างๆ โรงเรยี นในอนาคตจะต้องนำแนวคิดดังกลา่ วขา้ งต้นน้มี าให้ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้
โดยเฉพาะการศกึ ษาเกีย่ วกบั ส่ิงแวดลอ้ ม

58

6. การศึกษาเกย่ี วกับนวิ เคลยี ร์ (Nuclear Education) ประเทศสหรฐั อเมรกิ าและสหภาพโซเวียต
รัสเซียถือว่าเปน็ ประเทศทีเ่ ปน็ ผนู้ ำด้านนวิ เคลียร์ นอกจากน้นั ประเทศจีน เกาหลีเหนอื เยอรมันนี และฝร่ังเศส
นบั ไดว้ า่ มีการขายความรดู้ า้ นนวิ เคลียรใ์ หก้ บั ประเทศโลกที่สาม

การใชพ้ ลังงานนิวเคลียร์ในทางสนั ติ ไดแ้ ก่ โรงไฟฟ้า การใชป้ ระโยชนท์ างการแพทย์ การบำบัดดว้ ย
การฉายรงั สี ความร้เู รอื่ งหลงั งานนวิ เคลยี รม์ คี วามจำเปน็ ว่าพลังงานดังกลา่ วนี้มผี ลกระทบต่ออากาศ อาหาร
และน้ำอยา่ งไร กรณีทม่ี ีการรวั่ ไหลจะมีผลกระทบในขอบเขตหา่ งไกลเพียงใด และความเข้มข้นของรงั สีท่ีเป็น
อันตรายตอ่ มนษุ ย์ทั้งทอ่ี ยูใ่ กลแ้ ละไกลออกไปนับพนั ไมล์ ดงั นนั้ หลกั สูตรทีใ่ หค้ วามสำคญั กบั การศึกษาเกย่ี วกับ
นิวเคลยี รถ์ ูกบรรจไุ ว้ในหลกั สตู รโลกศกึ ษา(Globally Oriented Curriculum)

7. สุขศกึ ษาและการดแู ลสขุ ภาพกาย (Health Education and Physical Fitness) แนวโนม้
เกี่ยวกบั สุขภาพของประชากรชาวอเมรกิ ันจะตอ้ งได้รับความรู้จากหลกั สตู รใหมๆ่ ตัวอย่างท่ชี ัดเจนคอื นักการ
ศึกษานำประเด็นเก่ยี วกบั ภูมิคุม้ กันบกพร่องทร่ี ้กู นั ในช่อื ว่า AIDS (acquired immunodeficiency
syndrome) นำมาให้ความรูก้ บั ผ้เู รยี น บรรจุเปน็ เรือ่ งหนง่ึ ในหลักสูตร

ถึงแม้วา่ ในสงั คมอมรกิ ันประชากรวยั ผู้ใหญม่ ีนสิ ัยรักการออกกำลงั กายเพอื่ สุขภาพด้วยการเลน่ กฬี า
และการดูแลสขุ ภาพร่างกาย(Fitness) จุดประสงคเ์ บือ้ งต้นของโปรแกรมมงุ่ ให้มคี วามสนุกสนานและด้านการ
สังคมในกิจกรรมกีฬา ไม่ไดม้ งุ่ การแขง่ ขันเพือ่ ชัยชนะ มงุ่ เพยี งให้เป็นพฤติกรรมการออกกำลงั กายเป็นสำคัญ

8.การศกึ ษาต่างด้าว (Immigrant Education) สงั คมอเมริกันหลงั สงครามโลกครั้งท่ีสองมีชาวต่าง
ด้าวเข้ามาอาศัยอยู่เปน็ จำนวนมาก นยั สำคญั ของคนต่างด้าวจำนวนมากมาจากครอบครวั ท่เี รยี กวา่ “ยากจน
(structurally poor)” เด็กทมี่ าจากประเทศต่าง ๆ จะถูกตีตราว่า “ด้อยความสามารถในการเรยี นรู(้ learning
disabled or “slow” เพอ่ื ช่วยใหค้ นต่างดา้ วท่ีเข้ามาใหมน่ ักการศึกษาให้คำแนะนำวา่ โรงเรียนควรไดจ้ ัด
หลักสูตรสองภาษา(Bilingual programs) หลกั สตู รพหวุ ัฒนธรรมจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ตา่ งด้าวไดเ้ รียนรแู้ ละอย่ใู น
สังคมใหมไ่ ดด้ ยี ่งิ ขึ้น

9. ภูมิศาสตรย์ ้อนกลับ (The Return of Geography) การศกึ ษาเกยี่ วกบั เร่อื งน้ีเปน็ ผลมาจากการ
ตพี ิมพห์ นังสอื ชอื่ Nation at Risk ในปี ค.ศ.1983 เด็กอเมรกิ ันจะได้เรียนรูเ้ ร่อื งราวเก่ียวโลกรอบตวั เรา
รวมถงึ ภมู ิศาสตรพ์ ้นื ฐาน มกี ารทบทวนสาระสำคญั ทางภูมิศาสตร์ อาทเิ รอื่ ง back to basic, การเรียนรู้
วัฒนธรรม นเิ วศวทิ ยาศึกษา และโลกศึกษา เรื่องราวตา่ งๆ ทศี่ ึกษาเล่าเรียนจะเป็นพลงั ขับเคลอื่ นให้รจู้ กั
บทบาทของตนเองเพม่ิ ยิง่ ข้นึ

10. การศึกษาในชว่ งเกรดกลาง (Middle-Grade Education) ผู้เรียนทอ่ี ายรุ ะหว่าง 10 –15 ปี
ซ่ึงเปน็ วยั ทเี่ ปล่ียนแปลงความเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการอยา่ งรวดเร็ว การศกึ ษาทจี่ ดั ใหเ้ ป็นการศกึ ษาเก่ียวกบั
ก่อนจะเปน็ วยั รนุ่ (Preadolescents) และวัยรุน่ ตอนต้น(early adolescents) เม่อื เปรียบเทยี บกบั โรงเรียน
มัธยม(secondary school) โรงเรยี นเกรดกลางมุ่งใหค้ วามสำคญั กบั การเรยี นร้สู ังคมหรือสังคมประกิต
(Socialization) ไม่เน้นวิชาการ แตใ่ หค้ วามสำคญั กบั intramural sport แต่กไ็ ม่เนน้ interscholastic or

59

competitive sports ถึงแม้วา่ โรงเรยี นเกรดกลางจะมอี ยโู่ ดยทัว่ ไป แตห่ ลกั สตู รใหม่ท่เี หมาะสมกับกลมุ่ เดก็
ดังกลา่ วนจี้ ำเป็นตอ้ งพัฒนาขึ้น การพัฒนาครผู ้สู อนจะต้องปรบั เปล่ยี น โปรแกรมการพฒั นาครูจะตอ้ งมคี วาม
แตกตา่ งจากครูประถมศึกษาและมธั ยมศกึ ษา ในอนาคตสถาบันการผลิตครจู ะตอ้ งม่งุ พฒั นาความรู้ ทักษะท่ี
จำเป็นสำหรับการสอนโรงเรียนเกรดกลาง(Middle school)

11. การศกึ ษาสำหรบั ผสู้ ูงอายุ (Aging Education) สังคมปัจจุบนั จำนวนประชากรผูส้ งู อายุเพม่ิ ข้ึน
อย่างรวดเรว็ นกั การศกึ ษามคี วามเชื่อว่าโรงเรยี นจะตอ้ งสอนให้ผ้เู รยี นเขา้ ใจปัญหาและความคาดหวงั ของ
ผู้สูงอายุ และช่วยให้มีความรกั ต่อผู้สงู อายุ(ท้งั พอ่ แม่และปูย่ า่ ตายาย)

ในโรงเรียนจะต้องประสมประสานผสู้ งู อายุท้ังผู้ท่ีมคี วามประสงคจ์ ะเกษียณอายแุ ละผู้เกษยี ณอายุ
จากงานประจำมาช่วยงานในโรงเรียนในรปู แบบ อาสาสมคั ร ผชู้ ่วยสอน และแหลง่ ทรัพยากรบุคคลในการ
เรียนรู้

12. ธรุ กจิ การศกึ ษา(For-Profit Education) โรงเรียนหรอื สถานศึกษารูปแบบตา่ ง ๆเกดิ ขึ้น
มากมาย ทงั้ ในรปู แบบของเอกชนและหนว่ ยงานทต่ี ั้งขึ้นเฉพาะกจิ อาทิ สถานเลี้ยงเด็กเล็ก(nursery) ศูนยร์ บั
เล้ยี งเดก็ ช่วงเวลากลางวันและชว่ งหลังเลิกเรยี น ศนู ย์กีฬาและโคชเอกชน ศนู ย์ตวิ เตอร์แฟรนไชส์ วทิ ยาลัย
เอกชนเพอื่ ให้บรกิ ารแนะแนว(ในการเลอื กมหาวทิ ยาลยั ) สถาบนั ติวเตอร์สอบ SAT และการทดสอบเพอ่ื ขอรบั
ในรับรองประกอบวชิ าชีพ ทง้ั หมดทก่ี ล่าวมาน้เี ป็นการนำการศกึ ษาเขา้ สตู่ ลาดการคา้ ทมี่ กี ารเกบ็ ค่าธรรมเนียม
ในการศึกษา จากผ้เู รยี นโดยตรง

13. การศึกษาเพ่อื อนาคต (Futuristic Education) จากงานเขียนของทอฟเลอร์(Toffler 1970)
ท่กี ลา่ วถงึ อนาคตวา่ มีการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ไมส่ ามารถที่กำหนดขอบข่ายของการเปล่ียนแปลงไดเ้ ลย
น้นั จึงนำมาเป็นหลกั การของความมุ่งหมายการศกึ ษา ทจี่ ะตอ้ งเพ่ิมขีดความสามารถของผูเ้ รียนแตล่ ะคนเพือ่ ท่ี
ผ้เู รียนแต่ละคนสามารถปรบั ตัวเข้ากับการเปล่ียนแปลงทตี่ ่อเนือ่ ง

แนวทางหน่ึงในการเตรยี มตัวผเู้ รยี นในอนาคตกค็ อื ช่วยให้ผ้เู รยี นไดเ้ รียนรู้ไดด้ ้วยตนเอง โปรแกรม
หรือรายวชิ าใหม่ จะถูกเรียกวา่ การศึกษาเล่าเรยี นเพ่อื อนาคต(Futuristic studies) จะเริ่มในระดบั อดุ มศกึ ษา
และมธั ยมศึกษาในโอกาสตอ่ ไป สาระสำคัญของการศกึ ษาดังกลา่ วน้ีพจิ ารณาจากความเจริญก้าวหนา้ ทาง
เทคโนโลยแี ละสถานการณ์ในสังคมโดยไมม่ ีการแบง่ แยก แต่เป็นทงั้ สององคป์ ระกอบท่ชี ว่ ยในการตดั ใจใน
อนาคต โดยท่วั ไปการมองอนาคตไมใ่ ช่ภารกิจที่เล็กๆ แตเ่ ปน็ การนำเสนออนาคตที่มีจุดประสงคก์ ารเรยี นรโู้ ดย
ปกตทิ วั่ ไปทชี่ ว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนได้เรียนรู้และนำไปใชโ้ ดยปรับใหเ้ หมาะสมกับตนเองในสงั คมทม่ี ีการเปล่ยี นแปลง
อยา่ งรวดเรว็

นกั การศกึ ษาไดน้ ำเสนอแนวคดิ เกี่ยวกบั ทกั ษะที่จำเป็นในอนาคตท่เี รียกกนั ว่า ทักษะในศตวรรษที่
21 หลกั สูตรหรือรายวิชาทเ่ี รียนกค็ วรที่จะได้พจิ ารณาให้ผูเ้ รยี นได้เรยี นรตู้ ามมาตรฐานดังกล่าวน้ี หลกั สูตร
ต้องวางแผนเพื่อการบรรลุทกั ษะในศตวรรษท่ี 21

60

ในปี 1983 สมาคมการพฒั นาหลกั สตู รและการนิเทศ (Association for Supervision and
curriculum development :ASCD) ไดเ้ ผยแพรบ่ ทความวจิ ยั ของ Benjamin I. Troutman and Robert
D. Palombo เรื่อง Identifying Futures Trends in Curriculum Planning โดยศกึ ษาจากกลุ่มตวั อยา่ ง 36
คน จากโรงเรยี น Virginia Beach Public Schools ขอ้ มลู ที่ได้สรุปได้ว่า ในอนาคตวทิ ยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยีจะเป็นตัวชี้การเปล่ียนแปลงหลกั สตู ร อนั เป็นผลจาก การขยายความรูท้ เ่ี ปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ และ
ความร้มู คี วามเป็นศาสตรเ์ ฉพาะการเพมิ่ ขนึ้ ซึง่ มกี ารศกึ ษาผลตอ่ หลักสูตรใน 3 ประเดน็ คือ1) ความเปน็
ความรู้ท่รี ว่ มกนั ของวทิ ยาการท่เี จรญิ กา้ วหน้า 2) ความสมดลุ ระหว่างความยากลำบากในการไดม้ าของ
ขอ้ เทจ็ จริงกับการพัฒนาทักษะกระบวนการ 3) เอกสารความรทู้ ใี่ ชเ้ ป็นแหลง่ ความรู้ในหลกั สตู ร จากขอบขา่ ย
ดงั กลา่ วนกี้ ลมุ่ ตวั อย่างจากโรงเรยี น Virginia Beach Public Schools ใหค้ วามเห็นว่าแนวโน้มในอนาคตทม่ี ี
ผลต่อการวางแผนหลกั สตู รมี 15 ประเดน็ คือ

1. ทกั ษะพ้ืนฐานทางวชิ าการ (Basic Academic Skills)จะตอ้ งให้ความสำคญั เพ่ิมขน้ึ กับ ทกั ษะการสอื่ สาร
คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรอาชีวศกึ ษา

2. คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ๆ (Computers and Other Information Technologies)
คอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศอ่นื ๆ มีรวมกนั เป็นหนึง่ เดียวกนั แลว้ อุปมาดั่งเชน่ เปน็ พาหนะขบั เคลือ่ น
การศกึ ษาสำหรับผู้เรียนทุกคน การพัฒนาแผนสำหรบั การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยที ี่เหมาะสมในระบบโรงเรียน
Virginia Beach Public Schools ตัง้ แต่อนุบาลถึงเกรดสิบสอง

3. ความยืดหยนุ่ ของหลกั สตู ร(Curriculum Flexibility) ใหโ้ อกาสอันยิง่ ใหญท่ ่ีม่งั คั่งสมบรู ณแ์ ละรวดเรว็ จาก
หลกั สตู ร สำหรับอนบุ าลถงึ เกรดสิบสอง

4. การทบทวนหลักสตู ร (Curriculum Revision) พฒั นาแผนปฏบิ ตั กิ ารที่แน่ใจว่าสามารถดำเนินการตอ่ ไปได้
หลกั สูตรได้รับการทบทวนและมีการประเมนิ อยา่ งเป็นระบบ

5. ความเปน็ ประชาธิปไตย (Democratic Ideals) ทำความเขา้ ใจและใหค้ วามสำคญั กบั กระบวนการ
ประชาธปิ ไตยแบบมีสว่ นรว่ ม

6.โปรแกรมสำหรบั เดก็ เล็ก(Early Childhood Programs) ขยายโปรแกรมสำหรับเด็กเล็ก (เดก็ กอ่ นอนบุ าล)
ท่ใี หค้ วามสำคญั กบั การพฒั นาประสบการณก์ ารเรียนรู้

7. การมองอนาคต (Futures Perspective) การรวมขอบเขตสาระเปน็ หลักสูตรเดียว โดยสิง่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นัน้
เป็นประเด็นสะทอ้ นและอธบิ ายประเดน็ ร่วมสมยั แนวโนม้ อนาคต และความสัมพันธร์ ะหว่างปจั จบุ ันกบั
เหตุการณท์ ่ผี ่านไปและทางเลือกในอนาคต

8.สัมพนั ธภาพระดับสากล (Global Interrelationships) ใหค้ วามสำคญั กับมมุ มองของความสมั พันธร์ ะหว่าง
เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม-ชาติพนั ธข์ุ องมนุษย์ที่หลักสูตรตอ้ งมคี วามหลากหลาย

9.การเรียนรูต้ ลอดชวี ิต (Lifelong Learning) ขยายโอกาสสำหรบั สมาชกิ ของชุมชนในเขตพ้นื ท่ีบรกิ ารของ
โรงเรยี นทส่ี นใจเรยี นรใู้ นรปู แบบกจิ กรรมการเรียนรู้ตลอดชีวติ

61

10. ส่ือมวลชน(Mass Media) ใหค้ วามสำคัญกับทกั ษะในการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ การฟัง และการดู ท่เี กย่ี วข้อง
กบั การแปลความหมายจากส่อื

11. การเตมิ เต็มบุคลิกภาพ (Personal Fulfillment) โรงเรยี นเป็นสถานที่อันย่งิ ใหญท่ ่จี ะสรา้ งความคดิ ต่อ
ตนเองเชิงบวก และพัฒนาสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคล

12.การประยกุ ต์กระบวนการ (Process Approach) หลักสตู รมุ่งที่การแก้ปัญหา การตดั สนิ ใจ ความคดิ
สรา้ งสรรค์ และทกั ษะการคดิ ขัน้ สงู ทักษะการนำไปใช้ การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และประเมนิ ค่า

13. การพัฒนาทีมงาน (Staff Development) เพม่ิ โอกาสใหพ้ ัฒนาทมี งาน โดยเฉพาะเรื่องเกยี่ วกับ
เทคโนโลยี

14. ใชช้ ุมชน (Use of Community) เพมิ่ บทบาทของผปู้ กครองและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการจดั โปรแกรม
การศึกษา เช่อื มโยงการเรียนร้ใู นชน้ั เรยี นกับประสบการณ์ในชมุ ชน

15. การอาชวี และอาชีพศกึ ษา (Vocational and Career Education) แน่ใจวา่ การศกึ ษาอาชวี และอาชพี
สะท้อนการเปลี่ยนแปลงมโนทัศน์ในการทำงานและสร้างแรงบนั ดาลใจใหก้ ับผเู้ รยี น

คณุ ลักษณะที่สำคญั ของผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21

จากแนวคดิ ขององคก์ ร ผูท้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง และนักการศึกษาขา้ งต้นแสดงให้เหน็ ถงึ คุณลกั ษณะของผ้เู รยี นใน
ศตวรรษท่ี 21 ทค่ี วรจะได้รบั การพัฒนามี 3 องค์ประกอบหลักดังนี้

1. ด้านความรู้ ความรู้ท่คี วรไดร้ บั การส่งเสริมให้ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ประกอบดว้ ย จติ สำนกึ ต่อโลก
การเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผปู้ ระกอบการ ความเปน็ พลเมอื ง วัฒนธรรมมนษุ ย์และโลกทาง
กายภาพและโลกธรรมชาติ สุขภาพและสวสั ดิภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร ความรู้
พ้ืนฐานเชิงทัศนาการ” (visual literacy) ความรูพ้ ้นื ฐานทางข้อมูลข่าวสาร ความรู้พนื้ ฐานทางพหวุ ฒั นธรรม
(multicultural literacy) และความรพู้ ้ืนฐานในเรอ่ื งปรมิ าณ

2. ดา้ นทกั ษะการเรยี นรแู้ ละการคิด ทกั ษะการเรียนรแู้ ละการคดิ ที่ควรไดร้ บั การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนใน
ศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย ความอยากร/ู้ จติ แห่งวทิ ยาการ (Disciplined Mind) การคดิ ระดับสูง การคิด
เชงิ วพิ ากษ์ ทกั ษะการแกป้ ัญหา จัดการและแกไ้ ขความขดั แย้ง ทกั ษะการสังเคราะห์ (Synthesizing Mind)
ทักษะการคดิ เชิงสรา้ งสรรคแ์ ละผลติ นวัตกรรม ทกั ษะการทำงานเปน็ ทมี /การทำงานร่วมกนั /การสรา้ ง
เครือข่าย ทกั ษะปฏสิ ัมพันธร์ ะหวา่ งบคุ คล/การเรียนรูแ้ บบมสี ว่ นร่วม ทักษะการเรยี นรตู้ ามบรบิ ท ทกั ษะด้าน
ไอซีที ทักษะการใชว้ ธิ ีการเรียนรู้ ทกั ษะการใช้ข้อมูลขา่ วสารและการสอ่ื สาร ทกั ษะการผลิตนวตั กรรม ทกั ษะ
การจัดลำดับความสำคญั ทกั ษะการวางแผนและการจัดการเพ่ือมงุ่ ผลลพั ธ์ ทักษะการใช้เครอื่ งมือจรงิ อยา่ งมี
ประสิทธิภาพ ทักษะการสร้างผลผลิตทมี่ คี ณุ ภาพและเหมาะสม ทักษะการต้ังคำถามและการวิเคราะห์ ทกั ษะ
การหาแนวโน้มและคาดการณ์ความเป็นไปได้ และทกั ษะการรคู้ ิด

62

บทสรุป

จากความเจรญิ กา้ วหนา้ อย่างรวดเรว็ ทางด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารนี้ทำให้
เราไดร้ บั ขอ้ มลู ข่าวสารมากมายที่ไหลบ่ า่ เขา้ มาอย่างรวดเรว็ ซง่ึ ในศตวรรษท่ี 21 เราคงไม่ค้นหา
ข้อมูลจากหนังสือในหอ้ งสมดุ อย่างในศตวรรษที่ 20 แต่เราสามารถคน้ หาข้อมลู จากโปรแกรม
ค้นหาสมยั ใหมซ่ ง่ึ อาจได้ขอ้ มูลหลายหมนื่ หลายแสนชน้ิ ภายในไมก่ ีว่ นิ าที แตข่ ้อมลู เหล่านั้นคงมี
จำนวนไมน่ ้อยทีไ่ มต่ รงกบั ความตอ้ งการของเราหรือไม่ตรงกบั วัตถุประสงคท์ ่กี ำหนดไว้ หรืออาจ
พบข้อมลู ท่ีขัดแยง้ กนั ดงั นน้ั ความสามารถในการกรองข้อมลู ขา่ วสารจึงเป็นอีกทกั ษะหน่ึงทีม่ ีความ
จำเป็นอยา่ งย่งิ ทีต่ ้องไดร้ ับการพัฒนาเพื่อให้คนสามารถเลอื ก แยกแยะ และสกัดเฉพาะข้อมูล
ข่าวสารทีส่ ำคัญต่อการตดั สนิ ใจ เพอ่ื ดำเนินการเรอื่ งใดเร่อื งหน่ึงได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

เมอ่ื พจิ ารณาถงึ การจัดการศึกษาของไทยในปจั จุบันตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ขนั้
พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552: 25) ที่ไดน้ ำเสนอแนวทางการจัด
การเรยี นรโู้ ดยเนน้ “การจดั การเรยี นรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเป็นสำคญั โดยผู้เรยี นจะต้องอาศยั กระบวนการ
เรยี นร้ทู ี่หลากหลายเปน็ เคร่ืองมือที่จะนำพาตนเองไปสเู่ ปา้ หมายของหลกั สูตร ซึ่งกระบวนการ
เรียนร้ทู จี่ ำเป็นสำหรบั ผเู้ รียน ไดแ้ ก่ กระบวนการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้
กระบวนการคดิ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแก้ปญั หา
กระบวนการเรยี นร้จู ากประสบการณจ์ รงิ กระบวนการปฏิบัติ ลงมอื ทำจริง กระบวนการจดั การ
กระบวนการวิจยั กระบวนการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง และกระบวนการพฒั นาลักษณะนิสัย ซ่ึงผสู้ อน
จำเป็นตอ้ งศึกษาทำความเข้าใจในกระบวนการเรยี นรตู้ ่างๆ เพ่ือใหส้ ามารถเลอื กใช้ในการจัด
กระบวนการเรยี นรู้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ” เมอ่ื นำมาเทยี บเคียงกบั ทักษะผ้เู รียนในศตวรรษที่
21 ท่คี วรไดร้ บั การพฒั นาแล้วนบั วา่ เปน็ หลกั สูตรทมี่ คี วามพยายามให้ครูผู้สอนไดพ้ ฒั นาตนเอง
เพ่ือพฒั นาผูเ้ รยี นใหเ้ รยี นรโู้ ดยผ่านกระบวนการเรยี นรู้ของตนเองมากข้ึน แตย่ งั ไม่เน้นยำ้ ที่ชดั เจน
ในเรอ่ื งของทักษะสำคญั ในการใช้เทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ซึ่งการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่อื สารของโรงเรียนในปัจจุบนั นี้ยงั ถอื ว่าเปน็ แนวทางเดิมแบบศตวรรษท่ี 20 ซึ่งใชไ้ อซีทีเป็น
เครื่องมอื เพิม่ ประสิทธผิ ลของการสอนแบบเก่า เช่น การใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคำเพื่อเพ่ิมผลงาน
การใชค้ อมพวิ เตอร์พิมพง์ าน การใชโ้ ปรแกรมชว่ ยคำนวณขอ้ มูล ซึง่ เปน็ การเพิม่ ความสะดวกใน
การทำงาน แต่การใชเ้ ทคโนโลยดี ังกล่าวยังไม่ได้ใชป้ ระโยชน์จากไอซีทีได้อยา่ งเต็มที่ในการแสดง
ความคดิ เหน็ แลกเปล่ียนประสบการณ์ ตีความ ตดั สนิ ใจ และใช้สารสนเทศในการสรา้ งสรรค์
ชิ้นงาน ซ่ึงเป็นทกั ษะทจ่ี ำเปน็ อย่างยิง่ ในการทำงานและการใชช้ วี ติ ของคนในศตวรรษท่ี 21 ดังนนั้
แนวโนม้ การปรบั ปรุงแก้ไขหลกั สูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน จึงจำเปน็ ต้องมกี ารปรับเปล่ียนแนว
ทางการพฒั นาครแู ละผ้เู รยี นใหท้ ันตอ่ การเปลยี่ นแปลงของโลกในอนาคต

63

บรรณานกุ รม
บรรณานุกรมแหลง่ ข้อมูลจากเว็บไซต์
กรมวิชาการ/ 2542 / หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน / กระทรวงศกึ ษาธกิ าร/
http://academic.obec.go.th/images/document/1559878925_d_1.pdf
สำนักวิชาการ /2560 / หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ / อินเทอร์เนต็
http://academic.obec.go.th/images/document/1590998426_d_1.pdf
สำนักมาตรฐานการอชวี ศกึ ษา / 2562 / หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ / สำนักงานคณะ
กรมมการอชีวศกึ ษา /อินเทอร์เน็ต / https://bsq.vec.go.th/th
สำนกั มาตรฐานการอชวี ศกึ ษา / 2562 / หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชนั้ สูง / สำนกั งาน
คณะกรมมการอชีวศึกษา /อินเทอรเ์ นต็ / https://bsq.vec.go.th/th-th
หลกั สูตรและการจดั การเรยี นรู้/ 25/ ปญั หาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร / อนิ เทอร์เนต็
http://www.gotoknow.org/posts/543276
ออนสไตน์ / 2561 /แนวโน้มของการพัฒนาหลกั สตู ร / อนิ เทอรเ์ น็ต /
https://computernpu08.blogspot.com/
Mrs. Sawettaporn TANWANCHAROEN / 2552 /แนวโนม้ หลักสูตรในศตวรรษที่ 21/
อินเทอร์เน็ต / https://sites.google.com/site/sawettaporn17/classroom-
news/reminderoffieldtripnextweek

64


Click to View FlipBook Version