46 - หน่วยงานที่เป็นแกนหลักดูแลนโยบายมาตรฐานแกนกลางของเด็กปฐมวัยเพื่อ ประสานกับ หน่วยงานรับผิดชอบ - หน่วยงานที่ดูแลพัฒนาการเด็กและสุขภาวะเด็กได้แก่กระทรวงสาธารณสุข กรม อนามัย กรมการแพทย์ ที่ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยี - หน่วยงานที่ดูแลและติดตามการใช้หลักสูตร ศักยภาพครูปฐมวัย และสถานศึกษา ปฐมวัย ที่ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีได้แก่กระทรวงศึกษาธิการ สํานักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน สํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาเอกชนและสํานักงานคณะกรรมการการ อุดมศึกษา เป็นต้น - หน่วยงานที่ดูแลสิทธิเด็กและสวัสดิ ภาพความปลอดภัยท่ีทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยี ได้แก่ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมประชาสงเคราะห์ กรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ องค์กรเอกชนแล มูลนิธิต่างๆเป็น ต้น และ - หน่วยงานที่ดูแลการจัดสภาพแวดล้อมระดับ การศึกษาปฐมวัยท่ีทันสมัยโดยใช้ เทคโนโลยี ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รูปแบบพิเศษ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงศึกษาธิการเป็น ต้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) 1. การเพิ่มคุณภาพของครู ให้ครูได้เข้ารับการอบรมทุกคน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่มี ประสิทธิภาพ 2. การเพิ่มงบประมาณในการจัดหาสื่อ การปรับปรุงคุณภาพ และหลักสูตรโดยเน้นการ ประกอบอาชีพ 3. การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น 4. การยุบโรงเรียนรวมเข้าด้วยกันแทนการสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ 5. พัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร 6. ลดภาระงานอื่นๆ ของครูเพื่อให้การสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นและส่งผลให้ครูมีเวลาว่าง ในการทำความเข้าหลักสูตร 7. ลดเนื้อหาในหลักสูตร ไม่กำหนดสาระการเรียนรู้และผลการเรียนที่คาดหวังไว้มาก จนเกินไป 8. เอกสารประกอบหลักสูตรควรมีความชัดเจน 9. ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนาความรู้ใหม่ให้ เท่าทันกับสภาวการณ์ปัจจุบันและมี ทักษะ ต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 10. เพิ่มงบประมาณในการสนับสนุนการใช้หลักสูตร 11. จัดให้มีการประเมินหลักสูตรทุกด้านและมีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน 12. ส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนที่อยู่ห่างไกลมีความพร้อมในการจัดทำหลักสูตร 13. หน่วยงานส่วนกลางควรจัดเอกสารให้เพียงพอต่อโรงเรียน 14. จัดให้มีการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
47 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 1. ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนาความรู้ใหม่ให้ เท่าทันกับสภาวการณ์ปัจจุบันและมี ทักษะ ต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 2. สถานศึกษาใช้เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและครูภูมิ ปัญญาท้องถิ่นด้านวิชาชีพมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อลดปัญหาความขาดแคลนครู 3. ครูจัดทำแผนพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล (Individual Planning: ID PLAN) เพื่อให้ผู้เรียนได้ เกิด การเรียนรู้ตามศักยภาพของแต่ละบุคคลโดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรายวิชาที่สนใจ 4. การประเมินคุณภาพการศึกษาต้องเน้นกระบวนการในการจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดความ ยั่งยืนและต่อเนื่อง 5. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์ชาติ 6. มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นโดยการเรียนรู้แบบสะสมหน่วยกิตหรือหลักสูตรระยะสั้นที่ สามารถนำมาเทียบโอนเป็นผลการเรียนในหลักสูตรแต่ละระดับได้เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอด ชีวิต 7. เพิ่มงบประมาณในการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ตามสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อการฝึกทักษะผู้เรียน ให้ เกิดสมรรถนะวิชาชีพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน 8. สถานศึกษาต้องจัดการฝึกอบรมให้แก่ครูผู้สอนวิชาชีพให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยีของแต่ละอาชีพเพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้เทคโนโลยีทางอาชีพในการปฏิบัติงานได้ 9. สถานศึกษาใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆในการติดตาม ผู้สําเร็จการศึกษา 10. พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการด้าน ทักษะและด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สถานศึกษาจะต้องมีการพัฒนากระบวนการต่างๆซึ่งประกอบไป ด้วยภาวะ ผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษามีอัตราส่วนที่เหมาะสมของครูต่อผู้เรียนภายใต้การจัดห้องเรียน ขนาด เล็ก หลักสูตรมีความเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพระดับชาติหรือระดับสากล โดยความร่วมมือกับ สถานประกอบการมีผู้เชี่ยวชาญและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียน การสอนตาม แผนการเรียนรู้ 11. พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับทักษะความรู้ในการใช้ปฏิบัติงานจริง 12. ออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับความพร้อมของผู้เรียน 13. พัฒนาหลักสูตรให้ครอบคลุมต่อทักษะการทำงานของผู้เรียน 14. ขยายผลการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีด้วยการจัดตั้งกองทุนอาชีวะทวิภาคี 15. พัฒนาทักษะความรู้พื่นฐานด้วยการปรับหลักสูตรระดับ ปวช. 16. แก้ไขปัญหาทรัพยากรด้วยการเพิ่มงบประมาณเป็น 44,500 ล้านบาทต่อปี 17. ปฏิรูประบบการพัฒนาอาจารย์อาชีวศึกษาและระบบการจัดทําหลักสูตรด้วยการจัดตั้ง สถาบันวิชาชีพอาจารย์อาชีวศีกษา 18. ปรับปรุงระบบประกันคุณภาพภายนอกเพื่อพัฒนาคุณภาพ
48 19. จัดตั้งกองทุนอาชีวะทวิภาคีการจัดตั้งกองทุนอาชีวะทวิภาคีจะช่วยให้อาชีวศึกษาระบบ ทวิภาคีสามารถขยายผลไปได้มากเพราะ สามารถแก้ไขอุปสรรคในการขยายผล 2 ประการคือ ช่วย แก้ไขปัญหา free-riding ซึ่งทําให้ภาคเอกชนไม่ลงทุนจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี และ ช่วย เป็นองค์กรตัวกลาง (intermediary) ที่ช่วยบริหารระบบอาชีวศึกษาทวิภาคีให้มีคุณภาพและต้นทุน บริหารจัดการ 20. กองทุนอาชีวะทวิภาคีทําหน้าที่ภารกิจ 4 ประการ โดยมีรายละเอียดดังนี้ อุดหนุนค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการในการฝึกอบรมทวิภาคี โดยใช้เบี้ยสมทบจาก สถานประกอบการเอกชน (levy) ทางออกของหลายประเทศในการแก้ไขปัญหา free riding คือการ จัดตั้งกองทุนโดยเรียกเก็บเงิน สมทบ (levy) จากสถานประกอบการ เพื่อนําไปอุดหนุนสถาน ประกอบการในการพัฒนาทักษะแรงงานกลไกนี้ทําให้สถานประกอบการที่ไม่จัดการฝึกอบรมต้องมี ส่วนร่วมแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้นผ่านการจ่ายเงินสมทบตามสัดส่วนกับขนาดของสถานประกอบการ ซึ่ง จะช่วยแก้ปัญหา “โดยสารฟรี” เพราะทุกคนถูกบังคับให้ต้อง “ซื้อตัว”เพื่อให้กองทุนฯ มีภาระในการ ตรวจสอบติดตามน้อยที่สุด ควรกําหนดให้มีการอุดหนุนเฉพาะการ จัดการเรียนการสอนในหลักสูตร ตามมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพที่กองทุนฯ รับรอง และ จ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะในกรณีที่ผู้จบ การศึกษาผ่านการทดสอบมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพ 21. ให้เน้นความรู้และทักษะพื้นฐานมากขึ้น โดยเฉพาะวิชา คณิตศาสตร์และทักษะช่าง พื้นฐานที่เป็นทักษะทั่วไป (general skill) เพราะในปัจจุบันนักเรียน ปวช. มีความรู้และทักษะพื้นฐาน ในระดับต่ํามาก นอกจากนี้ ผู้จบ ปวช. ส่วนใหญ่ไม่ได้ทํางานตรงสายที่ เรียนมา โดยกว่าร้อยละ 80 เลือกเรียนต่อทันทีที่สําเร็จการศึกษา ซึ่งทําให้การลงทุนทักษะเฉพาะทาง (specific skill) เป็นการสูญ เปล่า ในขณะที่การมีทักษะทั่วไปจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อ โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีที่ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 22. เพิ่มงบประมาณในการจัดการศึกษาให้ได้ในระดับ 44,500 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้สามารถ จัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพได้ 23. จัดตั้งสถาบันวิชาชีพอาจารย์อาชีวศึกษาระบบการพัฒนาอาจารย์สําหรับอาชีวศึกษาใน ปัจจุบันยังไม่สามารถผลิตอาจารย์ที่มีความรู้และทักษะ ที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ อาจารย์เกือบ ทั้งหมดไม่เคยมีประสบการณ์การในสถานประกอบการ ทําให้ การสอนไม่สอดคล้องกับโลกการทํางาน ในสถานประกอบการ การพัฒนาระบบอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพ จึงขึ้นอยู่กับการพัฒนาอาจารย์โดย ควรมีองค์ประกอบดังนี้ - ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอาชีวศึกษาที่มีมาตรฐานรองรับชัดเจน - การฝึกอบรมอาจารย์ที่มีอยู่ให้มีทักษะได้มาตรฐาน - การติดตามองค์ความรู้ในสถานประกอบการ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2563 1. ผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนาความรู้ใหม่ให้ เท่าทันกับสภาวการณ์ปัจจุบันและมี ทักษะ ต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
49 2. สถานศึกษาใช้เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและครูภูมิ ปัญญาท้องถิ่นด้านวิชาชีพมาถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อลดปัญหาความขาดแคลนครู 3. ครูจัดทำแผนพัฒนาผู้เรียนรายบุคคล (Individual Planning: ID PLAN) เพื่อให้ผู้เรียนได้ เกิด การเรียนรู้ตามศักยภาพของแต่ละบุคคลโดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรายวิชาที่สนใจ 4. การประเมินคุณภาพการศึกษาต้องเน้นกระบวนการในการจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดความ ยั่งยืนและต่อเนื่อง 5. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์ชาติ 6. มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นโดยการเรียนรู้แบบสะสมหน่วยกิตหรือหลักสูตรระยะสั้นที่ สามารถนำมาเทียบโอนเป็นผลการเรียนในหลักสูตรแต่ละระดับได้เพื่อสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอด ชีวิต 7. เพิ่มงบประมาณในการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ตามสภาวการณ์ปัจจุบันเพื่อการฝึกทักษะผู้เรียน ให้ เกิดสมรรถนะวิชาชีพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน 8. สถานศึกษาต้องจัดการฝึกอบรมให้แก่ครูผู้สอนวิชาชีพให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยีของแต่ละอาชีพเพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้เทคโนโลยีทางอาชีพในการปฏิบัติงานได้ 9. สถานศึกษาใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆในการติดตาม ผู้สําเร็จ การศึกษา 10. พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะเป็นที่ต้องการของสถานประกอบการด้าน ทักษะและด้าน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ สถานศึกษาจะต้องมีการพัฒนากระบวนการต่างๆซึ่งประกอบไป ด้วยภาวะ ผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษามีอัตราส่วนที่เหมาะสมของครูต่อผู้เรียนภายใต้การจัดห้องเรียน ขนาด เล็ก หลักสูตรมีความเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพระดับชาติหรือระดับสากล โดยความร่วมมือกับ สถานประกอบการมีผู้เชี่ยวชาญและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียน การสอนตาม แผนการ เรียนรู้ 11. อุดหนุนค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการในการฝึกอบรมทวิภาคี โดยใช้เบี้ยสมทบจาก สถานประกอบการเอกชน (levy) ทางออกของหลายประเทศในการแก้ไขปัญหา free riding คือการ จัดตั้งกองทุนโดยเรียกเก็บเงิน สมทบ (levy) จากสถานประกอบการ เพื่อนําไปอุดหนุนสถาน ประกอบการในการพัฒนาทักษะแรงงานกลไกนี้ทําให้สถานประกอบการที่ไม่จัดการฝึกอบรมต้องมี ส่วนร่วมแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้นผ่านการจ่ายเงินสมทบตามสัดส่วนกับขนาดของสถานประกอบการ ซึ่ง จะช่วยแก้ปัญหา “โดยสารฟรี” เพราะทุกคนถูกบังคับให้ต้อง “ซื้อตัว”เพื่อให้กองทุนฯ มีภาระในการ ตรวจสอบติดตามน้อยที่สุด ควรกําหนดให้มีการอุดหนุนเฉพาะการ จัดการเรียนการสอนในหลักสูตร ตามมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพที่กองทุนฯ รับรอง และ จ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะในกรณีที่ผู้จบ การศึกษาผ่านการทดสอบมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพ 12. ออกแบบหลักสูตรให้เหมาะสมกับความพร้อมของผู้เรียน 13. พัฒนาหลักสูตรให้ครอบคลุมต่อทักษะการทำงานของผู้เรียน 14. ขยายผลการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีด้วยการจัดตั้งกองทุนอาชีวะทวิภาคี 15. พัฒนาทักษะความรู้พื่นฐานด้วยการปรับหลักสูตรระดับ ปวช.
50 16. แก้ไขปัญหาทรัพยากรด้วยการเพิ่มงบประมาณเป็น 44,500 ล้านบาทต่อปี 17. ปฏิรูประบบการพัฒนาอาจารย์อาชีวศึกษาและระบบการจัดทําหลักสูตรด้วยการจัดตั้ง สถาบันวิชาชีพอาจารย์อาชีวศีกษา 18. ปรับปรุงระบบประกันคุณภาพภายนอกเพื่อพัฒนาคุณภาพ 19. พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับทักษะความรู้ในการใช้ปฏิบัติงานจริง 20. ประกันคุณภาพการจัดการเรียนการสอน (quality assurance) กองทุนฯจะจัดทดสอบ วัดสมรรถนะตามมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพและออกใบรับรองให้แก่ผู้ผ่านการทดสอบ นอกจากนี้ กองทุนฯ ยังทําหน้าที่รับรองสถานประกอบการที่จัดการเรียน การสอนทวิภาคีที่ได้ มาตรฐาน ซึ่งหมายถึงสถานประกอบการที่มีความพร้อมในการจัดการเรียน การสอน และมีผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษาอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ โดยวัดจากผู้ผ่านมาตรฐานทักษะ/ มาตรฐานวิชาชีพ 21. จัดทําชุดมาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพ (skill/occupation standards) กองทุนฯ จะเป็นผู้จัดทํามาตรฐานทักษะ/มาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งมีเนื้อหาที่ประกอบไปด้วยหน่วย สมรรถนะ (Competency unit) และข้อกําหนดในการทดสอบหน่วยสมรรถนะในแต่ละสาขา อาชีพ ทั้งนี้ เพื่อ ไม่ให้เกิดความซ้ําซ้อน โดยในแต่ละสาขาอาชีพนั้นจะมีเพียงมาตรฐานฯ เดียวที่ กองทุนฯ ประกาศใช้ 22. เป็นศูนย์กลางจัดหาตําาแหน่งฝึกงานให้แก่ผู้เรียนและสถานประกอบการกองทุนฯ ยัง เป็นศูนย์ข้อมูลสถานประกอบการที่รับนักเรียนทวิภาคี และเป็นตัวกลางตรวจสอบ คัดเลือกนักเรียนที่ มีคุณภาพเข้าสู่สถานประกอบการที่ร่วมโครงการ เพื่อลดต้นทุนการจับคู่กัน ระหว่างผู้เรียนและสถาน ประกอบการ ประกันคุณภาพนักเรียนที่จะเข้าร่วมโครงการ และสร้าง กลไกตลาดในตําแหน่งฝึกงาน ทวิภาคี ซึ่งทําให้ทั้งสถานประกอบการและนักเรียนฝึกงานต้อง แข่งขันกันพัฒนาคุณภาพ หลักสูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการพุทธศักราช 2562 1. จัดหาครูผู้สอนวิชาชีพในสาขาวิชาที่จัดการ อาชีวศึกษาระบบทวิภาคีและการพัฒนา วิชาชีพที่สอนจากสถานประกอบการที่ร่วมจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี 2. จัดหาผู้มีประสบการณ์มีความชํานาญและมีความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพมาถ่ายทอด ทักษะประสบการณ์และความรู้แก่ผู้เรียนและผู้สอน 3. จัดหาสถานประกอบการวัสดุครุภัณฑ์พื้นที่และอุปกรณ์การศึกษา สําหรับผู้เรียนให้ เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนและฝึกอาชีพ 4. จัดการเรียนในสาขาวิชาให้ตรงต่อความต้องการของสถานประกอบการ 5. พัฒนาหลักสูตรและเนื้อหาสอดคล้องกับทักษะที่จําเป็นต่อการใช้ประกอบอาชีพ 6. จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศเพื่อจะทําให้ผู้เรียนใช้ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารและการค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ หลากหลายในยุคสารสนเทศ 7. ภาครัฐสนับสนุนทางด้านงบประมาณในการจัดการเรียนการสอน 8. มีระบบประกันคุณภาพอย่างต่อเนื่อง 9. มีองค์กรตัวกลางเข้ามาช่วยบริหารจัดการระบบ
51 10. แก้ไขมาตรการส่งเสริมทวิภาคีในปัจจุบันให้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งตัวผู้ที่ได้รับ ลงทุน ฝึกอบรมจากสถานประกอบการที่จัดทวิภาคี หรือที่เรียกว่า “free-riding การจัดการศึกษาทวิ ภาคีนั้นมีต้นทุนบางส่วนที่ตกแก่สถานประกอบการ แต่ผลตอบแทนจากการลงทุน อาจจะไม่ตกแก่ สถานประกอบการที่ลงทุนการจัดการเรียนการสอน หากผู้ที่จบการเรียนในสถาน ประกอบการนั้น เลือกไปทํางานกับนายจ้างคนอื่น ซึ่งจะทําให้สถานประกอบการส่วนใหญ่ไม่ลงทุนใน การศึกษาทวิ ภาคีหรือมีการลงทุนต่ํากว่าจุดเหมาะสม (underinvestment) 11. ส่งเสริมระบบประกันคุณภาพอาชีวศึกษาทวิภาคีอาชีวศึกษาทวิภาคีของไทยยังให้มี ระบบประกันคุณภาพที่ใช้งานได้จริง ทําให้คุณภาพการเรียนการ สอนมีมาตรฐาน เป็นที่นิยมของ นักเรียนและผู้ปกครอง 12. มีความชัดเจนในเรื่องวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายต่างๆของหลักสูตร 13. เพิ่มจํานวนครูที่สอนวิชาทักษะและความสามารถเฉพาะทาง หลักสูตรอุดมศึกษา (ภายใต้กรอบ มาตรฐาน คุณวุฒิอุดมศึกษา) การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ เน้นให้ ผู้เรียนมี ความฉลาด รอบรู้ มีปัญญา รู้เท่าทันโลกและสามารถสืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองได้ ครูผู้สอนมี ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการสอน ดังนั้น ผู้สอนจึงต้องให้ความสำคัญ กับการส่งเสริม ให้ผู้เรียนสามารถสร้างนวัตกรรมได้ สถาบันอุดมศึกษาต้องมีการปรับเปลี่ยนและ ติดตามการเปลี่ยนแปลง ของสังคมโลก และการจัดการศึกษาเพื่อทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้การ ส่งมอบผลผลิตสู่หน่วยผู้ใช้ได้ อย่างเหมาะสมและมี ประสิทธิภาพ รวมถึงการผลิตบัณฑิตที่ตอบสนอง พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่ยึดหลักความ รับผิดชอบต่อสังคมหลักเสรีภาพทาง วิชาการ หลักความเป็นอิสระ หลักความเสมอภาค และหลักธรร มาภิบาล (ราชกิจจานุเบกษา, 2562) ตาม ทัศนะของผู้เขียนควรส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษามี ระบบ บริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมีความเป็น อิสระทางวิชาการ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีองค์ความรู้ทางวิชาการในแขนง ต่าง ๆ ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก มีการวิจัยและ การสร้าง ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้แก่กลุ่ม อุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยี ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ อย่าง เหมาะสเพื่อสร้าง ความเป็นเลิศในทางวิชาการและมีทักษะขั้นสูงในการ ประกอบวิชาชีพสามารถตอบสนองความต้องการ ของภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างแท้จริง สถาบันอุดมศึกษาในศตวรรษที่ 21 จึงต้องมีหน้าที่ที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. จัดการศึกษาที่คำนึงถึง เหตุผล ความคุ้มค่า และความจำเป็นของประเทศ รวมทั้งการ ขยาย โอกาสทางการศึกษาแก่ผู้เรียนกลุ่มต่าง ๆ จัดให้มีหลักสูตรการศึกษาหรือการเรียนการสอนใน รูปแบบที่ หลากหลายเพื่อรองรับการศึกษาตลอดชีวิต การศึกษานอกเวลางาน เพื่อพัฒนาศักยภาพ และทักษะการ ทำงานของบุคคลในทุกช่วงวัย เน้นการสร้างเสริม ผู้เรียนให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความ รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศ
52 2. ภารกิจด้านการวิจัยและการสร้างนวัตกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการและความจําเป็น ของประเทศเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาและแก้ปัญหาของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อความ เจริญ งอกงามทางวิชาการ 3. ภารกิจการบริการวิชาการแก่สังคมสถาบันอุดมศึกษามีหน้าที่ในการให้บริการทางวิชาการ ให้ คำปรึกษาทางวิชาการและถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการ สร้างนวัตกรรมแก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และสังคม เพื่อนาความรู้ไปใช้ประโยชน์และ ส่งเสริมการ เรียนรู้ตลอดชีวิต 4. ภารกิจด้านการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมโดยการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สืบสาน และ เผยแพร่ ภูมิปัญญา ท้องถิ่นและของชาติ บูรณาการการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมกับการเรียน การสอนและ กิจกรรมของผู้เรียน สรุปแนวโน้มการพัฒนาหลักสูตรในศตวรรษที่ 21 แนวโน้มการพัฒนาหลักสูตรในศตวรรษที่ 21 จากที่ได้ค้นคว้าข้อมูลพบว่า การจัดการเรียน การ สอนในอนาคตที่จะนำ ความเจริญและทันสมัย จึงเน้นการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มี ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีองค์ ความรู้ทางวิชาการในแขนงต่าง ๆ ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นบุคคลที่มี ความสามารถในการใช้ภาษา เพื่อการสื่อสาร เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจาย อำนาจให้แก่ท้องถิ่น และสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความ ต้องการที่แท้จริงของ ผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ใน การตรวจสอบคุณภาพการ จัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง มีการวิจัยและการสร้าง ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ การเพิ่มงบประมาณ ในการจัดหาสื่อ การปรับปรุงคุณภาพ ทั้งทางด้านการจัดอบรม ครูผู้สอน และหลักสูตรโดยเน้นการ ประกอบอาชีพสื่อและเทคโนโลยี ต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการ เรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่ง ผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา การจัดการเรียนรู้โดย เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดการศึกษามีความเป็นสากลมากขึ้นสภาพ โลกาภิวัฒน์ที่มีการ เชื่อมโยงในทุกด้านร่วมกันทั่วโลก และจัดอบรมครูผู้สอนให้มีความเท่าทันต่อเทคโนโลยี
53 สรุป สภาพปัจจุบันของหลักสูตรของไทยมีการกำหนดหลักสูตร จุดหมาย หลักการ มาตรฐานการ เรียนรู้ สาระการ เรียนรู้ โครงสร้างเวลาเรียน แนวทางการจัดการเรียนการสอน การวัดและ ประเมินผล เพื่อให้ การศึกษา ช่วยพัฒนาชีวิตของคนในแนวทางที่พึงประสงค์ มีการจัดการศึกษาตาม บริบทของการจัดการศึกษาอันเป็นแผนการศีกษาของชาติ คือ พัฒนาคน พัฒนาครูอาจารย์ พัฒนา สังคม ในหลากหลายรูปแบบที่เน้น การมีส่วนร่วมขององค์กรภาครัฐและเอกชน เป็นการจัดการศึกษา ที่เน้นด้านอาชีวศึกษามากขึ้น การมุ่งเน้นให้มีการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและ ระดับปริญญาตรีเพื่อ เน้นการมีงานทำโดนอาศัยปัจจัยหลักใน องค์กรหลักจากภายนอกหลายปัจจัย เช่น ปัจจัย ด้าน เทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านระบบราชการ ด้าน การเมืองการปกครอง ด้านคุณธรรมจริยธรรมเป็น ต้น ระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพต้องมีเนื้อหาสาระ และกระบวนการเรียนการสอนที่ สอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ มีหลักการที่ดี และจำเป็นต้องอาศัยการ บริหารที่กระจายอำนาจให้ผู้ที่มี ส่วน เกี่ยวข้องและชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นของหลักสูตรในประเทศไทย พบว่าเป็นปัญหามาจากการที่ผู้ใช้หลักสูตร ไม่เข้าใจเนื้อหาในหลักสูตรเท่าที่ควร ขาดความรู้ ความชัดเจนในเรื่องวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายต่างๆ ของหลักสูตร จึงทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ไม่เพียงพอ และการประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการ ดําเนินงานน้อยมากส่วนมากจะประเมินเฉพาะด้าน ขาดการประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง เกณฑ์ การประเมินไม่ชัดเจน ไม่เป็นที่ยอมรับและไม่ได้นําผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรจริงจังและการวัด ประเมินผลการเรียนรู้ที่ไม่สะท้อนมาตรฐาน เอกสารประกอบหลักสูตรมีความสับสน ไม่ชัดเจน อีกทั้ง ยังเป็นผลมาจากหลักสูตรแน่นจนเกินไป เช่น การกำหนดสาระการเรียนรู้และผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังไว้มากจึงส่งผลให้ผู้เรียนเข้าใจแต่ทฤษฎีแต่ไม่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ อื่นได้ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการที่บุคลากรครูไม่เพียงพอ ทำให้ภาระหน้าที่ของครูเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาทำความเข้าใจหลักสูตร ครูขาดความรู้ความสามารถในการจัดประสบการณ์เนื่องจาก จบไม่ตรงตามเอก ครูขาดสื่อการสอนและขาดความรู้การใช้นวัตกรรมในการจัดประสบการณ์ จึงทำให้ ผู้เรียนไม่ได้รับการพัฒนาตรงตามวัตถุประสงค์อีกทั้งครูบางคนยึดแนวทางการจัดกิจกรรมของกรม ส่งเสริมไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน จึงทำให้เกิดปัญหาการใช้หลักสูตรใน ประเทศไทยยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร แนวโน้มการพัฒนาหลักสูตรในศตวรรษที่ 21 จากที่ได้ค้นคว้าข้อมูลพบว่า การจัดการเรียน การ สอนในอนาคตที่จะนำ ความเจริญและทันสมัย จึงเน้นการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มี ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีองค์ ความรู้ทางวิชาการในแขนงต่าง ๆ ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นบุคคลที่มี ความสามารถในการใช้ภาษา เพื่อการสื่อสาร เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจาย อำนาจให้แก่ท้องถิ่น และสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความ ต้องการที่แท้จริงของ ผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ใน การตรวจสอบคุณภาพการ จัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง มีการวิจัยและการสร้าง ๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ การเพิ่มงบประมาณ ในการจัดหาสื่อ การปรับปรุงคุณภาพ ทั้งทางด้านการจัดอบรม ครูผู้สอน และหลักสูตรโดยเน้นการ ประกอบอาชีพสื่อและเทคโนโลยี ต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการ เรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่ง ผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า
54 มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา การจัดการเรียนรู้โดย เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดการศึกษามีความเป็นสากลมากขึ้นสภาพ โลกาภิวัฒน์ที่มีการ เชื่อมโยงในทุกด้านร่วมกันทั่วโลก และจัดอบรมครูผู้สอนให้มีความเท่าทันต่อเทคโนโลยี
55 บรรณานุกรม พิชชาพร พุ่มมาก. (2559). ปัญหาการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560). วิทยานิพนธ์เสนอต่อมหาวิทยาลัยรามคาแหง. มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (สืบค้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2566) กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560. (สืบค้นวันที่ 25 เมษายน 2566) กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562. (สืบค้น วันที่ 2 พฤษภาคม 2566) กระทรวงศึกษาธิการ. (2563). หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2563. (สืบค้นวันที่ 2 พฤษภาคม 2566) กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). หลักสูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ พุทธศักราช 2562. (สืบค้นวันที่ 3 พฤษภาคม 2566) พิชญ์สุกานต์ จรพุทธานนท์. (2556). สาระที่ 7 ปัญหาและแนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร. (สืบค้น 3 พฤษภาคม 2566) สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษากระทรวงศึกษาธิการ. (2553). มาตรฐานการอุดมศึกษาและเกณฑ์ มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง. (สืบค้นวันที่ 3 เมษายน 2566) อรรถพล สังขวาสี, พา อักษรเสือ และชัยยุทธ ศิริสุทธ. (2564). อนาคตภาพการอาชีวศึกษาไทยใน ทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2565-2574). มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สืบค้นวันที่ 4 เมษายน 2566). กลิ่นแก้ว มาตา ชวนชม ชินะตังกูร และกมลมาลย์ ไชยศิริธัญญา. (2563). การจัดการศึกษาปฐมวัย ในสองทศวรรษหน้า มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี. (สืบค้นวันที่ 4 เมษายน 2566). สันติ งามเสริฐ. (2560). การบริหารการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างมืออาชีพในศตวรรษที่ 21. (สืบค้น วันที่ 30 เมษายน 2566) ฉัตรดนัย ศรีสา. (2559). ปัญหาการนำหลักสูตรไปใช้ในสถานศึกษา. (สืบค้น 4 พฤษภาคม 2566) ดร.ประหยัด พิมพา. (มกราคม-มิถุนายน 2561). การศึกษาไทยในปัจจุบัน. วารสารมหาวิทยาลัยมหา มงกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, ปีที่ 7 (ฉบับที่ 1). (สืบค้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2566) นายกฤษฎา อัศฤกษ์. (2562). แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร. https://kritsada141242.blogspot.com/. (สืบค้นวันที่ 4 พฤษภาคม 2566) กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง พุทธศักราช 2560). (สืบค้นวันที่ 26 เมษายน 2566)