เทศกาลกินเจ
เทศกาลกินเจ หรือ กนิ แจ (อกั ษรจนี : 九皇勝會; ฮกเก้ียน: ก้วิ อองเซงโหย ; หรือ อักษร
จีน: 九皇大帝誕; ฮกเก้ียน:กวิ้ ออ งไตเ ตต ้ัน) หรือบางแหง เรยี กวา ประเพณีถอื ศลี กนิ ผกั เปน
ประเพณแี บบลัทธเิ ตารวม 9 วัน กาํ หนดเอาวนั ตามจันทรคติ คือ เรมิ่ ตน ต้ังแตวันข้ึน 1 ค่าํ ถึง ขนึ้ 9
ค่ํา เดือน 9 ตามปฏิทนิ จีนของทุกป มีจุดเรม่ิ ตน โดยชาวเปอรานากนั ในประเทศมาเลเซยี และภาคใต
ของประเทศไทย โดยมตี ํานานเลาขานกนั หลายตํานาน ปจจบุ ัน เทศกาลกินเจจัดขึ้นในประเทศเอเชยี
ตะวนั ออกเฉยี งใต ไดแ ก สิงคโปร มาเลเซีย และไทย ตลอดจนหมูเ กาะเรยี วในอนิ โดนเี ซยี และอาจมใี น
บางประเทศเอเชยี ซง่ึ การกินเจในเดอื น 9 น้ี เชือ่ กนั วานาจะเกิดข้นึ เมอ่ื ราว พ.ศ. 2170 ตรงกบั สมัย
อาณาจกั รอยุธยา
ประวตั ิ
ประเพณีถอื ศลี กินเจหรือกินเจซงึ่ เปน พิธยี ันตรกรรมบูชาทย่ี ่ิงใหญท่ีสดุ โดยอาศัยพระแมแหง
ดวงดาวมารีจี ( 摩利支 ) ในแบบของพระพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน แตใ นทางลัทธิเตา เรยี กวา
เตาโบหงวนกุนหรอื เตาโบเ ทยี นจนุ ในภาษาฮกเกี้ยน ( 斗姆元君,斗姆天尊 ) เปน
ศูนยกลางสมมติของพิธีศักดิ์สทิ ธนิ์ ้ี มักองิ ประวตั ิผูกตดิ อยกู บั ฝา ยตํานานเทพแหงดาวนพเคราะห
มากกวา ซึง่ เปน ศาสตรแ หงลัทธิเตา ตอ มาเม่ือพระพทุ ธศาสนาเผยแผเขาสูเมอื งจนี นบั จากนั้นเปนตน
มาเม่อื พระพทุ ธศาสนาเจรญิ ขึน้ จงึ ปรากฏตํานานความเชอื่ ทีผ่ กู โยงกบั พระพทุ ธเจา 7 พระองคแ ละ
พระโพธิสัตวอ กี 2 พระองค เรียกวา ก้วิ อว งฮุดโจว ในภาษาจีนแตจ๋ิว ( 九皇佛祖 ) โดยคตคิ วาม
เชอ่ื ในประเพณขี องชาวจีน โดยเฉพาะลัทธิขงจ้ือซึ่งเนนในเรือ่ งบรรพบรุ ษุ และความกตญั ู บรรดา
บูรพกษตั ริยท ่เี คยอทุ ศิ ตนเพือ่ ใหป ระชาชนมีความเจรญิ โดยใชหลักเมตตาธรรมกจ็ ะเปนบคุ คลผไู ดรบั
การสรรเสรญิ จากประชาชน ตามตํานานสามารถรวบรวมได 9 พระองค ซง่ึ อยูในยุคสมัยตา งๆกนั ทั้ง
9 พระองคร วมเรยี กวา พระราชาธิราช 9 พระองค ในภาษาจีนฮกเกย้ี นเรียกวา : กิ๋วออ งไตเต , ( 九
皇大帝 ) ซง่ึ ชาวจนี เชอ่ื วาทุกสิ่งทกุ อยา งในโลกเปนธรรมชาติและดําเนินไปตามวถิ ีแหงสวรรค
อาศัยตามความเชือ่ ในลทั ธเิ ตา จึงสงผลใหเกิดการนบั ถอื ดวงวิญญาณทีส่ ถิตอยใู นสรวงสวรรค พระเจา
แผน ดนิ ท้งั เกา พระองคเม่อื อยูในโลกมนุษยไ ดป ระกอบกรรมดีมากมาย เมอ่ื สิ้นพระชนมแลวจงึ ไดจ ตุ ิ
เปน เทพเจา ประจําดาวนพเคราะห ทําหนาท่ีคุมครองมวลหมปู ระชาราษฎรใ หบังเกิดความรม เยน็
สืบไป
ตํานาน
บางแหงเช่อื กนั วากนิ เจเพ่ือถวายเปน พทุ ธบชู าแดพระมหาโพธิสตั วก วนอิม สวนความเช่ืออน่ื ๆ
ท่เี กย่ี วกบั เทศกาลกนิ เจน้นั มีดงั น้ี
ตํานานที่ 1
กลาวกนั วา การกินเจเริม่ ขน้ึ เพื่อรําลกึ ถึงนกั รบ "หง่ีห่ัวทวง" ซ่งึ เปน ทหารชาวบา นของจีนที่
ตอ สตู านทานกองทัพแมนจอู ยา งกลาหาญ ฝายแมนจมู ีปน ไฟของชาวตะวนั ตกทฝ่ี า ยจนี ไมมี นักรบหง่ี
หว่ั ทว งเหลานี้จะประกอบพธิ กี รรมนุงขาวหมขาว ไมก ินเนือ้ สตั วแ ละผกั ทม่ี กี ล่นิ ฉนุ และทอ งบรกิ รรม
คาถาตามความเชื่อของจีน เชอ่ื กันวาจะสามารถปอ งกนั ปนไฟได แตก ็ไมป ระสบผล คร้ันจีนพา ยแพ
แมนจู ชายชาวจนี ถกู บงั คบั ใหไ วผมอยา งชาวแมนจู ซึง่ สรางความคบั แคน ใหแกชาวจีนอยางมาก ชาว
จีนจงึ รําลึกถงึ นักรบหง่ีห่ัวทว งเหลา นี้ดวยสาํ นกึ ในบญุ คณุ [3]
ตํานานท่ี 2
เพ่ือเปน การประกอบพิธกี รรมเพอ่ื สกั การบูชาพระพทุ ธเจาในอดตี กาล 7 พระองคและพระ
มหาโพธิสัตวอีก 2 พระองค รวมเปน 9 พระองคดวยกนั หรืออกี นยั หนึ่งเรยี กวา “ดาวนพเคราะห”
ท้ัง 9 ไดแ ก พระอาทิตย พระจนั ทร พระองั คาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร พระเสาร พระราหู
และพระเกตุ ในพิธกี รรมบูชานี้สาธชุ นในพระพุทธศาสนาสละเวลาทางโลกมาบาํ เพ็ญศีลงดเวน
เน้ือสตั วและแตง กายดว ยชุดขาว
ตํานานที่ 3
ผูถือศีลกนิ เจในพระพุทธศาสนาฝายมหายานทป่ี ฏิบัตสิ บื ตอ กนั มาของชาวจีนในประเทศไทย
เพือ่ สกั การบูชาพระพทุ ธเจาในอดีลกาล 7 พระองค ดังมีในพระสูตร ปกเตาโกว ฮดุ เชียวไจเอียงชว่ั
เมยี วเกง กลาวไวค อื พระวิชยั โลกมนจรพทุ ธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอศิ วรพุทธะ พระเวปลุ ล
รตั นโลกวรรณสิทธพิ ุทธะ พระอโศกโลกวชิ ัยมงคลพทุ ธะ พระวิสุทธอิ าศรมโลกเวปลุ ลปรชั ญาวภิ าค
พทุ ธะ พระธรรมมตธิ รรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจนั ทรโภคไภสชั ชไวฑูรยพทุ ธะ และพระ
มหาโพธสิ ัตวอีก 2 พระองค คอื พระศรีสขุ โลกปทมอรรถอลังการโพธิสัตวและพระศรีเวปุลกสงั สาร
โลกสขุ อศิ วรโพธสิ ตั ว รวมเปน 9 พระองค(หรอื “เกาออ ง”)ทรงต้ังปณิธานจกั โปรดสตั วโ ลก จงึ ไดแบง
กายมาเปนเทพเจา 9 พระองคด วยกนั คือ ไตอวยเอีย๊ งเมงทมั หลังไทแชกนุ ไตเ จยี กอมิ เจ็งกอื้ มงึ้ งวน
แชกนุ ไตกวนจงิ หยง้ิ ลกุ ชงเจงแชกนุ ไตฮ่ังเฮี่ยงเมงมงเคียกนวิ แชกุน ไตป ก ตังงว นเนย้ี บเจงกังแชกนุ
ไตโ พวปก เกกบเู อียกกแี่ ชกนุ ไตเพยี วเทยี นกวนพวั กุงกวนแชกนุ ไตตง่ั เมงง่ัวคแู ชกุน ฮยุ กวงไตเพยี กแช
กุน เทพเจา ทง้ั 9 พระองค ทรงอํานาจตบะอันเรอื งฤทธบิ์ รหิ ารธาตุดิน น้ํา ลม ไฟ และทอง ทวั่ ทกุ
พิภพนอ ยใหญส ารทิศ
ตํานานท่ี 4
กินเจเพื่อเปนการบูชา“จกั รพรรดซิ ง ตป้ี ง”ซงึ่ เปนจกั รพรรดอิ งคสดุ ทา ยของราชวงศซ องซ่ึง
สน้ิ พระชนมโ ดยทรงทําอตั วนิ บิ าตกรรม (การฆา ตวั ตาย) ในขณะทีเ่ สดจ็ ไตหวนั โดยทางเรือ เมอื่ มีพระ
ชนนมายไุ ด 9 พรรษา พธิ บี ชู าเพื่อระลึกถงึ ราชวงศซ อ งนี้ มแี ตเ ฉพาะในมณฑลฮกเกีย้ นซง่ึ เปน ดนิ แดน
ผืนสดุ ทายของราชวงศซอ งเทาน้นั โดยชาวฮกเกีย้ นไดจดั ทาํ พธิ ีดงั กลา วนี้ข้ึนดวยการอาศัยศาสนาบัง
หนาการเมือง การทเี่ ผยแผมาสูเ มอื งไทยไดน้ันเพราะชาวจีนจากฮกเก้ียนนาํ มาเผยแผ
ตํานานท่ี 5
1,500 ปมาแลว มณฑลกงั ไสเปน ดินแดนท่เี จรญิ รงุ เรอื งมาก ฮอ งเตเ มืองนี้มีพระราชโอรส 9
พระองคซ่งึ เปนเลิศท้ังบนุ และบูจ งึ ทําใหหัวเมืองตางๆ ยอมสวามภิ ักด์ิ ยกเวนแควนกงเลี้ยดท่มี ีอาํ นาจ
เขม แข็งและมีกองกําลังทหารที่เหนือกวา ท้ังสองแควน ทาํ ศึกกันมาถึงครง้ั ที่ 4 แควน กงเลี้ยดชนะโดย
การทุมกองกําลงั ทหารทีม่ ีทั้งหมดทม่ี ากกวา หลายเทา ตวั โอบลอ มกองทัพพระราชโอรสทัง้ เกา ไวท ุก
ดาน แตก องทพั กง เลยี้ ดไมสามารถบกุ เขา เมืองไดจึงถอยทัพกลบั
จนวันหน่ึงชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคแี ละเอาเปรียบกนั เทพยดาทราบวาอกี ไมน านกังไส
จะเกดิ ภัยพบิ ัตจิ ึงหาผูอาสาชวยแตชาวบา นจะพน ภัยไดก็ตอ เมื่อไดส รา งผลบุญของตนเอง ดวง
วิญญาณพระราชโอรสองคโตรับอาสาและเพงญาณเห็นวาควรเร่ิมท่บี า นเศรษฐใี จบญุ ลฮี ั้วกาย
คนื วนั หน่งึ คนรับใชแ จง เศรษฐลี ีฮ้วั กา ยวา มขี อทานโรคเรอื้ นมาขอพบเศรษฐจี ึงมอบเงนิ จํานวน
หนงึ่ ใหเ ปน คาเดินทาง แตข อทานไมไปและประกาศใหช าวเมืองถอื ศีลกนิ เจเปน เวลา 9 วัน 9 คืนผใู ด
ทําตามภยั พิบัตจิ ะหายไป เศรษฐนี ํามาปฏบิ ตั กิ อ นและผอู ืน่ จงึ ปฏบิ ัติตามจนมกี ารจัดใหม ีอุปรากรเปน
มหรสพในชว งกินเจดวย
เลาเอีย๋ เกดิ ศรัทธาประเพณีกนิ เจของมณฑลกงั ไสจงึ ไดศ กึ ษาตําราการกินเจของเศรษฐีลีฮ้ัว
กา ยทบี่ ันทกึ ไว แตไ ดดัดแปลงพธิ ีกรรมบางอยา งใหรดั กมุ ยิง่ ขึน้ และใหมีพิธีเช้ยี ยกอองสอ งเต (พิธเี ชิญ
เงก็ เซยี นฮอ งเตม าเปนประธานในพิธี)
ตํานานที่ 6
ชายขเี้ มานามวา เลาเซง็ เขาใจผิดคิดวา แมตนตายไปเพราะเปนโรคขาดสารอาหาร จนคืนหนงึ่
แมไ ดมาเขาฝน บอกวา แมต ายไปไดรบั ความสุขมากเพราะแมกนิ แตอาหารเจและตอนนีแ้ มอ ยบู นเขา
โพถอ ซัว ตัง้ อยูบ นเกาะนาํ่ ไฮ ในมณฑลจด๊ิ เจียงถาลูกอยากพบแมใ หไปที่นนั่
คร้ันถึงเทศกาลไหวพระโพธสิ ตั วกวนอมิ ท่ีเขาโพถอซัว เลา เซง็ อยากไปแตไปไมถกู จงึ ตามเพ่อื น
บา นทีจ่ ะไปไหวพระโพธสิ ัตว เพอื่ นบา นเหน็ เลาเซง็ สัญญาวาจะไมก ินเหลาและเนอื้ สัตวจ ึงใหไ ปดวย
ระหวางทางเดนิ สวนกบั คนขายเนื้อเลา เซ็งลืมสญั ญาทใี่ หไวเพื่อนบา นก็หนไี ป โชคดที ม่ี ีหญิงสาวคน
หนึง่ เดินผานมาและตองการไปไหวพ ระโพธิสัตวเ ลาเซ็งจึงขอตามนางไป
เมือ่ ถงึ เขาโพถอ ซัวขณะทเี่ ลา เซ็งกม ลงกราบไหวพ ระโพธิสตั วน ัน้ เขาเหน็ แมลอยอยเู หนอื
กระถางธปู ท่คี นอืน่ มองไมเหน็ ขณะเดนิ ทางกลับเขาไดแ ยกทางกับหญงิ สาวและไดพบเด็กชายคนหนงึ่
ยืนรอ งไหอ ยจู ึงเขาไปถามไถไดค วามวาเปนลูกของเขากับภรรยาท่เี ลกิ กนั ไปนานแลว เขาจงึ พาไปอยู
ดว ยแลว วนั หน่งึ หญงิ สาวทน่ี าํ ทางไปเขาโพถอซัวมาขออาศัยอยูดวย ท้ังสามอยดู วยกันอยา งมคี วามสขุ
หญิงสาวผนู ัน้ เปนสาวบรสิ ุทธ์ิประพฤตติ นเปน คนดีอยใู นศลี ธรรมและถอื ศีลกนิ เจอยูเนืองนติ ย
นางรวู า ใกลถ ึงวันตายของนางแลว จึงบอกเลาเซง็ เม่อื ถึงวันนนั้ นางอาบนาํ้ แตงตัวดวยอาภรณท ข่ี าว
สะอาดแลวน่ังสกั ครูก ส็ นิ้ ลม เลา เซง็ เหน็ การจากไปดวยดขี องนางคลา ยกับแมจึงเกิดศรัทธายกสมบตั ิ
ใหลูกชายแลวประพฤติตนใหม เมื่อตายไปจะไดบ ังเกดิ ผลเชน เดียวกับแมแ ละหญงิ สาวและประเพณี
กินเจจึงเร่มิ ขน้ึ
ความหมายของ เจ
คําวา เจ ในภาษาจนี ทางพุทธศาสนานกิ ายมหายานมีความหมายเดียวกบั คําวา อโุ บสถ ดังนนั้
การกนิ เจกค็ ือการรบั ประทานอาหารกอ นเทยี่ งวนั เหมือนกับทีช่ าวพทุ ธในประเทศไทยทถี่ ืออุโบสถศลี
หรอื รักษาศลี 8 โดยไมร บั ประทานอาหารหลังจากเทย่ี งวนั ไปแลว แตเน่ืองจากการถืออุโบสถศลี ของ
ชาวพทุ ธนกิ ายมหายานท่ไี มก ินเนอ้ื สัตว จึงนิยมนําการไมก ินเนอื้ สตั วไ ปรวมกนั เขากับคําวากนิ เจ
กลายเปน การถือศีลกินเจ ในปจ จุบันผทู ่รี บั ประทานอาหารท้ัง 3 มอื้ แตไ มก นิ เนอ้ื สัตวก ็ยังคงเรยี กวา
กนิ เจ ฉะน้ันความหมายกค็ ือคนกนิ เจมิใชเ พียงแตไ มก ินเนื้อสัตว แตยงั ตองดาํ รงตนอยใู นศีลธรรมอันดี
งาม มีความบริสทุ ธ์ิ สะอาด ท้ังกาย วาจา ใจ
ในภาษาจนี มคี ําหรือวลที ่ีใชอ ักษรแจ (เจ, 齋/斋) เปน ตัวประกอบรวมดว ยหลายคํา แตค าํ
วา โปยกวนแจไก (八關齋戒) แปลวา ศีลบรสิ ทุ ธิแ์ ปดประการ อนั หมายถงึ อโุ บสถศลี ซ่ึงเปน
ศพั ทข องทางพทุ ธศาสนา การแปลและเขา ใจคลาดเคลอ่ื นดังกลา วยังถูกใชเปนบรรทดั ฐานในการ
อธบิ ายวัตรปฏบิ ัติของการกินเจผดิ ตามไปดว ยวา “การกนิ เจตอ งถอื ศีลขอ วกิ าลโภชน” หรือการงดกนิ
ของขบเคยี้ วหลังเทีย่ งวันไปแลว ซ่งึ เปน ศลี ขอหนงึ่ ในศีลแปด ทง้ั ๆท่ีโรงครวั ของศาลเจาหรอื โรงเจที่
เปด เลยี้ งผูค นในชวงเทศกาลกนิ เจลว นแตม อี าหารมื้อเยน็ ใหก ับผูเขา ไปกนิ ยิ่งวนั ทมี่ ีการประกอบ
พิธีกรรมในตอนคา่ํ ยังมอี าหารมอ้ื คาํ่ บริการเสริมใหเปน พเิ ศษดวย ทเ่ี ปนเชน น้ันเพราะในชวงเทศกาล
กินเจนนั้ เขาถอื เพียงศลี หา ทเ่ี ปนนิจศลี ไมไดครองศีลแปดอยางที่หลายคนเขาใจ (เวนแตผตู ้ังจิต
อธิษฐานวา จะครองศีลแปดเปน การสวนตวั เทาน้นั )
ในทางอกั ษรศาสตรจ นี อกั ษรตัว “แจ” มพี ัฒนาการมาจาก ตวั อกั ษร ฉี “ 齊 ” ซ่งึ แปลวา
บรบิ ูรณ , เรยี บรอย อักษรแจเกิดจากการเพิ่มเสนตงั้ และสองจดุ ( 小 ) เขาไปกลางอกั ษรฉี ทาํ ให
เกดิ ตวั ซื ( 示 ) ซึง่ แปลวาการสกั การะ อยใู นแกนกลางของตัวฉี
แจ( 齋 ) จงึ มีความหมายวา การรกั ษาความบรสิ ุทธ(์ิ ทัง้ กายและใจ)เพ่อื การสกั การะ หรอื
การปฏบิ ัตบิ ชู าถวายเทพยดา ซง่ึ การอธิบายในแนวทางน้ีจะสอดคลองกับ คําวา “ 齋醮 ” ในลทั ธิ
เตา ซงึ่ ยอ มาจากคําวา 供齋醮神 ทแี่ ปลวา การบําเพญ็ กายใจใหบรสิ ุทธเิ์ พื่อเปนสักการบชู า
เทพยดา
ความหมายของแจในศาสนาอิสลาม
ศัพทค าํ วา ศีลแจ / 齋戒 ในภาษาจีน นอกจากใชในลทั ธเิ ตาและศาสนาพทุ ธแลว ยงั
หมายถึง “ศีลอด” ที่ถอื ปฏบิ ัติในเดือนถือศลี อดของชาวจนี อิสลาม สาระของศลี ก็คือการหาม
รบั ประทานอาหารใดๆในระหวางเวลาทพ่ี ระอาทติ ยข ้นึ จวบจนลบั ขอบฟา ตลอดเดือนถอื ศีลอด
แจในวัฒนธรรมดง่ั เดมิ ของจีน
ศัพท แจ พบในเอกสารจีนเกาทมี่ อี ายุกวา สองพนั ปหลายฉบับ เชน 禮記 , 周易 , 易
經 , 孟子 , 逸周書 (เอกสารท่ีอางน้ีปจ จบุ นั ถอื วาเปน คัมภีรในลทั ธหิ ย)ู เอกสารเหลา น้ันยังใช
อกั ษรตวั ฉี(齊 )แตเวลาอานออกเสียงกลับตองอา นออกเสยี งวา ไจ เชน คําวา ไจเจย๋ี / 齊潔 หรอื
ไจเจยี้ / 齊戒 ซงึ่ กค็ ือการออกเสยี งแจในสาํ เนยี งแตจ ว๋ิ นน่ั เอง อักษรฉีในเอกสารน้นั นกั อกั ษร
ศาสตรตีความวาแทจริงแลว ก็คอื อกั ษรตวั แจหรือใชแทนตัวแจ แจที่วานห้ี าไดหมายถึงการงดกินของ
สดคาว หรือ การงดรบั ประทานอาหารหลังเทย่ี ง หากหมายถึงการชําระลางรางกาย สงบจติ ใจ และ
สวมใสเส้ือผาใหมสะอาด เปน การเตรยี มกายและใจใหบรสิ ทุ ธ์เิ พอ่ื ประกอบพิธีกรรมสักการบูชา ขอพร
หรือแสดงความขอบคุณตอเทพยดาแหงสรวงสวรรค
แจเพอื่ การจําแนกความเครงครดั ของภกิ ษฝุ ายมหายาน
ศลี ของภกิ ษุฝายมหายาน ในสว นเกี่ยวกับการฉนั ของภิกษแุ ตกตา งจากฝา ยเถรวาทท้ังมีการ
จาํ แนกเปน สองลกั ษณะตามสํานักศึกษาไดแก
• เหลา ทถ่ี ือมั่นในศีลวกิ าลโภชนและฉันอาหารเจ จะไมฉนั อาหารหลังอาทติ ยเ ทีย่ งวัน
เรียก ถแี่ จ /持齋
• เหลาที่ถอื ม่นั แตก ารฉันอาหารเจ เรียกถี่สู /持素
เจียะแจ (食齋) เปนการออกเสียงตามสําเนียงถิ่นแตจิ๋ว ศพั ทคํานใ้ี ชและเปนที่เขาใจแตท าง
ตอนใตของจนี โดยเฉพาะแถบลมุ อารยธรรมหลิ่งหนาน (領南) ในมณฑลกวางตุง อันเปนแหลง
อาศยั ด้ังเดมิ ของคนแคะ แตจ ๋วิ กวางตุงและไหหนํา ซ่ึงเปนชาวจีนกลมุ ใหญใ นประเทศไทย เจียะหรือ
เจ๊ียะ (食) ในภาษาถน่ิ ใต แปลวา กนิ สว น แจ (齋) แปลวา บริสทุ ธิ์ (อางตามปทานกุ รมพุทธ
ศาสนาฉบับ วัดฝอกวงซัน ไตหวัน) เจียะแจตรงกบั คาํ วา ชือซู (吃素) ในภาษาจนี กลาง และตรงกบั
คาํ ไทยที่นยิ มใชกนั วา กินเจ จึงแปลวา การกินอาหารทบ่ี รสิ ุทธิต์ ามความเชือ่ (ในลัทธิกินเจ) คําวา
เจยี ะแจนี้ชาวจนี ฮกเกี้ยนทางปกษใ ตแ ถบจงั หวดั ภูเกต็ เรียกตางออกไปวา เจยี ะฉา ย (食菜) ทีแ่ ปล
ตามตวั อักษรไดวา กินผกั แตมีนิยามหรอื ความหมายตรงกบั คาํ วาเจยี ะแจทีก่ ลา วขา งตน
จดุ ประสงคข องการกนิ เจ
ผทู ่กี ินเจอาจจะมจี ุดเริม่ ตนท่ีแตกตา งกันไป แตจดุ ประสงคหลกั สามารถแบง ไดเ ปน 3
ประเภทดงั นี้
1. กินเพอ่ื สุขภาพ อาหารเจเปน อาหารประเภทชีวจิต เมอ่ื กินติดตอ กนั ไปชวงเวลาหน่ึงจะทําให
รา งกายเกดิ การปรับตัวใหอ ยใู นสภาวะสมดุล สามารถขบั พิษของเสียตางๆ ออกจากรา งกายได
ปรับระบบไหลเวยี นโลหิต ระบบทางเดนิ อาหารใหม ีเสถียรภาพ
2. กนิ ดว ยจิตเมตตา เน่อื งจากอาหารทเี่ รากนิ อยูใ นชีวติ ประจําวนั ประกอบดวยเลอื ดเน้อื ของ
สรรพสตั ว ผูมีจิตเมตตา มคี ุณธรรมและมจี ติ สํานกึ อนั ดงี ามยอมไมอาจกินเลอื ดเนือ้ ของสัตว
เหลา นน้ั ซึ่งมีเลือดเนื้อ จติ ใจและท่ีสําคญั มคี วามรกั ตัวกลัวตายเชนเดยี วกบั คนเรา
3. กินเพอื่ เวน กรรม ผทู ี่เขา ใจอยางลึกซึ้งยอมตระหนกั วา การกินซงึ่ อาศยั การฆาเพอื่ เอาเลอื ดเนอ้ื
ผอู น่ื มาเปนของเราเปนการสรางกรรม แมว าจะไมไ ดเ ปนผลู งมือฆาเองก็ตาม การซ้ือจากผอู ื่น
ก็เหมือนกบั การจางฆาเพราะถา ไมมคี นกินกไ็ มม ีคนฆามาขาย(ถาไมฆาไมขายก็ไมมีคนกิน)
กรรมทสี่ รางนี้จะติดตามสนองเราในไมชาทาํ ใหสขุ ภาพรางกายอายุขัยของเราสัน้ ลงเปนบอ
เกดิ ของโรคภยั ไขเจ็บ เมือ่ ผูหยั่งรูเร่ืองกฎแหงกรรมนี้จงึ หยุดกนิ หยดุ ฆาหันมารบั ประทาน
อาหารเจ ซงึ่ ทําใหร างกายเตบิ โตไดเหมอื นกัน โดยไมเหน็ แกค วามอรอยชวงเวลาสนั้ ๆ เพียงแค
อาหารผานลิ้นเทานั้น
อาหารเจ
อาหารเจเปน อาหารทปี่ รุงข้ึนโดยไมมีเนือ้ สตั ว หรือผลิตภัณฑท ไี่ ดจากสัตว (เชน นม ไข น้ําผง้ึ
น้าํ ปลา เจลาติน คอลลาเจน ) และไมปรุงดวยผกั ท่มี ีกล่นิ ฉุน ไดแก กระเทียม หอม (ทกุ ชนิดอาทิ
ตน หอม หัวหอม หอมแดง) หลักเกียว กุยชา ย และผักชี
บา งก็รวมผักชีและเครื่องเทศรสเผด็ รอ นเขา มาดวย เพราะผักเหลา น้ีสงผลกระทบตอ ธาตใุ น
รา งกาย บา งเชอ่ื วาผักเหลานเี้ พ่ิมความกําหนัดหรือมาจากเลอื ดของสตั วตามตํานานจนี [3] ทาํ ให
อาหารเจไมมีกลิน่ คาว เนือ่ งจากการงดเนอ้ื สัตว ทําใหผูท่ีกนิ เจหันมาบริโภคธัญพืชในธรรมชาตเิ พอื่ ให
ไดมาซ่ึงโปรตนี ซึ่งสวนใหญไ ดแ ก ผลติ ภณั ฑจากถ่วั เหลือง[5] โดยในประเทศจีน พบวา มีภัตตาคาร
บางแหงซง่ึ บรกิ าร "ปรงุ อาหารตามใบสงั่ แพทย" (กลาวคอื ผูท่ีเขามารับประทานจะตองไดรบั ใบส่ัง
อาหารของแพทยเสยี กอ น) โดยลกู คาของภตั ตาคารดังกลาวเปน คนไขท ่กี ําลงั เขารบั "การบาํ บดั โรค
ดว ยอาหารตามหลักเวชศาสตรโบราณ" หลังเขารบั การตรวจวนิ ิจฉยั จากแพทยแลว
หลักธรรมในการกนิ เจ
ในทัศนะของคนกินเจ การกนิ ท่ที ําใหชีวติ ผูอ ื่นตอ งเดอื ดรอนลม ตายนน้ั “มันมากเกนิ ไป” ทงั้ ๆ
ทม่ี นษุ ยก ินแตอาหารพืชผกั ก็สามรถมีชวี ติ อยไู ด
การกินเจต้ังม่นั อยบู นหลักธรรมสําคัญ 2 ประการคอื ดํารงชีวิตอยูดว ยอาหารที่ไมเ บียดเบยี น
ตนเองและดํารงชวี ิตอยดู ว ยอาหารทีไ่ มเ บียดเบยี นผอู ื่น กลา วคอื
1. ไมเ อาชีวิตของสัตวทั้งหลายมาตอเติมบํารงุ เล้ยี งชีวติ ของตน
2. ไมเ อาเลอื ดของสตั วท ัง้ หลายมาเปนเลอื ดของตน
3. ไมเอาเน้ือของสตั วทง้ั หลายมาเปน เน้ือของตน
การรบั ประทานสิ่งใดกต็ ามทท่ี าํ ลายสขุ ภาพรางกายของตนใหทรุดโทรม คอื การเบยี ดเบยี น
ตนเอง ปจ จุบนั วิทยาการเจรญิ กาวหนาไดพิสูจนยืนยันวา เลอื ดและเนือ้ ของสัตวท ่ีถกู ฆา ตายเต็มไปดวย
พษิ ภัยมากมาย
ดงั นนั้ การกินเจจงึ ไมใ ชเ พื่อใหเกดิ ผลดีตอ จติ ใจเทาน้ันแตย งั ครอบคลุมไปถึงการมีสขุ ภาพ
พลานามัยท่ีดีอีกดวย รา งกายและจติ ใจเปนของคกู นั มคี วามสัมพันธส งผลถึงกันคนเรายอมไมอาจจะ
รูสกึ เบิกบานสดชื่นรา เริงไดใ นขณะที่รา งกายเจบ็ ปวยทรุดโทรมยา่ํ แย
การปฏบิ ตั ติ นในชวงกนิ เจ
ในชวงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผทู ต่ี อ งการกนิ เจอยางครบถว นสมบูรณต ามประเพณีการ
กินเจ จะตองปฏิบตั ิดงั น้ี
1. รับประทาน "อาหารเจ"
2. งดอาหารรสจดั ซง่ึ หมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรีย้ วมาก เคม็ มาก งดผกั ที่มีกลน่ิ ฉนุ
ท้ังหลาย แยกภาชนะสาํ หรับอาหารเจเทา น้ัน
3. รกั ษาศลี หา
4. รกั ษาจติ ใจใหบริสทุ ธิ์ รกั ษาอารมณ ไมพดู คําหยาบคาย รวมถงึ งดการมเี พศสมั พนั ธ
5. ทําบญุ ทาํ ทาน ไหวพ ระ สวดมนต
6. นุงขาวหมขาวตลอดเทศกาลกนิ เจ และควรแตงกายชดุ ขาวเขา รว มพธิ ีกรรมตางๆในแตล ะศาล
เจา
สําหรบั ผูท่เี ครงครัดเพอ่ื การกินเจใหเปน ไปอยางบรสิ ทุ ธ์ิโดยแท จะเพมิ่ การปฏิบตั โิ ดยการกนิ
อาหารเฉพาะทค่ี นกนิ เจดว ยกันเปนผปู รุงเทาน้ัน รวมถึงจะลางหมอไหจนสะอาดเอ่ยี มแยกภาชนะ
สําหรับการปรุงอาหารเจไวโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยงั จดุ ตะเกยี งไว 9 ดวงตลอดชว งเทศกาลกินเจ 9
วนั โดยไมป ลอยใหดับเพื่อเปน พทุ ธบชู าและราํ ลกึ ถงึ บญุ คณุ ของพอ แมญ าติพน่ี อ งตลอดจนผทู ่มี ี
บญุ คุณตอผืนแผน ดนิ เกิด
สีในเทศกาลกนิ เจ
สแี ดง เปนสีท่ชี าวจีนเช่อื วาเปน สศี ิรมิ งคล ดังจะเหน็ ไดวาในงานมงคลตางๆ ของคนจนี ไมวา
จะเปน งานแตง วันตรุษจนี
สเี หลอื ง เปน สีสําหรบั ใชในราชวงศซ่งึ อนญุ าตใหใชไ ดเ พียงคนสองกลุม เทานน้ั กลมุ แรกคือ
กษตั ริยซ งึ่ เหน็ ไดจ ากหนังจีน เครอื่ งแตง กายและภาชนะตางๆ เปนสเี หลืองหรอื ทองซึ่งคนสามัญหาม
ใชเ ด็ดขาด กลมุ ท่ีสองคืออาจารยปราบผถี าทา นสังเกตในหนังผจี นี จะเหน็ วาเขาแตงกายและมียนั ตสี
เหลือง
สีขาว ตามธรรมเนียมจนี สขี าวคือสสี ําหรบั การไวท ุกข สดี ําท่ีเราเห็นกนั อยูในขณะน้ีเปนการรบั
วฒั นธรรมตะวนั ตก ถา ทา นสังเกตในพธิ ีงานศพของจีนจะเห็นลูกหลานแตงชุดสีขาวอยู
ความหมายของ "ธงเจ"
ในชวงเทศกาลกินเจ จะปรากฏธงประจาํ เทศกาลตามสถานทต่ี า ง ๆ โดยมีพื้นธงเปนสเี หลือง
ซง่ึ เปน สีที่อนญุ าตใหใชก ับคนสองกลุมเทานั้น คอื กลุมกษัตรยิ ราชวงศ และกลมุ อาจารยปราบผี ดงั จะ
เหน็ จากยนั ตส ีเหลอื งตามภาพยนตรจ ีน ดังนั้นสีเหลอื งจึงเปนสีของพทุ ธศาสนา หรอื ผูท รงศีล บนธง
จะเขยี นตวั อักษรสีแดง อา นวา "ไจ" หรอื "เจ" มีความหมายวา "ของไมมคี าว" เหตทุ ใี่ ชส ีแดง เพราะ
ชาวจนี เช่ือวา เปนสีมงคล สรางความเจริญใหแ กชวี ิต ธงเจนอกจากจะเปนสญั ลกั ษณข องอาหารเจ
แลว ยงั เปน การเตือนใหพ ุทธศาสนิกชนท่ีปฏิบัติตนถอื ศีลกนิ เจไดตระหนกั ถงึ การไมเ บยี ดเบียนชวี ิต
สัตว และการตัง้ อยูใ นศีลตลอดชว งกนิ เจ