The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Naruamon Bunworapech, 2023-01-03 06:50:49

โครงงาน

การนำเสนอ

แรงจูงใจและสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติ งานที่ส่ งผลต่ อความจงรักภักดี
ของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1

Motivation and working environment that affect the loyalty of Songkhla 1
Highway District employees

ที่มาและความสำคัญ

ความจงรักภักดีต่อองค์กรเป็ นหนึ่งในบทบาทหน้าที่ของบุคลากรทุกคนการพัฒนาหรือสร้างความจงรักภักดีต่อองค์กรให้เกิดขึ้นในตัว
บุคลากร นั้นจึงเป็ นสิ่งจำเป็ นขององค์กรต่างๆ ที่ต้องการประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการขององค์กรจึงจะต้องพัฒนาความ
จงรักภักดี ความรู้สึกผูกพันกับองค์กรให้เกิดขึ้นกับบุคลากร เพราะเบื้องหลังความสำเร็จนั้นย่อมต้องมาจากบุคลากรทุกคน การที่
องค์กรสามารถรักษาบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถไว้กับองค์กรได้เป็ นเวลานาน องค์กรก็จะมีความเข้มแข็งสามารถพัฒนาองค์กร
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะความจงรักภักดีคือความมั่นคงถาวรขององค์กรอย่างแท้จริงดั่งคำกล่าวที่ว่า “ใช้เงินจ้างคนทำงานให้
องค์กรได้แต่ใช้เงินซื้อความจงรักภักดีให้องค์กรไม่ได้” ไม่มีผู้บริหารคนใดสั่งให้บุคลากรจงรักภักดีได้นอกจากความคิดจิตใจภายในของ
บุคลากรเองที่ถูกหล่อหลอมจน แสดงออกเป็ นพฤติกรรมการที่องค์กร
ความจงรักภักดีต่อองค์กรก่อให้เกิดความผูกมัดสองฝ่ ายได้แก่ฝ่ ายหนึ่งที่ยินดีจะตอบแทนอย่างคุ้มค่าให้แก่อีกฝ่ ายและอีกฝ่ ายก็พร้อมที่
จะมอบความรับผิ ดชอบอย่ างเต็ มที่ ต่ องานที่ ได้รับมอบหมายบุ คลากรที่ มี ความจงรักภักดี ต่ อองค์กรจะสามารถปฏิ บัติ งานได้อย่ างมี
ประสิทธิภาพและปฏิบัติงานอยู่กับองค์กรอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดังนั้น หากพนักงานเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรแล้ว องค์กรจะ
ประสบผลสำเร็จและบรรลุจุดหมายปลายทางที่กำหนดได้ นอกจากนี้ พนักงานจะสามารถใช้ทรัพยากรประกอบด้วย (คน เงิน วัสดุ
อุปกรณ์) และเทคโนโลยี ที่มีอยู่ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
ความจงรักภักดแบ่งออกเป็ น 3 ด้านได้แก่
ด้านพฤติกรรมที่แสดงออกเป็ นการแสดงออกถึงความไม่อยากย้ายไปจากบริษัทปรารถนาที่จะคงความเป็ นสมาชิกตลอดไป
ด้านความรู้สึกเป็ นความรักที่จะทำงานกับบริษัทรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญและยินดีมีส่วนร่วมทุกกิจกรรมของบริษัทซึ่งเปรียบเสมือนทุก
คนเป็ นครอบครัว
ด้านการรับรู้เป็ นความเชื่อมั่นและไว้วางใจมีความรู้สึกโดยตรงว่ามีความจงรักภักดี มีทัศนคติเชิงบวกต่อองค์กร

วัตถุประสงค์

1. เพื่ อศึกษาระดับแรงจูงใจของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
2. เพื่ อศึกษาระดับการรับรู้ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
3. เพื่ อศึกษาระดับความจงรักภักดีต่อองค์กรของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
4. เพื่ อศึกษาเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของความจงรักภักดีของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
โดยจำแนกตามคุณลักษณะของประชากร
5. เพื่ อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยสภาพแวดล้อมและแรงจูงใจที่มีผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1

กรอบแนวคิด

ตัวแปรอิสระและตัวแปรตามที่ใช้ในการวิจัยกําหนด
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยจะกําหนดตัวแปร 2 ลักษณะดังนี้

ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ตัวแปรตาม (Depen dent Variable)


ปั จจัยส่วนบุคคล
1.เพศ ความจงรักภักดีของ
2.อายุ ภักดีของพนักงาน
3.สถานภาพ
4.ตำแหน่งงาน

1.ด้านพฤติกรรมที่
1.แรงจูงใจการทำงานของพนักงาน แสดงออก

2.ด้านความรู้สึก

3.ด้านการรับรู้

2.สภาพแวดล้อมการทำงานของ
พนักงาน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.สามารถนำไปใช้ในการวางแผนด้านแรงจูงใจให้กับพนักงานได้
2.สามารถนำไปแก้ไขและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้กับพนักงาน

ขอบเขตการวิจัย

การวิจัยในครั้งนี้มุ่งศึกษาแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานแขวงทางหลวง
สงขลาที่ 1 โดยการวิจัยจะมุ่งศึกษากลุ่มประชากรขององค์กรโดยใช้เกณฑ์ตารางเครซี่และมอแกนในการกำหนด
กลุ่มตัวอย่าง

เอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง

ในการศึกษาในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาทบทวนแนวคิด ทฤษฎีวรรณกรรมและวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจููงแลสภาพ
แวดล้อมที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานโดยแบ่งออกเป็ น 3 ส่วน 1.แนวคิด ทฤษฎีแรงจูงใจ
2.แนวคิดทฤษฎีสภาพแวดล้อม 3.แนวคิดทฤษฎีความจงรักภักดี

วิธีการดำเนินงานวิจัย

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ อศึกษาแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของ
พนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม คือ แบบสอบถาม (Questionnaire)
โดยมีขั้นตอนการศึกษา ดังนี้ 1.ประชาการและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ประชากรที่ใช้สำหรับงานวิจัยนี้
คือ (ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานจ้างทั่วไป) ที่ปฏิบัติงานในสังกัดแขวงทางหลวง
สงขลาที่ 1 จำนวน 152 คน 2.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม
เกี่ยวกับแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานศึกษาข้อมูลจากแนวคิด
ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่ อทำข้อมูลดังกล่าวมาสร้างเป็ นแบบสอบถาม

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

แบ่งเป็ น4 ตอน ดังนี้

ตอนที่ 1 เป็ นแบบสอบถามเกี่ยวกับลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ตอบแบบสอบถามประกอบด้วยคำถามเกี่ยวกับ เพศ
อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพสมรส ระดับเงินเดือน อายุประสบการณ์ในการทำงาน ลักษณะคำถามเป็ นแบบเลือกตอบ
(multiple choice)

ตอนที่ 2 เป็ นแบบสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า(rating
scale) โดยแบ่งระดับของการวัดเป็ น 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด

ตอนที่ 3 เป็ นแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณ
ค่า(rating scale) โดยแบ่งระดับของการวัดเป็ น 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด

ตอนที่ 4 เป็ นแบบสอบถามเกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อองค์กรลักษณะแบบสอบถามเป็ นแบบมาตราส่วนประมาณค่า(rating
scale) โดยแบ่งระดับของการวัดเป็ น 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการวิจัยครั้งนี้แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็ น 5 ตอน คือ
ตอนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพ และตำแหน่งงาน
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับแรงจูงใจของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่1
ตอนที่ 3 วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความจงรักภักดีของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่1
ตอนที่4การวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของต่อความจงรักภักดีขของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
โดยจำแนกตามคุณลักษณะของประชากร
ตอนที่5เพื่ อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อความจงรักภักดีของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1

สรุปผลการวิจัย

จากการศึ กษาค้นคว้าแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติ งานที่ส่ งผล ค่าเฉลี่ยและส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐานแรงจูงใจของพนักงานแขวง
ต่อความจงรักภักดีขของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1 จากกลุ่ม ทางหลวงสงขลาที่ 1 ค่าเฉลี่ยแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน โดยรวม
ตัวอย่างที่ใช้วิจัยในครั้งนี้จำนวนทั้งสิ้น 152 คน ได้แบบสอบถามกลับคืนมา อยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ = 4.34, S.D. = 0.526) เมื่อพิ จารณาเป็ น
สมบูรณ์จำนวน 152 ฉบับครบถ้วน สรุปการศึกษาได้ดังนี้ รายข้อ พบว่าข้อคำถามท่านมีความสุขในการทำงาน เมื่องานที่ทำ
นั้นบรรลุเป้ าหมาย มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (X ̅ = 4.39, S.D. = 0.632)
1 ข้อมูลส่วนบุคคล 3.ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพนักงาน
ผลจากการวิเคราะห์ปั จจัยกลุ่มตัวอย่างพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1 แขวงทางหลวงสงขลาที่1
พบว่า ส่วนใหญ่เป็ นเพศชาย จำนวน 121 คน คิดเป็ นร้อยละ 50.8 และเพศ
หญิง จำนวน 117 คน คิดเป็ นร้อยละ 49.2 รองลงมาคือ ช่วงอายุส่วนใหญ่ ค่าเฉลี่ยสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน โดยรวมอยู่ในระดับมาก
มีอายุ30 ปี ขึ้นไป จำนวน 131 คน คิดเป็ นร้อยละ 86.2 และต่ำกว่า 30 ปี ที่สุด (X ̅ = 4.38, S.D. = 0.639) เมื่อพิ จารณาเป็ นรายข้อ พบว่า
จำนวน 21 คน คิดเป็ นร้อยละ 13.8 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่สถานภาพ ข้อคำถามท่านมีความพึ งพอใจต่อบรรยากาศและความสัมพันธ์นะ
พบว่า ส่วนใหญ่โสด จำนวน 78 คน คิดเป็ นร้อยละ 451.3 สมรส จำนวน 69 หว่างเพื่ อนร่วมงาน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด (X ̅ = 4.38, S.D. = 0.639)
คน คิดเป็ นร้อยละ 45.4 และหย่าร้าง/หม้าย/แยกกันอยู่ จำนวน 5 คน คิดเป็ น 4.ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความจงรักภักดีของพนักงาน
ร้อยละ 3.3 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ตำแหน่งที่พบมากที่สุดคือ ส่วนใหญ่ แขวงทางหลวงสงขลาที่1
ลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 139 คน คิกเป็ นร้อยละ 91.4 ข้าราชการ จำนวน 6 คน
คิดเป็ นร้อยละ 3.9 ลูกจ้างประจำ จำนวน 6 คน คิดเป็ นร้อยละ 3.9 และ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเกื่ยวกับความจงรักภักดีของ
พนักงานราชการ จำนวน 1 คน คิดเป็ นร้อยละ .7 2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่ 1 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความ
เกี่ยวกับแรงจูงใจของพนักงานแขวงทางหลวงสงขลาที่1 จงรักภักดีต่อด้านการรับรู้ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X ̅ =
4.32, S.D. = 0.540) และเมื่อพิ จารณาเป็ นรายด้าน 3 ด้าน คือ
ด้านพฤติกรรมการแสดงออก ด้านความรู้สึก ด้านการรับรู้


Click to View FlipBook Version