The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 055 ปัทมาวดี อีมาด, 2023-06-11 02:55:55

การประเมินผลสื่อการเรียนการสอน

เนื้อหาต่างๆ

การประเมินผลสื่อ การเรียนการสอน


ก คํานํา หนังสืออิเล็กทรอนิกส(E-book) เลมนี้จัดทําขึ้นเพื่อใชประกอบการสอนรายวิชา PR 64604 สื่อ แหลงเรียนรู และนวัตกรรมสําหรับครูประถมศึกษา จัดอยูในกลุมวิชาชีพครู ตามหลักสูตรมหาวิทยาลัยราชภัฏหมูบานจอมบึง . พุทธศักราช 2564 เปดสอนสําหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี เนื้อหาของหนังสืออิเล็กทรอนิกส(E-book) เลมนี้ประกอบไปดวย เนื้อหาดังตอไปนี้ ความหมายของการ ประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ความสําคัญและประโยชนของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน หลักการและ ขั้นตอนการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ขั้นตอนการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน


ข สารบัญ เรื่อง หนา คํานํา ก สารบัญ ข สารบัญตาราง ค บทที่ 5 การประเมินผลสื่อการเรียนการสอน - ความหมายของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 1 - ความสําคัญและประโยชนของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 1 - หลักการและขั้นตอนการประเมินผลการเรียนการสอน 2 - หลักการการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 2 - ขั้นตอนการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 5 - วิธีการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 7 - เครื่องมือที่ใชในการประเมิน 10 - ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 15 - แบบสอบถามความคิดเห็นสําหรับครูวิทยาศาสตร/ครูคณิตศาศตรในการใชสื่อการสอน 18 - บทสรุป 21 - คําถามทบทวน 22 บรรณานุกรม ง


ค สารบัญตาราง ตารางประกอบที่ หนา 1 ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 15 2 แบบสอบถามความคิดเห็นสําหรับครูวิทยาศาสตร/ครูคณิตศาสตรในการใชสื่อการสอน 18



1 บทที่5 การประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ความหมายของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน การประเมินผลสื่อการเรียนการสอน หมายถึง การนําเอาผลการวัดและประเมินสื่อการเรียนการสอนมา ตีความหมาย ( Interpretation ) และตัดสินคุณคา ( Value Judgment ) เพื่อที่จะรูวาสื่อนั้นทําหนาที่ตาม วัตถุประสงคที่กําหนดไวไดแคไหน มีคุณภาพดีหรือไมเพียงใด มีลักษณะถูกตองตามที่ตองการหรือไมประการใด จะ เห็นไดวาการประเมินผลสื่อการเรียนรูกระทําไดโดยการพิจารณาจากขอมูลที่ไดจากการวัดผลสื่อการเรียนรูนั้น เทียบกับวัตถุประสงคที่กําหนดไว ขอมูลที่ไดจากการวัดผลซึ่งมีความสําคัญ การวัดผลจึงตองกระทําอยางมีหลักการ และเหตุผลอยางเปนระบบ เพื่อที่จะไดขอมูลที่มีความเที่ยงตรง สามารถบงบอกถึงศักยภาพของสื่อไดถูกตองตรง ตามความเ ป น จ ริ ง เ พื่ อ ป ร ะ โ ย ช น ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล สื่ อ ก า ร เ รี ย น รู อ ย า ง เ ที่ ย ง ต ร ง ต อ ไ ป ซึ่งในความหมายเดียวกันนี้จะมีคําวาการวัดผลสื่อการเรียนรูควบคูกันไปดวย ซึ่งคําวา “การวัดผลสื่อการเรียนรู”นี้ หมายถึง การกําหนดตัวเลขหรือสัญลักษณอยางมีกฎเกณฑใหกับสื่อการเรียนรู ดังนั้นการวัดผลและประเมินผลสื่อ การเรียนรูจึงเปนกระบวนการที่ตองจัดทําควบคูกันไปเสมอโดยใชเครื่องมือในการวัดและประเมินผลสื่อการเรียนรู หลากหลายประเภทหลายรูปแบบเลือกใชตามความเหมาะสม ความสําคัญและประโยชนของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน การประเมินผลสื่อการเรียนการสอนหรือสื่อการเรียนรูนั้น มีความสําคัญและกอใหเกิดประโยชนในดานตาง ๆ ดังตอไปนี้ กลาวคือ 1. ไดขอมูลเกี่ยวกับการเรียนรูของผูเรียนและคุณภาพของการเรียนการสอน ในการประเมินผลสื่อการเรียนรูจะมี สวนของการตรวจสอบการเรียนรูของผูเรียน ซึ่งเปนสิ่งที่สําคัญมาก การใชสื่อการเรียนรูเปนการอํานวยความ สะดวกและกําหนดเสนทางใหผูเรียนเกิด การเรียนรูตามวัตถุประสงคที่กําหนดไว การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนเปนกระบวนการสําคัญที่จะทําใหไดขอมูล เพื่อยืนยันวาผูเรียนเกิดการเรียนรูตามจุดประสงคหรือไม อยางไร เพียงใด หากไมทําการประเมินผลสื่อการเรียนรูเราก็ไมสามารถทราบผลของการจัดการเรียนรูและไมสามารถบอก ไดวาการเรียนการสอนนั้นประสบผลสําเร็จหรือไมอยางไร ขอมูลที่ไดจากการประเมินผลสื่อการเรียนรูในแงมุม เหลานี้จะบงบอกประสิทธิภาพการเรียนการสอนได


2 2. ไดขอมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณภาพของสื่อการเรียนรู การประเมินผลสื่อการเรียนรูจะทําใหไดขอมูลวาสื่อ ไดรับการสรางและพัฒนา ไดถูกตองเหมาะสมหรือไมในกระบวนการของการผลิต ทําใหไดสื่อการเรียนรูตรงตาม ลักษณะหรือรูปแบบเปนไปตามที่ตองการหรือไม และเมื่อนําสื่อการเรียนรูที่ผลิตนั้นไปใชสามารถใชไดจริงตามที่ ออกแบบ หรือตามที่สื่อคาดหวังไวหรือไม ขอมูลเหลานี้จะบงบอกคุณลักษณะและคุณภาพของการเรียนรูวามีความ เหมาะสมถูกตอง หรือเหมาะสมที่จะนําไปใชในการเรียนการสอนไดหรือไม 3. เกิดการพัฒนาการใชสื่อการเรียนรูใหมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การประเมินผลสื่อการเรียนรูในแต ละบริบท โดยเฉพาะอยางยิ่งการทําวิจัยหรือการพัฒนาจะทําใหไดขอมูลซึ่งในบางครั้ง เปนองคความรูใหมในการใช สื่อการเรียนรู ทําใหไดขอมูลที่จะเปนแนวทาง เปนวิธีการ หรือเปนรูปแบบใหมของการผลิตหรือการใชสื่อการ เรียนรู ซึ่งจะทาใหการจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสงผลดีตอผู เรียน ชวยใหผูเรียนเกิดการเรียนรู ไดอยางสะดวก รวดเร็ว ถูกตองและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น 4. สรางความมั่นใจและอํานวยความสะดวกแกผูใชในการเลือกสื่อการเรียนรู สื่อการสอนที่ไดรับการประเมินผล แลวจะมีขอมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพของสื่อ รวมทั้งมีขอมูลที่ชวยในการกําหนดสถานการณที่เหมาะสมตอ การนําสื่อการเรียน รูนั้นไปใชงาน ขอมูลเหลานี้จะชวยสรางความมั่นใจใหกับผูนําสื่อการเรียนรูไปใช รวมทั้งชวยอ อํานวยความสะดวกใหกับผูใชสามารถเลือกและใชสื่อการเรียนรู นั้นไดอยางสะดวก เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการ ใชในการจัดการเรียนการสอนได หลักการและขั้นตอนการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน หลักการการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน 1. หลักการเลือกสื่อการสอน การเลือกสื่อการสอนเพื่อใชในการเรียนการสอน ทําใหผูเรียนเกิดการเรียนรูมากที่สุด จําเปนจะตองมีจุดประสงค ในการเลือกสื่อการสอนที่เหมาะสม ซึ่งหลักการเลือกสื่อการสอนมีดังนี้ 1) สื่อนั้นตองสัมพันธกับเนื้อหาบทเรียนและจุดมุงหมายที่จะสอน 2) เลือกสื่อที่มีเนื้อหาถูกตอง ทันสมัย นาสนใจ และเปนสื่อที่จะใหผลตอการ เรียนการสอนมากที่สุด ชวยใหผูเรียน เขาใจเนื้อหาวิชานั้นไดดี เปนลําดับขั้นตอน 3) เปนสื่อที่เหมาะสมกับวัย ระดับชั้น ความรู และประสบการณของผูเรียน


3 4) สื่อนั้นควรสะดวกในการใช มีวิธีใชไมซับซอนยุงยากจนเกินไป 5) ตองเปนสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลิตที่ดี มีความชัดเจน และเปนจริง 6) มีราคาไมแพงจนเกินไป หรือถาจะผลิตเองควรคุมกับเวลา และการลงทุน 2. หลักการใชสื่อการสอน เตรียมตัวผูสอน เปนการเตรียมความพรอมของตัวผูสอนในการใชสื่อการสอน โดยการทําความเขาใจในเนื้อหาที่มี ในสื่อ ขั้นตอน และวิธีการใชสื่อ เปนตน 2) เตรียมจัดสภาพแวดลอม เชน สถานที่ หองเรียน หอง Lab วัสดุอุปกรณ เครื่องไมเครื่องมือ และสิ่งอํานวยความ สะดวกตาง ๆ 3) เตรียมตัวผูเรียน เพื่อใหมีความพรอมที่จะเรียน อาจมีการทดสอบ มีการอธิบายวิธีการใชสื่อ อุปกรณ เครื่องมือ ตาง ๆ บอกวัตถุประสงค แนะนําหรือใหความคิดรวบยอดของเนื้อหาในสื่อ นั้น ๆ เปนตน 4) การใชสื่อใหเหมาะกับขั้นตอนและวิธีการตามที่ไดเตรียมไวแลว และควบคุมการนําเสนอสื่อ เพื่อใหการเรียนการ สอนเปนไปอยางราบรื่น 5) การติดตามผล (Follow Up) หลังจากการใชสื่อการสอนแลว ควรมีการติดตามผลเพื่อเปนการทดสอบวา ผูเรียนเขาใจบทเรียน และเรียนรู จากสื่อที่นําเสนอไปนั้นอยางถูกตองหรือไม เชน การใหผูเรียนตอบคําถาม อภิปราย ทํารายงาน เปนตน เพื่อผูสอนจะไดทราบจุดบกพรอง สามารถ นํามาแกไข ปรับปรุงสําหรับการสอนในครั้งตอไป 3. ขั้นตอนการใชสื่อการสอน การใชสื่อการสอนนั้นอาจจะใชเฉพาะขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งของการสอน หรือจะใชทุกขั้นตอนก็ได ดังนี้ 1) ขั้นนําเขาสูบทเรียนเพื่อกระตุนใหผูเรียนเกิดความสนใจในเนื้อหาที่กําลังจะเรียนนั้น สื่อที่ใชในขั้นนี้จึงเปนสื่อที่ แสดงเนื้อหากวางๆหรือเนื้อหาที่เกี่ยวของกับการเรียนในครั้งกอน ยังมิใชสื่อที่เนนเนื้อหาเจาะลึกอยางแทจริง และ ควรเปนสื่อที่งายตอการนําเสนอในระยะเวลาอันสั้น เชน ภาพ บัตรคํา เปนตน 2) ขั้นดําเนินการสอนหรือประกอบกิจกรรมการเรียน เปนขั้นที่จะใหความรู เนื้อหาอยางละเอียดเพื่อสนอง วัตถุประสงคที่ตั้งไว ผูสอนควรเลือกสื่อใหตรงกับเนื้อหา และวิธีการสอน ตองมีการจัดลําดับขั้นตอนการใชสื่อให


4 เหมาะและสอดคลองกับกิจกรรมการเรียน การใชสื่อในขั้นนี้จะตองเปนสื่อที่เสนอความรูอยางละเอียดถูกตองและ ชัดเจนแกผูเรียน เชน สไลด แผนภูมิ วีดีทัศน เปนตน 3) ขั้นวิเคราะหและฝกปฏิบัติเปนการเพิ่มพูนประสบการณตรงแกผูเรียน เพื่อใหผูเรียนไดทดลองนําความรูที่เรียน มาแลวไปใชแกปญหาในขั้นฝกหัดโดยการลงมือฝกปฏิบัติเองสื่อในขั้นนี้จึงเปนสื่อที่เปนประเด็นปญหาใหผูเรียนได ขบคิดโดยผูเรียนเปนผูใชสื่อเองมากที่สุด เชน ภาพ บัตรปญหา สมุด แบบฝกหัด เปนตน 4) ขั้นสรุปบทเรียน เปนการย้ําเนื้อหาบทเรียนใหผูเรียนมีความเขาใจที่ถูกตองและตรงตามวัตถุประสงคที่ตั้งไว ขั้น สรุปควรใชเวลาเพียงสั้น ๆ สื่อที่สรุปจึงควรครอบคลุมเนื้อหาสําคัญทั้งหมด เชน แผนภูมิ แผนโปรงใส เปนตน 5) ขั้นประเมินผูเรียน เปนการทดสอบวาผูเรียนเขาใจในสิ่งที่เรียนไปถูกตองมากนอยเพียงใด และบรรลุตาม วัตถุประสงคที่ตั้งไวหรือไม สื่อในขั้นการประเมินนี้มักจะเปนคําถามจากเนื้อหาบทเรียนโดยอาจมีภาพประกอบดวย ก็ได 4. การประเมินผลการใชสื่อการสอน นอกจากในการใชสื่อการสอนตามขั้นตอนตาง ๆ ดังกลาวมาแลว ผูสอนควรมีการวิเคราะหเชนกันวามีการใชสื่อ การสอนอยางเหมาะสมและเปนไปตามวัตถุประสงคที่ตั้งไวหรือไม ดังนั้นจึงควรมีการประเมินการใชสื่อการสอน ตามขั้นตอนตาง ๆ ดังนี้ 1) ประเมินการวางแผนการใชสื่อ เพื่อดูวาสิ่งตาง ๆ ที่วางไวสามารถดําเนินไป ตามแผนหรือไม หรือเปนไปเพียง ตามหลักการทฤษฎีแตไมสามารถปฏิบัติไดจริง จึงตองเก็บรวบรวมขอมูลไวเพื่อการแกไขปรับปรุงในการวางแผน ครั้งตอไปใหการใชสื่อการสอนเกิด ความสอดคลองและบรรลุตามวัตถุประสงคของการใช ขอมูลที่ไดจะสะทอนให เห็นขอดีหรือขอบกพรองของแตละขั้นตอนของการวางแผนการใชสื่อการสอน วาไดมีการนําปจจัยที่ เกี่ยวของ ทั้งหมดมาพิจารณาในขั้นการวางแผนอยางครบถวน หรือไม หรือสิ่งที่นํามาพิจารณานั้นถูกตองหรือไม 2) ประเมินกระบวนการการใชสื่อ เพื่อดูวาการใชสื่อในแตละขั้นตอนประสบปญหาหรืออุปสรรคอยางไรบาง มี สาเหตุมาจากอะไรและมีการเตรียมการปองกันไวหรือไม เชน ผูเรียนไดยินเสียงของสื่ออยางชัดเจนทั่วถึงหรือไม ภาพมีขนาดใหญเพียงพอ ที่จะมองเห็นไดอยางชัดเจนจากตําแหนงที่นั่งของผูเรียนทุกคนหรือไม ฯลฯ 3) ประเมินผลที่ไดจากการใชสื่อ เปนผลที่เกิดขึ้นกับผูเรียนโดยตรงวา เมื่อเรียนแลวผูเรียนสามารถบรรลุตาม วัตถุประสงคเชิงพฤติกรรมที่ตั้งไวหรือไม และผลที่ไดนั้นเปนไปตามเกณฑหรือต่ํากวาเกณฑ


5 ขั้นตอนการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน การประเมินผลสื่อการเรียนการสอนมีขั้นตอนการตรวจสอบที่พิถีพิถันเพื่อใหไดสื่อที่มีคุณภาพอยางแทจริง ใน เบื้องแรกการตรวจสอบแบงออกไดเปนสองสวนใหญ คือ การตรวจสอบโครงสรางภายในสื่อ (Structural) และการ ตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualitative) ดังจะไดกลาวถึงรายละเอียดการตรวจสอบทั้งสองสวนตามลําดับตอไปนี้ 1. การตรวจสอบโครงสรางภายในสื่อ (Structural basis) การตรวจสอบในขั้นนี้เปนการตรวจสอบสิ่งที่ปรากฏในสื่อ ซึ่งสามารถสัมผัสไดดวยประสาทสัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น และกาย ถาสวนที่ปรากฏภายในมีลักษณะชัดเจน งาย และสะดวกแกการรับรู สื่อนั้นเปนสื่อที่มีศักยภาพสูงในการ สื่อสาร การตรวจสอบที่สําคัญในขั้นนี้ประกอบดวยสองสวนคือ ลักษณะสื่อและเนื้อหาสาระในสื่อ 1.1 ลักษณะสื่อ ปจจัยหลักที่มีผลตอการผลิตสื่อใหมีลักษณะตางๆ คือ ลักษณะเฉพาะตามประเภทของสื่อ การออกแบบ เทคนิควิธี และความงาม ดังนั้นในการตรวจสอบลักษณะสื่อ ผูตรวจสอบจะมุงตรวจสอบทั้งสี่ประเด็นขางตนเปนหลัก 1) ลักษณะเฉพาะตามประเภทของสื่อสื่อแตละประเภทมีลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะ สื่อการเรียนการสอนบาง ประเภทจะทําหนาที่เพียงใหสาระขอมูล บางประเภทจะใหทั้งสาระและกําหนดใหผูเรียนตอบสนองดวยในสื่อบาง ประเภท เชน สื่อสําหรับการศึกษารายบุคคล สื่อที่เสนอเนื้อหาสาระขอมูลอาจจะเสนอไดหลายรูปแบบ ซึ่งอาจจะ ใหความเปนรูปธรรมหรือนามธรรมมากนอยแตกตางกัน ที่เปนรูปธรรมมากที่สุดคือของจริง ซึ่งเปดโอกาสใหบุคคล ใชประสาทสัมผัสไดมากชองรับสัมผัสกวาสื่ออื่นที่มีความเปนรูปแบบรองลงมา ไดแก ของตัวอยาง ของจําลอง เปน ตน 2) มาตรฐานการออกแบบ (Design Standards) การออกแบบสื่อการเรียนการสอนเปนการสรางสรรคสิ่งใหม ดวยการนําสวนประกอบตางๆ ตามประเภทของสื่อและองคประกอบการเรียนการสอนที่เกี่ยวของมาพิจารณา เพื่อ ประโยชนของการสื่อสาระตามความคาดหมาย องคประกอบการเรียนการสอนที่เกี่ยวของในที่นี้ไดแก จิตวิทยาการ เรียนรูเฉพาะกลุมเปาหมาย หลักการสอน กระบวนการสื่อสารและลักษณะเฉพาะเรื่อง เปนตน 3) มาตรฐานทางเทคนิควิธี (Technical standards) เทคนิควิธีการเสนอสื่อ เปนปจจัยสําคัญอีกปจจัยหนึ่งที่ชวย ใหสื่อมีความนาสนใจและสามารถสื่อสารไดอยางมีประสิทธิภาพที่สําคัญประการหนึ่งที่ควรเนนในที่นี้คือ เทคนิควิธี ที่ใชในสื่อการเรียนการสอน ตองเปนเทคนิควิธีการทางการศึกษากลาวคือ เปนเทคนิควิธีการที่ชวยใหการเสนอ สาระเปนไปอยางชัดเจน ไมคลุมเครือหรือไมซอนเรนสาระเพื่อใหมีการเดาในดานการนําเสนอตองนาสนใจ ตื่นหู


6 ตื่นตา ในกรณีที่มีการเปรียบเทียบตองสามารถชี้ใหเห็นถึงความแตกตางและความเหมือน กอใหเกิดความเขาใจงาย มีความกระชับและสามารถสรุปกินความไดครบถวนถูกตองตามที่วัตถุประสงคกําหนด อีกทั้งเปนเทคนิควิธีที่ชวย ใหผูเรียนเกิดความรูสึกเปนจริงเปนจัง 1.2 เนื้อหาสาระ เนื้อหาสาระที่ปรากฏในสื่อการเรียนการสอนนั้น ผูผลิตสื่อไดบรรจุลงในสื่อโดย ผานการวิเคราะหเนื้อหา การ ออกแบบและการใชเทคนิควิธีการดําเนินการเพื่อเสนอสาระใหปรากฏตาม ลักษณะประเภทของสื่อ เนื้อหาที่ ปรากฏในสื่อจะตองครบถวนและถูกตอง ความถูกตองนี้จะถูกตองตาม เนื้อหารสาระจริง ซึ่งอาจบอกขนาด ปริมาณ และหรือเวลา เปนตน สาระ หรือมโนทัศนที่สําคัญตอง ปรากฏอยางชัดเจน อีกทั้งตองมีลําดับของการ เสนอเนื้อหาสาระที่กอใหเกิดความเขาใจงาย ไมสับสน หรือวกวน การยกตัวอยาง และหรือการกําหนดกิจกรรม ตองมีความสัมพันธสอดคลองกับเนื้อหาสาระ และชวยสนับสนุนเนื้อหาสาระใหมีความกระจาง และนาสนใจ 2. การตรวจสอบคุณภาพสื่อ (Qualitative basis)ในการทดสอบคุณภาพสื่อการเรียนการสอน เครื่องมือที่นิยม ใชกันมามี 2 แบบ คือ 2.1 แบบทดสอบ แบบทดสอบที่ใชในที่นี้ เปนแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนควรเปนแบบทดสอบที่มี ความตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) สูง และสามารถวัดไดตามเกณฑที่กําหนด ในแตละจุดประสงค โดยทั่วไป การพัฒนาแบบทดสอบมีขั้นตอนดังนี้ 1) กําหนดจํานวนขอของแบบทดสอบ 2) พิจารณากําหนดน้ําหนักวัตถุประสงคแตละขอของการพัฒนาสื่อ แลว คํานวณจํานวนขอทดสอบสําหรับ วัตถุประสงคแตละขอ 3) สรางขอสอบตามจํานวนที่กําหนดไวในขอ โดยสามารถวัดตามเกณฑที่กําหนดไดในวัตถุประสงคแตละขอ 4) พิจารณาตรวจเพื่อความถูกตอง และการแกไขปรับปรุงแบบทดสอบ โดยผูเชี่ยวชาญสรางแบบทดสอบ 5) นําแบบทดสอบไปทดลองใชกับตัวแทนกลุมเปาหมายที่มีความรูเรื่อง เนื้อหาในสื่อแลว 6) วิเคราะหแบบทดสอบโดยตรวจคาความเชื่อมั่น ความตรงเชิงเนื้อหา และ คาความยากงาย 7) คัดเลือกขอสอบใหมีจํานวนขอตามความตองการ และสามารถวัดตาม เกณฑกําหนดสําหรับแตละวัตถุ


7 2.2 แบบสังเกต ในระหวางการทดลองใชสื่อ ผูตรวจสอบควรจะสังเกตและบันทึกการแสดงของสื่อ และพฤติกรรมการใชสื่อในการ เรียนการสอนของผูใช เพื่อประโยชนในการปรับปรุง สิ่งสําคัญที่ควรสังเกตและบันทึกไวเปนรายการในแบบสังเกต คือ 1) ความสามารถเขาใจไดงาย (Understandable) 2) การใชประสาทสัมผัสไดงาย เชน มีขนาด อานงาย หรือดูงาย คุณภาพของเสียงดี ฟงงาย ฯลฯ 3) การเสนอตัวชี้แนะ (Cuing) สําหรับสาระสําคัญเดน ชัดเจน สังเกตงาย (Noticeable) 4) ระยะเวลาที่กําหนดเหมาะสม ทั้งเวลาการนําเสนอ และตอบสนองอีกทั้ง ระยะเวลาในการสื่อสารเหมาะสมกับ วัยของผูเรียน 5) วิธีการใชที่งาย สะดวก ไมยุงยาก หรือสลับซับซอนผูเรียนสนใจ และ ติดตามการแสดงของสื่อโดยตลอด วิธีการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน การประเมินสื่อการเรียนการสอนนับวาเปนขั้นตอนที่สําคัญมากอีกขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอนการ ประเมินสื่อการเรียนการสอนมักจะควบคูไปกับวิธีการประเมินไปดวย การประเมินสื่อเปนการพิจารณา ประสิทธิภาพและคุณภาพของสื่อการเรียนการสอนซึ่งถาจะใหไดผลดีนั้นควรจะมีการประเมินสื่อนั้นเมื่อมีการใชสื่อ เปนครั้งแรกเพื่อการปรับปรุงการใชสื่อในครั้งตอไป การประเมินสื่ออาจทําไดโดย 1. การประเมินโดยผูสอน ผูสอนควรเปนผูที่มีประสบการณในการสอน เคยไดรับการฝกอบรมจนมีความรูความ ชํานาญเกี่ยวกับการผลิตและการใชสื่อและมีประสบการณในการใชสื่อการเรียนการสอนมาเปนอยางดี 2. การประเมินโดยผูชํานาญ ซึ่งผูชํานาญในที่นี้ หมายถึง ผูชํานาญดานสื่อการเรียนการสอนและจะตองมี ประสบการณดานการประเมินดวย ดังนั้น ผูชํานาญอาจเปนผูสอน เปนอาจารยในมหาวิทยาลัยที่สอนในสาขาวิชา สื่อและเทคโนโลยีการศึกษา รวมทั้งอาจารยดานการวัดผลและการประเมินผลที่มีความรูความสามารถดานสื่อการ เรียนการสอน เปนตน หลักในการประเมินผลสื่อการเรียนรูโดยผูเชี่ยวชาญมีดังนี้ 1) ควรเลือกผูเชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญ รอบรู มีประสบการณเกี่ยวกับสื่อนั้น ๆ


8 2) การใหผูเชี่ยวชาญหลายคนประเมินผลสื่อการเรียนรู ยอมไดผลที่นาเชื่อถือมากกวาประเมินผลเพียงคนเดียวบง บอกคุณลักษณะและคุณภาพของสื่อการเรียนรูวามีความเหมาะสม ถูกตอง หรือเหมาะสมที่จะนําไปใชในการเรียน การสอนไดหรือไม 3) ในการประเมินผลสื่อการเรียนรูแตละประเภท ควรใชแบบประเมินผลเฉพาะของสื่อการเรียนรูประเภทนั้น ๆ ซึ่ง อาจมีความแตกตางจากสื่อประเภทอื่น ๆ 4) สําหรับสื่อการเรียนรูที่มีทั้ง Hardware และ Software นั้น จะประเมินผล Software เปนสําคัญ แตถาตองการ ประเมิน Hardware โดยเฉพาะก็จะมีเกณฑการประเมินสาหรับสื่อแตละประเภทเปนเครื่องมือสาหรับการประเมิน สื่อนั้น ๆ อยางไรก็ตามมีประเด็นสําคัญและเปนขอสังเกตบางประการที่เปนปญหาของการประเมินผลสื่อการเรียนรูโดย ผูเชี่ยวชาญหรือครูดังตอไปนี้ 1. สื่อการเรียนรูที่ผูสอนสรางขึ้นใชเองโดยทั่วไปจะผลิตออกมาตามความจาเปนที่จะใชเทานั้น เชน ผลิตสื่อ โปรแกรมคอมพิวเตอรชวยสอน (CAI) 1 ชุด หรือผลิตสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส (e-Book) 1 เรื่องขึ้นมาใช การสง ใหผูเชี่ยวชาญพิจารณาอาจทาไดยากโดยเฉพาะเมื่อตองการใหผูเชี่ยวชาญหลายคนพิจารณา และการพิจารณา Software จะตองอาศัย Hardware ดวยไมใชดูเฉพาะสื่อวัสดุโดยไมทดลองเปดดู และถาจะใหดีจะตองพิจารณา ประกอบการใชจากผูใชหรือนักเรียนดวย ดังนั้นในทางปฏิบัติจึงเปนไปไดยากที่จะประเมินผลโดยผูเชี่ยวชาญใน กรณีที่กลาวมา และสาหรับสื่อการเรียนรูบางประเภทโดยเฉพาะประเภทสื่อประสม (Multimedia) หรือสื่อเชิง ปฏิสัมพันธ (Interactive Media) ก็จะยิ่งมีปญหามากในประเด็นการประเมินลักษณะดังกลาวนี้ 2. การที่จะทราบวาสื่อการเรียนรูนั้นมีคุณลักษณะ คุณภาพดีตามความเห็นของผูเชี่ยวชาญหรือครูผูสอน ไมไดเปน การประเมินเพื่อตอบคาถามที่วา ผูเรียนเห็นวาสื่อนั้นชวยใหเกิดการเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพหรือไม และไมได พิสูจนใหเห็นถึงประสิทธิภาพของสื่อการเรียนรูนั้น จนกวาสื่อนั้นจะถูกนาไปสูกระบวนการวิจัยและพัฒนาให เกิดผลที่ชัดเจนเสียกอน 3. การประเมินโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อประเมินสื่อการสอนเปนกลุมบุคคลที่ หนวยงานแตงตั้งขึ้นมาประเมินสื่อ ซึ่งลักษณะของกรรมการชุดนี้จะประเมินคุณลักษณะ ประสิทธิภาพการใชและ คุณลักษณะดานอื่น ๆ ของสื่อการเรียนการสอนดวย 4. การประเมินผลโดยผูเรียน ผูเรียนเปนเปาหมายสําคัญของการใชสื่อการเรียนการสอน ผูเรียนเปนผูใชสื่อหรือ เรียนรูจําสื่อการเรียนรูนั้น ๆ หรือไดใชประสาทสัมผัสกับสื่อการเรียนรูนั้นในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือหลาย


9 รูปแบบ ดังนั้นผูเรียนจึงเปนผูที่มีประสบการณตรงและเปนผูที่มีการรับรู สามารถพิจารณาถึงคุณลักษณะ คุณภาพ และคุณคาของสื่อการเรียนรูไดอยางสมเหตุสมผล การประเมินผลสื่อการเรียนรูโดยผูเรียนมีหลักสําคัญดังตอไปนี้ 1) จะตองประเมินผลทันทีหลังจากการใชสื่อนั้นเสร็จแลว ไมควรปลอยไวนานเพราะจะจาไมได หรือการปลอยทิ้ง ไวนานจะทําใหประสบการณจากการสัมผัสสื่อการเรียนรูนั้นเลือนหายไปได 2) ใหผูเรียนพิจารณาประเมินเฉพาะสื่อการเรียนรูนั้น โดยแยกสิ่งที่ไมเกี่ยวของออก เชน แยกความสามารถในการ สอนของผูสอนออก 3) ใชแบบประเมินผลเฉพาะของสื่อการเรียนรูชนิดนั้นๆ ซึ่งอาจแตกตางจากสื่อการเรียนรูชนิดอื่น ๆ ที่มี คุณลักษณะเฉพาะในตัวสื่อเอง 4) ชี้แจงใหผูเรียนเขาใจอยางถูกตองวาการประเมินผลสื่อการเรียนรูนั้น เพื่อมุงใหไดขอเท็จจริงเกี่ยวกับสื่อการ เรียนการสอน คุณคาของการประเมินผลอยูที่การตอบตรงกับความรูสึกนึกคิดที่แทจริงของผูเรียนทุกคนที่มีตอสื่อ การเรียนรูนั้น 5. การประเมินประสิทธิภาพของสื่อ เปนอีกวิธีหนึ่งที่อาจทําไดดวยเชนกัน ซึ่งการประเมินประสิทธิภาพของสื่อ นั้นสื่อที่จะตองไดรับการประเมินประสิทธิภาพสวนใหญจะเปนสื่อที่ผลิตขึ้นตามหลักการของการสอนแบบ โปรแกรม เชน บทเรียนโปรแกรมชุดการสอนโมเดลและโสตทัศนูปกรณโปรแกรม เปนตน การประเมินสื่อโดยวิธีนี้ จะคํานึงถึงจุดมุงหมายของสื่อการเรียนการสอนและการวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนภายหลังจากที่เรียน จากสื่อนั้นแลว 6. การประเมินผลโดยตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นกับผูเรียน การประเมินผลสื่อการเรียนรูโดยตรวจสอบผลที่เกิด ขึ้นกับผูเรียน เปนการหาประสิทธิภาพของสื่อการเรียนการสอนเพื่อหาความเที่ยงตรง และนับวาเปนการพิสูจน คุณภาพและคุณคาของสื่อการเรียนรูนั้น การประเมินผลโดยวิธีนี้จะตองมีการวัดวาผูเรียนเกิดการเรียนรูอะไรบาง โดยวัดเฉพาะผลที่เปนจุดประสงคของการสอนที่เกิดจากการใชสื่อการเรียนรูนั้นๆ การประเมินผลลักษณะดังกลาว นี้อาจจําแนกออกเปน 2 วิธีใหญ ๆ คือ วิธีที่ 1 กําหนดเกณฑหรือมาตรฐานขั้นต่ําสุดไวเชน ผูเรียนตองสอบได 80% หรือ 90% ของคะแนนเต็มจึงจะถือ วาสื่อนั้นมีประสิทธิภาพ สื่อบางประเภทจะกําหนดเกณฑไวมากกวา 1 เกณฑเชนการประเมินเพื่อหาประสิทธิภาพ


10 บทเรียนแบบโปรแกรม หรือ ชุดการสอน จากสูตร E1/E2 โดยกําหนดเกณฑมาตรฐานการประเมินไวเชน 80/80 Standard หรือ 90/90 Standard เปนตน วิธีที่ 2 ไมไดกําหนดเกณฑมาตรฐานไวลวงหนา แตจะพิจารณาประสิทธิภาพจากการเปรียบเทียบ กลาวคือ เปรียบเทียบผลการทดสอบหลังเรียนสูงกวากอนเรียนอยางมีนัยสําคัญหรือไม หรือเปรียบเทียบวาผลสัมฤทธิ์จาก การเรียนดวยสื่อการเรียนรูนั้นสูงกวา (หรือเทากันกับ) สื่อหรือเทคนิคการสอนอยางอื่น เชนการเปรียบเทียบผล การทดสอบหลังเรียนกับกอนเรียนจากการใชแบบทดสอบชุดเดียวกัน 2 ครั้ง ( Pretest-Posttest ) โดยใชสถิติ ทดสอบชนิด t-dependent จากการคํานวณเปรียบเทียบคาวิกฤตจากสูตร t-test , Z-test เปนตน เครื่องมือที่ใชในการประเมิน ดังที่ไดกลาวมาแลววาการประเมินสื่อสามารถทําไดหลายวิธีและมีจุดมุงหมายที่ตาง ๆ กัน ดังนั้น เครื่องมือที่ใชใน การรวบรวมขอมูลเพื่อการประเมินสื่อจึงทําไดหลายลักษณะ คือ 1. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จะเปนเครื่องมือวัดความรูของผูเรียนภายหลังการเรียนจากสื่อแลว 2. แบบทดสอบความถนัดเพื่อวัดสมรรถนะของผูเรียนภายหลังเรียนจากสื่อ 3. แบบสอบถาม เปนเครื่องมือที่ใชในการสํารวจซึ่งเครื่องมือนี้จะประกอบดวยขอความหรือคํา ถามตาง ๆ เกี่ยวกับ สื่อหรืออาจจะมีชองวางใหเติมขอความดวยก็ได เครื่องมือลักษณะนี้ใชประเมินไดกับทุกกลุมเรียน 4. การสังเกตเปนการเฝาดูผลที่เกิดขึ้นจากการใชสื่อการสอนตั้งแตเริ่มตนจนจบกระบวนการใช 5. การสัมภาษณเปนการซักถามและพูดคุยกับทั้งผูผลิต ผูใชและผูเรียนเกี่ยวกับสื่อนั้น เพื่อนําขอมูลมาประกอบ พิจารณาในการประเมินสื่อ ลักษณะของเครื่องมือการประเมินสื่อการเรียนการสอน นอกจากที่ไดกลาวมาแลวนั้น ยังมีเครื่องมืออีกหลายลักษณะที่สามารถนํามาประยุกตในการออกแบบเครื่องมือการประเมินสื่อได ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ จุดมุงหมายและวิธีการประเมิน ประเภทและลักษณะการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน การประเมินผลสื่อการเรียนรูจะประเมินใน 2 ลักษณะสําคัญ ๆ ไดแก ในฐานะผูผลิต สราง หรือพัฒนาสื่อ และใน ฐานะผูใชสื่อ หรือในบางครั้งตองประเมินทั้ง 2 ลักษณะก็ได เชน ครูผูสอนไดผลิตสื่อก็ประเมินทั้งในขั้นผลิตและ


11 นําไปใช ซึ่งในทางปฏิบัติสวนใหญแลวการประเมินในลักษณะการผลิต มักจะเปนบริษัทหรือองคการที่ผลิต โดยเฉพาะหรือผูที่ศึกษาวิจัยเรื่องการสรางหรือพัฒนาสื่อการเรียนรู การประเมินในกรณีเปนผูผลิต สรางหรือพัฒนาสื่อการเรียนรู (Producer/Developer) การประเมินในลักษณะนี้ไดนําเสนอแนวคิดการประเมินไวใน 2 ประเด็นหลักสําคัญคือ 1. แนวคิดการประเมินตั้งแตเริ่มสรางของ สมหวัง พิธิยานุวัฒน (2544:242-243) มี 10 ขั้นตอนสําคัญดังนี้ 1.1 การศึกษาเอกสาร งานวิจัย และแหลงความรูที่เกี่ยวของ หลังจากตัดสินใจวาจะผลิตสื่อการเรียนรูใดแลว เพื่อ สรางความมั่นใจควรจะมีการศึกษากรอบทฤษฎี ผลการวิจัย และแหลงความรูจากบุคคลอยางเพียงพอเพื่อเปนแนว ทางการผลิตหรือพัฒนาสื่อการสอน 1.2 การวางแผนผลิต สราง หรือพัฒนาสื่อการเรียนรู โดยกําหนดวัตถุประสงคของการสรางและพัฒนาสื่อใน รูปแบบวัตถุประสงคเชิงพฤติกรรม กําหนดวิธีการตลอดจนทรัพยากรที่ตองการทุก ๆ ดาน 1.3 การทําสื่อตนแบบ เปนการเตรียมวัสดุที่ใชในการเรียนการสอน คูมือการใชและแบบประเมิน เตรียมพรอมเพื่อ นาสื่อไปทดลองใช ในขั้นนี้อาจใชผูเชี่ยวชาญดานสื่อและเนื้อหาหลักสูตรไดประเมินเบื้องตน ผลการประเมินอาจมี ขอเสนอแนะใหปรับปรุงในประเด็นตาง ๆ กอนจะทดลองใชในกลุมเล็กตามขั้นตอนตอไป 1.4 การทดลองใชกับกลุมเล็ก เปนการทดลองเบื้องตนโดยมีวัตถุประสงคเพื่อรวบรวมผลประเมินเชิงคุณภาพ เบื้องตนของสื่อการเรียนรู นิยมใชสื่อในสถานศึกษากับผูเรียน 6 - 12 คนเก็บรวบรวมขอมูลโดยการสังเกต สัมภาษณ สอบถาม 1.5 การปรับปรุงสื่อตนแบบ ในขั้นนี้เปนขั้นทบทวน ปรับปรุงผลจากการทดลองใชกับกลุมเล็ก เพื่อเตรียมความ พรอมไปใชกับกลุมใหญตอไป 1.6 การทดลองใชกับกลุมใหญ เปนการทดลองใชกับสถานศึกษา 5 - 15 แหง กับผูเรียน 30 - 100 คน โดยมีการ ทดลองกอนและหลังการใชสื่อ ผลที่ไดนามาเปรียบเทียบกับวัตถุประสงคหรือกลุมควบคุมที่เหมาะสม ในขั้นตอนนี้ เปนการทดสอบวาสื่อที่สรางหรือพัฒนาขึ้นเปนไปตามวัตถุประสงคเชิงพฤติกรรมที่เขียนไวหรือไม 1.7 การปรับปรุง เปนการปรับปรุงจากผลการทดลองใชกับกลุมใหญ


12 1.8 การทดลองความพรอมกอนนาไปใช หลังจากปรับปรุงจนมีความมั่นใจในดานคุณภาพจึงนําสื่อไปทดลองใชเพื่อ ตรวจสอบคุณภาพความพรอมสูการปฏิบัติ โดยนําไปใชกับสถานศึกษาหลายแหง ผูเรียน 40 - 200 คน เปน ขั้นตอนเพื่อทดสอบวาสื่อการเรียนรูที่สรางหรือพัฒนาขึ้นนั้นมีความพรอมที่จะนําไปใชจริงไดหรือไมเพียงไร 1.9 การปรับปรุงเกี่ยวกับองคประกอบตาง ๆ สื่อการเรียนรูที่ผลิตหรือพัฒนาสวนใหญจะมีวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ ประกอบการจัดการเรียนการสอนซึ่งตองมีการปรับปรุงเพิ่มเติมผลการทดลองใชวามีความชัดเจนสมบูรณมากนอย เพียงใด 1.10 การนําสื่อการเรียนรูไปใชและจัดระบบเผยแพรสื่อ เปนขั้นตอนสุดทายหลังจากผานขั้นตอนตางๆจนเปนที่นา พอใจก็จะนาสื่อไปใชจริงในสถานการณการเรียนการสอน พรอมทั้งเผยแพรตอไป 2. แนวคิดการประเมินเมื่อสรางสื่อตนแบบแลวของ วชิราพร อัจฉริยโกศล (2536, 13-31)แนวคิดนี้จะมีขั้นตอน หรือกระบวนการประเมินใน 2 ขั้นตอนสําคัญดังนี้ 2.1 การตรวจสอบโครงสรางภายในสื่อ ( Structural Basis ) แบงออกเปนการตรวจสอบในประเด็นตอไปนี้ 2.1.1 ลักษณะสื่อการเรียนรู ประกอบดวย 1) ลักษณะเฉพาะตามประเภทสื่อการเรียนรู สื่อแตละประเภทมีลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะ สื่อการเรียนการ สอนบางประเภทจะทําหนาที่เพียงใหสาระขอมูล บางประเภทจะใหทั้งสาระและกําหนดใหผูเรียนตอบสนองดวยใน สื่อบางประเภท เชน สื่อสําหรับการศึกษารายบุคคล สื่อที่เสนอเนื้อหาสาระขอมูลอาจจะเสนอไดหลายรูปแบบ ซึ่ง อาจจะใหความเปนรูปธรรมหรือนามธรรมมากนอยแตกตางกัน ที่เปนรูปธรรมมากที่สุดคือของจริง ซึ่งเปดโอกาสให บุคคลใชประสาทสัมผัสไดมากชองรับสัมผัสกวาสื่ออื่น ที่มีความเปนรูปแบบรองลงมา ไดแก ของตัวอยาง ของ จําลอง เปนตน สื่อบางชนิด ใหสาระเปนรายละเอียดมาก บางชนิดใหนอย บางชนิดใหแตหัวขอ เชน แผนโปรงใส สื่อบางประเภทสื่อสารดวยการดู บางประเภทสื่อสารทางเสียง หรือบางประเภทสื่อสารดวยการสัมผัส ดมกลิ่น หรือลิ้มรส เชน การสื่อสารดวยภาพ ซึ่งมีหลายชนิด ตั้งแตสื่อประเภทกราฟกอยางงายไปจนถึงภาพเหมือนจริง สื่อ ประเภทกราฟกนั้น ตองเสนอความคิดหลักเพียงความคิดเดียว ภาพก็มีหลายชนิด ภาพ ๒ มิติ หรือภาพ ๓ มิติ ภาพอาจจะอยูนิ่งหรือเคลื่อนไหวเร็ว บางชนิดเปนลายเสน รายละเอียดนอย เชน ภาพการตูน ซึ่งตางจาก ภาพเหมือนจริงที่ใหรายละเอียดมาก เปนตน รูปแบบของการเสนอภาพนั้น อาจจะเสนอภาพหลายภาพพรอมกัน (Simultaneous Images หรือ Multi-Images) หรืออาจจะเสนอภาพที่ละภาพตอเนื่องกัน (Sequential Images) เหลานี้เปนตน ลักษณะที่แตกตางกันนี้ยอมใหคุณคาแตกตางกัน


13 จะเห็นวา ในปจจุบันสื่อแตละประเภทมีความหลากหลายในรูปแบบ สวนหนึ่งเนื่องจากความเจริญกาวหนาของ เทคโนโลยีและวิธีการสอน การประยุกตใชเทคโนโลยีใหมและทฤษฎีการเรียนการสอนที่นํามาเนนใหม เชน การ ประยุกตใชทฤษฎีจิตวิทยาพุทธิปญญา (Cognitive Psychology) ในการเรียนการสอน ทําใหสื่อการเรียนการสอน แตละประเภทมีมากรูปแบบอันนํามาซึ่งประโยชนตอการสื่อสาร เชน บทเรียนคอมพิวเตอรชวยสอน (CAI) ซึ่งแต เดิมไดประยุกตใชทฤษฎีจิตวิทยาพฤติกรรมในการสรางบทเรียน (Behavioral Psychology) CAI นั้นมีลักษณะ เปนบทเรียนสําเร็จรูป แตในปจจุบันการประยุกตใชทฤษฎีจิตวิทยาพุทธิปญญา (Cognitive Psychology) ทําให เกิด CAI ในลักษณะของเกมส (Games) สถานการณจําลอง (Simulation) และโปรแกรมปญญาประดิษฐตาง ๆ (Artificial Intelligence) แตอยางไรก็ตามถึงแมสื่อการเรียนการสอนจะมีรูปแบบที่หลากหลาย สื่อที่ผลิตก็จะตอง คงลักษณะเฉพาะตามประเภทสื่อไวได ดังนั้นในการตรวจสอบสื่อ ผูตรวจสอบจะตองพิจารณาความถูกตองของลักษณะสื่อ ทั้งแตละองคประกอบและโดย สวนรวมในอันที่จะนําไปสูการทํางานที่สมบูรณตามศักยภาพของสื่อแตละประเภท และตามวัตถุประสงคของการ ผลิตสื่อ 2) มาตรฐานการออกแบบ ( Design Standards )การออกแบบสื่อการเรียนการสอนเปนการสรางสรรคสิ่งใหมดวย การนําสวนประกอบตางๆ ตามประเภทของสื่อและองคประกอบการเรียนการสอนที่เกี่ยงของมาพิจารณา เพื่อ ประโยชนของการสื่อสาระตามความคาดหมาย องคประกอบการเรียนการสอนที่เกี่ยวของในที่นี้ไดแก จิตวิทยาการ เรียนรูเฉพาะกลุมเปาหมาย หลักการสอน กระบวนการสื่อสารและลักษณะเฉพาะเรื่อง เปนตน การออกแบบสื่อที่ ดีจะตองชวยทําใหการสื่อสาระชัดเจนและเปนที่เขาใจงายสําหรับกลุมเปาหมาย กลาวคือ ตองไมเปนการออกแบบ ที่ทําใหการสื่อสารคลุมเครือ และสับสนจนเปนอุปสรรคตอการสื่อความเขาใจ ดังนั้นในการตรวจสอบสื่อในขั้นนี้ สิ่ง ที่ผูตรวจสอบสื่อจะตองพิจารณา คือ การชี้หรือแสดงสาระสําคัญตามที่ตองการไดอยางนาสนใจ กระชับและได ใจความครบถวน มีความเหมาะสมกับการจัดการเรียนการสอนหรือการฝกอบรม เชน จํานวนเวลาเรียน จํานวน บุคคลผูใชสื่อ วิธีการใชสื่อ เปนตน มีความนาสนใจ ตื่นหู ตื่นตา เราใจ และนาเชื่อถือ อนึ่ง หากสื่อนั้นมีกิจกรรม หรือตัวอยางประกอบ กิจกรรมจะตองสอดคลองกับวัตถุประสงคและเนื้อหาสาระ ทั้งกิจกรรมและตัวอยางตอง สามารถจุและตรึงความสนใจของกลุมเปาหมายไดตลอดเวลา และนําไปสูการขยายหรือเสริมสาระที่ตองการเรียนรู ใหกระจางชัด แตถาสื่อนั้นเปนวัสดุกราฟก ก็จะตองเปนการออกแบบที่ลงตัว มีความสมดุลในตัว นอกจากนี้ในบางครั้งอาจใชการออกแบบแกขอจํากัดหรือขอเสียเปรียบของลักษณะเฉพาะบางประการของสื่อ แต การกระทําเชนนี้ จําเปนตองมีผลงานวิจัยรองรับ ตัวอยางเชนโปรแกรมการสอนดวยไมโครคอมพิวเตอร (Microcomputer-based instructional programs) ซึ่งเปนบทเรียนสําเร็จรูปรายบุคคล ตามปกติบทเรียน


14 ลักษณะนี้ เปดโอกาสใหผูเรียนใชเวลาเรียนนานเทาไรก็ได แตนักวิจัยกลุมหนึ่ง อันประกอบดวย Belland, Taylor, Canelos, Dwyer และ Baker (๑๙๘๕) ตั้งประเด็นสงสัยวา การใหผูเรียนมีโอกาสใชเวลาเรียนนานเทาใดก็ไดนั้น อาจจะเปนผลทําใหผูเรียนไมตั้งใจเรียน ซึ่งเปนที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแลววา ความตั้งใจเรียนเปนปจจัยสําคัญใน การเรียนรู คณะวิจัยจึงไดทําการวิจัยโดยกําหนดเวลาเรียนในโปรแกรมกรสอนดวยไมโครคอมพิวเตอร ซึ่งการ กําหนดเวลาเรียนนี้กระทําไดเพราะอยูในสมรรถวิสัยตามศักยภาพคอมพิวเตอร ผลการวิจัยพบวา โปรแกรมที่ กําหนดเวลาเรียน ผนวกกับใหเวลาสําหรับกระบวนการคิด ชวยใหผลการเรียนสูงขึ้นอยางมีนัยสําคัญดวย ตัวอยาง งานวิจัยที่ยกมาขางบนนี้ ชี้ใหเห็นวา กรออกแบบโดยการกําหนดเวลาเรียนในบทเรียน และการประยุกตใช เทคโนโลยีคอมพิวเตอรที่สามารถกําหนดเวลาเรียนในบทเรียนได ชวยแกจุดออนหรือขอจํากัดของลักษณะเฉพาะ บทเรียนสําเร็จรูปรายบุคคลไดเปนอยางดี งานวิจัยในลักษณะนี้จะชวยนักออกแบบสื่อใหมีความมั่นใจในการ ตัดสินใจเลือกใชสื่อที่พิสูจนแลววามีประสิทธิภาพในการออกแบบ 3) มาตรฐานดานเทคนิควิธี ( Technical Standards )เทคนิควิธีการเสนอสื่อ เปนปจจัยสําคัญอีกปจจัยหนึ่งที่ชวย ใหสื่อมีความนาสนใจและสามารถสื่อสารไดอยางมีประสิทธิภาพ ที่สําคัญประการหนึ่งที่ควรเนนในที่นี้คือ เทคนิค วิธีที่ใชในสื่อการเรียนการสอน ตองเปนเทคนิควิธีการทางการศึกษากลาวคือ เปนเทคนิควิธีการที่ชวยใหการเสนอ สาระเปนไปอยางชัดเจน ไมคลุมเครือหรือไมซอนเรนสาระเพื่อใหมีการเดาในดานการนําเสนอตองนาสนใจ ตื่นหู ตื่นตา ในกรณีที่มีการเปรียบเทียบตองสามารถชี้ใหเห็นถึงความแตกตางและความเหมือน กอใหเกิดความเขาใจงาย มีความกระชับและสามารถสรุปกินความไดครบถวนถูกตองตามที่วัตถุประสงคกําหนด อีกทั้งเปนเทคนิควิธีที่ชวย ใหผูเรียนเกิดความรูสึกเปนจริงเปนจัง สวนในดานการใชสื่อ ควรเปนเทคนิควิธีที่ชวยใหความคลองตัวในการใช ใช งาย และมีความปลอดภัย 4) มาตรฐานดานความมีสุนทรียภาพของสื่อ ( Aesthetic Standards ) 2.1.2 เนื้อหาสาระ โดยอาศัยผูเชี่ยวชาญอยางนอย 3 คนเปนผูตรวจสอบเนื้อหาสาระที่ปรากฏในสื่อการเรียนรู โดยแสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงแกไขในสวนที่ควรปรับปรุง หรือใหความเห็นชอบใหดําเนินการตอไป 2.2 การตรวจสอบคุณภาพสื่อ ( Qualitative Basis ) โดยปกติการดําเนินการทดลองใชสื่อกับตัวแทนกลุมเปาหมายในสถานการณจริงแบงออกเปน 3 ขั้นตอนคือ การ ทดลองแบบเดี่ยว 1 : 1 , การทดลองกลุมเล็ก 1 : 10 , การทดลองกลุมใหญ 1 : 100 ผลการทดลองใชสื่อจะนามาเปรียบเทียบกับเกณฑมาตรฐาน กลาวคือสื่อการเรียนรูที่ประเมินมีคุณภาพมาตรฐาน ในระดับ 80/80 ในที่นี้ 80 ตัวแรกหมายถึงคะแนนรวมเฉลี่ยของกลุมคิดเปนรอยละ สําหรับ 80 ตัวหลังหมายถึง


15 รอยละ 80 ของผูเรียนบรรลุวัตถุประสงคแตละดานของสื่อการเรียนรูนั้น สาหรับกระบวนการประเมินผลสื่อตามแนวคิดนี้แสดงใหเห็นจากภาพ ตารางที่ 1 ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน ตัวอยาง 1 แบบประเมินสื่อการเรียนรู สื่อ……………………………………………….. คําชี้แจง โปรดทําเครื่องหมาย � ลงในขอความที่ตรงกับความคิดเห็นของทานมากที่สุด ระดับคะแนนการประเมิน 5 = ดีมาก 4 = ดี 3 = ปานกลาง 2 = นอย 1= ควรปรับปรุง ตอนที่ 1 แบบประเมิน รายการประเมิน ระดับความคิดเห็น 5 4 3 2 1 1. ดานเนื้อหา 1.1 เนื้อหามีความเหมาะสม สอดคลองกับสาระและมาตรฐานการ เรียนของหลักสูตรสถานศึกษา 1.2 เนื้อหามีความสมบูรณ ถูกตองตามหลักวิชา และทันสมัย เปนที่ ยอมรับในสาขาวิชา 1.3 เนื้อหาสนับสนุนความกาวหนา เพิ่มพูนองคความรูใหแกผูเรียน 1.4 เนื้อหามีความยากงายเหมาะสมกับระดับชั้นของผูเรียน


16 ตารางที่ 1 ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน(ตอ) 1.5 การจัดลําดับขั้นการนําเสนอเนื้อหาที่เหมาะสม เขาใจงาย 1.6 ภาษาที่ใชสื่อความหมายและเขาใจไดงาย 1.7 ภาษามีความเหมาะสมกับวัยหรือระดับชั้นของผูเรียน 1.8 ภาษาที่ใชถูกตอง ชัดเจน ทั้งคําศัพทและไวยากรณ 1.9 เนื้อหามีความสอดคลองกับวัตถุประสงค 2. ดานสื่อหรือเทคโนโลยี 2.1 มีความสอดคลองกับวัตถุประสงคการเรียนรู 2.2 ตรงกับลักษณะของเนื้อหาของบทเรียน 2.3 มีความเหมาะสมกับลักษณะของผูเรียน 2.4 มีลักษณะที่นาสนใจและดึงดูดความสนใจ 2.5 มีความเหมาะสมกับจํานวนของผูเรียนและกิจกรรมการเรียนการ สอน 2.6 มีวิธีการใชงาย เก็บ บํารุงรักษาไดสะดวก 2.7 มีความเหมาะสมกับสภาพแวดลอม 3. ดานการออกแบบหรือกระบวนการเรียนรู 3.1 สื่อที่ออกแบบมีความนาสนใจ เขาใจงาย


17 ตารางที่ 1 ตัวอยางการประเมินผลสื่อการเรียนการสอน(ตอ) 3.2 มีความสมดุลของเนื้อหา รูปภาพกับขนาดของสื่อ 3.3 ความเหมาะสมของกราฟก ภาพประกอบ แผนภูมิ 3.4 สื่อมีความเปนเอกภาพ ทั้งเนื้อหา ภาพประกอบ อยูในแนว เดียวกัน 3.5 สื่อที่อออกแบบมีการแทรกกิจกรรมการเรียนรูที่เหมาะสมและ สอดคลองกับเนื้อหาและวัตถุประสงค 3.6 กิจกรรมประกอบการเรียนใชคําสั่งที่ชัดเจน เขาใจงาย 3.7 กิจกรรมประกอบการเรียนกระตุนใหผูเรียนไดคิดวิเคราะห สงเสริมใหเขาใจเนื้อหาและนําไปสูการปฏิบัติจริงได 3.8 สื่อจัดองคประกอบศิลปไดเหมาะสมกับเนื้อหา เชน ตัวอักษร สี ภาพประกอบ 3.9 เทคนิควิธีการนําเสนอ นาสนใจ ชวยใหการเสนอเนื้อหาสาระ อยางชัดเจน ตอนที่ 2 ขอเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................


18 ตารางที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นสําหรับครูวิทยาศาสตร/ครูคณิตศาสตรในการใชสื่อการสอน ตัวอยาง 2 แบบสอบถามความคิดเห็นสําหรับครูวิทยาศาสตร/ครูคณิตศาสตรในการใชสื่อการสอนและอุปกรณ การเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและคณิตศาสตร ระดับประถมศึกษาที่ไดรับการสนับสนุนจากองคการ บริหารสวนจังหวัด -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- โรงเรียน...................................................................... ชื่อ – สกุล........................................................................ สอนในระดับชั้นประถมศึกษาปที่ .......... กลุมสาระการเรียนรู ........................................................................... สื่อการสอนอุปกรณการเรียนรูที่นํามาใชเปนสื่อของกลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ระดับชั้นประถมศึกษาปที่ ................. คณิตศาสตร ระดับชั้นประถมศึกษาปที่ ................. คําชี้แจง โปรดทําเครื่องหมาย ลงในชองระดับคะแนนตามความเปนจริง ขอ ขอความ ระดับความพึงพอใจ มากที่สุด มาก ปานกลาง นอย นอย ที่สุด 1 เราหรือกระตุนความสนใจ ใหเกิดการใฝรูในเรื่องที่เรียน 2 ชวยใหผูเรียนเกิดการเรียนรูไดงายสามารถจดจําไดนาน 3 มีสอดคลองกับจุดประสงคการเรียนรูที่จะสอน 4 มีความสัมพันธกับเนื้อหาบทเรียนที่จะสอน 5 เปนการเพิ่มพูนประสบการณตรงแกผูเรียน 6 สงเสริมกระบวนการเรียนรู /กระตุนกระบวนการคิดของนักเรียน 7 ชวยใหนักเรียนสรุปความคิดรวบยอดในเรื่องที่เรียนไดถูกตอง


19 ตารางที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นสําหรับครูวิทยาศาสตร/ครูคณิตศาสตรในการใชสื่อการสอน(ตอ) 8 มีความทันสมัยแปลกใหมแตกตางไปจากการเรียนปรกติ 9 สะดวก งายตอการนําไปใชในการจัดกิจกรรมการเรียนรูของครู 10 มีความคงทนสามารถนํากลับมาใชไดอีก 11 ชวยเพิ่มพูนประสบการณและเสริมสรางความเขาใจใหกับนักเรียน 12 เนื้อหามีความยากงายและเหมาะสมกับวัย 13 สงเสริมปฏิสัมพันธทางสังคมระหวางครูผูสอนกับผูเรียน 14 ถูกตองตามหลักการผลิตสื่อ 15 สามารถถายทอดเนื้อหาที่เปนนามธรรมใหเปนรูปธรรมได 16 เพิ่มบทบาทผูเรียนในการเปนผูปฏิบัติ ลงมือปฏิบัติดวยตนเอง 17 สามารถเชื่อมโยงความรูเดิมกับความรูใหม 18 เปนสื่อที่สงเสริมคุณธรรมจริยธรรมตอผูเรียน 19 เปนสื่อที่มีการประยุกตใชไดอยางเหมาะสม 20 ประหยัดเวลาลดการบอก/อธิบายลงใหผูเรียนไดเรียนรูดวยตนเอง 21 เสริมสรางบรรยากาศที่ดีมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู 22 ทําใหเกิดการคนพบความรูดวยตนเอง 23 สื่อเสริมสรางความเขาใจในบทเรียน 24 นํามาใชตรวจสอบวาผูเรียนสามารถเรียนรูหรือเขาใจสิ่งที่เรียนไป ถูกตองมากนอยเพียงใด 25 ทานมีความพึงพอใจตอสื่อการสอนอุและอุปกรณการเรียนรูที่ไดรับ โดยภาพรวมเปนอยางไร


20 ความคิดเห็นและขอเสนอแนะเพิ่มเติม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---------------------------------------------------------------------------------------------------- ลงชื่อ……………………………………………………ผูประเมิน (.......................................................................)


21 บทสรุป แนวการประเมิน (Assessment approaches) สําคัญ คือ (1) การประเมินผลของการเรียนรู (Assessment of Learning : Aol) เปนกระบวนการประเมินที่นําผลมาใชเพื่อการตัดสินสรุปผลการเรียนรู (Summative atsamet ผูเรียนหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรูสิ้นสุดลง (2) การประเมินเพื่อการเรียนรู (Assessment feat Learning : AfL) และ (3) การประเมินขณะการเรียนรู (Assessment as Learning : Aal) เปนกระบวนการ ประเมินที่ มีวัตถุประสงคเพื่อการพัฒนาหรือปรับปรุงซึ่งเกิดขึ้นระหวางการเรียนรูที่ยังไมสิ้นสุดลง (Formative assessment) ทั้งกอน และระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู การประเมินดังกลาวจะใหสารสนเทศ ที่แสดงถึง ความรู ความสามารถ ของการคิดอยางมีวิจารณญาณ การแกปญหา สรางสรรคนวัตกรรม การใหความรวมมือการ ทํางานเปนทีม มีภาวะ นาการสื่อสาร รูเทาทันสื่อ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค และการปฏิบัติตนเพื่อการเรียนรู ของผูเรียน การประเมิน เพื่อการเรียนรูนั้นคนรวบรวมขอมูลดวยเทคนิควิธีการตาง ๆ คือ การสรางขอตกลง ระหวางผูแนและผูเรียน (Learning Contract) การตั้งคําถาม (Questioning) การสังเกต (Observation) การ บันทึกการเรียนรู (Learning Journal) การประเมินตนเองและการประเมินโดยเพื่อน (Self and Peer Assessment) และการใหขอมูลยอนกลับ (Feedback) สารสนเทศที่ไดจากเทคนิคเหลานี้ผูสอนจะใหผล แก ผูเรียน และการปรับปรุงการจัดกิจกรรมการเรียนรู ของผูสอนที่จะชวยผูเรียนใหเรียนรูอยางมีประสิทธิภาพเกิด ประสิทธิผลยิ่งขึ้น การประเมินเพื่อการเรียนรูนํามาใชเพื่อ ประโยชนสําหรับการเรียนรูของผูเรียน ในชั้นเรียนให การเรียนรูถูกพัฒนาขึ้น มีจุดเนนที่เปนการประเมินเพื่อ การพัฒนาหรือปรับปรุง (Formeative) กระบวนการ จัดการเรียนรูเปนสําคัญ


22 คําถามทบทวน 1เพราะเหตุใดจึงตองมีการประเมินผลการใชสื่อการเรียนการสอน 2.ประโยชนของการประเมินผลสื่อการเรียนการสอนมีอะไรบาง 3การประเมินสื่อการสอนทีดีควรคํานึงถึงอะไรบาง 4จงยกตัวอยางเครื่องมือที่ใชในการประเมินสื่อการเรียนการสอน 5.การใชสื่อการเรียนการสอนครูควรเตรียมพรอมอยางไรบาง


ง บรรณานุกรม กรมสุขภาพจิต. (2550). บทความดานสุขภาพจิต:นวัตกรรมวิทยาศาสตรสมอง. [ระบบออนไลน].แหลงที่มา https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=1051. (26 ธันวาคม 2562). กิดานันท มะลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. พิมพครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ อรุณการพิมพ. เกริก ทวมกลาง และจินตนา ทวมกลาง.(2555). การพัฒนาสื่อนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ. กรุงเทพฯ: สถาพรบุค. ไกรยส ภัทราวาท. (2558). 10 เปาหมายการศึกษาโลก ป 2030 เมื่อเปาหมายการจัดการศึกษาไมไดหยุดแคในรั้ว โรงเรียนอีกตอไป. วารสารจดหมายถึงเพื่อนสมาชิก. ขัณธชัย อธิเกียรติ และธนารักษ สารเถื่อนแกว. (2561). การสอนแบบทันสมัยและเทคนิควิธีสอนแนวใหม. [ระบบออนไลน].แหลงที่มาhttp://regis.skru.ac.th/RegisWeb/ datafiledownload/25590714-15.pdf. (23 ธันวาคม 2562).


Click to View FlipBook Version