The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thesis_pp, 2022-06-21 03:06:57

คู่มือนักเรียนโรงเรียนสีชมพูศึกษา2565

คู่มือ สศ 2565

คมู่ ือ นักเรยี น ครู และผู้ปกครอง 49

โรงเรียนสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

ระดบั ประถมศึกษา (ป.1-6) รวม 6 ปี จำ� นวน 60 ช่ัวโมง
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม.1-3) รวม 3 ปี จ�ำนวน 45 ช่ัวโมง
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.4-6) รวม 3 ปี จำ� นวน 60 ชั่วโมง
จากโครงสร้างเวลาเรียนดังกล่าว สถานศึกษาสามารถพิจารณาจัดแบ่งจ�ำนวนเวลาส�ำหรับผู้
เรยี นแตล่ ะระดบั ชนั้ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชนไ์ ดต้ ามความเหมาะสม และอาจจดั
ให้ผ้เู รยี นได้ท�ำกิจกรรมดงั กลา่ วในบางช่ัวโมงของลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด หรอื กิจกรรมชุมนุมตา่ งๆ
กไ็ ด้ นอกจากนน้ั ยงั สามารถสอดแทรกในการเรยี นการสอนรายวชิ าตา่ งๆ โดยมหี ลกั ฐานทสี่ ามารถยนื ยนั
เวลาท่ีผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าวครบตามเวลาท่ีสถานศึกษาก�ำหนด พร้อมท้ังการประเมินการ
ปฏิบัติไว้อยา่ งชดั เจน
การจบหลกั สตู รในแตล่ ะระดบั ผเู้ รยี นจะตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นแตล่ ะประเภท ดงั นี้
ระดับประถมศกึ ษา และมัธยมศึกษาตอนต้น จัดใหผ้ เู้ รียนเข้าร่วมกิจกรรมดังน้ี
1. กิจกรรมแนะแนว
2. กจิ กรรมนักเรียน
2.1 ลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผบู้ ำ� เพญ็ ประโยชน์
2.2 ชุมนุม ชมรม
ผเู้ รยี นต้องเข้ารว่ มและได้รบั การประเมนิ กิจกรรมท้งั 2.1 และ 2.2
3. กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จดั ใหผ้ ้เู รียนได้เขา้ ร่วมกจิ กรรมดงั นี้
1. กจิ กรรมแนะแนว
2. กจิ กรรมนักเรยี น
2.1 ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำ� เพญ็ ประโยชน์ หรอื นกั ศกึ ษาวิชาทหาร
2.2 ชมุ นมุ ชมรม
ผเู้ รียนสามารถเข้ารว่ มกจิ กรรมทง้่ั 2.1 และ 2.2 หรอื เลือกอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ไดต้ าม
ความเหมาะสม
3. กิจรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์

องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแกน่

คู่มอื50 นักเรียน ครู และผู้ปกครอง
โรงเรียนสีชมพศู กึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

แนวทางการประเมนิ

การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มีแนวทางในการประเมินตามแผนภาพ ดังนี้

กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน

กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและ
สาธารณประโยชน์

ซอ่ มเสรมิ ประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ไม่ผ่าน 1. เวลาเขา้ กิจกรรม
ไม่ตามเกณฑ์ 2. การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
3. การปฏบิ ัติงาน/
ตามเกณฑ์
คุณลกั ษณะของผเู้ รียน
ผ่าน

ส่งผลประเมิน

องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอนแก่น

คมู่ อื นกั เรยี น ครู และผปู้ กครอง 51

โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปีการศกึ ษา 2565

สถานศึกษาควรก�ำหนดแนวทางทช่ี ัดเจนในการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 2 ประการคือ
การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นรายกิจกรรม และการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นเพือ่ การตัดสนิ

1. การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี นรายกจิ กรรม

การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนรายกจิ กรรม มแี นวทางปฏบิ ัติดังน้ี
1.1 ตรวจสอบเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผ้เู รียนใหเ้ ป็นไปตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษาก�ำหนด
1.2 ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรม และผลงาน/ช้ินงาน/คุณลักษณะ
ของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เน้นการมีส่วนร่วมของเกี่ยวข้อง
ในการปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ผเู้ รยี นทม่ี เี วลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม และผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามเกณฑ์
ทสี่ ถานศกึ ษากำ� หนด เปน็ ผผู้ า่ นการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นรายกจิ กรรม และนำ� ผลการประเมนิ
ไปบันทกึ ในระเบยี นแสดงผลการเรียน
1.4 ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาเข้าร่วมกิจกรรม และผลงาน/ชิ้นงาน/
คุณลักษณะของผู้เรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด การประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนครูหรือ
ผรู้ บั ผดิ ชอบตอ้ งดำ� เนนิ การซอ่ มเสรมิ และประเมนิ จนผา่ น ทง้ั นคี้ วรดำ� เนนิ การใหเ้ สรจ็ สน้ิ ในปกี ารศกึ ษา
นั้น ยกเว้นมเี หตสุ ดุ วิสัยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา

2. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นเพ่ือการตดั สนิ

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่ือการตัดสินเล่ือนชั้นและจบระดับการศึกษาเป็นการ
ประเมินการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค เพ่ือสรุปผลการผ่านในแต่ละกิจกรรม
สรุปผลรวมเพ่ือเลอ่ื นชั้นและประมวลในปีสุดทา้ ยเพอื่ การจบแตล่ ะระดบั การศกึ ษา โดยการดำ� เนนิ การ
ดงั กลา่ วมแี นวปฏบิ ัตดิ ังนี้

2.1 กำ� หนดใหม้ ผี รู้ บั ผดิ ชอบในการรบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั การรว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นของ
ผูเ้ รียนทกุ คนตลอดระดบั การศึกษา

2.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินผลการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำ� หนด เกณฑก์ ารจบแตล่ ะระดบั การศกึ ษาทส่ี ถานศกึ ษากำ� หนดนนั้ ผเู้ รยี นจะ
ตอ้ งผา่ นกิจกรรม 3 กิจกรรม ส�ำคัญ ดังน้ี

องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ขอนแก่น

คู่มอื52 นกั เรยี น ครู และผ้ปู กครอง
โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

2.2.1 กิจกรรมแนะแนว
2.2.2 กจิ กรรมนักเรยี น ไดแ้ ก่ กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ �ำเพญ็ ประโยชน์
และนกั ศกึ ษาวิชาทหาร และกิจกรรมชมุ นุม ชมรม
2.2.3 กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์
2.3 ผรู้ บั ผดิ ชอบเสนอผลการประเมนิ ตอ่ คณะอนกุ รรมการกลมุ่ สาระการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรม
พัฒนาผ้เู รียนเพื่อให้ความเหน็ ชอบ
2.4 ผรู้ บั ผดิ ชอบเสนอผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาเพอื่ อนมุ ตั ผิ ลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นา
ผู้เรียนผา่ นเกณฑ์การจบแต่ละระดบั การศึกษา

เกณฑก์ ารตัดสนิ

ผเู้ รยี นจะตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและผา่ นเกณฑต์ ามทสี่ ถานศกึ ษากำ� หนด
โดยก�ำหนดเกณฑ์ในการประเมนิ อยา่ งเหมาะสม ดังนี้

1. ก�ำหนดคุณภาพหรือเกณฑ์ในการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก�ำหนดไว้ 2 ระดบั คอื ผา่ น และไม่ผา่ น

2. ก�ำหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมและก�ำหนด
เกณฑ์การผ่านการประเมิน ดังน้ี

2.1 เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมินรายกจิ กรรม
ผา่ น หมายถงึ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ปฏิบัติกิจกรรมและ

ผลงาน/ชิ้นงาน/คุณลักษณะของผู้เรียนตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษา
กำ� หนด
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏิบัติ
กจิ กรรมและผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ ส่ี ถาน
ศึกษากำ� หนด
2.2 เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นรายป/ี รายการ
ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ ระดบั “ผา่ น” ในกจิ กรรมสำ� คญั ทงั้ 3 กจิ กรรม
คือ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียน และกจิ กรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน์

องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดขอนแกน่

คมู่ อื นกั เรยี น ครู และผู้ปกครอง 53

โรงเรียนสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

ไม่ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” ในกิจกรรมส�ำคัญทั้ง 3
กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพ่ือ
สงั คมและสาธารณประโยชน์

2.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนเพือ่ จบระดบั การศึกษา
ผ่าน หมายถงึ ผูเ้ รียนมีผลการประเมนิ ระดับ “ผา่ น” ทุกชัน้ ปใี นระดบั การศึกษาน้ัน
ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ ระดบั “ไมผ่ า่ น” บางชัน้ ปใี นระดบั การศึกษา

นน้ั

บทบาทของผเู้ รียน

1. ศึกษาข้อมูล วิเคราะหต์ นเอง และเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความ
สามารถ หรือตามข้อเสนอแนะของสถานศกึ ษา

2. เขา้ รบั การปฐมนเิ ทศจากครผู รู้ ับผดิ ชอบกิจกรรม
3. รว่ มประชมุ เลือกตง้ั คณะกรรมการฝา่ ยตา่ งๆ ตามลักษณะของกิจกรรม
4. รว่ มประชุมจัดท�ำแผนงาน โครงการ ปฏทิ ินงาน และปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดว้ ยความเอาใจใส่
อยา่ งสมาํ่ เสมอ
5. ร่วมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมและน�ำผลมาพัฒนาตนเองและน�ำเสนอผลการปฏิบัติ
กิจกรรมต่อครผู ูร้ บั ผิดชอบ
6. แลกเปล่ียนเรียนรู้ ถอดประสบการณ์ ทบทวน และสะทอ้ นความรู้สึกภายหลงั การปฏบิ ตั ิ
กิจกรรม(AAR)รวมทง้ั สร้างเครือขา่ ยจติ อาสาและขยายผลตอ่ ยอดสู่ความยงั่ ยนื

บทบาทของผู้ปกครองและชุมชน

1. มีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดกิจกรรม และอาสาร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา
และชมุ ชน

2. ยอมรบั ในศกั ยภาพของผเู้ รยี น ใหโ้ อกาสใหผ้ เู้ รยี นไดส้ ำ� รวจตนเองเพอื่ ประกอบการตดั สนิ
ใจในการเลอื กแผนการเรียน การศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชพี อาชพี

3. ดแู ล เอาใจใสผ่ เู้ รยี น และใหข้ อ้ มลู ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นา ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หา
ของผู้เรยี น

4. เปน็ ท่ีปรกึ ษาหรอื แนะแนวทางการด�ำเนินชีวิตทดี่ งี ามให้แก่ผเู้ รียน
5. รว่ มมอื กบั สถานศกึ ษาเพอ่ื ติดตามประเมนิ ผลพฒั นาและการปฏิบตั ิกิจกรรมของผูเ้ รยี น

องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดขอนแกน่

คมู่ อื54 นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

การสมคั รเรยี นรกั ษาดินแดน

ตามระเบียบกรมรักษาดินแดน วา่ ดว้ ยการเปิด-ปิดสถานศึกษา และสมัครเข้ารับฝกึ วชิ าทหาร
พ.ศ.2528 ขอ้ 11 ต้องมีคุณลกั ษณะและคณุ สมบตั ิ ดังนี้

คณุ ลกั ษณะ

1. เป็นผมู้ สี ัญชาตไิ ทย
2. มีอายไุ ม่เกิน 22 ปีบริบูรณ์ นับตามกฎหมายว่าดว้ ยการรบั ราชการทหารสำ� หรับผทู้ ย่ี งั ไม่
บรรลุนิตภิ าวะ ต้องไดร้ ับความยนิ ยอมของบดิ ามารดา หรอื ผู้ปกครอง
3. ไมพ่ กิ าร ทพุ พลภาพ หรอื มโี รคซงึ่ ไมส่ ามารถรบั ราชการทหารได้ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการ
รบั ราชการทหาร
4. ไมเ่ ปน็ บคุ คลซงึ่ ไมม่ คี ณุ วฒุ ทิ จี่ ะเปน็ ทหารไดเ้ ฉพาะบางทอ้ งที่ ตามกฎหมายทอี่ อกตามความ
ในมาตรา 13 (3) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497
5. มขี นาดรอบตัว นา้ํ หนกั และความสูงตามเกณฑ์ก�ำหนด
6. ตอ้ งมีความประพฤติเรยี บรอ้ ย
7. ไมเ่ ป็นทหารประจ�ำการ กองประจำ� การ หรือถูกก�ำหนดตัวเขา้ กองประจำ� การแล้ว

คุณสมบตั ิ

1. ก�ำลงั ศึกษาอย่ใู นสถานท่ีกรมการรักษาดินแดนเปิดท�ำการฝกึ วิชาทหารแลว้
2. สำ� เรจ็ การศึกษาตัง้ แตช่ ัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 หรอื เทยี บไดก้ บั ผู้สำ� เร็จวชิ าการศกึ ษา ต้ังแต่
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป ได้ระดับคะแนนไมน่ ้อยกว่าที่กองทัพบกกำ� หนด

สิทธิการขอใชส้ ิทธ์ินกั ศกึ ษาวชิ าทหาร

1. ผสู้ ำ� เรจ็ ฝกึ วชิ าทหารชนั้ ปที ี่ 2 และชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายสายอาชพี หรอื สายสามญั ซงึ่
สอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการข้ึนไปด้วย เม่ือเข้ารับราาชการทหารกองประจ�ำการครบตาม
กำ� หนดแล้ว จะได้รับสทิ ธแ์ิ ต่งต้ังยศเป็นสิบตรี

2. ผู้ส�ำเร็จฝึกวิชาทหารช้ันปีที่ 3 และส�ำเร็จวิชาชีพตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
วทิ ยาลัย หรือมหาวทิ ยาลยั ซึ่งมหี ลักสตู รตง้ั แต่ 3 ปขี นึ้ ไปด้วย เมื่อได้ขึน้ ทะเบยี นกองประจ�ำการและ
ปลดเป็นกองหนุนแล้ว ได้รับสทิ ธ์ิแต่งตัง้ ยศเป็นสิบโท

และตามรายละเอยี ดของระเบยี บกรมการรกั ษาดนิ แดน วา่ ดว้ ยสทิ ธแิ์ ละการขอใชส้ ทิ ธนิ์ กั ศกึ ษา
วิชาทหาร พ.ศ.2528 ตอนที่ 5 เร่ือง ขอแต่งต้ังยศผูส้ �ำเร็จการฝกึ วิชาทหาร

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแกน่

คูม่ อื นักเรยี น ครู และผปู้ กครอง 55

โรงเรียนสชี มพูศึกษา ปีการศกึ ษา 2565

วิชาลูกเสือ-เนตรนารี

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ลกู เสอื โลก
หลักสูตรเครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ

ใหน้ ักเรียนสามารถที่ จะสอบเครื่องหมายวิชาพเิ ศษ ไดด้ ังต่อไปน้ี หรืออืน่ ๆ ตามสมควร
1. กจิ กรรมของคณะลกู เสอื แห่งชาติและลกู เสือโลก
2. คำ� ปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญร่นุ ใหญ่
3. ระเบียบแถว
4. การใช้ชีวิตกลางแจง้
5. การผูกเงื่อนและประโยชน์ของเง่ือน
6. การปฐมพยาบาล
7. ความปลอดภยั ทว่ั ไป

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ลูกเสือชน้ั พิเศษ
หลกั สตู รเครอ่ื งหมายวชิ าพิเศษ

ใหน้ ักเรยี นสามารถที่ จะสอบเครื่องหมายวชิ าพิเศษ ไดด้ งั ต่อไปน้ี หรืออืน่ ๆ ตามสมควร
1. หน้าที่พลเมอื ง
2. ส่ิงแวดล้อม
3. การเดนิ สำ� รวจ
4. สมรรถภาพทางกาย
5. การแสดงออกทางศลิ ปะ
6. อดุ มคติ
7. นกั อุตนุ ิยมวิทยา
8. การบริการ

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแก่น

ค่มู อื56 นักเรยี น ครู และผปู้ กครอง
โรงเรยี นสชี มพูศึกษา ปีการศกึ ษา 2565

ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ลูกเสอื หลวง
หลกั สตู รเครื่องหมายวชิ าพิเศษ

ใหน้ ักเรยี นสามารถที่ จะสอบเครอื่ งหมายวิชาพิเศษ ได้ดงั ต่อไปน้ี หรอื อืน่ ๆ ตามสมควร
1. นกั ผจญภยั
2. นักดาราศาสตร์
3. ผจู้ ดั การค่ายพักแรม
4. นักเดินทางไกล
5. หวั หน้าคนครัว
6. นักบุกเบิก
7. นกั ธรรมชาตวิ ิทยา
8. นักสะกดรอย
9. นกั ดนตรี
10. นกั กฬี า

เกณฑ์การผ่านรายวชิ า

1. ตอ้ งแต่งกายชุดลูกเสอื -เนตรนารถี ูกตอ้ งครบทกุ ช่ัวโมง
2. ตอ้ งเข้าเรยี นครบ 80% ของเวลาเรียนท้งั หมด
3. ต้องสอบผา่ น 50% ของทุกรายวิชา
4. ตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมวันสำ� คญั ท่ที างโรงเรียนจดั หรือขอรอ้ งใหเ้ ขา้ รว่ มทุกกจิ กรรม
5. กรณแี ต่งกายไม่เรียบรอ้ ยเกนิ 6 ครัง้ หรอื ขาดเรียนเกิน 6 คร้งั (3/3) โรงเรียนจะเชิญผู้
ปกครองมาพบครผู ูส้ อน เพอ่ื รับทราบและให้นกั เรียนเรยี นซ่อมเสรมิ ส่ิงท่ีขาด
6. ตอ้ งผา่ นการฝกึ อบรมวชิ าพเิ ศษ ไมต่ า่ํ กวา่ 13 วชิ า และผา่ นวชิ านกั การเดนิ ทางไกลอยคู่ า่ ย
พักแรม อย่างนอ้ ย 3 วัน 2 คนื

เครอ่ื งหมายสายยงยศลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่

ในภาคเรียนท่ี 2 ของปีที่ 3 (ชัน้ ม.3) ลกู เสอื อาจไดร้ ับสายยงยศได้ โดยจะตอ้ ง
1. สอบไดเ้ ครอื่ งหมายลกู เสอื โลก
2. สอบไดว้ ิชาพิเศษ “นักผจญภยั ”
3. สอบไดว้ ชิ าพเิ ศษวชิ าตอ่ ไปนอ้ี กี 2 วชิ า คอื นกั ดาราศาสตร,์ นกั อตุ นุ ยิ มวทิ ยา,ผจู้ ดั การคา่ ย
พักแรม, ผู้พิทกั ษป์ า่ , นกั เดินทางไกล,หวั หนา้ คนครัว,นักบุกเบิก,นักสะกดรอย,นักธรรมชาตวิ ทิ ยา
4. ตอ้ งถักสายยงยศ (สายหนัง) ไดด้ ้วยตวั เอง

องค์การบริหารสว่ นจังหวดั ขอนแก่น

คมู่ ือ นักเรียน ครู และผ้ปู กครอง 57

โรงเรยี นสีชมพศู ึกษา ปีการศึกษา 2565

กจิ กรรมยุวกาชาด

ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1-3

กจิ กรรมวิชาต่างๆ และจ�ำนวนคาบเวลาเรยี น

คาบเวลาเรียน

ล�ำดับที่ กิจกรรมบงั คับ ภาคเรียนท่ี กิจกรรมพิเศษ

12

1 การกาชาด 3 3 1. ความจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ
2 เคหพยาบาล 3 3 ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
3 บำ� เพ็ญประโยชน์ 3 3 2. ว่ายนา้ํ
4 ระเบียบแถว 3 3 3. มารยาททางสงั คม
5 อนุรกั ษ์ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 3 3 4. พเี่ ลีย้ งเด็ก
6 การผกู เงอ่ื นและประโยชนข์ องเง่อื น 3 3 5. วางแผนครอบครวั
7 การใช้ชวี ิตกลางแจ้ง 3 3 6. ฝึกบรหิ ารจติ
7. พฒั นาบุคลิกภาพ
8. ทักษะในครอบครัว
9. ผจญภยั
10. บุกเบิก
11. การอยคู่ า่ ย
12. เดินทางไกล

ในการเรียนกิจกรรมยวุ กาชาด สมาชกิ ยวุ กาชาดต้องเรยี นกิจกรรมบังคับใหค้ รบตามทกี่ ำ� หนด
ไวใ้ นแตล่ ะระดบั ชน้ั จงึ จะถอื วา่ ผา่ นกจิ กรรมและสมาชกิ ยวุ กาชาดอาจจะเลอื กเรยี นกจิ กรรมพเิ ศษเพมิ่
เตมิ เพอื่ ใหไ้ ด้รบั เคร่อื งหมายคณุ วุฒิอีกก็ได้ ตามความเหมาะสมระดับชนั้ ละไม่เกนิ 3 กิจกรรม สำ� หรบั
ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 สามารถเรยี นกจิ กรรมพิเศษท่ีเหลือไดท้ ั้งหมด

องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดขอนแก่น

คู่มอื58 นกั เรยี น ครู และผปู้ กครอง
โรงเรียนสชี มพูศึกษา ปีการศกึ ษา 2565

ระเบียบโรงเรียนสีชมพูศึกษา ว่าด้วยการวัดและประเมนิ ผล
ตามหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศกึ ษา พุทธศักราช 2553 (ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564)

ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551

ตามทโี่ รงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา พทุ ธศกั ราช 2553
(ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตามค�ำส่ังกระทรวง
ศกึ ษาธกิ าร ที่ สพฐ 293/2551 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551เร่อื งใหใ้ ช้หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงเป็นการสมควรท่ีจะก�ำหนดระเบียบโรงเรียนสีชมพูศึกษา ว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือให้สามารถด�ำเนิน
การไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกบั คำ� ส่ังดังกล่าว

ฉะน้ัน อาศัยอ�ำนาจตามความในข้อ 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง
ศกึ ษาธกิ าร พ.ศ.2546 และกฎกระทรวงแบง่ สว่ นราชการ คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถาน
ศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน จงึ วางระเบยี บไวด้ งั ตอ่ ไปน้ี

ข้อ 1 ระเบยี บนเี้ รยี กวา่ “ระเบยี บโรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา วา่ ดว้ ยการวดั และประเมนิ ผลตามหลกั สตู ร
สถานศึกษาโรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา พทุ ธศักราช 2553 (ปรับปรงุ พ.ศ.2564) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

ขอ้ 2 ระเบียบนใ้ี หใ้ ชบ้ ังคับตง้ั แตป่ ีการศึกษา 2564 เป็นตน้ ไป
ข้อ 3 ใหย้ กเลกิ ระเบียบ ข้อบังคบั ทขี่ ดั แยง้ กบั ระเบยี บนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนีแ้ ทน
ข้อ 4 ระเบียบนี้ให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสีชมพูศึกษา พุทธศักราช 2553
(ปรับปรุง พ.ศ.2564) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ขอ้ 5 ใหผ้ ูบ้ รหิ ารสถานศึกษาสถานศึกษารักษาให้เป็นไปตามระเบียบน้ี

องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดขอนแก่น

คมู่ อื นกั เรียน ครู และผปู้ กครอง 59

โรงเรียนสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

หมวดท่ี 1
หลักการด�ำเนนิ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น

ขอ้ 6 การประเมนิ ผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตามหลกั การต่อไปนี้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตาม
มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัดของหลกั สตู ร น�ำผลไปปรับปรุงพฒั นาการจดั การเรียนร้แู ละใชเ้ ป็นข้อมลู สำ� หรบั
การตดั สนิ ผลการเรยี น สถานศกึ ษาตอ้ งมกี ระบวนการจดั การทเี่ ปน็ ระบบ เพอ่ื ใหก้ ารดำ� เนนิ การ วดั และประเมนิ
ผลการเรยี นรเู้ ปน็ ไปอยา่ งมคี ณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพ ผลการประเมนิ ตรงตามสภาพความรู้ ความสามารถทแี่ ท้
จริงของผู้เรียน ถูกต้องตามหลักการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้งสามารถรองรับการประเมินภายใน
และการประเมินภายนอกตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาจึงควรก�ำหนดหลักการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้เพ่ือเป็นแนวทางในการตัดสินใจเก่ียวกับการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ของสถาน
ศึกษาดงั นี้
6.1 สถานศกึ ษาเปน็ ผรู้ ับผดิ ชอบการประเมินผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น โดยเปิดโอกาสใหท้ กุ ฝา่ ยที่
เก่ียวขอ้ งมีสว่ นรว่ ม
6.2 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ก�ำหนดในหลักสูตรและจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
6.3 การประเมนิ ผู้เรยี นพิจารณาจากพฒั นาการของผ้เู รยี น ความประพฤติ การสังเกตพฤตกิ รรม
การเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของ
แต่ละระดับและรปู แบบการศกึ ษา
6.4 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้อง
ด�ำเนินการด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย เพ่ือให้สามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนได้อย่างรอบด้านท้ังด้าน
ความรู้ ความคดิ กระบวนการ พฤตกิ รรมและเจตคติ เหมาะสมกับส่ิงที่ตอ้ งการวัด ธรรมชาติวชิ า และระดบั
ชั้นของผู้เรียน โดยตงั้ อยู่บนพืน้ ฐานความเทย่ี งตรง ยุติธรรม และเช่ือถือได้
6.5 การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการเรียนรู้
และตดั สนิ ผลการเรียน
6.6 เปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนและผูม้ สี ่วนเกีย่ วข้องตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรียนรู้
6.7 ใหม้ กี ารเทียบโอนผลการเรยี นระหวา่ งสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาตา่ งๆ
6.8 ให้สถานศึกษาจัดท�ำเอกสารหลักฐานการศึกษา เพ่ือเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้
รายงานผลการเรยี น แสดงวฒุ ิการศกึ ษาและรับรองผลการเรียนของผ้เู รียน

องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดขอนแก่น

คมู่ ือ60 นกั เรยี น ครู และผู้ปกครอง
โรงเรียนสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

หมวดท่ี 2
วธิ กี ารและประเมนิ ผลการเรียนรู้

ข้อ 7 สถานศกึ ษาต้องด�ำเนนิ การวดั และประเมนิ ผลใหค้ รบองคป์ ระกอบทั้ง 4 ดา้ น คือ กลุ่ม
สาระการเรยี นรู้ 8 กลุ่มสาระ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นา
ผูเ้ รียน

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กำ� หนดจดุ หมาย สมรรถนะสำ� คญั ของผู้
เรียน และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาการเรียนให้เป็นคนดี มีปัญญามี
คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ แี ละมขี ดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ในเวทรี ะดบั โลก กำ� หนดใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรตู้ ามมาตรฐาน
การเรียนรู้/ตวั ชี้วัดที่ก�ำหนดในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 8 กลมุ่ สาระ มีความสามารถดา้ นการอ่าน คดิ วิเคราะห์
และเขยี น มคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น และการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น
รูม้ ีองค์ประกอบตา่ งๆ ดังแผนภาพท่ี 2.1

มาตรา/ตวั ชีว้ ดั การเรยี นรู้ การอา่ น
ใน 8 กลุ่มสาระ คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน

คณุ ภาพผู้เรยี น

คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น

แผนภาพท่ี 2.1 แสดงองค์ประกอบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้
7.1 การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามรายกลมุ่ สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ
ผู้สอนท�ำาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวชี้วัดท่ีก�ำหนดใน หน่วยการ
เรียนรดู้ ว้ ยวธิ กี ารท่ีหลากหลาย โดยครูผ้สู อนก�ำหนดอัตราสว่ นคะแนนรายตวั ช้ีวัดหรอื ผลการเรยี นรู้ คะแนน
สอบปลายภาค ใหน้ กั เรยี นทราบอยา่ งชดั เจน โดยรายวชิ าในกลมุ่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี คณติ ศาสตร์
ภาษาไทย สังคมศึกษาฯ และภาษาตา่ งประเทศ เปน็ 70:30 ส่วนกลมุ่ สาระศลิ ปะ การงานอาชพี และกลุ่มสาระ
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ใหก้ ำ� หนดอตั ราสว่ นคะแนนเปน็ 80:20 โดยทำ� การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรไู้ ปพรอ้ ม
กบั การจดั การเรยี นกรสอน ไดแ้ ก่ การสงั เกตพฒั นาการและความประพฤตขิ องผเู้ รยี น การสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี น
การร่วมกิจกรรมและการทดสอบ ซ่ึงผู้สอนต้องน�ำนวัตกรรมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลาย

องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่

คมู่ อื นกั เรยี น ครู และผู้ปกครอง 61

โรงเรยี นสชี มพูศกึ ษา ปีการศึกษา 2565

เชน่ การประเมนิ สภาพจรงิ การประเมนิ การปฏบิ ตั งิ าน การประเมนิ จากโครงงาน และการะประเมนิ จากแฟม้
สะสมงาน ไปใชใ้ นการประเมนิ ผล การเรยี นรคู้ วบคไู่ ปกบั การใชแ้ บบทดสอบแบบตา่ งๆ และตอ้ งใหค้ วามสำ� คญั
กบั การประเมินระหวา่ งป/ี ภาค มากกวา่ การประเมนิ ปลายป/ี ภาค ดงั แผนภาพท่ี 2.2

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
ภาษาไทย คณติ ศาสตร์

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วัดและประเมินการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
การงานอาชพี ด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย วทิ ยาศาสตรแ์ ละ
บูรณาการในการเรยี นการสอน
กลุ่มสาระการเรียนรู้ เทคโนโลยี
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
กลุ่มสาระการเรยี นรู้
สังคมศึกษาฯ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ศลิ ปะ ภาษาตา่ งประเทศ

แผนภาพท่ี 2.2 แสดงองคป์ ระกอบการวดั และประเมนิ ผลการเรียนร้ตู ามกล่มุ สาระการเรยี นรู้
7.2 การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน
การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น เปน็ การประเมนิ ศกั ยภาพของผเู้ รยี นในการอา่ น การฟงั
การดแู ละรับรู้ จากหนังสือ เอกสารและสื่อต่างๆ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง แลว้ นำ� มาคิดวเิ คราะห์เน้อื หาสาระท่นี ำ� ไปสู่
การแสดงความคดิ เหน็ การสงั เคราะหส์ รา้ งสรรคใ์ นเรอื่ งตา่ งๆ และถา่ ยทอดความคดิ นนั้ ดว้ ยการเขยี นซงึ่ สะทอ้ น
ถึงสติปัญญา ความรู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ แก้ปญั หาและสร้างสรรคจ์ นิ ตนาการอย่าง
เหมาะสมและมคี ณุ คา่ แกต่ นเอง สังคมและประเทศชาติ พร้อมดว้ ยประสบการณ์ และทักษะในการเขยี นทม่ี ี
ส�ำนวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและล�ำดับขั้นตอนในการน�ำเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่าง
ชดั เจนตามระดบั ความสามารถในแตล่ ะระดบั ชนั้ การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น ใหค้ รปู ระจำ� วชิ า
ดำ� เนนิ การวดั ผลตามเกณฑท์ ก่ี ำ� หนด และสรปุ ผลเปน็ รายป/ี รายภาค เพอ่ื วนิ จิ ฉยั และใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู เพอื่ ประเมนิ
การเลือ่ น ชน้ั เรียนและการจบการศึกษาระดบั ต่างๆ

องค์การบริหารสว่ นจังหวัดขอนแกน่

คู่มอื62 นักเรยี น ครู และผู้ปกครอง
โรงเรียนสชี มพศู กึ ษา ปีการศึกษา 2565

การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี นเปน็ กระบวนการที่ตอ่ เนอ่ื ง ดงั แผนภาพที่ 2.3

อา่ น (รับสาร) หนังสอื เอกสาร วิทยุ โทรทัศน์ สือ่ ต่างๆ ฯลฯ แล้วสรปุ เป็นความรู้
ความเข้าใจของตนเอง

คิดวิเคราะห์ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ หาเหตุผล แก้ปัญหา และสร้างสรรค์

เขียน (สือ่ สาร) ถ่ายทอดความรู้ ความคดิ สือ่ สารให้ผู้อืน่ เขา้ ใจ

7.3 การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานพุทธศักราช
2551 และตามท่ีสถานศึกษาก�ำหนดเพิ่มเติม ให้ครูผู้สอนด�ำเนินการวัดผลไปพร้อมกับการประเมินผลระดับ
ช้ันเรียนตามเกณฑ์ที่ก�ำหนด เป็นการประเมินรายคุณลักษณะแล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุก
ฝ่ายน�ำมาพิจารณาสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมิน การเลื่อนช้ันเรียนและการจบการ
ศึกษาระดบั ตา่ งๆ ดังแผนภาพที่ 2.3

มจี ิตสาธารณะ รกั ชาติ ศาสน์
กษัตรยิ ์

รกั ความเป็นไทย คณุ ลักษณะ ซ่อื สตั ย์
อนั พงึ ประสงค์ สุจรติ
มงุ่ มั่นในการ
ท�ำงาน มีวนิ ยั

อยอู่ ย่างพอเพียง ใฝ่เรยี นรู้

แผนภาพท่ี 2.3 แสดงองค์ประกอบการวดั และประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ขอนแก่น

คมู่ ือ นักเรียน ครู และผู้ปกครอง 63

โรงเรียนสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

7.4 การประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้ประเมินเป็นรายปีโดยสถานศึกษาเป็นผู้ก�ำหนดแนวทางการ
ประเมนิ ผรู้ บั ผดิ ชอบกิจกรรมด�ำเนินการประเมินตามจดุ ประสงค์ และเวลาในการเขา้ ร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์
ทก่ี ำ� หนดไวใ้ นแตล่ ะกจิ กรรมและใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประเมนิ การเลอ่ื น ชน้ั เรยี นและการจบการศกึ ษาระดบั ตา่ งๆ ดงั
แผนภาพที่ 2.4

กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรยี น
- ลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
ผูบ้ �ำเพ็ญประโยชน์และ
กิจกรรมเพือ่ สงั คมและ นักศกึ ษาวชิ าทหาร
สาธารณประโยชน์ - ชุมนุม/ชมรม

แผนภาพที่ 2.4 แสดงการประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน

หมวดที่ 3
เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

ขอ้ 8 การตดั สนิ ผลการเรยี น
ระดับมัธยมศกึ ษา
การตดั สนิ ผลการเรยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษามกี ารตดั สนิ ในหลายลกั ษณะคอื การผา่ นรายวชิ ากำ� หนด
เป็นภาคเรียน การเล่ือนชั้นปีก�ำหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดับช้ันก�ำหนดเป็นระดับมัธยมศึกษาตอน
ตน้ และระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หลกั เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรเู้ พอ่ื ตดั สนิ ผลการเรยี นของผู้
เรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 มีดงั นี้
8.1 ตัดสินผลการเรียนเปน็ รายวชิ า ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80
ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานัน้ ๆ
8.2 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดโดยมีผลการประเมินอยู่ในระดับผ่าน (มีผลการเรียน
ไม่น้อยกวา่ “1”)

องค์การบริหารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่

คู่มอื64 นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

8.3 ผเู้ รยี นต้องได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวิชาโดยมีผลการประเมิน ไม่น้อยกวา่ “1”
8.4 ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์และ
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน โดยมีผลการประเมินอยใู่ นระดบั ผ่าน “ผ”
การพจิ ารณาเลอ่ื นชน้ั ถา้ ผเู้ รยี นมขี อ้ บกพรอ่ งเพยี งบางตวั ชวี้ ดั ซงึ่ สถานศกึ ษาพจิ ารณาเหน็ วา่ สามารถ
พัฒนาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ ก็ใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผนั ใหเ้ ลื่อนชัน้ ได้

ข้อ 9 การให้ระดับผลการเรยี น
9.1 การตดั สินผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลขแสดงระดับผลการ
เรียนเป็น 8 ระดับในการตดั สนิ รายวิชาท่ีจะนบั หนว่ ยการเรียนไดจ้ ะต้องได้ระดับผลการเรียนต้ังแต่ 1 ขนึ้ ไป
โดยมแี นวการให้ระดบั ผลการเรยี นดงั นี้

คะแนนร้อยละ ระดบั ผลการเรียน ความหมายของผลการประเมิน
80-100 4 ดเี ย่ียม
75-79 3.5 ดมี าก
70-74 3 ดี
65-69 2.5 คอ่ นข้างดี
60-64 2 ปานกลาง
55-59 1.5 พอใช้
50-54 1
0-49 0 ผา่ นเกณฑ์ขน้ั ต่ํา
ตา่ํ กวา่ เกณฑ์

ในกรณีท่ไี มส่ ามารถใหผ้ ลการเรยี นเป็น 8 ระดบั ไดใ้ หใ้ ชต้ วั อกั ษรระบุเงื่อนไขของผลการเรยี นดังน้ี
“มส” หมายถงึ ผเู้ รยี นไมม่ ีสทิ ธิเขา้ รับการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี น โดยผเู้ รยี นท่ีมีเวลาเรียนไมถ่ งึ
ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนในแตล่ ะรายวชิ าและไม่ได้การผ่อนผันใหเ้ ข้ารบั การวัดผลปลายภาคเรยี น
“ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยงั ตดั สนิ ไมไ่ ด้ โดยผเู้ รยี นไมม่ ขี อ้ มลู ผลการเรยี นรายวชิ านนั้ ครบถว้ น
เชน่ ไมไ่ ด้วดั ผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ไดส้ ่งงานทมี่ อบหมายใหท้ �ำซ่ึงงานนนั้ เปน็ ส่วนหน่ึงของการ
ตัดสินผลการเรยี น หรอื มเี หตสุ ดุ วสิ ยั ที่ทำ� ให้ประเมินผลการเรียนไมไ่ ด้

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ขอนแก่น

ค่มู ือ นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง 65

โรงเรยี นสีชมพศู กึ ษา ปีการศกึ ษา 2565

9.2 เกณฑ์ การประเมินอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น
การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ถอื เป็นความสามารถหลกั ที่สำ� คัญซ่งึ จ�ำเป็นตอ้ งปลูกฝงั และพฒั นา
ใหเ้ กดิ ขนึ้ กบั ผเู้ รยี นดว้ ยกระบวนการจดั การศกึ ษาตามหลกั สตู รในทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ขณะเดยี วกนั กจ็ ำ� เปน็
ตอ้ งตรวจสอบวา่ ความสามารถดงั กลา่ วเกดิ ขน้ึ แลว้ หรอื ยงั เนอ่ื งจากการพฒั นาความสามารถดา้ นการอา่ นคดิ
วเิ คราะห์ และเขยี น ผเู้ รยี นจะไดร้ บั พฒั นาตามลำ� ดบั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ในกระบวนการจดั การเรยี นรตู้ ามกลมุ่ สาระ
การเรยี นรู้ หรอื กจิ กรรมตา่ งๆ กระบวนการตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ทง้ั ความรคู้ วามเขา้ ใจในการปฏบิ ตั ิ
จะดำ� เนนิ การไปดว้ ยกนั ในกระบวนการ

หลักการประเมนิ อา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน
1. เป็นการประเมินเพื่อการปรับปรุงพัฒนาผู้เรียนและประเมินเพ่ือการตัดสินการเลื่อนช้ันและจบ
การศกึ ษาระดบั ต่างๆ
2. ใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ทหี่ ลากหลาย เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นมโี อกาสไดแ้ สดงออกซง่ึ ความสามารถดงั กลา่ วอยา่ ง
เต็มศกั ยภาพและทำ� ให้ผลการประเมินท่ไี ด้มคี วามเช่อื มัน่
3. การก�ำหนดภาระงานให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ ควรสอดคล้องกับขอบเขตและประเด็นการประเมินที่
ก�ำหนด
4. ใช้รปู แบบ วิธีการประเมนิ และเกณฑก์ ารประเมนิ ท่ีได้จากการมีส่วนรว่ มของผเู้ กย่ี วข้อง
5. การสรปุ ผลการประเมนิ เพอื่ รายงาน เนน้ การรายงานคณุ ภาพของสามารถในการอา่ นคดิ วเิ คราะห์
และเขียน เป็น 4 ระดบั คอื ดเี ย่ยี ม ดี ผา่ น และไม่ผา่ น

ขอบเขตการประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1-3
การอา่ นจากสอ่ื สง่ิ พมิ พแ์ ละสอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ สทใี่ หข้ อ้ มลู สารสนเทศ ขอ้ คดิ ความรเู้ กย่ี วกบั สงั คมและ
สง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ใหผ้ อู้ า่ นนำ� ไปคดิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ สรปุ แนวคดิ คณุ คา่ ทไี่ ด้ นำ� ไปประยกุ ตใ์ ช้ ดว้ ยวจิ ารณญาณ
และถา่ ยทอดเปน็ ขอ้ เขยี นสรา้ งสรรคห์ รอื รายงานด้วยภาษาท่ีถกู ต้องเหมาะสม เชน่ อ่านหนงั สอื พิมพ์ วารสาร
หนังสอื เรียน บทความ สุนทรพจน์ ค�ำแนะน�ำ ค�ำเตือน แผนภูมิ ตาราง แผนท่ี

ตวั ช้วี ัดความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-3
1. สามารถคดั สรรสอื่ ทต่ี อ้ งการอา่ นเพอื่ หาขอ้ มลู สารสนเทศไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์ สามารถสรา้ งความ
เขา้ ใจและประยุกต์ใชค้ วามรูจ้ ากการอ่าน
2. สามารถจบั ประเด็นส�ำคญั และประเด็นสนบั สนุน โต้แย้ง
3. สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ ความสมเหตสุ มผล ความนา่ เชอื่ ถือ ลำ� ดบั ความและความเปน็ ไปได้
ของเรื่องทีอ่ า่ น
4. สามารถสรปุ คุณค่า แนวคดิ แงค่ ิดท่ีได้จากการอา่ น
5. สามารถสรุป อภปิ ราย ขยายความ แสดงความคิดเหน็ โตแย้ง สนบั สนนุ โนม้ นา้ ว โดยการเขียน
ส่อื สารในรูปแบบต่างๆ เช่น ผงั ความคดิ เป็นตน้

องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดขอนแก่น

คมู่ ือ66 นกั เรียน ครู และผปู้ กครอง
โรงเรียนสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

ขอบเขตการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4-6
การอ่านจากส่ือส่ิงพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ท่ีให้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ ประสบการณ์ แนวคิด
ทฤษฎี รวมทั้งความงดงามทางภาษาทีเ่ อื้อให้ผู้อา่ นวเิ คราะห์ วพิ ากษ์วิจารณ์ แสดงความคดิ เหน็ โต้แย้ง หรือ
สนับสนุน ท�ำนาย คาดการณ์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในการตดั สนิ ใจ แก้ปัญหา และถา่ ยทอดเป็นข้อเขียน เชิง
สร้างสรรค์ รายงาน บทความทางวิชาการอย่างถูกต้องตามหลักวิชา เช่นอ่านบทความวิชาการ วรรณกรรม
ประเภทตา่ งๆ

ขอบเขตการประเมิน
การอ่านจากสื่อส่ิงพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ท่ีให้ข้อมูลสารสนเทศ ความรู้ ประสบการณ์ แนวคิด
ทฤษฎี รวมทั้งความงดงามทางภาษาทเี่ ออื้ ใหผ้ ู้อา่ นวเิ คราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์ แสดงความคดิ เห็น โตแ้ ยง้ หรอื
สนับสนุน ท�ำนาย คาดการณ์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ แก้ปัญหา และถ่ายทอดเป็นข้อคิดเชิง
สรา้ งสรรค์ รายงาน บทความทางวิชาการอยา่ งถกู ต้องตามหลกั วิชา เชน่ อา่ นบทความวชิ าการ วรรณกรรม
ประเภทตา่ งๆ
ตัวช้ีวดั ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขยี น
1. สามารถอา่ นเพอ่ื การศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ พนู ความรปู้ ระสบการณแ์ ละการประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั
2. สามารถจบั ประเด็นส�ำคัญ ลำ� ดบั เหตุการณจ์ ากการอา่ นสื่อทม่ี คี วามซบั ซ้อน
3. สามารถวิเคราะห์สงิ่ ทีผ่ เู้ ขยี นต้องการสอื่ สารกับผ้อู ่าน และสามารถวิพากษ์ ให้ข้อเสนอแนะในแง่
มมุ ตา่ งๆ
4. สามารถประเมินความน่าเชอ่ื ถือ คณุ คา่ แนวคดิ ทไ่ี ด้จากสง่ื ที่อ่านอยา่ งหลากหลาย
5. สามารถเขียนแสดงความคดิ เห็น โตแ้ ยง้ สรุป โดยมีข้อมลู อธิบายสนบั สนุนอยา่ งเพยี งพอ

ตัวช้วี ัดความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4-6
1. สามารถอ่านเพ่ือการศึกษาค้นคว้า เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยุกต์ใช้ในชีวิต
ประจ�ำวัน
2. สามารถจบั ประเด็นส�ำคญั ลำ� ดับเหตุการณจ์ ากการอา่ นสื่อทมี่ ีความซับซอ้ น
3. สามารถวเิ คราะห์สิ่งท่ีผู้เขยี นต้องการสื่อสารกบั ผู้อ่าน และสามารถวิพากษ์ ให้ข้อแนะในแง่มมุ
ต่างๆ

องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดขอนแกน่

คมู่ อื นกั เรยี น ครู และผ้ปู กครอง 67

โรงเรียนสีชมพศู ึกษา ปีการศึกษา 2565

4. สามารถประเมินความเชอ่ื ถอื คุณคา่ แนวคดิ ทไ่ี ด้จากส่ิงท่อี ่านอย่างหลากหลาย
5. สามารถเขยี นแสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ สรปุ โดยมขี อ้ มลู อธบิ ายสนบั สนนุ อยา่ งเพยี งพอและสม
เหตุสมผล

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ควรประเมินในห้องเรียนตามปกติเป็นดีที่สุด หรือใช้
เวลานอกห้องเรียนจากการมอบหมายให้ผู้เรียนท�ำงานกลุ่มที่สะท้อนความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์
และเขียนเป็นพเิ ศษ จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนและการประเมนิ เปน็ ครง้ั ๆ แลว้ นำ� ผลมาสรปุ รวม โดยควร
แบ่งระยะเวลาสรุปเปน็ ชว่ งๆ ท้งั นี้ คณะกรรมการประเมนิ ควรร่วมกันพิจารณาเพื่อมุ่งพัฒนาผู้เรียนใหไ้ ปสตู่ วั
ช้วี ดั ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแกน่

คู่มอื68 นกั เรยี น ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน

การประเมินความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนของผู้เรียนเพ่ือเล่ือนช้ันและจบการ
ศกึ ษาแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ตามเกณฑท์ หี่ ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และสถาน
ศึกษาก�ำหนด การตัดสินผลการประเมินเพื่อเลื่อนช้ันใช้ผลการประเมินปลายปี ส่วนการตัดสินการจบระดับ
การศกึ ษาใชผ้ ลการประเมนิ ปลายปสี ดุ ทา้ ยของระดบั การศกึ ษาประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์
และเขยี น ก�ำหนดเกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นเปน็ 4 ระดับ คอื ดเี ยี่ยม ดี ผา่ น
ไม่ผา่ น

ดีเยยี่ ม หมายถึง มีผลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนท่มี ี
ด ี คุณภาพดเี ลศิ อยเู่ สมอ ระดบั คณุ ภาพ = 3
ผ่าน
ไมผ่ ่าน หมายถงึ มีผลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นทีม่ ี
คุณภาพเป็นท่ียอมรบั ระดับคุณภาพ = 2

หมายถึง มผี ลงานมแี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนท่มี ี
ขอ้ บกพรอ่ งบางประการ ระดับคุณภาพ = 1

หมายถงึ ไม่มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานนน้ั ยงั มขี อ้ บกพรอ่ งทต่ี อ้ งไดร้ บั การปรบั ปรงุ แกไ้ ข
หลายประการ ระดับคุณภาพ = 0

การประเมณิ การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น

แต่งตงั้ คณะกรรมการการพัฒนาและประเมินความสามารถ
ในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ของสถานศึกษา

ศึกษานยิ ามหรือความหมายของความสามารถในการอ่าน
คิดวิเคราะห์ และเขียน กำ� หนดขอบเขตและตวั ชว้ี ัดแต่ละระดับการศกึ ษา

ผมู้ ีส่วนเกย่ี วขอ้ งร่วมกันศึกษาหลักการประเมิน และพจิ ารณากำ� หนด
รปู แบบวิธีการพัฒนาและประเมิน

กำ� หนดแนวทางการพฒั นาและประเมนิ ใหส้ อดคลอ้ งกับขอบเขต
และตวั ชวี้ ดั

ดำ� เนนิ การพฒั นา ประเมิน และปรับปรุงแก้ไข
ตามรปู แบบและวิธีการที่ก�ำหนดอยา่ งต่อเนอ่ื ง

สรปุ การประเมิน

ตดั สนิ ปรบั ปรงุ

ดเี ย่ียม ดี ผ่าน

บนั ทกึ ผลการประเมนิ
รายงานผลการประเมนิ ตอ่ ผอู้ ่นื ทีเ่ กย่ี วข้อง

องค์การบริหารส่วนจังหวดั ขอนแกน่

คู่มอื นักเรียน ครู และผปู้ กครอง 69

โรงเรยี นสชี มพศู ึกษา ปีการศกึ ษา 2565

แนวทางการแก้ไขผเู้ รียนกรณไี มผ่ า่ นเกณฑ์

ในกรณีท่ีผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับไม่ผ่านครูผู้สอนและ
คณะกรรมการประเมินควรเร่งด�ำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมีความก้าวหน้าในตัวช้ี
วดั ที่มีจุดบกพรอ่ ง สมควรได้รับการแก้ไขในระยะเวลาพอสมควรทผี่ ้เู รยี นจะเกดิ การเรยี นรู้ และสรา้ งผลงานท่ี
สะท้อนความสามารถในตัวช้ีวัดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขได้อย่างแท้จริงด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เช่น มอบหมาย
ให้ผู้เรียนได้อ่าน ได้คิดวิเคราะห์จากเรื่องท่ีอ่าน และสามารถส่ือสารสาระส�ำคัญจากเร่ืองท่ีอ่านโดยการเขียน
อย่างมีประสทิ ธิภาพ แล้วนำ� ผลงานไปเทยี บกับแนวการใหค้ ะแนนและเกณฑก์ ารตดั สนิ ท่สี ถานศึกษากำ� หนด
ตง้ั แตร่ ะดับ ดีเย่ยี ม ดี และ ผ่าน

9.3 การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลกั สูตรอิงมาตรฐานซง่ึ ก�ำหนดสง่ิ
ท่ีผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดซ่ึงจะประกอบด้วยความรู้ ความสามารถ
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ เมอื่ ผเู้ รยี นไดร้ บั การพฒั นาไปแลว้ นอกจากจะมคี วามรคู้ วามสามารถ
ตลอดจนคุณธรรม จริยธรรมที่ก�ำหนดไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดแล้ว จะน�ำไปสู่การมีสมรรถนะ
สำ� คัญ 5 ประการ และมคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 8 ประการไดแ้ ก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอื่ สัตยส์ ุจริต มี
วนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มน่ั ในการทำ� งาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะและโรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา
ได้เพิ่มอัตลักษณข์ องโรงเรยี น คือ นกั เรยี นมีสัมมาคารวะ ยิม้ ไว้ ทกั ทายเปน็ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคต์ วั ที่ 9
การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ อ้ งใชข้ อ้ มลู จากการสงั เกตพฤตกิ รรม ซงึ่ โรงเรยี นสชี มพไู ดเ้ ลอื กวธิ กี าร
ประเมนิ โดยใหค้ รผู สู้ อนประจำ� วชิ าเปน็ ผปู้ ระเมนิ ทกุ คณุ ลกั ษณะแลว้ สง่ ผลการประเมนิ ทง่ี านวดั ผลซงึ่ จะดำ� เนนิ
การประมวลผลของนกั เรยี นทกุ คนเปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ย ซง่ึ ใชเ้ วลาในการเกบ็ ขอ้ มลู พฤตกิ รรมเพอื่ นำ� มาประเมนิ และ
ตัดสิน โดยมเี กณฑใ์ นการประเมินดงั นี้

ดีเยี่ยม หมายถึง ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและน�ำไปใช้ในชีวิต
ระดบั คุณภาพ 3 ประจำ� วัน เพ่อื ประโยชนส์ ุขของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผล
การประเมินระดับดเี ย่ยี ม จำ� นวน 5-9 คณุ ลกั ษณะและไมม่ ีคุณลกั ษณะ
ใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ํ กว่า ระดับดี
ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะในการปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑเ์ พอื่ ใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรบั ของ
ระดับคณุ ภาพ 2 สังคมโดยพิจารณาจาก
1. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ�ำนวน 1-4 คุณลักษณะและไม่มี
คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ํ กว่าระดบั ดี หรือ
2. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จ�ำนวน 4 คุณลักษณะ และไม่มี
คณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมินต่าํ กวา่ ระดบั ผา่ น หรอื
3. ได้ผลการประเมินระดับดี จ�ำนวน 5-9 คุณลักษณะและไม่มี
คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตํ่ากว่าระดบั ผ่าน

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแก่น

คู่มือ70 นกั เรียน ครู และผปู้ กครอง
โรงเรยี นสีชมพศู กึ ษา ปีการศึกษา 2565

ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรู้และปฏิบัติตามกฏเกณฑ์และเงื่อนไขท่ีสถานศึกษาก�ำหนดโดย
พิจารณาจาก
ระดับคุณภาพ 1 1. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จ�ำนวน 5-9 คุณลักษณะและไม่มี

คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินตํ่ากว่าระดับผ่าน หรือ
2. ได้ผลการประเมินระดับดี จ�ำนวน 4 คุณลักษณะ และไม่มี
คุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ํ กวา่ ระดับผา่ น

ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขท่ี ก�ำหนด โดย
พจิ ารณา จากผลการประเมินระดับ ไมผ่ ่าน ตงั้ แต่ 1 คุณลกั ษณะ
ระดับคุณภาพ 0

กรณีท่ีผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้ผู้ที่รับผิดชอบด�ำเนินการปรับปรุง พัฒนา
และประเมนิ ตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากำ� หนด

9.4 การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน
จะตอ้ งพจิ ารณาท้ังเวลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่
สถานศกึ ษากำ� หนดและใหผ้ ลการเข้ารว่ มกจิ กรรมเป็นผ่าน และไมผ่ า่ น

กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน มี 3 ลักษณะ คือ

1. กิจกรรมแนะแนว

2. กจิ กรรมนักเรียน ประกอบด้วย
(1) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ �ำเพ็ญประโยชน์ และนักศกึ ษาวิชาทหารโดยผู้

เรยี นเลือกอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง จ�ำนวน 1 กิจกรรม
(2) กจิ กรรมชุมนุม หรอื ชมรมอกี 1 กจิ กรรม

3. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์

ใหใ้ ชต้ ัวอกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังน้ี
“ผ” หมายถงึ ผเู้ รยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและมผี ลงาน
ตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากำ� หนด
“มผ” หมายถงึ ผเู้ รยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและมผี ลงาน
ไม่เป็นไปตามท่ีสถานศึกษาก�ำหนด

ในกรณีท่ีผเู้ รียนได้ผลการเรียน ไม่ผา่ น “มผ” สถานศึกษาตอ้ งจดั ซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนท�ำกิจกรรมใน
ส่วนที่ผ้เู รยี นไมไ่ ดเ้ ข้ารว่ มหรือไมไ่ ด้ทำ� จนครบถ้วน แล้วจงึ เปล่ียนผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทงั้ นี้
ตอ้ งดำ� เนนิ การใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในภาคเรยี นนนั้ ๆ ยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา พจิ ารณา
ขยายเวลาออกไปอกี ไม่เกนิ 1 ภาคเรียน แต่ต้องดำ� เนินการให้เสรจ็ ส้ินภายในปกี ารศึกษานน้ั

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแกน่

คู่มอื นักเรียน ครู และผู้ปกครอง 71

โรงเรยี นสีชมพูศกึ ษา ปีการศกึ ษา 2565

ข้อ 10 เลือ่ นชน้ั
ผู้เรียนจะได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรียนและได้รับการเลื่อนชั้นเม่ือส้ินปีการศึกษาโดยมี
คณุ สมบตั ิตามเกณฑ์ ดังนี้
1) ผูเ้ รยี นมีเวลาเรียนตลอดปกี ารศึกษาไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทงั้ หมด
2) ผเู้ รียนมีผลการประเมินผา่ นทุกรายวชิ าพน้ื ฐาน
3) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นและมผี ลการประเมินในระดบั “ผ่าน”
ทั้งน้ี ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอน
ซ่อมเสริมได้ให้อยู่ในดุลพิจของสถานศึกษาท่ีผ่อนผันให้เล่ือนช้ันได้และรายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน
สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสรมิ ผูเ้ รยี นใหไ้ ดร้ บั การแกไ้ ขในภาคเรยี นถดั ไป

ขอ้ 11 การสอนซ่อมเสริม
การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนได้มี
เวลาเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ เพมิ่ ขน้ึ จนสามารถบรรลตุ ามมาตราฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั ทกี่ ำ� หนดไว้ การสอนซอ่ มเสรมิ
เปน็ การสอนกรณพี เิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามแผนจดั การเรยี นรปู้ กตเิ พอ่ื แกไ้ ข ขอ้ บกพรอ่ งของผเู้ รยี น
โดยจัดกระบวนการเรยี นรู้ท่หี ลากหลายและคำ� นึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รียน
การสอนซ่อมเสรมิ สามารถด�ำเนนิ การได้ในกรณดี ังตอ่ ไปน้ี
1) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัดการสอนซ่อม
เสรมิ ปรบั ความรู้/ทกั ษะพืน้ ฐาน
2) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือเจตคติ/
คณุ ลักษณะท่ีก�ำหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ดั
3) ผลการเรยี นไมถ่ งึ เกณฑแ์ ละ/หรอื ตาํ่ กวา่ เกณฑก์ ารประเมนิ โดยผเู้ รยี นไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “0”
ตอ้ งจดั การสอนซอ่ มเสริมกอ่ นจะใหผ้ ้เู รยี นสอบแก้ตัว
4) ผเู้ รยี นมผี ลการเรยี นไมผ่ า่ น สามารถจดั สอนซอ่ มเสรมิ ในภาคฤดรู อ้ น ทง้ั นใี้ หอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของ
สถานศกึ ษา จากรายละเอยี ดตา่ งๆ ขา้ งตน้ สรปุ เปน็ แผนภาพที่ 2.5 แสดงกระบวนการตดั สนิ และแกไ้ ขผลการ
เรยี นระดับมธั ยมศึกษาดงั ตอ่ ไปน้ี
5) เวลาเรยี นตามหลักสตู ร

หน่วยกิต เวลาเรียน เวลาเรยี น 80% เวลาเรยี น 60%

2 80 ชม. 64 ชม. 48 ชม.

1.5 60 ชม. 48 ชม. 36 ชม.

1 40 ชม. 32 ชม. 24 ชม.

0.5 20 ชม. 16 ชม. 12 ชม.

องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ขอนแกน่

คู่มือ72 นักเรยี น ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

แผนภาพท่ี 2.5 แสดงกระบวนการตัดสินและแกไ้ ขผลการเรียนระดบั มัธยมศกึ ษา

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแกน่

คมู่ อื นกั เรียน ครู และผ้ปู กครอง 73

โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

ขอ้ 12 การเรียนซํ้าช้ัน
สถานศกึ ษาจะจัดใหผ้ ้เู รียนเรยี นซํา้ ใน 2 กรณดี ังน้ี
กรณที ่ี 1 เรยี นซาํ้ รายวชิ า หากผเู้ รยี นไดร้ บั การสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแกต้ วั 2 ครง้ั แลว้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
การประเมิน ใหเ้ รียนซํ้ารายวิชานนั้ ท้งั น้ี ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดใหเ้ รยี นซํา้ ในช่วงใดช่วง
หนึ่งทสี่ ถานศกึ ษาเหน็ วา่ เหมาะสม เชน่ พกั กลางวนั วนั หยดุ ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรยี น ภาคฤดรู ้อนเป็นต้น
กรณที ี่ 2 เรียนซ้ําช้ัน มี 2 ลกั ษณะ คือ
1) ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉล่ียในปีการศึกษาน้ันต่ํากว่า 1.00 และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหา
ตอ่ การเรยี นในระดับชนั้ ท่ีสงู ขน้ึ
2) ผเู้ รยี นมีผลการเรียน 0 , ร,มส เกนิ คร่ึงหน่งึ ของรายวชิ าท่ีลงทะเบยี นเรยี นใน ปกี ารศกึ ษาน้ัน
ทงั้ นี้ หากเกดิ ลกั ษณะใดลกั ษณะหนง่ึ หรอื ทง้ั 2 ลกั ษณะ ใหส้ ถานศกึ ษาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณา
หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้ําชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและ ให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน
หากพจิ ารณาแล้วไม่ต้องเรยี นซาํ้ ชน้ั ให้อยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา ในการแก้ไขผลการเรียน

ขอ้ 13 เกณฑก์ ารจบ
13.1 การจบระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้

1) ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานและเพม่ิ เตมิ โดยเปน็ รายวชิ าพน้ื ฐาน พน้ื ฐาน 66 หนว่ ยกติ
และรายวิชาเพิ่มเตมิ ตามทีส่ ถานศกึ ษากำ� หนด

2) ผเู้ รยี นตอ้ งไดห้ น่วยกิต ตลอดหลักสตู รไม่น้อยกวา่ 11 หน่วยกิต โดยเปน็ รายวิชาพืน้
ฐาน 66 หน่วยกิต และรายวชิ าเพ่มิ เตมิ ไม่น้อยกว่า 11 หน่วยกติ

3) ผู้เรยี นมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน ในระดบั คุณภาพ 1 ข้นึ ไปทกุ
รายวิชาหรอื มผี ลการประเมนิ เป็น “ผ”ทุกวิชา

4) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั คณุ ภาพ 1 ขน้ึ ไปทกุ รายวชิ า
หรอื มผี ลการประเมิเปน็ “ผ” ทกุ รายวชิ า

5) ผ้เู รยี นเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นทัง้ หมดและ
มีผลการประเมิน ผา่ านทงั้ 3 ลักษณะ

13.2 การจบการศึกษามธั ยมศึกษาตอนปลาย
1) ผเู้ รยี นเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพ่มิ เตมิ โดยเป็นรายวิชาพน้ื ฐาน 4 หน่วยกิต รายวิชา

พืน้ ฐาน 41 หนว่ ยกติ และรายวิชาเพ่มิ เตมิ ตามสถานศึกษากำ� หนด
2) ผเู้ รยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยการเรยี น ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ 77 หนว่ ยกติ รายวชิ าพน้ื ฐาน

41 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เติมไมน่ อ้ ยกวา่ 36 หนว่ ยกิต
3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ในระดบั คุณภาพ 1 ขนึ้ ไปทกุ

รายวิชา หรือมผี ลการประเมินเปน็ “ผ” ทุกรายวิชา

องค์การบริหารส่วนจังหวดั ขอนแก่น

คมู่ อื74 นกั เรยี น ครู และผูป้ กครอง
โรงเรยี นสีชมพูศึกษา ปกี ารศึกษา 2565

4) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั คณุ ภาพ 1 ขน้ึ ไปทกุ รายวชิ า
หรอื มีผลการประเมินเปน็ “ผ” ทุกรายวิชา

5) ผ้เู ขา้ เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นท้ังหมด
และมีผลการประเมินผ่านทงั้ 3 ลักษณะ

13.3 ผลการเรียนท่ีมีเงือ่ นไข
ผลการเรียนท่ีมีเงอื่ นไข ได้แก่ ไม่มสี ทิ ธ์เิ ข้ารับการประเมินผลปลายภาคในรายวชิ าและรอการตดั สิน
ให้ใชต้ ัวอักษรระบเุ ง่ือนไขแสดงผลการเรยี น ประกอบดว้ ย

1) ตวั อกั ษรแสดงผลการเรียนแต่ละรายวชิ าใน 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้
“มส” หมายถึง ไมม่ สี ทิ ธเิ ขา้ รบั การประเมนิ ผลการปลายภาคเรยี น โดยผเู้ รียนทมี่ ีเวลา
เรยี งไมถ่ งึ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตล่ ะรายวชิ าและไมไ่ ดร้ บั การผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รบั การวดั ผลปลายภาคเรยี น
“ร” หมายถงึ รอการตดั สนิ และยงั ตดั สนิ ไมไ่ ด้ โดยผเู้ รยี นไมม่ ขี อ้ มลู ผลการเรยี นรายวชิ า
นน้ั ครบถว้ น เชน่ ไมไ่ ดว้ ดั ผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น ไมไ่ ดส้ ง่ งานทม่ี อบหมายใหท้ ำ� ซง่ึ งานนนั้ เปน็ สว่ น
หนึ่งของการตัดสนิ ผลการเรียน
2) ตัวอักษรแสดงผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
“ผ” หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำ� หนด
“มผ” หมายถงึ ไม่ผา่ นเกณฑท์ ่สี ถานศึกษาก�ำหนด
13.4 การเปล่ยี นผลการเรยี น “0”
สถานศกึ ษาจดั ใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ ในตวั ชว้ี ดั ทผ่ี เู้ รยี นสอบไมผ่ า่ นกอ่ น แลว้ จงึ สอบแกต้ วั ใหแ้ ละให้
สอบแกต้ ัวได้ไม่เกิน 2 ครง้ั ท้งั นี้ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสน้ิ ภายในปกี ารศึกษาน้ัน
ถ้าผู้เรียนไม่ด�ำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้นี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ี
พจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไมเ่ กิน 1 ภาคเรยี น
ถา้ สอบแกต้ วั 2 ครงั แลว้ ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “0” อกี ใหส้ ถานศกึ ษาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการดำ� เนนิ
การเกีย่ วกับการแก้ผลการเรยี นของผู้เรียนโดยปฏบิ ัติดงั นี้
1) ให้เรยี นซ้าํ รายวิชาถ้าเป็นรายวิชาพ้นื ฐาน
2) ใหเ้ รยี นซา้ํ หรอื เปลย่ี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ถา้ เปน็ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ
ของสถานศกึ ษา
ในกรณที ีเ่ ปลีย่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรยี นว่าเรยี นแทนรายวชิ าใด
13.5 การเปลี่ยนผลการเรยี น “ร”
การเปล่ยี นผลการเรียน “ร”
เมอ่ื ประเมนิ ผลการเรยี นไมไ่ ด้ เชน่ เจบ็ ปว่ ย เมอื่ ผเู้ รยี นไดเ้ ขา้ สอบหรอื สง่ ผลงานทต่ี ดิ คา้ งอยู่
เสรจ็ เรยี บร้อย หรือแกป้ ัญหาเสรจ็ สิน้ แลว้ ใหไ้ ด้ระดบั ผลการเรียนตามปกติ (ต้งั แต่ 0 - 4)

องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดขอนแก่น

คู่มอื นกั เรยี น ครู และผู้ปกครอง 75

โรงเรียนสีชมพศู ึกษา ปีการศกึ ษา 2565

การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้ด�ำเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษาน้ัน ถ้าผู้
เรียนไม่มาด�ำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้ให้เรียนซ้ํารายวิชา ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ใน
ดุลยพินิจของสถานศกึ ษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร”ออกไปอกี ไม่เกนิ 1 ภาคเรียนแตเ่ มอ่ื พ้นก�ำหนดน้ีแลว้ ให้
ปฏิบตั ดิ ังนี้

(1) ใหเ้ รียนซา้ํ รายวชิ า ถ้าเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน
(2) ให้เรยี นซํ้าหรือเปลยี่ นรายวชิ าใหม่ ถ้าเปน็ รายวิชาเพ่มิ เตมิ โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของ
สถานศึกษา
ในกรณที เี่ ปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี บแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวชิ าใด
13.6 การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส”
การเปลยี่ นผลการเรยี นเป็น “มส” มี 2 กรณดี งั น้ี
1. กรณีผูเ้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ 80 แตม่ เี วลาเรยี นไม่
นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60 ของเวลาเรียนทัง้ หมด ให้สถานศกึ ษาจดั ใหเ้ รยี นเพมิ่ เติมโดยใช้ช่วั โมงสอนซอ่ มเสริม หรอื
เวลาว่าง หรือวนั หยดุ หรือมอบหมายงานทใี่ หท้ �ำ จนมีเวลาเรยี นครบตามท่ีกำ� หนดไวส้ �ำหรับรายวิชาน้ันแลว้
จึงให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ไดร้ ะดบั ผลการเรียนไมเ่ กนิ “1” การแก้ “มส” กรณนี ้ีให้
กระท�ำให้เสร็จสน้ิ ในปีการศกึ ษาน้นั ถา้ ผู้เรยี นไม่มาด�ำเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี ำ� หนดไว้นีใ้ ห้เรยี น
ซ้าํ ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวิสยั ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน 1
ภาคเรียน แตเ่ มอ่ื พ้นกำ� หนดนี้แลว้ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั นี้
(1) ให้เรยี นซา้ํ รายวิชา ถา้ เปน็ รายวิชาพืน้ ฐาน
(2) ให้เรียนซาํ้ หรอื เปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ถ้าเปน็ รายวชิ าเพิม่ เตมิ โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจ
ของสถานศึกษา
2. กรณผี ู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรยี นนอ้ ยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรียน
ทง้ั หมด ใหส้ ถานศกึ ษาจดั ใหเ้ รยี นซาํ้ ในรายวชิ าพน้ื ฐานและรายวชิ าเพมิ่ เตมิ หรอื เปลย่ี นรายวชิ าใหมไ่ ดส้ ำ� หรบั
รายวิชาเพิ่มเติมเท่าน้ัน
ในกรณที ีเ่ ปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรยี นแทนรายวชิ า

ในกรณภี าคเรยี นท่ี 2 หากผูเ้ รยี นยงั มผี ลการเรียน “0” “ร” “มส” ใหด้ �ำเนนิ การใหเ้ สร็จส้นิ กอ่ น
เปดิ เรยี นปกี ารศกึ ษาถดั ไป สถานศกึ ษาอาจเปดิ การเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพอ่ื แกไ้ ขผลการเรยี นของผู้
เรยี น ทงั้ นโ้ี ดยสำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา/ตน้ สงั กดั ควรเปน็ ผพู้ จิ ารณาประสานใหม้ กี ารดำ� เนนิ การเรยี นใน
ภาคฤดูร้อนเพอ่ื แก้ไขผลการเรียนของผเู้ รียน

องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่

คู่มอื76 นักเรียน ครู และผปู้ กครอง
โรงเรียนสีชมพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

13.7 การเปล่ียนผลการเรียน “มผ”
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 กำ� หนดให้ผเู้ รียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นา
ผู้เรียน 3 ลักษณะคือ 1)กิจกรรมแนะแนว 2)กิจกรรมนักเรียน ซ่ึงประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
ยวุ กาชาด บ�ำเพญ็ ประโยชนห์ รือนกั ศึกษาวิชาทหาร โดยผู้เรียนเลือกอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง 1 กิจกรรมและเลอื ก
เขา้ รว่ มกิจกรรมชุมนมุ หรอื ชมรมอกี 1 กิจกรรม และ 3)กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
ในกรณที ผ่ี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจดั ซอ่ มเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทำ� กจิ กรรมจนครบตาม
เวลาทก่ี ำ� หนด หรอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเพอื่ พฒั นาคณุ ลกั ษณะทต่ี อ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ข แลว้ จงึ เปลยี่ นผลการเรยี นจาก
“มผ” เป็น “ผ” ทง้ั นด้ี �ำเนนิ การให้เสรจ็ สิ้นภายในปีการศกึ ษานั้น ยกเว้นมเี หตุสดุ วิสยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของ
สถานศกึ ษา
ประกาศ ณ วนั ท่ี 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564


ดร.บุญจันทร์ มูลกัน
ผู้อำ� นวยการโรงเรยี นสีชมพศู กึ ษา

หมายเหตุ อา้ งถงึ คำ� สง่ั คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ที่ 922/2561 เรอ่ื งปรบั ปรงุ โครงสรา้ งเวลาเรยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

องค์การบริหารสว่ นจังหวดั ขอนแกน่

ฝา่ ยบริหารงานท่วั ไป

นางสภุ าวดี ภาระดี

รองผอู้ �ำนวยการโรงเรียน

โครงสรา้ งบรหิ ารงาน ฝา่ ยบรหิ ารงานทว่ั ไป
โรงเรียนสีชมพูศึกษา

ผอู้ ำ� นวยการโรงเรียน
รองผู้อำ� นวยการ ฝ่ายบริหารงานทวั่ ไป
ผชู้ ่วยผอู้ �ำนวยการฝา่ ยบริหารงานทว่ั ไป

งานวางแผนการบริหารการศึกษา
งานการเงินและบญั ชี
งานพสั ดุ
งานธุรการ
งานบริหารงานบุคคล

งานพฒั นาระบบสารสนเทศ
งานคณะกรรมการสถานศกึ ษา
งานระดมทรพั ยากรเพ่ือการศึกษา
งานรายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน

งานจัดระบบควบคุมภายใน
งานอืน่ ท่ีไดร้ ับมอบหมาย

คมู่ ือ นักเรยี น ครู และผู้ปกครอง 79

โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

ฝา่ ยบรหิ ารงานทั่วไป

วตั ถปุ ระสงค์ของฝา่ ยบรหิ ารงานทัว่ ไป

คอื มกี ารวางแผนแนวทางในการดำ� เนนิ งานทชี่ ดั เจน (แผนยทุ ธศาสตร,์ พฒั นา) มแี ผนงานทสี่ ามารถ
ปฏบิ ตั ติ ามแผนได้ ไมต่ า่ํ กวา่ 85 % ระบบบรหิ ารการเงนิ บญั ชี พสั ดุ และสนิ ทรพั ย์ เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ชดั เจน ตรวจสอบได้

ข้อมูลทว่ั ไป

ฝา่ ยบรหิ ารงานทว่ั ไป ตงั้ อยอู่ าคาร 3 โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ตำ� บลวงั เพม่ิ อำ� เภอสชี มพู จงั หวดั ขอนแกน่
รหัสไปรษณีย์ 40220 โทรศพั ท์ 043-339030 ต่อ 201 โทรสาร 043-339030 ต่อ 202

วสิ ยั ทศั นฝ์ า่ ยบริหารท่วั ไป

มุ่งพัฒนาการเงิน งานบัญชี งานพัสดุ งานบุคลากร งานแผนงาน และสารสนเทศให้รวดเร็วทัน
เหตุการณ์ มีประสิทธิภาพเป็นปัจจุบัน ถูกต้องตามระเบียบเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และตรงกับความ
ต้องการของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา

ภาระงาน

1. แผนงานและนโยบาย
2. งานการเงินและบญั ชี
3. งานพัสดุ สินทรัพย์ จัดซ้ือจดั จ้างและตรวจสอบ
4. งานยานพาหนะ และเชอื้ เพลงิ
5. งานสารบรรณ
6. งานจัดระบบควบคมุ และตรวจสอบภายใน
7. งานอัตรากำ� ลงั วนิ ยั และสิทธปิ ระโยชน์ของบุคลากร
8. งานประเมนิ การปฏบิ ัติราชการของบุคลากร และทะเบยี นประวตั ิ
9. งานพฒั นาบคุ คลากรและส่งเสรมิ ประสิทธิภาพบุคคลากร
10. งานสารสนเทศ

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดขอนแกน่

คมู่ ือ80 นักเรียน ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสีชมพูศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกหิจนจ้ าานุเ๑บกษา ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒

ระเบียบกระทรวงมหาดไทย

ว่าดว้ ยรายไดแ้ ละการจา่ ยเงนิ ของสถานศกึ ษาสงั กดั องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ
พ.ศ. ๒๕๖๒

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการ
นาเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน ใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั สภาวการณ์ปัจจบุ นั

อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๖ มาตรา ๗๔ (๙) และมาตรา ๗๖ แห่งพระราชบัญญตั ิ
องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๖๗ (๙) มาตรา ๖๙ และมาตรา ๗๗
แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕ มาตรา ๘๕ (๑๐) และมาตรา ๘๘
แห่งพระราชบัญญัติสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล พ.ศ. ๒๕๓๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
จึงออกระเบยี บไว้ ดงั นี้

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายได้และการจ่ายเงิน
ของสถานศกึ ษาสังกัดองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ พ.ศ. ๒๕๖๒”

ข้อ ๒ ระเบียบน้ใี หใ้ ชบ้ งั คับต้งั แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป
ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนาเงินรายได้ของ
สถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๕๑
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คาสั่งหรือหนังสือสั่งการในส่วนที่มีกาหนดไว้แล้วในระเบียบนี้
หรอื ซง่ึ ขดั หรอื แย้งกบั ระเบียบน้ี ให้ใช้ระเบียบน้แี ทน
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน” หมายความว่า องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การ
บรหิ ารส่วนตาบล
“ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี
นายกองค์การบริหารสว่ นตาบล
“สถานศึกษา” หมายความว่า สถานศึกษาที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น ท่ีมีอานาจหน้าท่ีหรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา เช่น สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ศนู ย์พฒั นาเด็กเลก็ โรงเรยี น ศูนยก์ ารเรียน วทิ ยาลยั สถาบนั
“สถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ” หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษา
ขั้นพื้นฐานซ่ึงจัดการศึกษาในหลักสตู รพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ เป็นหลักสูตรทสี่ ถานศึกษาจัดทาขึน้
เพ่ือพัฒนาผู้เรียนแต่ละบุคคลให้มีความเชี่ยวชาญตามความถนัดของตนโดยรายวิชาเพิ่มเติมมีลักษณะ
ต่อเน่ืองกันเป็นหลักสูตรหรือแผนการเรียนรู้ ได้แก่ หลักสูตรความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ หลักสูตร

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแกน่

ค่มู ือ นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง 81

โรงเรยี นสีชมพศู ึกษา ปกี ารศกึ ษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานุเ๒บกษา ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒

ความเป็นเลศิ ทางดา้ นดนตรี หลักสตู รความเปน็ เลิศทางด้านกีฬา หลักสูตรความเปน็ เลิศทางด้านศิลปะ
หลักสตู รความเป็นเลิศทางด้านวชิ าชีพ หรือด้านอื่น ซง่ึ อาจจัดการศกึ ษาไดท้ ง้ั ในรปู แบบนกั เรยี นประจา
ตามหลักเกณฑ์ที่สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน หรือสถาบันการพลศึกษา หรือสถาบัน
ทางการศึกษาของรัฐที่เรียกช่ืออย่างอ่ืนกาหนด หรือแบบนักเรียนไปกลับ ตามความพร้อมขององค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน

“หัวหนา้ สถานศึกษา” หมายความว่า ผู้ดารงตาแหนง่ ผู้อานวยการสถานศึกษา หรือผทู้ ่ีไดร้ ับ
การแต่งตง้ั จากองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ให้รับผิดชอบบรหิ ารสถานศึกษา

“หัวหน้าหน่วยงานคลัง” หมายความว่า ผทู้ ีไ่ ด้รับการแตง่ ตัง้ จากผ้บู รหิ ารท้องถ่ินให้รบั ผดิ ชอบ
เป็นหัวหน้าปฏิบัติงานเก่ียวกับการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน หรือ
งานเกี่ยวกับการเงนิ การบัญชี ตามทกี่ าหนดไวใ้ นระเบยี บนี้

“เจ้าหน้าที่การเงิน” หมายความว่า ข้าราชการส่วนท้องถ่ิน หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น
พนักงานครู หรือพนักงานส่วนท้องถิ่นที่ได้รับแต่งต้ังจากผู้บริหารท้องถิ่นให้มีหน้าท่ีหรือปฏิบัติงาน
เกี่ยวกับการรบั เงิน การเบกิ จา่ ยเงิน การฝากเงนิ การเก็บรกั ษาเงนิ หรืองานเกย่ี วกบั การเงนิ การบญั ชี
ของสถานศึกษา

“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คณะกรรมการ
บรหิ ารศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก หรือคณะกรรมการของสถานศกึ ษาท่เี รยี กช่ืออยา่ งอ่ืน

“แผนปฏิบัติการประจาปี” หมายความว่า แผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาที่ใช้ปฏิบัติการ
ประจาปีงบประมาณนนั้ ๆ

“เงินรายได้สะสม” หมายความวา่ รายไดท้ ่เี ปน็ ยอดผลตา่ งระหว่างเงนิ รายได้กบั ค่าใชจ้ า่ ยของ
สถานศกึ ษาประจาปีงบประมาณนั้น ๆ รวมทั้งรายได้สะสมปงี บประมาณกอ่ น ๆ ด้วย

“ค่าเรียน” หมายความว่า เงินท่ีเก็บเป็นค่าการศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษา
ขั้นพน้ื ฐาน

ขอ้ ๕ ให้ปลดั กระทรวงมหาดไทยรกั ษาการตามระเบียบน้ี และใหม้ ีอานาจตคี วามวนิ จิ ฉยั ปญั หา
กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธปี ฏิบตั เิ พื่อดาเนนิ การให้เปน็ ไปตามระเบียบนี้

หมวด 1
รายไดข้ องสถานศกึ ษา

ข้อ 6 เงนิ รายได้ของสถานศึกษา ประกอบดว้ ย
(๑) เงินที่ได้จากการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณ ให้สถานศึกษา ดังรายการ
ตอ่ ไปน้ี

(ก) เงินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินได้รับจากการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปและ
ตั้งงบประมาณใหส้ ถานศกึ ษาเป็นค่าอาหารกลางวนั เงินรายหวั นกั เรยี น และเงนิ พฒั นาการจัดการศกึ ษา

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่

คมู่ อื82 นกั เรยี น ครู และผูป้ กครอง
โรงเรียนสชี มพศู กึ ษา ปีการศกึ ษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานุเ๓บกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒

(ข) เงินท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ตงั้ งบประมาณให้สถานศึกษาเปน็ ค่าอาหารกลางวัน
เงินรายหวั นกั เรียน เงนิ พฒั นาการจดั การศึกษา และเงินคา่ ใชจ้ ่ายอ่นื ท่กี าหนดไวต้ ามระเบยี บน้ี

(๒) เงินท่ีมีผู้อุทิศให้แก่สถานศึกษา ท้ังน้ี หากเป็นการอุทิศให้แบบมีเงื่อนไขต้องได้รับ
ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการก่อน

(๓) เงินท่ีได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานอ่นื
(4) เงินที่ได้จากการเรียกเก็บเป็นค่าบารุงการศึกษาหรือค่าเรียนนอกเหนือจากหลักสูตร
การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน ตามแนวทางท่อี ธบิ ดกี รมส่งเสริมการปกครองท้องถนิ่ กาหนด
(๕) เงนิ ที่ได้จากการรับจา้ ง การแสดง หรือกจิ กรรม หรือจากการจาหน่ายส่งิ ของ
(๖) เงนิ ที่ได้จากทรพั ย์สนิ ของสถานศกึ ษา
(๗) ดอกผลทีเ่ กดิ จากเงนิ รายได้สถานศกึ ษา
(๘) รายได้อื่น ๆ ตามท่ีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือตามที่กระทรวงมหาดไทย
กาหนดใหเ้ ป็นรายไดข้ องสถานศกึ ษา
ในกรณีที่สถานศึกษามีรายได้ตาม (๕) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจกาหนดหลักเกณฑ์
วิธีปฏิบัติเก่ียวกับการแบ่งสัดส่วนของรายได้ดังกล่าวให้แก่ผู้เรียนท่ีเก่ียวข้องได้ โดยผ่านความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการ
ข้อ ๗ เงินค่าบารุงการศึกษา ตามข้อ ๖ (๔) จะเรียกเก็บได้เฉพาะในเร่ืองที่สถานศึกษา
จะพัฒนาการเรียนการสอนเสริมเพ่ิมเติมนอกเหนือจากหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน การจัดประสบการณ์
และการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือบริการอื่น เพ่ือสร้างคุณภาพชีวิตและมาตรฐาน
การศึกษาของผู้เรียนได้ตามอัตราท่ีเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ซ่ึงต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของ
ผู้ปกครองและผู้เรียน โดยในการจัดเก็บให้คานึงถึงผู้ปกครองท่ีมีฐานะยากจนและผู้ปกครองท่ีไม่มีสิทธิ
เบกิ เงนิ สวัสดกิ ารเกีย่ วกบั การศึกษาของบุตรด้วย ทงั้ น้ี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
ขอ้ ๘ ในกรณีที่มีเหตุพิเศษ คณะกรรมการอาจยกเว้นให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะราย
ไม่ตอ้ งชาระเงนิ บารุงการศกึ ษานอกเหนอื จากหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานก็ได้

หมวด ๒
รายจ่ายของสถานศกึ ษา

ขอ้ 9 รายจ่ายของสถานศึกษา ประกอบดว้ ย
(1) ค่าใชจ้ ่ายตามรายการหรือวตั ถุประสงค์ท่ไี ด้รับการอุดหนนุ จากรฐั
(2) ค่าใช้จ่ายท่ีเก่ียวกับการศกึ ษาสาหรบั ผู้เรียนโดยตรงและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการบริหารงานท่วั ไป
สาหรับสถานศึกษา ซ่ึงมีรายการคา่ ใช้จ่ายเป็นไปตามแนวทางทอี่ ธิบดกี รมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถ่ินกาหนด
(3) ค่าใช้จ่ายในการจัดกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนตามหลกั สูตรการศกึ ษา
(4) คา่ ใชจ้ า่ ยในการนาผูเ้ รยี นไปทัศนศึกษา

องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น

คู่มือ นักเรยี น ครู และผ้ปู กครอง 83

โรงเรยี นสชี มพูศกึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพิเศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานุเ๔บกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒

(๕) ค่าใชจ้ ่ายในการนาผู้เรียนไปร่วมกจิ กรรม การแขง่ ขนั กีฬา หรือการแขง่ ขันทกั ษะทางการศกึ ษา
ภายในและต่างประเทศ

(๖) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือการส่งบุคลากร
ของสถานศึกษาไปเข้ารับการฝกึ อบรม

(๗) คา่ วสั ดหุ รอื ครุภัณฑ์ทเี่ ปน็ สอื่ หรืออปุ กรณส์ าหรบั ใช้ในการจัดการเรยี นรูข้ องสถานศกึ ษา
(๘) คา่ วัสดุหรอื ครภุ ณั ฑ์สานักงานของสถานศึกษา
(๙) ค่าจ้างเหมาบริการงานการสอน งานทาความสะอาด งานรักษาความปลอดภัย พาหนะ
รับสง่ นกั เรียนตามความจาเป็นทีต่ อ้ งจดั ให้มี
(1๐) ค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาตามระเบียบกระทรวงการคลัง
วา่ ด้วยการเบิกจา่ ยเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอดุ มศึกษา
(1๑) ค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษา
แห่งชาติ ไมเ่ กนิ สองครง้ั ตอ่ ภาคเรียน
(1๒) ค่าใช้จ่ายเก่ียวกับการจัดหา ปรับปรุง ซ่อมแซม บารุงรักษาวัสดุหรือครุภัณฑ์สานกั งาน
และอาคารสถานทก่ี รณีทมี่ ีความจาเป็นเร่งดว่ น
(1๓) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดหา ปรับปรุง ซ่อมแซมหรือพัฒนาสิ่งอานวยความสะดวก
สาธารณูปโภคหรอื สาธารณปู การ
(1๔) ค่าใช้จ่ายท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะสั่งการกาหนดให้เป็นรายจ่ายของสถานศึกษา
ได้เฉพาะรายการท่ีกฎหมาย ระเบียบ หนังสือกระทรวงมหาดไทยกาหนดให้เป็นรายจ่ายขององค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ เท่านน้ั
(๑๕) ค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ ท่เี กยี่ วเน่อื งตาม (๑) - (๑๔) หรือค่าใชจ้ ่ายอนื่ ๆ ทม่ี กี ฎหมาย ระเบยี บ
คาสงั่ หรอื หนังสือของกระทรวงมหาดไทยกาหนด
รายจ่ายตาม (3) (4) (5) (6) (๗) และ (๘) ให้เป็นไปตามอัตราค่าใช้จ่ายตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายเก่ียวกับการปฏิบัติราชการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและการเข้ารับการฝึกอบรมของเจ้าหน้าท่ี
ท้องถิ่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าท่ีท้องถิ่น
หรือระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดงาน การจัดการแข่งขันกีฬา
และการส่งนักกีฬาเขา้ รว่ มการแขง่ ขันกฬี าขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ แล้วแต่กรณี
รายจ่ายตาม (๕) ในกรณีการนาผู้เรียนไปร่วมกิจกรรม การแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขัน
ทักษะทางการศึกษาภายในประเทศ ให้เป็นอานาจของผู้บริหารท้องถ่ิน ส่วนกรณีการนาผู้เรียนไปร่วม
กิจกรรมการแข่งขันกีฬา หรือการแข่งขันทักษะทางการศึกษาในต่างประเทศ องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นนั้นต้องทาความตกลงกับปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรายกรณีก่อนดาเนินการและให้อนมุ ตั ิ
เฉพาะบุคลากรท่ีเกย่ี วข้องกบั ภารกิจดังกลา่ วโดยตรงเทา่ นนั้

องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ขอนแกน่

คมู่ ือ84 นักเรยี น ครู และผ้ปู กครอง
โรงเรียนสีชมพศู กึ ษา ปีการศึกษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานเุ๕บกษา ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒

หมวด 3
การบรหิ ารรายได้ รายจ่าย และการพัสดุของสถานศึกษา

ขอ้ 10 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวัน
เงินรายหวั นกั เรยี น และเงนิ พัฒนาการจัดการศึกษา และเงินอื่นทีอ่ งค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สถานศึกษา
ตามข้อ ๖ (๑) ให้ตั้งงบประมาณโดยตราเป็นข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปี
หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเตมิ แล้วแต่กรณี ไว้ในงบดาเนนิ งาน หมวดค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ
รายการค่าใชส้ อย ประเภทรายจ่ายเก่ียวเน่ืองกับการปฏิบตั ิราชการที่ไมเ่ ข้าลักษณะรายจ่ายหมวดอ่นื ๆ
โครงการสนับสนุนคา่ ใชจ้ ่ายการบรหิ ารสถานศกึ ษา เวน้ แต่กรณที ่มี ีการกาหนดใหง้ บประมาณรายการนน้ั
ไม่ต้องตราเป็นขอ้ บญั ญัตหิ รอื เทศบัญญตั ิตามกฎหมาย ระเบยี บ ขอ้ บังคับ ประกาศ หรอื คาสัง่

เม่ือข้อบัญญัติหรือเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปีหรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
ตามวรรคหนง่ึ ประกาศใชแ้ ล้ว ใหเ้ บกิ จา่ ยเพือ่ โอนเข้าบญั ชเี งนิ ฝากธนาคารของสถานศึกษา โดยคานึงถึง
สถานะทางการเงนิ การคลงั ขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ

ขอ้ ๑๑ เงินรายได้ที่สถานศึกษาได้รับให้ใช้จ่ายตามกิจการของสถานศึกษา ให้จัดทาเป็น
โครงการหรือกิจกรรม บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการประจาปีงบประมาณของสถานศึกษา โดยผ่านความ
เห็นชอบของคณะกรรมการ และให้หัวหน้าสถานศึกษาประกาศใช้แผนปฏิบัติการประจาปีงบประมาณ
ของสถานศึกษา

ขอ้ 1๒ รายได้ของสถานศึกษาตามข้อ ๖ เม่ือสถานศึกษาใช้จ่ายเงินรายได้ของสถานศึกษา
ประจาปีงบประมาณแล้ว หากมีเงินเหลือจ่ายให้ตกเป็นเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา เว้นแต่กรณี
รายไดท้ ม่ี กี ารกาหนดเงอื่ นไขเงินเหลอื จ่ายให้ส่งคนื

ข้อ 1๓ ในกรณีที่สถานศึกษามีรายได้ไม่เพียงพอและมีความจาเป็นต้องใช้จ่ายเงิน ผู้บริหาร
ทอ้ งถิน่ อาจอนุมัตใิ หใ้ ชจ้ ่ายจากเงินรายไดส้ ะสมไดต้ ามความจาเปน็ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ

การใช้จา่ ยจากเงินรายไดส้ ะสมตามวรรคหนง่ึ ใหก้ ระทาไดเ้ ฉพาะกจิ การทอ่ี ยูใ่ นอานาจหนา้ ทขี่ อง
สถานศกึ ษา ซ่งึ เกย่ี วกับดา้ นการบรกิ ารผู้เรียน หรอื กจิ การท่เี พิม่ พนู รายได้ของสถานศกึ ษา หรอื กจิ การ
ที่จัดทาเพื่อแกไ้ ขปัญหาความเดือดร้อนของผู้เรียน ต้องเกดิ ประโยชนก์ บั ผู้เรยี นโดยตรง และต้องเป็นไป
ตามแผนพัฒนาของสถานศึกษา ทั้งน้ี การใช้จ่ายจากเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา ให้จัดทาเป็น
โครงการหรือกิจกรรมบรรจุไวใ้ นแผนปฏิบตั กิ ารประจาปงี บประมาณ

ข้อ 1๔ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้มีอานาจอนุมัติการดาเนินการโครงการหรือกิจกรรมของ
สถานศกึ ษา เวน้ แต่กรณีดงั ตอ่ ไปนี้ ผ้บู รหิ ารท้องถิ่นอาจมอบอานาจเป็นหนังสอื ใหห้ วั หนา้ สถานศกึ ษากไ็ ด้

(๑) การดาเนินการโครงการหรือกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการประจาปีงบประมาณท่ีมีวงเงิน
ไมเ่ กนิ ห้าแสนบาท

องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ขอนแกน่

ค่มู ือ นกั เรยี น ครู และผ้ปู กครอง 85

โรงเรยี นสชี มพศู ึกษา ปกี ารศกึ ษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง ราชกหิจนจ้ าานเุ ๖บกษา ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒

(๒) การดาเนนิ การโครงการหรือกิจกรรมทไ่ี ม่ได้กาหนดในแผนปฏบิ ตั ิการประจาปีงบประมาณ
เฉพาะทมี่ คี วามจาเป็นเรง่ ดว่ นเพื่อแกไ้ ขปัญหาความเดือดรอ้ นของผู้เรยี นทมี่ วี งเงินไมเ่ กินห้าหม่ืนบาท

ขอ้ 1๕ การจัดซื้อจัดจ้างและการอนุมัติจ่ายเงินรายได้ของสถานศึกษาให้เป็นอานาจของ
ผบู้ รหิ ารท้องถ่ิน

หมวด 4
การรบั เงนิ การเบิกจา่ ยเงนิ การฝากเงนิ การเก็บรกั ษาเงินและการตรวจเงนิ ของสถานศกึ ษา

ขอ้ 1๖ การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินของ
สถานศกึ ษาให้ถอื ปฏิบัตติ ามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรบั เงนิ การเบิกจา่ ยเงนิ การฝากเงนิ
การเก็บรกั ษาเงิน และการตรวจเงนิ ขององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ โดยอนโุ ลม

รูปแบบฎีกาเบิกจ่ายเงินของสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่อธบิ ดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิน่
กาหนด

ข้อ 1๗ การอนุมัติฎีกาเบิกจ่ายเงินที่จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินรายได้สะสมของสถานศึกษา
ให้มอบหมายเจ้าหน้าท่ีการเงินของสถานศึกษาเป็นผู้ดาเนินการจัดทาฎีกาเบิกเงิน กาหนดและควบคุม
เลขที่ฎีกา เสนอให้ผู้ท่ีได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานคลังเป็นผู้ตรวจฎีกาก่อนเสนอต่อ
ผมู้ อี านาจอนุมัตติ ามข้อ ๑๔ และขอ้ 1๕ แลว้ แตก่ รณี

ขอ้ ๑๘ การส่ังจ่ายเงินจากธนาคารท่ีสถานศึกษาได้ฝากเงินไว้ ให้ผู้บริหารท้องถ่ินแต่งตั้ง
หัวหน้าสถานศึกษาและข้าราชการครู หรือพนักงานครูอย่างน้อยสองคน เป็นผู้มีอานาจลงนาม
สั่งจ่ายเงนิ นน้ั

ในกรณีสถานศกึ ษาไมม่ ผี ู้ดารงตาแหนง่ ครู ผู้บริหารท้องถ่ินอาจแต่งตัง้ ขา้ ราชการหรอื พนกั งาน
ส่วนท้องถิ่นอ่ืนดาเนินการแทน โดยคานึงถึงระดับตาแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ท่ีได้รับ
แตง่ ตั้งเปน็ สาคัญ

ในกรณีของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้หัวหน้าหน่วยงานคลังกับข้าราชการ หรือพนักงาน
ส่วนท้องถิ่นอย่างน้อยสองคนที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารท้องถ่ิน เป็นผู้มีอานาจลงนามสั่งจ่าย
เงินฝากธนาคาร

ข้อ 1๙ การจัดทาบัญชีและรูปแบบบัญชีของสถานศึกษาให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง
กาหนด

หมวด ๕
สถานศึกษาที่มกี ารจดั การศกึ ษาลักษณะพเิ ศษ

ข้อ ๒๐ นอกเหนือจากท่ีกาหนดไว้ในข้อ 9 รายจ่ายของสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษา
ลักษณะพเิ ศษ ประกอบด้วย

องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดขอนแกน่

คู่มอื86 นักเรยี น ครู และผู้ปกครอง
โรงเรียนสชี มพูศึกษา ปีการศึกษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานเุ๗บกษา ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒

(๑) ค่าเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์สาหรับผู้เรียนในการฝึกกีฬา ฝึกงาน ฝึกปฏิบัติการ
หรอื การแขง่ ขนั

(๒) ค่าวสั ดุหรือครภุ ณั ฑ์ทจี่ าเปน็ สาหรับจัดท่ีพักอาศยั ให้แกผ่ ู้เรียนในสถานศกึ ษา
(๓) คา่ ประกนั อบุ ัตเิ หตผุ ้เู รยี น

(ก) ในขณะฝึกกฬี า ฝกึ งาน ฝกึ ปฏบิ ตั กิ าร หรือในระหวา่ งการเรียนตามหลกั สูตร
(ข) ในระหวา่ งการแข่งขนั
(๔) คา่ จ้างเหมาบริการซกั รีดเฉพาะในกรณที ่ีมีความจาเป็น
(5) คา่ อาหารประจาวนั
(6) ค่าอาหารเสริมเฉพาะในกรณที ี่มคี วามจาเปน็
(๗) ค่าใช้จ่ายอ่ืนท่ีจาเป็นในการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ เช่น ค่าวัสดุ อุปกรณ์
ในการเรยี นการสอน
ค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ให้เบิกจ่ายได้เท่าท่ีจ่ายจริง ตามความจาเป็น เหมาะสม และ
ประหยัด สาหรับตาม (๕) และ (๖) ให้เบิกจ่ายได้ไม่เกินอัตราท่ีกรมบัญชีกลางกาหนด หรือท่ีส่วน
ราชการถอื ปฏิบัติอยู่
ข้อ ๒๑ การกาหนดให้สถานศึกษาใดเป็นสถานศึกษาท่ีมีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ
ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย

หมวด ๖
ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็

ข้อ 2๒ ให้ผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายหัวหน้าหน่วยงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็น
หัวหน้าหน่วยงานคลังของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และมอบหมายข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น
ในองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ินเป็นเจา้ หนา้ ทก่ี ารเงินของศูนยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก

การรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บ
รกั ษาเงนิ และการตรวจเงนิ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ โดยอนโุ ลม

บทเฉพาะกาล

ขอ้ ๒๓ ในกรณีสถานศึกษาใดมีเงินรายได้สะสมตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์
และวิธีการนาเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา
สังกัดองคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้ถือเป็นเงนิ รายได้สะสมของสถานศกึ ษาตามระเบยี บน้ี

ข้อ 2๔ การใดที่ได้ดาเนินการไปก่อนวันท่ีระเบียบน้ีใช้บังคับและยังดาเนินการไม่แล้วเสร็จ
ให้ดาเนินการต่อไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการนาเงินรายได้ของ

องค์การบริหารส่วนจงั หวดั ขอนแกน่

คมู่ อื นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง 87

โรงเรยี นสีชมพศู ึกษา ปีการศึกษา 2565

เล่ม ๑๓๖ ตอนพเิ ศษ ๖๐ ง ราชกหจิ นจ้าานุเ๘บกษา ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒

สถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๕๑ จนกวา่ จะแลว้ เสร็จ

ข้อ ๒๕ สถานศึกษาใดท่ีจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานซึ่งจัดหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ
ตามคานิยาม คาว่า “สถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาลักษณะพิเศษ” ตามระเบียบน้ี อยู่ก่อนวันที่
ระเบยี บนี้ใชบ้ งั คบั ใหถ้ ือว่าเปน็ สถานศึกษาทม่ี กี ารจัดการศกึ ษาลกั ษณะพิเศษ ตามระเบียบน้ี

รายจ่ายของสถานศึกษาตามวรรคหน่ึงซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามข้อ ๒๐ ของระเบียบน้ี
ที่ได้ดาเนินการไปแล้วและได้กระทาโดยสุจริตก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับให้ถือเป็นการกระทาท่ีชอบ
ตามระเบียบนี้

ข้อ ๒๖ การจัดทาบัญชีและรูปแบบบัญชขี องสถานศึกษาตามขอ้ ๑๙ หากกระทรวงการคลัง
ยังไม่ได้กาหนดไว้ ให้นาการจัดทาบัญชีและรูปแบบบัญชีตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์
และวิธีการนาเงินรายได้ของสถานศึกษาไปจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา
สงั กดั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาใช้โดยอนโุ ลม จนกว่ากระทรวงการคลังจะกาหนด

ประกาศ ณ วนั ท่ี 25 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจนิ ดา

รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย

งานระบบขอ้ มลู สารสนเทศ

โรงเรียนสีชมพูศึกษามีการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ ระบบเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร และระบบ
อินเทอร์เน็ตของโรงเรียนให้ครอบคลุมทุกพ้ืนท่ี ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ มีการส�ำรวจการเก็บข้อมูล
สารสนเทศ จัดท�ำสารสนเทศโรงเรียนในทุกด้าน เช่น ข้อมูลนักเรียน ข้อมูลครู ข้อมูลด้านการจัดการศึกษา
ผลงานโรงรยี น เป็นตน้ ทง้ั ในรูปแบบเอกสาร และ ICT มกี ารจดั ระบบฐานข้อมูลของสถานศกึ ษาเพอ่ื ใชใ้ นการ
บริหารจัดการภายในสถานศกึ ษาให้สอดคลอ้ งกับระบบฐานข้อมูลของหนว่ ยงานที่เกี่ยวข้อง น�ำเสนอและเผย
แพร่ข้อมูลข่าวสารสารสนเทศเพื่อการบริการ และการประชาสัมพันธ์ ท้ังในรูปแบบเอกสาร และ ICT และ
ตดิ ตาม ประเมินผลการปฏิบตั ิงานสารสนเทศเพ่อื การพฒั นาการบริหารการศึกษาอย่างต่อเน่ือง

Website : http://www.sichompusuksa.ac.th
E-mail : [email protected]
Facebook : โรงเรยี นสชี มพูศึกษา
หมายเลขโทรศัพท์/โทรสาร 0-439-9030 , 0-4339-9584

องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดขอนแกน่

คมู่ อื88 นกั เรียน ครู และผ้ปู กครอง
โรงเรยี นสีชมพูศึกษา ปกี ารศึกษา 2565

งานระดมทรพั ยากรเพอ่ื การศึกษา

บทบาทหน้าท่ี
1. กำ� กบั ดูแล และรับผดิ ชอบงานระดมทรพั ยากรและการลงทุนเพ่อื การศกึ ษา
2. บริหารงานระดมทรพั ยากรและการลงทนุ เพ่ือการศึกษา
3. จัดทำ� และพัฒนางานระดมทรัพยากรและการลงทนุ เพ่ือการศึกษา
4. ปฏิบตั หิ น้าท่ตี ามท่ไี ด้รับมอบหมาย

ความรบั ผิดชอบ
1. การจัดการทรัพยากร มแี นวทางการปฏบิ ตั ิดังน้ี
1) ประชาสมั พนั ธใ์ หห้ น่วยงานภายในสถานศึกษา ทราบรายการทรพั ยส์ ินของสถานศึกษาเพื่อใช้
ทรัพยากรร่วมกัน
2) วางระบบการใชท้ รัพยากรอยา่ งมีประสิทธภิ าพร่วมกบั บคุ คลและหน่วยงาน
3) สนับสนนุ ให้บุคคล และสถานศกึ ษารว่ มมอื กนั ใช้ทรพั ยากรใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ กระบวนการจดั การ
เรยี นการสอนของสถานศกึ ษา
2. การระดมทรพั ยากร
ศึกษาวเิ คราะห์กิจกรรมและภารกจิ งาน/โครงการตามกรอบประมาณการระยะปานกลางและแผน
ปฏบิ ตั กิ ารประจำ� ปี ท่ีมคี วามจำ� เป็นต้องใช้วงเงนิ เพมิ่ เตมิ จากประมาณการรายได้งบประมาณไว้ เพ่ือจดั ล�ำดับความ
สำ� คญั ของกิจกรรมให้เป็นไปตามความเรง่ ด่วนและช่วงเวลา มแี นวทางการปฏิบัตดิ งั น้ี
1) จัดหาแผนการระดมทรัพยากรทางการศกึ ษาและทุนการศกึ ษา โดยกำ� หนดวธิ กี ารแหล่งการ
สนับสนนุ เป้าหมาย เวลาดำ� เนินงาน และผรู้ บั ผดิ ชอบ
2) เสนอแผนการระดมทรัพยากรทางการศึกษาตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาเพ่อื ขอความเหน็ ชอบ
และด�ำเนินการในรูปคณะกรรมการ
3. การจัดหารายไดแ้ ละผลประโยชน์ มีแนวทางการปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1) วิเคราะหศ์ กั ยภาพของสถานศกึ ษาที่ด�ำเนินการจดั หารายได้ และสินทรัพย์ในส่วนท่จี ะนำ� มาซงึ่ ราย
ไดแ้ ละผลประโยชน์ของสถานศกึ ษา เพือ่ จัดท�ำทะเบียนขอ้ มูล
2) จดั ทำ� แผนปฏิบตั ิการ หรอื ระเบยี บของสถานศึกษาเพ่ือจัดหารายไดแ้ ละบริหารรายไดแ้ ละผล
ประโยชน์ตามแตล่ ะสภาพของสถานศึกษา โดยไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกยี่ วข้อง

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ขอนแก่น

ฝา่ ยปกครอง

นายบรรลุ ชินน้าํ พอง

รองผอู้ �ำนวยการโรงเรยี น

โครงสรา้ งการบรหิ ารงาน ฝา่ ยปกครอง
โรงเรยี นสีชมพูศึกษา

ผู้อำ� นวยการโรงเรยี น
รองผู้อ�ำนวยการฝ่ายปกครอง
ผูช้ ว่ ยผู้อำ� นวนการฝา่ ยปกครอง
งานระบบดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน
งานปอ้ งกันและแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงค์
งานสง่ เสรมิ คณุ ธรรมจริยธรรม

งานส่งเสริมประชาธปิ ไตย
งานรักษาความปลอดภัย

งานกจิ กรรมพเิ ศษ
งานปอ้ งกนั แก้ไขปัญหายาเสพตดิ ในสถานศึกษา
การวัดและประเมินผลพฤตกิ รรมของนกั เรียน
งานนิเทศตดิ ตามผลการพฒั นาระบบกจิ การนักเรยี น

งานอื่นท่ีไดร้ บั มอบหมาย

คู่มอื นักเรียน ครู และผู้ปกครอง 91

โรงเรียนสีชมพศู กึ ษา ปีการศึกษา 2565

ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
เร่อื งผปู กครองนกั เรยี นนักศกึ ษา

โดยท่ีเปนการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องผูปกครองนักเรียนใหเหมาะสมย่ิง
ขน้ึ ฉะนัน้ อาศัยอํานาจตามความในขอ 23 แหงประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบบั ที่ 216 ลงวันท่ี 29 กันยายน
2515 จงึ ใหย กเลกิ ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เรอื่ งผปู กครองนกั เรยี นลงวนั ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2503 และ
ใหผ ูป กครองนกั เรยี นนักศกึ ษา ระดับตา่ํ กวา ปรญิ ญาตรีในสถานศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการดงั นี้

1. “ผูปกครอง” หมายความวา บุคคลซึ่งรับนักเรียนหรือนักศึกษาไวในความปกครอง หรือ
อุปการะเล้ยี งดหู รอื บุคคลท่ีนกั เรยี นนกั ศกึ ษานั้นอาศัยอยู

2. ใหน ักเรยี น นักศึกษา ทก่ี ำ� ลงั รับการศกึ ษาในหลักสตู รระดบั ปวส. ปกศ.สงู หรือเทยี บเทา
ลงมาในสถานศึกษาในสังกัด หรือในความควบคุมดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ เวนแตการศึกษา
ผใู หญมีผูป กครองตลอดระยะเวลาทศ่ี กึ ษาอยู

3. ในวนั มอบตวั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาใหม่ ใหผ ปู กครองมามอบตวั นกั เรยี นนกั ศกึ ษาทสี่ ถานศกึ ษา
พรอ มกับสงหลกั ฐานเอกสารตางๆ ตามท่สี ถานศกึ ษากาํ หนด

4. ผปู กครองอาจตอ งรว มมอื กบั สถานศกึ ษาเพอ่ื ควบคมุ ความประพฤตแิ ละการศกึ ษาเลา เรยี น
โดยใหน กั เรยี นนกั ศกึ ษา แตง กาย แตง เครอื่ งแบบประพฤตติ นตามระเบยี บ ขอ บงั คบั หรอื คาํ สงั่ ของสถานศกึ ษา
หรือของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หรือตามทกี่ ฎหมายกาํ หนด

5. ผปู กครองควรตดิ ตอ กบั สถานศกึ ษาอยเู สมอ เพอื่ จะไดท ราบปญ หาตา งๆ เกยี่ วกบั การศกึ ษา
ของนักเรียน นกั ศกึ ษา และจะไดช ่วยสถานศกึ ษาแกไขปญหานั้น ๆ

6. เมอื่ ผปู กครองยา ยทอี่ ยหู รอื ความเปน ผปู กครองสน้ิ สดุ ลงดว ยประการใด ๆใหผ ปู กครองแจง
สถานศกึ ษาทราบ

7. สําหรับนักเรียนนักศึกษาท่ีรับการศึกษาอยูในสถานศึกษาแลวใหสถานศึกษาตรวจสอบ
ตดิ ตามหลกั ฐานการเปน ผปู กครองนกั เรยี น นกั ศกึ ษา หากเหน็ วา นกั เรยี น นกั ศกึ ษาคนไหนไมม ผี ปู กครอง หรอื
มผี ูป กครองไมเ หมาะสมก็ใหสถานศกึ ษาดําเนินการใหเปน ไปตามประกาศนี้

ประกาศ ณ วันท่ี 12 กุมภาพนั ธ พ.ศ. 2522
ลงช่อื กอ สวัสดิพ์ าณิชย
(นายกอ สวัสดพิ์ าณชิ ย)
รฐั มนตรีชว ยวาการ ปฏบิ ตั ริ าชการแทน
รฐั มนตรวี า การกระทรวงศึกษาธกิ าร

องคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั ขอนแกน่

คูม่ ือ92 นกั เรยี น ครู และผูป้ กครอง
โรงเรยี นสีชมพูศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2565

ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร
ก�ำหนดความประพฤติของนักเรียนและนกั ศกึ ษา พ.ศ. 2548

อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 64 แหง่ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครอง เดก็ พ.ศ. 2546 อนั
เปน็ กฎหมายทมี่ บี ทบญั ญตั บิ างประการเกย่ี วกบั การจำ� กดั สทิ ธแิ ละเสรภี าพของบคุ คล ซง่ึ มาตรา 29 ประกอบ
กบั มาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 36 มาตรา 48 และมาตรา 50 แหง่ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยบญั ญตั ิ
ให้กระท�ำได้โดยอาศัยอ�ำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎ
กระทรวงไว้ดังต่อไปน้ ี

ขอ้ 1 นกั เรียนและนกั ศกึ ษาต้องไม่ประพฤติตน ดงั ต่อไปน้ ี
(1) หนีเรยี นหรือออกนอกสถานศกึ ษาโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตในชว่ งเวลาเรียน 
(2) เลน่ การพนัน จดั ให้มีการเลน่ การพนนั หรือมั่วสุมในวงการพนนั  
(3) พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบดิ
(4) ซ้ือ จำ� หน่าย แลกเปล่ยี น เสพสรุ า หรอื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอล์ สง่ิ มนึ เมา บุหร่ี หรอื
ยาเสพติด
(5) ลกั ทรพั ย์ กรรโชกทรพั ย์ ข่มขู่ หรอื บงั คับขืนใจเพ่อื เอาทรพั ยบ์ คุ คลอ่ืน 
(6) กอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าท ท�ำร้ายร่างกายผู้อืน่ เตรยี มการหรอื กระทำ� การใดๆ อันนา่ จะก่อ
ใหเ้ กดิ ความไม่สงบเรียบรอ้ ย หรือขัดต่อศลี ธรรมอันดขี องประชาชน 
(7) แสดงพฤติกรรมทางชู้สาวซ่งึ ไมเ่ หมาะสมในทสี่ าธารณะ
(8) เก่ยี วข้องกบั การคา้ ประเวณี
(9) ออกนอกสถานท่ีพักเวลากลางคืน เพื่อเที่ยวเตรห่ รอื รวมกลมุ่ อันเป็น การสร้างความ
เดือดรอ้ นใหแ้ กต่ นเองหรือผู้อน่ื

ข้อ 2 ใหโ้ รงเรยี นหรอื สถานศกึ ษากำ� หนดระเบยี บวา่ ดว้ ยความประพฤตขิ องนกั เรยี นและนกั ศกึ ษา
ได้เทา่ ท่ีไม่ขัดหรอื แยง้ กับกฎกระทรวงนี้

ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี 27 ธันวาคม พ.ศ. 2548

(นายจาตรุ นต์ ฉายแสง)
รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ


องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ขอนแกน่

คมู่ อื นักเรียน ครู และผปู้ กครอง 93

โรงเรียนสีชมพูศึกษา ปกี ารศึกษา 2565

กฎกระทรวง
ก�ำหนดหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขในการจดั ระบบงานและกจิ กรรม

ในการแนะแนว ใหค้ �ำปรกึ ษาและฝกึ อบรมแก่นกั เรียน นกั ศึกษา
และผู้ปกครอง พ.ศ.2548

อาศยั อำ� นาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 63 แห่งพระราชบญั ญตั คิ ุ้มครองเดก็ พ.ศ.2546 อนั
เปน็ กฎหมายที่มบี ทบัญญตั ิบางประการเกี่ยวกับการจำ� กัดสิทธิและเสรีภาพของบคุ คลซึง่ มาตรา 29 ประกอบ
กบั มาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48และมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั ร
ไทย บญั ญตั ใิ หก้ ระทำ� ไดโ้ ดยอาศยั อำ� นาจตามบทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ ารออก
กฎกระทรวงไว้ ดังตอ่ ไปน้ี

ข้อ 1 ในกฎกระทรวงน“ี้ กจิ กรรมในการแนะแนว” หมายความวา่ กจิ กรรมทเี่ กย่ี วกบั การแนะแนว
การให้ค�ำปรึกษาและฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความ
ปลอดภัยแก่ นักเรยี น นักศกึ ษา และผู้ปกครอง

“นักเรียนหรือนักศึกษาท่ีเส่ียงต่อการกระท�ำผิด” หมายความว่า นักเรียนหรือนักศึกษาที่มีลักษณะ
ดงั ต่อไปน้ี

1. ประพฤติตนไม่สมควรกบั สภาพการเป็นนกั เรยี นหรอื นักศึกษา
2. ประกอบอาชพี ในทางผดิ กฎหมายหรือขดั ตอ่ ศลี ธรรมอันดี
3. คบหาสมาคมกบั บคุ คลทน่ี ่าจะชกั นำ� ไปในทางกระทำ� ผิดกฎหมายหรอื ขดั ต่อศีลธรรมอนั ดี
4. อยใู่ นสภาพแวดล้อมหรือสถานท่อี ันอาจชกั น�ำไปในทางเสยี หาย
ข้อ 2. ใหโ้ รงเรยี นและสถานศกึ ษาจดั ใหม้ รี ะบบงานและกจิ กรรมในการแนะแนวใหค้ ำ� ปรกึ ษาและ
ฝกึ อบรมแกน่ กั เรียน นักศกึ ษา และผู้ปกครอง ทงั้ น้ี ตามระดบั ของโรงเรยี นหรือสถานศกึ ษา
ข้อ 3. ให้โรงเรยี นและสถานศกึ ษามีหนา้ ท่ี ดังต่อไปนี้

1. พฒั นาระบบงานแนะแนวทจี่ ะชว่ ยเหลอื ดแู ลนกั เรยี นและนกั ศกึ ษาเปน็ รายบคุ คลพรอ้ ม
ทั้งส่งเสริมให้ครูทุกคนมีบทบาทในการแนะแนวรู้จักและเข้าใจผู้เรียน สามารถค้นพบและจัดการเรียนรู้ที่จะ
พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนและให้ค�ำปรึกษาด้านการด�ำรงชีวิต การปรับเปล่ียนพฤติกรรม การศึกษาต่อและ
การมงี านทำ� ทัง้ นี้ ให้มรี ะบบข้อมลู ตั้งแตแ่ รกเขา้ เพ่อื ติดตามดแู ลอยา่ งต่อเนื่องจนจบการศกึ ษา

2. ส�ำรวจ เฝ้าระวัง และติดตามนักเรียนและนักศึกษาท่ีเสี่ยงต่อการกระท�ำผิดเพื่อจัด
กิจกรรมในการพฒั นาและปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเนือ่ ง

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแก่น

คมู่ อื94 นักเรียน ครู และผู้ปกครอง
โรงเรยี นสชี มพศู ึกษา ปกี ารศึกษา 2565

3. แจ้งให้ผู้ปกครองของนักเรียนและนักศึกษาท่ีเสี่ยงต่อการกระท�ำผิดได้ทราบถึง
พฤตกิ รรมและหาแนวทางแกไ้ ขปญั หารว่ มกนั ทง้ั นอ้ี าจกำ� หนดใหน้ กั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาดงั กลา่ วเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ตามท่ีเห็นสมควร

4. จดั ให้มีมาตรการสง่ เสริมความปลอดภัย ป้องกนั และแก้ไขปัญหาความรุนแรง โดยมี
แผนงานผู้รบั ผิดชอบ และการตดิ ตามตรวจสอบ เพ่ือให้เกิดประสิทธิภาพ

5. สนับสนุนให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการส่งเสริมความประพฤติ
และความปลอดภัยของนกั เรยี น และนักศกึ ษา

6. จดั ใหม้ รี ะบบการตดิ ตามประเมนิ ผลและรายงานผลการดำ� เนนิ งานตอ่ สว่ นราชการตน้
สงั กัดอย่างน้อยปกี ารศึกษาละ 1 ครั้ง

ให้ไว้ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2548


(นายจาตุรนต์ ฉายแสง)
รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ

องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดขอนแกน่

ค่มู ือ นกั เรียน ครู และผู้ปกครอง 95

โรงเรยี นสีชมพูศึกษา ปกี ารศึกษา 2565

ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการลงโทษนักเรยี นและนักศึกษา

พ.ศ. 2548

อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศึกษาธิการ จงึ วางระเบียบวา่ ด้วยการลงโทษนกั เรียนและนกั ศึกษาไว้ดังต่อไปน้ี

ข้อ 1 ระเบยี บนี้เรียกวา่ “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ วา่ ด้วยการลงโทษนกั เรียนและนักศึกษา
พ.ศ. 2548”

ขอ้ 2 ระเบยี บนี้ให้ใช้บงั คบั ตัง้ แตว่ ันประกาศในราชกิจจานเุ บกษา เปน็ ต้นไป
ขอ้ 3 ใหย้ กเลกิ ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรยี น หรอื นกั ศกึ ษา พ.ศ. 2543
ข้อ 4 ในระเบยี บน้ี

“ผูบ้ ริหารโรงเรยี นหรือสถานศกึ ษา” หมายความวา่ ผอู้ �ำนวยการ อธิการบดี หรือหวั หนา้
ของโรงเรียนหรือสถานศกึ ษา หรอื ต�ำแหน่งทเ่ี รยี ก ชอ่ื อยา่ งอ่นื ของโรงเรียนหรอื สถานศึกษานน้ั

“กระท�ำความผดิ ” หมายความว่า การทนี่ กั เรยี นหรือนักศึกษาประพฤตฝิ า่ ฝืนระเบยี บ ขอ้
บงั คบั ของสถานศกึ ษา หรอื ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หรอื กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยความประพฤตขิ องนกั เรยี นและ
นกั ศกึ ษา

“การลงโทษ” หมายความวา่ การลงโทษนกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาทกี่ ระทำ� ความผดิ โดยมคี วาม
มงุ่ หมายเพ่อื การอบรมสั่งสอน

ขอ้ 5 โทษท่ีจะลงโทษแกน่ ักเรยี นหรือนักศกึ ษาทีก่ ระท�ำความผดิ มี 4 สถานดงั นี้ 
(1) ว่ากล่าวตกั เตอื น 
(2) ทำ� ทณั ฑ์บน
(3) ตดั คะแนนความประพฤติ
(4) กิจกรรมเพ่ือใหป้ รับเปล่ยี นพฤติกรรม

ข้อ 6 หา้ มลงโทษนกั เรยี น และนกั ศกึ ษาดว้ ยวธิ รี นุ แรง หรอื แบบกลนั่ แกลง้ หรอื ลงโทษดว้ ยความ
โกรธ หรอื ดว้ ยความพยาบาท โดยใหค้ ำ� นงึ ถงึ อายขุ องนกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษา และความรา้ ยแรงของพฤตกิ ารณ์
ประกอบการลงโทษดว้ ย การลงโทษนกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาใหเ้ ปน็ ไปเพอ่ื เจตนาทจ่ี ะแกน้ สิ ยั และความประพฤติ
ไมด่ ขี องนกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาใหร้ สู้ ำ� นกึ ในความผดิ และกลบั ประพฤตติ นใน ทางทดี่ ตี อ่ ไป ใหผ้ บู้ รหิ ารโรงเรยี น
หรือสถานศึกษาหรือผู้ท่ีผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษามอบหมายเป็นผู้มีอ�ำนาจในการลงโทษนักเรียน

องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแกน่

คมู่ ือ96 นักเรยี น ครู และผปู้ กครอง
โรงเรยี นสชี มพศู กึ ษา ปีการศึกษา 2565

นักศกึ ษา
ข้อ 7 การว่ากล่าวตกั เตือนใชใ้ นกรณีนักเรียน หรอื นักศึกษากระทำ� ความผิด ไมร่ า้ ยแรง
ขอ้ 8 การทำ� ทณั ฑบ์ นใชใ้ นกรณนี กั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาทปี่ ระพฤตติ นไมเ่ หมาะสม กบั สภาพนกั เรยี น

หรือนกั ศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียน และนกั ศึกษา หรือไดร้ บั โทษวา่ กลา่ วตักเตอื น
แลว้ แตย่ งั ไมเ่ ขด็ หลาบ การทำ� ทณั ฑบ์ นใหท้ ำ� เปน็ หนงั สอื และเชญิ บดิ ามารดาหรอื ผปู้ กครองมาบนั ทกึ รบั ทราบ
ความผิดและรับรองการทำ� ทณั ฑบ์ นไว้ดว้ ย

ขอ้ 9 การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการ ตัดคะแนนความ
ประพฤตินักเรียนและนกั ศกึ ษาของแตล่ ะสถานศกึ ษากำ� หนด และใหท้ �ำบนั ทึกข้อมูลไวเ้ ป็นหลักฐาน

ข้อ 10 ท�ำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปล่ียนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียน และนักศึกษากระท�ำความ
ผิดทสี่ มควร ตอ้ งปรับเปล่ยี นพฤติกรรม การจดั กิจกรรมใหเ้ ปน็ ไปตามแนวทางทก่ี ระทรวงศึกษาธกิ ารก�ำหนด

ข้อ 11 ใหป้ ลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร รกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บนี้ และ ใหม้ อี ำ� นาจตคี วามและ
วินจิ ฉยั ปญั หาเก่ยี วกบั การปฏิบัตติ ามระเบยี บน้ี

ประกาศ ณ วนั ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548

อดิศัย โพธารามกิ
(นายอดศิ ัย โพธารามิก) 
รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธกิ าร

องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดขอนแก่น

คมู่ อื นกั เรยี น ครู และผปู้ กครอง 97

โรงเรียนสชี มพศู กึ ษา ปีการศกึ ษา 2565

แนวปเกฏีย่ บิ วตักิตับนกขารอรงกันษักาเรคยี วนาโมรมงเีรระียเนบสียีชบมวพินยัศู ึกษา

นกั เรยี นโรงเรยี นสชี มพศู กึ ษาทกุ คน พงึ ปฏบิ ตั ติ นเองใหเ้ ปน็ ผมู้ รี ะเบยี บวนิ ยั และเปน็ ผมู้ คี ณุ ธรรมเพอื่
ประโยชนแ์ กต่ นเองและสว่ นรวมดงั น้ี

1. การแต่งกาย

- มเี ครือ่ งแตง่ กาย เคร่ืองเรียน เคร่อื งใช้ อปุ กรณ์ตา่ งๆ ครบตามท่โี รงเรยี นก�ำหนด
- แตง่ กายถกู ตอ้ งตามระเบยี บการแตง่ กายของนกั เรยี นตามระเบยี บของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและ

ตามท่ีโรงเรียนกำ� หนด เพ่ือความเพียบพร้อมและความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย
- เครอ่ื งแต่งกายตอ้ งเหมาะสมกับขนาดของร่างกาย ถุงเท้า เข็มขดั ไม่มลี วดลาย
- การแต่งเคร่ืองแบบของนักเรียนชายต้องใส่เส้ืออยู่ในกางเกงท้ังภายในและภายนอกบริเวณ

โรงเรยี น
- ปกั อกั ษรยอ่ โรงเรียนท่ีเสอ้ื ตามแบบพมิ พ์หรอื ตามตัวอย่างที่โรงเรยี นก�ำหนด
- ไมส่ วมใสเ่ ครอ่ื งประดบั หรอื อาภรณใ์ ดๆ เชน่ ตา่ งหู สรอ้ ย แหวน ฯลฯ ยกเวน้ นาฬกิ าลายสภุ าพ
หา้ มใช้เคร่อื งส�ำอางตกแต่งรา่ งกายเชน่ ทาปาก เขียนคิ้ว ทาเลบ็

2. การปฏิบัตติ นขณะอยูใ่ นบริเวณโรงเรยี น

- เมื่อมาถึงโรงเรียนนักเรียนต้องอยู่ในความดูแลรับผิดชอบค�ำสั่ง ระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน
หา้ มออกนอกบริเวณระหว่างท�ำการสอนเวน้ แตไ่ ดร้ บั อนญุ าต

- ต้องเชื่อฟังและอยู่ในโอวาทคำ� แนะน�ำของครทู ุกท่าน
- ประพฤตติ นให้เหมาะสมกบั สภาพนกั เรียนทีด่ ี เชน่ ไม่สบู บหุ ร่ี ไมด่ มื่ เหลา้ ไมเ่ ลน่ การพนนั ไม่

พดู จาหยาบคาย
- มีความสภุ าพอ่อนโยนตอ่ บคุ คลทัว่ ไป
- เปน็ ผู้มวี นิ ัยด้วยตนเอง
- เมอื่ เขา้ พบครใู หน้ กั เรยี นยนื ทำ� ความเคารพและสภุ าพในลกั ษณะสำ� รวม ถา้ เขา้ พบพรอ้ มกนั หลาย

คนตอ้ งเข้าแถวตามลำ� ดับกอ่ นหลังไมค่ วรยนื รุมลอ้ มครู
- การเขา้ ซื้ออาหารและบริการอน่ื ๆ ควรกระท�ำเช่นเดยี วกนั
- รกั ษาความสามคั คีในหมูค่ ณะ
- ตอ้ งช่วยกันดูแลรกั ษาทรัพยส์ ินของโรงเรียนอนั เปน็ ส่วนรวม
- ตอ้ งชว่ ยกนั ประหยดั การใชน้ า้ํ และกระแสไฟฟา้ ของโรงเรยี นอนั เปน็ การประหยดั พลงั งานชาตไิ ป

พรอ้ มๆ กัน
- นกั เรยี นคนสดุ ท้ายท่ีออกจากห้องเรียน ห้องปฏบิ ัตกิ าร ห้องประชมุ ใหป้ ดิ ไฟฟ้าทุกดวงและทุก

ครั้งหากนักเรียนพบว่าห้องเรียนใดเปิดไฟฟ้าท้ิงไว้ให้ช่วยกันปิด การใช้น้ําต้องใช้อย่างประหยัด
ไมเ่ ปิดกอ๊ กนํา้ ทงิ้ ไว้
- นกั เรยี นทเี่ ขา้ มาบริเวณโรงเรียนต้องแต่งเครอื่ งแบบใหเ้ รยี บร้อยและถกู ตอ้ งเสมอ
- ไม่ส่งเสยี งรบกวนหอ้ งเรยี นขา้ งเคยี ง

องค์การบริหารสว่ นจงั หวัดขอนแกน่

ค่มู อื98 นกั เรยี น ครู และผ้ปู กครอง
โรงเรยี นสีชมพศู กึ ษา ปกี ารศึกษา 2565

- ไมอ่ นญุ าตใชเ้ ครอื่ งมอื สอื่ สารทกุ ชนดิ (โทรศพั ท,์ เครอื่ งเลน่ MP3) ยกเวน้ นกั เรยี นไดร้ บั อนญุ าต
เป็นกรณีพเิ ศษ

3. การปฏิบตั ติ นทัว่ ไป

- ไม่กระท�ำการใดๆ อันจะน�ำความเสอ่ื มเสียมาส่ชู ือ่ เสียงของโรงเรียนและหมูค่ ณะ
- ชว่ ยกันเพมิ่ พนู ชือ่ เสียง ศรัทธา และความเส่อื มใสใหเ้ กิดข้นึ แก่โรงเรยี นและหมู่คณะ
- เลื่อมใสในศาสนาที่นับถือ มีเมตตากรุณา เสียสละ เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ต่อผู้อื่นตามสมควรและถือ

ประโยชน์สว่ นรวมเป็นส่วนใหญ่
- มีความอดทน ต้ังใจศึกษาเล่าเรียนและมีความพยายามอย่างเต็มความสามารถทั้งในขณะท่ีอยู่

โรงเรยี นและทีบ่ ้าน
- เป็นผู้เคารพระเบียบข้อบังคับ กฎหมาย และกติกาของสังคมอยู่ในธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม

กล้าพูด กล้าตดั สินใจ กล้าท�ำในส่ิงทีค่ วรรู้จักสทิ ธิหนา้ ทข่ี องตนอย่ทู ุกขณะ
- ยึดถอื คุณธรรม ความกตญั ญูกตเวที ความสามัคคี ความซื่อสตั ย์สุจริต ความอุตสาหวริ ยิ ะ ขยัน

อดทน มวี ินยั ในตนเอง
- รักษาค�ำพดู รบั ปากวา่ จะทำ� อยา่ งไรน้ันแล้วต้องท�ำอยา่ งนัน้ อยู่เสมอ
- มาเรยี นอยา่ งสมํ่าเสมอเม่อื หยดุ เรียนตอ้ งปฏบิ ตั ใิ ห้ถกู ตอ้ งตามระเบยี บการลา
- พงึ ลดความขดั แยง้ ดว้ ยการข่มใจมีเหตผุ ล ปรึกษาผู้ใหญ่ ครู
- รักษาทรัพย์สินของโรงเรียนมใิ หบ้ บุ สลาย แตกหกั และให้มีการใช้อย่างคุ้มคา่ คมุ้ ราคา
- ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเล่าเรียน เพ่ิมพูนประสบการณ์ ความรู้ความช�ำนาญ

เสรมิ สรา้ งสขุ ภาพดว้ ยการออกกำ� ลงั กาย รบั ประทานอาหารถกู สขุ ลกั ษณะ และพกั ผอ่ นใหเ้ พยี ง
พอ เสรมิ สรา้ งความสัมพนั ธ์อันดแี ละมกี จิ กรรมร่วมกบั บุคคลในครอบครัวหมู่คณะและชมุ ชน
- เข้าใจบทบาท สิทธิ หน้าท่ี และความรับผิดชอบต่อตนเองในแต่ละสถานการณ์ โอกาส และ
สถานท่ี
- เมื่อเลิกเรยี นให้รีบกลบั บา้ นเวน้ แตจ่ ะมีกจิ กรรมทม่ี คี รูควบคมุ การฝึกซ้อมหรอื ควบคมุ การเล่น
- หลีกเล่ียงไมม่ ่วั สมุ แหล่งอบายมุขและยาเสพตดิ

4.การปฏบิ ตั ติ นขณะทมี่ ีช่วั โมงเรียน

- ต้ังใจเรยี น ไม่น�ำวิชาอ่ืนมาอา่ นหรอื ท�ำขณะทเ่ี รยี นวชิ าใดวิชาหนึ่ง
- ไมล่ กุ ยา้ ยทนี่ ง่ั พดู คยุ หรอื ทำ� เสยี งดงั ใหเ้ สยี บรรยากาศของหอ้ งเรยี นและสมาธขิ องครแู ละนกั เรยี น
- หากมปี ญั หาขอ้ สงสยั ใหย้ กมอื ขออนญุ าตเมอ่ื ไดร้ บั อนญุ าตแลว้ จงึ ยนื ขน้ึ ถามหรอื แสดงขอ้ คดิ เหน็

5. การออกนอกห้องเรยี น

- ในขณะทม่ี ชี ว่ั โมงเรยี นนกั เรยี นจะตอ้ งอยใู่ นหอ้ งเรยี นจะอยใู่ นสถานทอี่ น่ื เชน่ หอ้ งสมดุ โรงอาหาร
ห้องปฏบิ ัติการหรือห้องอืน่ ๆ ไม่ไดเ้ ว้นแตจ่ ะได้รบั อนุญาตจากครทู ่ที �ำการสอนในชั่วโมงน้นั

- ถ้ามีความจ�ำเป็นต้องออกนอกห้องให้ขออนุญาตครูท่ีท�ำการสอนทุกครั้ง หากไม่มีครูให้แจ้ง
หัวหน้าห้องเรยี นทราบ

- กอ่ นเขา้ หอ้ งเรยี นในตอนเชา้ และระหวา่ งพกั กลางวนั ควรทำ� กจิ กรรมสว่ นตวั ใหเ้ รยี บรอ้ ยไมค่ วร
ขออนญุ าตออกนอกหอ้ งเรียนในช่ัวโมงแรกของภาคเช้าและภาคบ่าย

องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั ขอนแก่น


Click to View FlipBook Version