การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นางสาวชณิการ์ จันทร์เส็ง นางสาววิไลวรรณ พวงใส นางสาวอัศสุณีย์ ใจวงษ์ โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตาม หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชั้นสูง (ปวส.) พ.ศ. 2563 สาขาวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565
การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ นางสาวชณิการ์ จันทร์เส็ง นางสาววิไลวรรณ พวงใส นางสาวอัศสุณีย์ ใจวงษ์ โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตาม หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชั้นสูง (ปวส.) พ.ศ. 2563 สาขาวิชาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565
ก บทคัดย่อ การศึกษาครั้งนี้เป็นการดำเนินโครงงานด้วยการใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเป็นฐานการศึกษา ทั้งในรูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ศึกษาบูรณาการ ความรูและทักษะความสามารถในการสร้างหรือพัฒนางานในสาขาวิชาชีพได้อย่างเป็นระบบตาม กระบวนการวิจัยซึ่งประกอบด้วย การวางแผน การดำเนินงาน การแกไขปญหา การประเมินผล การจัดทำรายงาน และการนำเสนอผลงาน การศึกษา ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์2. ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีประชากร คือ นางพรนิภา ผากเปี้ย เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน ได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต ต้นทุนการผลิต และอัตรากำไรขั้นต้น ผลการศึกษา ปรากฏว่า ต้นทุนการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 เท่ากับ 9,280.60 บาท ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง 1,399 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.07 ค่าแรงงานทางตรง 6,700 บาท คิดเป็นร้อยละ 72.19 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1,181.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 12.73 การจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ จำนวน 2,350 มัด เป็นเงิน 23,500 บาท ดังนั้น กำไรขั้นต้น 14,219.40 บาท คิด เป็นร้อยละ 60.51 แสดงให้เห็นว่ากิจการมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจและหากกิจการสามารถ ควบคุมต้นทุนและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้กิจการมีผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างดี คำสำคัญ : ต้นทุนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ ผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ชื่อผู้ศึกษา : นางสาวชณิการ์ จันทร์เส็ง : นางสาววิไลวรรณ พวงใส : นางสาวอัศสุณีย์ ใจวงษ์ ชื่อโครงการ : การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ สาขาวิชา : การบัญชี : วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ ครูที่ปรึกษาโครงการ : นายสิงห์คม วุฒิชาติ ปีการศึกษา : 2565
ข กิตติกรรมประกาศ การศึกษาครั้งนี้ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ในรายวิชา โครงการ รหัสวิชา 3201-8501 ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาการบัญชี พ.ศ. 2563 รายงานโครงงานฉบับนี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความช่วยเหลืออย่างดียิ่งของนายสิงห์คม วุฒิชาติครูที่ปรึกษาโครงการ ที่ได้ให้คำแนะนำและข้อคิดเห็นต่าง ๆ ของการศึกษามาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จเรียบร้อย ผู้ศึกษาขอกราบขอบพระคุณด้วยความเคารพอย่างสูงไว้ณ โอกาสนี้ ขอขอบคุณ สาขาวิชาการบัญชี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ ที่ให้ความอนุเคราะห์วัสดุ ฝึก พัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ใช้ในการจัดทำโครงงาน ขอขอบคุณ ร้านคุณสาว ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการให้ข้อมูล และอนุญาตให้เข้าดำเนิน โครงงานการศึกษาการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนม มาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ขอขอบพระคุณบิดามารดา ที่ให้การสนับสนุนในการศึกษา ในการทำรายงานโครงงานฉบับนี้ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ชณิการ์ จันทร์เส็ง วิไลวรรณ พวงใส อัศสุณีย์ ใจวงษ์
ค สารบัญ หน้า บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.4 ประโยชน์ที่จะได้รับ 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 2.2 ต้นทุนการผลิต 2.3 ผลตอบแทนการผลิต 2.4 กรอบแนวคิดการทำโครงงาน 2.5 งานการวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีดำเนินโครงการ 3.1 ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 3.2 ประชากรที่ใช้ในโครงงาน 3.3 เครื่องมือที่ใช้ดำเนินโครงงาน 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล บทที่ 4 ผลการดำเนินโครงงาน 4.1 ผลการศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.2 ผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบล ศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ก ข ค จ ฉ 1 2 2 2 3 4 6 7 9 10 13 15 16 16 18 19 20
ง สารบัญ (ต่อ) หน้า บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก 26 27 28
จ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 3.1 รายละเอียกขั้นตอนการดำเนินโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตารางที่ 3.2 รายละเอียดขั้นตอนการดำเนินโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตารางที่ 4.1 แสดงรายละเอียดสินทรัพย์ของกิจการ ตารางที่ 4.2 แสดงต้นทุนวัตถุดิบทางตรงของการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 ตารางที่ 4.3 แสดงต้นทุนค่าแรงงานทางตรงของการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 ตารางที่ 4.4 แสดงค่าใช้จ่ายในการผลิตของข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 ตารางที่ 4.5 แสดงต้นทุนการผลิตของข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 ตารางที่ 4.6 แสดงรายละเอียดผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ เดือน มกราคม 2566 14 15 20 21 22 23 24 25
ฉ สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ 2.1 แสดงกรอบแนวคิดการทำโครงงานภาคผนวก ภาพที่ 3.1 แสดงขั้นตอนการดำเนินโครงงาน การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาพที่ 3.2 สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนม มาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาพที่ 3.3 การลงพื้นที่สอบถามศึกษาผลิตภัณฑ์ข้าวแคบและการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม 9 13 17 18
บทที่1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา “ข้าวแคบ” เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ และตำบลฝายหลวง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวลับแล โบราณในเรื่องของการถนอมอาหาร เพราะภูมิประเทศของอำเภอลับแลนั้นมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม ระหว่างหุบเขา มีป่าเขาสลับซับซ้อน มีบรรยากาศเยือกเย็นแม้ยามพลบค่ำตะวันจะยังไม่ตกดินก็จะมืด แล้ว อีกทั้งการเดินทางไปมาไม่สะดวก มีเส้นทางที่คดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จึงเรียกว่า “ลับแลง” โดยคำว่า “แลง” แปลว่า เวลาเย็น ต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น“ลับแล” ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น ซึ่งก็กลายมาเป็นชื่ออำเภอลับแลในสมัยปัจจุบัน (ชัช กิตตินภดล, 2559) ข้าวแคบ เป็นอาหารทานเล่นยอดนิยมของชาวลับแล ซึ่งคนที่ทำข้าวแคบครั้งแรก คือ หม่อน น้อย ดุ้ยถา โดยเป็นเรื่องเล่าของ แม่ขาชม (หรือยายชม) ทองก้อน ท่านเล่าว่า เห็นหม่อนน้อย (ทวด น้อย ดุ้ยถา) ทำข้าวแคบครั้งแรกในปีพ.ศ.2483 โดยหม่อนน้อย นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายน้ำ และใส่ เกลือ จากนั้นนำแป้งไปละเลง (ไล้) ลงบนผ้าสีขาวหรือสีดำที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือด เหมือนการทำข้าวเกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ได้มีลักษณะเป็นวงกลม เมื่อแป้งสุกจับกันเป็นแผ่น สวยงาม ก็นำมาตากบนหญ้าคาที่เตรียมไว้ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นลอกออก (สุพัฒ ใจวงษ์, 2565) เพื่อเป็นการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้ทานได้นาน และสะดวกสบายในการนำติดตัว ออกไปกินระหว่างวัน เมื่อต้องเดินทางไปทำไร่ ทำนา หรือ ออกนอกบ้านไกลๆ โดยสมัยก่อนการทำ ข้าวแคบนิยมแค่ในเฉพาะครัวเรือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การทำข้าวแคบก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย มากขึ้น โดยจะมีการสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง จนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน (จากการสัมภาษณ์ : นางพรนิภา ผากเปี้ย, 2559) จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้นการทำข้าวแคบเป็นการสืบทอดตั้งแต่ในระดับครอบครัวส่งไปถึง เครือญาติและได้กระจายไปเป็นอาหารยอดนิยมของชาวลับแลและเป็นการสร้างอาชีพให้กับชุมชน อย่างแพร่หลายโดยคณะผู้ศึกษาเข้าไปสอบถามถึงปัญหาของผู้ประกอบการในชุมชน ซึ่งทำให้ทราบว่า ผู้ประกอบการนั้นมีความรู้ไม่เพียงพอในการคิดต้นทุนการผลิตที่แท้จริง จึงอยากศึกษาต้นทุนการผลิต และผลตอบแทบผลิตภัณฑ์ข้าวแคบว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ได้กำไรดีกว่าและเหมาะสมเพื่อที่จะนำไป เพื่อที่จะนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นและเสริมสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน อันจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้ว นำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในปัจจุบัน
2 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1) เพื่อศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 2) เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.3.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา 1.3.1.1 ด้านต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 1.3.1.2 ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 1.3.1.3 การจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุน วัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1.3.2 ขอบเขตด้านประชากรที่ใช้ในการศึกษา 1.3.2.1 นางพรนิภา ผากเปี้ย เจ้าของกิจการ 1.3.3 ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่ ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 1.3.3 ขอบเขตด้านสถานที่ 1.3.3.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์เลขที่ 9 ถนนแปดวา ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 1.3.3.2 ร้านข้าวแคบของนางพรนิภา ผากเปี้ยเลขที่ 421 ถนนแปดวา ต.ศรีพนม มาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ 1.4 ประโยชน์ที่จะได้รับ 1.4.1 ทราบต้นทุนการผลิตของผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอ ลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 1.4.2 ทราบผลตอบแทนในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
3 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.5.1 ต้นทุนการผลิต หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบ ประกอบด้วย ค่าวัตถุดิบ แป้งข้าวเหนียว ค่าจ้างแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น 1.5.2 ข้าวแคบ หมายถึง แผ่นแป้งบาง แผ่นกลมๆ ใสๆ ซึ่งเกิดจากการเอาแป้งมาโม่ทำเป็น แผ่นแล้วไปตากแดด เป็นวิธีถนอมอาหารให้เก็บไว้รับประทานได้นาน ซึ่งถือเป็นของฝากขึ้นชื่อประจำ จังหวัดอุตรดิตถ์ 1.5.3 ตอกไม้ไผ่ หมายถึง ไม้ไผ่ที่จักบาง ๆ สำหรับผูกมัดหรือสานสิ่งต่าง ๆ 1.5.4 ไพคา หมายถึง การนำหญ้าคามามัดเป็นแผง เรียกว่า ไพ 1.5.5 สินค้าโอทอป หมายถึง โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ถือเป็นนโยบายที่ก่อกำเนิด ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยได้นำภูมิปัญญาของชาวบ้านแต่ละจังหวัดที่มี เอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครมาแปรรูปเป็นสินค้าที่หลากหลาย อาทิ อาหาร, งานหัตถกรรม, งานจักสาน รวมถึง งานถักทอ
บทที่2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษา เรื่อง การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรี พนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์2) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์คณะผู้ศึกษาได้ ทำการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 2.1 ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 2.2 ต้นทุนการผลิต 2.3 ผลตอบแทนการผลิต 2.4 กรอบแนวคิดการทำโครงงาน 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ ข้าวแคบอาหารพื้นบ้านของชาวลับแล จากคําบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า "เกิดมาพ่อแม่ก็ พา กินแล้ว" สันนิษฐานว่าน่าจะมีมากว่า 200 ปีขึ้นไป และอาจมาพร้อม ๆ กับการมาสร้างเมอื ง ลับแล ข้าวแคบของลับแลจะมีลักษณะแผ่นสีชาว บางใส คล้ายพลาสติก แผ่นแป้งที่ได้จากน้ำ แป้งหมักที่ ผสมเกลือ งาดํา ไส้ลงบนผ้าสีขาวหรือสีดําที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือด เหมือนการทําข้าว เกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ได้มีลักษณะเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 7 - 8 นิ้ว แล้ว นําไปตากไว้บน "ไพคา" แล้วนําไปตากแดดจะได้ "ข้าวแคบแห้ง" การทํา ข้าวแคบนั้นมีนานานแล้ว และที่เรียกว่าข้าวแคบนั้น สันนิษฐานว่าเรียกตามลักษณะของปากหม้อ ที่ทําข้าวแคบ ตอนไส้แป้งซึ่งมี ลักษณะแผ่นแคบ เดิมที่ข้าวแคบมีอยู่ ๒ แบบ คือ ข้าวแคบ ธรรมดาและข้าวแคบงามีชนาดใหญ่และ หนากว่าในปัจจุบัน เรียกว่า "ข้าวแคบหนา" รสชาติออก เค็ม มีส่วนผสมคือ แป้ง เกลือ และงาดํา ถ้า ข้าวแคบธรรมดาจะไม่ใส่งาดําในปัจจุบันมีการ ดัดแปลงเป็นข้าวแคบที่มีหลากหลายรสชาติ เวลา รับประทานข้าวแคบคนในสมัยก่อนจะนํามา ปิ้งไฟ แล้วบดให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ เรียกว่า "การเนียงข้าว แคบ" ใส่จานรับประทานกับข้าวเหนียว ใส่หมูปิ้ง หรือเนื้อสัตว์อื่นที่หามาได้แล้วนํามาปิ้ง เป็นอาหารที่ รับประทาน เหมือนกับกับข้าว อย่างอื่นข้าวแคบสามารถฉีกรับประทานได้ทันทีเป็นอาหารว่าง หรือ จะนําไปพันห่อเส้นหมี่ที่ คลุกเคล้ากับผักลวก แคบหมู และเครื่องปรุงรสที่ชาวลับแลเรียกว่า "หมี่ปัน"
5 (หมี่พัน) นอกจากนี้ ชาวลับแลมักจะนําข้าวแคบแห้งมาห่อพันกับข้าวเหนียว หรือกับข้าวอื่นๆ ลงไป พันให้เป็นแท่ง รับประทานอย่างเอร็ดอร่อยและสามารถพกพาไปรับประทานตามหัวไร่ปลายนาได้ สะดวก นอกจากจะรับประทานในรูปของข้าวแคบแห้งแล้วแผ่นแป้งที่ไส้จนสุกสามารถนํามา รับประทาน สด ได้แก่ "ข้าวพัน" "ข้าวพันผัก" "ข้าวพันผักใส่ไข่" ข้าวแคบจึงนับเป็นอาหารที่เป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวลับแลมาเนิ่นนานแล้ว ประเภทของข้าวแคบ "ข้าวแคบ" เป็นแผ่นแป้งบาง ๆ ที่ได้จากการไล้น้ำแป้งที่ผสมงาดํา เกลือหรือเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ลงบนผ้าที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือดเหมือนการทําข้าวเกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ ได้ "ข้าวพัน" ได้จากการใช้แผ่นไม้แบน ๆ หรือชาวลับแลเรียกว่า ไม้หลาบ ม้วนแป้งสุกแล้ว รูด ออก "ข้าวพันผัก" ใส่ผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ผักบุ้งยอดขาวหรือผักอื่น ๆ ลง บนแผ่นแป้งสุก เมื่อผักสุกใช้ไม้หลาบพันแผ่นแป้งเป็นมุมห่อผักไว้ "ข้าวพันผักใส่ไข่" ใส่ไข่ลงไปตีบนแผ่นแป้งที่เริ่มสุกก่อนใส่ผัก เมื่อผักสุกใช้ไม้หลาบพัน แผ่น แป้งเป็นมุมห่อผักไว้ "ก๋วยเตี๋ยวอบ" ตัดแปลงมาจากก๋วยเตี๋ยวน้ำทั่ว ๆ ไป รูปร่างหน้าตาจะเหมือนข้าวพันผัก และ ข้าวพันผักใส่ไข่ เพียงแต่ใช้ข้าวแคบแห้งมาทําให้อ่อนตัวบนปากหม้อดินแทนการไล้แป้ง ใส่เส้น ก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงกับเครื่องปรุงรส ใส่ลูกชิ้นหมูแดงลงไปในข้าวแคบแห้งที่อ่อนตัว ห่อเหมือน ข้าวพันผัก ตักใส่จานแล้วตักน้ำก๋วยเตี๋ยว เหมือนทําก๋วยเตี๋ยวน้ำทั่ว ๆ ไป "ข้าวพันจั๊บ" ซึ่งเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ขาวลับแลดัดแปลงมาภายหลังมีลักษณะเหมือน ก๋วยจั๊บเพียงแต่ใช้ข้าวพันตัดเป็นท่อนแทนเส้นก๋วยจั๊บ หรือจะนําไปทําสุกี้ หรือเย็นตาโฟ "หมี่พัน" เป็นการนําเอาแผ่นข้าวแคบชนิดบาง ใช้เส้นหมี่ลวกคลุกเคล้าเครื่องปรุงรส ถั่วงอก แคบหมู น้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกป่น ผักชีพม่าหั่นฝอยหรือใบหอมผักชี และ เครื่องปรุงอื่น ๆ ปรุง รสตามใจชอบ และตักใส่ลงบนข้าวแคบบางแล้วม้วนปิดตัวเปิดท้าย วิธีทําข้าวแคบ 1. นําแป้งข้าวเจ้าไปหมัก ทําข้าวแคบ ผสมงาดํา เกลือ ผสมน้ําสะอาดคนให้เกลือละลาย 2. การเตรียมเตาและหม้อ (ถ้าเป็นหม้อดินจะดีกว่า) ปากหม้อขึงผ้าขาวบางให้ตึงเติมน้ำ ตั้ง ไฟจนน้ำเดือดให้มีไอน้ำผ่านขึ้นมา เจาะรูผ้าขาวบางปากหม้อประมาณ ๒ นิ้ว เพื่อให้ไอน้ำผ่าน 3. ละเลงแป้งลงบนผ้าเป็นแผ่นวงกลม พอแป้งสุกใช้ไม้พายซ้อนขึ้นวางแป้งลงบนแผ่น หญ้า คา ทําต่อเรื่อย ๆ จนเต็ม 4. ตากแดดให้แห้ง (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
6 วิธีเก็บรักษาข้าวแคบ 1. ควรใส่ถุงมัดปากไม่ให้อากาศเข้า เอาออกจากถุงแต่พอทาน แล้วมัดปากถุงทันที 2. ถ้าข้าวแคบแข็งวิธีแก้ก่อนทาน ใส่ถุงมัดปากนําไปผึ้งแดดสักครึ่งชั่วโมงก็จะนิ่มลงหรือ จะนําไปนึ่งหรืออังกับหม้อหุงข้าว 2.2 ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิต คือ ค่าใช้จ่ายที่่เกิดขึ้นจากการแปรสภาพวัตถุดิบให้กลายเป็นสินค้าสําเร็จรูป เป็นต้นทุนที่่เกิดขึ้นในธุรกิจการผลิต การแบ่งประเภทของต้นทุนการผลิต ถ้าแบ่งตามองค์ประกอบ ของต้นทุนจะสามารถแบ่งประเภทของต้นทุนออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ต้นทุนทั้งหมดที่่ถูกใช้ไปสําหรับการผลิต สินค้าในระหว่างงวด ซึ่งกระบวนการผลิตสินค้าบางชนิดอาจใช้ระยะเวลานาน ทําให้สินค้าบางหน่วย ณ วันสิ้นงวด อาจจะ ยังผลิตไม่เสร็จดังนั้นต้นทุนการผลิตที่่เกิดขึ้นในระหว่างงวด จึงเป็น ต้นทุนของสินค้าที่่ผลิตเสร็จใน ระหว่างงวด (สินค้าสําเร็จรูป) และสินค้าที่ยังอยู่ในกระบวนการ ผลิตส่วนประกอบของต้นทุนที่ใช้ใน การผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และ ค่าใช้จ่ายการผลิต ซึ่งถ้าพิจารณาในด้านทรัพยากร ที่เป็นส่วนประกอบของสินค้าแล้ว ประกอบด้วย 1. วัตถุดิบ (Material Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ อุปกรณ์ เครอื่งมือ ที่ใช้ ในการผลิตทั้งทางตรงและทางออ้ ม ดังนี้ 1.1 วัสดุทางตรง (Direct Material Cost) คือ วัสดุหรือวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตโดยตรง โดยส่วนมากมักจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของผลิตภัณฑ์ เช่น ยางรถยนต์มียางเป็นวัตถุดิบทางตรง ปากกา มี พลาสติกและหมึกเป็นวัตถุดิบทางตรง เป็นต้น จํานวนในการใช้งานวัสดุ/วัตถุดิบ ทางตรงนี้ จะแปรผันกับหน่วยในการผลิตโดยตรง 1.2 วัสดุทางอ้อม (Indirect Material Cost) เช่น วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ สนับสนุนในการผลิตโดยส่วนมากจะไม่แปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง เช่น กระดาษทราย ผ้าเช็ด มือ กาว ตะปู เป็นต้นในบางครั้งวัสดุทางอ้อมก็อาจถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของวัสดุ ทางตรงก็เป็นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการบัญชีของแต่ละองค์กร เช่น มีดกลึงสําหรับ เครื่องจักรซีเอ็นชี ซึ่งเป็น วัตถุดิบทางอ้อม สามารถถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวัตถุดิบทางตรงก็ได้ อาจเนื่องจากเหตุผลด้านราคาที่ สูง และสามารถคํานวณอายุการใช้งานต่อจํานวนชิ้นงานที่ทําการ ผลิตได้ (Too Life) ถึงแม้ว่ามีดกลึง จะไม่ได้ถูกประกอบไปกับชิ้นงานก็ตาม 2. ต้นทุนด้านแรงงาน (Labor Cost) เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในการทํางานและผลิต สิน สินค้าเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สําเร็จรูป สามารถแบ่งออกได้คล้ายๆ กับต้นทุนวัตถุ คือ ค่าใช้จ่าย ด้าน แรงงานทางตรง และค่าจ่ายด้านแรงงานทางอ้อม ดังนี้
7 2.1 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางตรง (Direct Labor Cost) เช่น ค่าจ้างรายวัน/เงินเดือน ของ พนักงานฝ่ายผลิตซึ่งจะแปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง 2.2ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางอ้อม (IndirectLaborCost) เช่น เงินเดือนของพนักงาน ขาย เงินเดือนของผู้จัดการ เงินดือนของวิศวกร ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่แปรผันกับปริมาณในการ ผลิต โดยตรงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้เว็บไซต์นี้มี การใช้งาน คุกกี้ เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์องท่าน ท่าน สามารถอ่าน 3. ค่าใช้จ่ายการผลิต (Manufacturing Overhead) เป็นแหล่งรวบรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าซึ่งนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง เช่น วัตถุดิบ ทางอ้อม ค่าแรงงานทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางอ้อมอื่น ๆ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเสื่อม ราคา ค่าประกันภัย ค่าภาษี เป็นต้น ดำเนินการอย่างเป็นระบบ แล้วประยุกต์ความรู้หรือความเข้าใจที่ ได้จากการแสวงหาไปสร้างสรรค์หรือปรับปรุงให้เกิดผลผลิต กระบวนการ และการบริการแบบใหม่ขึ้น 2.3 ผลตอบแทนการผลิต การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทมีผลตอบแทนและความเสี่ยงแตกต่างกัน เหตุผลที่ เรา ต้องเรียนรู้ ก็เพราะจะได้สามารถปรียบเทียบได้ว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ใดที่ทําให้เราได้รับ ผลตอบแทนในระดับที่เราพอใจและในระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ สุพะยอม นาจันทร์ (2562) การวิเคราะห์ผลตอบแทนเป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนขายกับขายสุทธิ อัตราส่วนที่ นิยมใช้ในการวิเคราะห์ผลตอบแทน วิเคราะห์ความสามารถในการทํากําไรจะ สามารถพิจารณาได้จาก อัตราส่วน ดังนี้ 1. อัตราส่วนกําไรขั้นต้นต่อยอดขาย เป็นอัตราส่วนที่จะบอกให้ทราบว่า กิจการมี ความสามารถในการทํากําไรขั้นต้นเป็นร้อยละเทไ่ รเมอื่ เปรียบเทียบกับยอดขายสุทธิอัตรากําไร ขั้นต้น ยิ่งสูงยิ่งดีแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารงานและการจัดซื้อสินค้ารวมทั้ง นโยบาย การผลิตและการตั้งราคาขาย 2. อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นอัตราส่วนทําให้ทราบว่ากิจการได้นําส่วน ของ เจ้าของไปบริหารเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร อัตราส่วนนี้ยิ่งสูงยิ่งดี อัตราส่วนกําไรขั้นต้น = กําไรขั้นต้น x 100 ยอดขายสุทธิ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น = กําไรขั้นต้น x 100 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น (เฉลี่ย)
8 3. อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หมายถึง อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างกําไรที่ เกิดขึ้น หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเทียบกับสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เขียนเป็นสูตรการคํานวณ ได้ดังนี้ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของต้นทุน ปริมาณ และกําไร การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ต้นทุน ปริมาณ และกําไร เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างต้นทุน ปริมาณ และกําไร้ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ที่มี ผลกระทบต่อกําไรดงัมี รายละเอียดดังนี้ 1. กําไรส่วนเกิน (Contribution Margin: CM) คือ รายได้ส่วนที่เหลือหลังจากหัก ต้นทุน ผันแปรสามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ 2. อัตรากําไรส่วนเกิน (Contribution Margin Ratio) เป็นอัตราส่วนระหว่างกําไร ส่วนเกินหารด้วยรายได้รวม ซึ่งกําไรส่วนเกินเกิดจากผลต่างระหว่างรายได้รวมหักด้วยต้นทุนผันแปร ดังสมการ 3. จุดคุ้มทุน (Break Even Point) แยกได้เป็น 2 กรณีดังนี้ 1) กรณีขายสินค้า 1 ชนิด เป็นการขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดียว วิเคราะห์โดยใช้สมการ ความสัมพันธ์ต้นทุนปริมาณและกําไรสามารถเขียนสมการดังนี้ 2) กรณีขายสินค้าหลายชนิดคือ มีการขายผลิตภัณฑ์มากกว่าหนึ่งชนิด จึงเกี่ยวข้องกับ สัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ในการคํานวณยอดขาย ต้นทุน และกําไรส่วนเกินจะต้องมีการถั่วเฉลี่ยด้วย สัดส่วนการขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ปัจจัยท่ีเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน = กําไรขั้นต้น x 100 สินทรัพย์ไม่หมนุเวียน กําไรส่วนเกิน = ขาย - ต้นทุนผัน แปร อัตรากําไรส่วนเกิน = กําไรส่วนเกินรวม รายได้รวม ยอดขาย ณ จุดคุ้มทุน = ต้นทุนคงที่รวม อัตรากําไรส่วนเกิน
9 คือ สัดส่วนการขาย ซึ่งหมายถึง อัตราร้อยละของการขายสินค้าชนิดนั้นเมื่อเทียบกับ ยอดขาย รวมการคำนวณยอดขาย ณ จุดคุ้มทุนของสินค้าหลายชนิด สามารถเขียนสมการได้ดังนี้ 2.4 กรอบแนวคิดการทำโครงงาน คณะผู้ศึกษาได้นําปัญหาทางด้านการผลิตและผลิตภัณฑ์ข้าวแคบมาศึกษา เพื่อรับรู้ต้นทุนใน การผลิตที่แท้จริงของผู้ประกอบการผลิตและผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ภาพที่ 2.1 แสดงกรอบแนวคิดการทำโครงงาน ยอดขาย ณ จุดคุ้มทุนของสินค้าหลายชนิด = ต้นทุนคงที่รวม อัตรากำไส่วนเกินถัวเฉลี่ย
10 2.5 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดร.อรุณี นุสิทธิ์ และคณะ (2562 : บทคัดย่อ) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุน และโครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขามของวิสาหกิจ ชุมชน กลุ่มมะขามแปรรูปไร่บุญคง ตําบลวัง ชมพู อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็น เครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากประธาน และสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม พ.ศ. 2561 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย ผลการศึกษาพบว่า สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทาการผลิตผลิตภัณฑ์ 4 ชนิดคือ มะขามปรุงรสเปรี้ยว แซ่บ มะขามคลุกบ๊วย มะขามแช่อิ่ม และกล้วยไส้มะขาม มีต้นทุนการ ผลิตทั้งหมดเฉลี่ยต่อไตรมาส 396,438.65 บาท โครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขามประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ 161,967 บาท (ร้อยละ 40.85) ค่าแรงงาน 84,000 บาท (ร้อยละ 21.20) ค่าใช้จ่าย การผลิตคงที่ 9,871.65 บาท (ร้อยละ 2.49) ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร 132,100 บาท (ร้อยละ 33.32) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 8,500 บาท (ร้อยละ 2.14) การศึกษาครั้งนี้ ใช้การปัน ส่วนค่าใช้จ่ายการผลิตจากเกณฑ์หน่วยผลิต (กิโลกรัม) จึงอาจส่งผลต่อการปันส่วนค่าใช้จ่ายการ ผลิต บ้างรายการ ดังนั้น การวิเคราะห์ต้นทุนและโครงสร้างต้นทุนในการศึกษาครั้งต่อไปควรใช้เกณฑ์ ฐาน กิจกรรม เพื่อให้ ค่าใช้จ่ายการผลิตแต่ละรายการสอดคล้องกับระดับกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง พัชนี แพทย์อุดม (2562 : บทคัดย่อ) ต้นทุนและผลตอบแทนของการลงทุนปลูก พริกไทย แบบอินทรีย์เพื่อการค้า ในจังหวัดจันทบุรี การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและ ผลตอบแทนจากการปลูกพริกไทยแบบอินทรีย์เพื่อการค้าโดยใช้อัตราส่วนทางการเงินในการวดัผล ประกอบด้วย อัตรากําไรขั้นต้นอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษานี้คือเกษตรกรในพื้นที่อําเภอนายายอาม อําเภอท่าใหม่ อําเภอแก่งหางแมว อําเภอเขาคิชฌกูฎและอําเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการปลูก พริกไทยตั้งแต่ 5ปีขึ้นไป โดยใช้วิธีเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จํานวน 10 ราย ซึ่งผู้ศึกษาใช้แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือในการสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างจากการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย ของปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 144,194.87 บาท 146,062.32 บาท 144,624.73 บาท 141,727.19 บาท และ 126,569.40 บาทตามลําดับ มีผลตอบแทนเฉลี่ยของปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 608,386.00 บาท 571,283.00บาท 541,662.00 บาท 215,800.50 บาท และ 193,6 10.00 บาท ตามลําดับ ผลการวิเคราะห์โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน พบว่า อัตราส่วนกําไรขั้นต้นปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 76.30% 74.43% 73.30% 34.32% และ 34.63 ตามลําดับ อัตราผลตอบแทนต่อ สินทรัพย์รวมปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 58.24% 54.14% 51.43% 9.81% และ 9.08% ตามลําดับ อัตราผลตอบแทน จากเงินลงทุนปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 380.51% 330.60% 310.45% 59.21% และ 60.65% ตามลําดับ สําหรับต้นทุนการผลิตค่ใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ที่สุดในกระบวนการผลิต และราคาขายผลผลิตที่ลดลงมีสาระสําคัญต่อผลตอบแทนที่ลดลงอย่าง
11 ต่อเนื่อง ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินจากการคํานวณหาผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ มี ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2558 ทั้ง 3 อัตราส่วน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายผลผลิตที่สูงสุดในปีดังกล่าว ชวิศา ตงศิริ (2563 : บทคัดย่อ) งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิเคราะห์ต้นทุนและ ประโยชน์ของการปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารและใช้สารเคมีกําจัดศัตรูพืช งานวิจัยนี้ใช้วิธีสัมภาษณ์เชิง ลึกแบบมีโครงสร้าง (Structured Inteview) จากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี นครปฐมและ กาญจนบุรี ที่ปลูกผักกาดหอม ผักป่วยเล้ง และผักคะน้า จํานวน 6 ราย ข้อมูลที่ได้รับนํามาวิเคราะห์ โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่าต้นทุนทั้งหมดของผักเกษตรอินทรีย์ เท่ากับ 72,531.15 บาท รายได้สูงกว่าต้นทุนเท่ากับ 841,808.85 บาท และการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน มี อัตราผลตอบแทนจากลงทุน(ROI) เท่ากับร้อยละ 122.94 ต้นทุนทั้งหมดของผักปลอดสาร เท่ากับ 38,138.68 บาท รายได้สูงกว่าต้นทุน 483,261.32 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน เท่ากับร้อย ละ 108:24 และต้นทุนทั้งหมดของการใช้สารเคมีกําจัดศัตรูพืชเท่ากับ 13,108.09 บาท รายได้สูงกว่า ต้นทุน เท่ากับ 406,89 1.9 1 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนเท่ากับ ร้อยละ 39.64 จาก การศึกษาครั้งนี้โดยคาดว่างานวิจัยจะช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกผักเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้การปลูกยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อผลผลิต อาทิเช่น พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ สภาพดิน สภาพ อากาศ และในส่วนของงานวิจัยมีข้อจํากัดในการศึกษาคือ เขตพื้นที่ของการศึกษาแต่ละรูปแบบไม่ได้ อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันจึงอาจมีส่วนส่งผลทําให้ผลตอบแทนการผลิตที่แตกต่างกันและสัดส่วนพื้นที่ใน การปลูกมีความแตกต่างกัน ภัทรจาริน ศรียงค์ และคณะ (2563 : บทคัดย่อ) การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทน การ ผลิตข้าวเม่า : กรณีศึกษา ผู้ประกอบการในเขตบ้าน กลางใหญ่ ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลต้นทุนและ ผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า เพื่อวิเคราะห์ ต้นทุน รายได้ และผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า เพื่อศึกษา ปัญหาและอุปสรรคจากการผลิตข้าวเม่า กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ คุณศิริรัตน์ ชาวดอน บ้านกลางใหญ่ ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ จังหวัด อุดรธานีจํานวน 1 ราย โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสัมภาษณ์มี โครงสร้าง ที่ได้ ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับวัตถุประสงค์ของการศึกษาประกอบการใช้วิธีสังเกตการณ์ การทํางาน และ กรรมวิธีการแปรรูปข้าวเม่า ผลการศึกษาพบว่า การแปรรูปข้าวเม่าจะมีต้นทุนการ ผลิตต่อถุง 21.07 บาท ช่วงการเก็บมีปริมาณการขายเท่ากับ 12,000 ถุง เป็นจํานวนเงิน 960,000 บาท หักต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 242,520 บาท ภายในเดือนมกราคม คุณศิริรัตน์ ชาวดร มีกําไร ขั้นต้น 1,191,720 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รายได้ที่คุณศิริรัตน์ ชาวดร ได้รับนั้นมากกว่าต้นทุนการ ผลิตข้าวเม่า ข้อเสนอแนะ ควรขุดสระน้ํา เพื่อกักเก็บน้ําให้เพียงพอต่อการ ปลูกข้าวเพื่อที่จะได้ข้าวมา ทําการผลิตเป็นข้าวเม่าและผู้ประกอบการควรกระจายข้าวเม่าสู่ร้านค้าอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้มาก ขึ้น และเพื่อเพิ่มกําไรให้กับผู้ประกอบการ
12 อินทิรา สุวรรณดีและคณะ (2563 : บทคัดย่อ) การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิต ปลาร้าแปรรูป : กรณีศึกษากลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก อําเภอศรีบุญเรือง จังหวัด หนองบัวลําภูการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษากระบวนการผลิตปลาร้าแปรรูปบ้าน หนองแก 2) เพื่อศึกษา ตันทุนการผลิตปลาร้าแปรรูปบ้านหนองแก 3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ ผลตอบแทนการผลิต ปลาร้าแปรรูป 4) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการผลิตปลาร้าแปรรูป กรณีศึกษากลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก ตําบลหนองแก อําเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนอง บัวลํา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้เครื่องมือ การสัมภาษณ์เชิงลีก แบบมีโครงสร้างโดยมีการ สัมภาษณ์สมาชิกกลุ่มเชิงลึกพร้อมทั้งสังเกตแบบมีส่วนร่วม เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ยังมีการ ทวนสอบถามและคืนข้อมูลให้กับสมาชิกกลุ่มบ้านหนองแก โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุป ประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ศักยภาพ ปัญหา อุปสรรค และความต้องการ ของกลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก โดยใช้เครื่องมือผ่านการสัมภาษณ์เพื่อตอบคําถาม ให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของานวิจัยตามที่กําหนดไว้ ซึ่งผลการวิจัยในครั้งนี้พบว่า เงินลงทุนเริ่มแรก เพื่อใช้เป็นเงินลงทุน สําหรับการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการผลิตปลาร้าแปรรูป ซึ่งมีจํานวนเงินลงทุน เท่ากับ 4,175 บาท โดยมีค่าเสื่อมราคาอยู่ที่ 1,920.33 บาทต่อปี และคิดค่าเสื่อมราคาต่อเดือนอยู่ที่ 160.03 บาท ต่อเดือน ระยะเวลา 1 เดือน มีต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด 3,342 บาท สามารถผลิตได้ 810 กระปุก เป็น ต้นทุนเกี่ยวกับการแปรรูปปลาร้าหรือแจ่วบอง ค่าแรงงานทางตรงประกอบด้วย ค่าแรงงานคนงาน ใน กระบวนการผลิต ซึ่งมีแรงงานคน 6 คน ใน 1 รอบ การผลิต ซึ่ง 1 รอบการผลิตใช้เวลา 1 วัน ใน 1 เดือน สามารถผลิตได้ 3 รอบ มีค่าแรงงานทางตรง 1,200 บาทต่อรอบ ค่าใช้จ่ายการผลิต ประกอบด้วย ค่าน้ําประปโดยประมาณสําหรับรอบระยะเวลาการผลิตเท่ากับ 60 บาท/เดือน ค่าไฟฟ้า โดยประมาณสําหรับรอบระยะเวลาการผลิตเท่ากับ 90 บา/เดือน ค่าถ่านโดยประมาณสําหรับรอบ ระยะเวลาการผลิต ท่ากับ 60 บาท/เดือน ค่ากระปุกบรรจุภัณฑ์เฉลี่ยกระปุกละ 0.50 บาท 1 เดือนใช้ 810 กระปุก ราคา 405 บาท/เดือน ค่าสติ๊กเกอร์ผลิตภัณฑ์ เท่ากับ 225 บาท/เดือน รวมค่าใช้จ่าย การผลิต 1,000.03 บาท/เดือน (1,000.03/8 10กระปุก) 1.23 บาท/กระปุก รวมต้นทุนการผลิตต่อ กระปุก 9.79 บาท
บทที่3 วิธีดำเนินโครงงาน การศึกษา เรื่อง การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรี พนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์2) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ คณะผู้ศึกษาได้ ดำเนินงานตามระเบียบวิธีวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยมีวีการดำเนินโครงงาน ดังนี้ 3.1 ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 3.2 ประชากรที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน 3.3 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล 3.1 ขั้นตอนการดำเนินโครงการ เป็นการเขียนขั้นตอนลำดับการทำงาน โดยให้แสดงดังภาพ 3-1 เขียนแบบเสนอโครงงาน นำแบบสัมภาษณ์ที่ไปสัมภาษณ์กับร้านคุณสาว มาวิเคราะห์ต้นทุนทางตรง ต้นทุนทางอ้อมค่าใช้จ่ายในการผลิตและผลตอบแทนของร้านคุณสาว จัดการต้นทุนและผลตอบแทนให้สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ของโครงงาน สรุปผลตามผลการวิเคราะห์ จัดทำรูปเล่มโครงงานพร้อมนำเสนอโครงงาน
14 ภาพที่ 3.1 แสดงขั้นตอนการดำเนินโครงงาน การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตารางที่ 3.1 รายละเอียกขั้นตอนการดำเนินโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน รายละเอียดการดำเนินโคงงาน เขียนแบบเสนอโครงงาน - ชื่อผู้จัดทำโครงงาน - ผู้รับผิดชอบโครงงาน - ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา - คำถามการศึกษา - วัตถุประสงค์ของโครงงาน - ขอบเขตของโครงงาน - ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ - เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง - ระเบียบวิธีการดำเนินงาน - งบประมาณที่ดำเนินงาน - นิยามศัพท์เฉพาะ - บรรณานุกรม นำแบบสัมภาษณ์ที่ไปสัมภาษณ์กับร้านคุณสาว มาวิเคราะห์ต้นทุนทางตรง ต้นทุนทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตและผลตอบแทนของร้านคุณ สาว - นำแบบสัมภาษณ์ให้ร้านคุณสาว เขียน ตอบในแบบสัมภาษณ์ - วิเคราะห์ แยกแยะ ข้อมูลต้นทุนที่ได้จาก แบบสัมภาษณ์ จัดการต้นทุนและผลตอบแทนให้สะท้อนถึง วัตถุประสงค์ของโครงงาน - ใช้สถิติและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยใน การวิเคราะห์ สรุปผลตามผลการวิเคราะห์ - สรุปผลการวิเคราะห์จากการใช้สถิติและ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยในการ วิเคราะห์ จัดทำรูปเล่มโครงงานพร้อมนำเสนอโครงงาน - นำข้อมูลที่ศึกษาทั้งหมดมาจัดทำรูปเล่ม - นำเสนอโครงงานให้กับคณะกรรมการ ประเมินผลสรุปการดำเนินโครงงาน
15 ตารางที่ 3.2 รายละเอียดขั้นตอนการดำเนินโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ การดำเนินงาน ระยะเวลาในการดำเนินงาน ตุลาคม 2565 พฤศจิกายน 2565 ธันวาคม 2565 มกราคม 2565 กุมภาพันธ์ 2565 ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. เสนอข้อมูล 2. เขียนโครงร่างโครงงาน 3. เสนอโครงงาน ขั้นตอนการดำเนินตามโครงงาน 4. เขียนโครงร่างโครงงาน 5.เขียนรายงานเกี่ยวเอกสาร ที่เกี่ยวข้อง 6.เขียนรายงานเกี่ยวผลการ ดำเนินงาน 7.ลงพื้นที่สำรวจข้อมูล 8. การเขียน สรุปผล อภิปลายผลและข้อเสนอแนะ 9. รวบรวมเอกสารและจัดทำ รูปเล่ม ขั้นการสรุปผลโครงงาน 10. นำเสนอโครงงาน 11. สรุปและประเมินผล 3.2 ประชากรที่ใช้ในการดำเนินโครงงาน ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นร้านของ นางพรนิภา ผากเปี้ย เจ้าของกิจการ
16 3.3 เครื่องมือที่ใช้ดำเนินโครงงาน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับ เพื่อให้ได้คำตอบตามวัตถุประสงค์ของ โครงงานศึกษาต้นทุนการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบแบบต้นตำหรับและแบบแปรรูป กรณีศึกษาของ นางพรนิภา ผากเปี้ย ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยใช้แบบสัมภาษณ์ที่ได้ ออกแบบขึ้นเพื่อรับรองวัตถุประสงค์ของการศึกษา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 คำชี้แจง ประกอบด้วย 1.1 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.2 รายละเอียดของโครงงาน 1.3 ข้อตกลงของโครงการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ในการให้ข้อมูลจะไม่มีผลกระทบที่ก่อให้เกิดความ เสียหายต่อท่านและหน่วยงานในทุก ๆ ด้าน 1.4 ประโยชน์ของโครงการจะมุ่งหวังให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนจากการ ปฏิบัติจริง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมระหว่างสถานศึกษากับสังคมและชุมชน ในการร่วมกันพัฒนาการ ดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างยั่งยืน ส่วนที่ 2 รายละเอียดของกิจการ ประกอบด้วย ตอนที่1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ให้สัมภาษณ์ ตอนที่ 2 ข้อมูลทั่วไปของร้านคุณสาว ตอนที่ 3 ข้อมูลด้านการบริหารจัดการและการเงินของกิจการ ตอนที่4 ปัญหาและข้อเสนอแนะ 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลโครงงานต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์มีดังนี้ 3.4.1 ลักษณะของข้อมูล สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 3.4.1.1 ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขหรือ นํามาให้รหัสเป็นตัวเลข ซึ่งสามารถนําไปใช้วิเคราะห์ทางสถิติได้ ซึ่งได้แก่ จํานวนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ ของแต่ละประเภท 3.4.1.2 ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) คือ ข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเลข ไม่ได้มี การให้รหัสตัวเลขที่จะนําไปวิเคราะห์ทางสถิติแต่เป็นข้อความหรือข้อสนเทศ ซึ่งได้แก่ ข้อมูลทั่วไปของ ข้าวแคบ ขั้นตอนการผลิตข้าวแคบ
17 3.4.2 แหล่งที่มาของข้อมูล ได้แก่ บุคคลเช่นผู้ให้สัมภาษณ์ผู้กรอกแบบสอบถาม บุคคลที่ถูกสังเกต เอกสารทุกประเภท และข้อมูลสถิติจากหน่วยงานรวมไปถึงภาพถ่าย แผนที่ แผนภูมิ หรือแม้แต่วัตถุ สิ่งของ ก็ถือเป็นแหล่งข้อมูลได้ทั้งสิ้น โดยทั่วไปสามารถจัดประเภท ข้อมูลตาม แหล่งที่มาได้ 2 ประเภทดังนี้ 3.4.2.1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) คือ ข้อมูลที่ผู้วิจัยเก็บขึ้นมาใหม่เพื่อ ตอบสนองวัตถุประสงค์การวิจัยในเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะ การเลือกใช้ข้อมูลแบบปฐมภูมิ ผู้วิจัยจะ สามารถเลือกเก็บข้อมูลได้ตรงตามความต้องการและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ตลอดจนเทคนิคการ วิเคราะห์ แต่มีข้อเสียตรงที่สิ้นเปลืองเวลา ค่าใช้จ่าย และอาจมีคุณภาพไม่ดีพอ หากเกิดความ ผิดพลาดในการเก็บข้อมูลภาคสนาม ซึ่งได้แก่ข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุน ค่าใช้จ่าย ในการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบ 3.4.2.2 ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) คือ ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีผู้เก็บหรือ รวบรวมไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่นักวิจัยนำข้อมูลเหล่านั้นมาศึกษาใหม่ เช่น ข้อมูลสำมะโนประชากร สถิติ จากหน่วยงาน และเอกสารทุกประเภท ช่วยให้ผู้วิจัยประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเวลากับการเก็บ ข้อมูลใหม่ และสามารถศึกษาย้อนหลังได้ ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มการ เปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่ศึกษา แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องความครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจาก บางครั้งข้อมูลที่มีอยู่แล้วไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของเรื่องที่ผู้วิจัยศึกษา และปัญหาเรื่องความ น่าเชื่อถือของข้อมูล ก่อนจะนำไปใช้จึงต้องมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูล และเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจาก แหล่งอื่นในบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งได้แก่ ข้อมูลทั่วไปของข้าวแคบ ข้อมูลขั้นตอนและวิธีทำข้าวแคบ ของแต่ละพื้นที่ ภาพที่ 3.2 สัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
18 ภาพที่ 3.3 การลงพื้นที่สอบถามศึกษาผลิตภัณฑ์ข้าวแคบและการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม 3.5 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล การคำนวณต้นทุนการผลิต การคำนวณต้นทุนการผลิต คือ การคำนวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงิน ของกิจการ เป็นการบันทึกการวัดผลและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนสินค้าของกิจการ โดยทั่วไปการ คำนวณต้นทุนจะใช้เวลาในการลงรายละเอียดของกิจการที่ผลิตสินค้าแต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการ ประเภทอื่น เช่น กิจการขายส่ง ขายปลีก ร้านอาหารหรือบริการต่าง ๆ จะไม่มีความสำคัญในการ คำนวณต้นทุน การคำนวณต้นทุนสามารถนำไปใช้ได้ในทุกกิจการเพราะมีความสำคัญต่อการบริหาร จัดการธุรกิจ โดยมีการวิธีคำนวณต้นทุนดังนี้ กำไรสุทธิคือ กำไรที่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกแล้ว รวมถึงดอกเบี้ยและภาษีเงินได้แล้วอัตรา กำไรสุทธิสามารถคำนวณได้ดังนี้ อัตรากำไรสุทธิคือ การวัดอัตราส่วนทางการเงินระหว่างผลกำไรสุทธิกับยอดขาย ซึ่งเป็น อัตราส่วนที่บอกถึงความสามารถการทำกำไรสุทธิของกิจการ บอกถึงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ของกิจการและความสามารถของผู้บริหา ต้นทุนการผลิตทั้งสิ้น = วัตถุดิบใช้ไปในการผลิต + ค่แรงทางตรง + คำใช้จ่ายในการผลิต กำไรสุทธิ = รายได้จากการขายผลผลิตยางพารา - ค่าใช้จ่ายในการผลิต อัตรากำไรสุทธิ - กำไรสุทธิ/ยอดขาย * 100 (%)
บทที่4 ผลการดำเนินโครงงาน การศึกษา เรื่องการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรี พนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์2) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ คณะผู้ศึกษาได้ ดำเนินงานตามระเบียบวิธีวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยปรากฎผลการศึกษาจำแนกตามวัตถุประสงค์ของ โครงงาน ดังนี้ 4.1 ผลการศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.2 ผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.1 ผลการศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.1.1 ชื่อผู้ผลิตข้าวแคบ : นางพรนิภา ผากเปี้ย 4.1.2 ที่อยู่ : 421 ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.1.3 ผลิตภัณฑ์: ข้าวแคบ 4.1.4 ลักษณะของการผลิตข้าวแคบ : เป็นเจ้าของคนเดียว 4.1.5 ระยะเวลาในการผลิตข้าวแคบ : มากกว่า 10 ปี 4.1.6 ช่องทาง/สถานที่จำหน่าย : 089-5039617 บ้านคอกช้าง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.1.7 แนวคิดในการเริ่มต้นผลิตข้าวแคบ : ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร อยากทำงานอยู่ที่บ้าน เพื่อที่จะได้มีเวลาดูแลบ้านดูแลลูกหลานและเป็นนายตัวเอง 4.1.8 กลยุทธ์หรือเทคนิคในการผลิตข้าวแคบ : กิจการไม่มีการขยายตัวด้านการลงทุน เพิ่มเติมหรือลดลง เพื่อควบคุมการดำเนินงานให้มีความเสถียรภาพ จึงไม่มีการลงทุนสินทรัพย์เพิ่มเติม
20 4.2 ผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 4.2.1 ข้อมูลด้านการลงทุน จากการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์มีข้อมูลการลงทุน แสดงได้ดังตารางที่ 4.1 ดังนี้ ตารางที่4.1 แสดงรายละเอียดสินทรัพย์ของกิจการ เดือนมกราคม 2566 รายการ จำนวน หน่วยนับ ราคา (หน่วย) จำนวนเงิน (บาท) อุปกรณ์ เตาข้าวแคบ (ใหญ่) 1 เตา 6,000 6,000 ชุดหม้อนึ่ง 2 ชุด 380 760 กระทะเหล็ก (33นิ้ว) 2 ใบ 3,000 6,000 กะละมัง 1 อัน 20 20 ไม้หลาบ 2 ด้าม 25 50 ถังน้ำ 2 ถัง 60 120 แผ่นหญ้าคา 30 คา 30 900 ผ้าขาวบาง 2 ผืน 20 40 กระบวย 1 ด้าม 25 25 ตอกไม้ไผ่ 10 มัด 100 1,000 รวมสินทรัพย์ 9,660 14,915 จากตารางที่ 4.1 พบว่า ข้อมูลการลงทุนเริ่มแรกของกิจการประกอบด้วยสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 14,915 บาท ประกอบด้วย เตาข้าวแคบ 1 เตา 6,000 บาท ชุดหม้อนึ่ง 2 ชุด 760 บาท กระทะเหล็ก (33 นิ้ว) 2 ใบ 6,000 บาท กะละมัง 1 อัน 20 บาท ไม้หลาบ 2 ด้าม 50 บาท ถังน้ำ 2 ถัง 120 บาท แผ่นหญ้าคา 30 คา 900 บาท ผ้าขาวบาง 2 ผืน 40 บาท กระบวย 1 ด้าม 25 บาท ตอกไม้ไผ่10 มัด 1,000 บาท
21 4.2.2 วัตถุดิบทางตรง คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนวัตถุติบทางตรงของการผลิตข้าวแคบ จากการสัมภาษณ์ เจ้าของกิจการ พบว่า ตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 มีการผลิตข้าวแคบ จำนวน 20 วัน โดยสรุปต้นทุนวัตถุดิบ แสดงได้ดังตารางที่ 4.2 ดังนี้ ตารางที่4.2 แสดงต้นทุนวัตถุดิบทางตรงของการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 รายการ จำนวน หน่วยนับ ราคา (หน่วย) จำนวนเงิน (บาท) ร้อยละ 1. แป้งสำเร็จรูปตราเพชร (10 โล) 2 ถุง 350 700 50.04 2. น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม 45 45 3.22 3. เกลือป่น 1 กิโลกรัม 28 28 2.00 4. ผงชูรส 1 กิโลกรัม 50 50 3.57 5. พริกป่น 1 กิโลกรัม 210 210 15.01 6. งาดำ 1.5 กิโลกรัม 63 63 4.50 7. กุ้งแห้ง 1.5 กิโลกรัม 96 96 6.86 8. ผักชีใบเลื่อย 5 กำ 5 25 1.79 9. ใบเตย 2 กำ 20 40 2.86 10. อัญชัน 200 ดอก 0.23 46 3.29 11. แครอท 3 กิโลกรัม 32 96 6.86 รวมวัตถุดิบทางตรง 899.23 1,399 100.00 ต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยต่อแผ่น 23,500 จากตารางที่ 4.2 พบว่า ต้นทุนวัตถุดิบทางตรงของการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 สรุปได้ว่า การผลิตข้าวแคบ ใช้แป้งสำเร็จรูปตราเพชร (10 โล) เป็นเงิน 350 บาท คิดเป็นร้อยละ 50.04 น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม 45 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.22 เกลือป่น 1 กิโลกรัม 28 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.00 ผงชูรส 1 กิโลกรัม 50 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.57 พริกป่น 1 กิโลกรัม 210 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.01 งาดำ 1.5 กิโลกรัม 63 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.50 กุ้งแห้ง 1.5 กิโลกรัม 96 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.86 ผักชีใบเลื่อย 5 กำ 25 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.86 ใบเตย 2 กำ 40 บาท คิดเป็น ร้อยละ 2.86 อัญชัน 200 ดอก 46 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.29 แครอท 3 กิโลกรัม 96 บาท คิดเป็น ร้อยละ 6.86 และต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยต่อแผ่นเท่ากับ 0.60 สตางค์
22 ต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยต่อแผ่น = ต้นทุนวัตุดิบรวม จำนวนหน่วยที่ผลิต = 1,399 23,500 = 0.60 สตางค์ต่อแผ่น 4.2.3 ค่าแรงงานทางตรง คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนค่าแรงงานทางตรงของการผลิตข้าวแคบ จากการ สัมภาษณ์เจ้าของกิจการ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่31 มกราคม 2566 มีการผลิต ข้าวแคบ จำนวน 20 วัน ดังนั้น ค่าแรงงานรายชั่วโมง จะเท่ากับ 40 บาท โดยสรุปต้นทุนค่าแรงงาน ทางตรง แสดงได้ดังตารางที่ 4.3 ดังนี้ ตารางที่4.3 แสดงต้นทุนค่าแรงงานทางตรงของการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 รายการ อัตรา ค่าแรงงาน (บาท) จำนวนการผลิต (วัน) ค่าแรงงาน (บาท) ร้อยละ 1. นางพรนิภา ผากเปี้ย 335 20 6,700 100.00 รวมค่าแรงงานทางตรง 6,700 100.00 ต้นทุนค่าแรงงานทางตรงของข้าวแคบ (แผ่น) 23,500 *อัตราค่าแรงงานอ้างอิงมาจากค่าแรงงานขั้นต่ำของจังหวัดอุตรดิตถ์ จากตารางที่ 4.3 พบว่า ต้นทุนค่าแรงงานของการผลิตข้าวแคบ เดือน มกราคม 2566 เท่ากับ 6,700 บาท สรุปได้ว่า นางพรนิภา ผากเปี้ย เจ้าของกิจการทำงาน 20 วัน ค่าแรงงาน 6,700 บาท คิดเป็นร้อยละ 100.00 และต้นทุนค่าแรงงานทางตรงของข้าวแคบต่อแผ่นเท่ากับ 0.29 สตางค์ ต้นทุนค่าแรงงานเฉลี่ยต่อแผ่น = ค่าแรงงาน จำนวนหน่วยที่ผลิต = 6,700 23,500 = 0.29 สตางค์ต่อแผ่น
23 4.2.4 ค่าใช้จ่ายในการผลิต คณะผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายในการผลิตข้าวแคบ ประกอบด้วย วัสดุสิ้นเปลือง ค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า โดยสรุปค่าใช้จ่ายในการผลิต แสดงได้ดังตารางที่ 9.4 ดังนี้ ตารางที่4.4 แสดงค่าใช้จ่ายในการผลิตของข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 รายการ จำนวน หน่วยนับ ราคา (หน่วย) จำนวนเงิน (บาท) ร้อยละ 1. ถุงใส 12*18 นิ้ว 1 แพ็ค 47 47 3.98 2. ถุงใส 7*12 นิ้ว 1 แพ็ค 47 47 3.98 3. ถุงหิ้ว 8*16 นิ้ว 1 แพ็ค 21 21 1.78 4. แก๊สหุงต้ม 2 ถัง 445 890 75.32 5. ค่าน้ำประปา 10 หน่วย 7 70 5.92 6. ค่าไฟฟ้า 20 หน่วย 5.33 106.60 9.02 รวมค่าใช้จ่ายในการผลิต 572.33 1,181.60 100.00 จากตารางที่ 4.4 พบว่า ค่าใช้จ่ายในการผลิตข้าวแคบ เดือน มกราคม 2566 ประกอบด้วย ถุงใส 12*18 นิ้ว เป็นเงิน 47 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.98 ถุงใส 7*12 นิ้ว 1 แพ็ค 47 บาท คิดเป็นร้อย ละ 3.98 ถุงหิ้ว 8*16 นิ้ว 1 แพ็ค 21 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.78 แก๊สหุงต้ม 2 ถัง 890 บาท คิดเป็น ร้อยละ 75.32 ค่าน้ำประปา 10 หน่วย 70 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.92 ค่าไฟฟ้า 20 หน่วย 106.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 9.02
24 4.2.5 ต้นทุนการผลิต การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอ ลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนการผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 มกราคม 2566 เพื่อนำมาคำนวณต้นทุนการผลิต และคำนวณต้นทุนต่อหน่วย ประกอบด้วย ข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต แสดงดังตารางที่ 4.5 ดังนี้ ตารางที่4.5 แสดงต้นทุนการผลิตของข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 รายการ จำนวนเงิน (บาท) ร้อยละ 1. วัตถุดิบทางตรง 1,399 15.07 2. ค่าแรงงานทางตรง 6,700 72.19 3. ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1,181.60 12.73 รวมต้นทุนการผลิต 9,280.60 100.00 ปริมาณที่ผลิตได้(แผ่น) 23,500 ต้นทุนต่อหน่วย 0.39 จากตารางที่ 4.5 พบว่า ต้นทุนการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 เท่ากับ 9,280.60 บาท ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง 1,399 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.07 ค่าแรงงานทางตรง 6,700 บาท คิดเป็นร้อยละ 72.19 ค่าใช้จ่ายใรการผลิต 1,181.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 12.73 และต้นทุนต่อ หน่วยเท่ากับ 0.39 บาท การคำนวณต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิต = วัตถุดิบทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าใช้จ่ายในการผลิต = 1,399 + 6,700 + 1,181.60 = 9,280.60 ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย = (วัตถุดิบทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าใช้จ่ายในการผลิต) จำนวนหน่วยที่ผลิตได้ = 1,399 + 6,700 + 1,181.60 23,500 = 0.39
25 4.2.6 ผลการศึกษาผลตอบแทน ผลการศึกษาผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนม มาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์แสดงได้ดังตารางที่ 4.6 ดังนี้ ตารางที่4.6 แสดงรายละเอียดผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 รายการ ราคา (หน่วย) จำนวน (มัด) จำนวนเงิน (บาท) ร้อยละ ผลตอบแทนจากการจำหน่ายข้าวแคบ 10 2,350 23,500 100.00 รวมรายได้ 23,500 100.00 จากตารางที่ 4.6 พบว่า ผลตอบแทนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 จำหน่ายข้าวแคบได้จำนวน 2,350 มัด เป็นเงิน 23,500 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 การคำนวณกำไรสุทธิ กำไรสุทธิ= รายได้รวม - ค่าใช้จ่ายรวม = 23,500 - 9,280.60 = 14,219.40 อัตรากำไรขั้นต้น = กำไรขั้นต้น x 100 ยอดขายสุทธิ = 14,219.40 x 100 23,500 = 60.51 % 4.2.7 งบกำไรขาดทุน นางพรนิภา ผากเปี้ย งบกำไรขาดทุน สำหรับระยะเวลา 1 เดือน สิ้นสุดวันที่31 มกราคม 2566 หน่วย : บาท รายได้จากการขาย 23,500 หัก ต้นทุนขาย 9,280.60 กำไรขั้นต้น 14,219.40 หัก ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร - กำไรสุทธิ 14,219.40
บทที่5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษา เรื่องการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรี พนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์2) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตําบลศรีพนมมาศ อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ คณะผู้ศึกษาได้ ดำเนินงานตามระเบียบวิธีวิจัยอย่างเป็นระบบ สามารถสรุปสาระสำคัญของการวิจัยได้ดังนี้ 5.1 สรุปผล 5.2 อภิปรายผล 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล 5.1.1 ข้อมูลทั่วไป ร้านของนางพรนิภา ผากเปี้ย เปิดร้านขายข้าวแคบ ซึ่งเป็นธุรกิจเจ้าของคนเดียว และประกอบกิจการมาแล้วในเวลามากกว่า 10 ปี โดยปัจจุบันนางพรนิภา ผากเปี้ย อายุ 55 ปี เป็น เจ้าของกิจการ ที่อยู่กิจการ บ้านเลขที่ 421 ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีการจัด จำหน่ายแบบการขายหน้าร้านและขายส่ง 5.1.2 ต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตข้าวแคบ นางพรนิภา ผากเปี้ย ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนการผลิต เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 มกราคม 2566 มีการผลิตข้าวแคบ 20 วัน เพื่อนำมาคำนวณต้นทุนการผลิตและคำนวณ ต้นทุนต่อหน่วย พบว่า ต้นทุนการผลิตข้าวแคบ เดือน มกราคม 2566 เท่ากับ 9,280.60 ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง 1,399 บาท คิดเป็นร้อยละ 15.07 ค่าแรงงานทางตรง 6,700 บาท คิดเป็นร้อยละ 72.19 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1,181.60 บาท คิดเป็นร้อยละ 12.73 ส่วนใหญ่เป็นค่าแก๊สหุงต้ม รองลงมาคือค่าถุงร้อนและต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเท่ากับ 0.89
27 5.1.3 ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบ ของนางพรนิภา ผากเปี้ย ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ผลตอบแทนจากการจำหน่ายข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 จำหน่ายข้าวแคบแบบ ขายส่งจำนวน 2,350 มัด เป็นจำนวนเงิน 23,500 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 5.2 อภิปรายผล คณะผู้ศึกษาได้นำผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ กรณีศึกษาของ นางพรนิภา ผากเปี้ย ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เปรียบเทียบกับผลการศึกษา ของ นางนิตยา เขียวคิ่น ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้นคว้าอิสระในการเปรียบเทียบข้อมูล และผลตอบแทนของการจำหน่ายข้าวแคบ กรณีศึกษาของนางนิตยา เขียวคิ่น ตำบลฝายหลวง อำเภอ ลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นางนิตยา เขียวอิ่น เจ้าของกิจการ มี พนักงานทั้งหมด 1 คน ประกอบด้วย นางปี ใสเรียน เครื่องมือที่ใช่ในการศึกษา ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ คอมพิวเตอร์ ผลการศึกษา ปรากฏว่า ต้นทุนการผลิตข้าวแคบ เดือนมกราคม 2565 เท่ากับ 19,540 บาท ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบทางตรง 5,232 บาท คิดเป็นร้อยละ 26.77 ต้นทุนค่าแรงงาน ทางตรง 12,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 61.41 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 2,308 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.82 และต้นทุนต่อหน่วยเท่ากับ 49.06 บาท ดังนั้น ผลตอบแทนจากการจำหน่ายข้าวแคบ เดือนมกราคม 2565 จำหน่ายข้าวแคบ แบบขายส่ง จำนวน 225 มัด เป็นจำนวนเงิน 22,050 บาท คิดเป็นร้อยละ 100 ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตจำหน่ายข้าวแคบ กรณีศึกษาของนางพรนิภา ผากเปี้ย ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ พบว่า ผลตอบแทนจากการจำหน่ายข้าวแคบ เดือนมกราคม 2566 จำหน่ายข้าวแคบ แบบขายส่ง จำนวน 2,350 มัด เป็นจำนวนเงิน 23,500 บาท สอดคล้องกับงานวิจัยของพัชนี แพทย์อุดม เรื่องต้นทุนและ ผลตอบแทนของการลงทุนปลูกพริกไทยแบบอินทรีย์เพื่อการค้า ในจังหวัดจันทบุรีที่ได้ข้อมูลต้นทุน รวมและอัตราผลตอบแทนที่ชัดเจน ส่วนของดร.อรุณี นุสิทธิ์ และคณะ เรื่องการศึกษาต้นทุนและ โครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขามของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มมะขามแปรรูปไร่บุญคง ตำบลวังชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์และชวิศา ตงศิริเรื่อง ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกผักอินทรีย์ ปลอดสาร เพื่อการค้า จังหวัดนนทบุรีและภัทรจาริน ศรียงค์ และคณะ เรื่อง การวิเคราะห์ต้นทุนและ ผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า ผู้ประกอบการในเขตบ้านกลางใหญ่ ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานีและอินทิรา สุวรรณดีและคณะ เรื่อง การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิต ปลาร้าแปรรูป กลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ที่ ได้ข้อมูล ต้นทุนการผลิต ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการผลิต แต่ ไม่ได้แสดงอัตราผลตอบแทนที่ชัดเจน
28 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะการนำผลการศึกษาไปใช้ประโยชน์ ด้านต้นทุนการผลิตข้าวแคบ โดยมีการใช้วัตถุดิบจำนวนมากส่งผลต่อต้นทุนที่ใช้จ่าย สูงขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตจึงควรศึกษาหาทางเลือกอื่น ๆ เพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบ เช่น การศึกษาการเกษตรใน ด้านการปลูกพืชผักที่ใช้เป็นวัตถุดิบขึ้นเองหรือสอบถามและเปรียบเทียบราคาจากแหล่งจำหน่าย วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตต่าง ๆ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในเรื่องค่าวัตถุดิบ และยังเป็นการพัฒนาความรู้ ความสามารถของเกษตรกร 5.3.2 ข้อเสนอแนะการศึกษาครั้งต่อไป ในการศึกษาครั้งนี้เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับข้าวแคบ ศึกษาจากองค์ประกอบหลัก คือ วัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายการผลิตเท่านั้น ในการศึกษาครั้งต่อไป ควรจะมีการศึกษาใน ส่วนของผลิตภัณฑ์ข้าวแคบในรูปแบบอื่น เพื่อความหลากหลายของตัวสินค้า และการบริหารต้นทุนให้ มีประสิทธิภาพหรือมีการคำนวณต้นทุน โดยการนำการผลิตแต่ละขั้นตอนมาเป็นแนวทางในการ คำนวณต้นทุน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงและมีประสิทธิภาพต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการต่อไป
บรรณานุกรม จิรดา เดชเกลี้ยงและคณะ. 2559. ชุดการเรียนออนไลน์ เรื่อง ส่วนประสมทางการตลาด. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566, จากเว็บไซต์ https://sites.google.com/site/onlinelearningseries/phu-cad-tha ดร.อรุณี นุสิทธิ์และคณะ. 2562. การศึกษาต้นทุนและโครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขาม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มมะขามแปรรูปไร่บุญคง ตำบลวังชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565, จากเว็บไซต์ https://so06.tcithaijo. org/index.php/husojournalpnru/article/download/245630/166395/ พัชนีแพทย์อุดม. 2562. ต้นทุนและผลตอบแทนของการลงทุนปลูกพริกไทยแบบอินทรีย์ เพื่อการค้า จังหวัดจันทบุรี. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565, จากเว็บไซต์ https://scholar.utcc.ac.th/bitstream/6626976254/4275/1/310972.pdf ชวิศา ตงศิริ. 2563. ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกผักอินทรีย์ปลอดสาร เพื่อการค้า จังหวัดนนทบุรี สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2565 จากเว็ปไซต์ https://doi.nrct.go.th/ListDoi/Download/ ภัทรจาริน ศรียงค์ และคณะ. 2563. การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า ผู้ประกอบการในเขตบ้านกลางใหญ่ ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565, จากเว็บไซต์ https://ms.udru.ac.th/ACresearch/assets/pdf/20200425102939.pdf. อินทิรา สุวรรณดีและคณะ. 2563. การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตปลาร้าแปรรูป กลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566, จากเว็บไซต์ https://ms.udru.ac.th/ACresearch/assets/ กชพร หมื่นศรีและคณะ. 2564. ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนและจำหน่ายข้าวแคบ กรณีศึกษาของ นางนิตยา เขียวคิ่น ตำบลฝ่ายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566,จากเว็บไซต์ https://anyflip.com/rbbud/khiu/basic
ภาคผนวก ก แบบข้อเสนอโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
1. ชื่อโครงงาน การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 2. ผู้รับผิดชอบโครงงาน 2.1 ที่ปรึกษาโครงงาน 2.1.1 นายสิงห์คม วุฒิชาติ สาขาวิชาการบัญชี 2.2 ผู้จัดทำโครงงาน 2.2.1 นางสาวชณิการ์ จันทร์เส็ง ปวส. 2/3 สาขาวิชาการบัญชี 2.2.2 นางสาววิไลวรรณ พวงใส ปวส. 2/3 สาขาวิชาการบัญชี 2.2.3 นางสาวอัศสุณีย์ ใจวงษ์ ปวส. 2/3 สาขาวิชาการบัญชี 3. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา “ข้าวแคบ” เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ และตำบลฝายหลวง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวลับแล โบราณในเรื่องของการถนอมอาหาร เพราะภูมิประเทศของอำเภอลับแลนั้นมีลักษณะ เป็นที่ราบลุ่มระหว่างหุบเขา มีป่าเขาสลับซับซ้อน มีบรรยากาศเยือกเย็นแม้ยามพลบค่ำตะวันจะยังไม่ ตกดินก็จะมืดแล้ว อีกทั้งการเดินทางไปมาไม่สะดวก มีเส้นทางที่คดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทาง พลัดหลงได้ง่าย จึงเรียกว่า “ลับแลง” โดยคำว่า “แลง” แปลว่า เวลาเย็น ต่อมาเรียกเพี้ยนไปเป็น “ลับแล” ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น ซึ่งก็กลายมาเป็นชื่ออำเภอลับแลในสมัยปัจจุบัน (ชัช กิตตินภดล, 2558) ข้าวแคบ เป็นอาหารทานเล่นยอดนิยมของชาวลับแล ซึ่งคนที่ทำข้าวแคบครั้งแรก คือ หม่อน น้อย ดุ้ยถา โดยเป็นเรื่องเล่าของ แม่ขาชม (หรือยายชม) ทองก้อน ท่านเล่าว่า เห็นหม่อนน้อย (ทวด น้อย) ดุ้ยถา ทำข้าวแคบครั้งแรกในปีพ.ศ.2483 โดยหม่อนน้อย นำแป้งข้าวเจ้ามาละลายน้ำ และใส่ เกลือ จากนั้นนำแป้งไปละเลง (ไล้) ลงบนผ้าสีขาวหรือสีดำที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือด เหมือนการทำข้าวเกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ได้มีลักษณะเป็นวงกลม เมื่อแป้งสุกจับกันเป็นแผ่น สวยงาม ก็นำมาตากบนหญ้าคาที่เตรียมไว้ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นลอกออก (สุพัฒ ใจวงษ์, 2565) เพื่อเป็นการถนอมอาหารให้สามารถเก็บไว้ทานได้นาน และสะดวกสบายในการนำติดตัว ออกไปกินระหว่างวัน เมื่อต้องเดินทางไปทำไร่ ทำนา หรือ ออกนอกบ้านไกล ๆ โดยสมัยก่อนการทำ ข้าวแคบนิยมแค่ในเฉพาะครัวเรือน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การทำข้าวแคบก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย มากขึ้น โดยจะมีการสืบทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง จนเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน (จากการสัมภาษณ์ : นางพรนิภา ผากเปี้ย, 2559) แบบข้อเสนอโครงงาน
จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้นการทำข้าวแคบเป็นการสืบทอดตั้งแต่ในระดับครอบครัวส่งไปถึง เครือญาติและได้กระจายไปเป็นอาหารยอดนิยมของชาวลับแลและเป็นการสร้างอาชีพให้กับชุมชน อย่างแพร่หลายโดยคณะผู้ศึกษาเข้าไปสอบถามถึงปัญหาของผู้ประกอบการในชุมชน ซึ่งทำให้ทราบว่า ผู้ประกอบการนั้นมีความรู้ไม่เพียงพอในการคิดต้นทุนการผลิตที่แท้จริง จึงอยากศึกษาต้นทุนการผลิต และผลตอบแทบผลิตภัณฑ์ข้าวแคบว่าผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ได้กำไรดีกว่าและเหมาะสมเพื่อที่จะนำไป พัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นและเสริมสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน อันจำเป็นในการดำรงชีวิตแล้วนำไปประยุกต์ใช้ ได้จริงในปัจจุบัน 4. คำถามการศึกษา 4.1 ต้นทุนและผลตอบแทนอย่างไร 5. วัตถุประสงค์ของโครงงาน 5 .1 เพื่อศึกษาข้อมูลทั่วไปของร้านข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 5 .2 เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบบ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 6 ขอบเขตของโครงงาน 6.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา การศึกษาครั้งนี้แบ่งเนื้อหา ดังนี้ 6.1.1 ด้านต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 6.1.2 ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ 6.1.3 การจัดหาข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุน วัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต 6.2 ขอบเขตด้านประชากร ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นร้านของ นางพรนิภา ผากเปี้ย เจ้าของกิจการ 6.3 ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่ ตุลาคม พ.ศ. 2565 ถึง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 6.4 ขอบเขตด้านสถานที่ 6.4.1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์เลขที่ 9 ถนนแปดวา ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 6.4.2 ร้านข้าวแคบของนางพรนิภา ผากเปี้ย เลขที่ 421 ถนนเขาน้ำตก ต.ศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
7. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 7 .1 ทราบต้นทุนการผลิตของผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 7 .2 ทราบผลตอบแทนในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 7.3 ได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกันและสร้างความรับผิดชอบต่องานส่วนรวม 7.4 ได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตจริง 8. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 8.1 ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการผลิต คือ ค่าใช้จ่ายที่่เกิดขึ้นจากการแปรสภาพวัตถุดิบให้กลายเป็นสินค้าสําเร็จรูป เป็นต้นทุนที่่เกิดขึ้นในธุรกิจการผลิต การแบ่งประเภทของต้นทุนการผลิต ถ้าแบ่งตามองค์ประกอบ ของต้นทุนจะสามารถแบ่งประเภทของต้นทุนออกเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ต้นทุนทั้งหมดที่่ถูกใช้ไปสำหรับการผลิตสินค้าในระหว่าง งวด ซึ่งกระบวนการผลิตสินค้าบางชนิดอาจใช้ระยะเวลานาน ทำให้สินค้าบางหน่วย ณ วันสิ้น งวด อาจจะยังผลิตไม่เสร็จ ดังนั้นต้นทุนการผลิตที่่เกิดขึ้นในระหว่างงวด จึงเป็นต้นทุนของสินค้า ที่่ผลิตเสร็จในระหว่างงวด (สินค้าสําเร็จรูป) และสินค้าที่ยังอยู่ในกระบวนการผลิต ส่วนประกอบของ ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด จะประกอบด้วยวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงาน ทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ซึ่งถ้าพิจารณาในด้านทรัพยากรที่เป็นส่วนประกอบของสินค้าแล้ว ประกอบด้วย 1. วัตถุดิบ (Material Cost) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ใช้ ในการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้ 1.1 วัสดุทางตรง (Direct Material Cost) คือ วัสดุหรือวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการผลิตโดยตรง โดยส่วนมากมักจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของผลิตภัณฑ์ เช่น ยางรถยนต์มียางเป็นวัตถุดิบทางตรง ปากกามีพลาสติกและหมึกเป็นวัตถุดิบทางตรง เป็นต้น จำนวนในการใช้งานวัสดุ/วัตถุดิบทางตรงนี้ จะแปรผันกับหน่วยในการผลิตโดยตรง 1.2 วัสดุทางอ้อม (Indirect Material Cost) เช่น วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้สนับสนุน ในการผลิตโดยส่วนมากจะไม่แปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง เช่น กระดาษทราย ผ้าเช็ดมือ กาว ตะปู เป็นต้น ในบางครั้งวัสดุทางอ้อมก็อาจถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของวัสดุทางตรงก็เป็นได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการบัญชีของแต่ละองค์กร เช่น มีดกลึงสำหรับเครื่องจักรซีเอ็นซีซึ่งเป็นวัตถุดิบ ทางอ้อม สามารถถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวัตถุดิบทางตรงก็ได้อาจเนื่องจากเหตุผล ด้านราคาที่สูง
และสามารถคำนวณอายุการใช้งานต่อจำนวนชิ้นงานที่ทำการผลิตได้ (Too Life) ถึงแม้ว่ามีดกลึง จะไม่ได้ถูกประกอบไปกับชื้นงานก็ตาม 2. ต้นทุนด้านแรงงาน (Labor Cost) เป็นค่าใช้จ่ายด้านแรงงานในการทำงานและผลิต สินค้าเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป สามารถแบ่งออกได้คล้าย ๆ กับต้นทุนวัตถุ คือ ค่าใช้จ่ายด้าน แรงงานทางตรง และค่าจ่ายด้านแรงงานทางอ้อม ดังนี้ 2.1 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางตรง (Direct Labor Cost) เช่น ค่าจ้างรายวัน/เงินเดือน ของพนักงานฝ่ายผลิตซึ่งจะแปรผันกับปริมาณการผลิตโดยตรง 2.2 ค่าใช้จ่ายด้านแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor Cost) เช่น เงินเดือนของพนักงานขาย เงินเดือนของผู้จัดการ เงินดือนของวิศวกร ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะไม่แปรผันกับปริมาณในการผลิต โดยตรง 3. ค่าใช้จ่ายการผลิต (Manufacturing Overhead) เป็นแหล่งรวบรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าซึ่งนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง เช่น วัตถุดิบ ทางอ้อม ค่าแรงงานทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางอ้อมอื่น ๆ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเสื่อม ราคา ค่าประกันภัย ค่าภาษี เป็นต้น ผลตอบแทนการผลิต การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทมีผลตอบแทนและความเสี่ยงแตกต่างกัน เหตุผล ที่เราต้องเรียนรู้ ก็เพราะจะได้สามารถปรียบเทียบได้ว่าควรลงทุนในสินทรัพย์ใดที่ทำให้เราได้รับ ผลตอบแทนในระดับที่เราพอใจและในระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้(สุพะยอม นาจันทร์, 2562) การวิเคราะห์ผลตอบแทนเป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนขายกับขายสุทธิ อัตราส่วนที่ นิยมใช้ในการวิเคราะห์ผลตอบแทน วิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไร จะสามารถพิจารณา ได้ จาก 5 อัตราส่วน ได้แก่ 1. อัตราส่วนกำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เป็นอัตราส่วนที่จะบอกให้ทราบว่า กิจการ มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเป็นร้อยละเท่าไหร่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายสุทธิอัตรากำไร ขั้นต้น ยิ่งสูงยิ่งดีแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารงานและการจัดซื้อสินค้ารวมทั้งนโยบาย การผลิตและการตั้งราคาขาย อัตราส่วนกำไรขั้นต้น = กำไรขั้นต้น x 100 ยอดขายสุทธิ
2. อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นอัตราส่วนทำให้ทราบว่ากิจการได้นำส่วนของ เจ้าของไปบริหารเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร อัตราส่วนนี้ยิ่งสูงยิ่งดี 3. อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างกำไรที่เกิดขึ้น หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วเทียบกับสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เขียนเป็นสูตรการคำนวณ ได้ดังนี้ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของต้นทุน ปริมาณ และกำไร การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ต้นทุน ปริมาณ และกำไร เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ต้นทุน ปริมาณ และกำไร ซึ่งเป็นการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบ ต่อกำไร มีรายละเอียด ดังนี้ 1. กำไรส่วนเกิน (Contribution Margin: CM) เป็นรายได้ส่วนที่เหลือหลังจากหัก ต้นทุน ผันแปรสามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ 2. อัตรากำไรส่วนเกิน (Contribution Margin Ratio) เป็นอัตราส่วนระหว่างกำไร ส่วนเกินหารด้วยรายได้รวม ซึ่งกำไรส่วนเกินเกิดจากผลต่างระหว่างรายได้รวมหักด้วยต้นทุนผันแปร ดังสมการ 3. จุดคุ้มทุน (Break Even Point) แยกได้เป็น 2 กรณีดังนี้ 1) กรณีขายสินค้า 1 ชนิด เป็นการขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดียว วิเคราะห์โดยใช้สมการ ความสัมพันธ์ต้นทุน ปริมาณ และกำไร สามารถเขียนสมการ ดังนี้ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น = กำไรขั้นต้น x 100 รวมส่วนของผู้ถือหุ้น (เฉลี่ย) อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน = กำไรขั้นต้น x 100 สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน กำไรส่วนเกิน = ขาย - ต้นทุนผันแปร อัตรากำไรส่วนเกิน = กำไรส่วนเกินรวม รายได้รวม ยอดขาย ณ จุดคุ้มทุน = ต้นทุนคงที่รวม อัตรากำไรส่วนเกิน
2) กรณีขายสินค้าหลายชนิด เป็นมีการขายผลิตภัณฑ์มากกว่าหนึ่งชนิด จึงเกี่ยวข้อง กับสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ในการคำนวณยอดขาย ต้นทุน และกำไรส่วนเกินจะต้องมีการถัวเฉลี่ย ด้วยสัดส่วนการขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ปัจจัยที่เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์จุดคุ้มทุน คือ สัดส่วนการขาย ซึ่งหมายถึง อัตราร้อยละของการขายสินค้าชนิดนั้นเมื่อเทียบกับ ยอดขายรวม การคำนวณยอดขาย ณ จุดคุ้มทุนของสินค้าหลายชนิด สามารถเขียนสมการได้ดังนี้ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับข้าวแคบ ข้าวแคบอาหารพื้นบ้านของชาวลับแล จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ว่า "เกิดมาพ่อแม่ ก็พากินแล้ว" สันนิษฐานว่าน่าจะมีมากว่า 200 ปีขึ้นไป และอาจมาพร้อม ๆ กับการมาสร้าง เมืองลับแล ข้าวแคบของลับแลจะมีลักษณะแผ่นสีขาว บางใส คล้ายพลาสติก แผ่นแป้งที่ได้จาก น้ำแป้งหมักที่ผสมเกลือ งาดำ ไล้ลงบนผ้าสีขาวหรือสีดำที่วางบนปากหม้อดินขณะที่มีไอน้ำเดือด เหมือนการทำข้าวเกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ได้มีลักษณะเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 - 8 นิ้ว แล้วนำไปตากไว้บน "ไพคา" แล้วนำไปตากแดดจะได้ "ข้าวแคบแห้ง" การทำข้าวแคบนั้น มีมานานแล้วและที่เรียกว่าข้าวแคบนั้น สันนิษฐานว่าเรียกตามลักษณะของปากหม้อที่ทำข้าวแคบ ตอนไล้แป้งซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นแคบ เดิมที่ข้าวแคบมีอยู่ ๒ แบบ คือ ข้าวแคบธรรมดาและข้าวแคบ งามีขนาดใหญ่และหนากว่าในปัจจุบัน เรียกว่า "ข้าวแคบหนา" รสชาติออกเค็ม มีส่วนผสมคือ แป้ง เกลือ และงาดำ ถ้าข้าวแคบธรรมดาจะไม่ใส่งาดำในปัจจุบันมีการดัดแปลงเป็นข้าวแคบที่มี หลากหลายรสชาติ เวลารับประทานข้าวแคบ คนในสมัยก่อนจะนำมา ปิ้งไฟ แล้วบดให้แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียกว่า "การเนียงข้าวแคบ" ใส่จานรับประทานกับข้าวเหนียว ใส่หมูปิ้ง หรือเนื้อสัตว์อื่นที่หามาได้แล้วนำมาปิ้ง เป็นอาหารที่รับประทาน เหมือนกับกับข้าวอย่างอื่น ข้าวแคบเป็นอาหารว่างสามารถฉีกรับประทานได้ทันทีหรือจะนำไปพันห่อเส้นหมี่ที่คลุกเคล้ากับผัก ลวก แคบหมู และเครื่องปรุงรสที่ชาวลับแลเรียกว่า "หมี่ปัน" (หมี่พัน) นอกจากนี้ชาวลับแลมักจะนำ ข้าวแคบแห้งมาห่อพันกับข้าวเหนียว หรือกับข้าวอื่น ๆ ลงไปพันให้เป็นแท่งรับประทาน อย่างเอร็ดอร่อยและสามารถพกพาไปรับประทานตามหัวไร่ปลายนาได้สะดวกนอกจากจะรับประทาน ในรูปของข้าวแคบแห้งแล้วแผ่นแป้งที่ไล้จนสุกสามารถนำมารับประทานสด ได้แก่ "ข้าวพัน" "ข้าวพันผัก" "ข้าวพันผักใส่ไข่" ข้าวแคบจึงนับเป็นอาหารที่เป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวลับแลมาเนิ่นนานแล้ว ยอดขาย ณ จุดคุ้มทุนของสินค้าหลายชนิด = ต้นทุนคงที่รวม อัตรากำไส่วนเกินถัวเฉลี่ย
ประเภทของข้าวแคบ "ข้าวแคบ" เป็นแผ่นแป้งบาง ๆ ที่ได้จากการไล้น้ำแป้งที่ผสมงาดำ เกลือหรือเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ลงบนผ้าที่วางบนปากหม้อดิน ขณะที่มีไอน้ำเดือดเหมือนการทำข้าวเกรียบปากหม้อ โดยแผ่นแป้งที่ได้ "ข้าวพัน" ได้จากการใช้แผ่นไม้แบน ๆ หรือชาวลับแลเรียกว่า ไม้หลาบ ม้วนแป้งสุกแล้วรูด ออก "ข้าวพันผัก" ใส่ผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ผักบุ้งยอดขาวหรือผักอื่น ๆ ลงบนแผ่นแป้งสุก เมื่อผักสุกใช้ไม้หลาบพันแผ่นแป้งเป็นมุมห่อผักไว้ "ข้าวพันผักใส่ไข่" ใส่ไข่ลงไปตีบนแผ่นแป้งที่เริ่มสุกก่อนใส่ผัก เมื่อผักสุกใช้ไม้หลาบพันแผ่น แป้งเป็นมุมห่อผักไว้ "ก๋วยเตี๋ยวอบ" ดัดแปลงมาจากก๋วยเตี๋ยวน้ำทั่ว ๆ ไป รูปร่างหน้าตาจะเหมือนข้าวพันผักและ ข้าวพันผักใส่ไข่ เพียงแต่ใช้ข้าวแคบแห้งมาทำให้อ่อนตัวบนปากหม้อดินแทนการไล้แป้ง ใส่เส้น ก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงกับเครื่องปรุงรส ใส่ลูกชิ้นหมูแดงลงไปในข้าวแคบแห้งที่อ่อนตัว ห่อเหมือนข้าวพันผัก ตักใส่จานแล้วตักน้ำก๋วยเตี๋ยวใส่เหมือนทำก๋วยเตี๋ยวน้ำทั่ว ๆ ไป "ข้าวพันจั๊บ" ซึ่งเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ขาวลับแลดัดแปลงมาภายหลังมีลักษณะเหมือน ก๋วยจั๊บเพียงแต่ใช้ข้าวพันตัดเป็นท่อนแทนเส้นก๋วยจั๊บ "หมี่พัน" เป็นการนำเอาแผ่นข้าวแคบชนิดบาง ใช้เส้นหมี่ลวกคลุกเคล้าเครื่องปรุงรส ถั่วงอก แคบหมู น้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกป่น ผักชีพม่าหั่นฝอยหรือใบหอมผักชี และเครื่องปรุงอื่น ๆ ปรุงรสตามใจชอบ และตักใส่ลงบนข้าวแคบบางแล้วม้วนปิดหัวเปิดท้าย ส่วนผสมของข้าวแคบ 1. ข้าวสารเจ้า 1 ถัง 2. งาดำ1 กิโลกรัม 3. เกลือถุงเล็ก 10 ถุง อุปกรณ์ในการทำข้าวแคบ 1. เตาเฉพาะสำหรับทำข้าวแคบ 6. กระทะใบใหญ่ 2. หม้อดินลักษณะครึ่งใบ 7. ไม้ไผ่เหลาแบน 3. ไม้ท่อนกลม 8. คามัดเป็นตับ 4. ตอกสำหรับมัดข้าวแคบ 9. ผ้าขาวบาง 5. ฝาครอบหม้อดิน 10. ทัพพีสำหรับตักแป้ง
วิธีทำข้าวแคบ 1. นำแป้งข้าวเจ้าไปหมัก ทำข้าวแคบ ผสมงาดำ เกลือ และน้ำสะอาดแล้วคนให้เกลือละลาย 2. การเตรียมเตาและหม้อ (ถ้าเป็นหม้อดินจะดีกว่า) ปากหม้อดึงผ้าขาวบางให้ตึงเติมน้ำ ตั้งไฟจนน้ำเดือดให้มีไอน้ำผ่านขึ้นมา เจาะรูผ้าขาวบางบนปากหม้อประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้ไอน้ำผ่าน 3. ละเลงแป้งลงบนผ้าเป็นแผ่นวงกลม พอแป้งสุกใช้ไม้พายช้อนขึ้นวางแป้งลงบนแผ่นหญ้า คา ทำต่อเรื่อย ๆ จนเต็ม 4. ตากแดดให้แห้ง (ประมาณ 1 ชั่วโมง) วิธีเก็บรักษาข้าวแคบ 1. ควรใส่ถุงมัดปากไม่ให้อากาศเข้า เอาออกจากถุงแต่พอทาน แล้วมัดปากถุงทันที 2. ถ้าข้าวแคบแข็งก่อนทาน ใส่ถุงมัดปากนำไปตากแดดสักครึ่งชั่วโมงก็จะนิ่มลงหรือ จะนำไปนึ่งหรืออังกับหม้อหุงข้าวก็ได้เช่นกัน 8.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดร.อรุณี นุสิทธิ์ และคณะ (2562 : บทคัดย่อ) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุน และโครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขามของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มมะขามแปรรูปไร่บุญคง ตำบลวังชมพู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็น เครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากประธานและ สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม พ.ศ. 2561 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ย ผลการศึกษาพบว่า สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทาการผลิตผลิตภัณฑ์ 4 ชนิด คือ มะขามปรุงรสเปรี้ยว แซ่บ มะขามคลุกบ๊วย มะขามแช่อิ่ม และกล้วยไส้มะขาม มีต้นทุนการ ผลิตทั้งหมดเฉลี่ยต่อไตรมาส 396,438.65 บาท โครงสร้างต้นทุนการแปรรูปมะขามประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ 161,967 บาท (ร้อยละ 40.85) ค่าแรงงาน 84,000 บาท (ร้อยละ 21.20) ค่าใช้จ่าย การผลิตคงที่ 9,871.65 บาท (ร้อยละ 2.49) ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร 132,100 บาท (ร้อยละ 33.32) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 8,500 บาท (ร้อยละ 2.14) การศึกษาครั้งนี้ ใช้การปัน ส่วนค่าใช้จ่ายการผลิตจากเกณฑ์หน่วยผลิต (กิโลกรัม) จึงอาจส่งผลต่อการปันส่วนค่าใช้จ่ายการผลิต บางรายการ ดังนั้น การวิเคราะห์ต้นทุนและโครงสร้างต้นทุนในการศึกษาครั้งต่อไปควรใช้เกณฑ์ฐาน กิจกรรม เพื่อให้ค่าใช้จ่ายการผลิตแต่ละรายการสอดคล้องกับระดับกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง พัชนีแพทย์อุดม (2562 : บทคัดย่อ) ต้นทุนและผลตอบแทนของการลงทุนปลูกพริกไทยแบบ อินทรีย์เพื่อการค้า ในจังหวัดจันทบุรี การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจาก การปลูกพริกไทยแบบอินทรีย์เพื่อการค้า โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินในการวัดผล ประกอบด้วย อัตรากำไรขั้นต้นอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน กลุ่มตัวอย่างใน การศึกษานี้คือ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ อำเภอแก่งหางแมว อำเภอ
เขาคิชฌกูฎและอำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการปลูกพริกไทย ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยใช้วิธีเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 10 ราย ซึ่งผู้ศึกษาใช้แบบสอบถามเป็น เครื่องมือในการสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างจากการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยของ ปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 144,194.87 บาท 146,062.32 บาท 144,624.73 บาท 141,727.19 บาท และ 126,569.40 บาทตามลำดับ มีผลตอบแทนเฉลี่ยของปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 608,386.00 บาท 571,283.00บาท 541,662.00 บาท 215,800.50 บาท และ 193,6 10.00 บาท ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน พบว่า อัตราส่วนกำไรขั้นต้นปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 76.30% 74.43% 73.30% 34.32% และ 34.63% ตามลำดับ อัตราผลตอบแทนต่อ สินทรัพย์รวมปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 58.24% 54.14% 51.43% 9.81% และ 9.08% ตามลำดับ อัตราผลตอบแทน จากเงินลงทุนปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 380.51% 330.60% 310.45% 59.21% และ 60.65% ตามลำดับ สำหรับต้นทุนการผลิตค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ที่สุดในกระบวนการผลิต และราคาขายผลผลิตที่ลดลงมีสาระสำคัญต่อผลตอบแทนที่ลดลงอย่าง ต่อเนื่อง ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงินจากการคำน วณหาผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ มีผลตอบแทนสูงสุดในปี2558 ทั้ง 3 อัตราส่วน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายผลผลิตที่สูงสุดในปีดังกล่าว ชวิศา ตงศิริ (2563 : บทคัดย่อ) งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการวิเคราะห์ต้นทุนและ ประโยชน์ของการปลูกผักอินทรีย์ปลอดสารและใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช งานวิจัยนี้ใช้วิธีสัมภาษณ์เชิง ลึกแบบมีโครงสร้าง (Structured Inteview) จากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี นครปฐมและ กาญจนบุรี ที่ปลูกผักกาดหอม ผักป่วยเล้ง และผักคะน้า จำนวน 6 ราย ข้อมูลที่ได้รับนำมาวิเคราะห์ โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่าต้นทุนทั้งหมดของผักเกษตรอินทรีย์ เท่ากับ 72,531.15 บาท รายได้สูงกว่าต้นทุนเท่ากับ 841,808.85 บาท และการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน มีอัตราผลตอบแทนจากลงทุน(ROI) เท่ากับร้อยละ 122.94 ต้นทุนทั้งหมดของผักปลอดสาร เท่ากับ 38,138.68 บาท รายได้สูงกว่าต้นทุน 483,261.32 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน เท่ากับร้อย ละ 108.24 และต้นทุนทั้งหมดของการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเท่ากับ 13,108.09 บาท รายได้สูงกว่า ต้นทุน เท่ากับ 406,891.91 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนเท่ากับ ร้อยละ 39.64 จากการศึกษาครั้งนี้โดยคาดว่างานวิจัยจะช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกผักเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้การปลูกยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อผลผลิต อาทิเช่น พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ สภาพดิน สภาพอากาศ และในส่วนของงานวิจัยมีข้อจำกัดในการศึกษา คือ เขตพื้นที่ของการศึกษาแต่ละ รูปแบบไม่ได้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันจึงอาจมีส่วนส่งผลทำให้ผลตอบแทนการผลิตที่แตกต่างกันและ สัดส่วนพื้นที่ในการปลูกมีความแตกต่างกัน ภัทรจาริน ศรียงค์ และคณะ (2563 : บทคัดย่อ) การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการ ผลิตข้าวเม่า : กรณีศึกษา ผู้ประกอบการในเขตบ้านกลางใหญ่ ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ จังหวัด
อุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า เพื่อวิเคราะห์ต้นทุน รายได้ และผลตอบแทนการผลิตข้าวเม่า เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคจากการผลิตข้าวเม่า กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ คุณศิริรัตน์ ชาวดอน บ้านกลางใหญ่ ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ จังหวัด อุดรธานีจำนวน 1 ราย โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสัมภาษณ์มีโครงสร้างที่ได้ ออกแบบขึ้นมาเพื่อรองรับวัตถุประสงค์ของการศึกษาประกอบการใช้วิธีสังเกตการณ์การทํางานและ กรรมวิธีการแปรรูปข้าวเม่า ผลการศึกษาพบว่า การแปรรูปข้าวเม่าจะมีต้นทุนการผลิตต่อถุง 21.07 บาท ช่วงการเก็บมีปริมาณการขายเท่ากับ 12,000 ถุง เป็นจํานวนเงิน 960,000 บาท หักต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 242,520 บาท ภายในเดือนมกราคม คุณศิริรัตน์ ชาวดร มีกําไร ขั้นต้น 1,191,720 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รายได้ที่คุณศิริรัตน์ ชาวดร ได้รับนั้นมากกว่าต้นทุนการ ผลิตข้าวเม่า ข้อเสนอแนะควรขุดสระน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำให้เพียงพอต่อการปลูกข้าวเพื่อที่จะได้ข้าวมา ทําการผลิตเป็นข้าวเม่าและผู้ประกอบการควรกระจายข้าวเม่าสู่ร้านค้าอื่น ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้มาก ขึ้น และเพื่อเพิ่มกําไรให้กับผู้ประกอบการ อินทิรา สุวรรณดีและคณะ (2563 : บทคัดย่อ) การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิต ปลาร้าแปรรูป : กรณีศึกษากลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัด หนองบัวลำภูการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษากระบวนการผลิตปลาร้าแปรรูปบ้าน หนองแก 2) เพื่อศึกษาต้นทุนการผลิตปลาร้าแปรรูปบ้านหนองแก 3) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลตอบแทน การผลิต ปลาร้าแปรรูป 4) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการผลิตปลาร้าแปรรูป กรณีศึกษากลุ่ม แจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำพูน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้เครื่องมือการสัมภาษณ์เชิงลึก แบบมีโครงสร้างโดยมีการสัมภาษณ์ สมาชิกกลุ่มเชิงลึกพร้อมทั้งสังเกตแบบมีส่วนร่วมเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ยังมีการทวน สอบถามและคืนข้อมูลให้กับสมาชิกกลุ่มบ้านหนองแก โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุปประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ศักยภาพ ปัญหา อุปสรรค และความต้องการของกลุ่มแจ่วบอง OTOP 3 ดาว บ้านหนองแก โดยใช้เครื่องมือผ่านการสัมภาษณ์เพื่อตอบคำถามให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของานวิจัย ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งผลการวิจัยในครั้งนี้พบว่า เงินลงทุนเริ่มแรก ที่ใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับการซื้อ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการผลิตปลาร้าแปรรูป ซึ่งมีจำนวนเงินลงทุน เท่ากับ 4,175 บาท โดยมีค่า เสื่อมราคาอยู่ที่ 1,920.33 บาทต่อปี และคิดค่าเสื่อมราคาต่อเดือนอยู่ที่ 160.03 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 1 เดือน มีต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด 3,342 บาท สามารถผลิตได้ 810 กระปุก เป็นต้นทุน เกี่ยวกับการแปรรูปปลาร้าหรือแจ่วบอง ค่าแรงงานทางตรงประกอบด้วย ค่าแรงงานคนงาน ในกระบวนการผลิต ซึ่งมีแรงงานคน 6 คน ใน 1 รอบ การผลิต ซึ่ง 1 รอบการผลิตใช้เวลา 1 วัน ใน 1 เดือน สามารถผลิตได้ 3 รอบ มีค่าแรงงานทางตรง 1,200 บาทต่อรอบ ค่าใช้จ่ายการผลิต ประกอบด้วย ค่าน้ำประปาโดยประมาณสำหรับรอบระยะเวลาการผลิต เท่ากับ 60 บาท/เดือน
ค่าไฟฟ้าโดยประมาณสำหรับรอบระยะเวลาการผลิตเท่ากับ 90 บา/เดือน ค่าถ่านโดยประมาณสำหรับ รอบระยะเวลาการผลิต เท่ากับ 60 บาท/เดือน ค่ากระปุกบรรจุภัณฑ์เฉลี่ยกระปุกละ 0.50 บาท 1 เดือนใช้ 810 กระปุก ราคา 405 บาท/เดือน ค่าสติ๊กเกอร์ผลิตภัณฑ์ เท่ากับ 225 บาท/เดือน รวม ค่าใช้จ่ายการผลิต 1,000.03 บาท/เดือน (1,000.03/8 10กระปุก) 1.23 บาท/กระปุก รวมต้นทุน การผลิตต่อกระปุก 9.79 บาท 8.3 กรอบแนวคิดการทำโครงงาน คณะผู้ศึกษาได้นำปัญหาทางด้านการผลิตและผลิตภัณฑ์ข้าวแคบมาศึกษา เพื่อรับรู้ต้นทุน ในการผลิตที่แท้จริงของผู้ประกอบการผลิตและผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ 9. ระเบียบวิธีการดำเนินงาน 9.1 ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 9.1.1 ขั้นตอนการขออนุมัติโครงงาน 9.1.1.1 เสนอข้อมูลกลุ่มและผลิตภัณฑ์ เสนอข้อมูลผู้ประกอบกิจการผลิตและ จำหน่ายข้าวแคบของนางพรนิภา ผากเปี้ย ต.ศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่ได้พบปัญหาการเก็บ ต้นทุนการผลิตได้ไม่ครบถ้วนจึงไม่สามารถคำนวณต้นทุนที่ได้รับจากการจำหน่ายข้าวแคบได้ ต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ - ทราบต้นทุนในการผลิตและผลตอบแทนของ ผลิตภัณฑ์ข้าวแคบ - ได้นำความรู้ทางวิชาชีพมาประยุกต์ใช้ในการ ทำงาน ตัวแปรต้น - วัตถุดิบทางตรง - ค่าแรงงานทางตรง - ค่าใช้จ่ายในการผลิต - ความเชี่ยวชาญของผู้ผลิต ปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนและผลตอบแทน - ราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต - ค่าจ้างแรงงาน - ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการผลิต - การแข่งขันทางการตลาด
9.1.1.2 เขียนโครงร่างโครงงาน การวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างต้นทุนของผู้ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบ โดยอาศัยการศึกษาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เพื่อนำมา เขียนโครงร่างโครงงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินโครงงาน 9.1.2 ขั้นตอนการดำเนินงานตามโครงงาน 9.1.2.1 เขียนรายงานส่วนนำและเค้าโครง 9.1.2.2 เขียนรายงานเกี่ยวกับผลการดำเนินดำเนินโครงงาน การวิเคราะห์และ ออกแบบโครงสร้างต้นทุนของผู้ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายข้าวแคบ 9.1.3 ขั้นตอนการสรุปผลโครงงาน 9.1.3.1 นำเสนอโครงงานให้กับคณะกรรมการประเมินผลสรุปผลและประเมินผล โครงงาน ตารางรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนผลิตภัณฑ์ ข้าวแคบ บ้านคอกช้าง ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ การดำเนินงาน ระยะเวลาในการดำเนินงาน ตุลาคม 2565 พฤศจิกายน 2565 ธันวาคม 2565 มกราคม 2565 กุมภาพันธ์ 2565 ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. เสนอข้อมูล 2. เขียนโครงร่างโครงงาน 3. เสนอโครงงาน ขั้นตอนการดำเนินตามโครงงาน 4. เขียนโครงร่างโครงงาน 5.เขียนรายงานเกี่ยวเอกสาร ที่เกี่ยวข้อง 6.เขียนรายงานเกี่ยวผลการ ดำเนินงาน 7.ลงพื้นที่สำรวจข้อมูล 8. การเขียน สรุปผล อภิปลายผลและข้อเสนอแนะ