ประเพณสี ขู่ วญั ขา้ วฮ้องขวัญควาย ประเพณีสขู่ วญั ขา้ ว
เทศบาลตาลจนั จวา้ ประวัติความเป็นมา
อาเภอแม่จัน จังหวัดเชยี งราย
เดมิ พอ่ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย จะทาพิธีแฮกนาก่อนเกี่ยวข้าว
เป็นการทาพิธีก่อนท่ีจะทาการเก่ียว จริง เมื่อชาวนาลดนาในนา
แห้งแล้ว จะหาฤกษ์หาวันที่ดี โดยจะใช้กระทงบรรจุอาหารคาว
หวาน หมาก เมี่ยง บุหรี่ พลู กล้วย อ้อย จานวน 5 กระทง
กรวยดอกไม้บรรจุข้าวตอก ดอกไม้ธูปเทียน แล้วนาไปวางบน
แท่นบูชา ที่จัดเตรียมไว้บริเวณที่เคยทาเป็นค้างข้าวแรก เสร็จ
แล้วนาไปเซ่นสรวงแมธ่ รณีเจ้าทแี่ ละแม่โพสพ เพ่ือเป็นการ บอก
กล่าวขออนุญาตเก่ยี วข้าว จากนั้นเจา้ ของนากท็ าพธิ เี กี่ยวขา้ วเอา
ฤกษ์ 9 กอ นาไปวางบนแทน่ ทเ่ี ตรียมไว้ เป็นการบูชา แม่โพสพ
หลังจากนั่น 2-3 วันเจ้าของนาและคนอื่นช่วยกันเก่ียวข้าว
ท่เี หลือท้ังหมด อยา่ งไรก็ตามชาวนาบางคนจะไม่ทาพิธีแฮกก่อน
เกี่ยว เนื่องจากถือว่าได้ทาพิธีแฮกก่อนปลูก แล้ว จากนั้นก็จะ
ช่วยกันเก็บข้าว สมัยก่อนจะเก็บข้าวข้ึน หลอม โดยจัดที่ไว้
เรียกว่าลานข้าว (ลานข้าว จะใช้ข้ีควายผสมน้าเล็กน้อยทาลงท่ี
พ้ืนจนเรียบ) ไว้เป็นที่เก็บข้าว จัดอย่างสวยงาม ทาเป็นห้างนา
นอนเฝ้าข้าว และ จะหาวันดีก่อนช่วยกันนวดข้าว จัดข้าวปลา
อาหารเล้ียงผู้มาช่วยนวดข้าวเสร็จแล้วเก็บข้ึนเล้า จากน้ันพอถึง ประเพณีแฮกนาไถเอาฤกษพ์ ธิ ผี ีตาแฮก
เดอื น ๓ ขึ้น ๓ ค่า จึงจะทาพิธีสู่ขวัญข้าวก่อน จะนาข้าวไปกิน ปลูกขวัญข้าวชาวนา
สมัยน้ีจะทา แบบง่าย ๆ โดยนาดอกไม้ ธูป เทียน อาหาร หวาน
คาว จัดไปวางทหี่ น้ายงุ้ ขา้ ว เพื่อหัวหนา้ ครอบครวั นั้น จะพูด ขอ ประเพณีแฮกนา ก็คือ การลงถือไถคร้ังแรกของชาวนา
พระแมโ่ พสพ เพ่ือนาขา้ วมากิน ทาปลี ะ ๑ ครั้ง ก่อนเปดิ ปากเล้า เปน็ ประเพณไี ทยภาคเหนือและภาคอีสานทีถ่ อื ปฏบิ ตั แิ ต่เดิ
ประเพณี การส่ขู วญั ท่ีทาในปัจจบุ ันน้ี ยงั มีอยู่เพยี งการส่ขู วญั บาง
ประเภท เทา่ น้ัน เช่น การสู่ ขวัญนาค สู่ขวัญบ่าวสาว สู่ขวัญคน ชาวนาจะคานงึ ถึงพญานาคใหน้ ้าในวันปีใหม่สงกรานต์ว่า
ป่วย สู่ขวญั ข้ึนบา้ นใหม่ สูข่ วญั ข้าว สู่ขวญั คนธรรมดา และสูข่ วญั ปนี ้นี าคทีใ่ ห้หนั หน้าไปทางทิศไหน การเริ่มไถแฮกนาจะไถตั้งหัว
ควายและ วัว ท้ังน้ี อาจมีสาเหตุเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลง นาคไปหาหางนาค จะเว้นจากการไถเสาะเกล็ดนาค คือ ทวน
สภาพ ของสังคมในปัจจุบัน สัตว์และส่ิงของบางอย่างได้หมด เกล็ดพญานาค 1 และไถค้างท้องนาค 1 หมายถึงการไถที่ตระ
ความสาคญั ในชีวติ ประจาวนั ของชาวอสี านไปแล้ว จึงค่อยๆ เลิก กายท้องนาค ซ่งึ การไถ 2 แบบน้ีไม่เป็นมงคลการไถนน้ั จะเร่มิ ต้น
ไปในทส่ี ุด ด้วยการ “ผ่าฮ้ิว” คอื ไถแบ่งตอน แลว้ จะไถ “พัดซ้าย” หมายถึง
การไถด้านซ้ายให้ก้อนขี้ไถผลักมาทางขวา แล้วต่อไปให้ “พัด
ขวา” คือ การไถด้านขวา ผลักข้ีไถมาด้านซ้ายและไถเร่ือยไป
จนกวา่ จะหมดเน้ือท่ใี นนานนั้
ประเพณสี ู่ขวญั ควาย เรียกว่า “ตกปุ้น” คือ แบ่งส่วนเจ้าของวัวควายได้ 1 ใน 3 รวมท้ัง
หนงั และเขาดว้ ย
การใช้ควายเป็นสัตว์ลากไถคราด สาหรับทานาจะมีมาแต่
ครง้ั ใดนั้นไมป่ รากฏหลกั ฐานแน่ชัด แต่ในคัมภีรก์ ฎหมายล้านนาไทย เครอ่ื งทาพธิ ีสู่ขวัญควาย
หลายฉบับ เช่น มังรายศาสตร์ คัมภีร์แต่งถ้อยชนคา และกฎหมาย
ชลประทานราษฎร์ของอาณาจักรล้านนาไทย ได้พูดถึงลักษณะการ 1. ทาบายศรนี มแมว หรอื บายศรีปากขาม อย่างใดอย่าง
เชา่ ควายไปทานาไว้มากแห่งดว้ ย โดยวางอัตราไว้ถึงค่าเช่าและเวลา หนง่ึ
ถกู ขโมยต้องเสียค่าปรับไหม เป็นต้น 2. ทากรวยดอกไม้และดา้ ยสาหรับผูกเขาควายเวลาสู่ขวัญ
3. หญ้าออ่ น 1 หาบ สาหรับเปน็ รางวัลแกค่ วาย
ตามข้อความในกฎหมาย มังรายศาสตร์ซ่ึงมีอายุ 700 กว่าปี 4. ข้าวเหนียวสกุ 1 กล่อง
เป็นกฎหมายท่ีพญามังรายทรงเรียบเรียงและตราไว้ตามลักษณะ 5. ไก่ต้มหนึ่งคู่
พระธรรมศาสตร์ของมอญ โบราณแล้ว จะเห็นได้ว่าประเทศในใน 6. เหลา้ ไหหนงึ่
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้วัวควายเป็นพาหนะสาหรับการทาไร่นา 7. ขนมบางอยา่ ง เช่น ขนมต้มขาว ขนมตม้ แดง หรอื
และลากเกวียนมาช้านานแล้ว ถ้าจะนับมอญโบราณในอาณาจักรสุ ข้าวต้มมัด
ธรรมวดี ทวารดีแลว้ การใช้ควายไถนากม็ ีอายุตงั้ 2-3 พันปีทีเดยี ว 8. น้าขม้ินส้มปอ่ ยใสข่ ันเงิน สาหรบั ประพรมควาย
อาศัยเหตุท่ีคนไทยสมัยโบราณเราใช้ควายเป็นสัตว์ลากไถ
ลากคราด (เฝือ) จึงถือเป็นสัตว์ใหญ่มีค่ามาก เป็นค่านิยมของคน
โบราณทีเดียวว่า ไม่นิยมรับประทานเนื้อควาย เน้ือวัว ชาวบ้านให้
ความเมตตาสงสารมันว่าเคยไถนาให้ กินเนื้อมันไม่ลง โดยมากจะ
เลี้ยงมันจนเฒ่าแก่และตายไปเอง ชาวบ้านจึงจะพากันแล่เน้ือ เอา
หนังเอาเขาไปใช้ประโยชน์ ส่วนเน้ือก็แกงกันกินในหมู่บ้าน เขา
ชวนพิธีกรมากินไก่และด่ืมเหล้าจากไหนั้น สนุกสนาน
ตลอดวัน ถือว่างานปักดาได้ผ่านพ้นไปแล้ว เป็นการฉลอง
ความเหนื่อยยากจากการไถนาและดานาอีกส่วนหนงึ่ ดว้ ย
วิธที าขวัญควาย
นาเอาเคร่ืองพิธีมาวางบนเส่ือท่ีปูไว้ในแหล่งหรือ
คอกควาย เจ้าของนาควายไปอาบน้า ขัดสีฉวีวรรณจน
หมดจดสะอาด แล้วจูงควายมาผูกไว้กับเสาหรือหลักใน
คอก จากนั้นก็ไปเชิญพิธีกร หรือ ปู่อาจารย์มาทาพิธีปัด
เคราะห์ เรยี กขวญั จนเสรจ็ แล้วเอาด้ายผูกกรวยดอกไม้ติด
กบั เขาควาย บางรายเอาด้ายสายสิญจน์ผูกคนไว้ด้วย แล้ว
เอานา้ ขมิ้นส้มป่อยประพรมเพ่ือใหค้ วายอยู่สุขสบาย พอทา
พธิ เี สร็จ เจ้าของยกเครอื่ งขา้ วขวัญออกไป และนาเอาหญ้า
อ่อนมาให้ควายกินเป็นเสร็จ
พิธีทา ขวัญควา ย สาหรับ
เจ้าของยังไม่เสร็จเพราะยังจะ
จัดทาโดย
กองการศึกษา เทศบาลตาบลจันจว้า
ข้อมลู จานวนการเลย้ี งควาย (ปางควาย) ในเขตเทศบาลตาบลจันจว้า 2. ปางควายบา้ นตน้ ยาง หมทู่ ี่ 7 ตาบลจนั จวา้ มเี กษตรกรผู้เลย้ี ง
ตาบลจนั จว้า กระบอื จานวน 940 ตวั กระบอื จานวน 15 ราย จานวน 585 ตัว ดังน้ี
ตาบลจนั จว้าใต้ กระบอื จานวน 282 ตวั
ลาดบั ช่ือ/สกลุ จานวน/ตวั
ปางควายในเขตเทศบาลตาบลจนั จว้าจานวน 3 ปาง ท่ี
อยูบ่ ริเวณเวียงหนองหลม่ 60
1. นายถาวร ช่มุ มงคล 38
1. ปางควายบา้ นหว้ ยนาราก หมู่ที่ 4 ตาบลจนั จว้า มเี กษตรกรผู้ 65
เลี้ยงกระบอื จานวน 10 ราย จานวน 355 ตัว ดังน้ี 2. นายหลา้ ใจงาม 25
79
3. นายหน่อ ชุม่ มงคล 55
70
4. นายขวญั ชยั ชมุ่ มงคล 27
8
ลาดับ 5. นายมณู ชุม่ มงคล 10
ท่ี 35
ชื่อ/สกุล จานวน/ตัว 6. นายสมพงษ์ ชมุ่ มงคล 58
55
1. นายหน่ึง เกิดผล 42 7. นายบุญรอด อินทะ
68
2. นายอ่อนแกว้ รากะรนิ ทร์ 41 8. นายเรมิ ยางยืน
25
3. นายสทุ ิน สุตะวงศ์ 29 9. นายกมล จันทาพูน
60
4. นายพันธ์ เช้ือเจ็ดตน 60 10. นายเฉลิมชัย วรรณโวหาร
-
5. นายใจ๋ ปินทรายมูล - 11. นายดาเนิน จนั ทาพนู
30
6. นายบญุ ชู ปันเขื่อนขัติ 12. นายแสง ชุ่มมงคล
7. นายสุรเดช จนั ทาพูน 13. นายบุญเถิง วงษภ์ กั ดี
8. นายจนั ทรต์ ๊ิบ สุตะวงค์ รวม 585 ตัว
9. นายบุญหลง จันทาพนู
10. นายสมชาย ปนั เขื่อนขัด
รวม 355 ตวั
รวม 20 ตัว
3. ปางควายบา้ นปา่ สกั หลวง หมู่ที่ 1 ตาบลจนั จว้าใต้ มี 6. ข้อมูลด้านอน่ื ๆ
เกษตรกรผเู้ ล้ยี งกระบอื จานวน 5 ราย จานวน 230 ตวั ดงั นี้ 6.1 ด้านอาหาร
ลาดับ ชื่อ/สกุล จานวน/ตวั ลาดับ รายการ/ชอื่ หมายเหตุ
ท่ี ท่ี หมายเหตุ
60
1. นายเติน จนิ ดาธรรม 55 1. หญ้าเนเปยี ร์
63
2. นายแสง จนิ ดาธรรม 45 2. หญา้ รซู ี่
7
3. นายอดลุ ย์ โปง่ ชนะ 3. หญา้ หวาน
4. นายจานง จนิ ดาธรรม 4. หญา้ พื้นเมืองท่วั ไป
5. นายหมอ่ ง จนิ ดาธรรม
รวม 230 ตวั 6.2ด้านโรคติดต่อ
4. ปางควายบา้ นหนองป๋ึง หมทู่ ี่ 5 ตาบลจนั จวา้ ใต้ มีเกษตรกรผู้ ลาดบั
ท่ี
เลี้ยงวัว จานวน 1 ราย รายการ/ช่ือ
จานวน 32 ตัว ดังนี้ 1. โรคปากและเท้าเปื่อย
ลาดับ ชอ่ื /สกุล จานวน/ตัว 2. โรคลมั ปสี กิน
ท่ี
3. โรคกีบเน่า
1. นายจันทร์ จันโย 32
4. โรคคอบวม
รวม 32 ตัว
5. โรคทอ้ งอดื
5. ปางควายบ้านป่าถอ่ น หมทู่ ี่ 11 ตาบลจันจว้าใต้ มีเกษตรกรผู้ 6. โรคพยาธิ
เลีย้ งววั จานวน 2 ราย
จานวน 20 ตวั ดังน้ี
ลาดบั ช่ือ/สกลุ จานวน/ตัว
ท่ี 20
1. นายดวงทิพย์ ใจทอง