กถัถั ถั ก ถั กกฬิฬิ ฬิ/ฬิ กถัถั ถั ก ถั ก
คำ นำ รายงานเล่มนี่จัดทำ ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาทฤษฎีเอก ชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 1 เพื่อให้ได้ศึกษาความรู้ในเรื่อง กถักกฬิ กถัก และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์ใน์นการเรียน ผู้จัดทำ หวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กัน์ กับผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำ ลังหาขอมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำ หรือข้อผิดพลาด ประการใด ผู้จัดทำ ขอน้อน้มรับไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ นายบริบูรณ์ ดำ ดี ปวช.1/1 เลขที่ 1 นายมน กอริ ปวช.1/1 เลขที่ 2 นายพีรพัฒน์ สุยะใหญ่ ปวช.1/1 เลขที่ 3 นางสาวบัณฑิตา วงษ์ตาธรรม ปวช.1/1 เลขที่ 6 นางสาวจิราภา แสนพรม ปวช.1/1 เลขที่ 7 นางสาวธิดาวัลย์ ฤทธิ์ไธสง ปวช.1/2 เลขที่ 9 นางสาวจิรนันท์ แสนเขื่อน ปวช.1/2 เลขที่ นายเอก สันธิสาร ปวช.1/3 เลขที่ 1 นายสุวิวัฒน์ บุญกุ้ง ปวช.1/3 เลขที่ 3 นางสาวนภสร ยาวิละ ปวช.1/3 เลขที่ 4 นางสาวกานต์ธิดา ปัญญาติ๊บ ปวช.1/3 เลขที่ 5 นางสาวฐิตารีย์ อาวุธปัญญากุล ปวช.1/3 เลขที่ 6 นางสาวสุพัตรา บุดสีสวย ปวช.1/3 เลขที่ 8
สารบับั บั ญ บั ญ ประวัติความเป็นมานาฏศิลปอินเดีย ประวัติความเป็นมาของกถักกฬิิ ตัวละคร การเเต่งกายกถักกฬิ ดนตรีที่ใช้ประกอบการเเสดงกถักกฬิ ประวัติความเป็นมาของกถัก การเเต่งกายกถัก ดนตรีที่ใช้ประกอบการเเสดงกถัก อ้างอิง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 หน้า น้
ชาวอินเดียเชื่อว่า กำ เนิดของการฟ้อนรำ มีความสัมพันธ์กับเทพ ๒ องค์ คือ พระศิวะ และ พระพรหม ตำ นานหนึ่งกล่าวว่าพระศิวะเป็นผู้ประสิทธิ์ปธิ์ระสาทวิชาการ ฟ้อนรำ ขึ้นในขณะที่อีกตำ นานหนึ่งกล่าวว่าผู้ประสิทธิ์ปธิ์ระสาทวิชาดังกล่าวนี้คือ พระพรหม ตำ นานการฟ้อนรำ ที่เชื่อว่าพระศิวะเป็นผู้ประสิทธิ์ปธิ์ระสาทขึ้นนั้นปรากฏ อยู่ใน “โกยิลปุราณะ” ซึ่งเป็นคัมภีร์ปุราณะของทมิฬ นาฏศิลป์อิป์ อินเดียมีความผูกพันอยู่กับคติความเชื่อ และศรัทธาในศาสนา ฮินดู การแสดงนาฏศิลป์สป์ะท้อนให้เห็นถึงการเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่เน้นความ ลึกลับ ศักดิ์สิดิ์สิทธิ์ อินเดียถือว่านาฏศิลป์เป์ป็นทิพยกำ เนิดตามคัมภีร์ ภารตะนาฏยศาสตร์ ซึ่งได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์อิป์ อินเดีย และ การแสดงที่อินเดียยึดถือเป็นแบบแผน ยกย่องว่าเป็นศิลปะประจำ ชาติมาพอ สังเขป กำ เนิดนาฏศิลป์อินเดียและตำ นานการฟ้อนรำ ประวัติความเป็นมานาฏศิลป์อินเดีย 1
“กถักกฬิ” (KATHAKALI) คือ การแสดงที่เล่นเป็นเรื่องราวเหมือนกับ การแสดงละครเป็นการแสดงละครที่งดงามด้วยศิลปะการ่ายรำ แบบเก่าๆ ผู้แสดงจะต้องสวมหน้ากากและนับว่ากถักกฬิของอินเดียเป็นต้นเเบบ ของนาฏศิลป์ตป์ะวันออก ซึ่งเก็นะรื่องที่นำ มาแสดงก็มักเป็นเรื่องราวอัน เกี่ยวเนื่องกับพระผู้เป็นเจ้า หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษ เช่น รามายณะ มหาภารตะ เป็นต้น การแสดงกถักกะฬินี้เดิมใช้ผู้ชาย แสดง แม้ผู้ที่แสดงเป็นตัวนางก็ใช้ผู้ชายแสดง การแสดงมีพิธีรีตองมาก ผู้แสดงจะแต่งหน้า ดูเหมือนกับการสวมหน้ากาก วิธีการแสดงมีผู้ขับร้องและเจรจาให้ ทั้งยังเป็นละครพื้นเมืองและเป็น ศิลปะโบราณแบบหนึ่งของอินเดีย มีแบบแผนและ หลักวิชานาฏศิลป์ตป์รง กับที่กล่าวไว้ในคัมภีร์นาฏยศาสตร์โดยอธิบายหลักและวิธีการ เล่นไว้ว่า โรงละครเป็นเวทีตั้งในที่กลางแจ้ง ไม่มีหลังคา ใช้ตะเกียงทองเหลืองเป็น แสง ไฟส่องเวทีอย่างที่ใช้จุดในเทวสถาน และไม่มีฉากกั้น เรื่องที่เล่นเป็น ตำ นานเกี่ยวกับพระเจ้าและเรื่องกาพย์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากเป็นมหากาพย์ เรื่องมหาภารตะ เรื่อง รามายณะ และ เรื่องนิยายในคัมภีร์ปุราณะต่าง ๆ โดยมีดนตรีและมีคนร้องหรือคนพากย์ ยืนอยู่เบื้องหลังตัวละครซึ่งทำ ท่า ทางเป็นจังหวะไปตามบท มีการแสดงหน้าและการเคลื่อนไหวอวัยวะ ใน การสื่อความหมาย เพื่อให้เข้าใจค าพากย์ที่เป็นกาพย์นั้น และการแสดง ท่าทางต้อง เข้ากันกับเสียงดนตรีด้วย ประวัติความเป็นมาของกถักกฬิ 2
ตัวละคร 1.สัตตวิก-เป็นตัวละครที่เป็นเทพเจ้าที่มีคุณธรรม เช่น พระนารายณ์ พระอินทร์ 3 2.รับสิก- เป็นตัวละครวีรบุรุษที่เป็นมนุษย์ เช่น พระราม พระลักษณ์ 3.ตมสิก -เป็นตัวละครที่ชั่วร้าย เช่นทศกัณฐ์ ตัวละครสำ คัญที่ปรากฏในการแสดงกถักกฬิแบ่งได้ เป็นจำ พวก 3 อย่าง
การแต่งกายกถักกฬิ เครื่องแต่งกาย ตัวละครชาย นุ่งกางเกงขายาว จีบรอบเอว มีผ้าคาดเอว ไม่สวมเสื้อ ตัว ละครที่แสดงเป็นผู้หญิง แต่งกายเป็นชุดประจำ ชาติสตรีอินเดีย ปัจจุบันปรับปรุงการ แต่งกายให้งดงาม เป็นผ้าไหมขลิบทองเป็นชุดกระโปรงยาว ใส่เสื้อสวมส่าหรีทับเสื้อ สวมเครื่องประดับ 4
ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงกถักฬิ ดนตรี ที่ใช้ประกอบการแสดงที่สำ คัญที่สุด คือ กลอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องสีที่มี ลักษณะคล้าย ไวโอลีน เรียกว่า “ซารองงี” บรรเลงทำ นองด้วย มีนักร้อง 1 คน 5
กถัก (Kathak) คือนาฏศิลป์ทป์างภาคเหนือของอินเดีย ที่ถักทอเรื่องราวของ เทพทางศาสนาฮินดู และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของอินเดีย ผ่านท่าทางการ เต้นที่ต้องใช้ทั้งความแข็งแรงและความอ่อนโยนของผู้เต้นในเวลาเดียวกัน สมัย เริ่มแรก ชาวฮินดูจะนิยมเต้นกถักกันตามสถานที่มงคล เช่น วัดหรือใน พระราชวัง เพื่อเป็นการถวายเทพเจ้า โดยชาวฮินดูมีความเชื่อว่า การเต้นกถักนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 4 นิยมแสดงเดี่ยว ผู้แสดงอาจเป็น หญิงหรือชายก็ได้ เป็นการผสมระหว่างวัฒนธรรมฮินดูและมุสลิม มีบทร้องเกี่ยว กับเทพเจ้าของฮินดูและเรื่องราวจากวรรณคดี องค์ประกอบหลักในการเต้นกถักคือการแสดงสีหน้า (Abhinaya) การตบเท้า ที่รัวและเร็ว ลีลาการวาดมือที่มีลักษณะคล้ายกับการเต้นรำ ร่วมสมัย การฝึกลม หายใจ การหมุนตัว ที่ยิ่งหมุนได้จำ นวนรอบมากเท่าไหร่ โดยยังสามารถควบคุม จังหวะการตบเท้าให้ประสานกับจังหวะของดนตรีได้ โดยไม่คร่อมจังหวะ ก็ยิ่ง แสดงถึงความแข็งแรงและสมาธิของผู้เต้นได้มากเท่านั้น และในช่วงของการเต้น กถักร่วมกับการบรรเลงจังหวะจากคณะวงดนตรีสด ผู้เต้นจะเต้นสลับกับการพูด ออกเสียงนับจังหวะ เช่น ตา เถย เถย ตั๊ต อา เถย เถย ตั๊ต โดยการออกเสียงนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการนับจังหวะเพื่อการเต้น แต่ยังเป็นการเปล่งเสียงเพื่อทำ ความ เคารพสิ่งศักดิ์สิดิ์สิทธิ์แธิ์ละพระแม่ธรณี เพื่อให้การแสดงที่เกิดขึ้นมีความราบรื่น 6 ประวัติ วัติ ความเป็นมากถัก
องค์ประกอบของเครื่องแต่งกายในการเต้นกถักที่ถือเป็นของสูง และยังเป็นหัวใจ สำ คัญที่จะทำ ให้ผู้เต้นสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิดิ์สิทธิ์ไธิ์ด้ คือกระพรวนที่พันไว้บริเวณข้อเท้าทั้ง สองข้าง การใส่กระพรวนข้อเท้าจากวัสดุทองเหลืองนี้มีตั้งแต่ข้างละ 10 – 20 ลูก ไป จนข้างละ 150 ลูก หรือ 200 ลูก ก็มี ชาวฮินดูเชื่อกันว่า เสียงกระพรวนที่ดังก้อง กังวานจะช่วยปัดเป่า ป่ โชคร้าย และยังเป็นการสื่อสารกับทวยเทพ ยิ่งจำ นวนลูก กระพรวนมากเท่าไหร่ เสียงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งแน่น แต่นั่นหมายถึงผู้เต้นเองก็ต้องมีกำ ลังข้อ เท้าและกำ ลังขาที่แข็งแรง ในการแบกรับน้ำ หนักของจำ นวนลูกกระพรวนเหล่านี้ไว้ด้วย การแต่งกาย ผู้หญิงสวมเสื้อคอกว้าง แขนสั้น เอวลอย ห่มสาหรี เกล้ามวยผม ใช้สาหรีคลุมผม ผู้ชายแต่งกายคล้ายกัน ใช้ผ้าโพกศีรษะ 7 การแต่งกายกถัก
ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงกถัก โดยเครื่องดนตรีในการแสดงประเภทนี้ ได้แก่ กลองมะดะลัม กลองเจินละ ฉาบเหล็ก และโหม่ง 8
อ้างอิง https://hindumeeting.com/%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%ACE0%B8%B4/ http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/music1_2/lesson3/page08.php9
จัดทำ โดย 1. นายบริบูรณ์ ดำ ดี ปวช.1/1 เลขที่ 1 2. นายมน กอริ ปวช.1/1 เลขที่ 2 3. นายพีรพัฒน์ สุยะใหญ่ ปวช.1/1 เลขที่ 3 4. นางสาวบัณฑิตา วงษ์ตาธรรม ปวช.1/1 เลขที่ 6 5. นางสาวจิราภา แสนพรม ปวช.1/1 เลขที่ 7 6. นางสาวธิดาวัลย์ ฤทธิ์ไธสง ปวช.1/2 เลขที่ 9 7. นางสาวจิรนันท์ แสนเขื่อน ปวช.1/2 เลขที่10 8. นายเอก สันธิสาร ปวช.1/3 เลขที่ 1 9. นายสุวิวัฒน์ บุญกุ้ง ปวช.1/3 เลขที่ 3 10. นางสาวนภสร ยาวิละ ปวช.1/3 เลขที่ 4 11. นางสาวกานต์ธิดา ปัญญาติ๊บ ปวช.1/3 เลขที่ 5 12. นางสาวฐิตารีย์ อาวุธปัญญากุล ปวช.1/3 เลขที่ 6 13. นางสาวสุพัตรา บุดสีสวย ปวช.1/3 เลขที่ 8 เสนอ นางสาวกชกร ชูวิวัฒรัตนกุล (คุณครูแนน) 10