The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เมืองสาวงามละออ ผ้าทอหัตถกรรม วัฒนธรรมไทยยอง แผ่นดินทองอำเภอป่าซาง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by milk_9.2.2543, 2022-03-01 10:13:30

เมืองสาวงามละออ ผ้าทอหัตถกรรม วัฒนธรรมไทยยอง แผ่นดินทองอำเภอป่าซาง

เมืองสาวงามละออ ผ้าทอหัตถกรรม วัฒนธรรมไทยยอง แผ่นดินทองอำเภอป่าซาง

เมืองสาวงามละออ ผ้าทอหัตถกรรม
วัฒนธรรมไทยยอง

แผ่นดินทองอำเภอป่าซาง

ประวัติความเป็นมา
อำเภอป่าซาง

ป่าซาง (เดิมชื่อ อำเภอปากบ่อง) เป็นเมืองเก่าชุมชนเก่า
แก่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ส่วนที่ตั้งของอำเภอป่าซางนั้น
ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำทากับแม่น้ำปิง ก่อนที่จะตั้งเป็น
อำเภอป่าซางนั้น บ้านป่าซางเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอ
ปากบ่อง จังหวัดลำพูน

ประวัติความเป็นมา
อำเภอป่าซาง

ในอดีตเมื่อครั้งสมัย พระยาวชิรปราการ (เจ้ากาวิละ)
ทรงขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินล้านนาได้แล้ว เป็นยุคของ
การ "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" ทรงรวบรวมสะสม
ไพร่พลไว้ที่ป่าซาง โดยใช้ชื่อว่า เวียงเวฬุคาม ลักษณะ
เวียงเวฬุคามตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำกวงด้านทิศตะวันตก
มีแนวกำแพงเมืองลักษณะในรูปเกือกม้าหรือรูปครึ่งวง
เดือน คูน้ำที่ล้อมรอบเวียงเวฬุคามนั้นใช้น้ำไหลเข้าจาก
น้ำแม่ทาโดยมีฝายกั้นที่หน้าธนาคารออมสินปัจจุบัน น้ำ
ไหลรอบคูเมืองไปออกที่ข้างป่าช้าป่าซางปัจจุบัน ลักษณะ
กำแพงเมืองเวฬุคามกว้างประมาณ 1 เมตร และมีป้อม
ยามรักษาการณ์ตลอดแนวกำแพงเมืองระยะห่าง
ประมาณ 100 เมตร ปัจจุบันซากกำแพงเมืองเวฬุคามยัง
มองซากอยู่เป็นช่วง ๆ ยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร

ประวัติคนยองป่าซาง




ยอง หรือ ไทยอง เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือน

อยู่ที่เมืองยองและกระจายอยู่ทั่วไปในแถบเมืองต่างๆใน
รัฐฉานด้านตะวันออกของพม่า เมื่อ พ.ศ.2348 กลุ่มชาว

ยองได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูน ด้วยสาเหตุ
ของสงครามการรวบรวมกำลังคน ต่อมาได้กระจายอยู่

ในเมืองต่างๆของล้านนาเมืองยอง เป็นเมืองที่มี

ประวัติศาสตร์ตำนานมายาวนาน เริ่มขึ้นในราวพุทธ

ศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มคนพื้น
เมือง ได้แก่พวกลัวะ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 19 มีกลุ่มคน

ไทจากเมืองเชียงรุ้งนำโดยเจ้าสุนันทะ โอรสของเจ้าเมือง
เชียงรุ้งได้พาบริวารเข้ามามีอำนาจปกครองเมืองยอง

เหนือคนพื้นเมือง ได้ผสมผสานระบบความเชื่อและ
พิธีกรรมที่มีอยู่เดิมกับพุทธศาสนาที่เข้ามาภายหลัง

นอกจากนั้นยังได้สร้างความสัมพันธ์กับคนพื้นเมือง

ประวัติคนยองป่าซาง




จากความสัมพันธ์ดังกล่าว คนเมืองยองจึงสืบเชื้อสาย
มาจากผู้คนที่อพยพมาจากเมืองเชียงรุ้งและเมืองอื่นใน
สิบสองปันนา ซึ่งเป็นชนชาวไทลื้อ และเมื่ออพยพเข้ามา
ตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูน คนทั่วไปจึงเรียกว่า “คนเมือง
ยอง” เช่นเดียวกันคนเมืองเชียงใหม่ คนเมืองลำปาง คน
เมืองเชียงตุง เป็นต้น กระทั่งเรียกให้สั้นเหลือเพียง “คน
ยอง”

ประวัติคนยองป่าซาง




การตั้งถิ่นฐานของชาวยองในลำพูน ในระหว่างปี พ.ศ.2325 –
2347 ก่อนการตั้งเมืองลำพูน พระเจ้ากาวิละยังไม่ได้แต่งตั้งให้ผู้ใด
เป็นเจ้าเมืองลำพูน ด้านการปกครองยังมีสภาพเป็นส่วนหนึ่งของ
เมืองเชียงใหม่ จนถึงปี พ.ศ.2348 พระเจ้ากาวิละได้ฟื้นฟูเมือง
ลำพูนขึ้นอัน เป็นนโยบายในการเตรียมกำลังคนเพื่อสนับสนุน
เชียงใหม่ในยามศึกสงคราม นอกจากนี้กำลังคนในเมืองลำพูนก็ลด
ลงไปในครั้งที่พระเจ้ากาวิละพาไปตั้งที่เชียงใหม่ ล่วงเข้าสู่วันขึ้น
5 ค่ำเดือน 7 พระเจ้ากาวิละได้มอบหมายให้เจ้าคำฝั้นและบริวาร
จากเมือง 500 คน พร้อมด้วยเจ้าบุญมา น้องคนสุดท้องและบริวาร
จากเมืองลำปาง 500 คน มีเจ้าเมืองยองพร้อมด้วยบุตรภรรยา
น้องทั้ง 4 ญาติพี่น้อง ขุนนาง พระสงฆ์และไพร่พลจากเมืองยอง
จำนวน 20,000 คนเข้ามาแผ้วถางเมืองลำพูนที่ร้างอยู่ จนถึงวันขึ้น
8 ค่ำ จึงให้เข้ามาตั้งเมืองลำพูนได้ ในวันตั้งเมืองลำพูนมีพิธีทาง
ศาสนาพระสงฆ์ 198 รูปสวดมงคลพระปริตในที่ไชยะมงคล 9 แห่ง
ในเมืองลำพูน เจ้าเมืองยอง บุตรภรรยา พร้อมด้วยญาติพี่น้องและ
ขุนนาง พระสงฆ์ระดับสูง ได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ทางทิศ
ตะวันออกของน้ำแม่กวง ส่วนไพร่พลอื่นๆได้แยกย้ายกันไปตั้งบ้าน
เรือนตามลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่ปิง

ประวัติคนยองป่าซาง




อย่างไรก็ตามการตั้งถิ่นฐานของชาวยองจะเป็นการตั้ง
ถิ่นฐานและขยายตัวของชุมชนตามแนวลำน้ำที่เหมาะ
สมในการเกษตรเป็นสำคัญ จากหมู่บ้านหลักในลุ่มน้ำแม่
กวงบ้านเวียงยอง บ้านยู้ บ้านหลวย บ้านตองได้ขยายตัว
ออกไปเป็นบ้านหลิ่งห้า(ศรีบุญยืน) เขตลุ่มน้ำปิงห่าง
จนถึงบ้านหนองหมู บ้านป่าลาน ป่าเห็ว เป็นต้น นอกจา
การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวยองในลำพูน ซึ่งถือเป็น
ประชากรส่วนใหญ่ของเมืองลำพูนแล้ว ยังปรากฏมีชาว
ไตเขินจากเชียงตุงมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านสันดอนรอมในเขต
นอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้อีกด้วย ไพร่พลที่อพยพเข้ามา
อยู่ในลำพูนนี้ต่อมาได้สืบลูกสืบหลานกลายเป็นประชากร
ส่วนใหญ่ของลำพูน

ประวัติคนยองป่าซาง




หากจะเรียกว่าชาวลำพูนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจาก
ชาวยองก็คงไม่ผิดนัก บริเวณที่มีการตั้งถิ่นฐานของชาว
ยองที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือบริเวณที่ราบลุ่มน้ำแม่ทา น้ำ
แม่กวงและน้ำแม่ปิงไหลมาบรรจบกันในเขตอำเภอป่าซาง
คือ “สบทา” ก็นับเป็นบริเวณที่มีชาวยองมาตั้งถิ่นฐาน
อยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบริเวณแถบนี้นอกจากจะเป็น
แหล่งเสบียงอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่ผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่
ก่อนแล้ว ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญระหว่าง
เชียงใหม่ ลำพูนกับหัวเมืองต่างๆอีกด้วย โดยเฉพาะพื้นที่
ราบลุ่ม บ้านฉางข้าวน้อย อำเภอป่าซางซึ่งถือเป็นหมู่บ้าน
หลักของผู้คนที่อพยพมาจากเมืองยอง มีนิสัยรักสันโดษ
มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ดำรงรักษา
ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษเอาไว้อย่าง
เหนียวแน่น

ประวัติคนยองป่าซาง



จากจารึกไม้สักบ่งบอกว่า วัดฉางข้าวน้อยมีอายุหลัง
200 ปีเล็กน้อย มีการสร้างวิหารขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2371 วัด
และชุมชนในบริเวณนี้น่าจะถูกตั้งขึ้นมาหลังการอพยพ
จากเมืองยองในปี พ.ศ.2448 ไม่นานนัก เมื่อมีผู้คนหนา
แน่นขึ้น ชุมชนเริ่มก่อตั้งอย่างมั่นคง ชาวบ้านมี ความเป็น
อยู่ที่ดี จึงมีเวลาในการทำนุบำรุงพระศาสนาโดยสร้าง
วิหารและพระพุทธรูปขึ้น

ปัจจุบันความเจริญได้โถมถาเข้าสู่วิถีชีวิตชุมชน นำไปสู่
การผสมกลมกลืนของวัฒนธรรมเก่ากับวัฒนธรรมใหม่
ทว่าคนยองป่าซางกลับดำรงอยู่ในฐานะของคนยองส่วน
ใหญ่ในสังคมไม่ว่าระดับหมู่บ้าน ระดับท้องถิ่น ในอำเภอ
ป่าซางได้ตรงแบบแต่ดั้งเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คนยองป่าซาง
ยังคงรักษาลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมได้ค้อนข้าง
ยาวนาน โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางภาษา และ
ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เป็นต้น

ภาษายอง



ฮืมโม้ง หรือ( บะโม้ง ) หมายถึง มะม่วง
อยู่ฮั่นนอ หมายถึงอยู่ที่นั้นไง เป็นการ
บอกคนที่กำลังหาของอะไรสักอย่างแต่
หาไม่เจอ คนที่หาของเจอก่อนก็จะบอก
และใช้มือชี้ไปหาของที่เจอ และบอกว่า
อยู่ฮั่นนอ(อยู่นั้นไง) อยู่ฮั่นแน่ะ เป็นการ
บอกซ้ำ

บะก๋วยสีเปา: หมายถึงลูกมะละกอ ทาง
ภาคอีสานเรียก บักสีดา

เต่วหลั่ง หมายถึง กางเกงขายาว ที่มา
คือคนยองเห็นว่ามีแต่ฝรั่งหรือชาวต่าง
ชาติใส่กางเกงขายาวจึงเรียกชื่อตามคน
ใส่ ถ้ากางเกงขาสั้นเรียกว่า เต่วแร่ด

ภาษายอง



ขอแฮม หมายถึง ขออีก เป็นคำที่คนนั้นทำอะไรที่ยังไม่
พอใจหรืออยากจะได้อะไรเพิ่มเติมเพื่อให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม
ให้เป็นที่พออกพอใจจึงใช้คำว่า ขอแฮม

จะไป่ลุนแล่น หมายถึง อย่าวิ่งซุกซน เป็นคำที่บอกให้เด็ก
ที่กำลังวิ่งเล่นซุกซนไห้ระมัดระวัง

ขะหนุ๋มซิ่น หมายถึง ขนมจีน เป็นขนมที่มีลักษณ์ที่เป็น
เส้นที่ทุกคนชอบกินกัน เช่นขนมจีนน้ำเงี่ยว

ลึกลื๋น หมายถึง คนดื้อลั่น คนที่ไม่ย่อมใคร

ซะกุ่ง หมายถึง จิ่งรี่ด หรือ จิกุ่ง เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่
ร้องเสียงด้งเวลาค่ำคืน

ต่าว หมายถึง หกล้ม เป็นอาการที่คนเดินแล้วสดุด
หกล้มเอาหน้าฟาดกับพื้น

ภาษายอง



กบตู หมายถึง คางคก เป็นสัตว์คล้าย
กบมีต่อมที่เป็นพิษ

โง หมายถึง วัว

เก้าไม่ หมายถึง ต้นไม้

จ๊ะปิ่กเฮือน หมายถึง จะกลับบ้าน ปิ่ก(กลับ) เฮือน (บ้าน)
ฮื่อมันเห หมายถึง ให้มันไปเสียเถอะลักษณะคือมีคนมา
ขอสิ่งของแล้วมีคนที่สามมาบอกว่าให้สิ่งที่เขาขอนั้นให้เขา
ไปเถอะ

ภาษายอง



ผ้าคาดโห หมายถึง ผ้าขาวม้า เป็นผ้าที่ใช้สำหรับนุ่ง
ของผู้ชายเวลาอาบน้ำลักษณะคล้ายผ้าเช็ดตัวแต่มีความ
บางกว่าส่วนมากทำจากผ้าฝ้ายพื้นเมือง มีลายเป็นตรา
หมากหลุก คนยองมักจะนำไปฟันที่ศรีษะเอามาคาดที่
ศรีษะ(มาจากคำว่า ผ้าคาดหัว)

ผ้าแจ๋ง หมายถึง ผ้าเช็ดหน้า เป็นผ้าฝืนเล็กๆสำหรับเอา
ไว้เช็ดหน้า

ลิ๋นฮุง หมายถึง เล่นว่าว เป็นเครื่องเล่นชนิดหนึ่งที่เล่น
แถวสบามหลวง เรียกว่า การเล่นว่าว

เอาแฮมหม่อ หมายถึง เอาอีกแล้ว เป็นคำอุทานที่เกิด
เหตุการณ์ซ้ำซากที่ไม่พึงประสงค์ที่จะให้มันเกิด
ซ้ำอีก

ภาษายอง



ตาวด้งตะลุบปุม หมายถึง คนที่หกล้มเสียงด้งตุบ

หลดกุ่น หมายถึง รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ล้ม หลด
คึอ รถ กุ่น คือ อาการของรถล้มลง

ลดจุน หมายถึง รถชนคน

ลดแล่ว หมายถึง รถที่ชนแล้วดูไม่ได้ ยับเยิ่นไปหมด

กึดยาก หมายถึง การที่เราคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร มัน
คิดไม่ออก ไม่แน่ใจที่จะทำให้สำเร็จ

ฮู้เป่อเลอะ หมายถึง การที่มีใครสักคนคิดจะทำอะไรเรา
สามารถรู้เท่าทันเล่ห์เหลียมของเขา (ฉันรู้นะคิดอะไรอยู่)

ปิ้ด หมายถึง ดินสอดำ

ผ้าพื้นเมืองและผ้ามัดย้อม
อำเภอป่าซาง

ประวั
ติผ้าฝ้าย
ดอน
หลวง

บ้านดอนหลวงเป็นแหล่งผลิตงานหัตถกรรมผ้าฝ้ายทอ
มือรายใหญ่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
ที่ตั้งอยู่ในตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง แต่น้อยคนนักที่จะ
รู้จักถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานกว่า 200ปี
ของบ้านดอนหลวงและการทอผ้าด้วยมืออันลือเลื่องที่อยู่
คู่วิถีชีวิตมาตั้งแต่เดิม แรกเริ่มเดิมทีบ้านดอนหลวงชื่อ
หมู่บ้านกอถ่อน เป็นหมู่บ้านชาวยองที่อพยพมาจากเมือง
เชียงรุ้งของแคว้นสิบสองปันนาในจีนตอนใต้ที่ค้าวัวค้า
ควายมาก่อน ต่อมาในสมัยพระเจ้ากาวิละได้กวาดต้อน
ผู้คนจากเมืองยองประเทศพม่าเข้ามาตั้งบ้านเรือนในเขต
เมืองลำพูนตั้งบ้านเรือน"เก็บฮอมตอมไพร่" เพื่อบูรณะ
ฟื้นฟูเมืองหลังจากรกร้างจากการทำสงครามกับพม่า

ประวัติผ้า
ฝ้าย
ดอนหล
วง

ชาวยองเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ที่ตั้งหมู่บ้านปัจจุบันเป็นชุมชน
ใหญ่ประกอบกับที่ตั้งหมู่บ้านเป็น ที่ดอน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านใหม่ว่า
“บ้านดอนหลวง” วิถีชีวิตของคนยองในสมัยก่อนจะทำไร่ทำนา
เลี้ยงวัวควาย เมื่อว่างจากงานหลักหญิงสาวมักจะทอผ้าเพื่อใช้ใน
ครัวเรือน โดยคนเมืองยองเรียกการทอผ้าว่า “ตำหูก” แต่ละบ้าน
จะทอผ้าจากฝ้ายที่ปลูกเอง แล้วนำมาผ่านกระบวนการปั่นฝ้ายให้
เป็นเส้นด้าย จากนั้นย้อมสีเส้นด้ายด้วยวัสดุจากธรรมชาติที่ไม่
เป็นอันตรายต่อชีวิต จากนั้นจึงนำมาขึ้นกี่ที่มีอยู่ใต้ถุนบ้านแทบจะ
ทุกหลังคาเรือนเพื่อทำการถักทอเป็นผ้าผืนตามขนาดที่ต้องการ
โดยผ้าที่นิยมทอกันในสมัยนั้นจะเป็นผ้าสีพื้น จากนั้นนำมาตัดเย็บ
เพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มและข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป
อาทิเช่น ผ้าห่ม ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เป็นต้น
ในสมัยก่อนเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านจะทอผ้าด้วยมือกันเป็นแทบทุก
คน หากว่าเป็นแต่ลวดลายพื้นๆ ที่เรียกว่าลาย 2 ตะกอ การทอผ้า
มือจึงถือได้ว่าเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาและเป็น
กิจกรรมที่ผูกพันกับวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านดอน
หลวงมาเป็นเวลานานนับร้อยๆปี

ประวัติผ้าฝ้าย

ดอนหลวง



ความเจริญ
เริ่มแผ่ขยายเข้ามาสู่ตัวอำเภอป่าซางผ่านทางถนน

หลวงที่ตัดผ่านเมืองป่าซางเพื่อทอดตัวไปสู่เชียงใหม่ การทอผ้ามือ
ของช่างทอผ้าบ้านดอนหลวงจึงมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงการทอเพื่อใช้
ในชีวิตประจำวันอีกต่อไป แต่กลายไปเป็นอาชีพเพื่อเลี้ยงปากท้อง
แทนการทำไร่ทำนาอย่างในอดีต การตั้งขึ้นของโรงงานทอผ้าในตัว
เมืองอำเภอป่าซางทำให้ช่างทอผ้าจากบ้านดอนหลวงหลายๆคนถูก
ดึงตัวออกไปทำงานยังโรงงานทอผ้าทำหน้าที่เพื่อคิดค้นลวดลาย
ใหม่ๆและยกลวดลายจากใบกระดาษแบบลายของเจ้าของโรงงานให้
ลงสู่ผืนผ้าจริง การออกไปทำงานยังโรงงานทอผ้าในตัวเมืองป่าซาง
เสมือนการเปิดประตูความรู้ของช่างทอผ้าบ้านดอนหลวงให้รู้จัก
และเรียนรู้การทอผ้าลวดลายแปลกใหม่ที่ทันสมัย การใช้สีสันบนชิ้น
งานให้เป็นที่ถูกใจของตลาด ได้พบและเรียนรู้อีกด้านหนึ่งของการ
ทอผ้าที่ไม่ใช่การทอผ้าเพื่อชีวิตประจำวัน เมื่อสั่งสมความรู้และ
ประสบการณ์จนเชี่ยวชาญจึงได้กลับมาพัฒนาการทอผ้าให้ก้าวไกล
ออกไปอีกขั้นการทอผ้ามือบ้านดอนหลวงผ่านการสะสมความรู้และ
ประสบการณ์หลายต่อหลายรุ่น จนกลายเป็นภูมิปัญญาอันล้ำค่า
แม้ปัจจุบันการทอผ้าจะค่อยๆจางหายไปจากชุมชน ทุกหลังคาเรือน
ไม่ได้ทอผ้าใช้อย่างในอดีต หลายๆคนหันไปประกอบอาชีพอื่นๆ แต่ก็
ยังมีอีกหลายคนที่พยายามสืบสานและพัฒนาการทอผ้าต่อไป

ประวัติผ้าฝ้าย

ดอนหลวง



ในปี พ.ศ. 2535
กลุ่มทอผ้าบ้านดอนหลวงเป็นหนึ่งในความร่วมมือ

ของคนในชุมชนเพื่อการอนุรักษ์และคงอยู่ของการทอผ้าฝ้าย เริ่ม
ก่อตั้งโดยความสนับสนุนของภาครัฐ แรกก่อตั้งมีจำนวนสมาชิก
ทั้งหมด 15คน กลุ่มทำหน้าที่ส่งเสริม พัฒนา และกระจายสินค้าแก่
สมาชิก โดยมีศูนย์จำหน่ายสินค้าจากผ้าฝ้ายทอมือที่ตั้งอยู่กลาง
หมู่บ้าน ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เครือข่ายกลุ่มทอผ้าหัตถกรรมพื้น
บ้านสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2532 โดยได้รับงบประมาณจาก
กองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ (ก.น.ช.) ได้รับงบประมาณส่วน
หนึ่งมาสร้างศาลาประชาธิปไตยในพื้นที่ของวัดดอนหลวง และได้
จัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นศูนย์หัตถกรรม ต่อมาอาคารดังกล่าวได้ทรุด
โทรมลง ชาวบ้านจึงมีการประชุมปรึกษาหารือและได้สร้างอาคาร
ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์ผ้าทอขึ้นใหม่ในที่เดิม ประมาณปี พุทธศักราช
2541 โดยได้รับงบประมาณจากโครงการมิยาซาวา ซึ่งอาคารนี้มีใช้
เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมสินค้าหัตถกรรมของกลุ่มเครือข่ายและเพื่อ
ใช้เป็นสถานที่ในการฝึกอบรมสมาชิกเกี่ยวกับการทอผ้า การย้อมสี
ผ้า รวมทั้งกระทั่งการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่อมาในปี พ.ศ.2542ได้รับ
รางวัลหมู่บ้านอุตสาหกรรมดีเด่นจึงมีการขยายกลุ่มโดยการเปิดรับ
สมาชิกเพิ่ม เพื่อขยายความร่วมมืออนุรักษ์และพัฒนาการทอผ้า
ฝ้ายให้คงอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน

ประวัติผ้าฝ้าย

ดอนหลวง



ปัจจุบันการ
ทอผ้าฝ้ายของชาวบ้านดอนหลวงมีการพัฒนารูป

แบบ สีสัน และลวดลายให้มีความทันสมัย กลายเป็นสินค้า
หัตถกรรมจากผ้าฝ้ายหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น เสื้อผ้า ผ้าคลุม
ไหล่ ปลอกหมอน ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ ผ้าปูเตียง เป็นต้น อีกทั้งยังผลิต
สินค้าออกจำหน่ายเป็นสินค้าที่ระลึกไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ
มากมายทั้งในและนอกประเทศ นับเป็นแหล่งผลิตสินค้าจากผ้าฝ้าย
ทอเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ

บ้านดอนหลวงจัดงาน "แต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง" ขึ้น
เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งกลายมาเป็นงานแสดงสินค้าประจำ
ปีของหมู่บ้าน และบ้านดอนหลวงได้เป็นหมู่บ้านโอท็อปแหล่งท่อง
เที่ยวเชิงวัฒนธรรม (หมู่บ้าน OVC) ในปี พ.ศ. 2549

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก



ชาวหนองเงือ
กมีบรรพบุรุษเป็นชาวยอง จากแคว้นสิบสองปันนา

อพยพมาตั้งถิ่นฐานในที่ราบลุ่มแม่น้ำทา อำเภอป่าซาง ในช่วงปี
พ.ศ. 2348-2356 ตรงกับสมัยพระเจ้ากาวิละ ชาวยองที่อพยพมา
เริ่มแรกมีประมาณ 5 ครอบครัว เข้ามาอาศัยบริเวณรอบๆบ้าน
หนองเงือกในปัจจุบัน โดยมีหนองน้ำอยู่ทางด้านตะวันออกของ
หมู่บ้าน ซึ่งมีตาน้ำที่เป็นต้นกำเนิดของลำน้ำเหมืองกลางมีเรื่องเล่า
ขานกันต่อมาว่ามีพญานาค (ภาษาถิ่นเรียกว่า เงือก) ขนาดโตเท่า
ต้นตาลปรากฏกายขึ้นมาที่หนองน้ำนี้ คนในหมู่บ้านจึงตั้งชื่อ
หมู่บ้านนี้ว่า “หมู่บ้านหนองเงือก”

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก



จุดกำเนิด
ของงานหัตกรรมผ้าทอของบ้านหนองเงือกเกิดขึ้น

พร้อมกับการตั้งหลักปักฐานของบรรพบุรุษ 5ครอบครัว โดยงาน
หัตถกรรมในช่วงแรกจะเป็นการทอผ้าฝ้ายเพื่อใช้เองภายใน
ครอบครัว เนื่องจากในสมัยก่อนเครื่องใช้และเครื่องนุ่งห่มหาซื้อได้
ยาก บุรุษชาวยองจะใช้เวลาว่างจากการทำนาและการปลูกพืช เพื่อ
ปลูกฝ้าย ส่วนหญิงสาวจะนำฝ้ายมาทอมือด้วยกี่แบบโบราณ เครื่อง
นุ่งห่มที่ทอจะมีตั้งแต่ เสื้อผ้า ผ้าห่ม ไปจนถึง ผ้าเช็ดตัว ส่วนเครื่อง
ใช้ที่ทอ ก็คือ ตุง หรือ ธงโดยตุงสามารถสะท้อนถึงภูมิปัญญา
วัฒนธรรม คติความเชื่อทางล้านนา และพุทธศาสนา ได้อย่าง
ชัดเจน เนื่องจากตุงถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวยองในการแสดง
ถิ่นฐาน และมากกว่านั้นชาวยองมีความเชื่อว่าในช่วงที่มีชีวิตหากได้
ทอตุงถวายวัด เมื่อเสียชีวิตไปจะได้เกาะชายตุงขึ้นสวรรค์ โดย
ลวดลายของผ้าฝ้ายทอมือในช่วงแรกนี้จะเป็นลวดลายแบบโบราณ
เช่น ลายขัดกันพื้นฐานสองตะกอ ลายเกล็ดเต่าแบบโบราณ ลายดี
และลายดอกแก้ว

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก







ในช่วงก่อนที่ความเจริญรุ่งเรืองจะเข้ามา คุณยายศรี ขาวดา ซึ่ง
เป็นช่างทอผ้าอยู่ที่บ้านหนองเงือกได้เล่าว่า สมัยสาวๆ ต้องเดินทาง
โดยใช้เกวียนรวมถึงต้องเดินเท้าพร้อมกับหาบกระบุงเพื่อไปรับจ้าง
ทอผ้าฝ้ายกับพ่อค้าในตลาดป่าซางโดยคุณยายศรีนำฝ้ายจาก
พ่อค้าใส่กระบุงขนกลับมาที่บ้านหนองเงือก เพื่อทอเป็นผ้าผืน เมื่อ
ถึงเวลาที่นัดหมายก็จะนำผ้าฝ้ายที่ทอเสร็จแล้วเป็นผืนกลับไปส่งให้
พ่อค้าในตลาดป่าซาง ผ้าที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น ได้แก่ ผ้าถุง และผ้า
ผืนที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า ลวดลายของผ้าถุงและผ้าผืนยังคงเป็น
ลวดลายดั้งเดิมตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก







ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 เข้าสู่ยุคที่อำเภอป่าซางมีชื่อเสียงในการ
ทอผ้า ด้วยในสมัยก่อนหากคนจากทางใต้จะเดินทางมาเชียงใหม่จะ
ต้องใช้ถนนซึ่งผ่านอำเภอป่าซางจึงทำให้ป่าซางเจริญรุ่งเรืองอย่าง
รวดเร็ว มีโรงงานทอผ้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก งานหัตถกรรมผ้าทอ
ของป่าซางมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ใครก็ตามที่เดินทางมาเชียงใหม่จะ
ต้องแวะซื้องานหัตถกรรมผ้าทอติดไม้ติดมือไปด้วย ความรุ่งเรือง
ของป่าซางทำให้หมู่บ้านหนองเงือกเป็นหนึ่งหมู่บ้านที่มีการขยายตัว
ของการทอผ้า มีการรับฝ้ายจากอำเภอป่าซางมาทอภายในหมู่บ้าน
ในช่วงเวลานี้ หญิงสาวในหมู่บ้านหนองเงือกที่มีความสามารถใน
การทอผ้า จะทอฝ้ายด้วยมือโดยใช้กี่ทอแบบโบราณในบริเวณใต้ถุน
บ้านเพื่อส่งไปยังอำเภอป่าซาง ลวดลายของฝ้ายทอมือยังคงอัต
ลักษณ์เดิมจากบรรพบุรุษ ด้วยความใส่ใจที่มีในทุกๆ ขั้นตอน และใจ
รักในงานทอผ้า ฝ้ายทอมือของหนองเงือกจึงมีความงดงาม เนื้อผ้า
มีมิติ มีความเรียบความนูน ดูมีชีวิตชีวา ในยุคนี้ผ้าฝ้ายทอมือจะมี
ทั้งแบบผืนที่ใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้า ผ้าถุง และผลิตภัณฑ์จากผ้า
ฝ้าย รวมไปถึงของที่ระลึก

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก




ต่อมาได้มีกา
รตัดถนนสายใหม่ไปยังเชียงใหม่โดยไม่ผ่านอำเภอ

ป่าซางอีกต่อไป ทำให้ป่าซางเข้าสู่ยุคซบเซา และช่วงเดียวกันนี้ก็เป็น

ช่วงเริ่มต้นของนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ทำให้ชาวหนองเงือกบาง
ส่วนหันไปทำงานโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม และมีเพียงบางส่วนที่

ยังคงสืบสานงานฝ้ายทอมือ ทำให้งานหัตถกรรมที่เกิดจาก

ภูมิปัญญาดั้งเดิมเริ่มสูญหายไป ชาวหนองเงือกเริ่มตระหนักถึงการ

อนุรักษ์ภูมิปัญญาฝ้ายทอมือ และในช่วงดังกล่าวสถาบันพัฒนา
องค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.)ได้เข้ามาเห็นความโดดเด่น

ของฝีมือฝ้ายทอมือบ้านหนองเงือก จึงสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่ม
เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฝ้ายทอมือหนองเงือก มี นางชื่นชม สุขร่อง

ช้าง เป็นประธานกลุ่มคนแรกและเป็นมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อที่จะ
รวบรวมชาวหนองเงือกที่มีฝีมือในการทอผ้ากลับสู่หมู่บ้านจะได้คง

ไว้ซึ่งทักษะการทอมือแบบโบราณและลวดลายผ้าที่สั่งสมกันมาเป็น
เวลาหลายร้อยปีให้สืบทอดต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน

ประวัติผ้าฝ้าย

หนองเงือก







ในปัจจุบันบ้านหนองเงือกได้รับคัดเลือกเป็นแกนนำหลักของ
เครือข่ายกลุ่มผ้าทอของจังหวัดลำพูนร่วมกับบ้านดอนหลวง ฝ้าย
ทอมือของหมู่บ้านหนองเหงือกยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิม ชาวหนอง
เงือกได้สืบสานการทอผ้าฝ้ายและกรรมวิธีจากบรรพบุรุษ และ
มากกว่านั้นชาวหนองเงือกมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำลวดลาย
ดั้งเดิมมาประยุกต์ให้ทันยุคทันสมัยโดยการเพิ่มความสลับซับซ้อน
และเล่นสีสันในลวดลาย เช่น ลายเกล็ดเต่าลูกอม ลายเกล็ดเต่าหมู่
ลายเกล็ดเต่าจิ๋ว ลายเกล็ดเต่าตา ลายดอกช้าง ลายดอกนก ลาย
ดอกบัวเครือ ลายดอกขอลายไทย เป็นต้น ลวดลายของฝ้ายทอมือ
บ้านหนองเงือกจึงหลากหลายและทันสมัยอยู่

ลวดลายผ้าฝ้าย

ขั้นตอนการผลิตผ้าฝ้าย



1.เริ่มต้น จากกา
รคัดเลือกฝ้าย โดยการเลือกฝ้ายที่มีลักษณะปุย

สวย นำ มาตากแดด พร้อมกับคัดเลือกสิ่งสกปรก ตัวแมลงและขี้ตา
ฝ้ายออก นำ ดอกฝ้ายมาปั่นเพื่อแยกเอาเมล็ดฝ้ายออกจากปุยฝ้าย
จะทำให้ได้ปุยฝ้ายที่มีลักษณะขนปุยสวยงาม

2. นำ ปุยฝ้ายไปคลึงเป็นก้อนเป็นลูกด้วยไม้พันลูกหยีเพื่อให้ปุยฝ้าย
รวมกันเป็นก้อนติดกับไม้เรียกว่า การกิ๊กลูกหลีจากนั้น นำ ไปสู่ขั้น
ตอนการปั่นฝ้ายจากลูกหลีเพื่อให้ได้เส้นด้าย

3.นำเส้นด้ายที่ปั่นเป็นใยฝ้าย มาม้วนเป็นวงเกลียว เรียกว่า ไจฝ้าย
จากนั้นนำ ไปลงแป้งและทำ การย้อมสีโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติเช่น
สีแดงได้จากเปลือกไม้หรือสีครั่งแล้วนำ ไปตามแดดให้แห้ง

4.นำเส้นด้ายที่ผ่านการย้อมสีแล้ว มากรอด้วยที่ทบฝ้าย พร้อมกับ
การต่อเส้นด้ายที่ผ่านการย้อมสีเป็นเกลียวเพื่อให้สีของเส้นด้ายเป็น
เส้นเดียวกัน พร้อมกับการแยกด้ายเส้นยืนจากด้ายเส้นเดียวที่พัน
อยู่เพื่อให้ได้เส้นด้ายอยู่ด้วยกัน เป็นชุดตามสีและจำนวนเส้นที่
ต้องการ

ขั้นตอนการผลิตผ้าฝ้าย



5.นำ เส้นด้ายเส้น
ยืน ไปประกอบกับ เส้นด้ายอื่น ๆ พร้อมกับการขึง

ด้ายเส้นยืนประกอบกับ โครงของกี่ ร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ฟืม
กระสวย มะลูแล่น สะป้าน เพื่อใช้พันขึงด้ายเส้นยืนในตอนเริ่มต้น
ของการทอผ้าปัจจุบัน ด้ายเส้นใยยืน นิยมใช้ฝ้ายที่ผลิตจากโรงงาน
แทน เนื่องจากมีความเหนียวและขาดยากกว่า ด้ายที่ทอด้วยมือ

6. ทำ การทอผ้าตามลวดลายสีและรูปแบบที่ต้องการโดยช่างทอที่มี
ความชำนาญ

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




ฝ้าย


กระบวนการผลิตผ้าฝ้ายทอมือ เริ่มจากการคัดเลือกฝ้ายที่เหมาะ
สมสำหรับใช้ทอฝ้าย โดยฝ้ายพื้นเมืองมีอยู่2 พันธุ์แบ่งตามลักษณะ
ของปุยฝ้ายคือ พันธุ์ที่ให้ปุยสีขาว ที่พบเห็นอยู่ทั่ว ไป ส่วนอีกพันธุ์
หนึ่ง เป็นพันธุ์ที่ให้ปุยสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าสีขี้ตุ่น หรือสี
ตุ่น พันธุ์หลังเป็นพันธุ์ที่หายาก ปุยที่ให้ก็สั้น ไม่ค่อยฟูเหมือนพันธุ์สี
ขาว และปั่นยากกว่าสีขาว แต่สีตุ่นเป็นสีที่สวยงามตามธรรมชาติ
ชาวบ้านจะเริ่มปลูกฝ้ายกันราวเดือนพฤษภาคม จะเก็บดอกฝ้าย
ราวเดือนพฤศจิกายน ในช่วงที่ดอกแก่เก็บได้ก็ต้องรีบเก็บก่อนที่
ฝ้ายจะร่วงลงพื้น มิฉะนั้น เมื่อปุยฝ้ายสัมผัสกับความสกปรกของ
พื้นดิน อาจจะทำให้ฝ้ายเสียหาย หรือต้องเสียเวลาเก็บสิ่งสกปรกทิ้ง
ฝ้ายที่เก็บแล้ว ต้องเอาออกมาตาก ดูตัวแมลงแล้วคัดเลือกเอาชนิด
ที่ปุยสวยคัดขี้ตาฝ้ายที่เป็นสิ่งสกปรกติดปุยทิ้งไป

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




อีดฝ้าย


อีดฝ้ายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปั่นเอาเมล็ดฝ้ายออกจากปุยฝ้าย
ทำ จากไม้ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเกลียวคล้ายฟันเฟื อง เรียกว่า ปู
อีด มี2อัน ทา หน้าที่ขัดกัน เป็นฟันเฟืองเพื่อให้สามารถหมุนอีดฝ้าย
ได้ส่วนที่ต่อจากฟันเฟือง เรียกว่า แม่เฮืออีด มีไม่ลั้มสอดไว้เพื่อปรับ
ขนาดความกว้างหรือแคบของช่องแม่เฮืออีด ตามขนาดของเมล็ด
ฝ้าย เมื่อผู้ใช้หมุนอีดฝ้าย เมล็ดฝ้ายก็จะถูกคัดออกจากปุยฝ้ายและ
ที่แม่เฮืออีด จะมีผ้ารองรับฝ้ายเพื่อเป็นทางให้ฝ้ายไหลลงสู่ตะกร้ามิ
ให้ไหลออกจากตะกร้า

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




ก๋งและซาลุ่


ก๋ง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการยิงฝ้ายหรือดีดฝ้าย มีรูปร่างลักษณะ
คล้ายคันธนูตัวก๋งทำ ด้วยไม้ไผเหลาให้โค้ง ส่วนสายก๋งทำ ด้วย
หวาย สายก๋งต้องเหลาให้ละเอียดเอาเฉพาะส่วนที่เป็นผิวหวาย เพื่อ
มิให้ฝ้ายติดสายก๋งซึ่งสายก๋งจะต้องมันและลื่นซาลุ่น คือเป็นกระบุง
หรือตะกร้าสานขนาดใหญ่ทา ด้วยไม่ไผ่ตามแบบโบราณใช้ร่วมกับ
ก๋งโดยหลังจากการยิงฝ้ายด้วยก๋งจะวางซาลุ่นนอนตะแคงเอาไว้ซึ่ง
ซาลุ่นต้องยาวได้ขนาดกับก๋ง

ไม้พันลูกหลี

ไม้พันลูกหลีคือไม้ที่ใช้เป็นแกนกลางในการพันหรือคลึงปุยฝ้ายให้
เป็นก้อนติดกับ ไม้ทางล้านนาจะเรียกว่าการกิ๊กลูกหลีซึ่งไม่พันลูก
หลีจะทำ มาจากไม่ไผ่เหลาให้กลม มีลักษณะคล้ายกับไม้ตะเกียบแต่
มีขนาดยาวกว่าตะเกียบ ส่วนแป้นลูกหลีใช้เป็นแป้นรองในการกิ๊กลูก
หลีทำด้วยไม้ หรืออาจจะเอาเก้าอี้รองนั่งมาใช้แทนแป้นลูกหลีก็ได้
เมื่อพันลูกหลีเสร็จหนึ่งลูกก็จะถอดลูกหลีออกจากไม้พันลูกหลีและ
วางลูกหลีเอาไว้แล้วทำ ลูกใหม่ต่อไป

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




กงผัดหลอด


กงผัดหลอดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปั่นฝ้ายจากลูกหลีให้เป็นเส้น
ด้าย เริ่มต้นจากการนำเส้นด้ายที่จะใช้เป็นเส้นเริ่มต้นไปผูก ไว้ใน
ส่วนที่เรียกว่า แหว๋หรือแหวนของเผี๋ยน จากนั้นก็นำ ลูกหลีมาวาง
ทาบใส่เส้นด้ายเริ่มต้น แล้วใช้มือขวาหมุนเผี๋ยนเพื่อให้วงล้อของ
เผี๋ยน หมุน ส่วนมือซ้ายจะใช้ดึงลูกหลีที่วางทาบกับ เส้นด้ายเริ่มต้น
ดังกล่าว ซึ่งการทำ เช่นนี้จะเป็นผลทำ ให้ใยฝ้ายหรือลูกหลีค่อย ๆ
เชื่อมต่อกับ เส้นด้ายเริ่มต้นกลายเป็นเส้นเดียวกัน การดึงลูกหลีจะ
ต้องดึงด้วยน้ำ หนัก มือที่พอดีเพื่อให้ได้เส้นด้ายที่มีขนาดสม่ำเสมอ
ไม่เป็นเส้นใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และเส้นด้ายไม่ขาดในขณะที่ปั่น
ฝ้าย โดยใยฝ้ายที่ถูกปั่นเป็นเส้นแล้วจะถูกหมุนกรอไปอยู่ในส่วนที่
เรียกว่าแหว๋คล้ายกรอด้าย เผี๋ยนจะมีขาตั้งข้างเดียว ทั้งนี้เพื่อให้้เผ
ยี๋นเอียงเข้าหาผู้ปั่นฝ้าย ซึ่งจะทำ ให้ผู้ ปั่นฝ้าย นั่งปั่นฝ้ายได้สบาย
มากขึ้น

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




เปี๋ยและที่ท
บฝ้าย

เปี๋ยเมื่อปั่นฝ้ายจากลูกหลีใส่เข้าไปในแหว๋ของเผี๋ยนเรียบร้อยแล้ว
ฝ้ายจะกลาย เป็นเส้นด้าย จากนั้น จะทำ การถ่ายเส้นด้ายจากแหว๋
มาโค้งใส่ในเป๋ยจนกระทั่งหมดจากแหว๋แล้วทำการถอดเส้นด้ายออก
จากเปี๋ย จะได้เส้นด้ายเป็นวง แล้วปิดม้วนไว้เป็นเกลียว เรียกว่า ไจ
ฝ้ายหรือเข็ดฝ้าย จากนั้นจะนำ ไจฝ้ายไปผ่านกระบวนการย้อมสีต่อ
ไป

ที่ทบฝ้าย มีลักษณะเป็นโครงไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับการทบฝ้ายให้
เป็นม้วน วิธีการใช้เหมือนกับเปี๋ยแต่สามารถม้วนฝ้ายเป็นเกลียวได้
ในปริมาณที่มากกว่า

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




กวงกว๊างแล
ะบ่าก๊วก

กวงกว๊างและบ่าก๊วกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการต่อเส้นด้ายที่ผ่านการ
ย้อมสีแล้วเพื่อให้สีเดียวกัน เป็นเส้นเดียวกัน โดยการนำไจด้ายที่
ย้อมสีแล้วไปสวมคล้องกวงกว๊าง แล้วเอาปลายด้ายข้างหนึ่งไปผูก
ไว้ที่รู้ของบ่าก๊วกแล้วนำ บ่าก๊วกไปใส่แกนหมุนที่เรียกว่า หางเห็น
แล้วนำ มาหมุนบ่าก๊วกเพื่อเป็นการต่อด้วยจากกวงไปสู่บ่าก๊วกเมื่อ
ด้ายหมดจากกวง ด้ายทั้งหมดก็จะไปพันอยู่ที่บ่าก๊วกจากนั้น ก็ถอด
บ่าก๊วกออกจากแกนหมุน หรือหางเห็นวางเอาไว้แล้วทำ ลักษณะ
อย่างเดียวกันนี้สำหรับไจด้ายสีอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งด้ายที่ต่อเป็นเส้น
เดียวกันแล้วส่วนหนึ่งจะมีการถ่ายด้ายจากบ่าก๊วกเข้าสู่หลอดด้าย
โดยใช้เผยี่น เพื่อนำ หลอดด้ายไปใส่ในกระสวยใช้เป็นด้ายเส้นพุ่ง ต่อ
ไป

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




กงผัดหลอด


กงผัดหลอดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปั่นฝ้ายจากลูกหลีให้เป็นเส้น
ด้าย เริ่มต้นจากการนำเส้นด้ายที่จะใช้เป็นเส้นเริ่มต้นไปผูก ไว้ใน
ส่วนที่เรียกว่า แหว๋หรือแหวนของเผี๋ยน จากนั้นก็นำ ลูกหลีมาวาง
ทาบใส่เส้นด้ายเริ่มต้น แล้วใช้มือขวาหมุนเผี๋ยนเพื่อให้วงล้อของ
เผี๋ยน หมุน ส่วนมือซ้ายจะใช้ดึงลูกหลีที่วางทาบกับ เส้นด้ายเริ่มต้น
ดังกล่าว ซึ่งการทำ เช่นนี้จะเป็นผลทำ ให้ใยฝ้ายหรือลูกหลีค่อย ๆ
เชื่อมต่อกับ เส้นด้ายเริ่มต้นกลายเป็นเส้นเดียวกัน การดึงลูกหลีจะ
ต้องดึงด้วยน้ำ หนัก มือที่พอดีเพื่อให้ได้เส้นด้ายที่มีขนาดสม่ำเสมอ
ไม่เป็นเส้นใหญ่หรือเล็กจนเกินไป และเส้นด้ายไม่ขาดในขณะที่ปั่น
ฝ้าย โดยใยฝ้ายที่ถูกปั่นเป็นเส้นแล้วจะถูกหมุนกรอไปอยู่ในส่วนที่
เรียกว่าแหว๋คล้ายกรอด้าย เผี๋ยนจะมีขาตั้งข้างเดียว ทั้งนี้เพื่อให้้เผ
ยี๋นเอียงเข้าหาผู้ปั่นฝ้าย ซึ่งจะทำ ให้ผู้ ปั่นฝ้าย นั่งปั่นฝ้ายได้สบาย
มากขึ้น

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




หลักฮ้วน หร
ือผ่าขอขิ๋นหูก

หลักฮ้วน หรือผ่าขอขิ๋นหูกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้จัดแยกด้ายเส้นยืนจาก
ด้ายเส้นเดียวที่พันอยู่กับบ่าก๊วกให้ด้ายอยู่กัน เป็นชุดตามสีและ
จำนวนเส้นที่ต้องการโดยการดึงเส้นด้ายจากบ่าก๊วกไปขึงบนหลักฮ้
วน จะทำให้ด้ายไขว้ไปมาซึ่งจะต้องดึงด้ายให้ตึงเพื่อมิให้ด้ายไหลมา
รวมกัน จนด้ายหมดจากบ่าก๊วกจากนั้น ทำการถอดด้ายออกจาก
หลักฮ้วนหูกโดยการถอดสลับไปมาแล้วมัดด้ายที่ถอดออกมาให้เป็น
ชุด ๆ ตามที่ได้ฮ้วนวนสลับเอาไว้เมื่อทำ เสร็จแล้วก็จะได้ด้ายเส้นยืน
เพื่อเตรียมขั้นกี่ต่อไป ทั้งนี้หากต้องการเส้นด้ายที่มีขนาดยาว
สามารถขยายความกว้างของหลักฮ้วนด้ายออก เนื่องจากหลักฮ้วน
ด้ายจะมีลิ่มที่สอดไว้ที่หลักเพื่อการปรับความกว้างของหลักฮ้วน
ด้ายไว้

อุปกรณ์การผลิตผ้าฝ้าย




กี่ทอผ้า


กี่ทอผ้าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทอผ้าที่ประกอบด้วยส่วนประกอบ
ต่าง ๆ เช่น ฟืมกระสวย มะลูแล่น สะป้าน ไม้ตีนย่า และส่วนอื่น ๆ
เป็นโครงของกี่เพื่อใช้พัน ขึงฝ้ายเส้นยืนในตอนเริ่มต้นของการทอผ้า
ซึ่งด้ายเส้นยืนในปัจจุบันนี้นิยมใช้ฝ้ายที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม
แทน เนื่องจากมีความเหนียวและขาดยากกว่า ด้ายที่ทอด้วยมือ ซึ่ง
ถ้าขึงไว้นาน ๆ จะทำให้ด้ายเส้นยืนเปื่อย เป็นส่วนหนึ่งของโครงกี่อยู่
ด้านล่างข้างหน้ากี่ที่ใช้พาดด้ายเส้นยืนเข้าสู่ฟืม

ขั้นตอนการทำผ้ามัดย้อม





1.เตรียมอุปกรณ
์ คือ ผ้าสีขาว ยางรัด สีคราม หม้อต้มสี คีมคีบ

เตาถ่านดินเผา น้ำยากันสีตก ถุงมือยางสีดำ
2.เลือกลายของผ้า ตามแบบที่เราต้องการ เช่น วงกลม เส้นตรง
3.พับผ้าตามลายที่เลือก เช่น วงกลมเลือกรัดตรงที่เราต้องการให้

ผ้าเป็นสีขาว เส้นตรง พับแล้วใช้ยางรัด หัว กลาง ท้าย
4.นำผ้าที่จะย้อมชุบน้ำ แล้วบิดให้หมาด
5.นำผ้าที่บิดหมาดแล้ว ใส่ลงไปในหม้อต้มน้ำสีคราม
6.ใช้คีมคีบกดผ้าให้น้ำสีครามท่วมผ้า แล้วรอประมาณ 4-5 นาที
7.ใส่น้ำยากันสีตกเล็กน้อย
8.ใส่ถุงมือยางสีดำ แล้วนำผ้าที่ย้อมสีคราม บิดน้ำสีออก
9.นำผ้าที่บิดน้ำสีออก ลงแช่ในน้ำเปล่า
10.นำผ้าที่แช่ในน้ำเปล่า บิดน้ำออกจนแห้ง
11.แกะยางรัดออก แล้วคลี่ผ้า ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

สินค้าผลิตภัณฑ์







ผ้าฝ้ายทอมือ หน้ากว้าง 1 เมตร และหน้ากว้าง 2 เมตร หรือผ้า
ฝ้ายที่มีการทอตามความต้องการของลูกค้า เหมาะสำหรับการนำ
ไปตัดเย็บ เป็นสินค้าสำเร็จรูปสำหรับใช้ในการตกแต่งบ้าน เช่น ผ้า
ม่าน ผ้าคลุมเตียงผ้าคลุมโต๊ะ หรือนำ ไปตัดเย็บ เป็นผ้าบุนวม
สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์เช่น เก้าอี้โซฟารับแขก เป็นต้น

สินค้าผลิตภัณฑ์







สินค้าในหมวดเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ได้แก่ผ้าคลุมไหล่ผ้าพัน
คอเสื้อพื้นเมือง เสื้อผ้าฝ้ายสำเร็จรูป กระโปรง ผ้าตัดชุดสีธรรมชาติ
ผ้าซิ่นทอพื้นที่มีลายปัก ผ้านุ่งพื้นเมือง กางเกงพื้นเมืองตลอดจน
การผลิตเสื้อพื้นเมืองตามแบบของลูกค้าสำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพ
สตรีและเด็กในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ ประจำ ปีเช่น งานสงกรานต์
หรืองานปีใหม่เมือง งานลอยกระทง หรือการตัดเย็บ ชุดพื้นเมือง
สำหรับนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ เป็นต้น

สินค้าผลิตภัณฑ์






สินค้าที่ตัด เย็บจากผ้าฝ้ายทอมือพื้นเมือง เหมาะสำหรับใช้
ตกแต่งบ้าน เช่น ผ้าม่าน ปลอกหมอน ผ้าคลุมทีวีหมอนพิง ตะกร้า
ผ้า ที่รองนั่ง เป็นต้น

สินค้าผลิตภัณฑ์







สินค้าสำหรับใช้ภายในครัวเรือนและสินค้าที่ระลึกเช่น กล่องใส่
กระดาษทิชชูรองเท้าผ้าเหมาะสำหรับสวมใส่ในบ้าน ผ้าเช็ดมือผ้า
รองแก้วน้ำ กระเป๋าผ้าฝ้าย พรมหน้าเตียง พรมสำหรับปูพื้น
ใหญ่พรมปูพื้นตู้เย็น พรมเช็ดเท้า เป็นต้น

งานแต่งสีอวดลาย
ผ้าฝ้ายดอนหลวง

งานสืบสานตำนาน
ผ้างามหนองเงือก

งานบาติกงาม
พร้อม มัดย้อมงาม
ตา งานผ้ากองงาม


Click to View FlipBook Version