21 มีนาคม
WORLD
FORESTRY
DAY
วนั ปาไมโ้ ลก
ศูนยว ิทยาศาสตรเพือ่ การศึกษายะลา
นทิ รรศการวันสําคญั
วันปาไมโ ลก
ปาไม หมายถึง บริเวณท่ีมีตนไมหลายชนิด ขนาดตาง ๆ ข้ึนอยูอยาง
หนาแนน และกวางใหญพอ ท่ีจะมีอิทธิพลตอสิ่งแวดลอมในบริเวณนั้น
เนื่องจากปาไมเปนแหลงอาหารท่ีสําคัญ ของท้ังคนและสัตว รวมไปถึง
ความสัมพันธ กับส่ิงมีชีวิตทุกชนิด ปจจุบันนี้ปาไมถูกทําลายไปเปนจาํ นวน
มาก กอใหเกิดผลกระทบตาง ๆ ท้ังมนุษยและสัตว เชน ภัยธรรมชาติ
และภาวะเรือนกระจก
บนพนื้ โลกมีปา ไมตาง ๆ มากมายหลายชนิด ซงึ่ แตล ะพน้ื ที่จะมคี วาม
แตกตา งกันไป ขนึ้ อยกู บั สภาพอากาศ และสง่ิ แวดลอมทางธรรมชาติ
สามารถแบง ปาในโลกออกไปหลายชนดิ คอื
1. ปา ศนู ยส ูตร (Equatorial Rainforest)
2. ปา รอนชื้น (Tropical Rain Forest)
3. ปา มรสุม (Monsoon Forest)
4. ปาไมอบอนุ ไมผลดั ใบ (Temperate Rainforest)
5. ปา ไมอ บอุนผลัดใบ (Temperate Deciduous Forest)
6. ปาสน (Needle Leaf Forest)
7. ปาไมเน้อื แข็งไมผลดั ใบ (Evergreen Hardwood Forest)
8. ปา สะวนั นา (Savanna Woodland)
9. ปา หนามและปา พมุ เขตรอ น (Thornbush and Tropical Scrubs)
10. ปา กง่ึ ทะเลทราย (Semidesert Woodland)
11. พชื พรรณในทะเลทราย (Desert Vegetation)
12. ปาในเขตอากาศหนาว (Cold Woodland)
ขอขอบคณุ ขอ้ มูลจาก
thaigoodview.com, un.org
นทิ รรศการวันสําคญั
วนั ปา ไมโ ลก
ปาศนู ยสตู ร (Equatorial Rainforest) เปน ปา ท่ีมตี น ไมสงู ขึน้ เบียดกันหนาแนน แสงแดด
ไมส ามารถสอ งลงมาถงึ พื้นดนิ ได เปนปา ไมทมี่ ใี บกวา งไมผลัดใบ และจะพบไมเลื้อย หรอื
ไมเถาพันหรอื เกาะตามกงิ่ กา นของตน ไมเตม็ ไปหมด
ปาดิบชื้น หรอื ปาฝนเขตรอน (อังกฤษ: tropical rain forest) จัดเปนปา ประเภทไมผ ลดั
ใบ เปน ปาท่ีมีสเี ขียวตลอดทง้ั ป ตน ไมจ ะไมผลัดใบในชวงฤดแู ลง เนอ่ื งจากปรมิ าณนํา้ ฝน
คอ นขา งมาก ตนไมไมม ีความจําเปนตอ งผลัดใบเพ่อื ลดการคายน้าํ ปา ชนิดนม้ี กั จะเรียก
กนั วาปาดงดิบ เปน ปา ที่อยใู นเขตมรสมุ พัดผา นเกือบตลอดทั้งป ขึน้ อยูตามทีร่ าบลมุ
ที่ราบเชิงเขาทีม่ ีระดับความสูงต้ังแต 0-100 เมตรจากระดับนํา้ ทะเลปานกลาง (บางคร้งั
อาจพบอยูสงู ถงึ ระดับ 250 เมตร) และมีปรมิ าณน้าํ ฝนไมน อยกวา 2,000 มม./ป พบ
มากทางภาคใตและแถบจงั หวดั ชายทะเลภาคตะวนั ออก เชน จงั หวัดระยอง จันทบรุ ี
และตราด
นิทรรศการวนั สําคญั
วันปา ไมโ ลก
ปามรสมุ (Monsoon Forest) เปน ปาไมทมี่ ตี น ไมข ึน้ อยหู า งๆ บรเิ วณพ้นื ดินจะมีไมเลก็ ๆ
ขน้ึ แสงแดดสามารถสองผานทะลุไปถึงพื้นดินได ซึง่ มกั จะเปน ไมทผี่ ลัดใบ
ปา ไมอบอนุ ไมผ ลดั ใบ (Temperate Rainforest) เปน ปา ไมใ นเขตอบอุนท่มี ใี บเขยี วตลอดป
มีพันธุไ มนอยชนิด แตล ะชนดิ จะอยรู วมกนั เปนกลุมขนาดและความสงู ของตน ไมเทากบั ปา
ศนู ยสูตร
นิทรรศการวนั สาํ คญั
วนั ปา ไมโลก
ปาไมอ บอนุ ผลดั ใบ (Temperate Deciduous Forest) เปนปา ไมท่ีมีใบเขยี วชอมุ ในฤดู
รอน แตจะผลัดใบในฤดหู นาว ตน ไมมลี ําตน สูงและมีใบขนาดใหญ
ปา สน (Needle Leaf Forest) เปนปา ทีม่ ตี นไมลักษณะลําตนตรง ก่งิ ส้ันใบเล็กกลม
คลายเขม็ เย็บผา มีตนไมขนึ้ เบียดเสยี ดกันอยา งหนาแนน และมใี บเขยี วชอมุ ตลอดป
บริเวณพนื้ ดนิ แทบจะไมม ตี นไมเ ตยี้ ๆ ซงึ่ ตน ไมส ว นใหญเ ปน ไมต ระกูลสนทั้งสิ้น
นทิ รรศการวนั สาํ คัญ
วันปาไมโ ลก
ปา ไมเ น้อื แข็งไมผ ลัดใบ (Evergreen Hardwood Forest) จะมเี ปนตนไมเตี้ยๆ ลําตน
ขนาดเลก็ ใบแขง็ และตน มีกง่ิ ต้งั แตใ กลพน้ื ดิน จนถึงยอด ลกั ษณะคลายกบั ปา ไมผ สมกบั
ปา ละเมาะ (Scrub Forest)
ปา สะวันนา (Savanna Woodland) จะเปน ปาไมท ่มี ีไมข้นึ อยหู า งๆ บริเวณชองวา ง
ระหวางตน ไมใหญๆ จะมีไมพ ุมขนึ้ อยางหนาแนน มีสภาพอากาศคอนขา งแหงแลง
จงึ ทาํ ใหตนไมขึ้นไมหนาแนน
นทิ รรศการวันสาํ คญั
วันปา ไมโลก
ปาหนามและปาพุม เขตรอน (Thornbush and Tropical Scrubs) เปน ปาท่มี ตี นไมท่ีทน
ตอ ความแหงแลง และไมพมุ ซ่ึงพืชเหลานีส้ ามารถทนตอสภาพความแหง แลงทยี่ าวนาน
และมีฤดฝู นสนั้ ๆ ไดด ี สวนปาหนามนน้ั จะเปนไมพมุ ทม่ี หี นาม และจะผลัดใบในชวงท่ี
ขาดแคลนนํ้า
ปากง่ึ ทะเลทราย (Semidesert Woodland) เปนพืชพรรณท่ที นตอความแหงแลง สว น
มากเปนพวกไมพ ุม ตามพื้นดินของปา ชนิดน้ี จะมีวัชพชื หรอื พืชตนเล็ก ๆ ขน้ึ อยูนอยมาก
นิทรรศการวันสาํ คญั
วนั ปา ไมโ ลก
ปาในเขตอากาศหนาว (Cold Woodland) เปนพชื พรรณทพ่ี บไดใ นอากาศแถบขั้วโลก
หรอื เขตอากาศแบบทนุ ดรา ตน ไมท ี่ขนึ้ มขี นาดเล็กมาก ตนเตีย้ ขน้ึ อยหู า ง ๆ สวนใหญจะ
เปนพวกไมพมุ เตี้ย ๆ พนื้ ดนิ เบ้ืองลา งปกคลุมดวยมอสส