The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สรุปเล่ม 7 จว.ออนไลน์ 65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ppolka27, 2022-05-17 11:31:30

รูปเล่ม 7 จว.ออนไลน์ 65

สรุปเล่ม 7 จว.ออนไลน์ 65

คํานํา

กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดําเนินโครงการพัฒนาพื6นทตี9 ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ตามหลักทฤษฎี
ใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที9 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบ
เศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนองนา ประจาํ ปWงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ กลุ่มเปา\ หมาย ได้แก่ ครวั เรอ] น
ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ฯ แกนนําทอ9ี ยูใ่ นชุมชน และนําการพัฒนาให้สอดคล้องกับบรบ@ ทชุมชนและ
นําไปสู่สิ9งทช9ี ุมชนต้องการ จากสถานการณ์ของประเทศไทยในปaจจุบันต้องเผชญิ กับผลกระทบจากวก@ ฤตการ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื6 ไวรสั โคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID – ๑9) ซงึ9 ส่งผลกระทบไปถึงวก@ ฤตทางด้านเศรษฐกิจ
ด้านการสาธารณสุข ด้านคมนาคมและอื9นๆ ส่งผลให้เกิดวก@ ฤตทางสังคมขนาดหนักเกินไปทวั9 จงึ ทาํ ให้ต้อง
ปรบั เปลี9ยนวธ@ กี ารฝTกอบรมโดยใช้ วธ@ กี ารฝTกอบรมแบบทางไกล (Online) ผ่านระบบ Zoom Cloud
Meetings สถาบันการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ดําเนินงาน
โครงการพัฒนาพื6นทตี9 ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
กิจกรรมที9 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง
นา ใชร้ ูปแบบ ออนไลน์ จาํ นวน ๑ รุน่ ๆ ละ ๕ วนั โดยกําหนดให้ดําเนินการฝTกอบรม ระหวา่ งวนั ที9 ๒๕ - ๒๙
ตุลาคม ๒๕๖๔ กลุ่มเป\าหมายจาํ นวน 1๙๖ คน ประกอบด้วย ผู้แทนครวั เรอ] นพัฒนาพื6นที9เรยW นรู้
“โคก หนอง นา” ผู้นําชุมชนของครวั เรอ] นพัฒนาพ6ืนทเี9 รยW นรู้ “โคก หนอง นา” เจา้ หน้าทพ9ี ัฒนาชุมชนอําเภอ
เป\าหมาย บัดนี6ได้ดําเนินการเสรจ็ เรยW บรอ้ ยแล้ว จงึ ได้จดั ทาํ เอกสารรายงานผลการฝTกอบรมเพื9อสรุปผล
การดําเนินงานให้กรมการพัฒนาชุมชนและสถาบันการพัฒนาชุมชนทราบและใชป้ ระโยชน์ในส่วนทีเ9 กี9ยวข้อง
ต่อไป

ศูนยศ์ ึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก
กุมภาพันธ์ ๒๕๖5

สารบัญ หน้า

คํานํา 1
สารบัญ 6
สารบัญตาราง 6
บทสรุปผู้บรห@ าร 6
ส่วนท9ี ๑ บทนํา 6
6
๑. เก9ียวกับโครงการ 7
๑.๑ ความเปน† มาของโครงการ 7
๑.๒. วัตถุประสงค์ ๗
๑.๓. กลุ่มเป\าหมาย ๗
๑.๔. วธ@ กี ารดําเนินงาน ๗
๑.๕. งบประมาณดําเนินการ ๘
๑.๖. ระยะเวลาและสถานทด9ี ําเนินการ 11
๑.7. ผลทค9ี าดวา่ จะได้รบั ๔๔
๑.8. ตัวชว6ี ดั ความสําเรจ็ โครงการ ๖๔
๑.9. ขอบเขตเน6ือหา ๖๕

ส่วนที9 ๒ สรุปสาระสําคัญในภาควช@ าการ/กิจกรรมการฝTกอบรม
ส่วนท9ี 3 การประเมินโครงการ
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรม

1

บทสรุปผู้บรห@ าร

กรมการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายให้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ดําเนินงานโครงการ
พัฒนาพื6นที9ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”
กิจกรรมที9 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง
นา ประจาํ ปWงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีวัตถุประสงค์เพื9อให้เกิดการพัฒนาให้สอดคล้องกับบรบ@ ทชุมชน
และนําไปสู่สิ9งทช9ี ุมชนต้องการ จาํ นวน ๑ รุน่ ๆ ละ ๕ วนั โดยกําหนดให้ดําเนินการฝTกอบรม ระหวา่ งวันที่
๒๕ - ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ กลุ่มเป\าหมายจาํ นวน 1๙๖ คน ประกอบด้วย ผู้แทนครวั เรอ] นพัฒนาพ6ืนทเ9ี รยW นรู้
“โคก หนอง นา” ผู้นําชุมชนของครวั เรอ] นพัฒนาพื6นทเี9 รยW นรู้ “โคก หนอง นา” เจา้ หน้าทพ9ี ัฒนาชุมชนอําเภอ
เปา\ หมาย โดยกําหนดให้ดําเนินการฝTกอบรม ประกอบด้วย ผู้แทนครวั เรอ] นพัฒนาพื6นทเ9ี รยW นรู้ “โคก หนอง
นา” ผู้นําชุมชนของครวั เรอ] นพัฒนาพ6ืนทเ9ี รยW นรู“้ โคก หนอง นา” เจา้ หน้าทพ9ี ัฒนาชุมชนอําเภอเปา\ หมาย จาก
ข้อมูลทวั9 ไปของผู้เข้ารบั การฝTกอบรม จาํ นวน 1๙๖ คน พบว่าผู้เข้ารบั การฝTกอบรมส่วนใหญ่เป†นเพศชาย
จาํ นวน 117 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 53.2 และหญงิ จาํ นวน 79 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 46.8 ส่วนใหญม่ ีอายุ
ระหวา่ ง 50 – 59 ปW จาํ นวน 114 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 43.2 รองลงมาตามลาํ ดับคืออายุระหวา่ ง 40 – 49 ปี
จาํ นวน 91 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 27.3 อายุมากกวา่ 60 ปW จาํ นวน 58 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 17.4 และอายุ
ระหวา่ ง 30 – 39 ปW จาํ นวน 40 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 12 ส่วนใหญ่การศึกษาระดับมัธยมศึกษา จาํ นวน 201
คน คิดเปน† รอ้ ยละ 60.4 รองลงมาระดับปรญ@ ญาตร Wจาํ นวน 89 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 26.7 ระดับประถมศึกษา
จาํ นวน 32 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 9.6 และระดับปรญ@ ญาโท จาํ นวน 11 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 3.3 ตามลาํ ดับ รุน่ ที9
2 จาํ นวนผู้ตอบแบบสอบถาม จาํ นวน 331 คนผู้เข้ารบั การฝTกอบรมส่วนใหญเ่ ปน† เพศชาย จาํ นวน 171 คน
คิดเปน† รอ้ ยละ 51.7 และหญิง จาํ นวน 160 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 48.3 ส่วนใหญ่มีอายุระหวา่ ง 50 – 59 ปW
จาํ นวน 130 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 39.3 รองลงมาตามลาํ ดับคืออายุระหวา่ ง 40 – 49 ปW จาํ นวน 104 คน คิด
เป†นรอ้ ยละ 31.4 อายุมากกวา่ 60 ปW จาํ นวน 51 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 15.4 และอายุระหวา่ ง 30 – 39 ปW
จาํ นวน 46 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 13.9 ส่วนใหญ่การศึกษาระดับมัธยมศึกษา จาํ นวน 176 คน คิดเป†นรอ้ ยละ
53.2 รองลงมาระดับปรญ@ ญาตร W จาํ นวน 93 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 28.1 ระดับประถมศึกษา จาํ นวน 49 คน
คิดเป†นรอ้ ยละ 14.8 และระดับปรญ@ ญาโท จาํ นวน 13 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 3.9 ตามลาํ ดับ จากตารางส่วนท9ี 2
พบวา่ ด้านความคิดเห็นต่อการบรห@ ารโครงการ เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นความคุ้มค่าของการฝTกอบรม
ค่าเฉลี9ย 4.48 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นการอํานวยความสะดวกของเจา้ หน้าทโ9ี ครงการ ค่าเฉลี9ย
4.38 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นการประสานงานของเจา้ หน้าทโ9ี ครงการ ค่าเฉล9ีย 4.29 อยูใ่ นระดับ มาก
ประเด็นเนื6อหาหลักสูตรเป†นปaจจุบันทนั ต่อการเปล9ียนแปลง ค่าเฉลี9ย 4.23 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นความ
เหมาะสม สอดคล้องของเนื6อหาหลักสูตร ค่าเฉล9ีย 4.22 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นระยะเวลาการฝTกอบรม ค่า
เฉลี9ย 4.14 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นการมีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 4.07 อยู่ในระดับ
มาก และประเด็นเอกสารประกอบการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.06 อยู่ในระดับ มาก (รุน่ ท9ี 2) พบวา่ ด้านความคิด
เห็นต่อการบรห@ ารโครงการ เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นความคุ้มค่าของการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.50 อยูใ่ น
ระดับ มากทสี9 ุด รองลงมาประเด็น



การอํานวยความสะดวกของเจา้ หน้าทโ9ี ครงการ ค่าเฉล9ีย 4.39 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นเนื6อหาหลักสูตร
เป†นปaจจุบันทนั ต่อการเปลี9ยนแปลง ค่าเฉลี9ย 4.30 อยูใ่ นระดับมาก ประเด็นการประสานงานของเจา้ หน้าท9ี
โครงการ ค่าเฉล9ีย 4.29 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นความเหมาะสม สอดคล้องของเน6ือหาหลักสูตร ค่าเฉลี9ย
4.27 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นระยะเวลาการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.14 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นการมีส่วน
รว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 4.12 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นเอกสารประกอบการฝTกอบรม ค่า
เฉลี9ย 4.11 อยูใ่ นระดับ มาก ส่วนท9ี 2 . ความรู้ ความเขา้ ใจของผู้เข้าอบรม วช@ าหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงและทฤษฎีใหม่ ความรู้ ความเขา้ ใจ ของผู้เข้ าอบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่ าเฉล9ีย
2.57 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง และหลักการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 3.92 อยูใ่ นระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ เมื9อ
พิจารณาพบวา่ ประเด็นเปน† ประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงาน ค่าเฉล9ีย 4.15 อยูใ่ นระดับ มาก รองลง
มาประเด็นหัวข้อหลักสูตรตรงกับวตั ถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.11 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็น
หัวข้อสามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.08 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นการเปิ ด
โอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิดเห็นระหวา่ งการสอน ค่าเฉล9ีย 3.91 อยูใ่ นระดับ มาก ด้านความรู้ ความ
สามารถของวท@ ยากร เมื9อพิจารณาพบว่าประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเนื6อหาได้
เป†นอยา่ งดี ค่าเฉล9ีย 4.11 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนํา ทเ9ี ปน† ประโยชน์ สามารถนําไป
ปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉลี9ย 4.03 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเ9ี อ6ือต่อการเรยW นรู้ ค่า
เฉล9ีย 3.93 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นตอบขอ้ ซกั ถามได้เป†นอย่างดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 3.83 อยูใ่ นระดับ
มาก และประเด็นตอบขอ้ ซกั ถามได้เป†นอย่างดีและชดั เจนค่าเฉล9ีย 3.74 อยูใ่ นระดับ มาก วช@ าถอดรหัสพระ
มหาชนก ความรู้ ความเข้ าใจ ของผู้เขา้ อบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉลี 9ย 2.82 อยู่ใน
ระดับ ปานกลาง และหลักการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.23 อยู่ในระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ เม9ือพิจารณาพบ
วา่ ประเด็นเปน† ประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงาน ค่าเฉลี9ย 4.47 อยู่ในระดับ มาก รองลงมาประเด็น
สามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.31 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นหัวขอ้ หลักสูตรตรงกับ
วัตถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.26 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการ
แสดงความคิดเห็น ค่าเฉลี9ย 4.17 อยู่ในระดับ มาก ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เมื9อพิจารณาพบ
วา่ ประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเน6ือหาได้เป†นอยา่ งดี ค่าเฉลี9ย 4.33 อยู่ในระดับ
มาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนําทเ9ี ปน† ประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉลี9ย 4.31 อยู่ในระดับ
มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเ9ี อื6อต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉล9ีย 4.26 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นตอบ
ข้อซกั ถามได้เป†นอยา่ งดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 4.20 อยูใ่ นระดับ มาก และประเด็นตอบข้อซกั ถามได้เป†นอย่าง
ดีและชดั เจนค่าเฉล9ีย 4.19 อยูใ่ นระดับ มาก วช@ าถอดบทเรยW นผ่านส9ือ แผ่นดินวก@ ฤติ ความรู้ ความเข้าใจ
ของผู้เข้าอบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 2.41 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง และหลักการฝTก
อบรม ค่าเฉลี9ย 4.27 อยู่ในระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นสามารถนําไปประยุกต์
ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉล9ีย 4.37 อยู่ในระดับ มาก รองลงมาประเด็นเป†นประโยชน์ต่อการนําไปใช้



ในการปฎิบัติงานของทา่ น ค่าเฉล9ีย 4.36 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นหัวขอ้ หลักสูตรตรงกับวตั ถุประสงค์ในการ
จดั ฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.31 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น
ค่าเฉลี9ย 4.27 อยู่ในระดับ มาก ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นถ่ายทอด
ความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเนื6อหาได้เป†นอย่างดีและประเด็นตอบข้อซกั ถามได้เป†นอย่างดีและ
ชดั เจน ค่าเฉลี9ย 4.37 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเี9 อ6ือต่อการเรยW นรู้
ค่าเฉลี9ย 4.30 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นให้คําแนะนําทเ9ี ป†นประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉล่ีย
4.29 อยูใ่ นระดับ มาก และประเด็นมีการเปด@ โอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิดเห็นระหวา่ งการสอน ค่า
เฉลี9ย 4.28 อยู่ในระดับ มาก วช@ าทฤษฎีบันได 9 ขั6น ความรู้ ความเข้าใจ ของผู้เขา้ อบรม ก่อนและหลัง
โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 2.49 อยู่ในระดับ น้อย และหลังการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.19 อยู่ในระดับ
มาก ด้านความพึงพอใจ เมื9อพิจารณาพบว่าประเด็นหัวข้อหัวข้อหลักสูตรตรงกับวัตถุประสงค์ในการจดั ฝTก
อบรม ค่าเฉล9ีย 4.37 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นเป†นประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงานของ
ทา่ นและประเด็นสามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.34 อยู่ในระดับ มาก และประเด็น
ผู้เขา้ อบรมได้มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 4.04 อยู่ในระดับ มาก ด้านความรู้ ความสามารถ
ของวท@ ยากร เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเน6ือหาได้เปน† อยา่ งดี
ค่าเฉลี9ย 4.30 อยู่ในระดับ มาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนําทเ9ี ป†นประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่า
เฉล9ีย 4.29 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเ9ี อื6อต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉล9ีย 4.20 อยู่ใน
ระดับ มาก ประเด็นตอบข้อซกั ถามได้เปน† อย่างดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 4.06 อยู่ในระดับ มาก และประเด็น
ตอบขอ้ ซกั ถามได้เปน† อยา่ งดีและชดั เจน ค่าเฉลี9ย 4.01 อยูใ่ นระดับ มาก วช@ าหลักกสิกรรมธรรมชาติ ความรู้
ความเขา้ ใจ ของผู้เข้าอบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 2.45 อยู่ในระดับน้อย และหลัง
การฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.27 อยู่ในระดับมาก ด้านความพึงพอใจ เมื9อพิจารณาพบวา่ ประเด็นเป†นประโยชน์
ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงานของทา่ น ค่าเฉลี9ย 4.47 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นเป†นสามารถนํา
ไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.46 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นหัวข้อหลักสูตรตรงกับ
วัตถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.44 อยูใ่ นระดับ มาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการ
แสดงความคิดเห็น ค่าเฉลี9ย 4.31 อยูใ่ นระดับมาก ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เม9ือพิจารณาพบ
วา่ ประเด็นให้คําแนะนําทเี9 ปน† ประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉลี9ย 4.43 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมา
ประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เขา้ ใจในเน6ือหาได้เปน† อย่างดี ค่าเฉล9ีย 4.41 อยู่ในระดับมาก
ประเด็นตอบขอ้ ซกั ถามได้เป†นอยา่ งดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 4.37 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ ง
บรรยากาศทเ9ี อ6ือต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉล9ีย 4.30 อยูใ่ นระดับ มาก และประเด็นมีการเปด@ โอกาสให้ซกั ถาม หรอ]
แสดงความคิดเห็นระหวา่ งการสอน ค่าเฉลี9ย 4.26 อยูใ่ นระดับมาก วช@ าถอดบทเรยW นผ่านสื9อ วถ@ ีภูมิปaญญา
ไทยกับการพึ9งตนเอง ความรู้ ความเข้าใจ ของผู้เข้ าอบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่ าเฉลี9ย
2.87 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง และหลังการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.28 อยู่ในระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ
เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นสามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.46 อยูใ่ นระดับมาก



รองลงมาประเด็นเป†นประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงานของท่าน ค่าเฉลี9ย 4.44 อยู่ในระดับมาก
ประเด็นหัวข้อหลักสูตรตรงกับวัตถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.37 อยู่ในระดับ มาก และประเด็น
ผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉลี9ย 4.15 อยูใ่ นระดับ มาก ด้านความรู้ ความสามารถ
ของวท@ ยากร เมื9อพิจารณาพบวา่ ประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเนื6อหาได้เปน† อย่างดี
ค่าเฉลี9ย 4.39 อยู่ในระดับ มาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนําทเ9ี ปน† ประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่า
เฉลี9ย 4.38 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเ9ี อื6อต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉล9ีย 4.28 อยูใ่ น
ระดับ มาก ประเด็นตอบขอ้ ซกั ถามได้เปน† อย่างดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 4.21 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นมี
การเปด@ โอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิดเห็นระหวา่ งการสอน ค่าเฉล9ีย 4.20 อยูใ่ นระดับ มาก วช@ าฐาน
การเรยW นรู้ (ฐานฅนรกั ษ์สุ ขภาพ , ฐานฅนมีน–ายา , ฐานฅนหัวเห็ ด , ฐานฅนรกั ษ์แม่ ธรณี , ฐานฅนเอาถ่าน)
ความรู้ ความเข้าใจ ของผู้เขา้ อบรม ก่อนและหลัง โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 2.82 อยูใ่ นระดับ ปาน
กลาง และหลังการฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.35 อยูใ่ นระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ เมื9อพิจารณาพบวา่ ประเด็น
เป†นประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงานของทา่ น ค่าเฉลี9ย 4.44 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็น
สามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉลี9ย 4.37 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นหัวข้อหลักสูตรตรง
กับวัตถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.36 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มใน
การแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 4.31 อยู่ในระดับ มาก ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เม9ือพิจารณา
พบว่าประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจในเนื6อหาได้เป†นอย่างดี ค่าเฉลี9ย 4.42 อยู่ใน
ระดับ มาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนําทเ9ี ป†นประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉล9ีย 4.41 อยูใ่ น
ระดับมาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเ9ี อ6ือต่อการเรยW นรู้ และประเด็นตอบข้อซกั ถามได้เป†นอยา่ ง
ดีและชดั เจน ค่าเฉล9ีย 4.39 อยู่ในระดับ มาก และประเด็นมีการเปด@ โอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิด
เห็นระหวา่ งการสอน ค่าเฉล9ีย 4.33 อยู่ในระดับ มาก วช@ าหลักการออกแบบและการออกแบบโคกหนองนา
เบือ้ งต้นและ Work Shop การออกแบบพื6นที9 ความรู้ ความเข้าใจ ของผู ้เข้าอบรม ก่อนและหลัง โดยก่อน
การฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 2.75 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง และหลังการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.10 อยู่ในระดับ มาก
ด้านความพึงพอใจ เมื9อพิจารณาพบว่าประเด็นเป†นประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงานของท่าน ค่า
เฉลี9ย 4.41 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นสามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้ ค่าเฉล9ีย 4.34
อยู่ในระดับ มาก ประเด็นหัวข้อหลักสูตรตรงกับวตั ถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.27 อยูใ่ นระดับ
มาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 4.15 อยูใ่ นระดับ มาก ด้าน
ความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เมื9อพิจารณาพบว่าประเด็นให้คําแนะนําทเี9 ป†นประโยชน์ สามารถนําไป
ปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉล9ีย 4.35 อยูใ่ นระดับ มาก รองลงมาประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จนทาํ ให้เข้าใจ
ในเน6ือหาได้เปน† อย่างดี ค่าเฉล9ีย 4.31 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นตอบข้อซกั ถามได้เปน† อยา่ งดีและชดั เจน ค่า
เฉล9ีย 4.24 อยู่ในระดับ มาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศทเี9 อื6อต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉลี9ย 4.21 อยูใ่ น
ระดับมาก และประเด็นมีการเปด@ โอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิดเห็นระหวา่ งการสอน ค่าเฉล9ีย 4.13
อยูใ่ นระดับ มาก วช@ า พัฒนา 3 ขุมพลัง “กาย ใจ ปaญญา” ความรู้ ความเขา้ ใจ ของผู้เขา้ อบรม ก่อนและหลัง
โดยก่อนการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 2.45 อยู่ในระดับ ปานกลาง และหลังการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.09 อยูใ่ น
ระดับ มาก ด้านความพึงพอใจ เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นเป†นประโยชน์ต่อการนําไปใชใ้ นการปฎิบัติงาน



ของทา่ น ค่าเฉลี9ย 4.17 อยู่ในระดับมาก รองลงมาประเด็นสามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชวี ต@ ได้
ค่าเฉล9ีย 4.11 อยูใ่ นระดับมาก ประเด็นหัวขอ้ หลักสูตรตรงกับวตั ถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม ค่าเฉล9ีย 4.13
อยูใ่ นระดับมาก และประเด็นผู้เข้าอบรมได้มีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย 3.92 อยู่ในระดับ
มาก ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร เม9ือพิจารณาพบวา่ ประเด็นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์จน
ทาํ ให้เข้าใจในเนื6อหาได้เป†นอย่างดี ค่าเฉลี9ย 4.12 อยู่ในระดับมาก รองลงมาประเด็นให้คําแนะนําทเี9 ป็ น
ประโยชน์ สามารถนําไปปฏิบัติได้จรง@ ค่าเฉลี9ย 4.10 อยู่ในระดับมาก ประเด็นมีเทคนิคการสรา้ งบรรยากาศท่ี
เอ6ือต่อการเรยW นรู้ ค่าเฉลี9ย 4.08 อยูใ่ นระดับมาก ประเด็นตอบขอ้ ซกั ถามได้เป†นอย่างดีและชดั เจน ค่าเฉลี9ย
3.93 อยู่ในระดับมาก และประเด็นมีการเป@ดโอกาสให้ซกั ถาม หรอ] แสดงความคิดเห็นระหว่างการสอน
ค่าเฉลี9ย 3.92 อยูใ่ นระดับมาก

...............................................................................................................



ส่วนท9ี ๑

ส่วนนํา

๑.เก9ียวกับโครงการ
1.1 ความเปน† มา

ยุทธศาสตรช์ าติ ๒๐ ปW (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไทยให้บรรลุวส@ ัย
ทศั น์ “ประเทศมีความมั9นคง มั9งคั9ง ยัง9 ยืน เปน† ประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง” เป†นการพัฒนาให้ประชาชนคนไทยมีคุณภาพชวี ต@ ทีด9 ี มีความสุข สรา้ งพื6นฐานการพึ9ง
ตนเองลดความเหลื9อมล–าในระดับครวั เรอ] น ชุมชน และส่งผลให้ประเทศมีความเข้มแข็ง ในการใชค้ วาม
สามารถบรห@ ารจัดการชีวต@ และบรห@ ารจัดการชุมชน ส่งเสรม@ การสรา้ งรายได้ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
ส่งเสรม@ ความเสมอภาคและ เป†นธรรม ในสถานการณ์ปจa จุบัน สังคมไทยประสบปญa หาภาวะหน6ีสินครวั เรอ] น
สูงขึน6 และจากสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ6ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) ส่งผลกระทบ
ต่อสุขภาพประชาชน สภาพเศรษฐกิจและสังคมอยา่ งรุนแรง ผู้ประกอบการจาํ นวนมากได้รบั ผลกระทบต้อง
ป@ดกิจการ ส่งผลให้มีคนตกงานเป†นจาํ นวนมาก ผลกระทบเป†นลูกโซ่สรา้ งความรุนแรงในทุกภาคส่วน
ทงั6 เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป†นการน้อมนําแนวพระราชดํารสั ในพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปสู่การปฏิบัติ เพื9อการพัฒนาทสี9 มดุล
เป†นธรรมและมีภูมิคุ้มกัน กับผลกระทบการเปลี9ยนแปลงทั6งจากภายในชุมชน ประเทศและภายนอกจาก
สังคมโลก ทจ9ี ะส่งผลต่อครอบครวั การเตรยW มความพรอ้ มแต่ละครวั เรอ] นให้ได้รบั การพัฒนา อย่างบูรณาการ
ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตรพ์ ระราชา โดยสอดคล้องกับภูมิสังคมทแี9 ต่ละพื6นทม9ี ีความแตกต่าง
กันของปaจจัยพื6นฐาน ด้านศักยภาพ วถ@ ีชีวต@ วัฒนธรรม ผสมผสานกับภูมิปaญญาพื6นบ้านได้อย่าง
สอดคล้องกัน

กรมการพัฒนาชุมชน ตระหนักถึงปaญหาดังกล่าว และมีความแน่วแน่ในการเดินตามรอย

พระยุคลบาท สืบสาน รกั ษา ต่อยอด ด้วยเชอื9 มั9นวา่ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป†นหนทางเดียวทจี9 ะทาํ ให้
ประเทศชาติรอดพ้นวก@ ฤตและภัยพิบัติทงั6 หลาย เกิดการพัฒนาทย9ี ั9งยนื จงึ ได้จดั ทาํ โครงการพัฒนาหมู่บ้าน
เศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมที9 ๑ สรา้ งและพัฒนากลไกขับเคล9ือนในระดับพ6ืนที9 กิจกรรมท9ี ๑.๑ อบรมแกนนํา

ขับเคล9ือนหมู่บา้ นเศรษฐกิจพอเพียง ขึน6

๑.๒. วตั ถุประสงค์
เพื9อให้ผู้อบรมมีความรูแ้ ละทักษะจากการฝTกอบรมฯ และนําการพัฒนาให้สอดคล้องกับ

บรบ@ ทชุมชนและนําไปสู่สิ9งทชี9 ุมชนต้องการ
๑.๓. เป\าหมาย
กลุ่มเปา\ หมายจากจงั หวัดยโสธร รอ้ ยเอ็ด มุกดาหาร ชยั ภูมิ นครพนม เพชรบูรณ์ และ

นครสวรรค์ จาํ นวน 19๖ คน ประกอบด้วย

๓.๑ ผู้แทนครวั เรอ] นพัฒนาพ6ืนทเ9ี รยW นรู้ “โคก หนอง นา” ทส9ี มัครใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการ

พัฒนาศูนยเ์ รยW นรูเ้ ศรษฐกิจพอเพียง
๓.๒ ผู้นําชุมชนของครวั เรอ] นพัฒนาพื6นทเี9 รยW นรู้ “โคก หนอง นา” ทเ9ี ข้ารว่ มกิจกรรม

การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
๓.๓ เจา้ หน้าทพ9ี ัฒนาชุมชนอําเภอเป\าหมาย





























๒๑

วช@ า ถอดบทเรยW นผ่านสื9อแผ่นดินไทย ตอน “แผ่นดินวก@ ฤติ
วท@ ยากร นางสาวภัทธญิ า ติกจนิ นักทรพั ยากรบุคคล
วตั ถุประสงค์

1) เพ9ือให้ผู้เข้าอบรมได้ชมสื9อเพื9อสรา้ งแรงบันดาลใจ
2) เพ9ือสรา้ งแรงบันดาลใจและตระหนักในการทาํ หลักกสิกรรมธรรมชาติ
ระยะเวลา จาํ นวน 1 ชวั9 โมง (15.30-16.30 น)
ประเด็นเน6ือหาวช@ า
1) ความสําคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ
2) ผลกระทบจากระบบทนุ นิยม
3) ทางออกของปaญหาคือปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
เทคนิค/วธ@ กี าร
1) วท@ ยากรแนะนําตัวแก่ผู้เข้าอบรม ทกั ทาย
2) วท@ ยกรเกรน9 @ นําความสําคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ

1. ชมส9ือวด@ ีทศั น์ แผ่นดินวก@ ฤติ
2. บรรยายเพิ9มเติม แลกเปลี9ยนสิ9งทไ9ี ด้จากการชมส9ือ
3. ตอบข้อซกั ถาม
วสั ดุ/อุปกรณ์
1) สื9อวดW ีทศั น์ “แผนดินวก@ ฤต”
2) เครอ9 ] งคอมพิวเตอร์ เครอ9 ] งฉายและจอภาพ เข้าระบบ Zoom Cloud Meetings
สรุปผลการดําเนินการและผลการเรยW นรู้
วท@ ยากรแนะนําตัวแก่ผู้เขา้ อบรม และพูดคุยสรา้ งบรรยากาศให้เกิดความเปน† กันเอง หลังจากนั6นได้
นําเข้าสู่บทเรยW นด้วยการ นําเสนอความสําคัญของทรพั ยากรธรรมชาติ การทาํ ธรุ กิจรูปแบบทนุ นิยม
ซงึ9 นํามาซงึ9 การทาํ ลายทรพั ยากรธรรมชาติอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อภัยพิบัติที9เกิดขึ6นทั9วโลก
และกระทบต่อวถ@ ีชวี ต@ การ ดํารงชวี ต@ ของมนษุ ยชาติ จากนั6นนําชมสื9อ แผ่นดินวก@ ฤติ
จากการชมสื9อวด@ ิทศั น์ มีการแลกเปลี9ยนความคิดเห็นจากผู้เข้าอบรมถึงสิ9งทไี9 ด้จากการชมสื9อ ส่วน
ใหญ่มี ความคิดไปในทศิ ทางเดียวกัน คือเราควรต้องหันกลับมา ให้ความสนใจรากเหงา้ ของเรา ใส่ใจ
ธรรมชาติ เรยW นรูว้ ถ@ ีชวี ต@ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ดร.เสร ี พงศ์พิศ กล่าววา่ ต้องจดั ระบบ
เศรษฐกิจทอ้ งถิ9นเพื9อให้พึ9งตนเองได้ซงึ9 ร.9 ทรงสอนให้ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพียง
1) หลักศีลธรรม อะไรถูก ผิด ต้องแยกให้ออก
2) คืนสู่รากเหงา้ (ปู ยา่ ตา ยาย ) ทา่ นอยูก่ ันอย่างไร ดําเนินชวี ต@ อย่างไร กลับไปค้นหาอดีต
3) กลับไปหาพ6ืนฐาน Back to basic ฐานของชวี ต@ จรง@ ๆ คือ ความเรยW บงา่ ย ไม่ฟุมเฟ]อย เอาเฉพาะ
สิ9งจาํ เปน† สําหรบั การดํารงชวี ต@
4) คืนสู่ธรรมชาติ ดูแลธรรมชาติ เราต้องถอยไปตั6งหลัก และดําเนินชวี ต@ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ
พอเพียง ดร.วว@ ฒั น์ ศัลยกําธร กล่าววา่ ต้อวงมีความรู้ และมีคุณธรรม ซงึ9 จะชว่ ยปกป\องตัวเอง ปกปอ\ งโลก
ต้อง ปลูกธรรมมะ เสียละ แบง่ ปaน ฝTกการให้เรม9 @ จากให้เล็กๆ แบ่งปนa ความรู้ แบ่งปaนอาหาร แบง่ ปนa ของใช้

๒๒

แบง่ ปนa น–าใจ ผลการเรยW นรูข้ องผู้เข้ารว่ มการอบรม : เม9ือทนุ นิยมเติบโตอยา่ งไรข้ อบเขต ความโลภครอบงาํ
โลกไปทกุ หัวระแหงมนษุ ย์ตักตวงเอา ความรา- รวยจากโลกเกินพอดี จงึ เกิดภาวะวก@ ฤติขึน6 ทวั9 แผ่นดินโลก รวม
ถึงแผ่นดินไทย ท9ี ประสบภัย พิบัติทเี9 กิดขนึ6 ส่งผลให้เกิดวก@ ฤติทางด้านสิ9งแวดล้อม วก@ ฤติด้านสังคม วก@ ฤติ
ด้านเศรษฐกิจ และ วก@ ฤติ ด้านการเมือง หนทางใดทจี9 ะแก้วก@ ฤติแผ่นดิน ภัยพิบัติของธรรมชาติทเ9ี กิดขนึ6 จาก
สภาพดิน ฟ\า อากาศ การทาํ การเกษตรขาดทนุ ขาดแคลน น–า พ6ืนทแ9ี ห้งแล้งไม่มีทที9 าํ กิน และภาวะ
ขาดแคลนส่งผลให้แรงงานจากชนบท เดินทางสู่เมืองหลวงเพ9ือ หางานทาํ แย่งชงิ การทาํ งาน อาหารเพ9ือความ
อยู่รอด แรงงานจากชนบทเปน† เพียงเป†น แรงงานรบั จา้ ง ทนุ มนษุ ย์ของนายจา้ ง แรงงานชนบทไรภ้ ูมิคุ้มกัน
ของสังคม ขาดความมั9นคงในชวี ต@ จนกลายเป†นภาวะของความยากจนทแี9 ทจ้ รง@ วก@ ฤติด้านเศรษฐกิจ ส่งผล
ให้โรงงานขนาดใหญ่ ทม9ี ีแรงงานกวา่ 4,000 คน ต้อง ป@ดโรงงาน แรงงานกวา่ 4,000 คน ต้องตกงาน
แรงงานผู้หญงิ ทส9ี ูงอายุไม่สามารถไปหางานทาํ ทอ9ี ื9นได้ แรงงานไม่ได้รบั เงน@ ชดเชยรายได้ ขาดความมั9นคงใน
ชวี ต@ หนทางทจี9 ะแก้วก@ ฤติแผ่นดิน คือ ยดึ การดําเนินชวี ต@ ตามแนว หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

วช@ า “ทฤษฎีบันได 9 ขั6นสู่ความพอเพียง”
วท@ ยากร นายสุนทร แววมะบุตร ตําแหนง่ วท@ ยากรเครอ] ขา่ ยมูลนิธกิ สิกรรมธรรมชาติ
วตั ถุประสงค์ เพ9ือสรา้ งความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้เข้าอบรมถึง “ทฤษฎีบันได 9 ขั6น สู่ความพอเพียง”
ระยะเวลา 3 ชวั9 โมง
ประเด็นเนื6อหาวช@ า

1) ความสําคัญการน้อมนําปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใชใ้ นการดําเนินชวี ต@
2.) ทฤษฎีบันได 9 ขั6น สู่ความพอเพียง 3) แนวทางปฏิบัติตามทฤษฎีบันได 9 ขั6น สู่ความ
พอเพียง
เทคนิค/วธ@ กี ําร
1) วท@ ยากรแนะนําตัวแก่ผู้เข้าอบรม ทกั ทาย
2) วท@ ยากรบรรยายให้ความรูใ้ นหัวขอ้ ดังนี6

1. ความสําคัญการน้อมนําปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปใชใ้ นการดําเนินชวี ต@
2. ทฤษฎีบันได 9 ขัน6 สู่ความพอเพียง
3. แนวทางปฏิบัติตามทฤษฎีบันได 9 ขั6น สู่ความพอเพียง
3) บรรยายประกอบสื9อวดW ีทศั น์
4.) ตอบข้อซกั ถาม
วสั ดุ/อุปกรณ์
1). ส9ือวดW ีทศั น์ ประกอบการบรรยายผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings
2). ส9ือบรรยายประกอบ Power Point
สรุปผลการดําเนินการและผลการเรยW นรู้ วท@ ยากรแนะนําตัวแก่ผู้เข้าอบรม และพูดคุยสรา้ ง
บรรยากาศให้เกิดความเป†นกันเอง หลังจากนั6นได้ นําเขา้ สู่บทเรยW นด้วยการ นําเสนอ ความสําคัญ
ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ทีพ9 ระบาทสมเด็จพระชนกาธเิ บศรบรมนาถบพิธ ภูมิพลอดุลยเดช
ในหลวง รชั กาลที9 9 ทไ9ี ด้ทรงประทานให้ปวงชนชาวไทยได้ใชเ้ ปน† หลัก เป†นแนวทางในการดําเนินชวี ต@
เพ9ือให้ชวี ต@ มีความเป†นอยู่ทด9ี ีแบบพอเพียง และบรรยาย ทฤษฎีบันได 9 ขัน6 สู่ความ พอเพียง ซงึ9 มี
เน6ือหา ดังน6ี

๒๓

ทฤษฎีบันได 9 ขัน6 สู่ความพอเพียง เป†นแนวทางทใี9 ชล้ าํ ดับขัน6 เพ9ือเดินตามไปทลี ะขัน6 ค่อยๆ ก้าวไป
แบบยัง9 ยนื และ มั9นคง ซงึ9 หากใครทาํ ตามได้ รบั รองวา่ ไม่มีจนแน่นอน โดยแต่ละขัน6 จะมีดังน6ี
บันไดขัน6 ท9ี 1-4 คือ เศรษฐกิจพอเพียงขัน6 พ6ืนฐาน ขั6นที9 1 พอกิน พื6นฐานทส9ี ุดของมนษุ ย์ คือ ความ
ต้องการปจa จยั 4 และประการสําคัญทส9ี ุดของปจa จยั 4 คือ อาหาร ขั6นท9ี 1 ของแนวทางแก้ปญa หาที่
ยั9งยนื คือ ตอบคําถามให้ได้วา่ “ทาํ อย่างไรจงึ จะพอกิน” โดยให้ความสําคัญกับ ข้าวปลาอาหาร ไม่ให้
ความสําคัญกับเงน@ ซงึ9 เป†นเพียงแค่ “ตัวกลาง” ในการแลกเปลี9ยนตํามมาตรฐานสากล โดยยึด
หลักวา่ “เงน@ ทองเปน† ของมายา ขา้ วปลาสิของจรง@ ” เกษตรกรต้องเรม9 @ จากการอยูใ่ ห้ได้โดยไม่ใชเ้ งน@
มีอาหารพอมีพอกิน ด้วยการปลูกพืชผัก ผลไม้ ให้พอกิน ชาวนาต้องเก็บข้าวไวใ้ ห้เพียงพอสําหรบั
การมีกินทงั6 ปW ไม่ขายข้าวเปลือกเพ9ือนํา เงน@ ไปซอ6ื ขา้ วสารนอกจากนั6น หัวใจสําคัญของ “พอกิน” ยังมี
ความหมายรวมไปถึงความปลอดภัยในอาหาร กินอย่างไรให้มีสุขภาพดี ไม่สะสมเอาความเจบ็ ไข้ได้
ปวยไวใ้ นรา่ งกาย น9ีคือความหมายของบันไดขั6นท9ี ๑ ทเี9 กษตรกร ต้องก้าวข้ามให้ได้ ขัน6 ที9 2-4 พอใช้
พออยู่ พอรม่ เย็น เกิดขนึ6 ได้พรอ้ มกัน ด้วยคําตอบเดียวคือ “ปลูกปา 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ซงึ9
ปา 3 อยา่ งจะให้ทงั6 อาหาร เครอ9 ] งนงุ่ ห่ม สมุนไพรสําหรบั รกั ษาโรค ทงั6 โรคคน โรคพืช โรคสัตว์ ให้ไม้
สําหรบั ทาํ บ้านพักทอ9ี ยูอ่ าศัย และให้ความรม่ เย็นกับบา้ น กับชุมชน กับโลกใบนี6 ซงึ9 เป†นแนวทางใน
การแก้ปaญหาความยากจนของเกษตรกรไทย ซงึ9 ได้รบั การ พิสูจน์แล้วว่าสามารถแก้ปaญหาได้จรง@
และยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขปaญหาหนี6สินซงึ9 สะสมพอกพูนจากการทาํ เกษตรเชงิ เดี9ยว ปaญหา
ความเส9ือมโทรมของทรพั ยากรปญa หาความขาดแคลนนําภัยแล้ง ทงั6 หมดล้วนแก้ไขได้จาก แนวคิด
ปา 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อยา่ งขององค์พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวฯ บันไดขัน6 ท9ี 5-9 เศรษฐกิจพอ
เพียงขั6นก้าวหน้า ขั6นที9 5-6 บุญและทาน เครอ] ข่ายเศรษฐกิจพอเพียง เชอ9ื มั9นวา่ สังคมไทยเปน† สังคม
บุญ สังคมทาน ไม่เน้นการแลกเปลี9ยนทางการค้า แต่เน้นการทาํ บุญ ไม่เน้นการสะสมเปน† ของส่วน
ตัว แต่เน้นการให้ทานและสะสมโดยมอบให้เป†นทรพั ย์สินส่วนรวม โดยวัด หรอ] ศาสนสถานตาม
แต่ละศาสนาเปน† ศูนย์กลางเป†นการฝTกจติ ใจ ให้ละซงึ9 ความโลภ และกิเลสในการ อยากได้ใครม่ ีลด
ปญa หาชอ่ งวา่ งระหวา่ งชนชนั6 ตามความหมายอันลึกซงึ6 ของคํา “ยิง9 ทาํ ยงิ9 ได้ยงิ9 ให้ยิง9 มี” การให้ไป คือ
ได้มาและเชอ9ื มั9นในฤทธขิ° องทานวา่ ทานมีฤทธจิ° รง@ และจะส่งผลกลับมาเป†นเพ9ือน เปน† กัลยาณมิตร
เปน† เครอ] ขา่ ยทชี9 ว่ ยเหลือกันในทกุ สถานการณ์ แม้ในวนั ทโ9ี ลกนี6ประสบกับวก@ ฤตการณ์ ขัน6 ท9ี 7 เก็บ
รกั ษา ขัน6 ต่อไปหลังจากสามารถพึ9งตนเองได้ พอมี พอเหลือทาํ บุญ ทาํ ทานแล้ว คือการรูจ้ กั เก็บ
รกั ษา ซงึ9 เป†นการตั6งอยูใ่ นความไม่ประมาท และการรูจ้ กั เก็บรกั ษา ยังเปน† การสรา้ งรากฐานของการ
เอาตัวรอดในเวลาเกิดวก@ ฤตการณ์ โดยยึดแนวทางตามวถ@ ีชวี ต@ ชาวนาสมัยก่อนซงึ9 เก็บรกั ษาขา้ วไวใ้ น
ยุง้ ฉางเพ9ือ ให้พอมีกินขา้ มปW คัดเลือกและเก็บรกั ษา “ขา้ วพันธ”ุ์ ไวส้ ําหรบั เปน† พันธขุ์ า้ วในปตW ่อไป ซงึ9
ผิดกับวถ@ ีชาวนาในปจa จุบันทใี9 ชว้ ธ@ กี ารขาย ข้าวทงั6 หมด แล้วนําเงน@ ทขี9 ายได้ไปซอ6ื พันธขุ์ า้ วเพ9ือปลูกใน
ปWต่อไป ส่งผลให้เกิดการขาดความมั9นคงและ เปรยW บเสมือนการใชช้ วี ต@ อยู่บนเส้นทางสาย ความ
ประมาท เพราะหากเกิดภัยแล้ง น–าทว่ ม ผลผลิตไม่ได้ตามทตี9 ั6งใจไวย้ ่อมหมายถึงปaญหาหนี6สินและ
การขาดแคลนพันธขุ์ ้าวสําหรบั ปลูกในปWต่อไป นอกจากเก็บพันธขุ์ า้ วแล้ว ยังเน้นให้รูจ้ กั วธ@ กี ารถนอม
อาหาร การสะสม อาหารไวก้ ินในยามหน้าแล้ง ด้วยการแปรรูปอาหารหลากชนิด อาทิ ปลารา้ ปลา
แห้ง มะขามเปWยก พรก@ แห้ง หอม กระเทยี ม เพื9อเก็บไวก้ ินในอนาคต

๒๔

ขั6นที9 8 ขาย เนื9องจากเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใชเ่ ศรษฐกิจการค้า แต่ก็ไม่ใชเ่ ศรษฐกิจหลังเขา การ
ค้าขายสามารถทาํ ได้แต่ทาํ ภายใต้การรูจ้ กั ตนเอง รูจ้ กั พอประมาณ และทาํ ไปตามลาํ ดับ โดยของที่
ขาย คือ ของทเี9 หลือจากทกุ ขัน6 แล้วจงึ นํามาขาย เชน่ ทาํ นาอินทรยW ์ ปลูกข้าวปลอดสารเคมี ไม่ทาํ ลาย
ธรรมชาติ ได้ผลผลิตเก็บไวพ้ อกิน เก็บไวท้ าํ พันธุ์ ทาํ บุญ ทาํ ทาน แล้วจงึ นํามาขายด้วยความรูส้ ึกของ
การ “ให้” อยากทจ9ี ะให้สิ9งดีๆ ทเ9ี ราปลูกเอง เผ9ือแผ่ให้กับคนอื9น ๆ ได้รบั สิ9งดี ๆ นั6น ๆ ด้วยการ
ค้าขายตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง จงึ เป†นการค้าทม9ี องกลับด้าน “เพราะรกั คุณ จงึ อยากให้คุณ
ได้รบั ในสิ9งดีๆ” พอเพียงเพื9ออุ้มชู เผื9อแผ่ แบ่งปaน ไปด้วยกัน
ขัน6 ท9ี 9 เครอ] ข่าย กองกําลังเกษตรโยธนิ คือการสรา้ งกองกําลังเกษตรโยธนิ หรอ] การสรา้ งเครอ] ข่าย
เชอ9ื มโยงทงั6 ประเทศ เพื9อขยายผลความสําเรจ็ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิวตั ิแนวคิด
และวถ@ ีการดําเนินชวี ต@ ของคนในสังคมในชุมชน เพื9อการแก้ปaญหาวก@ ฤติ 4 ประการ อันได้แก่
วก@ ฤตการณ์สิ9งแวดล้อมภัยธรรมชาติวก@ ฤติการณ์โรคระบาดทงั6 ในคน สัตว์ พืช วก@ ฤตเศรษฐกิจ ข้าว
ยากหมากแพง วก@ ฤตความขัดแย้งทางสังคมเครอ] ขา่ ยกสิกรรมธรรมชาติ มูลนิธกิ สิกรรมธรรมชาติได้
น้อมนําศาสตรพ์ ระราชามาสู่การปฏิบัติ ในระยะเวลากวา่ ๓๐ ปทW ผี9 ่านจนได้ผลจรง@ ในการปฏิบัติเพื9อ
แก้ไขปญa หาทงั6 ด้านดิน น–า ปา และคน จนพัฒนาเปน† หลักการ แนวปฏิบัติตามศาสตรพ์ ระราชา
อยา่ งเป†นขั6นเปน† ตอนเรยW กวา่ “ทฤษฎีบันได ๙ ขัน6 สู่ความพอเพียง มั9งคั9ง ยั9งยนื ”
สรุปผลการเรยW นรู้ จากการสังเกตพบวา่ ผู้เขา้ อบรมมีความกระตือรอ] รน้ ในการเข้ารว่ มกิจกรรมเป†น
อยา่ งดี ให้ความรว่ มมือในการทาํ กิจกรรมอย่างพรอ้ มเพรยW ง ตั6งใจเรยW นรูข้ อ้ มูล มีการซกั ถาม และ
แลกเปลี9ยนข้อมูลเกี9ยวกับ การใชว้ ธ@ กี าร หรอ] แนวทางเก9ียวกับทฤษฎีบันได 9 ขัน6 ในขั6นตอนทงั6 9
ขัน6 ตอน จากการทวี9 ท@ ยากรสอบถาม พบวา่ ผู้เขา้ อบรมส่วนใหญ่มีความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถจดจาํ
ขัน6 ตอนของการใชท้ ฤษฎีบันได 9 ขัน6 และมีความมุ่งมั9นที9 จะนําความรูท้ ไี9 ด้ไปปรบั ใชใ้ นชวี ต@ ประจาํ
วัน รวมทงั6 การนําไปถ่ายทอดให้แก่ครวั เรอ] นในชุมชน ในการปฏิบัติตาม แนวทางวถ@ ีชวี ต@ เศรษฐกิจ
พอเพียง โดยใชห้ ลักทฤษฎีบันได 9 ขัน6 เป†นแนวทางทจี9 ะดําเนินชวี ต@ แต่ละขัน6 ๆ ให้สําเรจ็ จากขั้น
แรกๆ ไปจนถึงขั6นสุดทา้ ย คือขั6นที9 9 อันจะส่งผลให้เกิดความสุขแก่ครอบครวั ตนเอง ชุมชน สังคม
และ ประเทศชาติต่อไป

วช@ า “หลักกสิกรรมธรรมชาติ”
วท@ ยากร นายสุนทร แววมะบุตร ตําแหนง่ วท@ ยากรเครอ] ขา่ ยมูลนิธกิ สิกรรมธรรมชาติ
วัตถุประสงค์ 1. เพ9ือให้ผู้เข้ารบั การฝTกอบรมรูถ้ ึงประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ ตามแนวคิด ปา 3

อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง โดยการปลูกปา 5 ระดับ
2. จดั รูปแบบการปลูกให้เกิดคุณค่าและบูรณาการในพ6ืนทที9 าํ กินเดิม ให้มีสภาพใกล้

เคียงกับปา 3. สรา้ งมูลค่าต้นไม้ทาํ ให้เปน† ทรพั ย์ เพื9อออมทรพั ยแ์ ละใชแ้ ก้ปaญหา
ความยากจน
ระยะเวลา 4.30 ชวั9 โมง

๒๕

ประเด็นเนื6อหาวช@ า
1) หัวใจหลักกสิกรรมธรรมาชาติ“เลี6ยงดิน ให้ดินเล6ียงพืช” ห่มดิน “แห้งชาม น–าชาม”
- เรยW นรูห้ ลักเกษตรกรรมกับกสิกรรม
- เกษตรปลอดสารพิษ :
2) นิยาม 5
3) การปลูกปา 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
4) การปลูกไม้ 5 ระดับ
5) 10 ขัน6 ตอนการตรวจแปลง

เทคนิค/วธ@ กี าร 1) เรยW นรู้ จากคลิป Video
2) ส9ือ Power Point
3) เรยW นรูจ้ ากพ6ืนทจี9 รง@ ของวท@ ยากร
4) การเติมเต็มให้ข้อคิด และขอ้ เสนอแนะ จากวท@ ยากร

วัสดุ/อุปกรณ์ 1) ส9ือวดW ีทศั น์ ประกอบการบรรยายผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings
2) ส9ือ Power Point
3) พื6นทท9ี ด9ี ําเนินการตามหลักกสิกรรมธรรมชาํ ติ

สรุปผลการดําเนินการเรยW นรู้ วท@ ยากรแนะนําตัวพูดคุย สรา้ งบรรยากาศให้เกิดความเป†นกันเอง
ดังนี6 วท@ ยารเกรน9 @ นํา หลักกสิกรรมธรรมชาติ ให้ความสําคัญกับการปรบั ปรุงบาํ รุงดินเป†นอันดับแรก ถือเป็ น
หัวใจสําคัญ เพราะดิน เป†นต้นกําเนิดของชวี ต@ สังคมไทยในอดีต ให้ความสําคัญของดินด้วยความเคารพ บูชา
ดินเสมือน“แม่” เรยW ก “พระแม่ธรณี” การให้ความรกั และเอาใจใส่พระแม่ธรณี โดยการห่มดินหรอ] การคลุมดิน
ไม่เปลือยดิน โดยใชฟ้ าง เศษหญ้า หรอ] เศษพืชผลทางการเกษตรทส9ี ามารถยอ่ ยสลายได้เองตามธรรมชาติ
และการปรุงอาหารเลี6ยงดินโดยการใส่ปุ²ยอินทรยW ์ชวี ภาพให้ลงไปเพื9อให้เป†นอาหารของดิน แล้วดินจะปลด
ปล่อยธาตุอาหารให้พืช โดยกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรยW ์ เรยW กหลักการนี6วา่ “เลี6ยงดิน ให้ดินเล6ียงพืช”
ทาํ ให้ดิน กลับมามีชวี ต@ พืชทปี9 ลูกก็จะเจรญ@ เติบโตแข็งแรง ให้ผลผลิตดี รวมถึงการทผ9ี ู้ผลิตและผู้บรโ@ ภคมี
สุขภาพกายทดี9 ี การปรบั ปรุงบาํ รุงดินโดยอาศัยหลักกสิกรรมธรรมชาติ > ศาสตรพ์ ระราชา 5 ระดับ

- รูป้ ญa หาดินเสื9อมโทรม สาเหตุ ปจa จยั ผลกระทบทเี9 กิดขึน6
- โครงสรา้ งดินดี
- การปรบั ปรุงบาํ รุงดิน
1. หลักกสิกรรมธรรมชาติ การจดั การดิน
- มีการห่มดิน ให้ปุย² แห้งชาม น–าชาม การจดั การน–า
- ขุดบ่อ สระ หนอง เพ9ือกักเก็บน–า ขุดรอ่ งน–าและทาํ ฝายชะลอน–า การขุดคลองไส้ไก่ในพื6นที9
การจดั การศัตรูพืชจากพวกแมลง
- ปลูกไม้ดอกรอบ ๆ แปลง หรอ] การเปลี9ยนกลิ9นโดยใชส้ มุนไพร หรอ] น–าส้มควันไม้
การจดั การโรคพืช

- .ใชน้ –าหมักสมุนไพร 7 รส ได้แก่ 1) รสจดื ชว่ ยปรบั ปรุงบาํ รุงดิน ชว่ ยล้างสารพิษในดิน

พืชทใ9ี ช้ ได้แก่ รางจดื ผักบุ้ง หน่อกล้วย ผักตบชวา เปน† ต้น

๒๖

2) รสขม ชว่ ยสรา้ งภูมิคุ้มกัน พืชทใ9ี ช้ ได้แก่ มะขามป\อม ขี6เหล็ก สะเดา เปน† ต้น
3) รสเปรย6 W ว มีฤทธกิ° ัดกรอ่ น ชว่ ยยอ่ ยสลายอินทรยW วัตถุได้เรว็ ขนึ6 พืชทใี9 ช้ ได้แก่

สัปปะรด มะกรูด มะนาว มะเฟ]อง เป†นต้น
4) รสฝาด ชว่ ยฆ่าเชอ6ื รา ฆ่าเชอ6ื โรค พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ เปลือกมังคุด ใบ ฝรงั9 ผลกล้วย

ดิบ เป†นต้น
5) รสเผ็ดรอ้ น ชว่ ยฆ่าแมลง พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ พรก@ ขิง ขา่ เป†นต้น
6) รสเบื9อเมา ชว่ ยไล่แมลง พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ หางไหล สาบเสือ ซาด หรอ] ชาด

ใบน้อยหน่า เป†นต้น
7) รสหอมระเหย ชว่ ยไล่แมลง พืชทใี9 ชไ้ ด้แก่ ตะไคร้ กระเพรา เป†นต้น
2. โครงสรา้ งดินดี ในดิน 1 ส่วน : ต้องมีธาตุอาหารสําหรบั พืชประมาณ 45 % มีน–าใน ดินประมาณ
25 % มีอากาศในดินประมาณ 25 % มีอินทรยW วัตถุในดินประมาณ 5 % ประโยชน์ของการห่มดิน
1) เปน† ทอี9 ยู่อาศัยของจุลินทรยW ์
2) ชว่ ยเก็บความชน6ื และป\องกันการระเหยของน–าในดิน
3) เม9ือเน่าเป9 อ] ยจะเป†นอาหารของสัตวห์ น้าดิน ซงึ9 แมลงพวกน6ีจะ ชว่ ยพรวนดิน และถ่ายมูล
เป†นปุ²ย
4) เม9ือยอ่ ยสลายจะเปน† ฮวิ มัส ซงึ9 เป†นปุ²ยชนั6 ดีสําหรบั พืช

ต้นไม้เจรญ@ เติบโตได้เพราะจุลินทรยW ์ ดังนั6น ประโยชน์ของจุลินทรยW ค์ ือ
1) ชว่ ยตรงT ไนโตรเจนทมี9 ีอยู่ในอากาศถึง 78 % ซงึ9 ชว่ ยให้พืช สังเคราะห์แสงได้ดี
2) ชว่ ยย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์
3) ชว่ ยย่อยแรธ่ าตุจากหิน ลูกรงั ทราย เชน่ เหล็ก สังกะสี แมงกานีส แคลเซยี ม
ฟอสฟอรสั
4) ชว่ ยสรา้ งฮอรโ์ มนให้พืช
5) ชว่ ยผลิตสารปอ\ งกันและทาํ ลายโรคพืช
ในหิน ลูกรงั ทราย มีอาหารสําหรบั พืชพอสมควร เพียงแต่ไม่มีจุลินทรยW ์ มาชว่ ยกันทาํ ให้ดิน
มีจุลินทรยW ์โดยการอย่าปอกเปลือกเปลือยดิน ให้ห่มดิน
3. น–า คือ ชวี ต@ “... หลักสําคัญวา่ ต้องมีน–าบรโ@ ภค น–าใชน้ –าเพ9ือการเพาะปลูก เพราะชวี ต@ อยู่ทน9ี ั9น
ถ้ามีน–าคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน–าคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ\าคนอยูไ่ ด้ แต่ถ้ามีไฟฟ\าไม่มีน–าคนอยู่ไม่ได้...”
- คลองไส้ไก่ คือการขุดดินเปน† รอ่ งน–ากระจายทวั9 พื6นท9ี เพ9ือในฤดูฝน
1. รบั น–าฝนลงรอ่ งเพื9อระบายน–า ปอ\ งกันน–าทว่ ม
2. นําพาน–าลงไปในแหล่งน–าทตี9 ้องการ ในฤดูแล้ง สูบน–าลงในรอ่ งกระจายความชุม่ ชนื้
ทวั9 พื6นท9ี
4. ปลูกปา 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง เพ9ือให้ พออยู่ พอกิน พอใช้ พอรม่ เย็น และยังให้อากาศท9ี
บรส@ ุทธิ° ให้ความชุม่ ชนื6 และยังชว่ ยอนรุ กั ษ์ดินและน–า
ผลการเรยW นรูข้ องผู้เข้ารว่ มการอบรม
1. ได้เรยW นรู้ เข้าใจ การทาํ กิจกรรมโคก หนอง นา โดยหลักกสิกรรมธรรมชาติ
2. ผู้เข้าอบรมได้เรยW นรูว้ ธ@ กี ารปรบั ปรุงบาํ รุงดินโดยอาศัยหลักกสิกรรมธรรมชาติ

๒๗

วช@ า การถอดบทเรยW นผ่านสื9อ “วถ@ ีภูมิปญa ญาไทยกับการพึ9งตนเอง”
วท@ ยากร นายเมธาพันธ์ นิลแก้ว ตําแหนง่ นักทรพั ยากรบุคคลปฏิบัติการ
วตั ถุประสงค์ 1) เพื9อให้ผู้เข้าอบรมได้เรยW นรูจ้ ากผู้ทป9ี ฏิบัติจรง@ จนเป†นทยี9 อมรบั

2) เพื9อสรา้ งแรงบันดาลใจในการประยุกต์ศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบัติจนเป†นที9
ยอมรบั
ระยะเวลา จาํ นวน 1 ชวั9 โมง (15.30 - 16.30น.)
ขอบเขตเน6ือหา
1) ประวตั ิส่วนตัวของพ่อเล6ียง บุตรจนั ทา
2) การใชว้ ถ@ ีภูมิปaญญาไทย กับการเอาตัวรอดอย่างไร
3) ทางออกคือการพึ9งตนเอง
เทคนิค/วธ@ กี าร
1) แบ่งกลุ่มมอบหมายงาน
2) นําเสนอขอ้ มูลรายกลุ่มองค์ความรูท้ ไ9ี ด้รบั /แนวคิดทไ9ี ด้ชมคลิปจากการบรรยาย
๓) รวบรวมองค์ความรู้ ขอ้ เสนอแนะ คําแนะนําจากวท@ ยากรมาสรุปรายละเอียด
๔) ชมสื9อวดW ีทศั น์
๕) ถอดบทเรยW นจากส9ือในประเด็น ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะทาํ อะไรต่อไป
๖) นําเสนอ / แลกเปล9ียนเรยW นรู้
วสั ดุ/อุปกรณ์
๑) สื9อวด@ ิทศั น์“ปาเป†นบาํ นาญชวี ต@ ของพ่อเลี9ยม บุตรจนั ทา”
๒) เครอ9 ] งคอมพิวเตอร์ เครอ9 ] งฉาย และจอภาพ เข้าระบบ Zoom Cloud Meetings
สรุปผลการดําเนินการและผลการเรยW นรู้ วท@ ยากรแนะนําตัวพูดคุย สรา้ งบรรยากาศให้เกิดความเป†นกันเอง
ดังน6ี วท@ ยากรเกรน9 @ นํา เปน† ทช9ี ดั เจนแล้ววา่ วก@ ฤติจากการระบาดของโควด@ กําลังเปล9ียนแปลงโครงสรา้ งทาง
เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลกและประเทศไทย โลกจะไม่เหมือนเดิม ทเ9ี รยW กวา่ “ปรกติใหม่” (new
normal) นักวช@ าการต่างพากันคาดการณ์การเปลี9ยนแปลงเชงิ มหภาค หรอ] มองเป†นผลกระทบชวั9 คราวใน
ภาคเมือง แม้จะเรม9 @ สนใจคนจนในเมือง แต่ก็เป†นการเน้นการแก้ปaญหาเฉพาะหน้า หากแต่ผลกระทบดัง
กล่าวจะส่งผลสะเทือนไปถึงชนบทซงึ9 ยังไม่มีการทาํ ความเข้าใจถ่องแท้ว่า ชุมชนท้องถิ9นกําลังเผชญิ อะไรใน
วก@ ฤติโควด@ พวกเขาตั6งรบั ปรบั ตัวอย่างไรภาวะปรกติใหม่ของชุมชนจะเป†นอย่างไรและพวกเขาจะมีส่วน
กําหนดอนาคตข้างหน้าได้เพียงไหน ผลกระทบจากการประเมินกลุ่มผู้ใชแ้ รงงานที9ไปทาํ งานเมืองเป†นด่าน
แรกทไี9 ด้รบั ผลกระทบทนั ทอี ยา่ งรุนแรงและกําลังกลับไปพึ9งชุมชนเหมือนวก@ ฤติเศรษฐกิจปW 2540 แต่ชุมชน
ทอ้ งถิ9นส่วนมากกําลังอยูใ่ นความเสี9ยงอย่างทเี9 คยเจอมาก่อน เกษตรกรรมเชงิ เด9ียวทพี9 ึ9งพาตลาดส่งออกต่าง
ประเทศ โดยเฉพาะพืชผักผลไม้กําลังจะไม่มีตลาด เศรษฐกิจชุมชนจะล้มเหลวอยา่ งรุนแรงยิง9 กวา่ ทเ9ี คย สิ9งที่
ตามมาสําหรบั รอบการผลิตใหม่ก็คือ ภาวะภัยแล้ง การขาดแคลนน–าอย่างรุนแรง ทาํ ให้ทงั6 เกษตรเชงิ เดี่ยว
และเกษตรกรรมยั9งยนื ก็จะประสบปญa หา ดังนั6นถึงแม้วา่ สินค้าเกษตรบางชนิด เชน่ ขา้ ว มันสําปะหลัง จะมี
ราคาสูงขนึ6 แต่พวกเขาก็ผลิตไม่ได้ เม9ือตลาดขนาดใหญซ่ บเซาลง ตลาดสินค้าอาหารออนไลน์เติบโตขึน6 แต่
นั9นก็ไม่ใชสิ9งที9ชาวบ้านสามารถเข้าถึงและสรา้ งโอกาสให้กับตนเองได้มากเท่ากับธุรกิจอาหารขนาดใหญ่
อีกทงั6 ในระบบตลาดออนไลน์ทเ9ี รยW กรอ้ งการผลิตจาํ นวนมาก สม-าเสมอแน่นอน และต้องมีเงน@ ทนุ สํารอง

๒๘

พอเพียง ชุมชนไม่ได้มีศักยภาพทจ9ี ะเขา้ ถึงและต่อรองผ่านกลไกตลาดออนไลนห์ ลัก ยังไม่นับรวมถึงระบบการ
ขนส่งอาหาร เชน่ Grab, Lineman, Panda Food ฯลฯ ทเี9 หมาะสําหรบั สังคมเมือง แต่ไม่สามารถเชอ9ื ม
ระหวา่ งสินค้าชุมชนสู่ผู้บรโ@ ภค นั9นเทา่ กับความเหล9ือมลา– ในโครงสรา้ งเศรษฐกิจอาหารจะขยายตัวมากยิง9 ขึน6

การปรบั ตัว โอกาส และสิ9งทา้ ทาย แรงงานทห9ี ลั9งไหลกลับบ้านเป†นได้ทงั6 แรงกดดัน และปaจจยั หนุน
เสรม@ ชุมชน ในชุมชนส่วนใหญ่ที9 พึ9งเศรษฐกิจเชงิ เดี9ยวกับตลาดภายนอกอยู่ในภาวะอ่อนแอ ผลผลิตทไี9 ม่มี
ตลาด และภาวะขาดแคลนน–าอาจทาํ ให้ชุมชนไม่สามารถเป†นหลังอิงให้กับลูกหลานที9ไปทาํ งานในเมืองได้
เหมือนก่อน แต่สําหรบั ชุมชนทม9ี ีฐานเข้มแขง็ ดูแลทรพั ยากรธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์ จดั การดิน น–า ป่ า
ได้ดี และมีระบบเศรษฐกิจการผลิตทห9ี ลากหลาย บางทม9ี ีฐานการเงน@ ชุมชนทเ9ี ข้มแข็งการกลับมาของลูกหลาน
คือการมาชว่ ยเพิ9มแรงงานการผลิตเพื9อสรา้ งความมั9นคงอาหารและเศรษฐกิจได้มากยิ9งขึ6น เพราะในภาวะ
สังคมสูงวัยทภี9 าคเกษตรขาดแรงงาน เมื9อชุมชนพรอ้ ม ย่อมจะเป†นโอกาสดีทไี9 ด้แรงงานเพิ9มในชุมชนเองก็มี
การปรบั ตัวพอสมควร

หลายพื6นทหี9 ันกลับมาฟ6 ]นฐานทรพั ยากร การผลิต การบรโ@ ภคสรา้ ง ตลาดในชุมชน เกิดเป†นความ
มั9นคงอาหารและเศรษฐกิจท้องถิ9นเพื9อยืนหยัดในภาวะวก@ ฤติโดยเฉพาะชุมชนทีม9 ีระบบการจดั การทรพั ยากร
ทเี9 ข้มแข็ง มีเศรษฐกิจและการผลิตทยี9 ัง9 ยืนและหลากหลาย มีฐานการเงน@ ชุมชน สนับสนนุ มีระบบตลาดทอ้ ง
ถิ9นสนับสนุน และมีฐานเครอ] ข่ายทางเศรษฐกิจและสังคมด้านอาหารที9เชอื9 มโยงกับผู้บรโ@ ภคอย่างต่อเนื9อง
พวกเขาสามารถยนื หยัดพึ9งตนเองด้านอาหารได้มากรองรบั แรงงานกลับบา้ นได้ดี แม้วก@ ฤติเศรษฐกิจโควด@ จะ
ทาํ ให้รายได้ลดลงแต่ก็ไม่ทาํ ให้ความมั9นคงอาหารชุมชนสูญเสียไป เพียงแต่ตัวอย่างของชุมชนทเี9 ข้มแข็งมีไม่
มากนัก เปน† กระบวนการสั9งสมทางภูมิปญa ญาและการจดั การของชุมชนมาอยา่ งต่อเนื9องยาวนาน เกิดเปน† ต้น
แบบทีเ9 ป†นแหล่งเรยW นรูแ้ ละเป†นฐานในการแสวงหาคําตอบถึงทิศทางอนาคตทีพ9 ึงประสงค์ของชุมชนได้ แต่
ต้นแบบเหล่าน6ีมักถูกรฐั และสังคมเพิกเฉยทจ9ี ะนํามาขยายผลส่งเสรม@ อยา่ งจรง@ จงั

ท่ามกลางกระแสการปะทะกันระหว่างแนวคิดการพัฒนากระแสหลักที9มุ่งเน้นการพัฒนาระบบ
เศรษฐกิจ แบบทนุ นิยมทนี9 ําเสนอโดยภาครฐั อันมีเป\าหมายทก9ี ารแสวงหากําไรและผลประโยชน์กับแนวคิด
การพัฒนา กระแสทางเลือกทม9ี ุ่งเน้นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจพอเพียง หรอ] พออยู่พอกิน ทนี9 ําเสนอโดย
ภาคประชาชนทเ9ี น้นอุดมการณ์การกลับคืนสู่รากเหงา้ ตามวถ@ ีการผลิตจากวฒั นธรรมเดิม มีเปา\ หมายทก9ี ารพึ9ง
ตนเองเปน† หลัก นับเป†นแนวคิดสําคัญในการพัฒนาชุมชนทอ้ งถิ9น ซงึ9 สะทอ้ นจุดเปลี9ยนในวธ@ คี ิด วธ@ ปี ฏิบัติอัน
เกิดจาก ปaญหาประสบการณ์และการเรยW นรูข้ องชุมชนทอ้ งถิ9น ประกอบด้วยแนวคิดในการพัฒนาด้านต่าง ๆ
ดังน6ีคือ

๑. ประวตั ิส่วนตัวของพ่อเลี9ยม บุตรจนั ทา ปราชญช์ าวบา้ น “แห่งบ้านสวนฮอนซอน” รายได้ครวั เรอ] น
แม้ในอดีตของลุงเล9ียมจะเคยล้มลุกคลุกคลานอย่าง “คนจน” แต่ปaจจุบันเขา คือ “ผู้ยิง9 ใหญ”่ ในใจของใคร
หลายคน ชายรา่ งทว้ ม ผิวเข้มจากกลาํ แดด พูดจาชดั ถ่อยชดั คํา มีผ้าขาวม้าพาดบา่ และรอยยิม6 คือบุคลิกที่
ชดั เจนของ ลุงเลี9ยม บุตรจนั ทา แห่งบา้ นนาอีสาน ตําบลทา่ กระดาน อําเภอสนามชยั เขต จงั หวัดฉะเชงิ เทรา
ลุงเลี9ยมถือเป†นปราชญ์เดินดินที9คนทั9วประเทศรูจ้ กั มากที9สุดคนหนึ9ง และบ้านนาอีสานได้กลายเป†นพื6นที9
ศึกษาดูงานของหลายหน่วยงานรวมถึงโครงการรกั ษ์ปาสรา้ งคน ๘๔ ตําบล วถ@ ีพอเพียง มีพี9น้อง หลายตําบล
ได้ไปแวะเยี9ยมเยือนลุงเลี9ยม ได้พูดคุยกับยายตุ๋ย (ภรรยา) ได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์ของครอบครวั ลุงเลี9ยม
ได้พันธไุ์ ม้ติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรอ] บา้ งก็ได้สูตรยาสมุนไพรลดความอ้วนมาเสรม@ รายได้ครวั เรอ] น แม้ในอดีต
ของลุงเล9ียมจะเคยล้มลุกคลุกคลาน อย่าง “คนจน” แต่ปจa จุบันเขาคือ “ผู้ยงิ9 ใหญ”่ ในใจของใครหลายคน

๒๙

ประวัติพ่อบุญเล9ียม บุตรจนั ทา “ผมเปน† คนบุรรW มั ยเ์ รยW นจบศึกษาผู้ใหญ่ระดับ ๔ จบมาก็ปลูกมัน
สําปะหลังอยูอ่ ย่างเดียว ตั6งแต่อายุ ๑๕ ปWปลูกมันไม่ได้หัวมัน ได้แต่หน6ี สุขภาพก็แย่ ครอบครวั ทะเลาะเบาะ
แวง้ เพราะเปน† หน6ีแต่ก็ไม่เคยสรุปวา่ เป†นหน6ีเพราะอะไร “ปW๒๕๒๙ จงึ ขายทดี9 ินใชห้ นี6 เหลือเงน@ หนงึ9 แสนบาท
เอามาซอื6 ที9 ๕๐ ไร่ และปลูกเรอ] นที9 บา้ นนาอีสาน จงั หวัดฉะเชงิ เทรา แล้วก็โค่นปาเพ9ือลูกขา้ วกิน พอผ่านไป
สักปกW ็มีกุมารน้อยคนทสี9 อง ยายตุ๋ย (ภรรยา) ก็พาลูกไปหาหมอแถวเขาฉกรรจไ์ ปเห็นเขาขายขา้ วโพดกัน ก็มา
ชวนให้ปลูก ปลูกได้ ๒-๓ ปWก็เรม9 @ มีปaญหาเก่า ครอบครวั ทะเลาะกันสุดทา้ ยก็เปน† หนี6ธกส. ๑๐๐,๐๐๐ บาท เปน†
หนี6รา้ นขายเมล็ดพันธปุ์ ุย² ๕๐,๐๐๐ บาท และเป†นหน6ีรา้ นค้าอีกรวมแล้ว ๒๐๐,๐๐๐ กวา่ บาท ผมกลายเปน† คน
เมาประจาํ หมู่บ้านเพราะผมชอบรอ้ งเพลงในวงเหล้าแต่ เมียกลับมายนื ชห6ี น้า
ด่าผมยิง9 ต้องเมาปลW ะ ๓๖๕ วนั และเมาอยู่ ๒ วนั คือ วนั ฝนตก และวนั ทฝ9ี นไม่ตก แต่โชคดีมีบุญเก่า
ปW ๒๕๓๙ ครูทโ9ี รงเรยW น ตชด. ชวนไปสัมมนาทอี9 ําเภอสนามชยั เขต ก็คิดแต่วา่ จะได้ไปกินเหล้านอกบ้าน พอไป
แล้วเหล้าขาวไม่ได้ตกถึงทอ้ งเลย จนวนั สุดทา้ ยผู้ใหญ่วบ@ ูลย์ เข็มเฉลิม มาคุยและด่าให้ฟaงวา่ เกษตรกรโง่ ไม่รู้
จกั ตัวเอง ผมเถียงอยู่ในใจวา่ ผมรูจ้ กั ตัวเอง ผมคือนายเล9ียม ๓ วันเมา ๔ วนั เมาให้เมียด่า และแกบอกวา่ ถ้า
อยากจะรูจ้ กั ตัวเองให้ลองทาํ บันทกึ ขอ้ มูลรายจา่ ย นี9แหละ คือ “จุดเรม9 @ ต้นของผม เล9ียม บุตรจนั ทา คนจน
ผู้ยิง9 ใหญ่” กลับมาก็ลงมือทาํ ต้องใชค้ วามอดทนสูงมาก เพราะเมียจะด่าก่อน หาวา่ จบั ผิด พออารมณ์ดีค่อย
ถามต่อ ทาํ อยา่ งนี6ทกุ วนั จนสิ6นปWและเดือนมกราคม ปW ๒๕๔๐ ผมเอาบัญชมี านงั9 โสเหล่กับยายตุ๋ยถือเป†นวนั ท่ี
ทะเลาะกันอยา่ งรุนแรง เพราะผมมีค่าบุหร9 W หมื9นกวา่ บาท ค่าเหล้าสองหมื9นกวา่ บาท ค่าหวย มวยตู้ เล่นไพ่
รวมแล้ว ๖๐,๐๐๐ กวา่ บาท ส่วนของยายตุ๋ย ก็เป†นค่าหมู ไก่ พรก@ ทใ9ี ชท้ าํ กับข้าว ๒๙,๐๐๐ บาท และของลูก
สองคน ๕,๐๐๐ บาท ทาํ ให้ ยายตุ๋ย ก็รูส้ ึกวา่ อยูร่ ว่ มโลกกันไม่ได้แล้ว และให้เลือก ๒ ทาง คือ ไปอยู่กับเพื9อน
กินเหล้า หรอ] ถ้าจะเลิกเหล้าเลิกการพนัน ผมถามลูกวา่ ถ้าพ่อแม่เลิกกันลูกจะอยู่กับใครมันตอบแบบไม่คิด
เลยวา่ จะอยู่กับแม่ ผมน้อยใจและหดหู่จงึ ตัดสินใจอยู่กับครอบครวั แล้วครอบครวั เราจะทาํ อะไรกันต่อ ผมใช้
ขอ้ มูลมาชว่ ยตัดสินใจ คือ ขอ้ มูลทาํ ไรข่ า้ วโพด ปW ๒๕๓๙ ผมมี กําไร ๖๕๐ บาท/ไร/่ ปรW วม ๓๐ ไร่ ได้หมื9นกวา่
บาทยังไม่พอซอื6 กินลองคิดค่ากินแบบถูก ๆ ๑๕ บาท/คน/ม6ือ ถ้า ๔ คนก็ ๖๐ บาท/มื6อ ในหนงึ9 ปWต้องกิน
๑,๐๙๕ ม6ือ รวมเป†น ๖๐,๐๐๐ กวา่ บาท หมายถึงต้องทาํ ไรข่ ้าวโพดให้กําไรปลW ะ ๖๐,๐๐๐ กวา่ บาท ผมตัดสินใจ
เลิกเลย เลิกที9จะทาํ อะไรไปขายแล้วเอาเงน@ มาซอื6 กิน เอารายจา่ ยที9ยายตุ๋ยซอื6 มาดู อันไหนปลูกได้ทาํ ได้
วางแผนปฏิรูปครอบครวั ใหม่เรม9 @ ปลูกทกุ อย่างทกี9 ิน กินทกุ อยา่ งทป9ี ลูก หาบน–ารดผักกับยายตุ๋ยสองคน เมื9อย
ก็มานงั9 คนละฝากแปลงผัก คุยกันกะหนงุ กะหนงิ เหมือนจบี กันใหม่ ๆ มันออนซอนชวี ต@ จรง@ ๆ ไม่ขัดใจกัน เลย
ชวนยายตุ๋ยตั6งชอ9ื สวนวา่ “สวนออนซอน”

ตั6งแต่ ปW ๒๕๔๐ “ผมไปบอก ธกส. วา่ ต่อไปนี6ไม่มีเงน@ ชาํ ระหน6ีนะ ไม่มีไม่หนีไม่จา่ ยปฏิเสธงานสังคม
งาน บวช งานแต่ง มีซองมาก็ใส่ซองไป ต9ืนเชา้ มาก็เดิน ๖๐๐ ก้าวไปสวน ทาํ ไปทาํ มากินไม่หมด เพ9ือนบ้านมา
ขอซอื6 ทาํ ให้ผมเห็นทางรอดแล้ว และหลังจากนั6นอีก ๖ ปW ก็ใชห้ น6หี มด “สวนออนซอนตอนน6ีกลายเป†นปา ผม
มีบาํ นาญให้ชวี ต@ ผม และยายตุ๋ยอยา่ งน้อยคนละ ๓๐๐ ต้น ในพ6ืนที9 ๑๓ ไร ่แบ่งเปน† ปา ๔ ไร่ นา ๕ ไร่ ทเี9 หลือก็
เปน† บอ่ เปน† คลอง ผมรูส้ ึกเสียดายวา่ ทาํ ไมเราไม่ทาํ อยา่ งน6ีตั6งนานแล้วและตั6งใจวา่ จะทาํ อย่างนี6เผยแพรใ่ ห้
ทกุ คนได้รูพ้ รอ้ ม ปลูกต้นไม้วันละ ๓ ต้น เหมือนกินขา้ ววนั ละ ๓ มื6อ จนตัวเองเดินไม่ไหว แล้วดูสิ...วนั น6ีผมมี
อะไรถ้าคุณอยาก เหมือนผมตอนนี6 ก็เลิกเหล้าเสีย” การใชว้ ถ@ ีภูมิปญa ญาไทยกับการเอาตัวรอด ภูมิปaญญา
เป†นองค์ความรูท้ ี9เกิดจากการเก็บเกี9ยวประสบการณ์เพื9อการเอาตัวรอดในการดํารงชีวต@ ไม่ว่าจะเป†น
ภูมิปญa ญาด้านการโภชนาการ ด้านการรกั ษาโรค ด้านทอี9 ยูอ่ าศัย ด้านเครอ9 ] งนงุ่ ห่ม ซงึ9 หากพิจารณาจะ พบวา่

๓๐

บรรพบุรุษอาศัยภูมิปaญญาหรอ] ความรูเ้ หล่านั6นอยู่ในสังคมและอาศัยธรรมชาติแบบถ้อยทถี ้อยอาศัย
หรอ] พึ9งพาซงึ9 กันและกัน อาทชิ าวบา้ นรูจ้ กั วธ@ ใี ชป้ ระโยชน์จากธรรมชาติสิ9งแวดล้อม นําพืชพันธสุ์ ัตวต์ ่าง ๆ มา
ทาํ อาหาร มาใชแ้ รงงาน และมักมีวธ@ สี รา้ งความสมดุลหรอ] ขอบคุณธรรมชาติผ่านพิธกี รรมต่าง ๆ

1.การตระหนักถึงความเชอื9 มโยงระหวา่ งตนเองกับทรพั ยากรธรรมชาติและ สิ9งแวดล้อม ด้วยเหตุท9ี
ฐานทรพั ยากรทร9ี องรบั ความอยูร่ อดของชุมชนทอ้ งถิ9นเอาไวก้ ําลังถูกทาํ ลายลงเรอ9 ] ย ๆ ดังนั6น จงึ ต้องมีการ
ดูแลรกั ษาระบบนิเวศน์และสิ9งแวดล้อมให้คงอยู่ในสภาพทสี9 มดุล

2.การรกั ษาฐานชวี ต@ เพ9ือดํารงคุณค่าของการอยู่รว่ มระหวา่ งคนกับธรรมชาติ เชน่ คนกับปาทผี9 ูกพันธ์
อยู่ รว่ มกันมาอย่างยาวนาน ได้พึ9งพิงเป†นแหล่งอาหาร ทอ9ี ยูอ่ าศัย เครอ9 ] งนงุ่ ห่ม ยารกั ษาโรค ฯลฯ เป†น
เสมือน ซุปเปอรม์ าเก็ตขนาดใหญ่ที9เลี6ยงดูผู้คนมาอย่างยาวนาน ปาจึงเปรยW บเสมือน “ทุนชีวต@ และ
วฒั นธรรม” ของชุมชน

3.การสืบทอดระบบคิด จารตW ประเพณี สังคมวัฒนธรรม ภูมิปญa ญา และองค์ความรูใ้ นการจดั การ
ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ9งแวดล้อมอย่างเป†นองค์รวม เชน่ ภูมิปญa ญาของชุมชนทอ้ งถิ9นในการจดั การดิน น–า
ปา ทยี9 ืนอยู่บนความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพเฉพาะของ แต่ละพ6ืนทม9ี ีการจดั การอย่างเปน† องค์รวมและ
สอดคล้องกับปญa หาความต้องการ เพราะทเี9 กิดขึน6 จากวถ@ ีชวี ต@ และการมีส่วนรว่ มของคนในชุมชนนั6น ๆ

แนวคิดในการพัฒนาพึ9งพาตนเอง
แนวคิดการพึ9งตนเองของชุมชนชนบท 5 ด้านคือ
1.การพึ9งตนเองได้ทางเทคโนโลยี(technological self - reliance) หมายถึง การมีปรม@ าณและ
คุณภาพของเทคโนโลยที างวัตถุ เชน่ เครอ9 ] งมือ เครอ9 ] งจกั รกลและเทคโนโลยที างสังคม เชน่ การวางโครงการ
การจดั การมนษุ ยสัมพันธ์ เปน† การรูจ้ กั ใชอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ
2.การพึ9งตนเองได้ทางเศรษฐกิจ (economic self-reliance ) หมายถึงความสามารถในการดํารง
ชีวต@ ทางเศรษฐกิจที9มีความมั9นคงสมบูรณ์พูนสุขพอสมควรและให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์และ
อุปทาน จุดสมดุลอยูส่ ูงพอสมควรถึงขัน6 สมบูรณ์พูนสุขดังกล่าว
3.การพึ9งตนเองได้ทางทรพั ยากรธรรมชาติ(natural resource seff-reliance) ซงึ9 หมายถึงสิ9งใด ๆ
ทม9ี ีอยูโ่ ดยธรรมชาติในชุมชนหรอ] สามารถ หามาได้จากธรรมชาติมีความสามารถในการใชป้ ระโยชน์และรกั ษา
ธรรมชาติให้ดํารงอยู่ไม่ให้เส9ือมสลายไป
4.การพึ9งตนเองได้ทางจติ ใจ (phychological self-reiance) หมายถึงการทส9ี ภาพจติ ใจทก9ี ล้าแขง็
พรอ้ มทจี9 ะต่อสู้กับปaญหาอุปสรรคในการหาเลี6ยงชพี การพัฒนาชวี ต@ ให้เจรญ@ ก้าวหน้ายิง9 ขึน6 ในการปกครอง
ตนเอง ในการปอ\ งกันกิเลสตัณหา ไม่ให้โลภ โกรธ หลง หรอ] อยากได้ อยากมี จนเกินความสามารถของ
ตนเอง
5.การพึ9งตนเองได้ทางสังคม (socal self-reliance) หมายถึง สภาวการณ์ทก9ี ลุ่มคนกลุ่มหนงึ9 มี
ความ เป†นปWกแผ่นเหนียวแน่น มีผู้นําทมี9 ีประสิทธภิ าพ สามารถนํากลุ่มคนเหล่านี6ปฏิบัติหน้าทีห9 รอ] อาจขอ
ความช่วยเหลือ จากภายนอกได้ เป†นกลุ่มที9มีความรูค้ วามสามารถระดับหนึ9ง ติดต่อสัมพันธก์ ันด้วยดี
สม-าเสมอ

๓๑

สรุปผลจากการเรยW นรู้ จากการถอดบทเรยW นทงั6 ๒ รุน่ ได้ ดังน6ี
สิ9งทไ9ี ด้จากการดูส9ือ (clip พ่อเล9ียม บุตรจนั ทาํ ) ทา่ นได้ข้อคิด
1. ได้ประโยชน์จากปาในการดําเนินชวี ต@ อยา่ งเรยW บงา่ ย และเรอ่9 ] งการเปล9ียนความคิด
2. เปน† แนวในการสรา้ งรายได้ให้กับตนเอง
3. ปลูกต้นไม้เพื9อการออมเงน@ บาํ นาญ และเปน† มรดกให้ลูกหลาน
4. เปน† ต้นแบบในการเรยW นรูใ้ ห้กับผู้อื9น
5. เห็นประโยชน์ของการทาํ บัญชคี รวั เรอ] น
6. น้อมนําหลักของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชช้ วี ต@ ในครอบครวั
7. พึ9งพาตนเองได้ในยามเกิดวก@ ฤตและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
8. ปลูกพืชทก9ี ินได้เปน† ได้ทงั6 อาหาร และยา สรา้ งสิ9งทอ9ี ยูอ่ าศัยให้กับตนเองเพื9อลดค่าใชจา่ ยในครวั
เรอ] น 9. ฝากเงน@ ในรูปแบบการปลูกต้นไม้ (ธนาคารต้นไม้)
10. เดินบันได 9 ขั6นสู่ความพอเพียง
11. การทาํ เกษตรเชงิ เดียวไม่ยั9งยนื
12. การใชช้ วี ต@ ทปี9 ระมาท ไม่มีการวางแผนชวี ต@ เม9ือเกิดปaญหาถึงค้นพบตัวเองทเี9 ปน† คนสรา้ งความ
ไม่พอดีกับ ตัวเอง และครอบครวั
สามารถจะนําไปปรบั ใชก้ ับตัวเองอย่างไร?
1. การจดั ทาํ บัญชคี รวั เรอ] น
2. จดั การทรพั ยากรในพื6นทตี9 ัวเองวา่ จะนํามาใชป้ ระโยชน์ในการเพิ9มรายได้ลดรายจา่ ยอย่างไร
3. ปลูกปา 5 ระดับ วนั ละ 2 ต้น
4. นําไปปรบั ใชก้ ับตัวเองด้านการลด ละ เลิก อบายมุขต่าง ๆ
5. ปลูกสิ9งทก9ี ิน และกินทกุ อย่างทปี9 ลูก เพ9ือลดรายจา่ ย
ป@ดทา้ ย วก@ ฤตโควด@ นํามาสู่การเปล9ียนแปลงใหม่ๆ เกิดพื6นทใ9ี หม่ทงั6 ทเี9 ป†นโอกาสและสิ9งทา้ ทายชุมชน
ทอ้ งถิ9น ต่าง ๆ นักพัฒนาสังคม นักวช@ าการ ภาคเอกชน ภาครฐั ควรอาศัยสถานการณ์น6ี การทบทวน
ความล้มเหลวครงั6 แล้วครงั6 เล่าของวก@ ฤติเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงทบทวนความล้มเหลวของการ
แก้ปaญหาเพื9อกลับไปแบบเดิมซงึ9 ได้รบั การพิสูจน์หลายครงั6 ว่าล้มเหลว ชุมชนท้องถิ9นมีแต่จะยิ9ง
อ่อนแอลงไปเรอ9 ] ยๆ
หากทกุ ภาคส่วนของสังคมเอาจรง@ เอาจงั ต่อการปฏิรูปการพัฒนาใหม่อยา่ งถอนรากถอนโคน ภาวะ
“ปรกติใหม่” ทจี9 ะมาถึงยอมจะหมายถึงการก่อรูปความเขม้ แข็งของสังคมไทยจากฐานรากของชุมชน
แทนที9จะ ปล่อยให้อนาคตวนกลับไปที9เดิม ถูกเปลี9ยนเป†นอนาคตที9มีแต่ความรุนแรงจากความ
เหล9ือมลา–
ไม่เป†นธรรมไม่ยั9งยืน ซงึ9 นั9นหมายถึงสังคมไทยจะไม่มีอนาคตอีกต่อไป
วช@ า “5 ฐานการเรยW นรูส้ ู่เศรษฐกิจพอเพียง”
สาธติ 3 ฐานเรยW นรู้ และเรยW นรูผ้ ่านคลิปวดW ีโอ 2 ฐาน
วตั ถุประสงค์ 1)เพื9อให้ผู้เข้ารบั การฝTกอบรมรูแ้ ละเขา้ ใจถึงการน้อมนําหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาปรบั ใชใ้ นชวี ต@ ประจาํ วนั และสามารถนํามาปฏิบัติจนเปน† วถ@ ีชวี ต@
2)เพ9ือให้ผู้เข้ารบั การฝTกอบรมมีทกั ษะ ความรูใ้ นแต่ละฐานการเรยW นรูแ้ ละสามารถนําไปปฏิบัติได้

๓๒

3)สามารถนําความรูแ้ ละเทคนิคในฐานต่าง ๆ ไปประยุกต์ใชเ้ ป†นอาชพี เสรม@ ในครวั เรอ] น เพ9ือให้เกิด
รายได้และพึ9งพาตนเองได้

ระยะเวลา จาํ นวน 3 ชวั9 โมง (09.00-12.00 น.)
ประเด็นเน6ือหา 1. สาธติ การ 3 ฐานการเรยW นรู้ ได้แก่ ฐานคนมีน–ายา - ฐานคนรกั ษ์สุขภาพ - ฐานคน
รกั ษ์แม่ธรณี (ทาํ ปุย² แห้ง ปุ²ยน–า)
2. เรยW นรูผ้ ่านคลิป วดW ีโอ 2 ฐาน ประกอบด้วย - ฐานคนเอาถ่าน – ฐานตนหัวเห็ด
3. ผู้เข้ารบั การอบรมสรุปผลการเรยW นรู้ เปน† รายจุด
เทคนิค/วธ@ กี าร 1) วท@ ยากรกล่าวทกั ทกั ทาย และให้ความรูถ้ ึงทม9ี าของฐานการเรยW นรูข้ อง
ศพช.นครนายก ทงั6 12 ฐานการเรยW นรู้
วท@ ยากรให้ผู้เขา้ รบั การฝTกอบรมเรยW นรูจ้ ากวย@ ากร 3 ฐานการเรยW นรู้ หลังจากนั6นให้วท@ ยากรประจาํ
ฐานการเรยW นรูไ้ ด้เติมเต็มและตอบขอ้ ซกั ถาม ฐานละประมาณ 1.30 ชวั9 โมง โดยเรม9 @ จาก – ฐานคนมีน–ายา -
ฐานคนรกั ษ์สุขภาพ - ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี (ทาํ ปุย² แห้ง ปุย² น–า) และวท@ ยากรหลักพาเรยW นรูผ้ ่านคลิปเกี9ยวกับ
กระบวนการขั6นตอนการทาํ -ฐานคนหัวเห็ด - ฐานคนเอาถ่าน (เตาเผาถ่านน–าส้มควันไม้)
วัสดุ/อุปกรณ์ 1) สื9อวดW ีทศั น์กระบวนการ/ขั6นตอนการทาํ
2) วสั ดุ/อุปกรณ์ ฐานการเรยW นรู้ (สาธติ )
3) คอมพิวเตอร/์ เครอ9 ] งฉายและจอภาพ ผ่านระบบ ZOOM CLOUD MEETINGS
ฐานเรยW นรู้ สาธติ 3 ฐานได้แก่
1. ฐานเรยW นรูค้ นมีน–ายา
ระยะเวลา 1.30 ชวั9 โมง
วัตถุประสงค์ 1. เพ9ือเปน† การลดรายจา่ ย และรกั ษาสภาพแวดล้อม
2. นําวสั ดุทเี9 หลือใช้ และวัสดุทมี9 ีอยู่ในพื6นทม9ี าใชป้ ระโยชน์ให้มากขนึ6
3. เพื9อเปน† อาชพี เสรม@ เพิ9มรายได้ในครวั เรอ] น
1. การทาํ น–าหมักมะกรูด
วัสดุ/อุปกรณ์
1. มะกรูดสด 6 กิโลกรมั
2. น–าตาลแดง (น–าตาลอ้อย) หรอ] ทอ่ นอ้อยทบุ 2 กิโลกรมั
3. น–าเปล่าประมาณ 36 ลิตร
4. ถังขนาด 72 ลิตร (สําหรบั หมัก)
5. มีด
6. เขียง
ขัน6 ตอนการทาํ น–าหมักมะกรูด
1. ผ่ามะกรูดครง9 T ลูกลงไปในถังสําหรบั หมักจนหมด 6 กิโลกรมั
2. โรยน–าตาลแดง (น–าตาลอ้อย) หรอ] ทอ่ นอ้อยทบุ ประมาณ 2 กิโลกรมั โรยให้ทวั9 มะกรูดทผ9ี ่าแล้ว
3. ปด@ ฝาทงิ6 ไว้ 7 วัน

๓๓

4. เม9ือครบกําหนด 7 วนั เปด@ ฝาเติมน–าลงไปประมาณ 36 ลิตรลงไป หรอ] จนเกือบเต็มถังหมัก แล้ว
ปด@ ฝาถัง หมัก

5. หมักทงิ6 ไว้ 3 เดือนจงึ สามารถนํามาใชไ้ ด้
** หมายเหตุ 1. อัตราส่วนมะกรูดและน–าตาลอ้อย 3 : 1
2. น–าตาลอ้อย (น–าตาลแดง) ลักษณะเปน† น–าตาลทใี9 ชโ้ รยบนเครอ9 ] งดื9มเฉาก๊วยหรอ] เติมลงในกาแฟ
โดยจะทาํ ให้น–าหมักมะกรูดมีความหอมและเป†นอาหารของจุลินทรยW ใ์ นการยอ่ ยสลาย หากใชน้ –าตาลทรายแดง
ในการหมักจะทาํ ให้เน่า ไม่สามารถนํามาใชไ้ ด้
3. น–าหมักมะกรูด ยิง9 หมักนานจะยงิ9 มีความหอม แต่ต้องคอยดมกลิ9นหากวา่ กลิ9นเรม9 @ ไม่หอมมะกรูด
ให้เติมน–าตาลแดงลงไปประมาณ 1 กิโลกรมั ลงไป เพื9อให้เปน† การเล6ียงจุลินทรยW แ์ ละให้น–าหมักมะกรูดมีความ
หอมต่อไปอีกนาน
2. การทาํ น–าด่าง
วสั ดุ/อุปกรณ์
1. ขเ6ี ถ้า 10 กิโลกรมั
2. น–าเปล่าประมาณ 25 ลิตร
3. ถังขนาด 72 ลิตร
ขั6นตอนการทาํ น–าด่าง
1. นําข6ีเถ้า 10 กิโลกรมั เทลงในถังทเี9 ตรยW มไวจ้ นหมด
2. เติมน–าเปล่าประมาณ 25 ลิตร ลงไป
3. กวนขเ6ี ถ้าให้เข้ากันกับน–า
4. ปด@ ฝาทงิ6 ไว้ 7 วัน หรอ] จนกวา่ น–าขีเ6 ถ้าจะตกตะกอนใส จงึ จะสามารถน–ามาใชไ้ ด้
** หมายเหตุ 1. ขเ6ี ถ้าทนี9 ํามาต้องเปน† ข6ีเถ้าทเ9ี กิดจากการเผาไหม้ของไม้หรอ] กิ9งไม้ต่าง ๆ ไม่ควรนําขี้
เถ้าทเี9 กิดจากการป6 @งย่างมาใช้ เพราะจะทาํ ให้น–าด่างมีความมันและไม่สามารถนํามาใชไ้ ด้
2. คนสมัยก่อนมักซกั เสื6อผ้ากับน–าด่างเพราะน–าด่างมีคุณสมบัติในการทาํ ความสะอาดขจดั คราบฝั ง
ลึก และทาํ ให้เส6ือผ้าสีสวา่ งสดใส นิยมซกั ผ้าสีขาว
3. เมื9อลองสัมผัสน–าด่างจะมีความลื9น ถ้าอัตราส่วนขี6เถ้าที9ผสมเข้าไปมีมากจะยิ9งทาํ ให้ลื9นและ
ทาํ ความสะอาดได้ดี
3. การทาํ น–ายาเอนกประสงค์จากน–าหมักมะกรูดและน–าด่าง
วัสดุ/อุปกรณ์
1. น–าหมักมะกรูดประมาณ 30 ลิตร (กรองแล้ว)
2. น–าด่าง ประมาณ 30 ลิตร (กรองแล้ว)
3. N 70 จาํ นวน 2 กิโลกรมั
4. ผงขน้ หรอ] เกลือละเอียด จาํ นวน 2 กิโลกรมั
5. ไม้กวนน–ายา
6. ถังก้นเรยW บพรอ้ มฝาปด@ ขนาด 72 ลิตร หรอ] ใหญ่กวา่ นั6นก็ได้
ขัน6 ตอนการทาํ น–ายาเอนกประสงค์ ฯ
1. เท N 70 2 กิโลกรมั ลงไปในถัง แล้วกวนให้เนื6อแตกฟู (กวนให้เน6ือมีสีขาวขุ่นและมีความฟู)

๓๔

2. เทผงข้นลงไป 2 กิโลกรมั แล้วกวนให้เปน† เนื6อเดียวกัน
3. เมื9อส่วนผสมเรม9 @ เข้ากันแล้วและมีเรม9 @ มีความฝ]ดให้เติมน–าหมักลงไปก่อน 1 ขัน (เวลาเติมน–าหมัก
ให้ค่อย ๆ รน@ ลง ข้างถังจะทาํ เวลาทก9ี วนน–ายาปรม@ าณฟองจะมีน้อย)
4. เม9ือกวนไปสักพัก เติมน–าด่างลงไปอีก1 ขัน (ค่อย ๆ รน@ ข้างถังเชน่ กัน)
5. กวนน–ายาต่อไปเรอ9 ] ย ๆ เรม9 @ มีความหนืดให้เติมน–าหมักลงไปอีก 1 ขัน สลับกับน–าด่างไปมาจนหมด
6. กวนน–ายาต่อไปเรอ9 ] ย ๆ ควรกวนด้วยแรงทสี9 มา- เสมอและไปในทศิ ทางเดียวกัน เพ9ือให้น–ายามี
ความหนืดและ ปรม@ าณฟองขณะทก9ี วนน–ายามีน้อย
7. เม9ือกวนไปซกั พักหากต้องการเชค็ ดูวา่ น–ายามีความเหนียวตามทตี9 ้องการหรอ] ไม่ ให้ยกไม้พายดูวา่
น–ายาไหลจากไม้พายลักษณะเป†นเส้นแล้วหรอ] ยัง ถ้าเปน† เส้นและมีความหนืดถือวา่ เปน† อันใชไ้ ด้
8. ปด@ ฝาทงิ6 ไว้ 1 คืน เพ9ือให้ฟองยุบตัวลง วันรุง่ ขึน6 จงึ จะสามารถนํามาใชไ้ ด้
** หมายเหตุ 1.ถังควรเป†นถังก้นเรยW บ เพราะหากใชถ้ ังทก9ี ้นนนู ขนึ6 มา เวลากวนส่วนผสมจะไม่ทวั9 ถึง
และไม่เป†นเน6ือเดียวกัน
2.หากวา่ เมื9อกวนน–ายาแล้วไม่หนืดเสียทสี ามารถเติมผงขน้ เพิ9มเข้าไปได้ โดยค่อย ๆ เติมในปรม@ าณที่
น้อยแล้วค่อย ๆ กวนต่อไปจนน–ายามีความหนืดเปน† ทพี9 อใจ (ต้องกวนจนผงข้น ละลายเขา้ กับน–ายาด้วย)
3.ไม้พายกวนน–ายาต้องมีขนาดทพ9ี อเหมาะกับถังกวน ไม่เล็กหรอ] ใหญเ่ กินไปกับขนาดถัง
4.น–ายาเอนกประสงค์ฯ นี6 นอกจากจะปลอดสารเคมี ยังดีต่อดินเพราะจะเข้าไปชว่ ยบาํ รุงดิน และ
เพิ9มอาหารให้ดิน สามารถน–าไปซกั ผ้า ล้างจาน ล้างรถ หรอ] ล้างห้องน–าได้อีกทงั6 หากยัง ชว่ ยลดกลิ9นในห้องน้ํา
ได้เปน† อยา่ งดี
2. ฐานเรยW นรูค้ นรกั ษ์สุขภาพ ปรุงสมุนไพร 7 นางฟ\า
ระยะเวลา 1.30 ชวั9 โมง
วัตถุประสงค์ 1. เพ9ือเป†นการลดรายจา่ ย และรกั ษาสุขภาพตนเองและครอบครวั
2. นําพืชสมุนไพรอยู่ในพื6นทมี9 าใชป้ ระโยชน์ให้มากขึน6
ส่วนผสมสมุนไพร 7 นางฟ\า
ลูกใต้ใบ 1 กํามือ (ใชพ้ ืชรสขม ทกุ ชนิดแทนได้ เชน่ สะเดา, บอระเพ็ด,ขเ6ี หล็ก ) *กรณีกินของขม
ลาํ บากใช้ 2-3 กํามือ เชน่ กะเพรา, โหระพา,ใบเตย ยา่ นาง ใบมะกรูด ใส่ให้มากหน่อย /เหงา้ กระชาย(ทบุ ) 1
กํามือ/ ขงิ แก่(ทบุ ) 2 หัว /ข่าแก่(ทบุ ) 2-3 หัว /หอมแดง (ทบุ ) 1 กํามือ /ตะไครท้ บุ 1 กํามือ /มะนาว 1-2
ลูก / มะขามเปWยก 1 กําป9 aน / น–าเปล่า 5 ลิตร
วธ@ ตี ้ม
1.ปด@ ฝาหม้อ ต้มรวมกันให้น–าเดือด
2.รอจนน–าเดือด สัก 15 นาที ป@ดไฟ
3.ทงิ6 ไว้ 5 นาที ค่อยๆ เป@ดฝาหม้อ ให้น–าทต9ี ิดฝาหม้อไหลลงหม้อ
วธ@ ดี 9ืม (ให้เติมน–าตาลเล็กน้อย) เมื9อตักน–าใส่ถ้วยหรอ] แก้วแล้ว ให้สูดดมกลิ9นสมุนไพรขณะน–ารอ้ น ๆ
ก่อน โดยสูดกลิ9นจนน–าคลายรอ้ น แล้วค่อยดื9มน–าสมุนไพร ควรดื9มติดต่อกันทกุ วันเชา้ และเย็น 5 วัน จะ
ทาํ ให้อาการคล้ายไขห้ วดั ระยะเรม9 @ ต้นทเุ ลาลง

๓๕

* หากอยูใ่ นภาวะกลุ่มเส9ียง ควรด9ืมวันละ 3-4 แก้ว แก้วละ 250-300 ml *
* หากติดเชอ6ื แล้ว ควรดื9มชวั9 โมงละ 1 แก้ว *
* หากนํามาอาบ หรอ] อบ ไม่ต้องเติมน–าตาล *
3. ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี (ทาํ ปุ²ยแห้ง ปุย² น–า)
ระยะเวลา 1.30 ชวั9 โมง
วัตถุประสงค์ 1. เพื9อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการปรบั ปรุงบาํ รุงดินโดยอาศัยหลักกสิกรรม
ธรรมชาติ
2. เพิ9มคุณภาพของดินและลดต้นทนุ การผลิต
3. เพ9ือการดูแลสุขภาพ และเป†นอาชพี เสรม@ เพิ9มรายได้เปน† การดูแล และการปรบั ปรุงบาํ รุงดินด้วย
หลักกสิกรรมธรรมชาติโดยการทาํ ปุย² อินทรยW ์ชวี ภาพ(ปุย² หมักแห้ง) และ การทาํ น–าหมัก 7 รส ไวใ้ ชเ้ อง
รูปแบบ เทคนิคการเรยW นการสอน
1. บรรยาย การจดั การโรคพืช ใชน้ –าหมักสมุนไพร 7 รส ได้แก่
1) รสจดื ชว่ ยปรบั ปรุงบาํ รุงดิน ชว่ ยล้างสารพิษในดิน พืชทใ9ี ช้ ได้แก่ รางจดื ผักบุ้ง หน่อกล้วย
ผักตบชวา เป†นต้น
2) รสขม ชว่ ยสรา้ งภูมิคุ้มกันพืชทใ9ี ช้ ได้แก่ มะขามปอ\ ม ขเ6ี หล็ก สะเดา เปน† ต้น
3) รสเปรย6 W ว มีฤทธกิ° ัดกรอ่ น ชว่ ยยอ่ ยสลายอินทรยW วัตถุได้เรว็ ขนึ6 พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ สัปปะรด มะกรูด
มะนาว มะเฟ]อง เปน† ต้น
4) รสฝาด ชว่ ยฆ่าเชอ6ื รา ฆ่าเชอ6ื โรค พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ เปลือกมังคุด ใบฝรงั9 ผลกล้วยดิบ เปน† ต้น
5) รสเผ็ดรอ้ น ชว่ ยฆ่าแมลง พืชทใ9ี ชไ้ ด้แก่ พรก@ ขิง ขา่ เปน† ต้น
6) รสเบ9อื เมา ชว่ ยไล่แมลง พืชทใี9 ชไ้ ด้แก่ หางไหล สาบเสือ ซาดหรอ] ชาด ใบน้อยหน่า เปน† ต้น
7) รสหอมระเหย ชว่ ยไล่แมลง พืชทใี9 ชไ้ ด้แก่ ตะไคร้ กระเพรา เป†นต้นโครงสรา้ งดินดี ในดิน 1 ส่วน
: ต้องมีธาตุอาหารสําหรบั พืชประมาณ 45 % มีน–าในดิน ประมาณ 25 % มีอากาศในดินประมาณ 25 %
มีอินทรยW วตั ถุในดินประมาณ 5 %
2. ฝTกปฏิบัติการทาํ ปุ²ยหมักชวี ภาพ (ปุ²ยแห้ง)
วัสดุการทาํ ปุย² หมักแห้ง
๑. มูลสัตว์ จาํ นวน 1 ถุงปุ²ย
๒. แกลบดิบ จาํ นวน 1 ถุงปุย²

๓. เศษใบไม้ กากถั9ว กากมันส าปะหลัง กากอ้อย (อะไรก็ได้ทม9ี ีและไม่ต้องซอ6ื หรอ] ซอื6 ราคาถูก)
จาํ นวน 1 ถุงปุย²

๔. ราํ ละเอียด จาํ นวน 2 กิโลกรมั
๕. หัวเชอ6ื จุลินทรยW ์ จาํ นวน 1 ลิตร ผสมกับน–าเปล่า 10 ลิตร
ขัน6 ตอนวธ@ กี ารทาํ
1. นําส่วนผสมทงั6 หมดมาคลุกเคล้าให้เขา้ กัน
2. เกล9ียกองปุ²ยทผ9ี สมเขา้ กันแล้วออกบาง ๆ รดด้วยน–าหมักชวี ภาพทผี9 สมน–าเปล่าไวแ้ ล้วให้ ทวั9 กอง
ปุ²ยให้ชุม่ หมาด มีความชนื6 ประมาณ 30 – 35 %
3. คลุกเค้าให้เข้ากันอีกครงั6

๓๖

วธ@ กี ารเก็บ
1. ใส่ถุงกระสอบกองทงิ6 ไว้ เวน้ ชอ่ งวา่ งเพ9ือระบายอากาศบางส่วนระหวา่ งกอง (ถุง)
2. กองไวใ้ นทร9ี ม่ ใชก้ ระสอบหรอ] พลาสติกคลุมกองปุ²ยทงิ6 ไว้ กลับกองปุ²ยทกุ 5 – 7 วนั ทงิ6 ไว้
ประมาณ 3 – 4 เดือน นําไปใชไ้ ด้หรอ] จบั ดู รูส้ ึกเย็นสามารถนําไปใชไ้ ด้ ถ้ายังรอ้ นหรอ] อุ่นๆ อยู่อยา่ นําไปใช้
3. การทาํ น–าหมัก 7 รส
วสั ดุอุปกรณ์การทาํ น–าหมัก 7 รส
1. พืช ทใี9 ชท้ าํ น–าหมัก จาํ นวน 3 กิโลกรมั
2. ถังสําหรบั ใส่น–าหมัก จาํ นวน 1 ใบ
๓. น–าตาลทรายแดงหรอ] กากน–าตาล จาํ นวน 1 กิโลกรมั
๔. น–าสะอาด จาํ นวน 10 ลิตร
๕. หัวเชอ6ื จุลินทรยW ์ 1 ลิตร
6. มีดโต้
ขั6นตอนวธ@ กี ารทาํ
1. ถ้าพืชทจ9ี ะทาํ เป†นต้นหรอ] มีชนิ6 ใหญใ่ ห้สับหรอ] หั9นให้เล็กลงแต่ไม่ให้ละเอียดมากเกินไป (ประมาณ
2-3 นิ6ว)
2. นําพืชทเ9ี ตรยW มไวใ้ ส่ในถังหมัก
3. นําหัวเชอื6 จุลินทรยW ์ 1 ลิตร ผสมน–า 10 ลิตร และกากน–าตาล หรอ] น–าตาล 1 กก.
4. นําส่วนผสมในข้อ 3 ใสในถังหมักทน9ี ําพืชใส่ไวแ้ ล้ว
5. ปด@ ฝาถังหมักให้สนิท หลักจากนั6น 7 วนั ให้เป@ดฝาถังหมักระบายอากาศ (ถังจะบวม) แล้วป@ดไว้
ให้สนิทเหมือนเดิม
6. เมื9อครบ 1 เดือน เป@ดฝาถังระบายอากาศอีกครงั6 และปด@ ฝาให้สนิทเหมือนเดิม
7. เม9ือครบ 3 เดือน จงึ นําไปใชร้ ดต้นไม้ หรอ] รดพ6ืนดินทต9ี ้องการปรบั ปรุงบาํ รุงต่อไปอัตราส่วนทใี9 ช้
1. ใชก้ ับต้นไม้/พืชผัก อัตราส่วน 1 : 300 และ 2. ใชก้ ับดิน อัตราส่วน 1 : 200
ฐานเรยW นรูผ้ ่านสื9อวด@ ิทศั น์ จาํ นวน 2 ฐานได้แก่
1. ฐานเรยW นรูค้ นหัวเห็ด หลักสูตร การเพาะเห็ดนางฟ\าภูฎาน
วัตถุประสงค์ 1. เพ9ือให้ผู้เรยW นเกิดการเรยW นรู้ เข้าใจ วธ@ กี ารเพาะเห็ดนางฟ\าภูฐาน และสามารถนําไป
ปฏิบัติได้จรง@
2. เพื9อชว่ ยให้ผู้เรยW นลดรายจา่ ย เพิ9มรายได้ และพัฒนาต่อยอดเป†นอาชพี ต่อไปได้
ระยะเวลา 30 นาที คําอธบิ ายของหลักสูตร ศึกษากระบวนการเตรยW มวตั ถุดิบ การผสมก้อนเชอื6 การ
ดูแลรกั ษา และการเก็บเก9ียวผลผลิตทกุ ขั6นตอนรวมถึงการลงมือปฏิบัติทกุ ขัน6 ตอนการเพาะเห็ดนางฟ\าภูฐาน
รายการสอนและฝTกปฏิบัติ
1. ความรูเ้ บอ6ื งต้นเกี9ยวกับการเพาะเห็ดนางฟ\าภูฐาน ต้นทนุ การผลิต และความคุ้มค่า
2. อุปกรณ์ทส9ี ําคัญในการเพาะเห็ดนางฟ\าภูฎาน
3. ขัน6 ตอนการเตรยW มผสมวตั ถุดิบในการเพาะเห็ดนางฟ\า ภูฎาน
4. วธ@ กี ารหยอดเชอื6 เห็ด
5. ลักษณะโรงเรอ] นสําหรบั เพาะเห็ด

๓๗

6. การดูแลรกั ษาและการเก็บเกี9ยวผลผลิต 15 นาที
7. สาธติ การผสมก้อนเชอ6ื เห็ด การหยอดเชอื6 เห็ด การนงึ9 ฆ่า เชอ6ื ก้อนเชอื6 เห็ด พรอ้ มฝTกปฏิบัติ 30
นาที รวม 1 ชวั9 โมง
1. ฐานเรยW นรูค้ นเอาถ่าน
วัตถุประสงค์ 1. เพ9ือการดูแลปา 3 อยา่ งประโยชน์ 4 อย่าง ตามกิจกรรมของหลักกสิกรรมธรรมชาติ
2. เพิ9มมูลค่าสินค้า (ไม้เล็ก ๆ ทจ9ี ะตัดทงิ6 นํามาเผาถ่านได้หรอ] นําผลไม้มาเผาเปน† ถ่าน)
3. เพ9ือการดูแลสุขภาพ และเปน† อาชพี เสรม@ เพิ9มรายได้ในอดีต
ระยะเวลา 30 นาที สรุปถ่านเป†นทร9ี ูจ้ กั กันในทกุ ครอบครวั สามารถผลิตเองได้เป†นการพึ9งตนเอง แต่
เตาถ่านในอดีต เป†นเตาหลุมผีหรอ] เตาดินจงึ ต้องใชไ้ ม้ใหญ่ ๆ และเลือกไม้มาทาํ การเผาถ่านจงึ เป†นส่วนหนงึ9
ของการทาํ ลายปา ใชท้ รพั ยากรธรรมชาติสิ6นเปลือง ม้จงึ หมดไปอย่างหน้าใจหาย ในปจa จุบันได้มีการพัฒนา
เตาเผาถ่านในหลายรูปแบบแถมยังใชไ้ ม้กิ9งเล็ก ๆ ไม้แห้ง เศษไม้ ผลไม้ ดอกไม้ และยังสามารถใชง้ านได้ใน
หลายรูปแบบ ได้ของแถมทมี9 ากด้วยคุณค่าอีกด้วย เมื9อพูดถึงถ่านก็ต้องนึกถึงไม้ทจี9 ะนํามาเผาตรงกับแนว
พระราชดํารสั ของพระองค์ทา่ นในเรอ9 ] งของ ปา ๓ อยา่ งประโยชน์ 4 อย่าง บา้ นเราเจรญ@ เติบโตมาด้วยภาค
เกษตร การทาํ การเกษตรก็ต้อง ใชน้ –า ถ้าหมดปาเราจะหมดน–า ต้นกําเนิดของน–า คือ ปา ก่อนทเี9 ราจะเผาถ่าน
เราจะต้องปลูกต้นไม้ให้เปน† ต้นทนุ ก่อน เม9ือต้นไม้โตจะมีแขนงงอกออกมาทขี9 ้างลาํ ต้นเราก็ทาํ การตัดแต่งกิ่ง
นํามาเปน† ดอกเบี6ย ต้นทนุ เราก็ ยังอยู่เราจะใชโ้ ดยไม่รูจ้ กั หมด เปน† การสะสมไปในตัว เตาเผาถ่านของเรา
ต้นทนุ ต-าสามารถให้ผลผลิตสูงทาํ จากถัง ๒๐๐ ลิตรทเ9ี ป†นถังเหล็ก หรอ] ทาํ ด้วยถัง ๒๐ -๓๐ ลิตรก็ได้ ทาํ ครงั้
เดียวจะอยู่ได้ถึง ๒ -๓ ปW เปน† การ ประหยัดเวลาและประหยัดไม้ ในการเผาถ่านแต่ละครงั6 จะได้ของแถมที9
มากด้วยคุณค่า เป†นการสลายตัวของสารอาหารทอ9ี ยูใ่ นเน6ือไม้สีน–าตาลอมแดงหรอ] เรยW กวา่ วดู เวเนการ์ หรอ]
น–าส้มควนั ไม้ สามารถนํามาใชป้ ระโยชน์ทงั6 ในด้านการเกษตรในครวั เรอ] น ปศุสัตว์ อุตสาหกรรม วัสดุอุปกรณ์
ทใ9ี ชใ้ นการทาํ เตาเผาถ่าน ถังน–ามัน ๒๐๐ ลิตร (ถังเหล็ก) ๑ –๒ ใบ อิฐบล็อก ๘ –๑๐ ก้อน ทอ่ ใยหิน ขนาด
เส้นผ่านศูนยก์ ลาง ๔ นิ6ว ยาว ๑ เมตร ดิน และทราย สังกะสีหรอ] กระเบอ6ื ง แผ่นเรยW บ ไม้ยาวประมาณ ๔๐ –
๗๕ เซนติเมตร ๑๒ –๑๕ ทอ่ น ไม้หมอน ตัดไม้ยาว ๒๐ เซนติเมตร หรอ] ประมาณ ๒ คืบ ๓-๕ ทอ่ น เพ9ือเปน†
ชอ่ งระบายอากาศ
ขัน6 ตอนการติดตั6งเตาเผาถ่าน 1. นําถัง ๒๐๐ ลิตร ตัดฝาด้านบนออกให้สามารถเป@ดป@ดและยดึ กับ
ตัวถังได้ เจาะรูทฝี9 าถังเปน† รูปสี9เหล9ียม ขนาด ๒๐x๒๐ ซม. ตรงก้นถังเจาะรูวงกลมเส้นผ่าศูนยก์ ลาง ๔ นิ6ว
2. ปูพื6นด้วยทรายหรอ] ดินให้มีขนาดความกวา้ ง ยาวเทา่ ขนาดถัง แล้วนําถังมาวางลงไป
3. ประกอบข้องอ ๙๐ องศา กับใยหินทท9ี าํ หน้าทเี9 ป†นปล่องควัน พรอ้ มเชอ9ื มรอยต่อโดยใชด้ ินเหนียว
ผสม ขเ6ี ถ้าแกลบ แล้วใชก้ รวด หิน หรอ] อิฐ หักรองรบั น–าหนักของทอใยหิน
4. หุ้มถังด้วยดินเหนียวหนา ๓๐ ซม. หรอ] ใชไ้ ม้ตีกรอบล้อมถังและถมดินลงไปให้ทว่ มถัง เพื9อเปน†
ฉนวน ปอ\ งกันความรอ้ น จากนั6นใส่ตะแกรงเหล็กในถังก่อนจดั เรยW งไม้พื6นทไี9 ม่สดหรอ] แห้งเกินไป โดยควรใช้
ฟ]นทีต9 ัดเก็บไว้ในทีร9 ม่ ๑-๒ อาทิตย์ เรยW งซอ้ นกันจนเต็มเตา โดยเรยW งฟ]นขนาดเล็กไว้ข้างล่างฟ]นใหญ่ไว้
ข้างบน
5. ทาํ การปด@ ฝาถัง พรอ้ มใชด้ ินเหนียวผสมแกลบอุดรอยแยกถังเพ9ือปอ\ งกันไม่ให้อากาศเข้าตามรอย
แยก จากนั6นนําอิฐบล็อกมาวางให้ตรงชอ่ งหน้าเตาทเี9 จาะไวท้ ต9ี ั6งของเตาถ่าน ควรทาํ หลังคามุงกันแดดกันฝน

๓๘

เพื9อความคงทนและสะดวกในการทาํ งานหน้าเตา ส่วนตําแหนง่ ทใ9ี ชจ้ ุดไฟหน้าเตาควรขุดให้ลาดเอียง
เขา้ หาปากเตาเล็กน้อยและควรให้อยู่ต-ากวา่ พ6ืนเตาเพ9ือให้ความรอ้ นเขา้ ได้งา่ ย

การเผาถ่าน 1. การจุดไฟหน้าเตา ควรจุดให้ห่างปากเตาประมาณ ๑ ฟุต ปล่อยให้อากาศรอ้ นเทา่ นั6น
ทไี9 หลเข้าไปในเตา ขั6นตอนนี6เป†นการอบไม้ฟ]นให้แห้งควรให้ความรอ้ นจากหน้าเตาแบบค่อยเป†นค่อยไป ไม่
เรง่ รดั โหมไฟจนเกินไป เพ9ือให้ไม้ในเตาถูกอบแห้งอยา่ งทวั9 ถึงสมา- เสมอซงึ9 ใชเ้ วลาประมาณ ๒ ชวั9 โมง โดย
สังเกตควันสีขาวของความชน6ื จากเนื6อไม้ทป9ี ากทอ่ ใยหิน

2. การควบคุมไฟเตา เมื9อไม้ฟ]นภายในเตาเรม9 @ ติดไฟลุกไหม้ซงึ9 เป†นขั6นตอนทจี9 ะกลายเป†นถ่าน ให้
หยุดเติมไฟจากภายนอกและลดชอ่ งอากาศที9หน้าเตาให้เล็กลงประมาณฝาขวด ปล่อยให้เตาเผาไหม้ต่อไป
ด้วยความรอ้ นจากภายในเตาเท่านั6นโดยสังเกตดูควันที9ปากท่อซงึ9 จะเปลี9ยนเป†นสีขาวอมน–าตาลฉุนแสบตา
ให้ดักเก็บน–าส้มควันไม้ในชว่ งนี6จะได้น–าส้มควันไม้ทีม9 ีคุณภาพสูงอุณหภูมิทีป9 ล่องควันจะอยู่ที9 ๘๒ – ๑๒๐
องศา ขัน6 ตอนนี6เปน† ชว่ งทจี9 ะทาํ ให้ถ่านปลอดภัยจากสารทาร์ หรอ] น–ามันดินซงึ9 เปน† พิษต่อพืช ดิน รวมทงั6 เป็ น
สารก่อมะเรง็ จงึ เหมาะสมในการดักเก็บน–าส้มควนั ไม้

3. การปด@ เตา ในชว่ งถ่านสุกซงึ9 เป†นชว่ งทไ9ี ม้กลายเป†นถ่านอย่างสมบูรณ์สังเกตวา่ ควันจะเปลี9ยนเป†น
สีขาวอมน–าเงน@ ในชว่ งควันสีน–าเงน@ ใส ให้ขยายหน้าเตาครง9 T หนงึ9 ปล่อยไวป้ ระมาณ ๓๐ –๔๕ นาที จงึ ปด@ หน้า
เตาทงิ6 ไวอ้ ีกประมาณ ๑๕ –๒๐ นาที จงึ ปด@ หน้าเตาด้วยดินเหนียวรวมทงั6 รอยรวั9 อ9ืน ๆ อยา่ ให้มีควนั เล็ด ลอด
ออกมาได้โดยเด็ดขาด และใชผ้ ้าห่อทรายชุบน–าป@ดลงไปทปี9 ากปล่อง จากนั6นทงิ6 เตาไว้ ๑ คืน ให้เย็นลงจน
สามารถเป@ดเตา ห้ามใชน้ –ารดเตา ถ่านออกมาได้ในเชา้ ของวันถัดไป ถ่านคุณภาพจะมีลักษณะเป†นมันวาว
แก่นไม้มักมีรอยแตกเป†นรูปดอกไม้ หากใชน้ ิ6วสัมผัสจะมีฝุนถ่านสีดําติดมือมาน้อยมาก เม9ือนําไปใชใ้ ห้ความ
รอ้ นสูงการเก็บน–าส้มควนั ไม้

การดักเก็บน–าส้มควันไม้ ให้สังเกตสีของควนั เป†นสีเหลืองน–าตาลปนเทา โดยการนํากระเบอ6ื งเคลือบ
สีขาวมาอังทีป9 ล่องไฟดูจะเป†นสีน–าตาล จากนั6นนําท่อไม้ไผ่ทีเ9 ตรยW มไว้มาวางต่อกับปล่องควันโดยตั6งท่อไม้ไผ่
ให้ เอียงชนั ขนึ6 ไปประมาณ ๔๕ องศา ห่างขนึ6 ไป ๑ ข้อไม้ไผ่ ใชเ้ ลื9อยตัดเป@ดทอ่ ไม้ไผ่ให้เป†นรู เพื9อให้น–าส้มควัน
ไม้ หยดลงมาแล้วหาขวดมารองรบั น–า ทรี9 ะยะห่างขนึ6 ไปอีก ๑ ขอ้ ไม้ไผ่หรอ] ราว ๔๐ ซม. ให้ติดตั6งระบบ
ควบแน่นด้วยการใชผ้ ้าชุบน–ามาพันรอบทอ่ และใชข้ วดพลาสติกบรรจุน–าเจาะรูทฝี9 าขวดให้น–าหยดตรงบรเ@ วณ
ทีพ9 ันผ้า เพื9อให้ท่อเย็นตลอดเวลา หมั9นตรวจควันทีป9 ล่องเป†นระยะเมื9อสีน–าส้มควันไม้เข้มและมีความหนืด
มากจงึ หยุดเก็บน–าส้มควนั ไม้ ตารางการเก็บน–าส้มควันไม้ ๐๘.๐๐ น. เรม9 @ จุดไฟ ๑๐.๐๐ น. ติดไฟหน้าเตา
๑๗.๐๐ น. เรม9 @ เก็บน–าส้มควันไม้ ๑๘.๓๐ น. ป@ดเตา คุณภาพของเน6ือไม้ทจ9ี ะนํามาเผา 1. ไม้แห้ง สารอาหาร
หมดจากเนื6อไม้แล้ว ไม่ต้องเก็บน–าส้มควนั ไม้สามารถเผาเป†นถ่านได้ 2. ไม้พอหมาด ไม้ทต9ี ัดไวป้ ระมาณ ๓ –
๔ สัปดาห์ คุณภาพของน–าส้มควนั ไม้จะดี 3. ไม้สด ต้องจุดไฟหน้าเตานานเน9ืองจากความชนื6 สูง สิ6นเปลืองฟ]น
ทใ9ี ชจ้ ุดหน้าเตา คุณภาพของน–าส้มควนั ไม้ทไี9 ด้พอใช้

อัตราส่วนและการใชป้ ระโยชน์ ความเขม้ ข้นรอ้ ยละ ๑๐๐ แผลสด แผลถูกน–ารอ้ น ไฟลวก น–ากัดเทา้
และเชอื6 ราทผ9ี ิวหนงั ผสมน–า ๒๐ เทา่ ใชร้ ดทาํ ลายมดปลวก ผสมน–า ๕๐ เทา่ พ่นลงดินเพ9ือฆ่าเชอ6ื โรคทท9ี าํ ลาย
พืช หากผสมเขม้ ขน้ มากกวา่ นี6อาจทาํ ให้พืชตายได้ ผสมน–า ๑๐๐ เทา่ ใชด้ ับกลิ9น ห้องน–า ขยะ กรงสัตว์ ใชใ้ น
การเกษตร ราดโคนต้นไม้ รกั ษาโรคราและโรคเน่า รวมทงั6 ปอ\ งกัน แมลงไม่ให้วางไข่ ประสิทธภิ าพของน–าส้ม
ควันไม้ทค9ี วามเข้มขน้ จะมีฤทธพิ° อกับการอบฆ่าเชอ6ื ด้วยการรมควนั โดยผสมรดดินก่อนการเพาะปลูก ๑๐ วนั
45 ผสมน–า ๒๐๐ เทา่ พ่นทใี9 บพืชและพื6นดินรอบต้นไม้ ๗ –๑๕ วัน ใชข้ ับไล่แมลง ปอ\ งกันและกําจดั เชอ6ื รา

๓๙

กระตุ้นความต้านทานและการเจรญ@ เติบโตของพืช ผสมน–า ๕๐๐ เทา่ ฉีดพ่นผลอ่อนหลังติดผลแล้ว
๑๕ วัน ชว่ ยขยายให้ผลโตและฉีดพ่นอีกครงั6 ก่อนเก็บ เก9ียว ๒ วนั ชว่ ยเพิ9มน–าตาลในผลไม้ ถ่านไม้ไผ่ ถ่านมี
ประโยชน์ต่อภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ในภาคการเกษตรเราใชผ้ สมเป†นอาหารสัตว์ ส่วนในภาค
อุตสาหกรรมใชเ้ ป†นส่วนประกอบของเครอ9 ] งสําอาง สบู่ และยาสระผม ถ่านนอกจากจะชว่ ยในการอนุรกั ษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติทางด้านพลังงานได้อยา่ งมากมายมหาศาลแล้ว ถ่านก็ยังมีผลดีต่อโลกทงั6 ทางตรงและทาง
อ้อมอีกมากมายเหลือจะคณานับ ไม่ใชแ่ ต่เฉพาะด้านอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ยังชว่ ย
ฟ6 ]นฟูเยียวยารกั ษาสภาพทเี9 สียไปของอากาศบนผิวโลกอีกด้วย ถ่านมีคุณสมบัติพิเศษคือรูพรุนมากมาย โดย
เฉพาะถ่านไม้ไผ่จะมีรูพรุนมากกว่าถ่านทั9วไปหลายเท่าตัวรูพรุนที9มีมากมายจะทาํ หน้าที9ดูดซบั กักเก็บอาหาร
เมื9อฝaงหรอ] ผสมถ่านลงไปในดินจะชว่ ยเก็บรกั ษาอาหารและแรธ่ าตุทีพ9 ืชต้องการและชว่ ยให้ออกซเิ จนถ่ายเท
ได้ดี ยิ9งไปกว่านั6นถ่านยังมีแรธ่ าตุมากมายหลายชนิดที9มีประโยชน์ต่อพืชและเพิ9มประสิทธภิ าพของปุ²ยโดย
เฉพาะปุ²ยอินทรยW ์ ประโยชน์ของถ่านไม้ไผ่ 1. สบู่ ระงบั กลิ9นตัว กลิ9นเหล้าเบียร์ 2. ดูดสารพิษในขา้ ว 3. ล้าง
ผัก โดยการบดถ่านให้เป†นผงผสมกับน–า 4. ล้างสารพิษในรา่ งกาย ถ้าถ่านทไี9 ด้จากการเผามีคุณภาพดีจะมีค่า
กระแสไฟฟ\าสูง ซงึ9 ถ่านดังกล่าวจะนําไปทาํ ยาสีฟaน โดยนําไปบดผสมกับเกลือ การบูร พิมเสนและสามารถ
นํามาทาํ เปน† สบูถ่ ่านและหมอนถ่านได้.

วช@ าการออกแบบพื6นทเี9 ชงิ ภูมิสังคมไทยตามหลักการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั9งยืนเพื9อการ พึ9งตนเอง

และรองรบั ภัยพิบัติ

วัตถุประสงค์ : 1. เพ9ือให้ผู้เข้าอบรมทราบถึงแนวคิดการออกแบบโคก หนอง นา ตามภูมิสังคม

2. เพ9ือให้ผู้เขา้ อบรมสามารถคํานวณหาปรม@ าณน–าฝนในพื6นทข9ี องตนเองได้

เวลาสอน : 09.00 – 15.00 น.

รูปแบบการสอน : การบรรยายให้ความรู้ ใชก้ รณีตัวอย่าง และใชส้ ื9อการสอน

ขอบเขตเน6ือหาวช@ าทสี9 อน : เปน† วช@ าการบรรยายโดยวท@ ยากรทมี9 ีความรู้ ความเชย9ี วชาญเฉพาะทางใน

การออกแบบพื6นทีเ9 พื9อการจดั การพื6นทีท9 ีก9 ่อประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการออกแบบพื6นทเี9 พื9อรองรบั ปรม@ าณ

น–าฝนเพื9อใชใ้ นการอุปโภค บรโ@ ภคของเจา้ ของพื6นที9 โดยพิจารณาการออกแบบตามภูมิสังคม คือ การ

ออกแบบพื6นท9ี ทส9ี อดคล้องกับสภาพทางกายภาพของพ6ืนท9ี วถ@ ีชวี ต@ ค่านิยม ความหลากหลายของ

วฒั นธรรมและประเพณีทอ9ี ยู่รอบ ๆ บรเ@ วณนั6น ประกอบไปด้วยแนวคิด 4 แนวคิด ดังนี6

1. แนวคิดการทาํ โคก หนอง นา โมเดล เปน† การจดั การพ6ืนทซี9 งึ9 เหมาะกับการทาํ เกษตร (การจดั การ

พื6นทเี9 พื9อการกสิกรรม) แล้วมีการทาํ เกษตรแบบผสมผสานทฤษฎีใหม่ (30 : 30 : 30 : 10) โดยยึดแผนการ

จดั การน–าของชลประทานคือ การทาํ อ่างใหญเ่ พื9อเติมอ่างเล็กและอ่างเล็กเติมน–าเข้าสระน–า แต่ในพ6ืนทท9ี อี9 ยู่
นอกเขตชลประทาน เจา้ ของพื6นทจี9 ะต้องจดั การน–าด้วยตัวเองโดยยึดหลักการทว9ี า่ ฝนตกเทา่ ไรต้องกักเก็บน้ํา

ไว้ ให้ได้ทงั6 หมด ไม่ทงิ6 การปลูกขา้ วและต้องปลูกปา (วนเกษตร) ควบคู่กับการปฏิบัติงานตามหลักการทรงงาน

ของ พระราชา คือ ต้องไม่ติดตําราต้องมีความยืดหยุน่ ในการทาํ งาน ทาํ ตามภูมิสังคมและทาํ แบบคนจน (ค่อย

ๆ ทาํ ตามกําลัง) ซงึ9 การจดั การพ6ืนทเี9 หล่านี6แปลงเปน† คําไทยงา่ ยๆ คือ “โคก หนอง นา” ซงึ9 โคก หนอง นา

โมเดล นี6แต่ละพื6นทจ9ี ะมีสัดส่วนการกักเก็บน–า คือ พื6นทโี9 คกสามารถกักเก็บน–าในพ6ืนดินได้กวา่ 50 % ของ

ปรม@ าณน–าฝนทต9ี ก ส่วนพื6นทหี9 นองน–าสามารถกักเก็บน–าได้ทงั6 หมด 100 % ของปรม@ าณน–าฝนทตี9 ก ส่วนนาก็

สามารถกักเก็บน–าได้ทั6งหมด 100 % ของปรม@ าณน–าฝนที9ตกในพื6นที9เชน่ เดียวกัน มีแนวทางการปฏิบัติ

ในพื6นทดี9 ังนี6

๔๐

1) ดินทขี9 ุดทาํ หนองน–านั6นให้นํามาทาํ โคก บนโคกปลูก “ปา 3 อย่าง ประโยชน์4 อยา่ ง” ตามแนวทาง
พระราชดําร @

2) หนองน–านั6นเพื9อให้น–ากระจายไปเต็มพื6นทใ9ี ห้ขุด “คลองไส้ไก่” หรอ] คลองระบายน–ารอบพ6ืนท9ี โดย
ขุดให้คดเคี6ยวไปตามพ6ืนทเี9 พ9ือให้น–ากระจายเต็มพ6ืนทเี9 พิ9มความชุม่ ชนื6 ลดพลังงานในการรดน–าต้นไม้

3) ทาํ ฝายทดน–า เพื9อเก็บน–าเขา้ ไวใ้ นพ6ืนทใี9 ห้มากทส9ี ุดโดยเฉพาะเม9ือพื6นทโี9 ดยรอบไม่มีการกักเก็บน้ํา
ซงึ9 น–าจะหลากลงมายังหนองน–าและคลองไส้ไก่ ให้ทาํ ฝายทดน–าเก็บไวใ้ ชย้ ามหน้าแล้ง

4) พ6ืนทนี9 านั6นให้ยกคันนาให้สูงและกวา้ งโดยสูง 1 - 1.2 เมตร ความกวา้ งตามความเหมาะสม เพื9อ
ให้นาสามารถกักเก็บน–าไวไ้ ด้ในยามน–าหลาก

5) การทาํ นาให้ทาํ นาน–าลึกปลูกข้าวอินทรยW ์พื6นบ้าน โดยเรม9 @ จากการฟ6 ]นฟูดินด้วยการทาํ เกษตร
อินทรยW ์ คืนชวี ต@ เล็ก ๆหรอ] จุลินทรยW ก์ ลับคืนแผ่นดิน ข้าวพันธพุ์ 6ืนเมืองทเี9 ติบโตด้วยดินทอ9ี ุดมจะมีภูมิคุ้มกัน
ต่อโรคและแมลง

6) ควบคุมปรม@ าณน–าในนาเพื9อคุมหญ้า ทาํ ให้ปลอดสารเคมีได้ปลอดภัยทงั6 คนปลูก คนกิน
7) บนคันนาและโดยรอบพื6นทปี9 ลูกพืช ผัก สวนครวั เลี6ยงหมู เลี6ยงไก่ เล6ียงปลา ทาํ ให้พออยู่ พอกิน
พอใช้ พอรม่ เยน็ เป†นเศรษฐกิจพอเพียงขัน6 พื6นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั6นก้าวหน้า คือ ทาํ บุญ ทาํ ทาน เก็บรกั ษา
ค้าขาย และเชอื9 มโยงเป†นเครอ] ขา่ ย
8) การพัฒนาแหล่งน–าในพ6ืนท9ี ทงั6 การขุดลอก หนอง คู คลอง เพื9อกักเก็บน–าไวใ้ ชย้ าม หน้าแล้ง และ
เพิ9มการระบายน–ายามน–าหลาก
2. หลักการคํานวณเชงิ ปรม@ าณ เป†นหลักการคํานวณเพ9ือหาปรม@ าณน–าฝนทตี9 กในพ6ืนทขี9 องเรา โดย
สิ9งทเ9ี ราใชเ้ ป†นเครอ9 ] งมือในการกักเก็บน–าฝนคือ การขุดสระหรอ] การขุดบอ่ น–าโดยเราจะต้องคิดเสมอวา่ เราต้อง
กักเก็บน–าฝนทุกหยดเพื9อไว้ใชต้ ลอดปWหรอ] เราต้องกักเก็บน–าฝนในพื6นทีข9 องเราให้ได้มากทีส9 ุด สิ9งทีเ9 ราควรรู้
เพื9อประกอบการคํานวณการเก็บน–าฝนไวใ้ นสระน–าหรอ] บ่อน–านั6น เราต้องรูป้ รม@ าณน–าฝนทตี9 กในพื6นทขี9 องเรา
ให้ได้เสียก่อน โดยใชเ้ ครอ9 ] งมือ search engine ค้นหาปรม@ าณน–าฝนทต9ี กในเขตพื6นทีท9 ต9ี ้องการ จาํ นวนพื6นที่
ทเี9 รา ต้องการทาํ โคก หนอง นา ขอ้ มูลเพียง 2 อยา่ งก็ทาํ ให้เราทราบแล้ววา่ เราต้องกักเก็บน–าเพ9ือใชใ้ นการ
บรโ@ ภค จาํ นวนเทา่ ใด หลักการสําคัญของโคก หนอง นา โมเดล คือ การเก็บกักน–าทตี9 กลงมาจากฟ\าไวใ้ ห้ได้
มากทสี9 ุดโดย สามารถเก็บไวใ้ นสภาพทอ9ี ยู่ในธรรมชาติ ได้แก่
หนองน–า การขุดหนองหรอ] สระเก็บน–าทดี9 ี ควรมีลักษณะคดโค้ง และมีความต่างระดับลึกตื6นเพราะ
การ ขุดหนองลงไปเป†นรปูสี9เหลี9ยมหน้าตัดทาํ ให้ปลาไม่สามารถวางไขไ่ ด้เพราะปลาจะวางไข่บรเ@ วณตะพักส่วน
ความลึก ของหนองขึ6นอยู่กับปรม@ าณน–าฝนทีต9 กในพื6นที9 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว(รชั กาลที9 9) ทรง
คํานวณน–าอย่างละเอียด พบวา่ ใน 1 ปW มีวนั ทฝ9ี นไม่ตก 300 วัน ซงึ9 วันทฝี9 นไม่ตกนี6 น–าจะระเหยไปวันละ 1
เซนติเมตร ดังนั6นใน 1 ปW น–าจงึ ระเหยไป 3 เมตร การขุดบ่อจงึ ต้องขุดลึกมากกวา่ 3 เมตร เพ9ือให้มีน–าเหลือ
พอในหน้าแล้งหรอ] ชว่ งทฝ9ี นทงิ6 ชว่ ง
โคก นําดินทข9ี ุดจากหนองน–ามาทาํ เป†นโคก บนโคกสามารถปลูกปา 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง คือใช้
เป†นไม้ใชส้ อยเพ9ือสรา้ งบา้ นเรอ] นและชว่ ยสรา้ งความรม่ เย็น ความชุม่ ชน9ื ในพื6นทค9ี วรปลูกปาเป†นไม้ 5 ระดับ
ได้แก่ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เต6ีย ไม้เรย9 W ดิน และพืชหัวใต้ดิน เพ9ือให้รากสานกันหลายระดับรากพืชจะทาํ หน้าทเี9 ก็บ
กักน–าไวใ้ ต้ดิน นอกจากน6ีควรปลูกแฝกเพ9ือชว่ ยปอ\ งกันการพังทลายของหน้าดิน ปาทอี9 ยูบ่ นโคกสามารถกัก
เก็บน–าใต้ดินไวป้ ระมาณ 50% ของปรม@ าณน–าฝนทต9ี กลงมา ตําแหนง่ ของปาควรอยู่ทศิ ตะวันตกเพื9อชว่ ยบัง

๔๑

แสงอาทิตย์ยามบ่าย นาควรทาํ คันนาสูงอย่างน้อย 1 เมตร เพราะเมื9อฝนตกลงในพื6นที9นา จะ
สามารถเก็บน–าได้เทา่ กับ ความสูง×ความยาวของคันนา เชน่ นา 1 ไรม่ ีขนาด 1,600 ตร.ม. เมื9อยกคันนาสูง 1
เมตร จะ สามารถเก็บน–าได้ 1,600 ลบ.ม. แต่น–าทเ9ี ก็บไวใ้ นนาจะค่อย ๆ ซมึ ลงดินอยา่ งน้อย 50 % จงึ เหลือ
น–าทอ9ี ยู่ 24 บนผิวดิน ครง9 T หนงึ9 ของปรม@ าณน–าทงั6 หมด คือ 800 ลบ.ม. แต่น–าทซี9 มึ หายไปจะชว่ ยสรา้ งความชุม่
ชนื9 และเก็บน–าไว้เป†นน–าใต้ดิน นอกจากนี6การสรา้ งคันนาที9ใหญ่จะทาํ หน้าที9เหมือนเขื9อนชว่ ยเก็บน–าไว้ในนา
และสามารถปลูก พืช ผักหรอ] ไม้ผล ได้อีกด้วย

คลองไส้ไก่ ควรขุดคลองไส้ไก่ให้คดเคี6ยวทั9วพื6นที9เพื9อเป†นทางน–าบนดินส่งความชุม่ ชนื9 ไปทั9วพื6นที9
โดยไม่ต้องเสียค่าใชจ้ า่ ยสําหรบั การติดตั6งทอ่ ส่งน–าหรอ] สปรง@ เกอร์ ซงึ9 ตลอดแนวคลองไส้ไก่ก็สามารถปลูกพืช
ผัก ผลไม้ต่าง ๆ ได้อีกด้วย ในแนวคลองไส้ไก่ควรขุดบอ่ พักน–าหรอ] หลุมขนมครกไวเ้ ป†นระยะเพื9อดักเก็บน–าไว้
ซงึ9 บอ่ พักน–าจะชว่ ยเพิ9มความชน9ื สัมพัทธใ์ นพ6ืนท9ี และลดภาระทต9ี ้องคอยรดน–าพืชอยูต่ ลอด

3. หลักความสัมพันธต์ ามภูมิสังคม การออกแบบพ6ืนทแี9 ปลงเพ9ือจดั เก็บน–าในระดับไรน่ า ใชห้ ลักการ
ออกแบบตามหลักภูมิสังคมมาประยุกต์กับการออกแบบผังแปลง โดยหลักการมีปaจจยั หลักทสี9 ําคัญของการ
ออกแบบพ6ืนทภี9 ูมิ คือ สภาพทางกายภาพ เชน่ สภาพดิน น–า ลม ไฟ(แสงแดด) สังคม วัฒนธรรม ความเชอื9
ภูมิปaญญาดั6งเดิมทีอ9 ยู่ในพื6นที9 ซงึ9 ในการออกแบบจะให้ความสําคัญกับ “สังคม” มากกว่า “ภูมิ” คือต้อง
ออกแบบตามสังคมและวัฒนธรรมของคนทอี9 ยู่ แม้ว่าภูมิประเทศจะเหมือนกันก็ตาม หากสังคมต่างกันการ
ออกแบบก็จะต่างกันออกไปมีหลักพิจารณา ดังนี6 1) ปรม@ าณน–าฝนเฉลี9ยต่อปWทต9ี กในพ6ืนที9 2) ความสูง – ต่ํา
ของพ6ืนทแ9ี ละทศิ ทางการไหลของน–าในแปลง 3) การวางองค์ประกอบของพื6นทใ9ี ห้มีความสัมพันธส์ อดคล้อง
ภูมิสังคม ดังน6ี น–า : สระน–าควรวางในตําแหนง่ ทลี9 มรอ้ นพัดผ่าน (จากทศิ ตะวันตกเฉียงใต้ ไปทศิ ตะวันออก
เฉียงเหนือ) และขุดเลียนแบบธรรมชาติ ดิน : เราต้องรูจ้ กั ลักษณะของดินเพื9อทจ9ี ะวางแผนขุดสระน–าอยา่ ง
หมาะสมหรอ] ต้องปรบั สภาพดินอย่างไร ซงึ9 ตําแหนง่ ของโคกควรวางในตําแหนง่ ทางทศิ ตะวนั ตกเพื9อให้ต้นไม้
ใหญบ่ ังแสงแดดในตอนบา่ ย เปน† ต้น ลม : ควรศึกษาทศิ ทางลมวา่ ลมรอ้ น ลมหนาว และลมฝนพัดมาทางทศิ
ใด โดยทัว9 ไปลมฝนหรอ] ลมมรสุมจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ส่วนลมหนาวหรอ] ลมข้าวเบาจะพัดมาทาง
ทศิ ตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั6นการวางตําแหนง่ อาคารบา้ นเรอ] นไม่ควรวางขวางทศิ ทางลมหนาว นอกจากนี้
การออกแบบบ้านให้มีทิศทางของชอ่ งลมสอดรบั กับลมที9พัดมาแต่ละฤดูกาล ซงึ9 จะชว่ ยเรอ9 ] งของการลดใช้
พลังงานในบ้านชว่ ยทาํ ให้บา้ นเย็นอยู่สบายมากขนึ6 ไฟ (แสงแดด) : สํารวจทศิ ทางแสงแดด ทศิ ทางการขนึ้
และลงของดวงอาทติ ย์ในแต่ละฤดูกาล เพื9อให้การวางตําแหนง่ ของแต่ละกิจกรรมเหมาะสมทสี9 ุด เชน่ บ้านให้
หน้าต่างบ้านรบั แสงตอนเชา้ การวางตําแหนง่ ให้เงาต้นไม้บังแดดในยามบา่ ย การวางตําแหนง่ แปลงนาให้วาง
ในแนวทศิ ตะวนั ออก - ตะวันตก เปน† ต้น คน : ถือเปน† ตัวแปรทสี9 ําคัญ ควรจะออกแบบให้เหมาะสมกับฐานะ
และกําลังของเจา้ ของทด9ี ินและประโยชน์ใชส้ อยเป†นหลัก
4. หลักการเขยี นแบบ เปน† การถ่ายทอดความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยการเขยี นหรอ] วาดเส้น รูปภาพ สัญลักษณ์
และรายการประกอบแบบลงบนกระดาษเขียนแบบหรอ] คอมพิวเตอรเ์ พื9อใชเ้ ป†นแนวทางในการสรา้ งหรอ] การ
ซอ่ มแซมชนิ6 งานต่าง ๆ เปน† ไปอยา่ งถูกต้อง โดยแบบจะแสดงรายละเอียดหรอ] ข้อกําหนดของงานทช9ี า่ งหรอ] ผู้
ปฏิบัติงานต้องเข้าใจตรงกันกับผู้ออกแบบสามารถอ่านแบบได้ถูกต้องและปฏิบัติตามรูปแบบรายการที9
กําหนดไวไ้ ด้ ลักษณะของแบบโดยทวั9 ไปมี 3 ลักษณะ ได้แก่ รูปแปลนและรูปด้าน รูปตัด และรูปขยาย ซงึ9
การเขยี นแบบสามารถเขยี นได้ 2 ลักษณะคือ การเขียนแบบด้วยมือเปล่าและเขยี นแบบด้วยเครอ9 ] งมือและ
อุปกรณ์

๔๒

ผลการเรยW นรูข้ องผู้เขา้ รว่ มการอบรม : ผู้เข้าอบรมมีส่วนรว่ มในการเรยW นรู้ เน9ืองจากวท@ ยากรได้ยกตัวอย่าง

การคํานวณเพ9ือออกแบบพ6ืนทต9ี าม โมเดล โคก หนอง นา ทาํ ให้ผู้เขา้ อบรมทราบวา่ การออกแบบต้องคํานวณ

หาพื6นที9แบ่งเป†น 3 ส่วน คือพื6นที9ของ โคก ของหนอง และนา ซงึ9 ทาํ ให้ผู้เข้าอบรมสามารถคํานวณ

อย่างครา่ ว ๆ ได้หลังจากฟaงบรรยายมีการให้ใบงาน ให้แต่ละกลุ่มชว่ ยกันคิดคํานวณและออกแบบพ6ืนที9

ทโี9 ครงการจดั เตรยW มไว้

วช@ า การจดั การพ6ืนท9ี Work Shop จาํ ลองการจดั การพ6ืนที9

วท@ ยากรกลุ่ม : ทมี ครูพาทาํ ประจาํ จุดการฝTกอบรม

วตั ถุประสงค์ : 1) เพื9อให้ผู้เขา้ อบรมสามารถคํานวณหาปรม@ าณน–าฝนในพ6ืนทขี9 องตนเองได้

1. ผู้เขา้ อบรมมีหลักคิดในการออกแบบพื6นทขี9 องตนเองตามความสัมพันธข์ อง ดิน น–า ปาและคน

เวลาสอน : 15.00 – 18.00 น.

รูปแบบการสอน : การบรรยาย และแบง่ กลุ่มฝTกปฏิบัติตามจุดของแต่ละอําเภอ

ขอบเขตเนื6อหาวช@ าทีส9 อน : เนื6อหาวช@ านี6เป†นความต่อเนื9องจากวช@ าการออกแบบเชงิ ภูมิสังคมไทย

ตามหลักการพัฒนาอยา่ งยัง9 ยนื เพ9ือรองรบั ภัยพิบัติ ซงึ9 ผู้เข้าอบรมต้องคํานวณหาปรม@ าณต่าง ๆ ตามทไ9ี ด้รบั

มอบหมาย โดยมีการออกแบบเบอ6ื งต้นในกระดาษฟลิตชารต์ จากนั6นแต่ละกลุ่มต้องลงไปออกแบบในพ6ืนทที9 9ี

จดั ไว้ นั6นคือถาดพื6นที9สี9เหลี9ยมและดินน–ามันซงึ9 ใชใ้ นการป6 aนแต่งให้เป†นพื6นที9ที9ต้องการตามที9กลุ่มรว่ มกัน

ออกแบบและวท@ ยากรผู้สอนมีโจทยแ์ ก่ผู้เขา้ อบรมเพ9ือฝTกการคํานวณหาพ6ืนทใ9ี นการออกแบบโคก หนอง นา

ดังน6ี

พ6ืนท9ี 12 ไร่ มีปรม@ าณน–าฝนเฉล9ียต่อ/ปW 1300 ลูกบาศ์เมตร/ปW ครอบครวั อาศัยอยู่ 7 คน (ต้องเก็บ

น–าฝนให้ได้ มากกวา่ 120 %) และต้องทาํ โคก หนอง นา ให้เป†นศูนย์เรยW นรู้ ต้องมีฐานเรยW นรู้ 9 ฐาน โดยทศิ

เหนือติดไรม่ ันสําปะหลัง ทศิ ใต้ติดทอ9ี ยู่อาศัย ทศิ ตะวันออกและทศิ ตะวันตก ติดนาขา้ วเคมี

ผลการเรยW นรูข้ องผู้เข้ารว่ มการอบรม : 1) ผู้เข้าอบรมสามารถคํานวณปรม@ าณน–าฝนทีต9 กลงมาใน

พ6ืนทไ9ี ด้ 2) ผู้เข้าอบรมสามารถออกแบบพื6นท9ี โคก หนอง นา ตามแบบทกี9 ลุ่มรว่ มกันระดมความคิดได้

วช@ า สุขภาพพึ9งตน พัฒนา 3 ขุมพลัง “พลังกาย พลังใจ พลังปญa ญา”

วตั ถุประสงค์ เพ9ือเตรยW มความพรอ้ มให้ผู้รบั การฝTกอบรมก่อนเข้าสู่บทเรยW นในแต่วนั

ระยะเวลา 1.00 ชวั9 โมง (ภาคเชา้ ก่อนเข้ารายวช@ าในแต่ละวนั ของการฝTกอบรม)

ขอบเขตเน6ือหา เพ9ือเตรยW มความพรอ้ ม ของพลังกาย พลังใจ พลังปญa ญา

เทคนิควธ@ กี าร 1. พลังกาย (ออกกําลังกาย ทา่ ทางประกอบ)

2. พลังใจ (ฝTกสมาธิ สรา้ งสติในการรบั รู)้

3. พลังปaญญา (ชมคลิป VDO สรา้ งแรงบันดาลใจในการใชช้ วี ต@ )

ผลการเรยW นรู้

การสรา้ งพลังกาย เปลี9ยนทา่ ทางและการเคล9ือนไหวรา่ งกายให้เปน† สิ9งทท9ี รงพลังมากๆ แต่

คนส่วนใหญก่ ็ไม่เขา้ ใจและไม่ได้ใชป้ ระโยชน์จากรา่ งกายของตนเองอยา่ งเต็มท9ี การออกกําลังกายคือยาวเ@ ศษ

ในการทาํ ให้รา่ งกายแข็งแรง และไม่มีโรคภัยเบียดเบยี น ทาํ ให้มีความสุขมากยิง9 ขึน6

การสรา้ งพลังใจ คิดอย่างมีสติ อะไรก็ตามทคี9 ิดหรอ] ทาํ แล้วให้พลังใจกับชวี ต@ ให้ความเบิกบานใจ ให้

ความสุข เห็นคุณค่าในตนเอง จติ วญ@ ญาณสูงส่งขึน6 นั6นคือปลุกพลังในตัวเอง เมื9อเปรยW บเทยี บศักยภาพ

มนษุ ย์เหมือนรถยนต์ ก็เหมือนกับยกระดับเครอ9 ] งยนต์ให้มีสรรถนะสูงขนึ6 นั6นเอง เชน่ เมื9อตั6งเปา\ หมายทจ9ี ะทาํ

๔๓

โคก หนอง นา ให้ประสพความสําเรจ็ ภายใน 5 ปW อาจกลายเป†นแค่ 3 ปW ก็ประสพความสําเรจ็ แล้ว
และอีกอย่างหนงึ9 คนเราตื9นมาไม่เคยนึกถึงตัวเองเลย ลองสักเกตุดูเชน่ คนเปน† แม่เปน† พ่อ ตื9นมา คิดถึงเรอ9 ] งๆ
อื9นๆก่อน วนั น6ีจะกินอะไร ลูกจะไปโรงเรยW นอยา่ งไร พ9ีน้องเขาอยู่อย่างไร เป†นต้น เรามาลองคิดถึงตัวเองก่อน
หากต9ืนนอนก่อนลุกขนึ6 ไปทาํ ภารกิจให้นอนดูลมหายใจเข้าออก สัก 3 – 5 นาที ก่อนลุก หรอ] คิดอยา่ งอ9ืนจะ
ทาํ ให้ทาํ งานอยา่ งมีสติในวนั นั6นทงั6 วนั

การสรา้ งพลังปaญญา ให้ผู้เข้าอบรมเกิดการปรบั เปรยW นกระบวนการคิด มีความคิดทสี9 อดคล้องกับ
หลักเหตุและผล หลักวท@ ยาศาสตรแ์ ละภูมิปญa ญาทอ้ งถิ9น นําความรูท้ ไ9ี ด้ไปแก้ปญa หาได้จรง@ เป†นรูปธรรม ต่อย
อดไปสู่การขับเคลื9อนในการสรา้ งเศรษฐกิจ สังคม สิ9งแวดล้อมทสี9 มดุล ดําเนินชวี ต@ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ
พอเพียงเพื9อความสุขทยี9 ั9งยนื ให้กับชวี ต@ และชมคลิป VDO สรา้ งแรงบันดาบใจเพ9ือสรา้ งพลังบวกให้กับชวี ต@ ได้
มองโลกได้กวา้ งขนึ6 ชดั เจนขึน6 และนําแนวคิดมาปรบั ใชก้ ับชวี ต@ ตนเอง

๔๔

ส่วนท9ี 3

การประเมินผลโครงการ

การประเมินผลโครงการฝTกอบรมโครงการพัฒนาพื6นที9ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวต@ ตามหลัก
ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมท9ี 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรม
สู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนองนา ประจาํ ปWงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ใชแ้ บบสอบถามออนไลน์
ผ่าน Google form เปน† แบบประเมิ นผลโครงการ จาํ นวน 1 ชุด ผลการจดั เก็บข้อมูล พบวา่ มีผู้เข้ าอบรมท่ี
ตอบแบบสอบถามจาํ นวน 194 คน ตามจาํ นวนกลุ่มเป\าหมายทเ9ี ขา้ รบั การฝTกอบรม
3.1 ระเบียบวธ@ กี ารประเมิน

การประเมินผลโครงการพัฒนาพื6นที9ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่
“โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที9 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอ
เพียง รูปแบบ โคก หนองนา ประจาํ ปงW บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ผู้ประเมินได้ประเมินโดยยึดจุดมุ่งหมาย
(Goal Based Model) การประเมินในรูปแบบนี 6เป†นการประเมินผลโดยยึดวัตถุประสงค์ของโครงการ
ครอบคลุมถึงหลักสูตรการฝTกอบรมด้านเนื6อหา ความรู้ ความเข้าใจ ของผู้เข้าอบรม ก่อน – หลัง ด้านความ
พึงพอใจ ด้านความรู้ ความสามารถของวท@ ยากร ข้อเสนอแนะเพิ9มเติม ความรูค้ วามเข้าใจ การนําไปใช้
ประโยชน์ ของผู้เข้ารว่ มโครงการ ข้อเสนอแนะ วธ@ กี ารประเมินได้กล่าวถึงวธ@ กี ารและอุปกรณ์ แนวคิดในการ
วเ@ คราะห์กลุ่มเป\าหมาย เครอ9 ] งมือทใ9ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล การวเ@ คราะห์ข้อมูล และสถิติในการวเ@ คราะห์
ขอ้ มูล
3.2 วธ@ กี ารและเครอ9 ] งมือ

3.2.1 กลุ่มเปา\ หมายในการประเมิน เข้ารบั การฝTกอบรมฯ ๑ รุน่ จาํ นวน 196 คน
3.2.2 เครอ9 ] งมือทใี9 ชใ้ นการเก็บรวมรวมข้อมูล ใชแ้ บบสอบถามออนไลน์ (Google Form)
3.3 การเก็บรวมรวมขอ้ มูล ส่งแบบสอบถามทางออนไลน์ให้กับผู้เข้ารบั การฝTกอบรมฯ จาํ นวน 664 คน
3.4 การวเ@ คราะห์ขอ้ มูล
สถิติในการใชว้ เ@ คราะห์ข้อมูล ดําเนินการวเ@ คราะห์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ โดยใชโ้ ปรแกรม IBM

SPSS for Windows 23 (Statistical Package for the Sciences) วเ@ คราะห์หาค่ารอ้ ยละ ค่าเฉลี9ย
ทงั6 นี6 ผู้ประเมินได้กําหนดคะแนน เพื9อจดั หาระดับความเห็นในแต่ละคําถาม ตามแบบของลิเคอรท์ ดังนี้

การประเมินความคิดเห็นแบ่งออก 5 ระดับจาก มากทสี9 ุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยทสี9 ุด
แปรข้อมูลทไี9 ด้รบั การวเ@ คราะห์ ดังน6ี

- ค่าเฉลี9ยทไ9ี ด้รบั การวเ@ คราะห์ระหวา่ ง 4.50 – 5.00 มีค่าเทา่ กับ มากทส9ี ุด
- ค่าเฉล9ียทไี9 ด้รบั การวเ@ คราะห์ระหวา่ ง 3.50 – 4.49 มีค่าเทา่ กับ มาก
- ค่าเฉลี9ยทไ9ี ด้รบั การวเ@ คราะห์ระหวา่ ง 2.50 – 3.49 มีค่าเทา่ กับ ปานกลาง
- ค่าเฉล9ียทไ9ี ด้รบั การวเ@ คราะห์ระหวา่ ง 1.50 – 2.49 มีค่าเทา่ กับ น้อย
- ค่าเฉลี9ยทไ9ี ด้รบั การวเ@ คราะห์ระหวา่ ง 1.00 – 1.49 มีค่าเทา่ กับ น้อยทส9ี ุด

๔๕

การประเมินผลรายวช@ าเป†นการประเมินความคิดเห็นในด้านการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของรายวช@ า
ระยะเวลาและเนื6อหาในรายวช@ า ประโยชน์และคุณค่าของการฝTกอบรมต่อการนําไปใชก้ ารปฏิบัติงาน ความรู้
ความเขา้ ใจในรายวช@ าก่อนการฝTกอบรมและหลังการฝTกอบรม ความคิดเห็นเก9ียววท@ ยากร แบง่ เป†น 5 ระดับ
คือ มากทส9ี ุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยทส9ี ุด แปรข้อมูลทไ9ี ด้รบั การวเ@ คราะห์ ดังน6ี
3.5 ผลการประเมิน

การประเมินผลโครงการพัฒนาพ6ืนทต9ี ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ต@ ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่
“โคก หนอง นา โมเดล” กิจกรรมที9 1 ฝTกอบรมเพิ9มทกั ษะระยะสั6นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจ
พอเพียง รูปแบบ โคก หนองนา ประจาํ ปงW บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีดังนี6
ตอนที9 1 ข้อมูลทวั9 ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม

จาํ แนกตามปaจจยั ส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา (รายละเอียดแสดงตามตารางท9ี 1)
ตารางท9ี 1 แสดงขอ้ มูลทวั9 ไปของผู้เข้ารบั การฝTกอบรม

จาํ นวนผู้ตอบแบบสอบถาม จาํ นวน 196 คน

ข้อมูล จาํ นวน (คน) รอ้ ยละ

1. เพศ

ชาย 117 53.2

หญงิ 79 46.8

2. อายุ

ต-ากวา่ 30 ปี --

30 - 39 40 12

40 - 49 91 27.3

50 - 59 144 43.2

มากกวา่ 60 ปW 58 17.4

3. การศึกษา

ระดับประถมศึกษา 32 9.6

ระดับมัธยมศึกษา 201 60.4

ระดับปรญ@ ญาตร W 89 26.7

ระดับปรญ@ ญาโท 11 3.3

ระดับปรญ@ ญาเอก --

๔๖

จากตารางพบวา่
ผู้เขา้ รบั การฝTกอบรมส่วนใหญ่เป†นเพศชาย จาํ นวน 117 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 53.2 และหญิง จาํ นวน

7๙ คน คิดเป†นรอ้ ยละ 46.8 ส่วนใหญม่ ีอายุระหวา่ ง 50 – 59 ปW จาํ นวน 114 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 43.2 รอง
ลงมาตามลาํ ดับคืออายุระหวา่ ง 40 – 49 ปW จาํ นวน 91 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 27.3 อายุมากกวา่ 60 ปW จาํ นวน
58 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 17.4 และอายุระหวา่ ง 30 – 39 ปW จาํ นวน 40 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 12 ส่วนใหญก่ าร
ศึกษาระดับมัธยมศึกษา จาํ นวน 201 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 60.4 รองลงมาระดับปรญ@ ญาตร W จาํ นวน 89 คน
คิดเป†นรอ้ ยละ 26.7 ระดับประถมศึกษา จาํ นวน 32 คน คิดเป†นรอ้ ยละ 9.6 และระดับปรญ@ ญาโท
จาํ นวน 11 คน คิดเปน† รอ้ ยละ 3.3

ตารางที9 2 ความคิดเห็นต่อการบรห@ ารโครงการ

ประเด็น ระดับความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย การ

มาก มาก ปาน น้อย น้อย แปรผล

ทส9ี ุด กลาง ทส9ี ุด

ส่วนท9ี 2 ความคิดเห็นต่อการบรห@ ารโครงการ

2.1 การประสานงานของเจา้ 165 117 35 16 - 4.29 มาก
หน้าทโ9ี ครงการ 49.5% 35.1% 10.5% 4.8%

2.2 การอํานวยความสะดวกของ 202 76 36 19 - 4.38 มาก

เจา้ หน้าทโี9 ครงการ 60.7% 22.8% 10.8% 5.7%

2.3 ความเหมาะสม สอดคล้อง 127 151 55 - - 4.22 มาก
ของเน6ือหาหลักสูตร 38.1% 45.4% 16.5%

2.4 เนื6อหาหลักสูตรเปน† ปaจจุบัน 134 144 53 2 - 4.23 มาก

ทนั ต่อการเปล9ียนแปลง 40.3% 43.2% 15.9% 0.6%

2.5 ระยะเวลาการฝTกอบรม 103 177 51 2 - 4.14 มาก

30.9% 53.2% 15.3% 0.6%

2.6 เอกสารประกอบการฝTก 140 92 83 18 - 4.06 มาก
อบรม 42.1% 27.6% 24.9% 5.4%

2.7 การมีส่วนรว่ มในการแสดง 136 102 78 17 - 4.07 มาก
ความคิดเห็น 40.9% 30.6% 23.4% 5.1%

2.8 ความคุ้มค่าของการฝTกอบรม 216 62 55 - - 4.48 มาก
64.9% 18.6% 16.5%

๔๗

จากตารางส่วนที9 2 พบวา่
ด้านความคิดเห็นต่อการบรห@ ารโครงการเมื9อพิจารณาพบว่าประเด็นความคุ้มค่าของการฝTกอบรม

ค่าเฉล9ีย 4.48 อยู่ในระดับมาก รองลงมาประเด็นการอํานวยความสะดวกของเจา้ หน้าทโี9 ครงการ ค่าเฉลี9ย
4.38 อยู่ในระดับมาก ประเด็นการประสานงานของเจา้ หน้าทีโ9 ครงการ ค่าเฉลี9ย 4.29 อยู่ในระดับมาก
ประเด็นเนื6อหาหลักสูตรเปน† ปaจจุบันทนั ต่อการเปลี9ยนแปลง ค่าเฉลี9ย 4.23 อยูใ่ นระดับมาก ประเด็นความ
เหมาะสม สอดคล้องของเนื6อหาหลักสูตร ค่าเฉลี9ย 4.22 อยูใ่ นระดับ มาก ประเด็นระยะเวลาการฝTกอบรม
ค่าเฉล9ีย 4.14 อยู่ในระดับมาก ประเด็นการมีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ค่าเฉลี9ย 4.07 อยู่ใน
ระดับมาก และประเด็นเอกสารประกอบการฝTกอบรม ค่าเฉลี9ย 4.06 อยูใ่ นระดับมาก

ตอนท9ี 2 . ความรู้ ความเขา้ ใจ ของผู้เข้าอบรม
วช@ า หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่
บรรยายโดย นางประภา ปานนิตยกุล ผู้อํานวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก

ประเด็น ระดับความคิดเห็น ค่าเฉล9ีย การ

มาก มาก ปาน น้อย น้อย แปรผล

ทส9ี ุด กลาง ทสี9 ุด

1. ความรู้ ความเขา้ ใจ ของผู้เข้าอบรม ก่อน - หลัง

1.1 ก่อนการฝTกอบรม 35 40 138 101 19 2.91 ปาน
10.5% 12% 41.4% 30.4% 5.7% กลาง

1.2 หลังการฝTกอบรม 70 208 54 1 - 4.04 มาก

21% 62.6% 16.2% 0.3%

2. ด้านความพึงพอใจ

2.1 หัวข้อหลักสูตรตรงกับ 136 165 29 2 1 4.30 มาก
วตั ถุประสงค์ในการจดั ฝTกอบรม 40.9% 49.5% 8.7% 0.6% 0.3%

2.2 ผู้เขา้ อบรมได้มีส่วนรว่ มใน 57 195 76 5 - 3.91 มาก

การแสดงความคิดเห็น 17.1% 58.6% 22.8 1.5%

%

2.3 เป†นประโยชน์ต่อการนําไป 185 117 30 1 - 4.46 มาก
ใชใ้ นการปฎิบัติงานของทา่ น 55.6% 35.1% 9% 0.3%

2.4 สามารถนําไปประยุกต์ใชใ้ น 160 128 40 41 4.33 มาก
การดําเนินชวี ต@ ได้ 48.1% 38.4% 12% 1.2% 0.3%


Click to View FlipBook Version