The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 0957628695t, 2021-03-25 01:05:20

COVID19

COVID19

COVID-19 คอื อะไร มารู้จกั โคโรนาไวรสั สาย

พันธใ์ุ หม่ ที่ทำลายปอดได้

โรคนี้เกดิ จากเชอ้ื ไวรสั เชอ้ื เดยี วกับไขห้ วดั แต่ทำไมอาการถงึ รนุ แรง แล้วโคโรนาไวรสั เข้าไป
ทำลายปอดจนเน้ือเย่ือเสียหายไดถ้ าวรเลยไหม มาทำความเข้าใจกอ่ นต่นื ตระหนกไปมากกว่านี้

สถานการณ์ COVID-19 ยังคงขยายวงกวา้ งอย่างต่อเนอ่ื งในหลาย ๆ ประเทศ รวมถงึ ในบ้านเราเอง
ด้วย ดังนั้นเพ่ือความชดั เจนในข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่กำลงั ระบาดอยูใ่ นขณะนี้ เราอยากให้มาทำความรู้จักโรค
COVID-19 ใหก้ ระจ่าง พร้อมไขข้อสงสยั เกย่ี วกับความรุนแรงของโคโรนาไวรัส เชอื้ นี้ทำลายปอดไดแ้ ค่ไหน มา
เช็กเลย

COVID-19 คืออะไร

โรค COVID-19 คือ โรคตดิ เชือ้ จากไวรัสชนดิ หนง่ึ ซ่ึงพบการระบาดในช่วงปี 2019 ทีเ่ มืองอู่ฮน่ั
ประเทศจนี โดยในตอนนน้ั เราจะรู้จักกนั โรคนี้ในช่อื วา่ ไวรัสอูฮ่ นั่ ก่อนทภ่ี ายหลังจะระบเุ ชอ้ื ก่อโรคไดว้ ่าเป็น
เชื้อในตระกลู โคโรนาไวรสั แต่เป็นสายพันธ์ุใหมท่ ่ีไมเ่ คยเกิดขน้ึ มาก่อน ดังนน้ั ทางองค์การอนามยั โลก จึงได้ต้ัง
ชอื่ โรคติดตอ่ ชนดิ น้ีใหมอ่ ยา่ งเป็นทางการ โดยมชี ่ือว่า COVID-19 เพ่ือไม่ให้เกิดรอยมลทินกบั พ้ืนท่ีท่ีเกิดการ
ระบาดของโรคด้วย

โคโรนาไวรัส เชือ้ นม้ี มี านานและหลายสายพนั ธ์ุ

โคโรนาเป็นเชอื้ ไวรสั ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ โรคทางเดนิ ระบบหายใจ มีมานานกวา่ 60 ปี แล้ว และจดั เป็นเชื้อ
ไวรัสตระกลู ใหญ่ทีม่ ีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยช่อื โคโรนาก็มีท่ีมาจากลกั ษณะของเชื้อไวรสั ท่ีรูปร่างคลา้ ยมงกุฎ
(Corona เป็นภาษาละตินที่แปลว่ามงกฎุ ) เนื่องจากเชือ้ ไวรัสชนิดนี้มีสารพันธุกรรมเป็น RNA มีเปลือกหมุ้ ด้าน
นอกทีป่ ระกอบไปดว้ ยโปรตนี คลมุ ด้วยกลุ่มคารโ์ บไฮเดรต ไขมนั เปน็ ปุ่ม ๆ ย่นื ออกไปจากอนุภาคไวรัส อธบิ าย
ง่าย ๆ คือเป็นเชื้อไวรสั ท่ีมหี นามอยู่รอบตัว จึงสามารถเกาะตัวอยู่ในอวยั วะท่เี ปน็ เปา้ หมายของเช้ือไวรัสได้

โคโรนาไวรสั เปน็ เช้อื ทก่ี อ่ โรคได้ทั้งในคนและสตั ว์ เนื่องจากตวั ไวรัสมีสารพนั ธุกรรม RNA ซง่ึ มโี อกาส
กลายพนั ธ์ุสูง สามารถติดเชอื้ ข้ามสปีชีสก์ ันได้ โดยเฉพาะในสถานที่ท่ีมีการรวมตวั ของสัตว์อย่างหนาแน่น เช่น
ตลาดคา้ สตั ว์ เปน็ ตน้ ดงั นัน้ ต้นตอการแพรร่ ะบาดของโรคก็อาจจะมาจากสตั ว์ปกี เชน่ นก คา้ งคาว ไก่ หรือ
สตั วเ์ ล้ยี งลกู ดว้ ยนม เชน่ ม้า วัว แมว สุนขั กระต่าย หนู อูฐ รวมไปถึงสัตวเ์ ลอ้ื ยคลานอย่างงู เปน็ ตน้

จรงิ ๆ แล้วเราเจอกบั โคโรนาไวรสั กันอย่เู นอื ง ๆ เพราะอย่างท่ีบอกวา่ โคโรนาไวรสั มอี ยู่หลายสายพนั ธุ์
แตส่ ว่ นใหญ่จะไมก่ ่อใหเ้ กิดโรครุนแรง เปน็ เพียงไขห้ วัดธรรมดา แต่ก็มโี คโรนาไวรัสบางสายพนั ธ์ทุ ีก่ ่ออาการ
รุนแรงจนถึงขั้นปอดอกั เสบได้ เชน่ โรคซารส์ ท่มี ีสาเหตุมาจากโคโรนาไวรัสสายพนั ธุ์ SARS-CoV ขา้ มสปชี สี ์
จากคา้ งคาวมาสู่ตวั ชะมด แล้วมาตดิ เชือ้ ในคน และโรคเมอร์ส ท่ีมสี าเหตุมาจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ MERS-
CoV ข้ามสปชี สี จ์ ากคา้ งคาวสู่อูฐ และมาติดเชื้อในคน และลา่ สุดกับเชือ้ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ทกี่ ่อโรค COVID-
19 ซ่งึ เปน็ โคโรนาไวรสั สายพันธใุ์ หมแ่ กะกลอ่ ง

โดยโคโรนาไวรสั สายพนั ธ์ุใหม่ 2019 มีช่อื อยา่ งเป็นทางการว่า SARS-CoV-2 เป็นเชอื้ ไวรัสลำดับท่ี 7
ในตระกลู coronaviruses lineage B จีนัส betacoronavirus ทก่ี ่อให้เกดิ โรคในคน

เชือ้ โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ SARS-CoV-2 มีตน้ ตอมาจากไหน

จากการศึกษาทางพันธุกรรมของไวรัส และการเรียงลำดบั ของรหสั แต่ละตวั ทำใหพ้ บตน้ ตอของเชื้อ
SARS-CoV-2 ว่า ไวรสั สายพันธ์ุใหมช่ นิดนม้ี ีจำนวนนิวคลีโอไทดท์ ีเ่ หมือนกนั ถึงร้อยละ 89.1 ของเชื้อ SARS-
like coronaviruses ในค้างคาวท่เี คยพบในประเทศจีน และในภายหลงั กม็ ีข้อมลู ท่ยี ืนยันวา่ ตน้ ตอของโคโรนา
ไวรสั สายพนั ธใ์ุ หม่ 2019 เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมระหวา่ งโคโรนาไวรสั ของค้างคาวกับโคโรนาไวรัสใน
งูเห่า กลายพนั ธุเ์ ปน็ โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ SARS-CoV-2 ที่แพรเ่ ชื้อจากงูเหา่ มายังคนได้
โคโรนาไวรัสสายพันธใ์ุ หม่ ระบาดในคนไดอ้ ยา่ งไร

โคโรนาไวรัสเปน็ เช้ือทไ่ี ม่สามารถอย่เู ดยี่ ว ๆ ได้ แตจ่ ะแฝงตวั อยู่ในละอองฝอยจากการไอ จาม และ
สารคดั หลัง่ อย่างนำ้ มูก น้ำลาย หรืออุจจาระ ดังน้ันการแพร่เชอ้ื โคโรนาไวรสั สายพันธใุ์ หม่ ผู้ที่อยู่ใกล้ชดิ ก็ตอ้ ง
ได้รบั เช้ือผ่านการสูดดมละอองฝอยขนาดใหญแ่ ละละอองฝอยขนาดเล็กในอากาศ รบั เชอ้ื เขา้ ไปในทางเดนิ
หายใจ หรอื ใครท่ีอย่ใู กล้ผู้ปว่ ยในระยะ 1-2 เมตร ก็อาจจะตดิ เชือ้ จากการสูดฝอยละอองขนาดใหญ่ และฝอย
ละอองขนาดเลก็ จากการไอ จาม รดกันโดยตรง หรอื หากอยหู่ า่ งจากผูต้ ิดเช้อื ในระยะ 2 เมตรขึน้ ไป กอ็ าจติด
เชื้อจากการสูดฝอยละอองขนาดเลก็ ไดเ้ หมือนกัน

นอกจากนโ้ี คโรนาไวรสั สายพนั ธุใ์ หม่ ยังอาจแพร่เช้ือโดยการสัมผสั ได้ เชน่ การจับของใช้สาธารณะ
ร่วมกนั แลว้ มาสมั ผสั เยอื่ บุตา่ ง ๆ ในร่างกาย เช่น ขย้ีตา สมั ผสั ปาก หรือหยบิ ของกินเขา้ ปาก เป็นตน้

การท่เี ชอ้ื ไวรัสจะก่อโรคในร่างกายเราได้ เราต้องได้รบั เช้ือไวรัสดงั กล่าวผ่านเยื่อบุตา่ ง ๆ จนนำไปสู่
การตดิ เชอ้ื ทีร่ ะบบทางเดนิ หายใจสว่ นบน เชน่ เซลล์เย่ือบหุ ลอดลม ซง่ึ ไวรสั จะใช้ผวิ เซลลข์ องไวรัสจบั กับ
เอนไซมท์ ่ีผวิ เซลลม์ นษุ ย์ จากน้ันไวรสั จะคอ่ ย ๆ เพมิ่ จำนวนเช้ือในตวั เรา ซงึ่ หากภมู ิต้านทานของเราไมส่ ามารถ
จดั การกบั เชอื้ ไวรสั น้ีได้ จำนวนเชือ้ ไวรัสกจ็ ะเพมิ่ มากขน้ึ และกระจายไปยงั เซลลข์ ้างเคียง ทำลายเซลล์ใน
หลอดลมและปอด ทำให้ปอดอักเสบและเกดิ ภาวะทางเดนิ หายใจลม้ เหลวได้

ติดเชอื้ โคโรนาไวรัสแลว้ อนั ตรายต่อปอดแค่ไหน

ต้องบอกวา่ ไมใ่ ชท่ ุกคนท่ีเป็นโรคนี้ แลว้ เชื้อจะลงปอดเสมอไป โดยกรมควบคุมโรคเคยให้ข้อมูลไว้
ว่า มีเพียง 15-20% ที่เชื้อลงปอดแล้วทำใหเ้ ป็นปอดอักเสบ แต่เมื่อลงปอดไปแล้วจะก่อความรุนแรงแค่ไหน
ข้นึ อยู่กับภูมติ ้านทานร่างกายของแต่ละคน ขณะที่ข้อมลู ผู้ติดเชอื้ ในประเทศจีนพบวา่ การลงปอดมักเกิดขน้ึ ใน
สัปดาหท์ ่ีสองหลงั จากไดร้ ับเชื้อแล้ว แต่มีผตู้ ิดเชอื้ ประมาณ 80% ทีเ่ ช้อื ไมล่ งปอด เป็นเพียงไขห้ วัดธรรมดา

ทง้ั น้ี กรณีเชื้อไวรสั ลงปอดจะเกิดขึ้นเมื่อเชอื้ ไวรสั เข้าสรู่ ่างกายแล้วจะแบ่งตวั และเจริญเตบิ โตในเซลล์
มนุษย์ เช่น เซลลข์ องเย่ือบหุ ลอดลม จงึ จะก่อโรคได้ และเซลล์มนษุ ยท์ ตี่ ดิ เชื้อจะเพ่มิ จำนวนและปลอ่ ยเชือ้
ไวรสั ออกมานอกเซลล์ เพอ่ื ไปกอ่ โรคในเซลลข์ า้ งเคียง เม่ือเช้อื ไวรัสเพิม่ มากข้นึ เรื่อย ๆ จะทำลายเซลลม์ นุษย์
ในหลอดลม ถุงลม และเนื้อปอด รวมท้ังเซลล์ขา้ งเคียงด้วย

หากภูมิคุ้มกันของรา่ งกายไมแ่ ข็งแรงพอ หรอื สรา้ งภูมติ ้านทานขึน้ มาชา้ เพราะเม็ดเลือดขาวเพง่ิ พบกบั
เชื้อไวรัสเป็นครั้งแรก ทำใหภ้ ูมิต้านทานทำลายเช้อื ไม่ทนั ผู้ปว่ ยจะมีอาการปอดอักเสบ และเมอื่ เซลลท์ ่ตี ดิ เชือ้
จำนวนมากตาย จะถกู ทดแทนด้วยพังผืดในเวลา 2-3 สปั ดาหห์ ลงั การเจ็บป่วย

อยา่ งไรกต็ าม มีขอ้ มูลวา่ ผู้ปว่ ยที่มีอาการปอดอักเสบส่วนใหญ่ เนือ้ ปอดจะถูกทำลายไปราว 20%
ซ่งึ หากเน้ือปอดถกู ทำลายไม่ถึง 50% รา่ งกายฟ้ืนฟเู องไดต้ ามสภาพแตล่ ะคน ทวา่ จะมีผูป้ ว่ ยราว 5% ทเี่ นอ้ื
ปอดถูกทำลาย 70-80% กรณีนถี้ ือวา่ วิกฤต ร่างกายอาจฟน้ื ตัวไม่ไหว หรอื แพทย์อาจต้องใช้เคร่ือง ECMO

หรอื เครื่องหวั ใจ-ปอดเทียมแบบเคลอ่ื นย้าย มาทำงานแทนหวั ใจและปอดของผู้ป่วย ซ่งึ หากชว่ ยไมไ่ หว สดุ ทา้ ย
แลว้ ระบบหายใจจะลม้ เหลวและเปน็ เหตใุ ห้ผู้ตดิ เชอ้ื โคโรนาไวรสั เสยี ชวี ิต

ผปู้ ่วย COVID-19 มโี อกาสเป็นปอดอักเสบได้มากนอ้ ยแค่ไหน
โดยท่ัวไปแลว้ หากเปน็ คนทม่ี ีภูมิต้านทานแขง็ แรง ไม่มีโรคประจำตวั ไม่มีปญั หาท่ปี อด ส่วนใหญจ่ ะ

สามารถทนต่อการกอ่ โรคของเชอ้ื โคโรนาไวรสั สายพันธใุ์ หม่ ทคี่ ่อย ๆ เพิม่ จำนวนขน้ึ พรอ้ มกันนั้นภูมิคมุ้ กนั
ของร่างกายก็จะพยายามต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ทันกาล กอ่ นท่ีปอดจะเสยี หายหนัก

แต่สำหรับคนทมี่ ภี มู ติ ้านทานไม่แขง็ แรง เช่น ผู้สงู อายุ ผทู้ ีม่ ีโรคประจำตวั ผทู้ ่ีได้รับยากดภูมคิ ุ้มกนั ทำ
ให้ร่างกายผลติ เซลลเ์ มด็ เลือดขาวมาส้โู รคได้ไมท่ นั หรือผู้ท่ีมีโรคปอดเร้ือรงั อยู่แลว้ รวมท้งั คนท่ีสูบบหุ รบ่ี ่อย ๆ
กอ็ าจทำให้ปอดติดเชอื้ อย่างรุนแรงและรวดเร็วข้ึน
โคโรนาไวรัส สายพนั ธใ์ุ หม่ มชี ีวติ อยู่ไดน้ านแคไ่ หน

ข้อมูลจาก ศ. นพ.ธีระรัฒน์ เหมะจุฑา เผยวา่ เช้ือโคโรนาไวรสั จะมีชวี ติ อยู่ได้ที่อุณหภมู ิประมาณ 20-
40 องศาเซลเซียส โดยสามารถอย่บู นพ้ืนผิวได้นานถึง 20 วัน ในสภาพอากาศเยน็ และในสภาพอากาศร้อน
เชอ้ื ไวรสั จะอยู่ได้ 3-9 วนั

ขณะทเ่ี พจ Infectious งา่ ยนิดเดียวให้ข้อมูลเพิม่ เติมว่า จากการศึกษาไวรัสทีม่ ีลักษณะคล้ายกัน
พบว่าสามารถอยบู่ นพน้ื ผิวโลหะ แก้ว ไม้ หรือพลาสติก ประมาณ 4-5 วนั ณ อุณหภูมหิ ้อง แตใ่ นสภาพ
ภูมอิ ากาศประมาณ 4 องศาเซลเซียส เชือ้ จะอยู่ได้ราว ๆ 28 วัน ในกรณีอุณหภูมมิ ากกว่า 30 องศาเซลเซียส
อายเุ ชื้อไวรสั จะสั้นลง และในสภาพความชื้นทมี่ ากกวา่ 50% เช้ือไวรัสจะอยู่ได้นานกวา่ สภาพความชน้ื ท่ี 30%

โคโรนาไวรัส สายพนั ธ์ใุ หม่ กลวั อะไร
เช้อื ไวรัสตัวนไ้ี มท่ นความร้อน ดงั นั้นแคเ่ จออุณหภูมิ 70 องศาเซลเซยี ส ก็ทำใหเ้ ชอ้ื ตายได้ นอกจากนี้

เชือ้ ไวรัสตวั น้ยี ังจะตายได้ง่าย ๆ ด้วยแอลกอฮอลท์ ่ีความเข้มข้น 70% และการทำความสะอาดด้วยสบอู่ ย่าง
เหมาะสม กลา่ วคือ ลา้ งมือดว้ ยสบเู่ ปน็ ระยะเวลา 15-30 วนิ าที รวมไปถึงสารลดแรงตงึ ผิวตา่ ง ๆ เช่น
ผงซักฟอก สารฟอกขาว (Sodium hypochlorite) ที่ความเข้มข้น 0.1-0.5% โพวิโด ไอโอดนี 1% หรอื
ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ 0.5-7.0% เปน็ ต้น สิ่งเหล่านีแ้ หละท่ีโคโรนาไวรัสจะไม่ทน เพราะไวรัสชนดิ น้ีมไี ขมนั
หมุ้ อย่ดู า้ นนอก ดงั นนั้ หากใช้สารลดแรงตึงผิวทำลายไขมันท่หี ุ้มอยู่ได้ ก็จะฆา่ ไวรสั ได้

วธิ ีปอ้ งกันโคโรนาไวรัส ควรทำยงั ไง
เราสามารถปอ้ งกันการติดเชอื้ โคโรนาไวรัสได้ ดงั นี้
1. หลกี เลย่ี งการอยใู่ นพืน้ ทีท่ ่ีมีการระบาดของโรค
2. สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งจะชว่ ยลดความเส่ยี งในการสดู ดมละอองฝอยขนาดใหญ่ไดถ้ งึ 80%
3. อยู่ห่างจากผ้ปู ่วย หรือผทู้ มี่ ีอาการไอ จาม อย่างนอ้ ย 2 เมตร
4. ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจบั หรือใช้ของสาธารณะ หลังเขา้ ห้องน้ำ และก่อนรบั ประทานอาหาร
5. หลกี เลี่ยงการเอามือสมั ผัสใบหน้า และดวงตา
6. กนิ อาหารปรงุ ร้อน สดใหม่ และใช้ช้อนกลางทุกคร้งั

จรงิ ๆ แล้วเราสามารถปอ้ งกนั และลดความเสี่ยงการติดเช้ือโคโรนาไวรสั ซงึ่ เปน็ สาเหตขุ องโรค COVID
19 ได้ ดังนั้นอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพและรักษาสขุ อนามัยของตัวเองใหด้ ี จะได้ห่างไกลจากโรคนีก้ ัน
ถว้ นหน้า

รวมรปู ภาพ COVID-19 คอื อะไร มารจู้ กั โคโรนา

ไวรสั สายพนั ธ์ใุ หม่ ท่ีทำลายปอดได้


Click to View FlipBook Version