The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลุ่ม5 เลขที่ 14,15,25,2,9

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Panthacha, 2022-02-25 00:13:57

กลุ่ม5 เลขที่ 14,15,25,2,9

กลุ่ม5 เลขที่ 14,15,25,2,9

ลิลิตตะเลงพ่าย
บทที่ 42-46

สมาชิกกลุ่มที่ 5

นางสาววิลาสินี ช่วยมณี เลขที่ 14 ม.5/8
นางสาวศรันย์พร แดงรักษ์ เลขที่15 ม.5/8
นางสาวกนกพิชญ์ ประสานเกษม เลขที่ 25 ม.5/8
นายสหรัตน์ แพททริก สงวนเรือง เลขที่ 9 ม.5/8
นายแสงอาทิตย์ โรจนเรืองรอง เลขที่ 2 ม.5/8

แปลบทประพันธ์
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า สองกษัตริย์คือสมเด็จพระนเรศวรและพระเอกาทศรถ ได้เสด็จไป
ยังเกยทรงช้าง ขุนคชขับช้างมาเทียบ ห้อมล้อมไปด้วยทหารหาญเต็มแผ่นดินดูพรั่ง
พร้อมเป็นขบวน ขณะที่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงคอยพิชัยฤกษ์อยู่ ก็ได้ทอด
พระเนตรพระบรมสารีริกธาตุซึ่งส่องแสงสุกใส ขนาดเท่าผลส้มเกลีเยง ล่องลอยมาใน
ท้องฟ้าทางทิศใต้ ได้หมุนรอบกองทัพเป็นทักษิณาวรรต ๓ รอบ แล้วลอยขึ้นไปทางทิศ
เหนือกษัตริย์สองพระองค์ทรงสรรเสริญนมัสการอธิษฐานให้ชนะศึก

๔๓(๒๘๙) (ร่าย) เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพริ
นทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้อง
กลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่ม
ด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์
สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโท
ท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จ
เข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านใน
อรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน
ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิก
พังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบ
ประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึก
สาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่
รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา

คำศัพท์ 1.เคลื่อนที่ตามแถวเกร็ดนาค หมายถึง แบบแผนการเคลื่อนที่

ทัพตามตำราพิชัยสงคราม ซึ่งบอกไว้ว่าวันใดนาคจะหันหัวไป

ทางทิศใด ถ้า ถ้ายกทัพวั วันนี้ก็ต้องเดินทางไปทิศทางเดียวกัน

กับหัวทัพของนาคที่หันไป จึง จึงจะเกิด สิริมงคล

2.ตากเต็มท่งแถวเถื่อน หมายถึง กองทัพ

3.หัสดินอุทัย หมายถึง ช้างทั้งคู่คือเจ้าพระยาไชยานุภาพ

ซึ่งเป็นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเจ้า และเจ้าพระยาปราบไตรจักรซึ่ง

ซึ่งเป็นช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถ

4.ตรับตระหนักสำเนียง หมายถึง ฟังเสียงถนัด

5.เร่งคำรนเรียกมัน หมายถึง
(ช้าง) ร้องก้องด้วยความคะนอง

เพราะกำลังตกมัน

คำศัพท์(ต่อ) 6.ประเล่ห์ หมายถึง ประหนึ่ง
7.ระเมียร หมายถึง เห็น

13.โรมกุทัณฑ์ ธนู หมายถึง ระดมยิงระดมยิง 8.ทอดพระเนตรเห็น หมายถึงเห็น
ด้วยเกาทัณฑ์และธนู
กริยาราชาศัพท์โบราณมักใช้คำว่า “ตรัส” นำ
14.ธุมาการ หมายถึง ควันในที่นี้คือฝุ่นตลบ หน้าคำกริยาเช่น ตรัสเอาพระทัยใส่

15.พรรษาซ้อง หมายถึง ฝนตก 9.ด้วยแรงมันแรงกาย หมายถึง ด้วยกำลังของ

16.หนึ่งสิ้นแสงไตง หมายถึง ราวกับสิ้นแสง ช้างที่กำลังตกมัน

อาทิตย์ 10.บ่ากัน หมายถึง ไหลมาเบียดเสียดกัน

11.ฉัดหมายถึงเตะ

12.สาดปืนโซรม หมายถึง ระดมยิง

๔๔(๒๙๐) โคลง๔ ๏ จึ่งไทเทเวศอ้าง สมมุติ
มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า
เถลิงภพแผ่นอยุธย- ยายิ่ง ยศแฮ
แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว

ปลบทประพันธ์

ถอดคำประพันธ์ได้ว่า สมเด็จพระนเรศวรพระผู้เป็น
ดังสมมุติเทพ ผู้เป็นที่รักยิ่งของประชาชนได้ขึ้นครองราช
สมบัติกรุงศรีอยุธยา ทรงมีพระเกียรติฟุ้งเฟื่องไปทั่วทั้ง

แผ่นดิน

๔๕(๒๙๑) ๏ ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ
แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น
กมลาสน์ แลนา
โสฬสพรหมพิมาน สดับถ้อยตูแถลง
เชิญช่วยชุมโสตซั้น

แปลบทประพันธ์


ถอดคำประพันธ์ได้ว่า สมเด็จพระนเรศวรได้มี
โองการเชิญเทพทุกถิ่นที่ตั้ง ๖ ชั้น เชิญพระพรหมใน

พรหมโลก ๑๖ ชั้น มาฟังคำแถลงของพระองค์

คำศัพท์

1.โชยงการ หมายถึง พระราชดำรัสของพระราชามาจาก
คำว่าราชโยงการ (ราชย+โลงการ)
2.ฉชั้น หมายถึง ฉ้อ-ชั้น หมายถึงสวรรค์ หกชั้น
3.โสฬสพรหม หมายถึง พรหมสิบหกชั้น
4.กมลาสน? หมายถึง ผู้มีดอกบัวเป็นที่นั่ง
5.ชุตโสม หมายถึง รวมหูกันพร้อมกันเงี่ยหูฟัง

คำศัพท์ 1.ประยูรเศวตฉัตร หมายถึง ตระกูลกษัตริย์

2.รัตนตรัเยศ หมายถึง แก้ว ถ ประการ
3.รังสฤษฏ์ หมายถึง สร้างแต่งตั้ง
4. ศาสน์ หมายถึง คำสั่งสอน

•สัมผัสสระ สมมวุิตเิ”คราะห์

“จึ่งไทเทเวศอ้าง

”มิ่งมหิศวรมกุฎ เกศหล้า”

”เถลิงภพแผ่นอยุธ- ยายิ่ง ยศแฮ”

”แสดงพรเดชฟุ้งฟ้า เฟื่องด้าวดินไหว”

”ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น โชยงการ”

”แก่เทพทุกถิ่นสถาน ฉชั้น”

”โสฬสพรหมพิมาน กมลาสน์ เเลนา”

”เชิญช่วยชุมโสตซั้น สดับถ้อยตูแถลง”

”ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างเเสวงผล”

๔๓(๒๘๙) (ร่าย) เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน
เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้า
พระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง
เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน
ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วน
กิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิ
อยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้าย
แซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทัน
โทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อม
แต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้า ใกล้กองหน้า ข้าศึก
ดูดาษเดียร

ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง
นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวย

สยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบ
เป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมัน
แรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่
คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ
ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทง

ถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โร
มกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิด
กระทบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา

จินตภาพด้านการเคลื่อนไหว การซ้ำคำ

“ว่ายฉวัดเฉวียนอัมพร” “เป็นทัพเป็นกอง”
”แทงถีบฉัดตะลุมบอน” ”ตรงเข้าถีบเข้าแทง”

”ชันหู ชูหางแล่น” ”ด้วยแรงมันเเรงกาย”
จินตภาพด้านเสียง

แปร้นเเปร๋แลคะไขว่

อุปมาโวหาร จินตภาพด้านแสง

”มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง”

”ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ”ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างผล
ดูดั่งพรรษาซ้อง” ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (การเลียนแบบเสียงธรรมชาติ)
เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร

ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืน อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน

ชันหู ชูหางเเล่น เเปร๋นเเปร๋เเละคะไขว่

สัมผัสสระ

๔๒(๒๑๕) (ร่าย) สองขัติยายุรยาตร ยังเกยราชหอทัพ ขุนคชขับช้างเทียบ
ทวยหาญเพียบแผ่นภู ดูมหิมาดาดาษ สระพราศพร้อมโดยขบวน องค์อดิศวร
สองกษัตริย์ คอยนฤขัตรพิชัย บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไข
โอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพ่างผล ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ ผิน

แวดวงตรงทัพ นับ คำรบสามครา เป็นทักษิณาวรรตเวียน ว่ายฉวัดเฉวียน
อัมพร ผ่านไปอุดรโดยด้าว พลางบพิตรโทท้าว ท่านตั้งสดุดี อยู่นา

๔๓(๒๘๙) (ร่าย) เคลื่อนพลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน
เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย

เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนัก
สำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหล เร่งคำรนเรียกมัน
ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วน
กิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่
วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซง
หน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว
ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลาง

ควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า

ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจ
คลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร
โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรก
สับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้า
แทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่าย
ตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า
บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว
เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด
ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้อง
ตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่ง
สิ้นแสงไถง แลนา

๔๖(๒๙๒) ๏ ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้ มาอุบัติ
ในประยูรเศวตฉัตร สืบเชื้อ
หวังผดุงบวรรัตน ตรัสเยศ ยืนนา
ทำนุกพระศาสน์เกื้อ ก่อสร้างแสวงผล

ฉากและบรรยากาศ
สัทพจน์

ฉากที่ปรากฏในบทคือเหตุการณ์ภายใน
เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น เมืองมอญและบรรยากาศระหว่างการเดิน
แปร้นเเปร๋เเลคะไขว่
ทัพของพระมหาอุปรราชา ถ้าพระยาปราบ
ใช้คำว่า แปร้นแปร๋
ไตรจักร เเละพระนเรศวรมหาราช

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
สะท้อนให้เห็นถึงความรักชาติ ความเสียสละ ความกล้าหาญของบรรพบุรุษ
ซึ่งคนไทยควรภาคภูมิใจ แผ่นดินไทยต้องผ่านการทำศึกสงคราม อย่างมากมายกว่าที่มารวมกัน
เป็นปึกแผ่นอย่างปัจจุบันนี้ พระราชกรณียกิจของกษัตริย์ไทยในสมัยก่อน คือการปกครองบ้าน
เมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขและเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย เรื่องลิลิตตะเลงพ่ายเป็นแบบอย่างที่ดี

จากวรรณกรรมอื่นๆ ให้คุณด้านวรรณศิลป์หลายประการเช่น การเล่นคำ
การใช้ การใช้โวหารต่างๆ การแต่การแต่งทำให้ผู้อ่านคล้อยตาม ให้ความรู้เกี่ยวกับ
ประวัติศาสตร์และลักษณะผู้ฟังที่ดี ปลุกใจให้คนไทยรักและเทิดทูนแผ่นดินไทยจนพร้อมที่จะ

เสียสละเพื่อบ้านเมือง

คุณค่าด้านเนื้อหา

ลิลิตตะเลงพ่ายเป็นวรรณคดีแนวประวัติศาสตร์ที่มุ่งสดุดีพระนเรศวร
มหาราช การที่ผู้แต่งเลือกร่ายและโครงสุภาพในงานประพันธ์ จจึงนับว่า
เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะคำประพันธ์ทั้งสองประเภทนี้ นินิยมใช้ในการ

พรรณนาเรื่องราวที่ พรรณนาเรื่องราวที่สูงส่ง ศักดิ์สิทธ์



คุณค่าด้านสังคม (ความเชื่อเรื่
องสวรรค์และเทวดา)

“ภูวไนยพายโอษฐ์อื้น โชยงการ

เเก่เทพบุตรทุกถิ่นสถาน ฉชั้น
โสฬสพพรหมพิมาน กมกาสน? เเลนา
เชิญช่วยชุมโสตชั้น สดับถ้อยตูแถลง”

อุปมาโวหาร บัดเดี๋ยวไททฤษฎี พระศรีสารีริกธาตุ ไขโอภาสโศภิต
ช่วงชวลิตพ่างผล ส้มเกลี้ยงกลกุก่อง ฟ่องฟ้าฝ่ายทักษิณ

บทประพันธ์นี้แสดงการเปรียบเทียบรักษณะของบรม
สารีริกธาตุ ที่สุกสว่าง มีขนาดเท่าผลส้มเกลี้ยง ซึ่งส้มเกลี้ยงนั้น

เป็นชื่อของส้มชนิดหนึ่ง ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนและนำมา
ปลูกในสมัยอยุธยา ชาวจีนนำมาปลูกเพื่อใช้ในการประกอบ
พิธีกรรม เช่น เทศกาลตรุษจีนขนาดของผลส้มแสดงความ
เปรียบเทียบให้ ให้เห็นถึงสิ่งที่อุปมาที่ทำให้ผู้อ่านรู้จักผลส้ม

ด้านการนำไปประยุกต์ใช้

-ความรอบคอบไม่ประมาท
-การเป็นคนรู้จักการวางแผน
-การเป็นคนรู้จักความกตัญญูกต่อเวที
-การเป็นคนช่างมีความช่างสังเกต

-ความซื่อสัตย์
—การมีวาทศิลป์ในการพูด


Click to View FlipBook Version