ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง
สิ ง มี ชี วิ ต
BY
PRADAW RACHSOPA
คํานาํ
อิเล็กทรอนกิ สเ์ ล่มนจี ดั ทําขนึ เพอื เปน
สว่ นหนงึ ของรายวชิ าคอมพวิ เตอร์ ชนั
มธั ยมศึกษาปที 6 เพอื ใหไ้ ดศ้ ึกษา
ความรเู้ รอื งการเคลือนทีของสงิ มชี วี ติ
ผจู้ ดั ทําหวงั วา่ อิเล็กทรอนกิ สเ์ ล่มนจี ะ
เปนประโยชนต์ ่อผอู้ ่านหรอื นกั เรยี น
นกั ศึกษาทีกําลังหาขอ้ มูลเรอื งนอี ยู่
หากมขี อ้ เสนอแนะนาํ หรอื ขอ้ ผดิ พลาด
ประการใดผจู้ ดั ทําขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละ
ขออภัยมา ณ ทีนดี ว้ ย
สารบัญ
การเคลือนทีของสิงมีชีวิต
การเคลือนทีของสิงมีชีวิตเซลล์เดียว
การเคลือนทีของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
การเคลือนทีของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
การเคลือนทีของมนุษย์
ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง สิ ง มี ชี วิ ต
สิงมีชีวิตมีการเคลือนไหว และ เคลือนทีแตก
ต่างกัน โดยอาศัยโครงสรา้ งทีช่วยในการ
เคลือนไหวทีแตกต่างกัน เช่น สิงมีชีวิตเซลล์
เดียวอาศัยโครงรา่ งคําจุนของเซลล์
(Cytoskeleton) ช่วยในการเคลือนที ส่วน
คนและสัตว์มีกระดูกสันหลังเคลือนทีโดย
อาศัยการทํางานรว่ มกันของโครงกระดูก
กล้ามเนือ และข้อต่อ
การเคลือนทีของสงิ มชี วี ติ เซลล์เดียว
อาศัยโครงรา่ งคําจุนภายในเซลล์เพือใหเ้ ซลล์คงรูปรา่ งเรยี ก
โครงสรา้ งเหล่านีว่า ไซโทสเกเลตอน ไซ(Cytoskeleton)
โทสเกเลตอน (Cytoskeleton):: คือ โครงสรา้ งภายใน
เซลล์ ประกอบด้วยเส้นใยทีประสานกันเปนรา่ งแห แทรกตัว
อยู่ภายใน cytoplasm ทําหน้าทีเปนโครงรา่ งภายในเพือ
รกั ษารูปทรงหรอื เปลียนรูปทรง และทําใหเ้ กิดการ
เคลือนไหวภายใน cytoplasm และการเคลือนทีของเซลล์
บางชนิดไซโทสเกเลตอน (Cytoskeleton) ประกอบด้วย 1.
ไมโครทูบูล (Microtubule) เปนท่อตรงและกลวงประกอบ
ด้วย ชนิด และtubulin protein
alpha-tubulin Bata-
tubulin ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 nm2. ไมโครฟลาเมนท์
(Microfilament) เปนเส้นใยทึบ 2 สายพันกันเปนเกลียว
ประกอบด้วย Actin Protein3. ประกอบด้วยมัดของหน่วย
ย่อยโปรตีนทีพันกันเปนเกลียว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-
12 nmประกอบด้วยโปรตีนหลายชนิด แล้วแต่ชนิดของ
เซลล์ เช่น keratin
อ ะ มี บ า ( A M E B A )
เ ค ลื อ น ที โ ด ย อ า ศั ย ก า ร ไ ห ล ข อ ง ไ ซ โ ท ร พ ล า ส ซึ ม ห รือ เ ท้ า
เ ที ย ม ( P S E U D O P O D I U M ( ชู โ ด โ พ เ ดี ย ม ) โ ด ย ก า ร ที ไ ซ โ ท
ร พ ล า ส ซึ ม จ ะ ไ ห ล ไ ด้ นั น เ กิ ด ขึ น จ า ก 3 ส่ ว น ด้ ว ย กั น คื อ
1 . เ อ็ ก โ ท พ ล า ส ซึ ม ( E C T O P L A S M ) เ ป น ไ ซ โ ท ร พ ล า ส ซึ ม ที
อ ยู่ ข้ า ง น อ ก มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป น ส า ร กึ ง แ ข็ ง กึ ง เ ห ล ว
เ รีย ก ว่ า เ จ ล ( G E L )
2 . เ อ็ น โ ด พ ล า ส ซึ ม ( E N D O P L A S M ) เ ป น ไ ซ โ ท ร พ ล า ส ซึ ม ที
อ ยู่ ด้ า น ใ น มี ลั ก ษ ณ ะ ค่ อ น ข้ า ง เ ห ล ว
เ รีย ก ว่ า โ ซ ล ( S O L )
3 . ไ ม โ ค ร ฟ ล า เ ม น ท์
ก า ร เ กิ ด เ ท้ า เ ที ย ม เ กิ ด จ า ก
ก า ร แ ย ก ตั ว แ ล ะ ร ว ม ตั ว ข อ ง โ ป ร ตี น แ อ ก ติ น ใ น ไ ม โ ค ร ฟ ล า
เ ม น ท์ มี ผ ล ต่ อ ก า ร เ ป ลี ย น แ ป ล ง ข อ ง ไ ซ โ ท ร พ ล า ซึ ม ดั ง นี
1 . ทํา ใ ห้ เ อ น โ ด พ ล า ส ซึ ม ไ ห ล ไ ป ใ น ทิ ศ ท า ง ที อ ะ มี บ า จ ะ
เ ค ลื อ น ที แ ล้ ว ป รับ ส ภ า พ เ ป น เ อ็ ก โ ท พ ล า ส ซึ ม
2 . ส่ ว น เ อ็ ก โ ท ร พ ล า ส ซึ ม ที อ ยู่ ด้ า น ท้ า ย จ ะ ก ล า ย เ ป น เ อ น โ ด
พ ล า ซึ ม เ ป น ข อ ง เ ห ล ว ไ ห ล ม า แ ท น ที เ อ น โ ด พ ล า ส ซึ ม ที
เ ค ลื อ น ไ ป แ ล้ ว
ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง สั ต ว์ ไ ม่ มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง
การเคลือนทีของไส้เดือนไส้เดือน (earth worm)
ไส้เดือนจัดอยู่ในไฟลัมแอนเนลิตา (annelida) ไส้เดือนมี
กล้ามเนือ 2 ชุด คือ กล้ามเนือวงกลมรอบตัว (circular
muscle) อยู่ทางด้านนอก และกล้ามเนือตามยาว
(longitudinal muscle) ตลอดลําตัวอยู่ทางด้านใน
นอกจากนีไส้เดือนยังใช้เดือย (setae) ซงึ เปนโครงสรา้ ง
เล็ก ๆ ทียืนออกจากลําตัวรอบปล้องช่วยในการ
เคลือนทีด้วย ขณะทีไส้เดือนเคลือนที ไส้เดือนจะใช้เดือย
จิกดินไว้ และกล้ามเนือวงกลมหดตัวส่วนกล้ามเนือตาม
ยาว คลายตัว ทําใหล้ ําตัวยืดยาวออก เมือสุดแล้ว ส่วน
หน้า คือ ปล้องแรกของไส้เดือนกับเดือยจะจิกดินแล้ว
กล้ามเนือวงกลมคลายตัวกล้ามเนือตามยาวหดตัว ดึง
ส่วนท้ายของลําตังเคลือนมาข้างหน้า การเคลือนทีของ
ไส้เดือนเกิดจากการทํางานรว่ มกับของกล้ามเนือวงกลม
และกล้ามเนือตามยาว หดตัวและคลายตัวเปนระลอก
คลืนจากทางด้านหน้ามาทางด้านหลัง ทําใหเ้ กิดการ
เคลือนทีไปด้านหน้า
ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง สั ต ว์ มี ก ร ะ ดู ก สั น ห ลั ง
การเคลือนทีของโลมาและวาฬ
โลมาและวาฬมีขนาดใหญ่กว่าปลาทัว ๆ
ไปมากและมีรูปรา่ งเพรยี วเหมือนปลา มีส่วน
กระดูกคอสันทําใหก้ ลมกลืนระหว่างลําตัวกับหวั
ขาคู่หน้าเปลียนไปเปนครบี ช่วยในการว่ายนาํ
และขาคู่หลังก็หดหายไป
แต่มีหางทีแบนขนาดใหญ่ขนานกับพืน การ
เคลือนทีใช้การตวัดหาง
และใช้ครบี หน้าช่วยในการพยุงตัว ทําให้
เคลือนทีไปข้างหน้าได้เปนอย่างดี
ก า ร เ ค ลื อ น ที ข อ ง ม นุ ษ ย์
ระบบโครงกระดูกเปนโครงสรา้ งของรา่ งกาย ช่วยปองกันอวัยวะ
บอบบางต่างๆ ทีอยู่ภายในทีเกาะเกียว อยู่ภายในกระดูกแต่ละส่วน
ของรา่ งกาย องค์ประกอบสาํ คัญอีกอย่างหนึงภายใน-กระดูกคือ
ไขกระดูก ขณะเดียวกันกระดูกยังเปนแหล่งเก็บสะสมเกลือแรช่ นิด
ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิงแคลเซยี มและฟอสฟอรสั บรเิ วณรอบ
กระดูกจะมีเนือเยือหนาหอ่ หมุ้ อยู่เรยี กว่า เยือหมุ้ กระดูก
(Periosteum) ซงึ เยือหมุ้ กระดูกนี ประกอบด้วยเซลล์กระดูกและ
หลอด-เลือด ซงึ จะนาํ เลือดมาเลียงในส่วนของกระดูกชันนอก
กระดูกชันนอกหรอื เรยี กว่า กระดูกทึบ (Compact bone) ประกอบ
ด้วยเกลือแรส่ ะสมอยู่เปนวงกลมล้อม รอบท่อขนาดเล็กๆ ซงึ เรยี ก
ว่า ท่อฮาเวอรเ์ ชียน (Haversian canal) เซลล์กระดูกรอบๆท่อฮา
เวอรเ์ ชียน จะได้รบั อาหารและ-ออกซเิ จนจากหลอดเลือดทีผ่านท่อ
ฮาเวอรเ์ ชียนทีผ่านท่อเหล่านี และถ้าหากว่า กระดูกเกิดแตกหกั
เส้นประสาทในท่อเล็กๆ นีก็จะส่งกระแสประสาทไปยังสมองเราจึง
รูส้ ึกถึงความเจ็บปวด ส่วนกระดูกชันในนันมองดูคล้ายรวงผึง
เพราะมีลักษณะเปนรา่ งแหทีมีช่องว่างระหว่างกระดูก เรยี กว่า
กระดูกพรุน (Spongy bone) แต่ก็มีความแข็งแรงไม่แพ้ส่วน
กระดูกทึบเช่นกันซงึ ถ้ากระดูกของคนเราเปนกระดูกทึบทังท่อนรา่ ง-
กาย คงหนักมาก ไขกระดูกจะมีปรมิ าณราวๆ 227 กรมั สามารถ
ผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงได้ประมาณ 5,000 เม็ด/วัน สาํ หรบั
ทารกในครรภ์ โครงกระดูกทุกชิน มีไขกระดูกแดงบรรจุอยู่ แต่เมือ
เจรญิ เติบโตถึงวัยผู้ใหญ่แล้วจะพบไข-กระดูกนีเฉพาะในส่วนของ
กะโหลก ศรษี ะ กระดูกหน้าอก กระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก
และบรเิ วณตอนปลายของกระดูกชินยาวๆ เท่านัน
โ ค ร ง ก ร ะ ดู ก ข อ ง ม นุ ษ ย์