The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by fernsupansa24583, 2022-03-10 02:19:38

หลักสูตรการฝึกอบรม การทำลูกประคบจากสมุนไพรท้องถิ่นสู่ตลาด OTOP

การทำลูกประคบจากสมุนไพรท้องถิ่นสู่ตลาด OTOP

หลักสูตรการฝึกอบรม

การทำลูกประคบสมุนไพรจากท้องถิ่นสู่ตลาด OTOP

สาขาสังคมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

1

หลักสูตรการฝึกอบรม
“การทำลูกประคบสมุนไพรจากท้องถิ่นสู่ตลาด OTOP”

สาขาสังคมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

การทําลูกประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรหลายๆ อย่ามาห่อรวมกัน ส่วน
ใหญ่เป็นสมุนไพรที่มี น้ำหอมระเหย โดยนํามานึ่งให้ร้อนประคบบริเวณปวดหรือ
เคล็ดขัดยอก อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบ ไหลเวียนโลหิตได้ดีเยี่ยม ด้วยศาสตร์แห่ง
การคิดค้นที่สามารถนําสานสําคัญในสมุนไพรมาช่วยในการดูดซึมเข้า สู่ผิวหนังได้อีก
ด้วย ประโยชน์ขององลูกประคบโดยรวมก็ ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอกและลด
ปวดได้ ลูกประคบสมุนไพรเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการนำสมุนไพรมาใช้ในการบำบัด
รักษาโรคของการแพทย์ แผนไทยโดยใช้ควบคู่กับการนวดไทย การทำลูกประคบ
สมุนไพรจึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจการนวดแผนไทย
เป็นธุรกิจที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก การเรียนรู้เกี่ยวกับการทำลูกประคบสมุนไพร
จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ทั้งในระบบ
โรงเรียนและผู้ที่อยู่นอกระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์จากการ
ทำงาน และการประกอบอาชีพ ได้เรียนรู้ในเนื้อหาที่เกี่ยวของกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
นอกจากจะได้รับความรู้ มีทักษะ เกี่ยวกับการทำลูกประคบสมุนไพร มีแนวทางในการ
สร้างอาชีพแล้ว ยังเป็นการร่วมสืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย

สารบัญ 2

เรื่อง

หน้า
3
หลักสูตรการฝึกอบรม 5
เนื้อหาการฝึกอบรม 5
13
ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเเละลูกประคบ 15
ความรู้พื้นฐานตลาด OTOP 16
วัสดุและอุปกรณ์ 16
วิธีการ ขั้นตอน การทำลูกประคบสมุนไพร 18
การวัดเเละประเมินผล 19
แบบทดสอบ 21
บรรณนานุกรม
ประวัติวิทยากร

3

หลักสูตรการฝึกอบรม
“การทำลูกประคบสมุนไพรจากท้องถิ่นสู่ตลาด OTOP”
สาขาสังคมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์





วัตถุประสงค์
1. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการทำลูกประคบสมุนไพร
2. เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
3. เพื่อสร้างและออกแบบผลิตภัณฑ์ในการนำออกจำหน่ายสู่ตลาด

ระยะเวลาการฝึกอบรม
ผู้เข้าอบรมจะต้องเข้าฝึกอบรมภาคทฤษฎี จำนวน 3 ชั่วโมง และฝึกทักษะ


ภาคปฏิบัติ จำนวน 5 ชั่วโมง ระยะเวลาฝึกอบรมทั้งหมด 8 ชั่วโมง

คุณสมบัติผู้เข้าฝึกอบรม
1. ผู้ที่สนใจในโครงการและการอบรม
2. มีความพร้อมและความสามรถเข้าฝึกอบรมได้ตลอดหลักสูตร
3. มีความสนใจในการฝึก การทำลูกประคบสมุนไพรจากท้องถิ่นและ


สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้

หัวข้อเนื้อหาการฝึกอบรม

4

เนื้อหาการฝึกอบรม
1. ความหมาย ความสำคัญ ชนิดของสมุนไพร ประโยชน์ คำแนะนำ การเก็บรักษา

ของสมุนไพรและลูกประคบ
วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าใจในความหมาย ความสำคัญ ชนิด

ของสมุนไพร ประโยชน์ คำแนะนำ การเก็บรักษาของสมุนไพรและลูกประคบ
คำอธิบายรายวิชา ศึกษาความหมาย ความสำคัญ ชนิดของสมุนไพร ประโยชน์

คำแนะนำ การเก็บรักษาของสมุนไพรและลูกประคบ
2. ความรู้พื้นฐานในเรื่องตลาด OTOP

วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด OTOP
คำอธิบายศึกษาเรียนรู้ระบบการจำหน่ายสินค้าและบริการในตลาดสินค้า OTOP

3. การเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์และลงมือปฏิบัติในการทำลูกประคบ
สมุนไพร

วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้รับการฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะการทำลูก
ประคบ

คำอธิบายรายวิชาศึกษาเครื่องมือการใช้ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการทำลูก
ประคบสมุนไพร

4. การวัดและประเมินผล
4.1 แบบทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรม
4.2 ประเมินความรู้ ความสามรถและศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้รับการ

ฝึกอบรม
5. ผู้จัดทำหลักสูตร
นางสาวสุพรรณษา สมใจ นักศึกษาสาขาสังคมศึกษา ชั้นปีที่ 2

ลงชื่อ…………………………ผู้ขออนุมัติหลักสูตร
(นางสาวสุพรรณษา สมใจ)

ลงชื่อ…………………………ผู้อนุมัติหลักสูตร
(อาจารย์ภัทระ อินทรคำแหง)

อาจารย์ประจำสาขาวิชาสังคมศึกษา

5

เนื้อหาการฝึกอบรม

1. ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและลูกประคบ

1.1 ความหมายของสมุนไพร
คำว่า “สมุนไพร” (Herbs) มีคาจากัดความได้หลายอย่าง

ทางด้านพฤกษศาสตร์ HERBS หมายถึง พืชที่มีเมล็ด ที่ไม่มีแก่นไม้ (nonwoody)

และ ตายเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเพาะปลูก
ทางด้านอาหาร HERBS หมายถึง เครื่องเทศ หรือ ผักที่ใช้แต่งรสหรือกลิ่นอาหาร
ทางด้านยา HERBS มีความหมายที่เฉพาะเจาะจง
คำจำกัดความที่ถูกต้องที่สุดของ HERBS คือ ยาที่มาจากพืช ใช้รักษาโรค ซึ่งมักเป็น
โรคเรื้อรัง หรือ เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
ด้านกฎหมาย สมุนไพรยังจัดเป็นกลุ่มพิเศษ คือ กลุ่มอาหาร และ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริม
อาหาร หากสมุนไพรใช้เพื่อการรักษา หรือ บรรเทาอาการโรค หรือใช้เสริมสุขภาพ

(เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยหรือ ป้องกันโรค) จะจัดเป็นยา
ตามพระราชบัญญัติยา หมายถึง "ยาที่ได้จากพืช สัตว์ หรือแร่ ซึ่งยัง ไม่ได้ผสม ปรุง

หรือเปลี่ยนสภาพ" เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซึ่งยังไม่ได้
ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทาง การค้าสมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปต่าง ๆ
เข่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียดหรืออัดเป็นแท่ง อย่างไรก็ตามในความ
รู้สึกของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักจะนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยา

เท่านั้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าสัตว์ หรือแร่ มีการนามาใช้น้อยและใช้ในโรคบางชนิด

เท่านั้น
พืชสมุนไพร หมายถึงพันธ์ุไม้ต่าง ๆ ที่สามารถนามาใช้ปรุงหรือประกอบ เป็นยารักษา
โรคต่าง ๆ ใช้ในการส่งเสริมสุขภาพร่างกายได้

6

1.2 ความสำคัญของสมุนไพร

ความสำคัญในด้านสาธารณสุข : พืชสมุนไพร เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ


ที่มนุษย์รู้จักนามาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่โบราณกาล
แล้ว เช่นในเอเชียก็มีหลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000

ปี แต่หลังจากที่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มี

การสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปท่ีใช้ประโยชน์ได้ง่าย สะดวกสบาย

ในการใช้ มากกว่าสมุนไพร ทำให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมาเป็นอันมาก


เป็นเหตุให้ความรู้วิทยาการด้านสมุนไพรขาดการพัฒนาไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่

ควร
ในปัจจุบันทั่วโลกได้ยอมรับแล้วว่าผลที่ได้จากการสกัดสมุนไพร ให้คุณ


ประโยชน์ดีกว่ายาที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับใน

ประเทศไทยเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ มีพืชต่าง ๆ ที่ใช้


เป็นสมุนไพรได้อย่างมากมายนับหมื่นชนิด ยังขาดก็แต่เพียงการค้นคว้าวิจัยใน

ทางที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น

ความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ : ในปัจจุบันพืชสมุนไพรจัดเป็นพืช

เศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่ต่างประเทศกำลังหาทางลงทุนและคัดเลือกสมุนไพรไทย

ไปสกัดหาตัวยา เพื่อรักษาโรคบางโรคและมีหลายประเทศที่นำสมุนไพรไทยไป

ปลูกและทำการค้าขายแข่งกับประเทศไทย สมุนไพรหลายชนิดที่เราส่งออกเป็น

รูปของ วัตถุดิบคือ กระวาน ขมิ้นชัน เร่ว เปล้าน้อยและมะขามเปียกเป็นต้น ซึ่ง

สมุนไพรเหล่านี้ตลาดต่างประเทศยังคงมีความต้องการอีกมาก และในปัจจุบัน


กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ได้ให้
ความสนใจในการศึกษาเพิ่มขึ้นและมีโครงการวิจัยบรรจุไว้ในแผนพัฒนาระบบ

การผลิต การตลาดและการสร้างงานในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง

ชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534) เพื่อหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาคุณภาพ

และแหล่งปลูกสมุนไพรเพื่อส่งออก โดยกำหนดชนิดของสมุนไพรที่มีศักยภาพ

13 ชนิด คือ มะขามแขก กานพลู เทียนเกล็ดหอย ดองดึง เร่ว กระวาน ชะเอม


เทศ ขมิ้น จันทร์เทศ ใบพลู พริกไทย ดีปลี และน้ำผึ้ง

7

1. 3 ประโยชน์ของสมุนไพร

สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบัน

ซึ่งบางชนิดอาจมีราคาแพงและต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก อีกทั้ง
อาจหาซื้อได้ยากในท้องถิ่นนั้น
ให้ผลการรักษาได้ดีใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบัน และให้ความ
ปลอดภัยแก่ ผู้ใช้มากกว่าแผนปัจจุบัน
สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นเพราะส่วนใหญ่ได้จากพืชซึ่งมีอยู่
ทั่วไปทั้งในเมืองและชนบท
มีราคาถูก สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อยาแผน

ปัจจุบัน ที่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นการลดการขาดดุล

ทางการค้า
ใช้เป็นยาบารุงรักษาให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง
ใช้เป็นอาหารและปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้ เช่น กะเพรา

โหระพา ขิงข่า ตาลึง
ใช้ในการถนอมอาหารเช่น ลูกจันทร์ ดอกจันทร์และกานพลู
ใช้ปรุงแต่ง กล่ิน สี รส ของอาหาร เช่น ลูกจันทร์ ใช้ปรุง

แต่งกลิ่นอาหารพวก ขนมปัง เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน
สามารถปลูกเป็นไม้ประดับอาคารสถานที่ต่าง ๆ ให้สวยงาม

เช่น คูน ชุมเห็ดเทศ

1.4 การใช้ยาสมุนไพร

ยาสมุนไพรคือ ยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ หรือ แร่ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปร

สภาพ
ยาสมุนไพรมีมานานแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการเล่าขาน บันทึก เรื่องราว

และใช้สืบทอดกันมา
สมุนไพร เป็นยารักษาโรคที่ได้ตามธรรมชาติ หาได้ง่าย ใช้รักษาได้ผลดี มีพิษน้อย
สมุนไพรหลายชนิด ใช้เป็นอาหารประจาวันอยู่แล้ว เช่น ขิง ข่า กระเทียม ตะไคร้

กระเพรา เป็นต้น
ชีวิตประจำวันผูกพันกับสมุนไพร ทั้งในรูปของอาหารและยารักษาโรค พืชแต่ละ

ชนิดจะมีคุณสมบัติหรือสรรพคุณในการรักษาที่แตกต่างกัน ตามส่วนต่างๆของ

พืช จึงต้องทำความรู้จักกับส่วนประกอบของพืช สมุนไพรเสียก่อนว่าในแต่ละ

ส่วนนั้นมีอะไรบ้าง และใช้ประโยชน์ได้อย่างไร

8

1.5 สมุนไพรที่ใช้ทำลูกประคบและสรรพคุณ

1) ไพล
เหง้า เป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับ

ลม แก้บิด ท้องเดิน ขับประจำเดือนสตรี
ทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน เป็นยารักษา

หืด เป็นยากัน เล็บถอด ใช้ต้มน้ำอาบ

หลังคลอด น้ำคั้นจากเหง้า รักษาอาการ

เคล็ดขัดยอก ฟกบวม แพลงช้าเมื่อย
หัว ช่วยขับระดู ประจำเดือนสตรี เลือด

ร้าย แก้มุตกิตระดูขาว แก้อาเจียน แก้

ปวดฟัน
ดอก ขับโลหิตกระจายเลือดเสีย
ต้น แก้ธาตุพิการ แก้อุจาระพิการ
ใบ แก้ไข้ ปวดเมื่อย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว

แก้เมื่อย

2) มะกรูด
ผิวลูกมะกรูด ขับลมในลำไส้ ปรุง


เป็นยาลม ขับระดู แก้ปวดท้อง
ใบ แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้


ช้ำใน มีสารต้านมะเร็ง
ราก แก้ไข้ แก้กำเดา ถอนพิษ แก้

ลมจุกเสียด แก้พิษฝีภายใน แก้


เสมหะ

ลูกมะกรูด นำมาดองกินเป็นยาฟอก

และบำรุงเลือด

9

3) ตะไคร้
ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง


ขับปัสสาวะและ แก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็น
ยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพร

ชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญ


อาหาร และขับเหงื่อ
หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้อง

เฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ


แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิด
อื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอน


หลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัย
เส้น และแก้ลมใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความ


ดันโลหิตสูง แก้ไข้
ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและ


ท้องเสีย
ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้

ผมแตก แก้โรคทางเดิน ปัสสาวะ นิ่ว เป็น

ยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับ

สมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองในและ


นอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย

4) ใบมะขาม
ใบอ่อน นำมาต้มเอาน้ำโขลกศีรษะ

แก้หวัด คัดจมูก น้ามูกไหล ส่วนใบ


สดก็นามาต้มน้ำอาบหลังสตรีคลอด
บุตรใช้ผสมกับสมุนไพรอื่ น

เนื่องจากในใบมะขามสดมีรสเปรี้ยว

มีกรดหลายชนิดช่วยทำให้ผิวหน้า


สะอาดขึ้น
ใบและดอก ของมะขามนำมาต้มรับ

ประทาน น้ำช่วยลดความดันโลหิต


ได้ดีมาก

10

5) ขมิ้นชัน
เหง้า ใชรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน โดยทา

เป็นผงผสมน้ำหรือ เหง้าสด ฝนน้ำทา

น้ำมันหอมระเหย และสาร curcumin มี

ฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อหนองได้

ดีรักษาโรคท้องอืด ท้องเฟ้อ และแผลใน


กระเพาะอาหาร

6) ใบส้มป่อย
ใบรสเปรี้ยว ฝาดร้อนเล็กน้อย

สรรพคุณช่วยขับเสมหะ ขับระดูขาว

แก้บิด ฟอกโลหิต แก้โรคตา ดอก

รสเปรี้ยว ฝาด มัน แก้เส้นเอ็น

พิการ ให้สมบูรณ์ ฝัก รสเปรี้ยว

เป็นยาขับเสมหะ แก้ไอ ทำให้

อาเจียน แก้ น้าลายเหนียว แก้โรค

ผิวหนัง ช่วยขจัดรังแคและบำรุง

เส้นผม เปลือกรส ขมเปรี้ยว เผ็ด

ปร่า เจริญอาหารกัดเสมหะ แก้ไอ

ซางเด็ก ต้นรสเปรี้ยวฝาดแก้ตา


พิการ ราก รสขม แก้ไข้ แก้ท้องร่วง

11

1.6 ความหมายของลูกประคบสมุนไพร

ลูกประคบสมุนไพร คือ การนำสมุนไพรหลายๆ ชนิดมาห่อ
รวมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นยาสมุนไพร ที่มีน้ำมันหอมระเหย

ซึ่บเมื่อถูกความร้อนจะระเหยออกมากลายเป็นกลิ่น เช่น

ไพล ขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย ตะไคร้ มะกรูด การบูร โดยเรา

สามารถนำเอาสมุนไพรเหล่านั้นมาหั่นย่อยอย่างหยาบ ๆ


จากนั้นห่อด้วยผ้าดิบ แล้วนำไปผ่านกระบวนการความร้อน
ด้วย วิธีการนึ่งไอน้ำหรือใส่ไมโครเวฟ เพื่อให้สมุนไพร


ละลายออกมาเป็นตัวยาซึมเข้าใต้ผิวหนังตามร่างกาย ถ้าใช้
ไมโครเวฟจะต้องพรมน้าให้ชุ่มมากกว่าการนึ่งด้วยไอน้ำ

สมัยโบราณจะใช้เหล้าขาวไปพรมด้วย เพราะเหล้าขาวเป็น

ตัวนำยา (หรือกษัยยา) เป็นการช่วยทำให้สมุนไพรละลาย

และซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น การนึ่งระยะแรกจะใช้เวลา

ประมาณ 10-15 นาที หากใช้ ไมโครเวฟในการอุ่นลูก


ประคบ ห้ามพรมด้วยเหล้าขาวเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิด
อันตรายได้ ลูกประคบเป็นวิธีการบาบัดรักษาของแพทย์

แผนไทย ซึ่งสามารถนาไปใช้ควบคู่กับการนวดไทยโดยใช้


การประคบหลังการนวดหรือประคบพร้อมนวดร่างกาย

1.7 ชนิดของลูกประคบสมุนไพร

ลูกประคบมี 2 ชนิด คือ ลูกประคบสมุนไพรสดและลูก

ประคบสมุนไพรแห้ง
1) ลูกประคบสมุนไพรสด
• ข้อดี คือ การใช้สมุนไพรสดในการปรุงลูกประคบนั้น

สมุนไพรจะมีน้ำอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพรมน้ำก่อนนำไป
ใช้ ไม่ต้องตากแห้ง ไม่ต้องอบฆ่าเชื้อ ไม่ต้องกลัวขึ้นรา
• ข้อจำกัด คือ เมื่อปรุงลูกประคบเสร็จแล้วต้องรีบนาไปใช้
ไม่สามารถเก็บไว้ได้นานในอุณหภูมิปกติ ต้องเก็บในตู้เย็น

หรือภาชนะบรรจุพิเศษ
2) ลูกประคบสมุนไพรแห้ง
• ข้อดี คือ เก็บไว้ได้นาน สะดวกในการนำไปใช้ สามารถ

เตรียมสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงลูกประคบได้ครบถ้วนมาก

ขึ้น เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดไม่สามารถหาได้ในท้องถิ่น

ต้องหามาจากแหล่งอื่ น

12

1.9 การเก็บรักษาลูกประคบสมุนไพร
• ลูกประคบสมุนไพรที่ทำในแต่ละครั้ง สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ 3-5 วัน
• ควรเก็บลูกประคบไว้ในตู้เย็น จะทำให้เก็บได้นานขึ้น (ควรเช็ดลูกประคบด้วยถ้ามี

กลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยวไม่ควรเก็บไว้)
• ถ้าลูกประคบแห้ง ก่อนใช้ควรพรมด้วยน้าชำหรือเหล้าขาว
• ถ้าลูกประคบที่ใช้ไม่มีสีเหลือง หรือสีเหลืองอ่อนลงแสดงว่ายาที่ใช้จืดแล้ว

(คุณภาพน้อยลง) จะใช้ไม่ได้ผลควรเปลี่ยนลูกประคบใหม่

1.10 วิธีการใช้ลูกประคบสมุนไพร
• นำหม้อนึ่งใส่น้ำแล้วตั้งทิ้งไว้ให้เดือด และนำลูกประคบวางบน

ชั้นนึ่งทิ้ง ไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วจึงนามาใช้
• จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น นอนหงาย นั่ง นอนตะแคง ขึ้นอยู่

กับตำแหน่งที่จะทำการประคบสมุนไพร
• นำลูกประคบซึ่งร้อนได้ที่แล้ว ประคบบริเวณที่ต้องการ

ประคบ(ก่อนใช้ ต้องทดสอบความร้อนของลูกประคบด้วยการนำ

ลูกประคบแตะบริเวณ ท้องแขน หรือหลังมือของผู้ประคบก่อน)
• ในการวางลูกประคบบนผิวหนังคนไข้โดยตรงในช่วงแรกๆ ที่ลูก
ประคบกำลังร้อน ต้องทำด้วยความเร็ว อย่าวางแช่นานๆ เพื่อ

ป้องกันผิวหนัง ถูกลวก ไหม้ พอง จากความร้อน
• เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลง ให้เปลี่ยนลูกประคบสลับกับ

ลูกที่นึ่งไว้ในหม้อนึ่ง (นำลูกประคบเดิมไปนึ่งต่อให้ร้อนเพื่อรอการ
ใช้สลับกัน) ทำซ้ำตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย จนกว่า
อาการจะดีขึ้น

1.11 ข้อควรระวังในการใช้ลูกประคบสมุนไพร
• ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะกับบริเวณผิวหนังอ่อนๆ หรือบริเวณที่เคย

เป็นแผลมาก่อน
• ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มบุคคล

ดังกล่าว ความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนช้า อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้พองได้ง่าย
• ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มีแผลการอักเสบ(ปวด บวม แดง ร้อน) ในช่วง

24 ชั่วโมงแรก อาจจะทำให้บวมมากขึ้น
• หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ไม่ควรอาบน้ำทันที เพราะจะไปชะล้างตัวยาออกจาก

ผิวหนัง และอุณหภูมิของร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทัน อาจจะทำให้เป็นไข้ได้

13

2. ความรู้พื้นฐานตลาด OTOP

2.1ความเป็นมา

รัฐบาลได้ดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตั้งแต่ปี พ.ศ.

2544 และดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยมีการแต่งตั้งคณะ
กรรมการระดับประเทศในส่วนกลางและ

คณะกรรมการระดับภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
(1) สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน
(2) เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน
(3) ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
(4) ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
(5) ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของชุมชน

เป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งโดยรัฐบาลสนับสนุนช่วยเหลือด้าน

ความรู้เทคโนโลยี ทุน การบริหารจัดการ เชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนไปสู่ตลาดทั้งใน

ประเทศและต่างประเทศ กรมการพัฒนาชุมชน มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนา

เศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคง โดยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนา

อาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของ

ประชาชนในการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เชื่อมโยงไปสู่การดำเนินงานโครงการ
OTOP ซึ่งในฐานะที่กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดำเนินการส่ง

เสริม การดำเนินงาน OTOP ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน โดยอธิบดีกรมการ

พัฒนาชุมชน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการ อำนวยการ หนึ่ง

ตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ (กอ.นตผ) รวมทั้งเป็นอนุกรรมการบริหาร

อนุกรรมการส่งเสริมการผลิต อนุกรรมการส่งเสริมการตลาด อนุกรรมการมาตรฐาน
และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ อนุกรรมการ/เลขานุการคณะกรรมการ นตผ. ระดับ

ภูมิภาค และพัฒนาการจังหวัดเป็นอนุกรรมการ/เลขานุการ นตผ.จังหวัด และ

พัฒนาการอำเภอ เป็นอนุกรรมการ/เลขานุการ นตผ.อำเภอ ตามระเบียบสำนักนายก

รัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ

(กอ.นตผ) พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2545

14

2.3 หลักการพื้นฐาน
1. ภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล (Local yet Global) ผลิตสินค้าและบริการที่

ใช้ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
2. พึ่งตนเองและคิดอย่างสร้างสรรค์ (Self – Reliance – Creativity)


สร้างกิจกรรมที่อาศัยศักยภาพของท้องถิ่น คิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้สิ่งที่ดี

ที่สุด เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชุมชนไม่ซ้ำแบบกันและเป็นที่ยอมรับทั่วไป

3. การสร้างทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) สร้าง
บุคลากรที่มีความคิดกว้างไกลมีความรู้ ทักษะ ความสามารถในการผลิตและ

บริการมีจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์

2.4 กิจกรรมหลักที่สำคัญ
1. ขยายสินค้าท้องถิ่นไปยังตลาด โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับ


วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวม

ทั้งการพัฒนาคุณภาพเพื่อขยายออกสู่ตลาดทุกระดับ

2. ผลิตและคิดค้นขึ้นเองโดยคนในชุมชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็น
ผู้ให้การสนับสนุน ในด้านความรู้ เทคโนโลยี เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นและการ

วิจัยที่ครบวงจร

3. สร้างบุคลากรที่มีคุณภาพของท้องถิ่น มีความรู้ความสามารถความคิด

กว้างไกล มีการบริหารจัดการที่ดี มุ่งเน้นการผลิตและบริการโดยคำนึกถึงผู้

บริโภคเป็นหลัก

15

3. วัสดุและอุปกรณ์ ทำลูกประคบได้ 20 ลูก
ขนาดลูกละ 120 กรัม

วัสดุ อุปกรณ์ ครก กาละมัง
เชือก

เขียง ผ้าดิบสาหรับห่อลูกประคบ มีด
ขนาดกว้าง 35 ซม. ยาว 35 ซม.

สมุนไพรที่ใช้ทำลูกประคบ

ไพล 1,000 กรัม ผิวมะกรูด 400 กรัม ตะไคร้ 200 กรัม ใบมะขาม 400 กรัม

ขมิ้นชัน 200 กรัม ใบส้มป่อย 200 กรัม เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ การบูร 4 ช้อนโต๊ะ

16

4. วิธีการ ขั้นตอน การทำลูกประคบสมุนไพร

ลูกประคบสมุนไพรสด

วิธีการเตรียมสมุนไพร
• หั่นหัวไพล ขมิ้นชัน ให้เป็นลูกเต๋า ตะไคร้ซอยให้ละเอียด

มะกรูด ปอกเอาแต่เปลือก นำไปโขลกกับครกพอหยาบๆ
• ใบมะขาม ใบส้มป่อย เด็ดออกจากก้านให้เป็นใบ นำไปผสม

กับ สมุนไพรในข้อที่ 1 เสร็จแล้วให้ใส่เกลือ การบูร คลุกเคล้า

ให้เป็นเนื้อเดียว แต่อย่าให้แฉะเป็นน้ำ
• แบ่งตัวยาที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วใส่ผ้าดิบห่อเป็นลูก

ประมาณลูกส้มโอ น้ำหนัก 120 กรัม รัดด้วยเชือกให้แน่น

ลูกประคบสมุนไพรแห้ง

วิธีการเตรียมสมุนไพร
• หั่นหัวไพล ขมิ้นชัน ให้เป็นลูกเต๋า ตะไคร้ซอยให้ละเอียด

มะกรูด ปอกเอาแต่เปลือก ใบมะขาม ใบส้มป่อย เด็ดออก

จากก้านให้เป็นใบ นำไปตากแดดให้แห้ง ใช้เวลา 7 วัน โดย

แยกตากสมุนไพรแต่ละชนิด
• เมื่อสมุนไพรแห้งดีแล้ว นำสมุนไพรตามอัตราส่วนมาผสม
กัน ใส่เกลือ การบูร คลุกเคล้าให้เป็น เนื้อเดียว
• แบ่งตัวยาที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้วใส่ผ้าดิบห่อเป็นลูก

ประมาณลูกส้มโอ น้าหนัก 120 กรัม รัดด้วยเชือกให้แน่น

17

4.3 การห่อลูกประคบ

• นำส่วนผสมทั้งหมดมาวางตรงกลางของผ้า เริ่มต้นจับมุมผ้า 2 มุม ขึ้นมาทบกัน โดย
จับทีละมุมจนครบทั้ง 4 มุม จากนั้นจะเกิดมุมผ้าขึ้นมาอีก 4 มุม ให้รวบมุมผ้าทีละมุม

อีกครั้งหนึ่งจนครบทั้ง 4 มุม
• แต่งชายผ้าให้เรียบร้อย ซ้อนกันเป็นชายเดียว จากนั้นค่อยๆ จัดแต่ง ลูกประคบให้


เป็นรูปทรงกลมที่สวยงาม
• เมื่อได้ลูกประคบเป็นรูปทรงกลมที่สวยงามแล้ว ให้นำเชือกมาพับครึ่งร้อยเป็นห่วง ให้
ชายทั้งสองเท่ากัน จากนั้นพันทบกัน 2 รอบแล้วผูกให้ แน่นด้วยเงื่อนตาย 1 รอบ ก็จะ
ทำให้เหลือปลายผ้าที่เท่ากันทั้งสอง ข้าง จากนั้นจึงค่อย ๆ จัดระเบียบชายผ้าในส่วนที่


จะทำด้ามจับ
• การทำด้ามจับ โดยการจับชายผ้าที่เหลือมาซ้อนกันให้เรียบร้อยเสร็จแล้วพับเข้าหากัน

เพื่อเก็บซ่อนชายผ้าทั้งสองด้าน
• หลังจากที่เราจัดแต่งและซ่อนชายผ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้พับลงมา ประมาณ 2 นิ้ว
ครึ่ง เพื่อทำด้ามจับใช้ปลายเชือกเส้นเดิมมาพันทบกันอีก 2 รอบโดยการผูกแบบเงื่อน


ตายให้แน่น อีกครั้งหนึ่ง
• จากนั้นให้ซ่อนปลายเชือกไว้ในซอกผ้าตรงรอยพับที่เป็นด้ามจับ และเพื่อให้ลูกประคบ
มีความแข็งแรงสวยงาม คงทนต่อการใช้งานให้นำเชือกป่านผูกให้แน่นอีกครั้งโดยผูก

แบบเงื่อนตาย ให้ปลายด้านหนึ่งยาว ประมาณ 2 นิ้วครึ่งเสร็จแล้วให้ยกขึ้นมาแนบกับ

ด้ามจับใช้ปลายเชือก ส่วนที่ยาวกว่าค่อยพันขึ้นมา โดยใช้ปลายนิ้วไล่กดเชือกให้แน่น

การทพเช่นนี้จะทาให้เชือกเรียงกันดูสวยงามและเป็นระเบียบ เมื่อพันจนสุดชายเชือก

แล้วให้ผูกเงื่อนตายไว้กับปลายเชือกเส้นที่แนบไว้กับด้ามจับในตอนแรก จากนั้นซ่อน


ปลายไว้ในซอกผ้าที่เป็นด้ามจับ เพียงเท่านี้ก็จะได้ลูกประคบที่สวยงามพร้อมใช้งาน

5. การวัดและประเมินผล

แบบทดสอบก่อนและหลังการฝึกอบรม
ประเมินความรู้ ความสามรถและศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้รับการฝึกอบรม

18

แบบทดสอบ

1. ข้อใดหมายถึง ลูกประคบ 6. เพราะเหตุใดถึงต้องนำลูกประคบไปนึ่งให้

ก. การใช้สมุนไพรมาห่อด้วยใบไม้ ร้อน
ข. การใช้สมุนไพรมาห่อด้วยผ้าเป็นลูก ก. เพื่อให้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย
ค. การใช้สมุนไพรมาบดแล้วปั้ นเป็นลูก ข. เพื่อช่วยให้ตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น
ง. การใช้สมุนไพรมาตำแล้วปั้ นเป็นลูก ค. เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตดี

ขึ้น
2. ข้อใดไม่ใช่ส่วนผสมของลูกประคบ ง. ถูกทุกข้อ
ก. ผิวมะกรูด
ข. ใบตะไคร้ 7. ข้อใดไม่ใช่ข้อควรระวังในการใช้ลูกประคบ
ค. ใบส้มป่อย ก. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป
ง. ใบมะขาม ข. ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน
ค. หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ไม่ควรอาบ

3. ข้อใดคือสรรพคุณของ เหง้าไพล น้ำ
ก. แก้ลมวิงเวียน ง. ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มี

ข. แก้อาการคันตามร่างกาย แผลการอักเสบ
ค. แก้ปวดเมื่อย ลดการอักเสบ
ง. ช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้สะดวก
8. ข้อใดคือประโยชน์ของการประคบ
ขึ้น ก. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
ข. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
4. ส่วนผสมของลูกประคบในข้อใดที่มี
ค. ช่ายเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
สรรพคุณ แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ แก้หวัด ง. ถูกทุกข้อ
ก. พิมเสน
ข. การบูร 9. ปรัชญาของ OTOP มีกี่ข้อ
ค. ตะไคร้ ก. 2 ข้อ
ง. เกลือแกง ข. 3 ข้อ
ค. 4 ข้อ
5. วิธีการทำลูกประคบเราควร ใช้เวลาในการ
ง. 5 ข้อ
นึ่งกี่นาที
ก. 10-15 นาที 10. รัฐบาลได้ดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่ง

ข. 15-20 นาที ผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตั้งแต่ปี พ.ศ.ใด
ค. 20-25 นาที ก. พ.ศ. 2544
ง. 25-30 นาที ข. พ.ศ. 2543
ค. พ.ศ. 2542
ง. พ.ศ. 2540

19

บรรณานุกรม

“การทำลูกประคบสมุนไพรสด”,สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565
จาก https://www.okmd.or.th/upload/pdf/Freshly-herbal-ball.pdf

“ขั้นตอนการทำลูกประคบสมุนไพร”,สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2565
จาก http://202.29.22.168/local_information/kota/Kona11.html

“ความเป็นมา แนวคิด และหลักการ OTOP”,สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2565
จาก https://district.cdd.go.th/muang-kamphaeng/services/

“ประโยชน์ของสมุนไพร”,สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2565
จาก https://sites.google.com/site/smunphirthiy2013/prayochn

สถาบันพรหมวชิรญาณ.“การประคบสมุนไพร”, สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2565
จาก https://www.promwachirayan.org/th/

20

เฉลยแบบทดสอบ

1. ข้อใดหมายถึง ลูกประคบ 6. เพราะเหตุใดถึงต้องนำลูกประคบไปนึ่งให้

ก. การใช้สมุนไพรมาห่อด้วยใบไม้ ร้อน
ข. การใช้สมุนไพรมาห่อด้วยผ้าเป็นลูก ก. เพื่อให้กลิ่นจากน้ำมันหอมระเหย
ค. การใช้สมุนไพรมาบดแล้วปั้ นเป็นลูก ข. เพื่อช่วยให้ตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้ดีขึ้น
ง. การใช้สมุนไพรมาตำแล้วปั้ นเป็นลูก ค. เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตดี

ขึ้น
2. ข้อใดไม่ใช่ส่วนผสมของลูกประคบ ง. ถูกทุกข้อ
ก. ผิวมะกรูด
ข. ใบมะนาว 7. ข้อใดไม่ใช่ข้อควรระวังในการใช้ลูกประคบ
ค. ใบส้มป่อย ก. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป
ง. ใบมะขาม ข. ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน
ค. หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ควรอาบน้ำ
3. ข้อใดคือสรรพคุณของ เหง้าไพล ง. ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มี

ก. แก้ลมวิงเวียน แผลการอักเสบ
ข. แก้อาการคันตามร่างกาย
ค. แก้ปวดเมื่อย ลดการอักเสบ 8. ข้อใดคือประโยชน์ของการประคบ
ง. ช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้สะดวก
ก. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
ขึ้น ข. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
ค. ช่ายเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
4. ส่วนผสมของลูกประคบในข้อใดที่มี
ง. ถูกทุกข้อ
สรรพคุณ แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ แก้หวัด
ก. พิมเสน 9. ปรัชญาของ OTOP มีกี่ข้อ
ข. การบูร ก. 2 ข้อ
ค. ตะไคร้ ข. 3 ข้อ
ง. เกลือแกง ค. 4 ข้อ
ง. 5 ข้อ
5. วิธีการทำลูกประคบเราควร ใช้เวลาในการ

นึ่งกี่นาที 10. รัฐบาลได้ดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่ง

ก. 10-15 นาที ผลิตภัณฑ์ (OTOP) ตั้งแต่ปี พ.ศ.ใด
ข. 15-20 นาที ก. พ.ศ. 2544
ค. 20-25 นาที ข. พ.ศ. 2543
ง. 25-30 นาที ค. พ.ศ. 2542
ง. พ.ศ. 2540

21

ประวัติวิทยากร

นางสาวสุพรรณษา สมใจ
นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาสังคมศึกษา
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

Contact

Fern Supansa

fern_fss

[email protected]

093-7508210

THANK YOU


Click to View FlipBook Version