๕ ให้ +๑ +๒ นัก นั เรีย รี นอ่านออกเขีย ขี น ได้ ๑๐๐% ใน ๔ สัปสั ดาห์ ครูชำ นาญการพิเพิศษ โรงเรียรีนคำ โพนทองราษฎร์นิร์ยนิม สำ นักนังานเขตพื้นพื้ที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินสิธุ์เธุ์ขต ๑ นวัต วั กรรม นายทรงวุฒิ โยคะสิงสิห์
คำนำ นวัตกรรม 5 ให้ +1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์ ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อการ พัฒนานักเรียนให้อ่านออกเขียนได้ 100% โดยเริ่มต้นตั้งแต่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ต้องอ่านออก เขียนได้ใน 4 สัปดาห์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ต้องอ่านคล่องเขียนคล่อง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงชันประถมศึกษาปีที่ 6 ต้องอ่านคล่องเขียนคล่องและสื่อสารได้ นักเรียนมีทักษะการอ่านและเขียนสื่อสาร อย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ทรงวุฒิ โยคะสิงห์
สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ สารบัญ 1. ข้อมูลทั่วไป 1 ๒. รายละเอียดของผลงาน 2.1 ชื่อผลงาน ๑ 2.2 สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะและทักษะที่ จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs) 1 2.3 ผลงานความเป็นมาและความสำคัญ ๒ 3. วัตถุประสงค์ ๓ 4. การดำเนินงาน ๓ กรอบแนวคิด ๓ กรอบดำเนินงาน ๔ 4.1 ขั้นวางแผน (Plan) ๗ 4.2 ขั้นดำเนินการตามแผน (DO) 7 4.3 สรุปผลและติดตาม (Check) 4.4 ขั้นตอนการดำเนินงานให้เหมาะสม (Action) 5. ผลสำเร็จของการดำเนินงาน 6. การเผยแพร่นวัตกรรม/ผลงาน 7. บทเรียนที่ได้รับ ภาคผนวก ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๑ ๒๑ ๒๒
แบบรายงาน วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ของสถานศึกษา เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะ และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 1.ข้อมูลทั่วไป 1.1 ชื่อผู้เสนอผลงาน นายทรงวุฒิ โยคะสิงห์ตำแหน่งครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 1.2 ชื่อโรงเรียน คำโพนทองราษฎร์นิยม 1.3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 1.4 จำนวนผู้บริหารสถานศึกษา 1 คน 1.3 จำนวนครู 5 คน 1.4 จำนวนนักเรียน 83 คน 2. รายละเอียดของผลงาน 2.1 ชื่อผลงาน “5 ให้+1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” 2.2 สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (3Rs8Cs) 3Rs 1.Reading (อ่านออก) 2.(w)Riting (เขียนได้) 3.(A)Rithemetics (คิดเลขเป็น) 8Cs 1.Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี วิจารณญาณ และ ทักษะในการแก้ปัญหา) 2.Creativity and innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม) 3.Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรมต่างกระบวน ทัศน์) 4.Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็น ทีม และภาวะผู้นำ) 5.Communications, information and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ) 6.Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร) 7.Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) 8.Compassion (ความมีเมตตากรุณา มีวินัย คุณธรรม และจริยธรรม)
๒ 2.3 ผลงานความเป็นมาและความสำคัญ จากการศึกษาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566 - 2570) มีวัตถุประสงค์เพื่อ พลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน” โดยมีเป้าหมายหลักที่ต้องการบรรลุผล 5 ประการ คือ 1.การปรับโครงการสร้างผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม 2.การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ 3.การมุ่งสู่ สังคมโอกาสและความเป็นธรรม 4.การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน และ5.การเสริมสร้างความสามารถของประเทศใน การรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงภายใต้บริบทโลกใหม่และตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่น ดำเนินการภารกิจหลักตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) โดยขับเคลื่อนการ พัฒนาการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัยและ การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 พัฒนาผู้เรียนทุก ช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และมีความพร้อมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3Rs8CS) คือทักษะพื้นฐานที่ จำเป็นต่อผู้เรียนทุกคน ประกอบด้วย ทักษะและคุณลักษณะต่อไปนี้ 3R ได้แก่ 1. Reading คือ สามารถอ่านออก 2. (W)ritings คือ สามารถเขียนได้3. (A)Rithmatic คือ มีทักษะในการคำนวณ และ 8C ได้แก่ 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและสามารถแก้ไขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คือ การคิดอย่างสร้างสรรค์และคิดเชิงนวัตกรรม ๓. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและกระบวนการคิดข้ามวัฒนธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะความเป็นผู้นำ 5. Communication information and media literacy คือ มีทักษะในการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ 6. Computing and IT literacy คือ มีทักษะ การใช้คอมพิวเตอร์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี7. Career and learning skills คือ มีทักษะอาชีพและการเรียนรู้ 8. Compassion คือ มีความเมตตากรุณา มีคุณธรรม และมีระเบียบวินัย การศึกษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ความคิดให้กับพลเมืองของประเทศโดยเฉพาะ โลกในศตวรรษที่ 21 ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและการคิดค้นพัฒนาองค์ ความรู้ใหม่ๆ ที่กล่าวได้ว่า การอ่านและการรู้หนังสือ (Reading & Literacy) เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการ เรียนรู้และดำเนินชีวิต เนื่องจากการอ่านและการรู้หนังสือทำให้เกิดความรู้ความสามารถ และส่งเสริมให้เกิดทักษะการ คิดวิเคราะห์แยกแยะประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต ซึ่งหากผู้ใดมีความบกพร่องหรือขาดความสามารถในการอ่านการเขียนก็จะส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการสื่อสาร และการเรียนรู้อันจะเกิดปัญหาในการดำรงชีวิตต่อไป (สถาบันภาษาไทย : 2559) ด้วยเหตุผลดังกล่าว โรงเรียนคำโพนทองราษฎร์นิยม จึงได้มีเป้าหมายการพัฒนานักเรียนให้อ่านออกเขียนได้ 100% โดยเริ่มต้น ตั้งแต่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ต้องอ่านออกเขียนได้ใน 4 สัปดาห์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ต้องอ่าน คล่องเขียนคล่อง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงชันประถมศึกษาปีที่ 6 ต้องอ่านคล่องเขียนคล่องและสื่อสารได้ นักเรียนมีทักษะการอ่านและเขียนสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ โดยโรงเรียนได้นำนวัตกรรมพัฒนาการอ่านออกเขียนของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 ชื่อว่า “แพรวาโมเดล (PRAEWA MODEL)” มาประยุกต์ใช้
๓ ในการพัฒนาการทักษะการอ่านและการเขียนของนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้ อ่านออกเขียนได้ 100% สอดคล้องตามคุณลักษณะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 3. วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-๖ 2. เพื่อพัฒนาความสามารถด้านเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-๖ 3. เพื่อนักเรียนป.1-๖ มีทักษะด้านการอ่านการเขียนส่งผลต่อการจัดกิจกรรมในทุกกลุ่มสาระ เป้าหมายเชิงปริมาณ 1. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ร้อยละ100 สามารถอ่านเขียนคำพื้นฐานได้ 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 ร้อยละ 100 สามารถอ่านคล่องเขียนคล่อง 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-๖ ร้อยละ 100 มีทักษะด้านการอ่านออกเขียนได้ส่งผลต่อการจัดกิจกรรม ในทุกกลุ่มสาระ เป้าหมายเชิงคุณภาพ 1. ร้อยละ 100 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-๒ มีผลสัมฤทธิ์ทางด้านการอ่านการเขียนที่สูงขึ้น 2. ร้อยละ 100 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านคล่องเขียนคล่องที่สูงขึ้น 3. ร้อยละ 100 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีทักษะด้านการอ่านออกเขียนได้ส่งผลต่อการจัดกิจกรรม ในทุกกลุ่มสาระ 4. การดำเนินงาน กรอบแนวคิด การอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาสติปัญญาของคนในสังคม การอ่านการเขียนทำให้เกิด การพัฒนาด้านสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ พฤติกรรมและค่านิยมต่างๆรวมทั้งช่วยในการเปลี่ยนแปลง การดำเนิน ชีวิตพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต การอ่านการเขียนจึงมีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างยิ่ง เช่น การอ่าน การเขียนเป็น สื่อกลางของการเรียนรู้ ผู้อ่านหรือเขียนมากย่อมรู้มากและถ้านำความรู้นั้นไปใช้ประโยชน์ต่อสังคม สังคมย่อมมี ประสิทธิภาพในการพัฒนาในการเรียนรู้อน่างต่อเนื่องตลอดชีวิต พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 ได้กล่าวไว้ ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมี ความสำคัญที่สุดกระบวนการจัดการศึกษาต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเป็นศักยภาพ แต่ ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันการแก้ไขปัญหา การศึกษาของครูยังไม่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนได้เต็มตาม ศักยภาพ และกระบวนการจัดการเรียนการ สอนยังไม่มีวิธีการที่หลากหลายที่จะสามารถพัฒนาผู้เรียนได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ของหลักสูตร จึงทำให้เด็กในวัย แรกเริ่มในการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาด้านการอ่านการเขียน ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญเพราะถ้านักเรียนมีความบกพร่องด้านการอ่านและการเขียนแล้ว จะทำให้กระบวนการเรียนรู้และ เข้าใจในบทเรียนทุกๆวิชานั้นมีปัญหาและทำให้นักเรียนเบื่อหน่าย ไม่กระตือรือร้นที่จะ เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 การจัดการเรียนรู้ครูผู้สอนต้องวิเคราะห์
๔ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้และ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์โดยมีหลักการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดการเรียนรู้ ที่คำนึงถึงความ แตกต่างระหว่าง บุคคล การจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองและการจัดการเรียนรู้ที่เน้นคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเขต พื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาอาจเพิ่มเติมขึ้นได้ ในการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้สอนต้องจัด กระบวนการที่หลากหลาย โรงเรียนคำโพนทองราษฎร์นิยม มีเป้าหมายพัฒนาด้านการอ่านการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ให้สามารถอ่านออกเขียนได้ทุกคน โดยใช้นวัตกรรมแพรวา“แพรวาโมเดล (PRAEWA MODEL)” ของสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต ๑ ประกอบดัวย ขั้นตอนการสอนทั้งหมด ๖ ขั้นตอน คือ ขั้นที่ ๑ รู้จักอักษรไทย ขั้นที่ ๒ ประสมคำใหม่พร้อมอ่านเขียน ขั้นที่ ๓ ผันวรรณยุกต์ทั้ง ๕ ได้แนบเนียน ขั้นที่ ๔ เรียนการแจกลูก สะกดคำ ขั้นที่ ๕ นำมาแต่งประโยคและผูกเรื่องและขั้นที่ ๖ ปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่การพัฒนาทักษะการอ่านการ เขียนของนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โดยใช้แนวทาง “5 ให้+1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” ระดับชั้น “5 ให้+1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” ชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 1-2 ขั้นที่ 1. ให้ความรักก่อนให้ความรู้ได้แก่ กิจกรรมโฮมรูม ยิ้มไหว้ทักทายก่อนเรียน เอาใจใส่สุขภาพนักเรียน ให้ความเคยชินกับสิ่งที่เรียนรู้ สอนให้เรียนรู้ตามลำดับ จากง่ายไปหายาก ให้รางวัล ยกย่องชมเชยเมื่อนักเรียนทำสำเร็จ ให้คำแนะนำสั่ง สอนนักเรียนด้วยความเมตตาต่อศิษย์ ขั้นที่ 2. ให้ รู้จักเสียงพยัญชนะและสระไทย ได้แก่ รู้จักรูปและเสียงพยัญชนะ รู้จัก รูปและเสียงสระรู้จักรูปและเสียงวรรณยุกต์ ขั้นที่ 3.ให้ประสมคำใหม่และอ่านเขียน ได้แก่ ประสมคำ ๑ พยางค์ กับสระเสียง ยาว ประสมคำ ๒ - ๓ พยางค์ กับสระเสียงยาว ประสมคำ ๑ พยางค์ กับสระเสียงสั้น แม่ ก กา ขั้นที่ 4. ให้ ผันวรรณยุกต์ทั้งห้าได้เนียน รู้จักอักษรสามหมู่ การผันวรรณยุกต์คำ ที่มีพยัญชนะต้นอักษรกลางแม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มี พยัญชนะต้นอักษรสูงแม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มี พยัญชนะต้นอักษรต่ำแม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มี พยัญชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูงและอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูงและ อักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงสั้น 5 ให้เพียร แจกลูกสะกดคำ ได้แก่แจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตรากับสระ เสียงยาว แจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตรากับสระเสียงสั้น แจกลูกสะกดคำที่ตัวสะกด ตรงมาตราและไม่ตรงมาตรากับสระเสียงสั้นและสระเสียงยาว
๕ ระดับชั้น “5 ให้+1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” ชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 3 1.ทบทวน 5 ขั้นตอน (5 ให้ อ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์) 2. เพิ่มขั้นที่ 5 ของแพรวาโมเดล คือ นำมาแต่งประโยคและผูกเรื่อง (5 ให้ +1) - จัดกิจกรรมการแต่งประโยคและผูกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยให้นักเรียนมีความรู้และเข้าใจการเขียนบันทึกประจำวัน ใช้คำให้ถูกต้อง และ แต่งประโยคให้สมบูรณ์จากนั้นให้นักเรียนเขียนบันทึกประจำวันทุกวันใน 4 สัปดาห์แรกของการเปิดเรียนภาคเรียนที่ 1 ชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 4-6 1.ทบทวน 5 ขั้นตอน (5 ให้ อ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์) 2. เพิ่มขั้นที่ 5 และขั้นตอนที่ 6 ของแพรวาโมเดล คือ ขั้นนำมาแต่งประโยคและ ผูกเรื่อง และขั้นปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ (5 ให้ +2) ให้นักเรียนมีความรู้และเข้าใจการเขียนสรุปใจความสำคัญ และย่อความ จากนั้นให้นักเรียนอ่านเรื่องจากหนังสือในห้องสมุด เอกสาร วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสืบค้นเรื่องราว สาระน่ารู้ ที่ตนเองสนใจจากอินเทอร์เน็ต แล้วสรุปใจความ สำคัญลงในสมุดบันทึกการอ่าน โดยให้นักเรียนส่งสมุดบันทึกการอ่านให้ครูตรวจ และผู้ปกครองลงนามท้ายเรื่อง สุ่มนักเรียนอ่านบันทึกการอ่านของตนเองให้เพื่อนๆ ฟังที่หน้าชั้นเรียน และแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นผู้ประกาศข่าวสาร สาระน่ารู้เผยแพร่ ช่องทางลำโพงเสียงตามสายประจำโรงเรียน
๖ กระบวนการดำเนินงานนวัตกรรม ไม่ผ่าน ผ่าน ดำเนินงานด้วยกระบวนการบริหาร วงจรคุณภาพ PDCA 1.ขั้นตอนการวางแผน (Plan) 2.ขั้นตอนการดำเนินงานตามแผน (Do) กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยกิจกรรม ๕ ให้ กิจกรรมแต่งประโยคและผูกเรื่องด้วยการเขียนบันทึกประจำวัน กิจกรรมอ่านวันละเรื่อง ปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ กิจกรรมนักอ่านข่าวประชาสัมพันธ์รุ่นเยาว์ 4.ขั้นตอนการดำเนินงานให้เหมาะสม (Action) 3.สรุปผลติดตาม (Check) 5.เผยแพร่นวัตกรรมการจัดกระบวนการ เรียนรู้
๗ กรอบการดำเนินงาน ข้าพเจ้าได้ดำเนินการพัฒนา นวัตกรรม “5 ให้ +1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” โดยใช้กระบวนการดำเนินงานวงจรบริหารที่มีคุณภาพ PDCA ดังนี้ 4.1 ขั้นวางแผน (Plan) 1.ศึกษาหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เอกสารนวัตกรรมการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ “แพรวา โมเดล เอกสารการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain based Learning:BBL) 2. คัดกรองความสามารถการอ่านของนักเรียน รู้จักนักเรียนรายบุคคล 3. จัดทำแผนการเรียนรู้และออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้นวัตกรรม “5 ให้ +1 +2 นักเรียน อ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์”ในการขับเคลื่อนการพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียน โรงเรียนคำโพนทองราษฎร์นิยม 4.2 ขั้นดำเนินการตามแผน (DO) เป็นขั้นตอนการนำนวัตกรรม “5 ให้ +1 +2 นักเรียนอ่านออกเขียนได้ 100% ใน 4 สัปดาห์” มาพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนของนักเรียน โดยจัดการเรียนการสอน ดังนี้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยกิจกรรม ๕ ให้ 1. ให้ความรักก่อนให้ความรู้ (ระยะเวลาดำเนินการจำนวน 4 สัปดาห์) กิจกรรมให้ความรักก่อนให้ความรู้เป็นจัดกระบวนการเรียนการสอน เพื่อสร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับนักเรียน ได้แก่ กิจกรรมโฮมรูม ยิ้มไหว้ทักทายก่อนเรียน เอาใจใส่สุขภาพนักเรียน ให้ความเคยชินกับสิ่งที่เรียนรู้ สอนให้เรียนรู้ ตามลำดับจากง่ายไปหายาก ให้รางวัล ยกย่องชมเชยเมื่อนักเรียนทำสำเร็จ ให้คำแนะนำสั่งสอนนักเรียนด้วยความ เมตตาต่อศิษย์ ให้นักเรียนเกิดความไว้วางใจและพร้อมที่เรียนรู้ 2. ให้รู้จักเสียงพยัญชนะและสระไทย (ระยะเวลาดำเนินการจำนวน 1 สัปดาห์) ให้รู้จักเสียงพยัญชนะและสระไทย กิจกรรมนี้ใช้แบบฝึกเล่มที่ 1 เป็นการฝึกจดจำและฝึกอ่าน พยัญชนะ สระ ตัวสะกดและวรรณยุกต์ กิจกรรมนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการอ่านและการเขียนที่จะทำให้นักเรียนอ่านออกนั้น ก็คือการรู้จัก พยัญชนะสระ ต้องเริ่มให้เด็กหัดออกเสียงพยัญชนะให้ชัด และจำพยัญชนะได้ทุกตัว และเริ่มอ่านสระ และท่องจำรูป สระ ว่าแต่ละรูปออกเสียงอย่างไร และให้เด็กทบทวนพยัญชนะ และสระ จนมั่นใจว่าเค้าสามารถจดจำสระและ พยัญชนะได้ครบทุกตัว เมื่อจำได้แล้ว ก็จะสามารถสอนอ่านได้พอฝึกจดจำพยัญชนะและอ่านได้แล้วหลังจากนั้นจะเป็น การฝึกเขียนพยัญชนะ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เล่ม ๑ รู้จักเสียงพยัญชนะและสระไทย - สอนให้รู้จัก "ชื่อ" พยัญชนะ เบื้องตันนั้น สามารถสอนให้เด็กรู้จัก "ชื่อพยัญชนะ" ทั้งหมดโดยวิธีอ่านท่องร้องเล่นตามที่ท่องกันโดยทั่วไป เพื่อให้เด็กได้รู้จัก "ชื่อ" ของพยัญชนะแต่ละตัว เป็นการสร้างความคุ้นเคย และสนุกสนานเพลิดเพลินกับการท่องร้อง เล่น อย่างที่เคยท่องต่อๆกันมาว่า
๘
๙ สื่อที่ใช้ในการสอนให้รู้จัก "ซื่อพยัญชนะ" นั้น อาจจะเป็นแผนภูมิพยัญชนะหรือแผนภาพพยัญชนะ อย่างที่มีเผยแพร่อยู่โดยทั่วไป โดยการชี้ให้เห็นพยัญชนะ แล้วอ่านท่องร้องเล่นพร้อมกันทั้งชั้น หรือพร้อมกันเป็นกลุ่ม ก็ได้ในการอ่านท่องร้องเล่นนั้นอาจจะปรบมือให้จังหวะ หรือมีกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินไปด้วยก็ยิ่ง ดี - สอนให้รู้จัก "รูป" และ "เสียง" พยัญชนะ เป็นการสอนให้รู้จัก "รูป" และ "เสียง" ของพยัญชนะแต่ละตัว เพื่อเตรียมการนำไปสู่การอ่านและเขียนสะกดคำต่อไป โดยมีแนวทางและขั้นตอนการสอนที่สำคัญ ดังนี้ ขั้นที่ ๑ สอนให้เห็นรูปโดยครูใช้ "บัตรพยัญชนะ" เป็นรายตัว ให้นักเรียนได้เห็นรูปร่างลักษณะของ พยัญชนะแต่ละตัว เช่น ขั้นที่ ๒ สอนให้รู้จักเสียงขณะที่นำบัตรพยัญชนะให้เด็กดูหรือเขียนพยัญชนะในกระดานทีละตัวนั้น ต้องให้นักเรียนได้รู้จักเสียงของพยัญชนะตัวนั้น ๆ โดย (๑) ครูอ่านออกเสียงพยัญชนะให้ฟังอย่างชัดเจน เช่น ก ไก่ ออกเสียง กอ ข ไข่ ออกเสียง ขอ ฃ ขวด ออกเสียง ขอ ค ควาย ออกเสียง คอ (๒) ให้นักเรียนดูรูปพยัญชนะทีละตัว แล้วอ่านออกเสียงตามครู โดยออกเสียงดังๆและชัดเจน (๓) ให้นักเรียนดูรูปแล้วอ่านออกเสียงเอง โดยเริ่มจากอ่านออกเสียงพร้อมกันทั้งชั้นอ่านออกเสียง พร้อมกันเป็นรายกลุ่ม และอ่านออกเสียงเป็นรายคน (๔) ครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือทดสอบการอ่านออกเสียงพยัญชนะของนักเรียนเป็นรายคน หากพบว่านักเรียนคนใดยังอ่านออกเสียงไม่ได้หรือไม่ชัดเจน ต้องแก้ไขทันที(และต้องแก้ไขเสียก่อนที่จะให้อ่าน พยัญชนะตัวต่อไป) ขั้นที่ ๓ สอนให้เขียนรูป เมื่อนักเรียนอ่านออกเสียงได้แล้วต้องฝึกให้เขียนรูปพยัญชนะตัวนั้น ๆ โดย (๑) ครูเซียนรูปพยัญชนะในกระดาน (โดยคัดตัวบรรจงเต็มบรรทัด และลากเส้นให้ถูกต้องตาม หลักการเขียนพยัญชนะ) ครูลากเส้นช้า ๆ ให้นักเรียนดู และอ่านออกเสียงพยัญชนะตัวนั้นไปพร้อมกัน (๒) ให้นักเรียนเขียนรูปพยัญชนะตามครู โดยเขียนในกระดานหรือเขียนลงในสมุด ของแต่ละคน ขณะเขียนให้อ่านออกเสียงพยัญชนะไปด้วย (๓) ให้นักเรียนคัดรูปพยัญชนะแต่ละตัว ด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดให้สวยงาม คัดลง ในแบบฝึกเล่ม ๑ หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ เที่ยว (๔) ครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือทดสอบการเขียนรูปพยัญชนะของนักเรียนเป็นรายคน หากพบว่า นักเรียนคนใดยังเขียนไม่ได้หรือเขียนไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขทันที (และต้องแก้ไขเสียก่อนที่จะให้เขียนพยัญชนะตัวต่อไป)
๑๐ (๕) ในขั้นของการเขียนนี้ ครูควรสังเกตวิธีการจับดินสอ การวางสมุด ตลอดจนท่าทางการนั่งเขียนของ นักเรียนไปด้วย หากพบว่าคนใดไม่ถูกต้อง ควรแนะนำ แก้ไขให้ถูกต้องเสียแต่ต้น - สอนให้รู้จักรูปและเสียงสระ สระมีทั้งหมด ๒๑ รูป ๓๒ เสียง ต้องสอนให้รู้จัก "รูป" และ "เสียง" ของสระแต่ละตัว เพื่อเตรียมการนำไปสู่ การอ่านและเขียนสะกดคำต่อไป โดยมีแนวทางและขั้นตอนการสอนที่สำคัญ ดังนี้ ขั้นที่ ๑ สอนให้เห็นรูปสระ โดยครูใช้ "บัตรสระ" เป็นรายตัว ให้นักเรียนได้เห็นรูปร่างลักษณะของสระหรือ ครูอาจจะใช้วิธีเขียนรูปสระ บนกระดาน ก็ได้ ขั้นที่ ๒ สอนให้รู้จักเสียงสระ ขณะที่นำบัตรสระให้เด็กดูหรือเขียนรูปสระในกระดานทีละตัวนั้น ต้องให้ นักเรียนได้รู้จักเสียงของสระตัวนั้น ๆ โดย (๑) ครูอ่านออกเสียงสระให้ฟังอย่างชัดเจน เช่น ะ ออกเสียงว่า "อะ" (อย่าออกเสียงว่า "สระอะ") า ออกสียงว่า "อา" (อย่าออกเสียงว่า "สระอา") เ ออกเสียงว่า "เอ" (อย่าออกเสียงว่า "สระเอ") (๒) ให้นักเรียนดูรูปสระทีละตัว แล้วอ่านออกเสียงตามครู โดยออกเสียงดัง ๆ และซัดเจน (๓) ให้นักเรียนดูรูปแล้วอ่านออกเสียงเอง โดยเริ่มจากอ่านออกเสียงพร้อมกันทั้งชั้น อ่านออกเสียงพร้อมกัน เป็นรายกลุ่ม และอ่านออกเสียงรายบุคคล (๔) ครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือทดสอบการอ่านออกเสียงสระของนักเรียนเป็นรายคน หากพบว่านักเรียน คนใดยังอ่านออกเสียงไม่ได้ หรือไม่ชัดเจน ต้องแก้ไขทันที(และต้องแก้ไขเสียก่อนที่จะให้อ่านสระตัวต่อไป) ขั้นที่ 3 สอนให้เขียนรูปสระ เมื่อนักเรียนอ่านออกเสียงไต้แล้ว ต้องฝึกให้เขียนรูปสระตัวนั้น ๆ โดย (๑ ) ครูเขียนรูปสระในกระดาน (โดยคัดตัวบรรจงเต็มบรรทัด และลากเส้นให้ถูกต้อง ตามหลักการเขียนสระ) ครูลากเส้นช้า ๆ ให้นักเรียนดู และอ่านออกเสียงสระตัวนั้นไปพร้อมกัน (๒) ให้นักเรียนเขียนรูปสระตามครู โดยเขียนในกระดานหรือเขียนลงในสมุดของแต่ละคน ขณะเขียนให้อ่าน ออกเสียงสระไปด้วย (๓) ให้นักเรียนคัดรูปสระแต่ละตัว ด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดให้สวยงาม คัดลงในแบบฝึกเล่ม 1 หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ เที่ยว (๔) ครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือทดสอบการเขียนรูปสระของนักเรียนเป็นหากพบว่านักเรียนคนใดยังเขียน ไม่ได้หรือเขียนไม่ถูกต้อง ต้องแก้ไขทันที (และต้องแก้ไขเสียก่อนที่จะให้เขียนสระตัวต่อไป)
๑๑ กระบวนการ Active Learning กิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน 1.ขั้นกระตุ้น ความสนใจ ครูให้นักเรียนฝึกกระตุ้นความสนใจโดยใช้กระบวน Brain gym การฝึกสมาธิ การเคาะจังหวะ เพลง ตบตักตบมือ เพลงสระเอีย สระเอือ เพลงสระเอาะ เพลงหนูมาไว้ผมเปียสระเอีย ชั่วโมงละ 5 นาที 2.ขั้นสำรวจ และค้นหา ครูได้ถามคำถามนักเรียนเกี่ยวกับการอ่านออกเสียง ของ พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ว่าออกเสียง อย่างไร และความรู้เกี่ยวกับการอ่าน ออกเสียง ของ พยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ ครูอธิบายและให้ความรู้แก่ผู้เรียนเรื่อง - รู้จักรูปและเสียงพยัญชนะ - รู้จักรูปและเสียงสระ ครูได้ถามคำถามนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะ วิธีการต่างๆการ ของ พยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ ว่า เขียนอย่างไรครูให้ความรู้เกี่ยวกับการเขียน พยัญชนะ สระ 3.ขั้นอภิปราย และข้อสรุป ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม เล่มเกม การอ่านออกเสียงพยัญชนะหน้าชั้นเรียน โดยจะ เป็น เกมการปะมือเพื่อนำ พยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ ที่ครูกำหนดให้ไปติดไว้ที่หน้ากระดาน ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม เขียนพยัญชนะที่นักเรียนชอบที่สุด มา 10 ตัวและสามารถบอกครูให้ได้ว่า พยัญชนะที่ นักเรียนเขียนนั้น อ่านออกเสียงว่าอย่างไร 4.ขั้นสร้าง ผลผลิตของ ความเข้าใจ ครูแจกใบสื่อการอ่านพยัญชนะ สระ ในแบบฝึกเล่มที่ 1 แล้วจะสุ่มให้ นักเรียนออกมาอ่านหน้าห้องให้ เพื่อนฟัง ครูแจกใบงานและแบบฝึกหัดให้นักเรียนทำ ฝึกหัด เพื่อที่จะวัดว่านักเรียนสามารถ ประยุกต์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้หรือไม่ 5.ขั้นสะท้อน ผลผ่านชุมชน แห่งการเรียนรู้ ให้นักเรียนเลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียน ที่ได้เรียนไป แล้วทำใบงานลงในสมุดส่งคุณครู และทำสื่อเป็น ของตัวเองคนละ 1 ชิ้น 3. ให้ประสมคำใหม่และอ่านเขียน (ระยะเวลาดำเนินการจำนวน 1 สัปดาห์) การสอนพื้นฐานให้กับเด็ก ๆ โดยเริ่มจากการอ่านคำง่าย ๆ คือการนำพยัญชนะ ไปประสมกับสระ โดยยังไม่ ต้องมีตัวสะกด เช่นเริ่มจาก สระอา โดยให้เด็กนำพยัญชนะทุกตัว มาประสมกับสระอา แล้วหัดอ่าน เช่น ก อา กา, ข อา ขา, ค อา คา เป็นต้น เมื่อเด็กสามารถออกเสียงสระอาได้อย่างชัดเจนแล้ว ก็สามารถข้ามไปสระต่อไปได้ ซึ่งวิธีที่ จะช่วยให้เด็กจดจำได้ง่ายก็คือการทบทวน ทุกครั้งที่สอนจบในแต่ละสระ ให้กลับมาทบทวนอีกครั้ง แล้วจึงสอนสระ ต่อไป แล้วกลับมาทบทวนใหม่เรื่อย ๆ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เล่มที่ 2 ประสมคำใหม่และอ่านเขียน ได้แก่ ประสมคำ 1 พยางค์ กับสระเสียงยาว ประสมคำ 2-3 พยางค์ กับสระเสียงยาว ประสมคำ 1 พยางค์ กับสระเสียงสั้น แม่ ก กา
๑๒ กระบวนการ Active Learning กิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน 1.ขั้นกระตุ้น ความสนใจ ครูให้นักเรียนฝึกกระตุ้นความสนใจโดยใช้กระบวน Brain gym การฝึกสมาธิ การเคาะจังหวะ เพลง ตบตักตบมือ เพลงนิ้วมือสวัสดีเพลงฝนตก เพลงกรรไกรไข่ผ้าไหม แม่ไก่ในตระกร้า ชั่วโมงละ 5 นาที 2.ขั้นสำรวจ และค้นหา - ครูอธิบายและให้ความรู้แก่ผู้เรียนเรื่องการนำพยัญชนะ ต้นมาประสมกับสระ พยัญชนะ และสระ ได้แก่ ประสมคำ 1 พยางค์ กับสระเสียงยาว ประสมคำ 2-3 พยางค์ กับสระเสียงยาว ประสมคำ 1 พยางค์ กับสระเสียงสั้น แม่ ก กา และให้ผู้เรียนมีบทบาทและส่วนร่วมในการทำกิจกรรมใน ชั่วโมงให้มากที่สุด เช่น คำให้นักเรียนอ่าน การตอบคำถาม ในชั่วโมง ครูอธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับคำที่ อยู่ในบัตรคำว่า ส่วนไหนคือ พยัญชนะ และสระ เพื่อที่นักเรียนจะ ได้มีความเข้าใจในการเขียน 3.ขั้นอภิปราย และข้อสรุป - ครูให้นักเรียนเล่นเกม ประสมคำ ใหม่พร้อมอ่านเขียนแสน สนุก โดยการแจกบัตรสระ พยัญพชะ สระ และวรรณยุกต์ มาให้นักเรียนสร้างคำจากแบบฝึกเล่มที่ 2 ซึ่งเป็นคำศัพท์ รู้จักคำนำเรื่อง จากหนังสือภาษาพาที และวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วให้นักเรียนคนละ 1 คำ ให้ นักเรียนออกมาอ่านให้เพื่อนฟังข้างหน้าห้อง พร้อมติดบัตร คำไว้บนกระดาน แล้วให้วิ่งไปปะมือเพื่อนคนอื่นๆวนไป จนถึงคนสุดท้าย ครูให้นักเรียนเขียนคำที่ติดไว้บน กระดานทั้งหมดลงไปในสมุดแล้วให้ นำคำที่เขียนไปฝึกอ่านที่บ้าน 4.ขั้นสร้าง ผลผลิตของ ความเข้าใจ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความที่ได้จากการเล่นเกม ประสมคำใหม่พร้อมอ่านเขียนแสนสนุก และให้นักเรียนได้ ซักถามปัญหา และอุปสรรคในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ ครูแจกใบงานและแบบฝึกหัดให้ นักเรียนทำฝึกหัด เพื่อที่จะวัดว่า นักเรียนสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้ จากการเรียนรู้หรือไม่ 5.ขั้นสะท้อน ผลผ่านชุมชน แห่งการเรียนรู้ ให้นักเรียนเลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียน ที่ได้เรียนไป แล้วทำใบงานลงในสมุดส่งคุณครู และทำสื่อเป็น ของตัวเองคนละ 1 ชิ้น 4. ให้ผันวรรณยุกต์ทั้งห้าได้แนบเนียน (ระยะเวลาดำเนินการจำนวน 1 สัปดาห์) ให้ผันวรรณยุกต์ทั้งห้าได้แนบเนียน การผันวรรณยุกต์ หมายถึง การเปลี่ยนเสียงของคําให้มีเสียงสูงต่ำตามรูป วรรณยุกต์ที่เป็นตัวกำหนดเสียง โดยใช้พยัญชนะตัวเดียว สระเสียงเดียวกัน เพื่อให้ได้คําใหม่ที่มีความหมายต่างไปจาก เดิม การผันวรรณยุกต์ให้ถูกต้องจะต้องเข้าใจเรื่องไตรยางค์และคําเป็น คําตาย กิจกรรมนี้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เล่มที่ ๓ ผันวรรณยุกต์ทั้งห้าได้เนียน ได้แก่ ให้นักเรียนรู้จักรูปและเสียงวรรณยุกต์ รู้จักอักษรสามหมู่
๑๓ การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญชนะต้นอักษรกลางแม่ กกา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรสูง แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรต่ำ แม่ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงสั่น กระบวนการ Active Learning กิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน 1.ขั้นกระตุ้น ความสนใจ ครูให้นักเรียนฝึกกระตุ้นความสนใจโดยใช้กระบวน Brain gym การฝึกสมาธิ การเคาะจังหวะ เพลงกินไข่ เพลงโยโย่ เพลงสระใอไม้ม้วนมี 20 ม้วน เพลงก๊กกุ๊กไก่ เพลงผีตัวดำ ชั่วโมงละ 5 นาที 2.ขั้นสำรวจและ ค้นหา ครูอธิบายและให้ความรู้แก่ผู้เรียนเรื่องการผันวรรณยุกต์ ได้แก่ - รู้จักรูปและเสียงวรรณยุกต์ - อักษรสามหมู่ - การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญชนะต้นอักษรกลางแม่ กกา ประสมสระเสียงยาว - การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรสูง แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว - การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว - การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงยาว - การผันวรรณยุกต์คำที่มีพยัญยชนะต้นอักษรกลาง อักษรสูง และอักษรต่ำ แม่ ก กา ประสมสระเสียงสั่น และให้ผู้เรียนมีบทบาทและส่วนร่วมในการทำกิจกรรมใน ชั่วโมงให้มากที่สุด เช่น ฝึกผันวรรณยุกต์ด้วยแบบฝึกเล่มที่ 3 การตอบคำถาม ในชั่วโมง ครูอธิบายและให้ความรู้เรื่องการ ผันวรรณยุกต์เพื่อที่นักเรียนจะ ได้มีความเข้าใจในการเขียน 3.ขั้นอภิปราย และข้อสรุป - ครูให้นักเรียนเล่นเกม ผันวรรณยุกต์โดยการแจกบัตรคำ ในแบบฝึกเล่มที่ 3 ซึ่งเป็นคำศัพท์รู้จักคำนำเรื่อง จาก หนังสือภาษาพาทีและวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้นักเรียนคนละ 1 คำ แล้วให้นักเรียนออกมาผัน วรรณยุกต์ให้เพื่อนฟังข้างหน้าห้อง พร้อมติดบัตรคำไว้บน กระดาน แล้วให้วิ่งไปปะมือเพื่อนคนอื่นๆวนไปจนถึงคน สุดท้าย ครูให้นักเรียนเขียนคำที่ติดไว้บน กระดานทั้งหมดลงไปในสมุดแล้ว ให้นำคำที่เขียนไปฝึกอ่านที่บ้าน และฝึกเขียนการผันวรรณยุกต์ใน แบ บฝึกเล่มที่ 3
๑๔ 4.ขั้นสร้าง ผลผลิตของความ เข้าใจ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความที่ได้จากการเล่นเกม ผัน วรรณยุกต์และให้นักเรียนได้ซักถามปัญหา และอุปสรรคใน การทำกิจกรรมการเรียนรู้ ครูแจกใบงานและแบบฝึกหัดให้ นักเรียนทำฝึกเล่มที่ 3 เพื่อที่จะ วัดว่านักเรียนสามารถประยุกต์ ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้หรือไม่ 5.ขั้นสะท้อนผล ผ่านชุมชนแห่ง การเรียนรู้ ให้นักเรียนเลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้เรียนไป แล้วทำใบงานลงใน สมุดส่งคุณครู และทำสื่อเป็นของตัวเองคนละ 1 ชิ้น 5. ให้เพียรแจกลูกสะกดคำ(ระยะเวลาดำเนินการจำนวน 1 สัปดาห์) ให้เพียรแจกลูกสะกดคำ กิจกรรมนี้เป็นการ ฝึกแจกลูกอ่านและเขียน ผันเสียงคำ การอ่าน เขียนสะกดคำ แจกลูกโดยใช้แบบฝึกทักษะ เล่มที่ 4 เพียรแจกลูกสะกดคำ จัดเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้นักเรียนอ่านออก การสะกดคำ" คือ การแยกแยะส่วนประกอบของคำออกมาว่า คำนั้น ประกอบด้วย พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และ ตัวสะกด อะไรบ้าง เช่น "ชา" สะกดคำว่า "ซอ - อา - ชา" "ช้า" สะกดคำว่า "ขอ - อา - ซา - ชา - โท - ช้า" "ชาง" สะกตตำว่า "ซอ - อา - ชา - ชา - งอ - ซาง "ช้าง" สะกดคำว่า "ซอ- อา-ซา - ซา - งอ - ขาง - ชาง - โท – ช้า ๆลฯ การสะกดคำ เป็นการสะกดเพื่ออ่านคำ หรือสะกดเพื่อเขียนคำ ส่วน "การแจกลูก" เป็นการแตกแขนงออกไปใน การฝึกประสมคำ ให้เกิดความคล่องในการอ่าน โดยการแจกลูกนั้น จะมี ๒ ลักษณะ คือ ส่วนประสมคงที่และส่วนที่แปร เปลี่ยนไปแล้วแต่วัตถุประสงค์ในการฝึก เช่น ถ้าต้องการฝึกคำที่ประสมด้วยสระ - า ก็ให้สระ - า คงที่แล้วให้แปร เปลี่ยนตัวพยัญชนะที่จะมาประสมไปเรื่อย ๆ เป็น กา ขา คา งา จา ฯลฯ ตัวอย่างการแจกลูก (๑) พยัญชนะต้นคงที่ สระแปรเปลี่ยนไป (เช่น ต้องการฝึกอ่านคำที่ ม เป็นพยัญชนะต้น แจกลูกว่า มะ มา มิมี มี มี มุ มู เมะ เม ... (๒) สระคงที่ พยัญชนะต้นแปรเปลี่ยนไป (เช่น ต้องการฝึกอ่านคำที่ประสมด้วยสระ า) แจกลูกว่า กา ขา คา งา จา ฉา ชา ซา ... (๓) สระและตัวสะกดคงที่ พยัญชนะต้นแปรเปลี่ยนไป (เช่น ต้องการฝึกอ่านประสมด้วยสระ อ และ ง เป็น ตัวสะกด) แจกลูกว่า กอง ของ คอง งอง จอง ฉอง ชอง ซอง... สอนสะกดคำ แจกลูก อย่างไรขั้นตอนในการสอนอ่านสะกดคำแจกลูก มีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้ ขั้นที่ ๑ สอนให้เห็นรูป โดยครู่ใช้ "บัตรคำ" คำที่ต้องการสอน ให้นักเรียนได้เห็นรูปร่างลักษณะของพยัญชนะ สระ ที่ประสมเป็นคำนั้น ๆ เช่น กะ กา หรือ ครูอาจจะใช้วิธีเขียนคำในกระดาน ก็ได้ ขั้นที่ ๒ สอนให้รู้จักเสียง (๑) ครูต้องทบทวนเสียงพยัญชนะ และ เสียงสระโดยอ่านออกเสียงพยัญชนะและเสียงสระให้ฟังอย่างขัดเจน เช่น ก ออกเสียงว่า "กอ" (มิใช่ "กอไก่") า ออกเสียงว่า "อา" (มิใช่ "สระอา")
๑๕ (๒) ให้นักเรียนดูรูปพยัญชนะ และสระ แล้วอ่านออกเสียงพยัญชนะ และเสียงสระตามครู โดยออกเสียง ดัง ๆ และชัดเจน ขั้นที่ ๓ สอนให้อ่านสะกดคำ (๑) ให้นักเรียนดูรูปคำ แล้วครูอ่านสะกดคำให้นักเรียนฟัง (ครูต้องออกเสียงให้ดังและชัดเจน) เช่น กา กอ - อา – กา (หมายเหตุ อย่าออกเสียงว่า "กอ - ไก่ - สระ - อา" เพราะจะทำให้อ่านสะกดคำไม่ได้ ) (๒) ให้นักเรียนดูรูปคำ แล้วอ่านออกเสียงสะกดคำตามครูพร้อมกันทั้งชั้นเป็นรายกลุ่ม หรือรายคน (๓) ให้นักเรียนดูรูปคำ แล้วอ่านออกเสียงสะกดคำเอง โดยเริ่มจากอ่านออกเสียงพร้อมกันทั้งชั้น เป็น รายกลุ่ม และรายคน (๔) ครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือทดสอบการอ่านออกเสียงสะกดคำของนักเรียนรายคน หากพบว่านักเรียน คนใดยังอำานออกเสียงไม่ใด้ หรือไม่ชัดเจน ต้องแก้ไขทันที (แสงแก้ไขเสียก่อนที่จะให้อ่านคำต่อไป) ขั้นที่ ๔ สอนให้อ่านแจกลูก (๑) ครูนำพยัญชนะ และ สระที่ต้องการอ่านแจกลูก โดยใช้บัตรพยัญขนะ หรือสระ หรือเขียนบนกระดาน แล้วทบทานให้อ่านออกเสียงพยัญชนะ และเสียงสระอย่าเจนเสียก่อน เช่น า ออกสียงว่า "อา" (อย่าออกเสียงว่า "สระอา") ก ออกเสียงว่า "กอ" (อย่าออกเสียงว่า "กอไก่") จ ออกเสียงว่า "จอ" ด ออกเสียงว่า "ดอ" ต ออกเสียงว่า "ตอ" บ ออกเสียงว่า "บอ" ป ออกเสียงว่า "ปอ" อ ออกเสียงว่า "ออ" (๒) ให้นักเรียนดูรูปชุดคำที่ต้องการแจกลูก โดยใช้แผนภูมิ หรือเขียนชุดคำบนกระดาน แล้วครูอ่านแจกลูกให้ ฟัง เสียงดังและชัดเจน เช่น (๓) ให้นักเรียนดูชุดคำ แล้วอ่านออกเสียงแจกลูกตามครูพร้อมกันทั้งชั้น เป็นรายกลุ่ม หรือรายคน ให้นักเรียนดูชุดคำ แล้วอ่านออกเสียงแจกลูกเอง โดยเริ่มจากอ่านแจกลูกพร้อมกันทั้งชั้น เป็นรายกลุ่ม และรายคน
๑๖ ขั้นที่ ๕ สอนให้อ่านทบทวน (๑) หลังจากนักเรียนได้อ่านสะกดคำแจกลูก คำในแต่ละชุดแล้ว ครูควรเลือกคำบางคำที่อ่านสะกดคำแจกลูก มาแล้วในชุดนั้น และชุดก่อนหน้านั้น มาให้อ่านทบทวน โดยอ่านออกเสียง "เป็นคำ" (ไม่ต้องอ่านสะกดคำ - แต่ถ้าอ่าน เป็นคำไม่ได้ก็ให้อ่านสะกดคำก่อน) (๒) ชุดคำที่ใช้อ่านทบทวน ครูอาจจะแต่งเป็นเรื่องราวง่าย ๆ ด้วยบทร้อยแก้ว หรือร้อยกรอง ก็ได้ แต่ต้องใช้คำ ที่ผ่านการอ่านสะกดคำแจกลูกมาแล้ว ขั้นที่ ๖ สอนให้เขียนสะกดคำเมื่อนักเรียนอ่านออกเสียงสะกดคำ แจกลูกได้แล้ว ต้องฝึกให้เขียนรูปคำ นั้น ๆ โดย (๑) ครูเขียนรูปคำในกระดาน (โดยคัดตัวบรรจงเต็มบรรทัด และลากเส้นให้ถูกต้องตามหลักการเขียน) ครู ลากเส้นช้า ๆ ให้นักเรียนดู และอ่านออกเสียงสะกตคำตัวนั้นไปพร้อมกัน (๒) ให้นักเรียนเขียนรูปคำตามครู โดยเขียนในกระดานหรือคัดลงในสมุดของละคน ขณะเขียนให้อ่านออกเสียง สะกดคำไปด้วย (๓) ให้นักเรียนตัดรูปคำแต่ละตัว ด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดให้สวยงาม คัดลงในสมุดลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ เที่ยว ได้ตามความเหมาะสมครูต้องสังเกต ตรวจสอบ หรือหดสอบการเขียนสะกดคำของนักเรียนเป็นรายคนอาจจะให้ นักเรียนเขียนคำตามคำบอกก็ได้ หากพบว่านักเรียนคนใดยังเขียนคำใดไม่ได้หรือเขียนไม่ถูกต้อง ต้องช่วยเหลือแก้ไข ทันทีในกิจกรรมการคัดหรือเขียนคำนั้น อาจจะมีกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อความเพลิดเพลินเช่น การวาดภาพระบายสี จากคำ หรือข้อความที่คัดเขียน เป็นต้นหลักในการเลือกคำมาใช้ฝึกสะกดคำและแจกลูก ๑. นำสระทุกเสียงมาให้ฝึกสะกดคำแจกลูก เพื่อให้ผ่านตา ผ่านหู คุ้นชินกับเสียงสระทุกเสียงเมื่อประสมกับ พยัญชนะ ๒.นำพยัญชนะทุกเสียงมาฝึกสะกดคำแจกลูก เพื่อให้ผ่านตา ผ่านหู คุ้นซินกับเสียงพยัญชนะทุกเสียงเมื่อ ประสมกับสระ ๓.พยัญชนะบางตัวที่มีเสียงซ้ำกัน เช่น ข ค ม ฐ ท ฆ ณ ญ ฎ ฎ ภ ศ ษ ฬ ยังเม่ต้องนำมาสะกดคำแจกลูกสระ บางเสียงหรือพยัญชนะบางตัวเมื่อประสมกันแล้ว อาจไม่มีความหมายหรือไม่มีที่ใช้ ก็ให้เลือกบางส่วนมาฝึก พอให้เกิด ความคุ้นชินเท่านั้น ๔. ให้เน้นการฝึกสะกตคำแจกลูก ในคำที่ประสมแล้วมีความหมายและมีที่ใช้เป็นพิเศษ รวมทั้งคำที่จะมี ความหมายเมื่อผันวรรณยุกต์หรือมีตัวสะกดด้วยการสอนสะกดคำแจกลูก เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ดังนั้นจึงต้องให้ เวลากับการสอนละกลคำแจกลูกอย่างเต็มที่ และสอนตามขั้นตอน อย่าเร่งรัด อย่ารีบร้อน จนเด็กตามไม่ทัน เพราะจะ ทำให้เกิดปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ในที่สุด ส่วนกิจกรรมในแต่ละขั้นข้างต้นนั้นในระยะเริ่มต้นควรจัดทุกกิจกรรมให้ เข้มข้นครบถ้วน แต่ในระยะหลัง ๆ เมื่อ "มั่นใจ" ว่านักเรียคล่องหรือแม่นในบางกิจกรรมแล้ว อาจจะลดความเข้มข้นลง ก็ได้
๑๗ กระบวนการ Active Learning กิจกรรมการเรียนรู้ การอ่าน การเขียน 1.ขั้นกระตุ้น ความสนใจ ครูให้นักเรียนฝึกกระตุ้นความสนใจโดยใช้กระบวน Brain gym การฝึกสมาธิ การเคาะจังหวะ เพลง ฝนตกแดดออก เพลงแม่กง เพลงประโยคสามส่วน เพลงกรรไกรไข่ผ้าไหม เพลงยี่สิบม้วน ชั่วโมงละ 5 นาที 2.ขั้นสำรวจ และค้นหา ครูอธิบายและให้ความรู้แก่ผู้เรียนเรื่องการแจกลูกสะกด ได้แก่ - แจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตรากับสระเสียงยาว - แจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตรากับสระเสียงสั้น - แจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราและไม่ตรงมาตรา กับสระเสียงยาวและสระเสียงสั้น และให้ผู้เรียนมีบทบาทและส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในชั่วโมง ให้มากที่สุด เช่น การติดบัตรคำให้นักเรียนอ่าน การตอบ คำถาม ในชั่วโมง ครูอธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับคำที่ อยู่ในบัตรคำว่า ส่วนไหนคือ พยัญชนะ สระและ วรรณยุกต์ เพื่อที่ นักเรียนจะได้มีความเข้าใจในการ เขียน 3.ขั้นอภิปราย และข้อสรุป - ครูให้นักเรียนเล่นเกม แจกลูกคำ แสนสนุก โดยการแจกบัตร คำในแบบฝึกเล่มที่ 4 ซึ่งเป็นคำศัพท์รู้จักคำนำเรื่อง จาก หนังสือภาษาพาที และวรรณคดีลำนำ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้นักเรียนคนละ 1 คำ ให้นักเรียนออกมาอ่านให้เพื่อนฟัง ข้างหน้าห้อง พร้อมติดบัตรคำไว้บนกระดาน แล้วให้วิ่งไปปะมือ เพื่อนคนอื่นๆวนไปจนถึงคนสุดท้าย ครูให้นักเรียนเขียนคำที่ติดไว้บน กระดานทั้งหมดลงไปในสมุดแล้วให้ นำคำที่เขียนไปฝึกอ่านที่บ้าน 4.ขั้นสร้าง ผลผลิตของ ความเข้าใจ - ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความที่ได้จากการเล่นเกม แจกลูก คำ แสนสนุก และให้นักเรียนได้ซักถามปัญหา และอุปสรรคใน การทำกิจกรรมการเรียนรู้ ครูแจกใบงานและแบบฝึกหัดให้ นักเรียนทำฝึกหัด เพื่อที่จะวัดว่า นักเรียนสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้ จากการเรียนรู้หรือไม่ 5.ขั้นสะท้อน ผลผ่านชุมชน แห่งการเรียนรู้ ให้นักเรียนเลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้เรียนไป แล้วทำใบงานลงในสมุดส่ง คุณครู และทำสื่อเป็นของตัวเองคนละ 1 ชิ้น
๑๘ กิจกรรมแต่งประโยคและผูกเรื่องด้วยการเขียนบันทึกประจำวัน ๑. ครูทบทวนความรู้ด้านการอ่านการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในสัปดาห์แรกของการ เปิดภาคเรียนที่ 1 ตามขั้นตอนที่ 1-4 ของนวัตกรรม แพรวาโมเดล ได้แก่ ขั้นที่ 1 รู้จักอักษรไทย ขั้นที่ 2 ประสมคาใหม่พร้อมอ่าน เขียน ขั้นที่ 3 ผันวรรณยุกต์ทั้งได้แนบเนียน ขั้นที่ 4 เรียนการแจกลูก 2. ครูจำแนกนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่ม นักเรียนเก่ง นักเรียนปานกลาง และนักเรียนอ่อน 3. ครูกำหนดเป้าหมายการอ่านและการเขียนให้สอดคล้องกับความแตกต่างของผู้เรียนรายบุคคล 4. ครูให้นักเรียนรู้จักการแต่งประโยคและผูกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน 5. ให้นักเรียนฝึกแต่งประโยคจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง 6. ให้นักเรียนฝึกเขียนบันทึกประจำวัน 7. ให้นักเรียนเขียนบันทึกประจำวันทุกวัน แล้วนำมาอ่านให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้นเรียน 8. ครูแนะนำการเขียนบันทึกประจำวันให้ชัดเจน สะกดคำให้ถูกต้อง และแต่งประโยคให้สมบูรณ์ กิจกรรมอ่านวันละเรื่อง ปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ 1.ครูทบทวนความรู้ด้านการอ่านการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5 ในสัปดาห์แรกของการเปิด ภาคเรียนที่ 1 ตามขั้นตอนที่ 1-4 ของนวัตกรรม แพรวาโมเดล ได้แก่ ขั้นที่ 1 รู้จักอักษรไทย ขั้นที่ 2 ประสมคาใหม่พร้อมอ่าน เขียน ขั้นที่ 3 ผันวรรณยุกต์ทั้งได้แนบเนียน ขั้นที่ 4 เรียนการแจกลูก 2. ครูกำหนดเป้าหมายการอ่านและการเขียนสรุปใจความสำคัญ ให้สอดคล้องกับความแตกต่างของ ผู้เรียนรายบุคคล 3. ให้นักเรียนอ่านเรื่องจากหนังสือในห้องสมุด เอกสาร วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสืบค้นเรื่องราว สาระ น่ารู้ ที่ตนเองสนใจจากอินเทอร์เน็ต แล้วสรุปใจความสำคัญลงในสมุดบันทึกการอ่าน 4. ให้นักเรียนส่งสมุดบันทึกการอ่านให้ครูตรวจและผู้ปกครองลงนามท้ายเรื่อง 5. ให้นักเรียนอ่านบันทึกการอ่านของตนเองให้เพื่อนๆฟังที่หน้าชั้นเรียน
๑๙ กิจกรรมนักอ่านข่าวประชาสัมพันธ์รุ่นเยาว์ 1.ครูทบทวนความรู้ด้านการอ่านการเขียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5 ในสัปดาห์แรกของการเปิด ภาคเรียนที่ 1 ตามขั้นตอนที่ 1-4 ของนวัตกรรม แพรวาโมเดล ได้แก่ ขั้นที่ 1 รู้จักอักษรไทย ขั้นที่ 2 ประสมคาใหม่พร้อมอ่าน เขียน ขั้นที่ 3 ผันวรรณยุกต์ทั้งได้แนบเนียน ขั้นที่ 4 เรียนการแจกลูก 2.ครูกำหนดเป้าหมายการอ่านและการเขียนสรุปใจความสำคัญ ให้สอดคล้องกับความแตกต่างของผู้เรียน รายบุคคล 3.ให้นักเรียนอ่านเรื่องจากหนังสือในห้องสมุด เอกสาร วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสืบค้นเรื่องราว สาระน่ารู้ ที่ ตนเองสนใจจากอินเทอร์เน็ต แล้วสรุปใจความสำคัญลงในสมุดบันทึกการอ่าน 4.ให้นักเรียนส่งสมุดบันทึกการอ่านให้ครูตรวจและผู้ปกครองลงนามท้ายเรื่อง 5.นักเรียนนำเรื่องราว สาระน่ารู้ ข่าวสาร ที่ได้จากการบันทึกการอ่านในแต่วัน มาอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ ทางลำโพงกระจายเสียงของโรงเรียนในทุกวันช่วงเช้าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ โดยสลับหมุนเวียนนักเรียนที่มาทำ หน้าที่อ่านข่าววันละ 1 เรื่อง
๒๐ 4.3 สรุปผลและติดตาม (Check) ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนในการสรุปผลการแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออก เขียน โดย 1. ให้นักเรียนออกเสียงพยัญชนะ ก-ฮ ให้ครูฟังทุกวันในสัปดาห์ที่ 1-2 2. ให้นักเรียนคัดตัวบรรจงเต็มบรรทัด โดยไม่ต้องดูแบบ 3. ให้นักเรียนออกเสียงสระ และรู้จักการเปลี่ยนรูปสระในภาษาไทย 4. ให้นักเรียนผันวรรณยุกต์อักษรสามหมู่ ได้แก่ อักษรกลาง อักษรสูง อักษรต่ำ 5. ให้นักเรียนอ่านคำให้ครูฟังและเขียนตามคำบอกโดยใช้แบบประเมิน การอ่าน การเขียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และใช้แบบประเมินที่ครูผู้สอนออกแบบขึ้นเองเพื่อตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน รายบุคคล 6. ตรวจผลงานการเขียนบันทึกประจำวันของนักเรียน 7. ประเมินระดับคุณภาพการอ่านคล่อง เขียนคล่อง โดยคำนึงถึงความแตกต่างของนักเรียนรายบุคคล 8. ประเมินความคิดสร้างสรรค์ การใช้คำในการแต่งประโยค 9. ประเมินพฤติกรรมความรับผิดชอบในการเขียนบันทึกประจำวันอย่างตั้งใจ 10. ตรวจผลงานการเขียนบันทึกการอ่านของนักเรียน 11. ประเมินระดับคุณภาพการอ่านคล่อง เขียนคล่อง โดยคำนึงถึงความแตกต่างของนักเรียนรายบุคคล 12. ประเมินความคิดสร้างสรรค์ การใช้คำในการสรุปความ 13. ประเมินพฤติกรรมความรับผิดชอบในการเขียนบันทึกการอ่าน และการอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ 4.4 ขั้นตอนการดำเนินงานให้เหมาะสม (Action) 1.ครูนำผลการประเมินที่ได้ไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไขพัฒนานักเรียนให้ดีขึ้นระหว่างเรียน และสอนซ่อมเสริม ให้แก่นักเรียนที่มีพัฒนาการช้ากว่าปกติ เพื่อให้นักเรียนอ่านออก 100% 2. สรุปผลการประเมินความสารถการอ่านของนักเรียนเมื่อครบ 4 สัปดาห์ 3.รายงานผลการพัฒนาการอ่าน การเขียนของนักเรียน ให้ผู้ปกครอง ผู้อำนวยการและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ 5. ผลสำเร็จของการดำเนินงาน - ผลที่เกิดกับผู้เรียน 1. นักเรียนชั้น ป.1-ป.6 ร้อยละ 100 สามารถอ่านและเขียนคำพื้นฐานได้ตามเกณ์ที่โรงเรียนกำหนด 2. นักเรียนชั้น ป.1-ป.6 ร้อยละ 100 แต่งประโยคสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์ 3. นักเรียนชั้น ป.3-ป.6 ร้อยละ 100 สามารถเขียนบันทึกเล่าเรื่องเหตุการณ์ประจำวันของตนเองได้ 4. นักเรียนชั้น ป.4-6 ร้อยละ 100 สามารถเขียนย่อความ สรุปใจความสำคัญอ่านแล้วเข้าใจได้ 5. นักเรียน ชั้น ป.1 มีผลการผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน(Reading Test : RT ปีการศึกษา 2565 สูงกว่าระดับประเทศ 6. นักเรียน ชั้น ป.3 มีผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของ ผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) ปีการศึกษา 2565 สูงกว่าระดับประเทศ 7. นักเรียน ชั้น ป.6 มีผลการผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้น พื้นฐาน (O-NET) รายวิชาภาษาไทย ปีการศึกษา 2563- 2565 สูงกว่าระดับประเทศ
๒๑ - ผลที่เกิดกับครู 1.ครูมีนวัตกรรมเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนนักเรียน 2.ครูมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้(PLC)เพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน ออกเขียนได้สอดคล้องตามคุณลักษณะผู้เรียนใน ศตวรรษที่ 21 - ผู้ปกครอง 1 ผู้ปกครองมีความพึ่งพอใจกับการจัดการเรียนการสอนแบบ Active leaning 2.ผู้ปกครองให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมพัฒนาการอ่านการเขียนของนักเรียนด้วยความเต็มใจ - ปัจจัยความสำเร็จ 1. ผู้บริหารให้ความสำคัญและสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรม 2. ครูพัฒนาการออกแบบกิจกรรมและสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริง 3. ผู้ปกครองสนับสนุนให้ความร่วมมือในการฝึกฝน ทบทวนและส่งเสริมการอ่านในกิจกรรมอื่นๆ 4. เด็กนักเรียนมีความสนใจและกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม 5. มีการประเมินพัฒนาการทักษะการอ่าน และปรับปรุงการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง 6. การเผยแพร่นวัตกรรม/ผลงาน - ระบุข้อมูลที่ทำให้เห็นร่องรอยหลักฐานการเผยแพร่ผลงาน/ นวัตกรรม และการยกย่องชมเชย 1.เผยแพร่ไปใช้ในห้องเรียนอื่นๆในโรงเรียน ตั้งแต่ ป.2-6 2.เผยแพร่ในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองนักเรียนรงเรียนคำโพนทอง 3.เผยแพร่ใน Facebook Website โรงเรียน 7.บทเรียนที่ได้รับ ผลจากการพัฒนาด้านการอ่านออกเขียนของนักเรียนได้ส่งผลดีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในทุกกลุ่ม สาระ
๒๒ ภาคผนวก . แบบฝึกเล่มที่ 1 แบบฝึกเล่มที่ 2
๒๓ แบบฝึกเล่มที่ 3 แบบฝึกเล่มที่ 4 กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยกิจกรรม ๕ ให้
๒๔
๒๕
๒๖
๒๗
๒๘
๒๙ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 การแจกลูกสะกดคำ ที่มีตัวสะกดตรงตามมาตราและประสมสระเสียงสั้น จำนวน 1 ชั่วโมง จุดประสงค์ เพื่อให้นักเรียนอ่านและเขียนแจกลูกสะกดคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราและประสมสระเสียงสั้น ในมาตรา แม่กง แม่กน แม่กม แม่เกย แม่เกอว แม่กก แม่กด แม่กบ ได้ ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ ๑ ๑. ชั้นนำ ครูทบทวนคำที่ประสมสระเสียงยาวในมาตราตัวสะกดแม่กง แม่กน แม่กม แม่เกย แม่เกอว แม่กก แม่กด แม่กบ พร้อมทั้งให้นักเรียนยกตัวอย่างคำ ครูสนทนากับนักเรียนว่านอกจากประสม ด้วยสระเสียงยาวแล้วยังมีคำที่ ประสมด้วยสระเสียงสั้นที่นักเรียนจะต้องเรียนรู้ ๒. ขั้นสอน ๒.๑ ครูติดแผนภูมิเพลงมาตราแม่กง บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันร้องเพลงโดยครูร้องนำ ให้นักเรียนฟังแล้วร้องตาม พร้อมตบมือตามจังหวะเพลง ดังนี้ เพลงมาตรา แม่กง คำร้อง รศ.ปีตินันท์ สุทธสาร ทำนอง SEVEN LONEZY DAYS มาชิเชิญเข้ามา หาตัวสะกดแม่กง จง ดำรง มั่นคง ยืนตรง ธงชาติไทย จูง นกยูง บินสูง ฝูงปลา ร่าเริงใจ ลงลำคลอง ว่องไว กางใบ เรือไม่โคลง ดู ชิดู ง งูอยู่ท้าย ใคร ใคร ก็มอง หนูหนูจงกู้ร้องว่า มาตราแม่กง ๒.๒ นักเรียนช่วยกันขีดเส้นใต้คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น มี ง สะกด จากแผนภูมิ ได้แก่คำว่า หนูหนูจงกู่ร้องว่า จง รง มั่นคง ตรง ธง ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าคำที่ยกตัวอย่างนั้น เป็นคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น มี ง เป็นตัวสะกด (พยัญชนะท้าย) เป็นตัวสะกดในมาตราแม่ กง ๒.๓ ครูให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียนสะกดคำที่มีตัวสะกดแม่กง โดยเน้นการฝึกพยัญชนะต้น ตามหมูไตรยางศ์ประสมสระเสียงสั้นเริ่มจากอักษรกลาง อักษรต่ำ โดยครูอธิบายเพิ่มเติมว่าการสะกด คำมี ๒ แบบคือ สะกดเพื่ออ่าน และสะกดเพื่อเขียน ดังนี้ สะกดเพื่ออ่าน เช่น กง สะกดว่า กอ - โอะ - งอ กง หรือ กอ - โอะ - โกะ - โกะ -งอ กง สะกดเพื่อเขียน เช่น กง สะกดว่า กอ ไก่ - งอ งู
๓๐ สะกดเพื่ออ่าน เช่น สง สะกดว่า สอ - โอะ – งอ สง หรือ สอ - โอะ -โสะ - โสะ - งอ สง สะกดเพื่อเขียน เช่นสะกดว่า สอ เสือ - งอ งู สะกดเพื่ออ่าน เช่น คง สะกดว่า คอ -โอะ - งอ คง หรือ คอ - โอะ -โคะ - โคะ - เอ คง สะกดเพื่อเขียน เช่น คง สะกดว่า คอ ควาย - งอ งู ครูอ่านแจกลูกสะกดคำ แล้วให้นักเรียนอ่านตาม พร้อมบันทึกคำลงสมุดดังนี้ ๑) พยัญชนะต้นเป็นอักษรกลาง + สระเสียงสั้น + ตัวสะกดแม่กง เสียงวรรณยุกต์สามัญ ให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียนสะกดคำใน แม่กง เช่น กิง สะกดว่า กอ - อิ – งอ หรือ กอ - อิ - กิ - กิ - งอ กิง จิง สะกดว่า จอ - อิ – งอ หรือ จอ - อิ - จิ- จิ- งอ จิง ติง สะกดว่า ตอ - อิ – งอ หรือ ตอ - อิ - ติ- ติ- งอ ติง ปิง สะกดว่า ปอ - อิ – งอ หรือ ปอ - อิ - ปิ- ปิ- งอ ปิง ดิง สะกดว่า ดอ - อิ – งอ หรือ ดอ - อิ - ดิ- ดิ- งอ ดิง ๒) พยัญชนะต้นเป็นอักษรสูง + สระเสียงสั้น + ตัวสะกดแม่กง เสียงวรรณยุกต์จัตวา
๓๑ ให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียนสะกดคำในแม่กง เช่น ขิง สะกดว่า ขอ - อิ – งอ หรือ ขอ - อิ - ขิ- ขิ- งอ ขิง ผิง สะกดว่า ผอ - อิ – งอ หรือ ผอ - อิ - ผิ- ผิ- งอ ผิง ฝิง สะกดว่า ฝอ - อิ – งอ หรือ ฝอ - อิ - ฝิ- ฝิ- งอ ฝิง สิง สะกดว่า สอ - อิ – งอ หรือ สอ - อิ - สิ- สิ- งอ สิง หิง สะกดว่า หอ - อิ – งอ หรือ หอ - อิ - หิ- หิ- งอ หิง ๓) พยัญชนะอักษรต่ำ + สระเสียงสั้น + ตัวสะกด แม่กง เสียงวรรณยุกต์สามัญ ให้นักเรียนฝึกอ่านและเขียนสะกดคำในแม่กง เช่น วิง สะกดว่า วอ - อิ – งอ หรือ วอ - อิ - วิ- วิ- งอ วิง นิง สะกดว่า นอ - อิ – งอ หรือ นอ - อิ - นิ- นิ- งอ นิง ชิง สะกดว่า ชอ - อิ – งอ หรือ ชอ - อิ - ชิ- ชิ- งอ ชิง ยิง สะกดว่า ยอ - อิ – งอ หรือ ยอ - อิ - ยิ- ยิ- งอ ยิง ลิง สะกดว่า ลอ - อิ – งอ หรือ ลอ - อิ - ลิ- ลิ- งอ ลิง ๒.๔ ครูเปลี่ยนสระจากสระอิ เป็นสระเสียงสั้นตัวอื่นให้นักเรียนฝึกอ่านสะกด พยัญชนะต้น + สระเสียงสั้น + ตัวสะกดแม่กง เช่น สระ อุ อะ เอะ โอะ เป็นต้น ๒.๕ นักเรียนฝึกอ่านแจกลูกคำในแม่กง โดยอ่านอออกเสียงตามครู จากนั้นให้นักเรียนฝึกอ่านเป็นกลุ่ม จนคล่อง จากแผนภูมิ ดังนี้
๓๒ ๒.๖ แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม แข่งขันเขียนคำในมาตราตัวสะกดแม่กง โดยให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกไป ทีละคน เขียนตามคำบอกโดยใช้อักษรแม่เหล็กติดบนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยว่ามีกลุ่มไหนบ้างเขียน ถูกต้องและให้คะแนนกลุ่มที่เขียนได้ถูกต้องคำละ ๑ คะแนน จนกว่าจะครบ ๕ คำ กลุ่มไหนได้คะแห่ง สูงที่สุดเป็นฝ่ายชนะ ๒.๗ นักเรียนทำแบบฝึกที่ ๑๙ เรื่องการอ่านคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น และ แบบฝึกที่ ๑๘ เรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น ๓. ขั้นสรุป ครูสรุปว่ามาตราตัวสะกดแม่กง จะมี ง ประกอบอยู่ท้ายของคำหรือเป็นตัวสะกค ซึ่งเราเรียกว่า ตัวสะกดแม่กง และคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้น เวลาออกเสียง เสียงจะสั้นกว่าคำที่ประสมด้วยสระเสียงยาว สื่อการสอน ๑. เพลงมาตราแม่ กง ๒. แผนภูมิการแจกลูกตัวสะกดตรงมาตราแม่กง ประสมสระเสียงสั้น การวัดและประเมินผล ๑. ทดสอบการอ่านออกเสียงคำ ๒. เขียนคำตามคำบอก ๓. ตรวจแบบฝึกที่ ๑๙ เรื่องการอ่านคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น ๔. ตรวจแบบฝึกที่ ๑๘ เรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น เครื่องมือ ๑. แบบฝึกที่ ๑๗ เรื่องการอ่านคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น ๒. แบบฝึกที่ ๑๘ เรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดตรงมาตราแม่ กง ประสมสระเสียงสั้น เกณฑ์การประเมิน ผ่านเกณฑ์การประเมินทุกรายการ ร้อยละ ๘o ขึ้นไป
๓๓
๓๔ ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยกิจกรรม ๕ ให้
๓๕ กิจกรรมแต่งประโยคและผูกเรื่องด้วยการเขียนบันทึกประจำวัน กิจกรรมอ่านวันละเรื่อง ปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
๓๖ ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ กิจกรรมอ่านวันละเรื่อง ปราดเปรื่องสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
๓๗ กิจกรรมนักอ่านข่าวประชาสัมพันธ์รุ่นเยาว์
๓๘ ผลการประเมินความสามารถด้านการอ่านของผู้เรียน(Reading Test : RT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ผลการทดสอบความสามารถพื้นฐานของ ผู้เรียนระดับชาติ (National Test : NT) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2565
๓๙ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้น พื้นฐาน (O-NET) รายวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2563- 2565