หนังนครินทร์ ชาทอง ศิลปิน
ศิลปินหนังนครินทร์ ช ำทอง นครินทร์ ชำทองหรือหนังนครินทร์ ชำทอง เป็นครูหนังตะลุง ที่มีชื่อเสียงของไทยในอดีต และเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะ การแสดง (หนังตะลุง) พุทธศักราช 2550 หนังนครินทร์ ชาทอง เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2488 ที่ตําบลคลองหอยโข่ง อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บิดาชื่อนายแนม มารดาชื่อนางเคลื่อน มีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดากัน 4 คน ร่วมมารดาแต่ต่างบิดากัน 5 คน เนื่องจาก เมื่อหนังนครินทร์ ชาทองอายุได้ขวบเศษ บิดามารดา แยกทางกัน บิดาไปแต่งงานใหม่ มารดาจึงพานครินทร์ไปอาศัยอยู่กับตาและยาย จนกระทั่งนครินทร์อายุได้ประมาณ 3 ขวบ มารดาไปแต่งงานใหม่ จึงอาศัยอยู่กับตาตลอดมา ตามีอาชีพเป็นหมอกลางบ้าน และเป็นนายหนังตะลุงชื่อหนังวอน รัตนศรี ในปี พ.ศ. 2512 หนังนครินทร์ ชาทอง ได้อุปสมบทที่วัดโคกสมานคุณ อําเภอหาดใหญ่ เป็นเวลา 6 เดือน เมื่อลาสิกขา ออกมาแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้แต่งงานกับนางสาวศิริวรรณ จันทกาญจน์ ครูโรงเรียน บ้านสํานักขาม ตําบลสํานักแต้ว อําเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีบุตรชาย 1 คน ธิดา 2 คน หนังนครินทร์ ชาทอง ได้รับการปลูกฝังจากหนังว่อน รัตนศรี ให้รักหนังตะลุงมา ตั้งแต่เยาว์วัยและสนับสนุนพาไปชมหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคใต้ยุคนั้น คือ หนังกั้น ทองหล่อ หนังประทิ่น บัวทอง หนังพร้อม อัศวิน เป็นต้น จึงทําให้เกิด แรงบันดาลใจอยากเล่นหนังตะลุง และแสดงหนังตะลุงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2504 งานบุญ บ้านนายวินิจ เลขะกุล และแสดงหนังตะลุงงานวัดในนาม “หนังนครินทร์ ชาทอง ขวัญใจนักเรียน” หรือ “หนังเด็กวัดโคกสมานคุณ” หนังนครินทร์ ชาทอง เป็นนายหนัง ตะลุงที่คนนิยมชมชอบ ซึ่งมีความรู้ความสามารถพิเศษในการใส่จิตวิญญาณให้กับ ตัวหนังตะลุงได้อย่างเหมาะสม ให้เสียงพากย์หนังตะลุงได้ถึง 20 เสียง เชิดตัวหนังตะลุง ได้ทุกลีลาอย่างสมจริงและให้อารมณ์เป็นธรรมชาติรักษาขนบนิยมการแสดงหนังตะลุง นครินทร์ ช ำทอง
แบบโบราณในเรื่องรามเกียรติ์ จักรๆ วงศ์ๆ นิทานชาดก และมีวรรณกรรมแสดงถึง 148 เรื่อง การแสดงหนังตะลุงทุกเรื่องเต็มไปด้วยอารมณ์ศิลปินที่มีการสอดแทรกข้อคิด ปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยและเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพื่อให้ความบันเทิง ข้อคิด คติธรรม ปรัชญาชีวิต คุณธรรมและจริยธรรม และบทตลก มุ่งเน้นยกระดับจิตใจ ผู้ชมไม่นิยม คําหยาบโลน มุ่งสร้างสรรค์สังคมให้พัฒนา สร้างความสามัคคี และการอยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข โดยเฉพาะการสร้างชีวิต ชุบจิตวิญญาณให้รูปตลกนายโถ มีคติประจําใจเรื่องกิน เป็นใหญ่ นําเพลงลูกทุ่งมาแปลงให้นายโถร้อง กลายเป็นอัตลักษณ์ของหนังนครินทร์ ชาทอง จนมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับรางวัลและเกียรติคุณจํานวนมาก กำรแสดงหนังตะลุง หนังนครินทร์ ชำทอง หนังนครินทร์ ชาทอง ใช้วรรณกรรมที่เป็นจินตนิยายประกอบการเล่าเรื่อง โดยการใช้สัญญะในการแสดงหนังตะลุงที่ผสมผสานอย่างซับซ้อนตลอดการแสดง เพื่อให้ ความบันเทิง ข้อมูลข่าวสาร ข้อคิด คติธรรม จรรยามารยาท ปรัชญาชีวิต สังคม ประเพณีวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง เป็นต้น ให้แก่ผู้ชมหนังตะลุง สัญญะ ที่ใช้ในการแสดงหนังตะลุงมี 2 ประเภท คือ สัญญะที่เป็นองค์ประกอบในการแสดงหนัง ตะลุง ได้แก่ โรงหนังตะลุง จอหนังตะลุง เครื่องดนตรีประกอบหนังตะลุง คณะหรือ ลูกคณะหนังตะลุง การไหว้ครูหนังตะลุง การเบิกโรงหนังตะลุง รูปหนังตะลุงที่ใช้ใน การแสดง เช่น รูปฤๅษี รูปพระอิศวรทรงโคนันทิรูปปรายหน้าบท รูปบอกเรื่อง รูปร้อง บทเกี้ยวจอ รูปเจ้าเมืองและนางเมือง รูปตัวตลกและรูปยักษ์ และสัญญะที่เป็น วรรณกรรมที่นําใช้ในการแสดงหนังตะลุง จํานวน 5 เรื่อง คือ ก่อนตะวันจะลับฟ้า
สายธารแห่งความรัก รักทรมาน เทพบุตรเดินดิน และมหาชนก สัญญะเหล่านี้ทําให้ ผู้ชมหนังตะลุงเข้าใจความหมายที่นายหนังตะลุงที่สื่อออกมาในลักษณะรูปสัญญะ และเสียงสัญญะ ดั่งที่ปรากฏในการมองเห็นและได้ยินเสียงในขณะนั้น จึงทําให้ผู้ชม หนังตะลุงเกิดความเข้าใจตรงกันเป็นส่วนใหญ่และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ซึ่งถือว่า หนังนครินทร์ ชาทอง ได้สื่อความหมายของสัญญะในการแสดงหนังตะลุงที่มีลักษณะ ที่เป็นสากล พระธรรมคําสอนในวรรณกรรมการแสดงหนังตะลุงหนังนครินทร์ ชาทอง ที่นํามาสอดแทรกในการแสดงหนังตะลุงจินตนิยายเล่าเรื่องประกอบภาพ จํานวน 5 เรื่อง คือ ก่อนตะวันจะลับฟ้า สายธารแห่งความรัก รักทรมาน เทพบุตรเดินดิน และมหาชนก วรรณกรรมเรื่อง ก่อนตะวันจะลับฟ้า ได้แก่ น้ําอุปมาเปรียบเสมือนพระธรรม ภัยของมนุษย์ทศพิธราชธรรม ทรัพย์ ปากคน มิตร การเสียสละ การอนุรักษ์สายน้ํา หน้าที่ของภรรยาและการบวช วรรณกรรมเรื่อง สายธารแห่งรัก ได้แก่ โลกธรรม เกษตร เรื่องปากท้อง ความตาย การรักษาธรรมเนียมประเพณี ความกตัญญูกตเวที สมบัติ ผู้ดี กรรมและผลของกรรม หน้าที่ของคน การทําบุญ การแสวงหาทรัพย์ สวรรค์ กายนคร และมาร วรรณกรรมเรื่อง รักทรมาน ได้แก่ เศรษฐกิจพอเพียง อบายมุข พระคุณแม่ การนึกถึงพระรัตนตรัย คุณธรรมของผู้ใหญ่ กรรมและผลของกรรม โลกธรรม ความรู้ คนดีคนชั่ว ความประมาท และศีลธรรม วรรณกรรมเรื่องเทพบุตร เดินดิน ได้แก่ เศรษฐกิจพอเพียง อบายมุข หน้าที่ของคน ศีลธรรม ปิยวาจา บุญ การใช้ ทรัพย์ โลกธรรม การไม่คบคนพาล กรรม การปฏิบัติธรรม พรหมวิหารธรรม ความตาย ความสันโดษ ทุกข์ และการให้ และวรรณกรรมเรื่อง มหาชนก ได้แก่ รู้ รัก สามัคคี การพูดจา ลักษณะของผู้นํา ความเชื่อ การกรวดน้ํา ทิฏฐิมานะ คนดีความกตัญญูกตเวที กิเลส สติปัญญา คุณธรรมของพ่อค้า และความเพียรพยายาม
การศึกษา หนังนครินทร์ ชาทอง เข้าโรงเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนวัดโพธิ์ ตําบลคลองหอยโข่ง อําเภอหาดใหญ่ (อําเภอคลองหอยโข่งในปัจจุบัน) เมื่อปี พ.ศ. 2496 จนกระทั่ง จบชั้นประถมปีที่ 4 เมื่อศึกษาจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 คุณพ่อต้องการให้ศึกษาต่อ จึงเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนระแงะ อําเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส โดยอาศัยอยู่กับ คุณลุงคืออาจารย์ศิริศักดิ์ ชาทอง ซึ่งดํารงตําแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด ให้การสนับสนุนจนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรียนชั้น ม.1-3 ที่ โรงเรียนระแงะ แล้วย้ายกลับมาเรียนชั้น ม.ศ. 1-3 ที่โรงเรียนสมานคุณวิทยาทาน ต่อจากนั้นเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยครูสงขลา (มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา) จนสําเร็จ ชั้น ป.กศ.สูง จบปริญญาโทศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรจน์ภาคใต้ (มหาวิทยาลัยทักษิณ) การทํางาน - พ.ศ. 2514 ได้รับการบรรจุแต่งตั้งในตําแหน่งครูตรี ณ โรงเรียนบ้านไร่ อําเภอ สะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 (เมื่อจบแล้วยึดอาชีพแสดง หนังตะลุงอยู่ประมาณ 3 ปี จึงได้สอบบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนบ้านไร่ อําเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตําแหน่งครูตรี เงินเดือน 900 บาท (เท่ากับค่าราดหนังตะลุง 1 คืน) - พ.ศ. 2521 ดํารงตําแหน่งครูตรี ณ โรงเรียนบ้านต้นส้าน ตําบลคลองหอยโข่ง (อําเภอคลองหอยโข่งในปัจจุบัน) อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา - พ.ศ. 2523 ดํารงตําแหน่งครูโท ถึงอาจารย์ 2 ระดับ 7 ณ โรงเรียนวัดเลียบ ตําบลคลองหลา อําเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา - พ.ศ. 2547 ลาออกจากราชการ
เส้นทางนายหนังตะลุงอาชีพ หนังนครินทร์ ชาทอง ได้รับการปลูกฝังให้รักหนังตะลุงมาตั้งแต่เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ขณะกําลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 คุณตาชื่อหนังว่อน รัตนศรี เป็นผู้ ให้การสนับสนุน โดยจะนําไปดูหนังตะลุงซึ่งเป็นหนังที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคใต้ยุคนั้น ได้แก่ หนังกั้น ทองหล่อ (ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2529) หนังยิ้มเส้ง หนังแสงโถ หนังเอี่ยม เสื้อเมือง หนังประทิน บัวทอง หนังช่วงดึก หนังอิ่มเท่ง หนังแซม แม่เตย หนังทิม อนุชาญ หนังคลิ้ง ย่านยาว หนังพร้อม อัศวิน หนังชม น้ํากระจาย หนังแคล้ว เสียงทอง หนังฉิ้น ธรรมโฆษณ์ (ศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2532) หนังจูลี้ หนังเชย เชี่ยวชาญ หนังเดี้ยม หนังนํา และหนังอื่นๆ อีกมาก ทําให้เกิดแรงบันดาลใจอยากเล่น หนังตะลุง คุณตาจึงส่งเสริมโดยแกะรูปหนังตะลุงด้วยใบไม้บ้าง กระดาษถุงปูนซีเมนต์ บ้าง ให้เล่นและใช้ผ้าขาวม้าของคุณตาหรือผ้าห้อยคอของคุณยาย ทําเป็นจอใช้ตะเกียง คางคกใส่น้ํามันก๊าด เพื่อเป็นแสงไฟในการเล่นหนังตะลุง หนังนครินทร์ ชาทอง ท่านได้รับการปลูกฝังให้รักหนังตะลุงมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อมีหนังตะลุงแสดงที่ไหนที่ พอไปได้ ตาก็จะพานครินทร์ไปด้วย ดังนั้นเมื่อถามหนังนครินทร์ว่าเริ่มหัดหนังตั้งแต่ เมื่อไร ท่านจะตอบว่าเริ่มโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อตาพาไปดูหนัง กลับมาก็จะถามทบทวน และเล่าเสริมเรื่องที่ไปดูมาทุกครั้ง พออยู่ชั้นประถมปีที่ 2 ตาก็ให้อ่านออกเสียงกลอน พระอภัยมณี แบบทํานองหนังตะลุง และเริ่มแกะรูปให้เชิดประกอบ โดยใช้ปาก
ทําเสียงดนตรีประกอบการเชิด และทุกครั้งที่ตาไปแสดงหนังตะลุงก็จะติดตามไปด้วย นอกจากนั้นมีนายหนังชื่อนํา ซึ่งฝึกหัดหนังกับตาตอนอายุมากแล้ว โดยมาปลูกโรงฝึกหัด ที่บ้านตา เมื่อหนังนําเล่นหนังได้แล้ว เวลาเดินโรงก็จะพาหนังนครินทร์ ชาทอง ไปเล่น ดนตรี จนเล่นดนตรีหนังตะลุงได้แทบทุกชิ้น ยกเว้นปี่และซอ เมื่อมีนายหนังอื่นๆ มาหา หนังวอน เห็นนครินทร์ก็เกิดเอ็นดูสนับสนุน บางคนมอบรูปให้บางคนก็แนะนําเทคนิค ต่างๆ ให้ เช่น หนังนํา หนังเอี่ยม เสื้อเมือง หนังแช่ม แม่เตย เป็นต้น ในที่นี้จะขอลําดับ เหตุการณ์เส้นทางนายหนังตะลุงของท่านพอเป็นสังเขป ดังต่อไปนี้ - พ.ศ. 2504 ได้ออกโรงแสดงหนังตะลุงครั้งแรกในงานทําบุญบ้านนายวินิจ เลขะกุล ซึ่งเป็นคหบดีของเมืองหาดใหญ่ ได้รับค่าตอบแทน 20 บาท และเมื่อทางวัด มีงานหรือมีกิจกรรมจะได้แสดงหนังตะลุงทุกครั้ง จนเป็นที่กล่าวขานทั่วทั้งอําเภอ หาดใหญ่และทุกอําเภอในจังหวัดสงขลา ในนามของ “หนังนครินทร์ ชาทอง ขวัญใจ นักเรียน” หรือ “หนังเด็กวัดโคกสมานคุณ” - พ.ศ. 2504 ได้รู้จักกับ นายสุนันท์ นามรัตน์ ซึ่งเป็นนักสะสมเทปหนังตะลุงและ ชอบเล่นหนังตะลุง ได้ลงทุนซื้อเครื่องดนตรีและตัดจอหนัง ช่วงแรกได้ฝึกการเชิดรูปหนัง ตะลุงประกอบเทปของหนังตะลุงอาวุโส เช่น หนังกั้น ทองหล่อ หนังอิ่มเท่ง หนังเชย เชี่ยวชาญ เป็นต้น จนมีความชํานาญ ในการเชิดรูปหนังตะลุง ทําให้ได้จดจําเรื่องราวและ มุขตลกต่างๆ ของหนังเหล่านั้นได้ และนํามาเป็นแนวทางในการแสดงหนังตะลุงของตน ในเวลาต่อมา - พ.ศ. 2506 นายเพียร มีสุข ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่รับไปแสดงที่วัดลุตง (วัดสาละวัน) ตําบลไม้แก่น จังหวัดปัตตานี จํานวน 3 คืน ได้ค่าตอบแทนคืนละ 700 บาท ปรากฏว่า ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยใช้ชื่อคณะหนังว่า “หนังนครินทร์ ขวัญใจนักเรียน” เพราะนายหนังและลูกคู่เป็นนักเรียนทั้งหมด ยกเว้นคนเป่าปี่คนเดียวที่เป็นผู้ใหญ่ จากการแสดงครั้งนี้ทําให้ได้รับความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง กว้างขวางขึ้น - พ.ศ. 2509 ได้มอบตัวเป็นศิษย์หนังกั้น ทองหล่อ หนังกั้นได้อบรมและสั่งสอน ให้ความรู้ ในเรื่องคุณธรรมของผู้เป็นนายหนังตะลุง ความรู้ในการเชิดรูปหนังตะลุง
ในท่าทางต่างๆ โดยให้ดูท่าโขน ละครและท่ารํานาฏศิลป์เป็นแบบอย่าง ให้ความรู้ใน การสร้างโครงเรื่อง การแต่งเรื่อง และการเขียนกลอนโดยให้ศึกษาแนวจากเรื่องของหนัง เก่าๆ ที่ดีมาเป็นแบบอย่าง ท่านกล่าวว่า “หนังตะลุงจะดีเพราะเค้าโครงเรื่องที่ดี เมื่อหมดเรื่องก็หมดดี” - พ.ศ. 2517 เริ่มแสดงในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เช่น พังงา ภูเก็ต ชุมพร สุราษฎร์ ธานีและนครศรีธรรมราช - พ.ศ. 2526 เริ่มรู้ตัวว่าการเล่นหนังสมัครเล่นได้กลายเป็นอาชีพไปแล้ว เพราะ มีรายได้จากการแสดงหนังตะลุงมากกว่าเงินเดือนจากงานประจํา - พ.ศ. 2532 ในระยะนี้เจ้าภาพผู้ว่าจ้างมักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับวัสดุ ปลูกสร้างโรงหนังตะลุง จึงได้จัดสร้างโรงหนังตะลุงสําเร็จรูปขึ้นใช้เป็นครั้งแรก เพื่อลด ปัญหาของเจ้าภาพและยังได้รับประโยชน์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยทางอ้อมอีกด้วย การแข่งหนังตะลุง หนังตะลุงทุกคณะเมื่อมีชื่อเสียงก็จะถูกทาบทามให้แข่งขันกับหนังตะลุงคณะอื่น หนังนครินทร์ ชาทอง ก็มีการแข่งขันประชันโรงกับหนังหลายคณะหลายครั้ง ซึ่ง การแข่งขันส่วนใหญ่ จะแข่งขันเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีต่อกัน เช่น หนังชวน เชี่ยวชาญ หนังชาตรี ศ.อัศวิน หนังรุ่งฟ้า จอมพูนพาน หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล หนังจูลี่ เสียง เสน่ห์ หนังครูเติม เสน่ห์ศิลป์ เป็นต้น การสร้างสรรค์ผลงาน หนังนครินทร์ ชาทอง สนใจการแสดงหนังตะลุงมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบโดย การฝึกฝนจากคุณตา คือหนังวอน รัตนศรี ในขณะเรียนหนังสือก็ฝึกหนังตะลุงไปด้วย จนถึงปี พ.ศ. 2504 อายุได้ 16 ปี จึงตั้งเป็นคณะขึ้น จนเป็นที่รู้จักในนามหนังนครินทร์ ชาทอง ขวัญใจนักเรียน ต่อมาหน่วยงานต่างๆ ก็จ้างแสดงประชาสัมพันธ์ รณรงค์ในเรื่อง ต่างๆ เช่น ต่อต้านยาเสพติด การวางแผนครอบครัว ตลอดถึงการไปเผยแพร่ ศิลปะการแสดงหนังตะลุงที่ต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และประเทศ มาเลเซีย เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยอีกด้วย
ภำพจำกชมรมสืบสำนงำนศิลป์ครูนครินทร์ ชำทอง ศิลปินแห่งชำติ เรื่องที่ใช้แสดง หนังนครินทร์ ชาทอง จะรักษาขนบนิยมการแสดงหนังตะลุงแบบโบราณ นักเล่น เรื่องจักรๆ วงศ์ๆ แต่ทุกเรื่องจะเต็มไปด้วยศิลปะการแสดงหนังตะลุง มีการสอดใส่ อารมณ์ศิลปินกับสาระแง่คิดที่ดีมีคติโน้มน้าวผู้ชมมาโดยตลอด รวมถึงการสร้างความ เข้าใจอันดีระหว่างราชการกับประชาชน โดยใช้การดําเนินเรื่องของหนังตะลุงเป็นสื่อ แบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้ 1. ประเภทที่คิดเค้าโครงเรื่องเอง มี 60 เรื่อง คือเรื่องนาทีชีวิต อโศกมหาราช สิงห์คะนองไพร พิภพกลียุค รักพยาบาท รักอาถรรพ์ เพชรพระนารายณ์ อานุภาพสีชมพู อํานาจเงิน รักอลวน ขุนศึกเสน่หา ขุนพลใจเพชร เสือสํานึกบาป ช้างเพื่อนแก้ว ฟ้าชโลม ดิน ลูกไม่มีพ่อ วิชากับทรัพย์ แสงสุริยัน ลูกกตัญญู ดาวสามดวง ฟ้าบันดาล แม่น้ําสาม สาย แสงพระธรรม ยอดนารี ติณชาติแห่งยุค น้ําตากระยาจก แก้วฟ้ารามน้อย เจ้าสาว พับแขวทอง สังเวียนประเพณี แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง อัศวินสายฟ้า ผู้หญิงใจเด็ด ธรรมะชนะอธรรม พุทธธํามรงค์วงศ์สกุล คู่กันแล้วไม่แคล้วกันอีก เพลิงแค้น บัลลังก์ ทมิฬ ฟ้ามิอาจกั้น กฎแห่งกรรม ดาบสองคม สายเลือดเดียวกัน นักบุญมือปราบ ยอดกตัญญ ทางรัก ความทรงจําแห่งภาระตะ ฟ้าประทานพร สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว ยอดรักขวัญใจทมิฬ นรกในใจ ฟ้าเพียงดิน รักกันไว้เถิด สงครามกับสันติภาพ แผ่นดิน
วิปริต ทางสองแพรก แรงริษยา ฟ้าหลังฝน แก้วพิสดารตํานานเมือง เสือซ่อนเล็บ เข็บ ซ่อนเขี้ยว ฤทธิ์บาปแรงบุญ ตํานานหลวงพ่อทวด 2. ประเภทได้เค้าโครงเรื่องจากที่อื่น มี 18 เรื่อง คือเรื่องครุฑดํา แดนวิปโยค สายธารรัก สวรรค์บันดาล กุหลาบหลงก้าน สายเลือดทรยศ ลูกกําพร้า ฝนซาฟ้าสาง นางสาว 300 ปี เดือนร้าวดาวร่วง ผมทองสามเส้น โลกอลวนคนอลเวง เขาว่าข้าคือโจร รามเกียรติ์ ใบบัวปิดช้างตาย สามดาว พลีชีพเพื่อชู บุญกรรมสร้าง 3. ประเภทแต่งร่วมกับคนอื่น มี 10 เรื่อง คือเรื่องแผ่นดินเดือด ดาบแสงฟ้า เทพตะเคียนทอง มงกุฎทอง บุปผาเนรมิต ปัญหาพรหม โนรา ร่มโพธิ์ทอง เงินเงินเงิน เทพบุตรเดินดิน 4. ประเภทแต่งร่วมกับคนอื่นและได้เค้าโครงเรื่องจากที่อื่น มี 10 เรื่อง คือเรื่อง พระมหาชนก พรายโพยม อํามาตย์ทรยศ ผู้ชายไม่จริง น้ําใจแม่ ตามรอยพระพุทธบาท พรสวรรค์ ดาบล้างผลาญ วิญญาณอาฆาต ความจริงไม่หนีความจริง 5. ประเภทคนอื่นแต่งให้ มี 50 เรื่อง เช่น ขอมดํา น้ําใจแม่เลี้ยง แรงคําสาบาน ลูกไม่รู้จักพ่อ ทวิชาติ สังข์ศิลป์ชัย สามธนู แก้วกําบัง ปมปริศนา พระแสงสองสี งามศิลป์ งามสวย ฟองสมุทร หลงชาติ บุญปราบดาบผลาญ จักรนรินทร์ ผิดตัวผิดฝา แสงพยัคฆ์ สามกําพร้า แก้วนพเก้า พลายประสิทธิ์ สิงหราช สวมวิญญาณ ห้วงรักเหวลึก นายขวัญ ดาบมรกต ราชาแห่งสัตว์ ค่าชีวิต จักรดารา วูบเดียวแห่งชีวิต ลูกไม่มีผัว อาวุธสวรรค์ เจ้าแม่พยายม เดชไอ้ดํา รักน้องต้องตามตื้อ มีปัญหา หยกสิงห์ เกลือจิ้มเกลือ บัวนอกบึง แรงสายเลือด กรรมลิขิต อาถรรพ์สวาท เลือดขัตติยา แรงกรรม รักทรมาน อมราปาลี นาที่วิปโยค ศึกสองฝั่งสาละวิน รักนิรันดร ก่อนตะวันลับฟ้า ราชินีบอด รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ - พ.ศ. 2508 ได้รับรางวัลขันน้ําพานรองในการแข่งขันกับหนังจเรน้อยหัวไทร และมโนราห์ปรีชา อํานวยศิลป์ - พ.ศ. 2520 ได้รับรางวัลถ้วยเกียรติยศในงานฉลองพระอุโบสถวัดทรายขาว อําเภอเมือง จังหวัดสงขลา
- พ.ศ. 2532 ได้รับพิจารณาให้เป็นข้าราชการดีเด่นในการผลิตสื่อหนังตะลุง ต่อต้านยาเสพติดและได้รับโล่เกียรติคุณจากกระทรวงศึกษาธิการ - พ.ศ. 2539 ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยได้รับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2540 - พ.ศ. 2542 เขียนบทและฝึกซ้อมนักเรียน โรงเรียนวัดเลียบ อําเภอคลองหอยโข่ง จนได้รับการคัดเลือกจากสํานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เป็นตัวแทน ของนักเรียนภาคใต้ เข้าร่วมมหกรรมการแสดงผลงานการเรียนรู้เรื่องพระมหาชนก กับชีวิตจริงของฉัน ในองค์ที่ 2 “เพียรกล้า” ประกอบด้วยหนังตะลุง คนเพลงเรือแหลมโพธิ์ หนังตะลุงและโนรามาบูรณาการเป็นการแสดงชุด “ศิลปินทักษิณสมรม” แสดงถวาย พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ทอดพระเนตร ณ ศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2543 - พ.ศ. 2546 ได้รับพิจารณาเป็นศิษย์เก่าดีเด่นภาคสังคมทั่วไป ด้านศิลปะ วรรณกรรม มหาวิทยาลัยทักษิณ - พ.ศ. 2548 ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 4 ด้าน ศิลปกรรม จากสํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ - พ.ศ. 2548 ได้รับรางวัลราชมงคลสรรเสริญเป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม สาขาศิลปะ (การแสดง) จากสถาบันวัฒนธรรมราชมงคลเฉลิมพระเกียรติ - พ.ศ. 2550 ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-หนังตะลุง) พุทธศักราช 2550 หนังนครินทร์ ชาทอง เป็นผู้สืบสาน “พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน คลองหอยโข่ง” ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ตั้งอยู่เลขที่ 3/3 หมู่ 1 บ้านจอมหรํา ตําบลคลองหอยโข่ง อําเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา รูปแบบลักษณะของพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน สะสมสิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ในวิถีชีวิตชุมชนประวัติศาสตร์ ท้องถิ่น และภูมิปัญญาท้องถิ่น และหนังตะลุง ความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสงขลา
ในการดําเนินการของศูนย์ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อการเรียนรู้และเคลื่อนไหว ได้ โดยใช้กิจกรรมของศูนย์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สืบทอดเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เชื่อมสัมพันธ์กับชุมชน โดยจัดตั้งศูนย์เครือข่ายตามสถานที่ต่างๆ กระจายการเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คลุมพื้นที่บริหารงานร่วมกันในเชิงบูรณาการ สร้างเครือข่าย ศูนย์การเรียนรู้ในท้องถิ่น โดยมีศูนย์พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน คลองหอยโข่ง เป็นสถานที่ตั้งเชื่อมโยงเป็นแม่ข่ายที่ชัดเจน พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้ำนคลองหอยโข่ง (อนุสรณ์อำจำรย์ปกรณ์ ไชยรัตน์) หนังนครินทร์ ชำทอง เป็นผู้สืบสำน หนังนครินทร์ ชาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้านหนังตะลุง) ปีพุทธศักราช 2550 เป็นนายหนังพื้นบ้านที่มีความชํานาญและความสามารถ ในการแสดงหนังตะลุงแบบโบราณที่มีการสอดแทรกเนื้อหาข้อคิดต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ของตนเองและสามารถดัดแปลงพัฒนาแก้ไขให้เข้ากับยุคสมัยและเหตุการณ์เฉพาะหน้า
ได้เป็นอย่างดี ท่านเป็นที่ยอมรับของนายหนังตะลุงทั่วภาคใต้ และเป็นนายหนังที่ สวมวิญญาณให้กับนายหนังตะลุงอย่างเหมาะสม ให้เสียงรูปหนังตะลุงทั้งเสียงภาคกลาง และภาษาถิ่นได้แบบไม่ผิดเพื้ยน และสามารถเชิดรูปหนังตะลุงได้ทุกลีลา ตลอดถึงการใส่ จริตกิริยาต่างๆ นายหนังตะลุงนครินทร์ ชาทอง เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและ ประสบการณ์ โดยมุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานการแสดงหนังตะลุงจนเป็นเลิศ และเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนทั่วไปทุกจังหวัดภาคใต้ และได้เผยแพร่ความรู้เป็นที่ ยกย่องนับถือพร้อมทั้งทําคุณประโยชน์ในการแสดงหนังตะลุงอย่างมาก ซึ่งเป็นสมบัติ สืบทอดไปยังชนรุ่นหลังสืบไป หนังนครินทร์ ชาทองท่านถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สิริอายุได้ 75 ปี ผู้บันทึก 1. นางสาวรัชดาภรณ์ จิตตารมย์ 2. นายมนตรี จันวดี