ก คำนำ แผนการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษาเล่มนี้ โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็น แนวทางในการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยสถานศึกษา โดยมีเป้าหมายให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการ ศึกษาได้รับการปกป้อง คุ้มครอง ดูแลช่วยเหลือ เยียวยา มีความมั่นคงและปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายความ ปลอดภัยของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยในแผนการดำเนินการ เล่มนี้ประกอบด้วย ความสำคัญ และวัตถุประสงค์ของความปลอดภัยสถานศึกษา องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย การเสริมสร้างความปลอดภัย การติดต่อสื่อสาร และการกำกับ ติดตามและประเมินผลสถานศึกษาปลอดภัย โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษาเล่มนี้ จะอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณ คณะทำงานทุกท่านที่ได้ร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินการเล่มนี้จนสำเร็จลุล่วง โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ 27 กรกฎาคม 2566
ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข ส่วนที่ 1 บทนำ 4 1. ความสำคัญในการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา 4 2. วัตถุประสงค์ 5 3. เป้าหมาย 5 4. ตัวชี้วัดความสำเร็จ 5 ส่วนที่ 2 องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย 6 1. นโยบายด้านความปลอดภัย 6 2. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 8 ส่วนที่ 3 การเสริมสร้างความปลอดภัยสถานศึกษา 12 1. ขอบข่ายความปลอดภัยสถานศึกษา 12 2. มาตรการความปลอดภัยสถานศึกษา 12 3. โครงสร้างการบริหารจัดการความปลอดภัยสถานศึกษา 14 4. ขั้นตอนการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา 14 ส่วนที่ 4 การติดต่อสื่อสาร ช่องทางการติดต่อสื่อสาร 33 ส่วนที่ 5 การกำกับ ติดตามและประเมินผล 34 ภาคผนวก - คำสั่งเจ้าหน้าที่ดูแลระบบ MOE Safety School โรงเรียน 35
4 ส่วนที่ 1 บทนำ 1. ความสำคัญในการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ มีวัตถุประสงค์หลัก ในการเสริมสร้างความมั่นคงในชีวิตของคนทุกช่วงวัย จากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ อาทิ อาชญากรรมและ ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ และภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.2560-2579) จึงได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่เกิดจาก ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของโลกยุคศตวรรษที่ 21 เป็นพลวัตที่ก่อให้เกิดความท้าทายในด้าน การเปลี่ยนแปลงของบริบทเศรษฐกิจและสังคมโลก อันเนื่องจากการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Revolution) ประเทศ เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้ การติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม และพฤติกรรมของประชากรที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัตน์เป็นผลให้ เกิดการเร่ง แก้ไขปัญหา ทั้งยังเกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมีความ ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งภัยในแต่ละด้านล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศกอปรกับนโยบาย Quick Win 7 วาระเร่งด่วน ข้อที่ 1 ความปลอดภัยของผู้เรียน กระทรวงศึกษาธิการมองเห็นภัยที่เกิดแก่นักเรียนครู และ บุคลากรทางการศึกษา ที่เกิดขึ้นช้าและส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจในหลายปีที่ผ่านมา เช่น ภัยจาก การคุกคามทางเพศ ภัยจากการกลั่นแกล้งรังแก่ (Bully) รวมถึงภัยที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ ได้แก่ การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เป็นผลให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และสวัสดิภาพชีวิตของ นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เป็น “การศึกษาขั้นพื้นฐานวิถีใหม่ วิถีคุณภาพ” มุ่งเน้นความปลอดภัยในสถานศึกษา ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาที่มี คุณภาพอย่างเท่าเทียมและบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบและกลไกในการดูแล ความปลอดภัยให้แก่ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และสถานศึกษา จากภัยพิบัติและภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี สามารถปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำส่งเสริมความ ปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้สังคม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การป้องกัน ดูแล ช่วยเหลือหรือเยียวยา และแก้ไขปัญหามีความเป็นเอกภาพ มีข้อมูล สารสนเทศที่เป็นระบบ สามารถแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืนด้วยการบริหารจัดการตาม มาตรการ 3 ป ได้แก่ ป้องกัน ปลูกฝัง และปราบปราม ให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ นั้นซ้ำอีก เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ปกครอง และ ประชาชนทั่วไป ในการที่จะได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และเกิดความปลอดภัยอย่างมั่นคงและยั่งยืน โรงเรียน คุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ จึงได้จัดทำแผนการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษาขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการสร้าง ความปลอดภัยแก่นักเรียนเป็นสำคัญ เพราะความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพและ การเรียนรู้ของผู้เรียน
5 2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา 2.2 เพื่อสร้างความเข้มแข็งการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา 2.3 เพื่อดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ 2.4 เพื่อรายงานการดำเนินการด้านความปลอดภัยต่อหน่วยงานต้นสังกัด 3. เป้าหมาย 3.1 โรงเรียนมีแผนความปลอดภัยตามบริบทของโรงเรียน 3.2 โรงเรียนมีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ ในการเสริมสร้างความปลอดภัยสถานศึกษา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3.3 นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับความคุ้มครองดูแลให้มีความปลอดภัย 3.4 โรงเรียนกับหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา 4. ตัวชี้วัดความสำเร็จ 4.1 โรงเรียนมีแผนความปลอดภัยตามบริบทของโรงเรียน 4.2 โรงเรียนมีนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่เป็นเลิศ ในการเสริมสร้างความปลอดภัยสถานศึกษา เพื่อ การพัฒนาอย่างยั่งยืน 4.3 นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับความคุ้มครองดูแลให้มีความปลอดภัย 4.4 โรงเรียนกับหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา
6 ส่วนที่ 2 องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย การสร้างความปลอดภัยให้แก่นักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบ โดยตรงต่อคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน การพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ขึ้นอยู่ กับความสุขและการมีชีวิตที่ปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา สามารถป้องกันหรือได้รับการป้องกัน ตนเองจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีความรู้ความเข้าใจ จิตสำนึก และเจตคติที่ดี และมีทักษะในการป้องกันภัย สามารถหรือได้รับการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นจึง เป็นภารกิจสำคัญที่โรงเรียนจะต้องมีแผนการดำเนินการสถานศึกษาปลอดภัยเกิดขึ้น 1. นโยบายด้านความปลอดภัย แผนการจัดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษา ภายใต้6 ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี(พ.ศ. 2561-2580) เพื่อให้แผนการศึกษา แห่งชาติบรรลุ เป้าหมายตามจุดมุ่งหมายวิสัยทัศน์และแนวคิดการจัดการการศึกษา โดยได้กำหนดใน ยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ ปัจจุบันภัยคุกคามต่อความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่ส่งผล กระทบต่อประชาชนและประเทศชาติมีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น อาทิ ความรุนแรงรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น ความมั่นคงของชาติจึงมิได้ ครอบคลุมเฉพาะมิติด้านการทหารหรืออำนาจอธิปไตยเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมมิติต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งในแต่ละมิติล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ การป้องกันภัยคุกคามเหลานี้จะต้องพิจารณาในมิติที่มีความเชื่อมโยงกัน และการดำเนินการเพื่อวางรากฐานและ กลไกการสร้างความมั่นคงเพื่อป้องกันและป้องปรามภัยเหล่านี้นั้นจะต้องเริ่มที่กระบวนการจัดการศึกษาของ ประเทศ การดูแลและป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรม ความรุนแรงในสังคมในรูปแบบ ต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ภัยจากโรคอุบัติใหม่ ภัยจากไซเบอร์ เพื่อส่งเสริมให้เกิด ความปลอดภัย และความมั่นคงในชีวิต ลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามต่าง ๆ ดังนั้น การจัดการศึกษาที่ครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญที่มีผลด้านความมั่นคงแก่คนในชาติจะส่งผลให้ ทุกคนมีจิตสำนึกความรู้ความสามารถ ทักษะ ความคิด ทัศนคติ ความเชื่อค่านิยม และพฤติกรรมที่เหมาะสม รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลกศตวรรษที่ 21 สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสันติและสงบสุข อันจะส่งผลให้สังคมและประเทศเกิดความมั่นคงธำรงรักษาอธิปไตย และผ่านพ้นจากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน (Comprehensive School Safety Framework : CSSF) ได้ปรากฏอยู่ในกรอบการดำเนินการระดับโลก ทั้งที่เป็นกรอบความคิดริเริ่ม และข้อตกลง หลายฉบับ CSSF ตั้งอยู่ใจกลางของกรอบการดำเนินการที่ทับซ้อนกันหลายด้าน ได้แก่ เป้าหมาย การพัฒนา ที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights Persons with Disabilities :CRPD) การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Disaster Risk Reduction : DRR)
และ Sendai Framework for DRR โดยมีหลักการสำคัญ คือ การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก ซึ่งช่วยให้ ประชาคมโลกเกิดความชัดเจนถึงภัยคุกคามจากภัยธรรมชาติ ความขัดแย้ง ความรุนแรงและการพลัดถิ่น ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน เป้าหมายของความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน สามเสาหลักของความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน ซึ่งอยู่ภายใต้นโยบายและการปฏิบัติด้านการศึกษา มีความสอดคล้อง กับการบริหารจัดการภัยพิบัติ ในระดับสากล ระดับประเทศ ภูมิภาค จังหวัด และระดับพื้นที่ รวมทั้งในโรงเรียน กรอบแนวคิดความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน ประกอบด้วยสามเสาหลัก (Three Pillars) ได้แก่ 1. ด้านอาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียนที่ปลอดภัย (Safer Learning Facilities) 2. ด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติในสถานศึกษา (School Disaster Management) 3. ด้านการศึกษาด้านการลดความเสี่ยงและการรู้รับปรับตัวจากภัยพิบัติ (Risk Reduction and Resilience Education) รากฐานของการวางแผนสำหรับความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียน คือ การจัดทำการประเมินความเสี่ยง แบบภัยหลายชนิด การวางแผนนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบข้อมูลการจัดการการศึกษาในระดับประเทศ ระดับ ภูมิภาคและในระดับพื้นที่ ข้อมูลเรื่องความเสี่ยงจากภัยพิบัติเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์นโยบายของภาค การศึกษาและการจัดการในภาพรวมซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงประจักษ์และหลักฐานที่สำคัญสำหรับการวางแผนและการ ดำเนินงาน เพื่อคุ้มครองนักเรียน และบุคลากรทางด้าน การศึกษา จากการ เสียชีวิต การบาดเจ็บ และอันตรายในโรงเรียน เพื่อให้โรงเรียนวางแผนจัด การศึกษาต่อเนื่อง แม้ในระหว่างที่เกิด ภัยพิบัติ เพื่อปกป้องการลงทุน ในภาคการศึกษา เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในการลดความเสี่ยง และการฟื้นตัวของภาค การศึกษา
8 ความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนและความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) พ.ศ. 2558-2573 และกรอบการดำเนินการเซนได เพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ พ.ศ. 2558-2573 ผลสัมฤทธิ์ของการบูรณาการความปลอดภัยรอบด้านในโรงเรียนเข้าไปในกรอบการพัฒนาที่ ยั่งยืนและนโยบายและการลดความเสี่ยงภัยพิบัติเรื่องการลดความเสี่ยง ได้แก่ 1) ปรับปรุงการเข้าถึงการศึกษาของเด็กอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และปลอดภัย 2) พัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบัน กลไกและเครือข่ายประสานงาน รวมทั้งศักยภาพ ระดับ ประเทศในการสร้างความสามารถในการรู้รับปรับตัวและฟื้นคืนกลับ (Resilience) จากภัยและอันตรายที่อาจจะ เกิดขึ้นแก่ภาคการศึกษาทั้งในระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับทองถิ่น 3) บูรณาการแนวทางการลดความเสี่ยงเข้าไปในการดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับภัยฉุกเฉิน การตอบสนองและการฟื้นฟูจากภัยพิบัติในภาคการศึกษา 4) ติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินการด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติและ ความขัดแย้ง 5) เพิ่มจำนวนและความสามารถในการเข้าถึงขอมูลหลักฐานที่เกี่ยวกับภัย เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับระบบเตือน ภัยล่วงหน้าสำหรับภัยหลายชนิด (multi-hazard early warning system) และข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงภัยพิบัติ 2. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 สาระสำคัญ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 120 ตอนที่ 95 ก วันที่ 2 ตุลาคม 2546 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 สาระสำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ เกี่ยวกับเรื่องสิทธิเสรีภาพ ของเด็กและเยาวชนที่ต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐโดยไม่เลือกปฏิบัติ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็น สำคัญ พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีทั้งหมด 9 หมวด 88 มาตราด้วยกัน แยกเป็น มาตรา 1-6 อธิบายความหมายเกี่ยวของกับ พ.ร.บ. ฉบับนี้ หมวด 1 ที่ว่าด้วยเรื่อง คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก (มาตร 7-21) หมวด 2 ที่ว่าด้วยเรื่อง การปฏิบัติต่อเด็ก (มาตร 22-31) หมวด 3 ที่ว่าด้วยเรื่อง การสงเคราะห์เด็ก (มาตร 32-39) หมวด 4 ที่ว่าด้วยเรื่อง การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก (มาตรา 40-47) หมวด 5 ที่ว่าด้วยเรื่อง ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก (มาตรา 48-50) หมวด 6 ที่ว่าด้วยเรื่อง สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานพัฒนาและฟื้นฟู (มาตรา 51-62) หมวด 7 ที่ว่าด้วยเรื่อง การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (มาตรา 63-67) หมวด 8 ที่ว่าด้วยเรื่อง กองทุนคุ้มครองเด็ก (มาตรา 68-77) หมวด 9 ที่ว่าด้วยเรื่อง ออกกำหนดโทษ (มาตรา 78-86) บทเฉพาะกาล (มาตรา 87-88)
9 ระเบียบ กฎหมายความผิดเกี่ยวกับเพศ และความผิดต่อเสรีภาพ พรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 บัญญัติว่า ผู้ใดโดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุยังไม่ เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ป ถึง 15 ป และปรับ ตั้งแต่ 6,000 บาท ถึง 30,000 บาท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 บัญญัติว่า ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบ ห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย ต้องระวาง โทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 4,000 บาท ถึง 20,000 บาท ความผิดฐานพรากเด็กหรือพราก ผู้เยาว์เป็นการพาเด็กหรือผู้เยาว์ไป หรือแยกเด็กหรือผู้เยาว์ออกไปจากความปกครองดูแลของบิดา มารดา หรือ ผู้ปกครองของเด็กหรือผู้เยาว์หากการพรากเด็กหรือผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร เช่น พาไปกอดจูบ ลูบคลำ ผู้นั้น จะต้องได้รับโทษหนักยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากมีการร่วมประเวณีหรือมีเพศสัมพันธ์ผู้นั้นจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราอีกข้อหาหนึ่ง มีโทษหนักมาก แม้ผู้เยาว์นั้นจะยินยอมไปด้วย ผู้ที่พรากก็ต้องมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุเกินกวาสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้อง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 4,000 บาท ถึง 20,000 บาท กระทำอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่ เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคล นั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิด ฐานกระทำอนาจารเป็นการกระทำที่น่าอับอายน่าบัดสี ลามก เช่น กอด จูบ ลูบคลำ หรือจับอวัยวะเพศหญิง หน้าอก รวมถึงการจับเนื้อต้องตัวหญิงก็ตาม ก็ถือว่าเป็นความผิดข้อหากระทำอนาจาร แม้ว่าเด็กที่ถูกกระทำจะ ยินยอมให้กระทำการดังกล่าวก็ยังมีความผิด หากเด็กนั้นอายุไม่เกินสิบห้าปี ข่มขืน กระทำชำเรา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 บัญญัติว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่น ซึ่งมิใช้ภริยาของตน โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้หญิง เข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 8,000 บาท ถึง 40,000 บาท ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นการบังคับใจ ฝืนใจหญิงอื่นที่มิใช้ภริยาของตน โดยหญิงนั้นไม่ยินยอม หรือใช้กำลังบังคับจนหญิงนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จนผู้กระทำผิดล่วงเกินทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์ กับหญิงนั้น หากเป็นการข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช้ภริยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นจะ ยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 8,000 บาท ถึง 40,000 บาท
10 ระเบียบ กฎหมายความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ยาเสพติดให้โทษ หมายถึง สารเคมี หรือวัตถุพิษ ชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะโดย รับประทาน ดม สูบฉีด หรือด้วยประการใด ๆ แล้วทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจในลักษณะสำคัญ เช่น ต้อง เพิ่มขนาดการเสพขึ้นเป็นลำดับ มีอาการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง อยู่ตลอดเวลา และสุขภาพโดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง เสพ หมายถึง การรับยาเสพติดให้โทษเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ยาเสพติดให้โทษ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ ประเภท 1 ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น เฮโรอีน ประเภท 2 ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เช่น มอร์ฟืน โคเคน ฝิ่นยา ประเภท 3 ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรับยาและมียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ผสมอยู่ด้วย ประเภท 4 สารที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือประเภท 2 เช่น อาเซติกแอนด์ไอไดร ประเภท 5 ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภท 1 ถึงประเภท 4 เช่น กัญชา พืชกระท่อม ความผิดเกี่ยวกับเสพยาเสพติดให้โทษ เสพกัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 92 บัญญัติว่าผู้ใดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น ผู้ใดเสพกัญชาไม่ว่าด้วย วิธีการใด ๆ เช่น เอากัญชาผสมบุหรี่แล้วสูบ หรือเสพกัญชาโดยใช้บ้องกัญชาถือว่าผู้นั้นมีความผิดฐานเสพยาเสพ ติด ให้โทษประเภท 5 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท เสพยาบ้าหรือเฮโรอีน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 91 บัญญัติว่า ผู้ใดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปีหรือปรับตั้งแต่ 10,000บาท ถึง 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นผู้ใดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เช่น ยาบ้า เฮโรอีน ไม่ว่าโดยวิธีการสูดดมจากการรมควัน หรือฉีด เฮโรอีนเข้าเส้นเลือด สูดดมเข้าทางจมูก ถือว่าผู้นั้นมีความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ซึ่งมีโทษจำคุก หนักกว่ากัญชา สารระเหย สารระเหย หมายความว่า สารเคมี หรือผลิตภัณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศว่าเป็นสารระเหย เช่น กาวต่าง ๆ ผู้ ติดสารระเหย หมายความว่า ผู้ซึ่งต้องใช้สารระเหยบำบัดความต้องการของร่างกายและจิตใจเป็นประจำความผิด ฐานเสพสารระเหยนั้นตามพระราชกำหนดป้องกันการใช้สารระเหย พ.ศ. 2533 มาตรา 17 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ ผู้ใดใช้สารระเหยบำบัดความต้องการของร่างกาย หรือจิตใจ ไม่ว่าโดยวิธีการสูดดม หรือวิธีอื่นใด หากผู้ใดฝ่าฝืน มี โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
11 ความผิดเกี่ยวกับครอบครองยาเสพติดให้โทษ ความผิดฐานครอบครองยาบ้าหรือเฮโรอีนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ซึ่งมาตรา 67 บัญญัติว่า ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ใดครอบครองยาเสพติดให้ โทษในประเภท 1 ปีระเภทยาบ้าเกิน 15 เม็ด กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นได้ครอบครองยาเสพติดให้โทษใน ประเภท 1 ไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึงตลอดชีวิต ระเบียบ กฎหมายความผิดเกี่ยวกับการจราจรทางบก และการใช้รถ ผู้ขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่นายทะเบียนเสียก่อน โดยกล่าวคือ ต้องมีใบอนุญาตขับรถ หรือใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งออกให้โดยนายทะเบียน มิฉะนั้นจะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 42 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับรถ และต้องมี ใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับรถ และมาตรา 34 บัญญัติว่า ผู้ใดขับรถโดย ไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ขณะขับรถหรือขับขี่รถจักรยานยนต์ สภาพร่างกายของผู้ขับขี่จะต้องปกติ สมบูรณ์ไม่มีอาการหย่อน ความสามารถในการขับขี่ หรืออาการเมาสุรา หรือของเมาอย่างอื่น มิฉะนั้นผู้ขับขี่จะต้องมีความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสาม ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
12 ส่วนที่ 3 การเสริมสร้างความปลอดภัยในโรงเรียน 1. ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา 4 กลุ่มภัย ดังนี้ 1) ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์(Violence) 2) ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) 3) ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right) 4) ภัยที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) มีองค์ประกอบดังนี้ 1.1 ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์ (Violence) 1) การล่วงละเมิดทางเพศ 2) การทะเลาะวิวาท 3) การกลั่นแกล้งรังแก่ 4) การชุมนุมประท้วงและการจลาจล 5) การก่อวินาศกรรม 6) การระเบิด 7) สารเคมีและวัตถุอันตราย 8) การล่อลวง ลักพาตัว 1.2 ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) 1) ภัยธรรมชาติ 2) ภัยจากอาคารเรียน สิ่งก่อสร้าง 3) ภัยจากยานพาหนะ 4) ภัยจากการจัดกิจกรรม 5) ภัยจากเครื่องมือ อุปกรณ์ 1.3 ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right) 1) การถูกปล่อยปละ ละเลย ทอดทิ้ง 2) การคุกคามทางเพศ 3) การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม 1.4 ภัยที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) 1) ภาวะจิตเวช 2) ติดเกม 3) ยาเสพติด 4) โรคระบาดในมนุษย์ 5) ภัยไซเบอร์ 6) การพนัน 7) มลภาวะเป็นพิษ 8) โรคระบาดในสัตว์ 9) ภาวะทุพโภชนาการ 2. มาตรการความปลอดภัยสถานศึกษา มาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษามุ่งเน้นให้เกิดความปลอดภัยต่อนักเรียน ครู และบุคลากร ทางการศึกษาอย่างยั่งยืน โดยเน้นมาตรการที่เข้มงวดในมาตรการ 3 ป ดังนี้ 2.1 การป้องกัน หมายถึง การดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา อุปสรรค หรือความไม่ปลอดภัยต่อนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา โดยการสร้างมาตรการป้องกันจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งใน และนอก สถานศึกษา ดังนี้
13 1) การประเมินปัจจัยเสี่ยงของสถานศึกษา 2) การกำหนดพื้นที่ความปลอดภัย 3) การจัดทำแผนความปลอดภัยสถานศึกษา 4) การจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานศึกษา 5) การจัดโครงสร้างบริหารจัดการความปลอดภัยสถานศึกษา 6) การจัดโครงสร้างข้อมูลสารสนเทศความปลอดภัยสถานศึกษา 7) การสร้างการมีส่วนร่วมของสถานศึกษาและภาคีเครือข่าย 8) การจัดระบบของทางการสื่อสารด้านความปลอดภัยสถานศึกษา 9) การจัดระบบคัดกรองและดูแลช่วยเหลือนักเรียน 10) การประเมินนักเรียนรายบุคคล ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา และความต้องการช่วยเหลือ 2.2 การปลูกฝัง หมายถึง การดำเนินการเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ จิตสำนึก และเจตคติที่ดี และการสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อให้เกิดทักษะในการป้องกันภัยให้แก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้ 1) การสร้างจิตสำนึก ความตระหนัก การรับรู้และความเข้าใจด้านความปลอดภัยให้กับตนเองและผู้อื่น 2) การจัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ และพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย ให้แก่นักเรียน ครูบุคลากรทางการศึกษา และผู้ปกครอง 3) การจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์และสมรรถนะด้านความปลอดภัย ให้แก่นักเรียน 2.3 การปราบปราม หมายถึง การดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูและ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ได้แก่ 1) การจัดการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยในสถานศึกษา 2) การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูจิตใจบุคคลผู้ประสบเหตุความไม่ปลอดภัย 3) การดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
14 3. โครงสร้างการบริหารจัดการความปลอดภัยสถานศึกษา 4. ขั้นตอนการดำเนินการความปลอดภัยสถานศึกษา การดำเนินการความปลอดภัยของสถานศึกษา มีขั้นตอนดังนี้ 4.1 การประเมินสภาพความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและจัดลำดับความเสี่ยง 4.2 การจัดทำแผนดำเนินการความปลอดภัย 4.3 การดำเนินการตามมาตรการ 4.4 การดำเนินการตามขอบข่ายความปลอดภัย 4.5 การกำกับ ติดตาม และประเมินผล มาตรการความปลอดภัยสถานศึกษาใช้หลัก 3 ป ได้แก่ การป้องกัน ปลูกฝัง และปราบปราม โดยมี รายละเอียดแนวทางการปฏิบัติและตัวชี้วัด ดังนี้
15 1. การป้องกัน การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 1) กำหนดพื้นที่ความ ปลอดภัย 1.1 ประชุม ชี้แจง วางแผน การดำเนิน งาน ด้านความปลอดภัยสถานศึกษาร่วมกับ บุคลากร ภาคีเครือข่าย และหน่วยงาน องค์กร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 1.2 กำหนดพื้นที่ควบคุมความปลอดภัย รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ และอุปกรณ์ควบคุม ความปลอดภัยส่วนบุคคล 1.3 จัดทำป้ายสัญลักษณ์แสดงความเสี่ยง ใน พื้นที่ที่มีความเสี่ยง 1.4 จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศด้านความ ปลอดภัยของสถานศึกษา - โรงเรียนกำหนดพื้นที่การควบคุม ความปลอดภัย มีป้ายสัญลักษณ์ และอุปกรณ์ควบคุม ความปลอดภัยส่วนบุคคล 2) จัดทำแผน ความปลอดภัย ของสถานศึกษา 2.1 แต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย สถานศึกษา โดยการมีส่วนร่วมจากภาคี เครือข่ายและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 2.2 เสนอแผนความปลอดภัยของสถาน ศึกษา ต่อคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน 2.3 กำหนดระยะเวลาการดำเนินการและ ผู้รับผิดชอบงาน 2.4 กำหนดนโยบายความปลอดภัยของ สถานศึกษา 2.5 เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์นโยบาย และแผน ความปลอดภัยสถานศึกษา - โรงเรียนมีแผนความปลอดภัย สถานศึกษาที่ครอบคลุมทุกมิติ 3) การจัด สภาพแวดล้อม และบรรยากาศ ของสถานศึกษา 3.1 จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพภูมิทัศน์ ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ ห้องน้ำ ห้องพิเศษ และห้องอื่น ๆ ให้มีความปลอดภัย 3.2 จัดทำแหล่งเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง ความ ปลอดภัยในสถานศึกษาที่หลากหลาย - โรงเรียนจัดสภาพแวดล้อม และ บรรยากาศที่มีความปลอดภัยต่อ นักเรียน ครู และบุคลากรทางการ ศึกษา 4) การจัดโครงสร้าง บริหารจัดการความ ปลอดภัยสถานศึกษา 4.1 สำรวจและประเมินสภาพความเสี่ยง ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา - โรงเรียนมีระบบโครงสร้างในการ บริหารจัดการความปลอดภัย สถานศึกษา
16 การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 4.2 สถานศึกษาจัดทำโครงสร้างบริหารจัดการ ความปลอดภัยสถานศึกษา 4.3 กำหนดบทบาทหน้าที่ ภาระงานของ คณะกรรมการ 4.4 จัดทำปฏิทินการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการความปลอดภัยสถานศึกษา 4.5 ประสานความร่วมมือของคณะกรรมการ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานต้นสังกัด 5) การจัดทำข้อมูล สารสนเทศความ ปลอดภัยสถานศึกษา 5.1 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำระบบข้อมูล สารสนเทศความปลอดภัยของสถานศึกษา 5.2 จัดหาเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ในการเก็บ รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ 5.3 เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้าน 5.4 วิเคราะห์ข้อมูล จัดระบบหมวดหมู่ สารสนเทศ 5.5 จัดทำรายงานระบบข้อมูลสารสนเทศและ จัดเก็บอย่างเป็นระบบ - โรงเรียนมีระบบข้อมูล สารสนเทศความปลอดภัย สถานศึกษา 6) การสร้างการมีส่วน ร่วมของสถานศึกษา และภาคีเครือข่าย 6.1 ประสานความร่วมมือในการสร้างเครือข่าย การมีส่วนร่วมในพื้นที่และภาคส่วนต่าง ๆ 6.2 มีการประชุมวางแผนเพื่อเสริมสร้างความ ปลอดภัยสถานศึกษาร่วมกัน 6.3 มีกิจกรรมการดำเนินการในการเสริมสร้าง ความปลอดภัยสถานศึกษา 6.4 มีการประเมินผลร่วมกัน 6.5 มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความร่วมมือ 6.6 มีการชมเชยเครือข่ายภาคีความร่วมมือ - โรงเรียนมีเครือข่ายความร่วมมือ ความปลอดภัย อย่างน้อย 5 เครือข่าย 7) การจัดระบบของ ทางการสื่อสารด้าน ความปลอดภัยของ สถานศึกษา 7.1 แต่งตั้งคณะทำงานด้านการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์องค์กร 7.2 กำหนดรูปแบบการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ช่องทางประกอบด้วย - โรงเรียนมีช่องทางการสื่อสาร อย่างน้อย 3 ช่องทาง
17 การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 1) On Ground ได้แก่ การจัดป้าย นิทรรศการ จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การ จัดกิจกรรมรณรงค์ในวันสำคัญต่าง ๆ 2) On Line ได้แก่ การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ทางสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น Facebook, Line, เว็บไซต์ โรงเรียน เป็นต้น 3) On Air ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ผ่าน ระบบเสียงตามสาย ทั้งในสถานศึกษาและ ชุมชน 7.3 ปรับรูปแบบระบบของทางการสื่อสารด้าน ความปลอดภัยของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับ บริบทและสภาพการณ์ของสถานศึกษา 8) การจัดระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน 8.1 แต่งตั้งคณะกรรมการระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียนระดับสถานศึกษา 8.2 คัดกรองนักเรียนแยกเป็น 3 กลุ่มได้อย่าง ชัดเจน ประกอบด้วย กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และ กลุ่มมีปัญหา 8.3 เก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคลด้วยเครื่องมือ และวิธีการที่เหมาะสม เช่น การเยี่ยมบ้าน นักเรียน การสอบถาม การสัมภาษณ์ เป็นต้น 8.4 จัดกิจกรรมสำหรับเด็กกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่าง เหมาะสม ดังนี้ - กลุ่มปกติ จัดกิจกรรมส่งเสริม ความสามารถตามปกติ - กลุ่มเสี่ยง จัดกิจกรรมป้องกันปัญหา - กลุ่มมีปัญหา จัดกิจกรรมแก้ปัญหา และ ระบบสงต่อ 8.5 สรุป รายงานผลการดำเนินการ ระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียน - โรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน
การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 9) การประเมิน นักเรียน รายบุคคล ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา และ ความต้องการ 9.1 มอบหมายให้ครูประจาชั้น/ครูที่ปรึกษา มี หน้าที่ในการประเมินนักเรียนรายบุคคล 9.2 จัดทำเครื่องมือวัดและประเมินนักเรียน รายบุคคลที่ครอบคลุมทุกด้าน 9.3 ครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาดำเนินการ ประเมินนักเรียนรายบุคคล 9.4 จัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศ รายงานผล การประเมินนักเรียนรายบุคคล - นักเรียนโรงเรียนคุรุราษฎร์ รังสฤษฏ์ทุกคนได้รับการประเมิน อย่างรอบด้าน 2. การปลูกฝัง การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 1) การสร้างจิตสำนึก ความตระหนักการ รับรู้ และความเข้าใจ ด้านความปลอดภัย ให้แก่ตนเองผู้อื่นและ สังคม 1.1 สำรวจขอมูลด้านความปลอดภัย สถานศึกษา 1.2 จัดลำดับความรุนแรง เร่งด่วนของความ ปลอดภัยสถานศึกษา 1.3 ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโดย เพิ่มเนื้อหาด้านความปลอดภัยสถานศึกษาที่ สอดคล้องกับความรุนแรง เร่งด่วน 1.4 จัดทำคู่มือ/แนวทางว่าด้วยความปลอดภัย ในสถานศึกษา 1.5 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านความปลอดภัย ของสถานศึกษา ให้แก่ ครู บุคลากร ทาง การศึกษา และนักเรียน 1.6 จัดทำศูนย์บริการสื่อด้านความปลอดภัยใน สถานศึกษา เพื่อการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม - โรงเรียนมีหลักสูตรความ ปลอดภัยสถานศึกษา 2) การจัดกิจกรรม สร้างความรู้ความ เข้าใจพัฒนาองค์ ความรู้ เกี่ยวกับความ ปลอดภัย ให้แก่ นักเรียน ครู บุคลากร ทางการศึกษา และ ผู้ปกครอง 2.1 ประชุมครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อ ชี้แจงแนวทางเกี่ยวกับความปลอดภัยใน สถานศึกษา 2.2 จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรโดยบูรณาการ เนื้อหาความปลอดภัยสถานศึกษาในรายวิชา ต่าง ๆ 2.3 การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและชุมชน - โรงเรียนมีกิจกรรมเสริมสร้าง ความรู้ ความเข้าใจด้านความ ปลอดภัยสถานศึกษาให้นักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา และ ผู้ปกครอง 18
การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 2.4 จัดกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เรื่องความปลอดภัยสถานศึกษาผ่านกิจกรรม Classroom meeting ระหว่างสถานศึกษากับ ผู้ปกครอง 3) การจัดกิจกรรม เสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์และ สมรรถนะด้านความ ปลอดภัยให้แก่ นักเรียน 3.1 จัดกิจกรรมเสริมทักษะประสบการณ์ที่เน้น การลงมือปฏิบัติที่เชื่อมโยงกับการดำเนิน ชีวิตประจำวัน ให้แก่ เช่น การปฐมพยาบาลแก่ นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา 3.2 กิจกรรมจัดกิจกรรมสอดแทรกด้านความ ปลอดภัยสถานศึกษาในกิจกรรมวันสำคัญ 3.3 สรรหาต้นแบบผู้จัดกิจกรรม และการจัด กิจกรรมเสริมทักษะที่เป็นเลิศ - โรงเรียนมีกิจกรรมเสริมทักษะ ประสบการณ์ และสมรรถนะด้าน ความปลอดภัยให้แก่นักเรียน 3. การปราบปราม การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 1) การจัดการแก้ไข ปัญหา กรณีเกิดเหตุ ความปลอดภัย ใน สถานศึกษา 1.1 กำหนดแนวทางปฏิบัติการจัดการหรือการ ระงับเหตุ การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุใน สถานศึกษา และสร้างการรับรู้ร่วมกัน 1.2 จัดตั้งคณะทำงานเคลื่อนที่เร็ว (Roving Team) ที่สามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างทัน เหตุการณ์ 1.3 เตรียมบุคลากร และเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ ที่พร้อมรับสถานการณ์ 1.4 ติดตั้งระบบเตือนภัย เช่น กล้องวงจรปิด สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ 1.5 ซ้อมระงับเหตุอย่างต่อเนื่อง เช่น การ ดับเพลิง การซ้อมหนีไฟ การปฐมพยาบาล เบื้องต้น เป็นต้น 1.6 ประสานงานเครือข่ายการมีส่วนร่วมเพื่อให้ ความช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์ 1.7 ส่งต่อผู้ประสบเหตุเพื่อให้ได้รับการ ช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ 1.8 กำกับ ติดตาม ประเมินผลและรายงาน - โรงเรียนมีระบบการแก้ปัญหา ด้านความปลอดภัยสถานศึกษา อย่างมีประสิทธิภาพ 19
การป้องกัน แนวทางการปฏิบัติ ตัวชี้วัด 2) การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู จิตใจ บุคคลผู้ประสบเหตุ ความไม่ปลอดภัย 2.1 จัดทำข้อมูลบุคคลและหน่วยงานในพื้น ที่ตั้งของสถานศึกษาที่สามารถติดต่อ ประสานงานและให้การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู จิตใจได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที 2.2 จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยา ฟื้นฟู และให้ คำปรึกษา โดยการมีส่วนร่วมของเครือข่าย 2.3 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการช่วยเหลือที่ เหมาะสม 2.4 ประสานเครือข่ายการมีส่วนร่วมหน่วยงาน องค์กร เพื่อให้การช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู 2.5 จัดระบบประเภทภัยรายบุคคลหรือราย กลุ่มที่สามารถให้การคุ้มครองสำหรับครูและ บุคลากรทางการศึกษาและนักเรียน 2.6 สร้างขวัญกำลังใจ โดยการติดตาม เยี่ยม เยือนอย่างสม่ำเสมอ - โรงเรียนมีระบบการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู จิตใจ ผู้ประสบเหตุ ความไม่ปลอดภัย 3) ดำเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมาย 3.1 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการด้าน กฎหมาย ให้ผู้ประสบเหตุได้รับความคุ้มครอง ตามที่กฎหมายกำหนด 3.2 รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บังคับบัญชา หน่วยงานต้นสังกัด 3.3 ดำเนินคดี จำแนกประเภทของเหตุที่เกิด ติดต่อประสานงานผู้ปกครองเพื่อดำเนินการ หรือดำเนินการแทนผู้ปกครอง 3.4 ให้การคุ้มครองนักเรียนให้อยู่ในความ ปลอดภัย - ผู้ประสบเหตุทุกคนได้รับการ คุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด 20
21 แนวทางการปฏิบัติขอบข่ายความปลอดภัยสถานศึกษา ขอบข่ายความปลอดภัยสถานศึกษาจำแนกเป็น 4 กลุ่มภัย โดยมีการดำเนินการความปลอดภัย สถานศึกษาตามมาตรการ 3 ป ได้แก่ การป้องกัน การปลูกฝัง และการปราบปราม ซึ่งในแต่ละมาตรการมีแนว ปฏิบัติตามรายละเอียด ดังนี้ 1. ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์ (Violence) ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 1.1 การล่วง ละเมิดทางเพศ 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยง 2) เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม นักเรียน และพัฒนาพื้นที่ เสี่ยงให้ปลอดภัย 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 4) จัดระบบการสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรม นักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 1) จัดกิจกรรมส่งเสริม ความตระหนักรู้และเห็น คุณค่าในตนเอง 2) จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะ ชีวิต 3) ฝึกทักษะการปฏิเสธ และการเอาตัวรอดใน สถานการณ์ต่าง ๆ 1) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ช่องทางในการขอความ ช่วยเหลือ 2) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งดวน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 3) แต่งตั้งคณะทำงานด้าน กฎหมายเพื่อให้ความ ช่วยเหลือ 4) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อการส่งต่อที่เหมาะสม 1.2 การ ทะเลาะวิวาท 1) จัดทำระเบียบในการ ประพฤติปฏิบัติตนใน สถานศึกษา 2) ประชุมชี้แจงทำความเข้า ในการปฏิบัติตนตามระเบียบ 3) เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม ทั้งในระดับชั้นเรียน สถานศึกษา และชุมชน 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังใน สถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ ติดตามพฤติกรรมนักเรียน อย่างต่อเนื่อง 1) ให้ความรู้เรื่องการอยู่ ร่วมกันในสังคม และ ผลกระทบที่เกิดจากการ ทะเลาะวิวาท 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ อยู่ร่วมกันในสังคม 3) จัดเวทีกิจกรรมให้ นักเรียนได้แสดงออกตาม ความสามารถอย่าง เหมาะสม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วมเพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่ เกลี่ยประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนัก
22 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 1.3 การกลั่น แกล้งรังแก 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ทั้งกลุ่มผู้กระทำและ ผู้ถูกกระทำ 2) จัดทำระเบียบข้อตกลง ร่วมกัน ทั้งในระดับชั้นเรียน และระดับโรงเรียน 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 4) จัดระบบการสื่อสารและ เฝ้าระวังช่องทางการสื่อสาร ที่ทำให้เกิดการกลั่นแกล้งรัง แก่ เพื่อติดตามพฤติกรรม นักเรียน 1) ให้ความรู้ความเข้าใจการ กลั่นแกล้งรังแก่ ทักษะชีวิต และหลักในการอยูร่วมกันใน สังคม 2) จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ ทาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง 3) จัดเวทีให้นักเรียนได้ แสดงออกตามความ สามารถ อย่างเหมาะสม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุ ทั้งในระดับชั้น เรียน สถานศึกษา และชุมชน 2) ดำเนินการเอาโทษตาม ระเบียบข้อตกลง โดยเน้น การไกลเกลี่ย ประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหา หนัก 3) ติดตาม เยี่ยมเยือน ให้ กำลังใจผู้ถูกกระทำ และ สร้างความเข้าใจกับผู้กระทำ 1.4 การชุมนุม ประท้วงและ การจลาจล 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 2) เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม นักเรียน และพัฒนาพื้นที่ เสี่ยงให้ปลอดภัย 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและในชุมชน 4) จัดระบบการสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรม นักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 1) สร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับระเบียบ กฎหมาย สิทธิและหน้าที่พลเมือง 2) สร้างองค์ความรู้ความ เข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจาก การชุมนุมประท้วงและการ จลาจล 3) จัดกิจกรรมบำเพ็ญ สาธารณประโยชน์อย่าง สม่ำเสมอ 4) จัดกิจกรรมสร้างทัศน์คติที่ ถูกต้องร่วมกับผู้ปกครอง ชุมชน ในโอกาสที่เหมาะสม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วมเพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่ เกลี่ยประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนัก
23 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 1.5 การก่อ วินาศกรรม 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 2) เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม นักเรียน 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและในชุมชน 4) จัดระบบการสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรม นักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ผลกระทบที่เกิดจากการก่อ วินาศกรรม 2) จัดกิจกรรมสร้างทัศน์คติที่ ถูกต้องร่วมกับผู้ปกครอง ชุมชน ในโอกาสที่เหมาะสม 3) จัดเวทีให้นักเรียนได้ แสดงออกตามความสามารถ อย่างเหมาะสม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่ เกลี่ยประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนัก 1.6 การระเบิด 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 2) สำรวจข้อมูลแหล่งที่มา ของวัตถุประกอบระเบิด 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 4) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ ติดตามพฤติกรรมนักเรียน 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ ระเบิด 2) จัดกิจกรรมสร้างทัศนคติที่ ถูกต้องร่วมกับผู้ปกครอง ชุมชน ในโอกาสที่เหมาะสม 3) จัดเวทีให้นักเรียนได้แสดง ออกออกตามความสามารถ อย่างเหมาะสม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่ เกลี่ยประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนัก 1.7 สารเคมี และวัตถุ อันตราย 1) จัดทำมาตรการและแนว ปฏิบัติในการดำเนินการ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีและ วัตถุอันตราย 2) จัดสถานที่ในการจัดเก็บ สารเคมีและวัตถุอันตรายให้ มิดชิด 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง การใช้สารเคมีและวัตถุ อันตรายทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ผลกระทบที่เกิดจาการใช้ สารเคมีและวัตถุอันตราย 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงไปใช้ในการดำเนิน ชีวิต 3) จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้ เรียนรู้หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในสถานที่ จริงในพื้นที่ 1) ติดต่อประสานงาน เครือข่ายการมีส่วนร่วมเพื่อ ร่วมแก้ปัญหา 2) ดำเนินการตามมาตรการ และข้อตกลงที่กำหนด ร่วมกัน
24 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 1.8 การ ล่อลวง ลักพา ตัว 1) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 2) จัดระบบการติดต่อสื่อสาร เพื่อรับส่งข้อมูลพฤติกรรม นักเรียน ผู้ใกล้ชิด และบุคคล ภายนอก 3) จัดทำข้อมูลช่องทางขอ ความช่วยเหลือเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน และชุมชน 1) การจัดกิจกรรมส่งเสริม ความตระหนักรูและเห็น คุณค่าในตนเอง 2) จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะ ชีวิตอย่างรอบด้าน 3) ฝึกทักษะการปฏิเสธ และ การเอาตัวรอดในสถานการณ์ ต่าง ๆ 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) แต่งตั้งคณะทำงานด้าน กฎหมายเพื่อให้ความ ช่วยเหลือ 3) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3. ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident) ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 2.1 ภัย ธรรมชาติ 1) สำรวจข้อมูลความเสี่ยงที่ เกิดจากภัยธรรมชาติ 2) จัดทำแผนป้องกันภัยทาง ธรรมชาติ 3) จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือในการป้องกันภัย ธรรมชาติ 4) ซักซ้อมการเผชิญเหตุภัย ธรรมชาติ 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ปัญหาและผลกระทบที่เกิด จากธรรมชาติ 2) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ เผชิญปัญหาภัยธรรมชาติ 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ อนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) ติดต่อสื่อสารเครือข่าย การมีส่วนร่วม เพื่อร่วมให้ ความช่วยเหลือและแก้ปัญหา 3) ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพื่อให้ความ ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู จิตใจ 2.2 ภัยจาก อาคารเรียน สิ่งก่อสร้าง 1) สำรวจสภาพของอาคาร เรียน อาคารประกอบ และ สิ่งก่อสร้าง 1) สร้างความตระหนักและ ให้ความรู้ความเข้าใจถึง หลักการสร้างความปลอดภัย ในการดำเนินชีวิตแก่นักเรียน และบุคลากร 1) แต่งตั้งบุคลากรดูแลและ รับผิดชอบด้านอาคารสถานที่
25 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 2) ซ่อมแซมส่วนประกอบ ของอาคารและอุปกรณ์ติดตั้ง ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่ ปลอดภัย 3) จัดทำป้ายข้อควรระวัง และติดป้ายสัญลักษณ์ในจุด อันตราย อาคาร หรือพื้นที่ที่ ไม่แข็งแรงและมีความเสี่ยง 4) ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่เสี่ยง อย่างต่อเนื่อง 5) จัดให้มีแผนการป้องกัน และการเคลื่อนย้ายในกรณี เหตุฉุกเฉิน 2) ฝึกทักษะการสังเกตและ หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง 3) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ เอาตัวรอดเมื่อประสบภัย จากอาคารเรียน และ สิ่งก่อสร้าง 2) สร้างเครือข่ายการมีส่วน ร่วมและดำเนินการช่วยเหลือ และแก้ปัญหาที่มี ประสิทธิภาพ 3) ประสานงานหน่วยงาน ภาครัฐ และเอกชน เพื่อให้ ความช่วยเหลือ 2.3 ภัยจาก ยานพาหนะ 1) สำรวจขอมูลยานพาหนะ ในสถานศึกษา 2) จัดระบบสัญจรใน สถานศึกษาสำหรับยาน พาหนะประเภทต่าง ๆ และ สำหรับการเดินเท้า 3) จัดทำแผนให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก ยานพาหนะ 4) จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เพื่อการช่วยเหลือ 5) ส่งเสริมสนับสนุนการทำ ประเภทภัย ประกันอุบัติเหตุ 1) จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่อง การใช้รถใช้ถนนและ เครื่องหมายจราจร 2) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อ ประสบภัยจากยานพาหนะ 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ สร้างจิตสำนึกในการปฏิบัติ ตามกฎจราจร 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งดวน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) ติดต่อสื่อสารเครือข่าย การมีส่วนร่วม เพื่อร่วมให้ ความช่วยเหลือและแก้ปัญหา 3) ประสานงานหน่วยงาน องค์กร เพื่อให้ความ ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู จิตใจ 2.4 ภัยจาก การจัด กิจกรรม 1) แต่งตั้งคณะทำงาน ประเมินความเสี่ยงในการจัด กิจกรรมต่าง ๆ 1) สร้างความรู้ความเข้าใจใน การปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้ ปลอดภัย 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์
26 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 2) จัดแยกกิจกรรมตามระดับ ความเสี่ยง 3) เสนอแนะแนวทางในการ ป้องกันความเสี่ยงในกิจกรรม ต่าง ๆ 2) ฝึกทักษะการเลือกปฏิบัติ กิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสม กับตนเอง 3) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ ให้ความช่วยเหลือเมื่อ ประสบภัยจากการปฏิบัติ กิจกรรม 2) ติดต่อสื่อสารเครือข่าย การมีส่วนร่วม เพื่อร่วมให้ ความช่วยเหลือและแก้ปัญหา 3) ดำเนินการส่งต่อเพื่อการ ช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ 2.5 ภัยจาก เครื่องมือ อุปกรณ์ 1) สำรวจข้อมูลเครื่องมือ อุปกรณ์ จัดแยกส่วนที่ชำรุด และส่วนที่ใช้งานได้ 2) จัดทำคู่มือหรือแนวทาง ปฏิบัติหรือระเบียบในการใช้ ห้องปฏิบัติการ การใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ให้ ปลอดภัย 3) จัดทำและติดป้าย สัญลักษณ์เกี่ยวกับอันตรายที่ เกิดจากอุปกรณ์และ เครื่องมือไว้อย่างชัดเจน 4) ดำเนินการซ่อมแซม บำรุงรักษาและการจัดเก็บ เครื่องมือ อุปกรณ์ให้เป็น ระบบ 1) จัดกิจกรรมสร้างความรู้ ความเข้าใจ หลักการใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ ให้ ปลอดภัย 2) ฝึกทักษะการใช้ การ บำรุงรักษา การจัดเก็บ เครื่องมือ อุปกรณ์ 3) จัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึก ในคุณค่าของเครื่องมือ อุปกรณ์ 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งดวน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) ประสานเครือข่ายความ ร่วมมือเพื่อให้ความช่วยเหลือ 3) ดำเนินการสงต่อเพื่อการ ช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ
27 3. ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right) ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 3.1 การถูก ปล่อยปะ ละเลยทอดทิ้ง 1) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 2) จัดระบบการติดต่อสื่อสาร เพื่อรับส่งข้อมูลพฤติกรรม นักเรียน และผู้ใกล้ชิด 3) จัดทำข้อมูลช่องทาง ขอความช่วยเหลือเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน และชุมชน 1) จัดกิจกรรมส่งเสริมความ ตระหนักรู้และเห็นคุณค่าใน ตนเอง 2) จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะ ชีวิตอย่างรอบด้าน 3) ฝึกทักษะการปฏิเสธการ เอาตัวรอด และการขอความ ช่วยเหลือ 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย 3) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมแก้ปัญหา 4) ติดตามเยี่ยมเยือนให้ กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ 3.2 การ คุกคามทาง เพศ 1) สำรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง และพื้นที่เป็นจุดเสี่ยง 2) เฝ้าระวัง สังเกตพฤติกรรม นักเรียน และพัฒนาพื้นที่ เสี่ยงให้ปลอดภัย 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและในชุมชน 4) จัดระบบการสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลด้านพฤติกรรม นักเรียนทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 1) จัดกิจกรรมส่งเสริมความ ตระหนักรู้และเห็นคุณค่าใน ตนเอง 2) จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะ ชีวิตรอบด้าน 3) ฝึกทักษะการปฏิเสธ การ เอาตัวรอดในสถานการณ์ ต่างๆ 1) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ช่องทางในการขอความ ช่วยเหลือ 2) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 3) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย 4) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อการส่งต่อที่เหมาะสม 5) สร้างขวัญกำลังใจโดยการ ติดตามเยี่ยมเยือนอย่าง สม่ำเสมอ
28 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 3.3 การไม่ได้ รับความเป็น ธรรมจาก สังคม 1) สำรวจข้อมูลนักเรียนราย คน 2) วิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการ ความขาด แคลน ของนักเรียนรายคน 3) จัดทำแผนให้ความ ช่วยเหลือนักเรียนที่ตาม ความขาดแคลน 4) สร้างเครือข่ายการมีส่วน ร่วม เพื่อประสานความ ช่วยเหลือ 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง สิทธิ หน้าที่ และความ รับผิดชอบต่อสังคม 2) บริการให้คำปรึกษา สำหรับนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ สร้างจิตสำนึกในความเสมอ ภาค เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน 1) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 2) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ติดตามเยี่ยมเยือนให้ กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ 4. ภัยที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness) ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 4.1 ภาวะจิต เวช 1) สำรวจข้อมูลนักเรียนกลุ่ม เสี่ยง 2) ติดต่อประสานเครือข่าย การมีส่วนร่วมเพื่อประเมิน ภาวะจิต 3) จัดหลักสูตรการเรียนการ สอนพิเศษรายคน 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลพฤติกรรมอย่าง ต่อเนื่อง 1) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ของนักเรียน 2) จัดเวทีให้นักเรียนได้ แสดงออกตามความสามารถ 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ ตระหนักรู้และเห็นคุณค่าใน ตนเองและผู้อื่น 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการ ไกล่เกลี่ยประนีประนอม ตามมาตรการจากเบาไปหา หนัก 4) ประสานการส่งต่อเพื่อให้ ความช่วยเหลือที่มี ประสิทธิภาพเพื่อร่วม แก้ปัญหา
29 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 4.2 ติดเกม 1) สำรวจข้อมูลนักเรียนกลุ่ม เสี่ยง 2) สำรวจข้อมูลพื้นที่แหล่ง ให้บริการร้านเกม 3) กำหนดข้อตกลงเพื่อ ปฏิบัติร่วมกันหรือจัดทำ ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วย ความประพฤตินักเรียน เพื่อให้ เป็นไปตาม กฎกระทรวงที่กำหนด 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลพฤติกรรมอย่าง ต่อเนื่อง 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ประโยชน์และโทษของการ เล่นเกมและผลกระทบที่เกิด จากการติดเกม 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ การคิด วิเคราะห์ และใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 3) จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร ที่สนองต่อความสนใจของ นักเรียนอย่างหลากหลาย 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม ผู้ปกครองนักเรียน เพื่อร่วมแก้ปัญหานักเรียน เรื่องการเล่นเกม ในการ กำกับดูแล ติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนขณะใช้ชีวิตอยู่ที่ บ้าน 3) ดำเนินการเอาผิดตาม ข้อตกลงที่กำหนดไว้ร่วมกัน 4) ติดตามเยี่ยมเยือน เพื่อ สร้างขวัญกำลังใจ 4.3 ยาเสพติด 1) สำรวจข้อมูลนักเรียนกลุ่ม เสี่ยง 2) วิเคราะห์นักเรียน รายบุคคล 3) กำหนดข้อตกลงเพื่อ ปฏิบัติร่วมกัน 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลพฤติกรรมอย่าง ต่อเนื่อง 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง โทษภัย และผลกระทบของ การติดยาเสพติด 2) จัดกิจกรรมต่อต้านยาเสพ ติดในวันสำคัญต่าง ๆ อย่าง สม่ำเสมอ 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ การคิด วิเคราะห์ และใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 4) จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร ที่สนองต่อความสนใจของ นักเรียนอย่างหลากหลาย 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย โดยเน้นการไกล่ เกลี่ยประนีประนอม ตาม มาตรการจากเบาไปหาหนัก 4) ประสานการส่งต่อเพื่อให้ ความช่วยเหลือที่มี ประสิทธิภาพ
30 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 4.4 โรคระบาด ในมนุษย์ 1) สำรวจขอมูลด้านสุขภาพ ของนักเรียนรายคนและ บุคคลใกล้ชิด 2) จัดทำแผนในการป้องกัน โรคระบาดในมนุษย์ 3) บริการวัสดุ อุปกรณ์ใน การป้องกันโรคระบาดใน มนุษย์ 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสาร เพื่อติดตามข้อมูลด้าน สุขภาพอย่างต่อเนื่อง 1) สร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคระบาดในมนุษย์ 2) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ ปฏิบัติตน เพื่อความ ปลอดภัยจากโรคระบาดใน มนุษย์ 3) จัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึก ในความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามมาตรการ ที่กฎหมายกำหนด 4) ประสานการส่งต่อเพื่อให้ ความช่วยเหลือที่มี ประสิทธิภาพ 4.5 ภัยไซเบอร์ 1) สำรวจข้อมูลการใช้งาน ระบบไซเบอร์ของนักเรียน รายคน 2) กำหนดข้อตกลงเพื่อ ปฏิบัติร่วมกัน 3) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง ทั้งในสถานศึกษาและชุมชน 4) จัดระบบติดต่อสื่อสาร เพื่อรับส่งข้อมูลพฤติกรรม อย่างต่อเนื่อง 1) สร้างความรู้ความเข้าใจ ถึงประโยชน์และโทษของ การใช้สื่อออนไลน์ที่ไม่พึง ประสงค์ในเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ผลกระทบที่ เกิดจากการใช้งานระบบไซ เบอร์โดยขาดวิจารณญาณ 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ การคิด วิเคราะห์ และใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 3) จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร ที่สนองต่อความสนใจของ นักเรียนอย่างหลากหลาย 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม ผู้ปกครองในการ กำกับดูแล ติดตาม พฤติกรรมของนักเรียน ขณะ ใช้ชีวิต่อยู่ที่บ้านในการใช้ เครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อ ร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการเอาผิดตาม ข้อตกลงที่กำหนดไว้ร่วมกัน 4) ติดตามเยี่ยมเยือน เพื่อ สร้างขวัญกำลังใจ
31 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 4.6 การพนัน 1) สำรวจข้อมูลนักเรียนกลุ่ม เสี่ยง 2) สำรวจพื้นที่ที่เป็นแหล่ง การพนัน 3) กำหนดข้อตกลงเพื่อ ปฏิบัติร่วมกัน 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ รับส่งข้อมูลพฤติกรรมอย่าง ต่อเนื่อง 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง ผลกระทบที่เกิดจากการพนัน 2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ การคิด วิเคราะห์ และใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ 3) จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร ที่สนองต่อความสนใจของ นักเรียนอย่างหลากหลาย 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม ผู้ปกครองนักเรียน ช่วยดูแลนักเรียนเรื่องการ เล่นการพนัน กำกับดูแล ติดตามพฤติกรรมของ นักเรียน ขณะใช้ชีวิตอยู่ที่ บ้านเพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการเอาผิดตาม ข้อตกลงที่กำหนดไว้ร่วมกัน 4) ติดตามเยี่ยมเยือนเพื่อ สร้างขวัญกำลังใจ 4.7 มลภาวะ เป็นพิษ 1) สำรวจข้อมูลพื้นที่ที่เกิด มลภาวะเป็นพิษใน สถานศึกษาและชุมชน 2) จัดทำป้ายสัญลักษณ์แสดง พื้นที่มลภาวะเป็นพิษ 3) จัดทำแผนในการแก้ปัญหา มลภาวะเป็นพิษร่วมกัน 4) กำหนดข้อตกลงในการ ปฏิบัติร่วมกัน 1) สร้างความรู้ความเข้าใจถึง สาเหตุและผลกระทบที่เกิด จากมลภาวะเป็นพิษ 2) จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการ แก้ปัญหาและการลด มลภาวะเป็นพิษ 3) จัดกิจกรรมส่งเสริมการ สร้างจิตสำนึกในการลด มลพิษร่วมกับชุมชน 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการเอาผิดตาม ข้อตกลงที่กำหนดไว้ร่วมกัน 4) ติดตามเยี่ยมเยือนเพื่อ สร้างขวัญกำลังใจ 4.8 โรคระบาด ในสัตว์ 1) สำรวจข้อมูลสัตว์เลี้ยงของ นักเรียนรายคน 2) จัดทำแผนในการป้องกัน โรคระบาดในสัตว์ 3) บริการวัสดุอุปกรณ์ใน การป้องกันโรคระบาดในสัตว์ 1) สร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคระบาดในสัตว์ 2) จัดกิจกรรมฝึกทักษะการ ปฏิบัติตน เพื่อความ ปลอดภัยจากโรคระบาดใน สัตว์ 1) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อ ระงับเหตุทั้งในสถานศึกษา และชุมชน 2) ประสานเครือข่ายการมี ส่วนร่วม เพื่อร่วมแก้ปัญหา 3) ดำเนินการตามมาตรการ ที่กฎหมายกำหนด
32 ประเภทภัย แนวทางการปฏิบัติ การป้องกัน การปลูกฝัง การปราบปราม 4) สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังทั้ง ในสถานศึกษาและชุมชน 5) จัดระบบติดต่อสื่อสารเพื่อ ติดตามข้อมูลสัตว์เลี้ยงอย่าง ต่อเนื่อง 3) จัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึก ในความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม 4) ประสานการส่งต่อเพื่อให้ ความช่วยเหลือที่มี ประสิทธิภาพ 4.9 ภาวะ ทุพโภชนาการ 1) การสำรวจและจัดกลุ่ม นักเรียนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มที่ มีภาวะทุพโภชนาการ 2) เสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่างโรงเรียน ครอบครัว ชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 3) จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้ ความรู้ด้านโภชนาการแก่ ผู้ปกครอง 4) จัดทำฐานข้อมูลเพื่อ ตรวจสอบพัฒนาการและ ความก้าวหน้าในการลด ภาวะทุพโภชนาการ 5) จัดหาอุปกรณ์กีฬาให้ เพียงพอ 6) การดูแลอาหารกลางวัน อาหารเสริม และอาหารว่าง ที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ 1) จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้าน โภชนาการแก่นักเรียน 2) จัดกิจกรรมออกกำลังกาย และวิธีการรักษาสุขภาพ ให้กับนักเรียน 3) การบูรณาการความรู้ด้าน โภชนาการในการจัดการ เรียนการสอน 1) การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ของทางใน การขอความช่วยเหลือ 2) แต่งตั้งคณะทำงานให้ ความช่วยเหลือเร่งด่วน ที่ สามารถให้ความช่วยเหลือได้ ทันเหตุการณ์ 3) แต่งตั้งคณะทำงานกองทุน อาหารกลางวันสำหรับ นักเรียนที่มีปัญหาด้าน เศรษฐกิจ 4) ประสานภาคีเครือข่าย เพื่อการส่งต่อที่เหมาะสม
33 ส่วนที่ 4 การติดต่อสื่อสาร Group Line ผู้ปกครอง Facebook โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ เว็บไซต์โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์www.kuru.ac.th โทรศัพท์โรงเรียนคุรุราษฎร์รังสฤษฏ์ 032-261391 ติดต่อด้วยตนเอง ที่อยู่เลขที่ 1 หมู่ 2 ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี 70150
34 ส่วนที่ 5 การกำกับ ติดตามและประเมินผล โรงเรียนดำเนินการการกำกับ ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานความปลอดภัยของโรงเรียน โดย การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ตามแนวดำเนินการ มาตรการ แนวทางปฏิบัติ โดยยึดตัวชี้วัดในการดำเนินการใน ทุกประเด็น มีการจัดทำเครื่องมือในการกำกับ ติดตาม และประเมินผล ที่มีคุณภาพและครอบคลุม มีการจัดทำ แผนการกำกับ ติดตาม และประเมินผล กำหนดปฏิทินดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยดำเนินการ ดังนี้ 1) แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษาโดย การมีสวนร่วมจากทุกภาคส่วน 2) ศึกษาแนวดำเนินการ มาตรการ แนวทางการปฏิบัติ และตัวชี้วัดการดำเนินงานความปลอดภัยของ สถานศึกษา 3) จัดทำแผนการกำกับ ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา 4) กำหนดปฏิทินในการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง 5) จัดทำเครื่องมือในการกำกับ ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษาที่ สอดคล้องกับตัวชี้วัดในการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา 6) ดำเนินการกำกับ ติดตาม และประเมินผล การดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา 7) สรุปผลการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษา ให้ข้อเสนอแนะประเด็นที่เป็นจุดเด่น จุดควรพัฒนาพร้อมแนวทางในการพัฒนาในปีการศึกษาต่อไป 8) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานความปลอดภัยของสถานศึกษาในช่องทางที่หลากหลาย
ภาคผนวก