The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 3 วรรณคดีและวรรณกรรม ป.4 เรื่อง น้ำผึ้งหยดเดียว โดย ครูพรรณี พลายคุม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noi_p2508, 2022-04-26 00:02:31

หน่วยที่ 3 วรรณคดีและวรรณกรรม ป.4 เรื่อง น้ำผึ้งหยดเดียว โดย ครูพรรณี พลายคุม

หน่วยที่ 3 วรรณคดีและวรรณกรรม ป.4 เรื่อง น้ำผึ้งหยดเดียว โดย ครูพรรณี พลายคุม

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

วรรณคดีและวรรณกรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓

นิทานเทียบสุภาษิต เร่ือง น้าผึ้งหยดเดียว

ครูผู้สอน : ครูพรรณี พลายคุม

PBW CHANNAl โรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์ www.pbw.ac.th

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ วรรณคดีและวรรณกรรม
นิทานเทียบสุภาษิต เร่ือง น้าผึ้งหยดเดียว
ให้นักเรียนเตรียมห๑น.ังสือ
๒.

ครูผู้สอน : ครูพรรณี พลายคุม

PBW CHANNAl โรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์ www.pbw.ac.th

ตวั ชี้วดั
• อ่านเร่ืองส้ัน ๆ ตามเวลาทก่ี าหนดและตอบคาถามจากเร่ืองทอ่ี ่าน (ท ๑.๑ ป. ๔/๓)
• คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองทอี่ ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ (ท ๑.๑ ป. ๔/๕)
• สรุปความรู้และข้อคดิ จากเร่ืองทอ่ี ่านเพอื่ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั (ท ๑.๑ ป. ๔/๖)
• อ่านหนังสือทม่ี คี ุณค่าตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เห็น

เกย่ี วกบั เร่ืองทอี่ ่าน (ท ๑.๑ ป. ๔/๗)
• ระบุข้อคดิ จากนิทานพนื้ บ้านหรือนิทานคตธิ รรม (ท ๕.๑ ป.๔/๑)
• อธิบายข้อคดิ จากการอ่านเพอื่ นาไปใช้ชีวติ จริง (ท ๕.๑ ป. ๔/๒)

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

ประวตั ผิ ู้แต่ง บทนาเร่ือง

คาศัพท์น่ารู้ นิทานเทยี บสุภาษติ
เรื่อง นา้ ผงึ้ หยดเดยี ว

ก่อเหตุ

ถ้อยคาสานวน สรุปความรู้
ล้วนต้องศึกษา

แบบพฒั นาทกั ษะในการทาข้อสอบปรนัย
เพอ่ื ประเมนิ ผลตวั ชี้วดั

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

ประวตั ผิ ู้แต่ง

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๔

บทนาเร่ือง

การแต่งนิ ทานเทียบสุ ภาษิตเริ่ มต้นด้วยโคลงสี่ สุ ภา
๑ บท เป็ นการสรุปสาระสาคัญของเร่ื อง จากน้ันมีนิทาน
ที่ขยายความจากโคลง ชื่อเร่ือง นิทานต้งั ตามสุภาษิตคา งั เ ย
เช่น น้าผ้ึงหยดเดียวก่อเหตุ ตาน้า ริกละลายแม่น้า ให้ทุกข์
แก่ท่านทุกขน์ ้นั ถึงตวั

นิทานเทียบสุภาษิตจึงเป็ นนิทานท่ีให้ข้อคิดในการ
ดาเนินชีวติ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

ถ้อยคาสานวน ล้วนต้องศึกษา

การเขา้ ใจความหมายของถอ้ ยคาสานวน ทาใหเ้ ขา้ ใจ
เรื่องราวไดล้ ะเอียดชดั เจนยงิ่ ข้ึน เช่น

หมายความว่า เมื่อฝ่ าย อ่ ของเดก็ เจา้ ของแมวหาย
จากอาการเวยี นหวั ตา ร่าแลว้ ลุกข้ึนจะเขา้ ไปฟัน
วกเจา้ ของหมา

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

ถ้อยคาสานวน ล้วนต้องศึกษา

หมายความว่า ฝ่ ายอากเ็ อาไม้ ลองป้ องกนั ตวั จากน้นั
ต่างคนกต็ ่างตีกนั อยา่ งสบั สนวนุ่ วายไม่รู้วา่ ใครเป็นใคร

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

ถ้อยคาสานวน ล้วนต้องศึกษา

หมายความว่า เราเป็นเ ื่อนบา้ นกนั ควรจะมีความย้งั คิด
ไม่ใจร้อน ทาอะไรจนเดือดร้อนไปดว้ ยกนั หากเราไม่รู้จกั
ระงบั อารมณ์ ต่างอวดด้ือถือดีต่อกนั บางคร้ังกจ็ ะทาให้
เร่ืองเลก็ นอ้ ยลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๔

เม่ือไดฟ้ ังหรือเห็นส่ิงใดตอ้ งคิด ิจารณา
ให้รอบคอบถึงผลดีผลเสียท้งั ต่อตนเองและ
ผอู้ ่ืน ก่อนท่ีจะเช่ือหรือปฏิบตั ิตาม

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔

แบบพฒั นาทักษะในการทาข้อสอบปรนัย
เพอื่ ประเมินผลตวั ชี้วดั

ตวั ชี้วดั
• อ่านเร่ืองส้ัน ๆ ตามเวลาทก่ี าหนดและตอบคาถามจากเรื่องทอี่ ่าน (ท ๑.๑ ป. ๔/๓)
• คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองทอี่ ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ (ท ๑.๑ ป. ๔/๕)
• สรุปความรู้และข้อคดิ จากเรื่องทอ่ี ่านเพอื่ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั (ท ๑.๑ ป. ๔/๖)
• อ่านหนังสือทมี่ คี ุณค่าตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เห็น

เกย่ี วกบั เรื่องทอ่ี ่าน (ท ๑.๑ ป. ๔/๗)
• ระบุข้อคดิ จากนิทานพนื้ บ้านหรือนิทานคตธิ รรม (ท ๕.๑ ป.๔/๑)
• อธิบายข้อคดิ จากการอ่านเพอ่ื นาไปใช้ชีวติ จริง (ท ๕.๑ ป. ๔/๒)

วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔ ทาแบบทดสอบ

๑ เร่ือง นา้ ผงึ้ หยดเดยี วก่อเหตุ เป็ นเรื่องประเภทใด

๑ ละคร
๒ นิทาน
๓ เรื่องเล่า
๔ เรื่องส้ัน

เฉลย

๒ คาประพนั ธ์ท่ใี ช้เป็ นบทนาเรื่องเป็ นคาประพนั ธ์
ประเภทใด

๑ กลอนส่ี
๒ กลอนหก
๓ กาพย์ยานี ๑๑
๔ โคลงสี่สุภาพ

เฉลย

๓ “น้าผงึ้ หยดเดียว” มคี วามหมายถึงสาเหตุ
ท่เี กดิ จากเรื่องใด

๑ ความโลภ
๒ ความประมาท
๓ การทะเลาะววิ าท
๔ เร่ืองเพยี งเลก็ น้อย

เฉลย

๔ “น้าผงึ้ หยดเดียว” ใกล้เคยี งกบั สานวนใดมากทสี่ ุด

๑ ขแี้ พ้ชวนตี
๒ แกว่งเท้าหาเสี้ยน
๓ ขหี้ มูรา ขหี้ มาแห้ง
๔ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

เฉลย

๕ ใครเป็ นผู้ไขปริศนาแห่งการทะเลาะววิ าท

๑ นายอาเภอ
๒ เด็กเจ้าของแมว
๓ เดก็ เจ้าของหมา
๔ เด็กเจ้าของขวดนา้ ผงึ้

เฉลย

๖ “เดก็ คนหนึ่งเดนิ ถอื ขวดนา้ ผงึ้ มาตามถนน
แต่ตาน้ันได้แหงนดูว่าวเพลนิ ไป เท้าจงึ ได้ไป
สะดุดล้มลง” อาการของเดก็ คนนีต้ รงกบั ข้อใด

๑ เผลอตัว
๒ เผลอใจ

๓ เผอเรอ
๔ เผลอไผล

เฉลย

๗ “ศึกกลางเมอื ง” มีความหมายตรงกบั ข้อใด

๑ การสู้รบของคนชาตเิ ดยี วกนั
๒ การสู้รบทเ่ี กดิ ขนึ้ กลางถนน
๓ การสู้รบทเี่ กดิ ขนึ้ ในย่านชุมชน
๔ การสู้รบทเ่ี กดิ ขนึ้ ในเมืองหลวง

เฉลย

๘ “คร้ันแล้วอาเภอกไ็ ด้ไต่สวนต่อไป จงึ ได้ไปเรียกมาท้งั สองฝ่ าย
มาไต่สวน เพอ่ื จะให้ได้ความว่าต้นสายปลายเหตุมนั เป็ นอย่างไรกนั ขนึ้ ”

ข้อใดคอื ลกั ษณะนิสัยของนายอาเภอที่วเิ คราะห์ได้จากข้อความข้างต้น

๑ เที่ยงธรรม
๒ วางอานาจ
๓ รอบคอบ
๔ เมตตา

เฉลย

“ต่างคนต่างบอกไม่ทราบว่าต้นสายปลายเหตุ

๙ มนั เป็ นอย่างไรกนั ” ข้อคดิ จากข้อความนีต้ รงกบั

สานวนใด

๑ ฟังไม่ขนึ้
๒ ฟังหูไว้หู
๓ ฟังความข้างเดียว
๔ ฟังไม่ได้ศัพท์ จบั ไปกระเดียด

เฉลย

๑๐ “เราเป็ นคนอยู่บ้านใกล้เรือนเคยี งกนั ควรจะมี
ความรอร้ังซึ่งกนั และกนั ” ใจความสาคญั ของ
ข้อความนีค้ อื เร่ืองใด

๑ ความรักใคร่ห่วงใย
๒ ความร่วมแรงร่วมใจ
๓ ความประนีประนอม
๔ ความเออื้ เฟื้ อเผอ่ื แผ่

เฉลย

๑ เรื่อง นา้ ผงึ้ หยดเดยี วก่อเหตุ เป็ นเร่ืองประเภทใด

๑ ละคร เป็ นนิทานเทยี บสุภาษติ คอื

๒ นิทาน ชื่อเร่ืองจะต้งั ตามสุภาษติ
๓ เรื่องเล่า คาพงั เพย

๔ เรื่องส้ัน

ไปยงั ข้อ ๒

๒ คาประพนั ธ์ทีใ่ ช้เป็ นบทนาเรื่องเป็ นคาประพนั ธ์
ประเภทใด

๑ กลอนส่ี โคลงส่ีสุภาพ เพราะ ๑ บท มี ๔ บาท
วรรคหน้ามี ๕ คา วรรคหลงั มี ๒ คา

๒ กลอนหก วรรคหลงั ของบาทสุดท้าย มี ๔ คา
ตัวเลอื กท่ี ๑ กลอนส่ี แต่ละวรรคมี ๔ คา

๓ กาพย์ยานี ๑๑ ตวั เลอื กที่ ๒ กลอนหก แต่ละวรรคมี ๖ คา
ตัวเลือกท่ี ๓ กาพย์ยานี ๑๑ วรรคหน้ามี

๔ โคลงสี่สุภาพ ๕ คา วรรคหลงั มี ๖ คา

ไปยงั ข้อ ๓

๓ “น้าผงึ้ หยดเดยี ว” มีความหมายถึงสาเหตุ
ทเ่ี กดิ จากเรื่องใด

๑ ความโลภ เรื่องเพยี งเลก็ น้อย เพราะ

๒ ความประมาท นา้ ผงึ้ หยดเดียว เกดิ จากท่ี
เดก็ คนหนึ่งถือขวดนา้ ผงึ้

๓ การทะเลาะววิ าท สะดุดหกล้ม นา้ ผงึ้ จึงหก
เรื่องเพยี งเลก็ น้อยที่ทาให้

๔ เร่ืองเพยี งเลก็ น้อย เกดิ เป็ นเรื่องใหญ่โตได้

ไปยงั ข้อ ๔

๔ “น้าผงึ้ หยดเดียว” ใกล้เคยี งกบั สานวนใดมากทส่ี ุด

๑ ขแี้ พ้ชวนตี ขหี้ มูรา ขีห้ มาแห้ง หมายถึง
เรื่องเลก็ น้อยไม่ควรถือเป็ น
เร่ืองใหญ่
๒ แกว่งเท้าหาเสี้ยน ตวั เลอื กที่ ๑ หมายถึง

๓ ขหี้ มูรา ขหี้ มาแห้ง รนหาเรื่องเดอื ดร้อน
ตวั เลอื กท่ี ๒ หมายถงึ
๔ แพ้แล้วพาล
ตวั เลอื กท่ี ๔ หมายถึง เสียเงิน
เสียน้อยเสียยาก เพยี งเลก็ น้อยไม่ยอมเสีย

เสียมากเสียง่าย ทาให้ต้องเสียมากกว่าเดมิ

ไปยงั ข้อ ๕

๕ ใครเป็ นผู้ไขปริศนาแห่งการทะเลาะววิ าท

๑ นายอาเภอ เดก็ เจ้าของแมว เพราะ

๒ เด็กเจ้าของแมวเป็ นคนรู้เห็น

เด็กเจ้าของแมว เหตุการณ์ท้ังหมดต้ังแต่ต้น
จนจบ

เด็กเจ้าของหมา

๔ เดก็ เจ้าของขวดนา้ ผงึ้

ไปยงั ข้อ ๖

๖ “เด็กคนหน่ึงเดินถือขวดน้าผงึ้ มาตามถนน
แต่ตาน้ันได้แหงนดูว่าวเพลนิ ไป เท้าจึงได้ไป
สะดุดล้มลง” อาการของเดก็ คนนีต้ รงกบั ข้อใด

๑ เผลอตัว เพราะเผอเรอ หมายถงึ
๒ เผลอใจ ขาดความเอาใจใส่ ในสิ่งท่ี
๓ เผอเรอ ต้องทา

๔ เผลอไผล

ไปยงั ข้อ ๗

๗ “ศึกกลางเมือง” มีความหมายตรงกบั ข้อใด

๑ การสู้รบของคนชาตเิ ดยี วกนั
๒ การสู้รบทเี่ กดิ ขนึ้ กลางถนน
๓ การสู้รบทเี่ กดิ ขนึ้ ในย่านชุมชน
๔ การสู้รบทเ่ี กดิ ขนึ้ ในเมอื งหลวง

ไปยงั ข้อ ๘

๘ “คร้ันแล้วอาเภอกไ็ ด้ไต่สวนต่อไป จึงได้ไปเรียกมาท้งั สองฝ่ าย
มาไต่สวน เพอ่ื จะให้ได้ความว่าต้นสายปลายเหตุมนั เป็ นอย่างไรกนั ขึน้ ”

ข้อใดคอื ลกั ษณะนิสัยของนายอาเภอทว่ี ิเคราะห์ได้จากข้อความข้างต้น

๑ เทีย่ งธรรม เพราะเทยี่ งธรรม หมายถึง
ต้งั ตรงด้วยความเป็ นธรรม
๒ วางอานาจ

๓ รอบคอบ ตรงกบั ลกั ษณะนิสัยของนายอาเภอ

๔ เมตตา

ไปยงั ข้อ ๙

“ต่างคนต่างบอกไม่ทราบว่าต้นสายปลายเหตุ

๙ มนั เป็ นอย่างไรกนั ” ข้อคดิ จากข้อความนีต้ รงกบั

สานวนใด เพราะสานวน ฟังไม่ ได้ ศัพท์ จับไปกระเดียด
หมายถึง ฟังไม่ได้ความแจ่มชัด แล้วเอาไปพูดต่อ
๑ ฟังไม่ขนึ้ หรือทาผดิ ๆ
๒ ฟังหูไว้หู ตวั เลอื กท่ี ๒ หมายถึง รับฟังไว้แต่ไม่เช่ือท้งั หมด
ตัวเลือกท่ี ๓ หมายถึง เชื่อถือแต่ฝ่ ายเดียวโดยไม่ฟัง
ความอกี ฝ่ ายหนึ่ง

๓ ฟังความข้างเดียว

๔ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด

ไปยงั ข้อ ๑๐

๑๐ “เราเป็ นคนอยู่บ้านใกล้เรือนเคยี งกนั ควรจะมี
ความรอร้ังซึ่งกนั และกนั ” ใจความสาคญั ของ
ข้อความนีค้ อื เร่ืองใด

๑ ความรักใคร่ห่วงใย ความประนีประนอม คอื
ผ่อนหนัก ผ่อนเบาให้แก่กนั

ความร่วมแรงร่วมใจ ปรองดองกนั ซึ่งสอดคล้อง
กบั ความรอร้ังในข้อความ

ความประนีประนอม หมายถงึ ย้งั เหนย่ี วไว้

๔ ความเออื้ เฟื้ อเผอื่ แผ่

กลบั สู่หน้าหน่วยการเรียนรู้

ขอขอบคุณPPT.จาก

แล้วพบกันใหม่
ในเนื้อหาหน้านะคะ


Click to View FlipBook Version