The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ladanut007, 2022-10-30 15:59:39

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์

611081236

ความผิด

ฐานยักยอกทรัพย์

กฎหมาย อาญา 2 2022
ปฏิพล พ่อนุ้ย 611081236

คำนำ

หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
การศึกษาเรียนรู้ เรื่อง ความผิดฐานยักยอก

ทรัพย์ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนรู้ ศึกษา
ค้นคว้าเกี่ยวกับความผิดฐานยักยอกทรัพย์
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจและสามารถนำ
ไปประยุกต์ใช้ได้ในการจัดการเรียนรู้ต่อไป

จัดทำโดย
นาย ปฏิพล พ่อนุ้ย

สารบัญ

ความผิดฐานยักยอก 1-7

ยักยอกทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดย 8-9
สำคัญผิด หรือเป็นทรัพย์สินหาย

ยักยอกทรัพย์ที่ตนมีหน้าที่ดูแล 10-13

ยักยอกทรัพย์สินมีค่าที่ซ่อนหรือฝังไว้ 14-17

1

(1) ความผิดฐานยักยอก

การกระทำอันเป็นการยักยอกทรัพย์เป็นความผิดที่
คุ้มครองกรรมสิทธิ์ ได้แก่ การที่ผู้ครอบครองทรัพย์ของผู้
อื่นอยู่ เกิดเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตน
หรือบุคคลที่ 3 ไม่ว่าทรัพย์ของผู้อื่นนั้นจะตกมาอยู่ใน
ความครอบครองโดยการมอบหมายของตัวเจ้าทรัพย์เอง
ผู้แทนของเจ้าทรัพย์หรือได้มาโดยผลของกฎหมายหรือ
โดยสัญญาก็ตาม

ความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์มีด้วยกัน 4 ฐาน
ความผิด

1.ความผิดฐานยักยอก
2.ยักยอกทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด หรือเป็น
ทรัพย์สิน หาย
3.ยักยอกทรัพย์ที่ตนมีหน้าที่ดูแล
4.ยักยอกทรัพย์สินที่มีค่าที่ซ่อนหรือฝังไว้

2

ตามมาตรา 352 วรรคหนึ่ง
มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือ
ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็น
ของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิด
ฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่
เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ



องค์ประกอบภายนอก




(1) ครอบครอง
(2) ทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
(3) เบียดบังเอาทรัพย์นั้น เป็นของตน หรือบุคคลที่สาม
(4) ซึ่งทรัพย์นั้น

องค์ประกอบภายใน
(1) เ
จตนาธรรมดา

(2) เจตนาพิเศษ “โดยทุจริต”



ความผิดนี้ ได้แก่ การที่ผู้กระทำความผิดครอบครอง
ทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่นหรือซึ่งเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แล้ว
เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่ 3 โดย
เจตนาและมีเจตนาพิเศษ คือ “โดยทุจริต

3

การครอบครองทรัพย์ ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง
ยักยอกกับลักทรัพย์ ก็ต้องดูว่าผู้ใดมีการครอบครองทรัพย์
นั้นอยู่ หากการครอบครองอยู่ที่ผู้อื่นไม่ใช่ผู้กระทำความผิด
ก็เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อมีการแย่งการครอบครอง
โดยมีเจตนา ทุจริตตั้งแต่แรกกระทำ แต่ถ้าผู้กระทำความ
ผิดได้การครอบได้มีการแย่งการครอบครอง แล้วเกิดเจตนา
ทุจริตเบียดบังเอาเป็นของตนในภายหลัง จึงเป็นยักยอก
ไม่ใช่ลักทรัพย์

การครอบครองทรัพย์ของผู้อื่นนี้ จะต้องได้มา
อย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงการยึดถือไว้ชั่วคราว การครอบ
ครองต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงแล้วดูต่อไปว่าใคร
ครอบครอง เช่น เจ้าของทรัพย์มอบทรัพย์ไว้เพื่อจะไปเข้า
ห้องน้ำในเรือที่โดยสารมาด้วยกัน แสดงว่ามิได้สละการ
ครอบครองให้ผู้รับฝากเอาทรัพย์ไป การครอบครองที่แท้
จริงยังอยู่ที่เจ้าของทรัพย์ ผู้รับฝากเอาไปจึงเป็นลักทรัพย์

ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์

4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2580
นายตำรวจเอาเสื้อแขวนไว้บนสถานีตำรวจ และสั่งให้
ยามรักษาการณ์ดูแลไว้ ยามได้เอาทรัพย์ซึ่งอยู่ในเสื้อไป
มีความผิดฐานลักทรัพย์ มิใช่ฐานยักยอก
แต่ถ้าได้ทรัพย์มาอยู่ในความครอบครองอย่างแท้จริง
แล้ว เช่น ผู้ที่รับราชการอยู่ต่างจังหวัดอยู่ไกล จึงมอบให้
จำเลยเก็บรักษากระบือ 2 ตัว รถจักรยาน 1 คัน จำเลย
ให้ทรัพย์นั้นแก่คนอื่นไปเป็นยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2516
โจทก์ออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ได้มอบ
เงินให้จำเลยไปชำระหนี้ตามเช็คนั้น แล้วรับเช็คคืนมาให้
โจทก์ จำเลยได้นำเงินไปชำระและรับเช็คมาแล้ว จำเลย
เป็นผู้ครอบครองเช็คอันเป็นทรัพย์ของโจทก์ไว้ จำเลยไม่
คืนให้โจทก์กลับอ้างว่าโจทก์ไม่ได้มอบเงินให้ไปชำระหนี้
แทน แล้วนำเอาเช็คไปเบิกเงินจากธนาคาร พฤติการณ์
เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาเช็คของโจทก์ไปโดย
ทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอก

5

ทรัพย์ของผู้อื่นหรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
ปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ต้องพิจารณาตามหลัก
กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น
การซื้อขายตามปกติกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อขณะทำ
สัญญา แม้ยังชำระราคาไม่หมดก็ตาม ถ้าผู้ซื้อรับทรัพย์แล้ว
เอาไปขายต่อไม่เป็นยักยอก ส่วนผู้ขายถ้ายังไม่ได้ส่งมอบ
ทรัพย์นั้นไป กลับเอาไปขายให้แก่ผู้อื่นเสีย มีความผิดฐาน
ยักยอกทรัพย์เพราะกรรมสิทธิ์ไม่ได้เป็นของตนอีกต่อไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2533
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน แม้ต่อมาศาลจะ
พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยยก
ที่ดินให้ ว. ครึ่งหนึ่ง โดยใส่ชื่อเป็นเจ้าของรวมในโฉนด แต่
เมื่อยังไม่มีการจดทะเบียนใส่ชื่อ ว. เป็นเจ้าของรวม ไม่ได้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ดินยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเพียง
ผู้เดียว การที่จำเลยโอนที่ดินทั้งหมดให้ ถ. จึงไม่เป็นความ
ผิดฐานยักยอก
แต่ถ้าเป็นการเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปยังผู้เช่าซื้อ ถ้าผู้
เช่าซื้อเอาทรัพย์นั้นไปขายต่อเป็นยักยอก แต่ถ้าเป็นการยืม
ใช้สิ้นเปลือง เช่น ยืมเงิน ฟิล์มถ่ายรูปหรือน้ำมันไป เป็นการ
ยืมใช้สิ้นเปลืองกรรมสิทธิ์เป็นของผู้ยืมตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650 ผู้ยืมเอาเงิน ฟิล์มหรือ
น้ำมันนั้นไปใช้หรือจำหน่ายเสียไม่เป็นยักยอก

6

การฝากเงิน ผู้รับฝากมีหน้าที่คืนให้ครบจำนวน การ
เอาเงินไปใช้จึงไม่เป็นยักยอก จำเลยได้รับฝากทรัพย์สินของ
ต่างๆ และเงินจำนวนหนึ่งไว้จากโจทก์ร่วม ต่อมาหลังจากพ้น
คดีแล้วโจทก์ร่วมไปทวงทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนจากจำเลยแต่
จำเลยไม่คืนให้ กรณีเป็นเรื่องโจทก์ร่วมและจำเลยฝากทรัพย์
กัน ดังนั้นเงินทั้งหมดที่โจทก์ร่วมฝากไว้ จำเลยผู้รับฝากจึงมี
สิทธิที่จะนำออกใช้ได้ แต่ต้องคืนแก่โจทก์ร่วมให้ครบตาม
จำนวนเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต เพียงแต่เมื่อ
โจทก์ร่วมทวงถามจำเลยไม่คืนให้ (ไม่ใช่ปฏิเสธว่าไม่ได้ฝาก
ไว้) จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมต้องเรียกคืนจากจำเลยในทาง
แพ่ง การที่จำเลยนำเงินที่รับฝากนั้นออกใช้หรือไม่คืนให้เมื่อ
ถูกทวงถาม หาเป็นความผิดอาญาฐานยักยอกไม่

7

การเบียดบังทรัพย์ หมายความว่า แสดงตนอย่าง
เป็นเจ้าของ มีการกระทำที่มีลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ของ
เจ้าของเดิม ได้แก่ บริโภคทรัพย์นั้น แปรสภาพทรัพย์นั้น
เช่น เขาฝากไก่ไว้ก็เอาไก่มาแกงกินเสีย จำหน่ายหรือเสนอ
จำหน่ายทรัพย์นั้น เอาไปให้ผู้อื่นซ่อนเร้นหรือปฏิเสธ
กรรมสิทธิ์ของเจ้าของเดิม ตลอดจนจำนำทรัพย์นั้นโดยไม่
คิดจะไถ่คืน





ตัวอย่างเช่น



รับฝากทรัพย์ไว้แล้วปฏิเสธว่าไม่ได้รับฝาก แต่ถ้าลักทรัพย์
เขามาแล้วเบียดบังเป็นของตนโดยเอาไปบริโภคหรือ
จำหน่ายเสีย ย่อมไม่เป็นความผิดฐานยักยอกอีก

ผู้กระทำต้องมีเจตนา คือ รู้ข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ที่ตน
ครอบครองเป็นของผู้อื่นและประสงค์จะเบียดบังไว้โดยมี
"เจตนาพิเศษ" เพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วย
กฎหมายสำหรับตนเองหรือหรือผู้อื่น

8

(2) ยักยอกทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด
หรือเป็นทรัพย์สินหาย

ตามมาตรา 352 วรรคสอง ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความ
ครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดย

สำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้
กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียงกึ่ง

หนึ่ง
องค์ประกอบภายนอก

(1) ทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำ
ความผิดเพราะ

(ก) ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด
หรือ

(ข) เป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้
(2) เบียดบังเอาทรัพย์นั้น เป็นของตน หรือของบุคคลที่
สาม
องค์ประกอบภายใน

(1) เจตนาธรรมดา
(2) เจตนาพิเศษ “โดยทุจริต” วรรคสองนี้เป็นเหตุลดโทษ

9

การกระทำ ได้แก่ การที่ผู้กระทำความผิดได้การครอบครอง
ทรัพย์โดยผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดหรือเป็นทรัพย์สิน
หายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ แสดงว่าผู้กระทำมิได้รับ
มอบการครอบครองนั้นมาเหมือนอย่างวรรคหนึ่ง
การส่งมอบให้โดยสำคัญผิดแม้ผู้กระทำความผิดเบียดบัง

เอาไว้เป็นของตนหรือบุคคลที่ 3

ส่วนทรัพย์สินหาย ได้แก่ ทรัพย์สินหลุดพันไปจากการยึดถือ
ของผู้เป็นเจ้าของ โดยมิได้สมัครใจมิใช่สละการครอบครอง

ทรัพย์สินนั้นจึงกลายเป็นทรัพย์ที่ไม่มีใครครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2514
เจ้าของทำสร้อยข้อมือตกหล่นอยู่บนศาลา เจ้าของยัง
ติดตามหาของที่ตกหายโดยใกล้ชิด(ของสิ่งนั้นก็ไม่ใช่
ทรัพย์สินหาย) หากผู้ที่เก็บเอาไปโดยไม่รู้ว่าเจ้าของยัง
ติดตาม โดยเข้าใจว่าเจ้าของเลิกติดตามค้นหาแล้ว ผู้เก็บได้
ก็ผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย โดยถือตามที่ผู้กระทำสำคัญ
ผิดในข้อเท็จจริง
ดังนี้ถ้าผู้กระทำเอาทรัพย์ไปโดยไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าเจ้าของ
เขากำลังติดตามเอาคืนอยู่ เช่น ไม่รู้ว่าของใครลืมไว้เมื่อใด
เป็นยักยอกทรัพย์สินหาย
ความผิดฐานนี้ผู้กระทำได้รับโทษน้อยกว่าความผิดที่ 1 กึ่ง
หนึ่งและเป็นความผิดอันยอมความได้

10

(3) ยักยอกทรัพย์ที่ตนมีหน้าที่ดูแล

ตามมาตรา 353
มาตรา 353 ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น
หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยกระทำผิดหน้าที่
ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสีย
หายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้นต้องระวาง
โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ

องค์ประกอบภายนอก
(1) ผู้ใด
(2) ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือ

ทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
(3) กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ
(4) จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะ

ที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น

องค์ประกอบภายใน
(1) เจตนาธรรมดา
(2) เจตนาพิเศษ “โดยทุจริต”
ความผิดนี้ได้แก่ การกระทำผิดหน้าที่ได้รับมอบหมาย

ในการจัดการทรัพย์สิน หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย

11

โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ใน

ลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้อื่น การมอบหมายให้จัดการ

ทรัพย์สิน คือ สามารถจัดการทรัพย์ไปในทางใดๆ ได้ ไม่ใช่

เพียงแต่มีหน้าที่เก็บเงินเท่านั้นการมอบหมายอาจเกิด

โดยตรงหรือโดยปริยายก็ได้ เช่น

- ผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล

-ผู้จัดการฝ่ายขายรถแทรกเตอร์รับมอบหมายให้นำรถ

แทรกเตอร์ไปแสดงแต่กลับนำไปไถไร่ของผู้อื่นจนรถเสียหาย

ผิดตามมาตรานี้




คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326/2501

นางเหลืองไม่ได้รับมอบหมายจากบริษัทให้จัดการที่ดินแปลงนี้แต่

อย่างใด เป็นแต่เพียงนางเหลืองถือโอกาสที่โฉนดมีชื่อนายขาวผู้

เป็นสามี จึงไปขอใบแทนโฉนดแล้วโอนขายไปเท่านั้น เมื่อฟังว่า

นางเหลืองไม่ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของบริษัท การก

ระทำก็ไม่เป็นความผิด ดังนั้นนางเหลืองไม่ผิดมาตรา 353

ถ้าไม่ใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน หรือมีอาชีพธุรกิจที่

ประชาชนไว้ใจผิดตามมาตรา 352 ไม่ใช่มาตรานี้ หรือรับ

มอบหมายให้เป็นผู้เก็บเงินค่าสมาชิกแล้วรักษาไว้ เอาไปใช้อะไรไม่

ได้ ไม่ใช่ผู้ที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินไม่ผิดมาตรา 353

12





- จำเลยในฐานะผู้จัดการของโจทก์ได้ดำเนินการขาย
ปลายข้าวหักของโจทก์ให้แก่ ด. ไม่ได้ทำในฐานะส่วนตัว เมื่อ
ด. ส่งเงินชำระค่าสินค้าให้โดยผ่านบัญชีของจำเลยจึงเป็นเงิน
ของโจทก์ จำเลยในฐานะผู้จัดการของโจทก์จึงมีหน้าที่
ควบคุมดูแลรักษาเงินนั้นไม่ให้สูญหาย แต่จำเลยกลับถอน
เงินนั้นไปเสียไม่ส่งคืนให้โจทก์ร่วมตามหน้าที่ ไม่ใช่เป็นกรณีที่
ผู้ซื้อฝากเงินค่าสินค้าไว้กับจำเลยเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์โดย
จำเลยจะนำเงินจำนวนใดไปชำระก็ได้ จึงเป็นการยักยอกตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353
ถ้าไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ ผู้
กระทำต้องมีเจตนาและ"เจตนาพิเศษ" โดยทุจริต ถ้าขาด
เจตนาทุจริตไม่ผิดตามมาตรานี้
ความผิดฐานนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ (มาตรา 356)

13

เหตุเพิ่มโทษ (มาตรา 354)
สำหรับความผิดที่ 1, 2 และ 3 คือ ถ้าผู้กระทำ

ความผิดได้กระทำความผิดในฐานะที่
(1) เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งของ

ศาลหรือตามพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2083/2537

ทรัพย์มรดกของ น. ที่โจทก์อ้างว่าจำเลย (ผู้จัดการ
มรดก) จดทะเบียนโอนมาเป็นของจำเลยก็ดี จดทะเบียน
โอนขายให้บุคคลอื่นก็ดี มิได้ตกเป็นของโจทก์ตามที่ระบุไว้
ในสัญญาแบ่งปันทรัพย์ ทั้งการกระทำดังกล่าวของจำเลย
ล้วนเกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาแบ่งปัน
ทรัพย์มรดกของ น. แล้ว จึงเป็นการจัดการทรัพย์สินส่วน
ที่เป็นมรดกตกเป็นของจำเลยเอง หาใช่เป็นการจัดการ
ทรัพย์มรดกของ น. ที่ตกเป็นของโจทก์ไม่ การกระทำของ
จำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 353,
354

(2) เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจนิยมเป็นที่ไว้วางใจของ
ประชาชน ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น อาชีพอันเป็นไว้
วางใจของประชาชนก็เช่น ผู้จัดการธนาคารหรือโรงรับ
จำนำ เป็นต้น

14

(4) ยักยอกทรัพย์สินมีค่าที่ซ่อนหรือฝังไว้
ตามม
าตรา 355

มาตรา 355 ผู้ใดเก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า อันซ่อนหรือฝัง
ไว้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ แล้วเบียดบังเอา
ทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่ง

ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบภายนอก

(1) ผู้ใด
(2) เก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า
(3) อันซ่อนหรือฝังไว้
(4) โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้
(5) แล้วเบียดบัง เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของ

ผู้อื่น

องค์ประกอบภายใน
(1)เจตนาธรรมดา
การกระทำความผิดฐานนี้ได้แก่ การเบียดบังเอา

สังหาริมทรัพย์ซึ่งตนเก็บได้ ดังเช่น

15

ความผิดที่ 2 แต่ตามมาตรานี้เป็นสังหาริมทรัพย์
อันมีค่าอันซ่อนหรือฝังไว้ โดยไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็น
เจ้าของได้ ความตามมาตรานี้เทียบได้กับประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1328 ซึ่งกำหนดว่า
ทรัพย์สินดังกล่าวนั้นกรรมสิทธิ์ตกเป็นของแผ่นดิน ผู้
เก็บได้ต้องมอบทรัพย์นั้นให้แก่เจ้าพนักงานแล้วมีสิทธิ
ได้รับรางวัล ดังนั้นผู้ที่เก็บเอาสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
แล้วเบียดบังเอาไป จึงเป็นการยักยอกทรัพย์ของแผ่น
ดินนั้น

16

อย่างไรก็ตาม สังหาริมทรัพย์อันมีค่า หมายถึง "ค่าควร
เมือง" หรือประมาณค่ามิได้ (priceless) ควรแก่การที่จะ
เป็นของรัฐ เช่น พระแสงดาบคาบค่าย โครงกระดูกมนุษย์
โบราณหรือซากไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์อันจะเป็นประโยชน์
ในการศึกษาทางประวัติศาสตร์หรือโบราณคดีอันสำคัญ
เป็นต้น

ดังนั้น สร้อยคอทองคำหรือของโบราณอันเป็นเครื่อง
ประดับส่วนบุคคลก็ดี เทวรูปหินอ่อนโบราณ รูปนารายณ์สี่
กร อันเป็นโบราณวัตถุธรรมดาก็ดี ย่อมไม่ใช่สังหาริมทรัพย์
มีค่าที่ผู้เก็บได้จะมีความผิดมาตรานี้

17

ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้
(มาตรา 356)

ในส่วนของทรัพย์สินที่เป็นของแผ่นดิน หน่วยงานที่
เป็นนิติบุคคลที่รับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นเป็นผู้
เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ เช่น กรมศิลปากร ในกรณี
พบโครงกระดูกของบรรพบุรุษโบราณ เป็นต้น

บรรณานุกรม

ดร.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์(2555.) กฎหมายอาญา ภาค
ความผิด เล่ม3 (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพ : บริษัท กรุงสยาม
พับลิชชิ่ง จำกัด

ศาสตราจารย์ ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ(2564.) คำอธิบาย
กฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ (พิมพ์ครั้งที่ 18).
กรุงเทพ : วิญญูชน

ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ จาก เว็บไซต์ สถาบันนิติธรรมาลัย
https://www.drthawip.com/criminalcode/1-55
( สืบค้นวันที่ 15 ตุลาคม 2560 )


Click to View FlipBook Version