พุทธประวัติ ประวัติของพระพุทธเจ้า
คำ นำ รายงานเล่มนี้่่จัดทำ ขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ วิชา พระพุทธศาสนา ชั้น 5/3 เพื่อให้ได้ศึกษา หาความรู้ ในเรื่่อง ประวัติของพระพุทธเจ้า และได้ศึกษา อย่างเข้าใจเพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน ผู้จัดทำ หวังว่า รายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับ ผู้อ่าน หรือนักเรียน นักศึกษา ที่กำ ลัง หาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำ หรือข้อผิด พลาดประการใด ผู้จัดทำ ขอน้อมรับไว้และ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
สารบัญ หน้าที่ 1 ประสูติ หน้าที่ 2 การขนานพระนามและทรงเจริญ พระชนม์ หน้าที่ 3 การอภิเษกสมรส หน้าที่ 4 ออกบรรพชา หน้าที่ 5 การเข้าศึกษาในสำ นักดาบส หน้าที่ 6 บำ เพ็ญทุกรกิริยา หน้าที่ 7 ตรัสรู้ หน้าที่ 8 ประกาศพระศาสนาครั้งแรก หน้าที่ 9 ปรินิทาน
การ ประสูติ สู ข ติ อง พระพุทธเจ้า จ้ พระพุทธเจ้า พระนามเดิมว่า ว่ “ สิทธัตถะ “ เป็น ป็ พระ ราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริม ริ หามายา แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้น ว้ สักกะ พระองค์ทรงถือกำ เนิดใน ศากยวงค์ สกุลโคตมะ พระองค์ประสูติ ในวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ( เดือนวิส วิ าขะ ) ปีจ ปี อ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้ง ตั้ อยู่ระหว่า ว่ งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้น ว้ สักกะ กับกรุงเทวทหะ แคว้น ว้ โกลิยะ ( ปัจ ปั จุบันคือ ตำ บลรุมมินเด ประเทศเนปาล )
การขนานพระนาม และ ทรงเจริญ ริ พระชนม์ หลังจากประสูติได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้ประชุมพระ ประยูรญาติ และเชิญพราหมณ์ ผู้เรีย รี นจบไตรเพท จำ นวน ๑๐๘ คน เพื่อมาทำ นายพระลักษณะของพระราชกุมาร พระประยูรญาติได้พร้อมใจกันถวายพระนามว่า ว่ “สิทธัตถะ” มี ความหมายว่า ว่ “ ผู้มีความสำ เร็จสมประสงค์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตน ตั้ง ตั้ ใจจะทำ ” ส่วนพราหมณ์เหล่านั้น นั้ คัดเลือกกันเองเฉพาะผู้ที่ทรง วิท วิ ยาคุณประเสริฐ ริ กว่า ว่ พราหมณ์ทั้ง ทั้ หมดได้ ๘ คน เพื่อทำ นายพระ ราชกุมาร พราหมณ์ ๗ คนแรก ต่างก็ทำ นายไว้ ๒ ประการ คือ “ ถ้าพระราชกุมารเสด็จอยู่ครองเรือ รื นก็จักเป็น ป็ พระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ทรงธรรม หรือ รื ถ้าเสด็จออกผนวชเป็น ป็ บรรพชิตจักเป็น ป็ พระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไม่มีกิเลสในโลก
การอภิเ ภิ ษกสมรส เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเจริญ ริ พระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา พระเจ้าสุทโธ ทนะมีพระราชดำ ริว่ ริ า ว่ พระราชโอรสสมควรจะได้อภิเษกสมรส จึง โปรดให้สร้างปราสาทอันวิจิ วิจิ ตรงดงามขึ้น ๓ หลัง สำ หรับให้พระ ราชโอรสได้ประทับอย่างเกษมสำ ราญตามฤดูกาลทั้ง ทั้ ๓ คือ ฤดู ร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว แล้วตั้ง ตั้ ชื่อปราสาทนั้น นั้ ว่า ว่ รมยปราสาท สุ รมยปราสาท และสุภปราสาทตามลำ ดับ และทรงสู่ขอพระนาง พิมพาหรือ รื ยโสธรา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะและพระนา งอมิตา แห่งเทวทหะนคร ในตระกูลโกลิยวงค์ ให้อภิเษกด้วย
การออกบรรพชา พระองค์ได้เคยสด็จประพาสอุทยาน ได้ทอดพระเนตรเทวทูตทั้ง ทั้ ๔ คือคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต พระองค์จึงสังเวชพระทัย ในชีวิต วิ และพอพระทัยในเพศบรรพิต มีพระทัยแน่วแน่ที่จทรงออก ผนวช เพื่อแสวงหาโมกขธรรมอันเป็น ป็ ทางดับทุกข์ถาวรพ้นจาก วัฏสงสารไม่กลับมาเวีย วี นว่า ว่ ยตายเกิดอีก พระองค์จึงตัดสินพระทัย เสด็จออกทรงผนวช โดยพระองค์ทรงม้ากัณฐกะ พร้อมด้วยนาย ฉันนะ มุ่งสู่แม่น้ำ อโนมานที แคว้น ว้ มัลละ รวมระยะทาง ๓๐ โยชน์ (ประมาณ ๔๘๐ กิโลเมตร )
การเข้า ข้ศึก ศึ ษาในสำ นัก นั ดาบส ภายหลังที่ทรงผนวชแล้ว พระองค์ได้ประทับอยู่ ณ อนุปิย ปิ อัมพวัน แคว้น ว้ มัลละเป็น ป็ เวลา ๗ วัน จากนั้น นั้ จึงเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ แคว้น ว้ มคธ พระเจ้าพิมพิสารได้เสด็จมาเฝ้า ฝ้ พระองค์ ณ เงื้อมเขา ปัณ ปั ฑวะ ได้ทรงเห็นพระจริย ริ าวัตรอันงดงามของพระองค์ก็ทรง เลื่อมใส และทรงทราบว่า ว่ พระสมณสิทธัตถะทรงเห็นโทษในกาม เห็นทางออกบวชว่า ว่ เป็น ป็ ทางอันเกษม จะจาริก ริไปเพื่อบำ เพ็ญเพียร และทรงยินดีในการบำ เพ็ญเพียรนั้น นั้
บำ เพ็ญทุก ทุ รกิริ กิ ย ริ า เมื่อพระองค์ทรงหันมาศึกษาค้นคว้า ว้ ด้วยพระปัญ ปั ญาอันยิ่งด้วย พระองค์เองแทนการศึกษาเล่าเรีย รี นในสำ นักอาจารย์ ณ ทิวเขาดงค สิริ ใกล้ลุ่มแม่น้ำ เนรัญชรานั้น นั้ พระองค์ได้ทรงบำ เพ็ญทุกรกิริย ริ า คือการบำ เพ็ญอย่างยิ่งยวดในลักษณะต่างๆเช่น การอดพระ กระยาหาร การทรมานพระวรกายโดยการกลั้น ลั้ พระอัสสาสะ พระ ปัสปั สาสะ ( ลมหายใจ ) การกดพระทนต์ การกดพระตาลุ ( เพดาน) ด้วยพระชิวหา (ลิ้น) เป็น ป็ ต้น และเมื่อพระมหาบุรุษเลิกล้มการ บำ เพ็ญทุกรกิริย ริ า ปัญ ปั จัคคีย์ก็ได้ชวนกันละทิ้งพระองค์ไปอยู่ ณ ป่า ป่ อิสิปตนมฤคทายวัน นครพาราณสี เป็น ป็ ผลให้พระองค์ได้ประทับ อยู่ตามลำ พังในที่อันสงบเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวนทั้ง ทั้ ปวง พระองค์ได้ทรงตั้ง ตั้ พระสติดำ เนินทางสายกลาง คือการปฏิบัติใน ความพอเหมาะพอควร
การตรัสรั รู้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เวลารุ่งอรุณ ในวันเพ็ญเดือน ๖ ( เดือนวิส วิ าขะ) ปี ระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี นางสุชาดาได้นำ ข้าวมธุปายาสเพื่อไป บวงสรวงเทวดา ครั้นเห็นพระมหาบุรุษประทับที่โคนต้นอชปาลนิโครธ (ต้นไทร)ด้วยอาการอันสงบ นางคิดว่า ว่ เป็น ป็ เทวดา จึงถวายข้าวมธุปายาส แล้วพระองค์เสด็จไปสู่ท่าสุปดิษฐ์ริม ริฝั่ง ฝั่ แม่น้ำ เนรัญชรา ทรงวางถาดทองคำ บรรจุข้าวมธุปายาสแล้วลงสรงสนานชำ ระล้างพระวรกาย แล้วทรงผ้า กาสาวพัสตร์อันเป็น ป็ ธงชัยของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลัง จากเสวยแล้วพระองค์ทรงจับถาดทองคำ ขึ้นมาอธิษฐานว่า ว่ “ ถ้าเราจัก สามารถตรัสรู้ได้ในวันนี้ ก็ขอให้ถาดทองคำ ใบนี้จงลอยทวนกระแสน้ำ ไป แต่ถ้ามิได้เป็น ป็ ดังนั้น นั้ ก็ขอให้ถาดทองคำ ใบนี้จงลอยไปตามกระแสน้ำ เถิด “ แล้วทรงปล่อยถาดทองคำ ลงไปในแม่น้ำ พระองค์ทรงตรัสรู้ในวันเพ็ญเดือน ๖ ปีร ปี ะกา ขณะพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา นับแต่วันที่สด็จออกผนวชจนถึง วันตรัสรู้ธรรม รวมเป็น ป็ เวลา ๖ ปี พระธรรมอันประเสริฐ ริ ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น นั้ คือ อริย ริ สัจ ๔ ( ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค )
ประกาศพระศาสนาครั้ง รั้ แรก ทรงแสดงปฐมเทศนา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ( เดือนอา สาฬหะ) เรีย รี กว่า ว่ ธรรมจักกัปปวัตตนสูตร ในขณะที่ทรง แสดงธรรม ท่านปัญ ปั ญาโกณฑัณญะได้ธรรมจักษุ คือบรรลุ พระโสดาบัน ได้ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินั วินั ย ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรีย รี กการบวชครั้งนี้ว่า ว่ “ เอหิ ภิกขุอุปสัมปทา ” พระอัญญาโกณฑัญญะจึงเป็น ป็ พระภิกษุ รูปแรกในพระพุทธศาสนา
ปรินิ ริ พ นิ าน ในครานั้น นั้ พระองค์ทรงมีปัจ ปั ฉิมโอวาทว่า ว่ "ดูก่อนภิกษุทั้ง ทั้ หลาย เราขอบอกเธอทั้ง ทั้ หลาย สังขารทั้ง ทั้ ปวงมีความเสื่อม สลายไปเป็น ป็ ธรรมดา พวกเธอจึงทำ ประโยชน์ตนเอง และ ประโยชน์ของผู้อื่นให้สมบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" (อปปมาเทน สมปาเทต) จากนั้น นั้ ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิ รินิ พพาน ใต้ต้นสาละ ณ สาลวโนทยาน ของเหล่ามัลลกษัตริย์ ริย์ เมืองกุสินารา แคว้น ว้ มัลละ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 รวมพระชนม์ 80 พรรษา และวันนี้ถือเป็น ป็ การเริ่ม ริ่ ต้นของพุทธศักราช
1. นาย ธนพล เพ็ญ พ็ จำ รัสรั เลขที่ 31 2. นางสาวถาวรีย์ รี ย์ กาญจนะแก้ว ก้ เลขที่2ที่ 6 3. นางสาวณัฐณั ริก ริ า เพชรโรจน์ เลขที่ 11 4.นาย ธัร ธั ภัท ภั ร สกุล กุ ตัน ตั เลขที่2ที่ 3 สมาชิก ชิ ในกลุ่มลุ่