47
7) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
ของ
Professional Learning Board ชดั เจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
ของ Professional Learning Board กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้
แบบช้ีนาตนเองวา่ อยา่ งไร ?
8) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
ของ
Wabisabi Learning ชดั เจนดีแล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ลว้ [ ] ยังไม่ชัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
ของ Wabisabi Learning กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนา
ตนเอง ว่าอย่างไร ?
9) ทา่ นเขา้ ใจแนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนร้แู บบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Nicora
ชัดเจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ ีกครัง้ แลว้ ตอบคาถามในใจ Nicora
กล่าวถงึ แนวทางการพัฒนาของทกั ษะการเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเอง ว่าอย่างไร ?
10) ท่านเข้าใจแนวทางการพฒั นาของทกั ษะการเรียนร้แู บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Ark
ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดพี อ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อีกคร้งั แล้วตอบคาถามในใจว่า Ark
กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทกั ษะการเรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ว่าอย่างไร ?
11) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
ของ
Design Your Homeschool ชัดเจนดแี ลว้ หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
ของ Design Your Homeschool กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบ
ชนี้ าตนเอง วา่ อย่างไร ?
48
หมายเหตุ หากต้องการศึกษารายละเอียดของแต่ละทัศนะจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ โปรด
“Ctrl & Click” เวบ็ ไซต์ของแตล่ ะแหล่งได้ ดังนี้
1) Impact Teacher: https://bit.ly/2PMy160
2) Briggs: https://bit.ly/2YhITMr
3) Centre for Teaching Excellence : https://bit.ly/2Gp2Yf3
4) Weimer: https://bit.ly/2NWM3VQ
5) Cobb: https://bit.ly/2u8skqw
6) Dickinson: https://bigthink.com/personal-growth/self-directed-learning
7) Professional Learning Board: https://bit.ly/2ME5QqE
8) Wabisabi Learning: https://bit.ly/2YI4UUO
9) Nicora: https://bit.ly/31hZTnq
10) Ark: https://bit.ly/2MEEXD2
11) Design Your Homeschool: https://bit.ly/2ZwHzq7
เอกสารอ้างอิง
Ark, T, V. (2016). Developing self-directed learners. Retrieved August 5, 2019, from
https://bit.ly/2MEEXD2
Briggs, S. (2015). 20 Steps towards more self-directed learning. Retrieved July 26,
2019, from https://bit.ly/2YhITMr
Centre for Teaching Excellence/. (n.d.). Self-directed learning: A four-step process.
Retrieved July 29, 2019, from https://bit.ly/2Gp2Yf3
Cobb, J. (2019). 15 Ways of the successful self-directed learner. Retrieved August 4,
2019, from https://bit.ly/2u8skqw
Design Your Homeschool. (2006). Encouraging self-directed learning in a homeschool
setting. Retrieved August 5, 2019, from https://bit.ly/2ZwHzq7
Dickinson, K. (2018). 7 Habits of the best self-directed learners. Retrieved August 5,
2019, from https://bigthink.com/personal-growth/self-directed-learning
Impact Teacher. (2016). Promoting self-directed learners in classrooms. Retrieved
July 25, 2019, from https://bit.ly/2PMy160
Nicora, R. (2019). Four simple ways to encourage self-directed learning. Retrieved
August 5, 2019, from https://bit.ly/31hZTnq
Professional Learning Board. (2019). Encouraging self-directed learning in classrooms.
Retrieved August 5, 2019, from https://bit.ly/2ME5QqE
Wabisabi Learning. (2018). How to encourage self-directed learning practices in
students. Retrieved August 5, 2019, from https://bit.ly/2YI4UUO
Weimer, M. (2010). Developing students’ self-directed learning skills. Retrieved August
3, 2019, from https://bit.ly/2NWM3VQ
49
คมู่ อื ชดุ ที่ 5
ทศั นะเกี่ยวกับข้ันตอนการพฒั นาของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง
พระปลดั เลก็ อานนฺโท (ทองแสน)
ดษุ ฎบี ณั ฑิตสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
มหาวิทยาลัยมหามกฎุ ราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตอสี าน
ปี พ.ศ. 2564
50
คมู่ อื ชดุ ที่ 5
ทศั นะเก่ยี วกับขั้นตอนการพัฒนาของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้
หลังจากการศึกษาคู่มือชุดน้ีแล้ว ท่านมีพัฒนาการด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
ซ่ึงเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมท่ี
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดข้ันต่ากว่าไปหาทักษะการคิดข้ันสูงกว่า ดังนี้ คือ
ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยกุ ต์ใช้ (Applying) การวิเคราะห์
(Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating) ดังนี้
1) บอกคณุ สมบัติ จบั คู่ เขยี นลาดบั อธบิ าย บรรยาย ขดี เส้นใต้ จาแนก หรอื ระบุข้ันตอน
การพัฒนาของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเองได้
2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตวั อย่าง บอกความแตกต่าง หรอื
เรยี บเรียงข้ันตอนการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเองได้
3) แก้ปัญหา สาธติ ทานาย เช่อื มโยง ความสมั พนั ธ์ เปลี่ยนแปลง คานวณ หรือปรบั ปรุง
ขั้นตอนการพัฒนาของทกั ษะการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเองได้
4) แยกแยะ จดั ประเภท จาแนกใหเ้ หน็ ความแตกตา่ ง หรือบอกเหตุผลขั้นตอนการพัฒนา
ของทกั ษะการเรียนรูแ้ บบช้นี าตนเองได้
5) วดั ผล เปรียบเทียบ ตคี ่า ลงความเหน็ วจิ ารณ์ขน้ั ตอนการพฒั นาของทักษะการเรียนรู้
แบบชนี้ าตนเองได้
6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบยี บ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการขั้นตอนการพฒั นา
ของทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเองได้
โดยมีทัศนะเก่ียวกบั ขั้นตอนการพฒั นาของทักษะการเรยี นรูแ้ บบชี้นาตนเองของแหล่ง
อ้างอิงทางวิชาการต่างๆ ดังนี้
1) ขน้ั ตอนการพัฒนาของทกั ษะการเรียนร้แู บบชีน้ าตนเอง ตามทัศนะของ Harvey
2) ขั้นตอนการพฒั นาของทักษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Bull
3) ขัน้ ตอนการพัฒนาของทกั ษะการเรียนร้แู บบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Dobbs
51
คาชแ้ี จง
1) โปรดศึกษาเน้ือหาเก่ียวกับข้ันตอนการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จาก
ทัศนะที่นามากล่าวถึงแต่ละทัศนะ โดยแต่ละทัศนะท่านจะต้องทาความเข้าใจท่ีสามารถ
อธิบายกับตัวเองไดว้ ่า เขากล่าวถึงขั้นตอนการพฒั นาว่าอย่างไร
2) หลังจากการศึกษาเน้ือหาแต่ละทัศนะแล้ว โปรดทบทวนความร้คู วามเข้าใจของท่านอีกครั้ง
จากแบบประเมนิ ผลตนเองในตอนท้ายของค่มู ือ
3) เน้ือหาเก่ียวกับขน้ั ตอนการพัฒนาของทักษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง จากทัศนะท่ีนามา
กล่าวถึงแต่ละทัศนะมีแหล่งอ้างอิงตามท่ีแสดงไว้ในตอนท้ายหลังแบบประเมินผลตนเอง
หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่านั้น ซ่ึงต้นฉบับเป็นบทความ
ภาษาอังกฤษ ทา่ นสามารถจะสบื คน้ ตอ่ ไดจ้ ากเว็บไซต์ท่รี ะบุไวใ้ นแหล่งอา้ งองิ นั้น ๆ
1. Harvey กลา่ วถึงข้นั ตอนการพฒั นาของทักษะการเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง ดงั น้ี
1) การประเมินความพร้อมในการเรยี นรู้ (Assess Readiness to Learn)
2) การตัง้ เป้าหมายการเรยี นรู้ (Set Learning Goals)
3) การมีส่วนร่วมในกระบวนการการเรยี นรู้ (Engage in the Learning Process)
4) การประเมินการเรยี นรู้ (Evaluate Learning)
โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจข้นั ตอนการพฒั นาของ
ทักษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทศั นะของ Harvey วา่ อยา่ งไร ?
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
2. Bull กล่าวถงึ ขน้ั ตอนการพัฒนาของทักษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง ดังน้ี
1) ตัดสินใจเลือกในสิ่งท่ีคุณอยากทาในโปรเจค (Decide what you want to do
for your project)
2) พฒั นาแผนการในการทาโปรเจค (Develop a plan for how to do it.)
3) กาหนดความช่วยเหลือท่ีคุณจาเป็นในการทาโปรเจคแต่ละส่วน (Determine
what help you need to do each part)
4) ออกแบบวิธีท่ีใช้ในการบันทึกความก้าวหน้าของคุณ (Design a means of
documenting your progress)
5) เผยแพร่ (แบ่งปัน) ส่ิงที่คุณได้ทาละเรียนรู้ระหว่างทาง (Disseminate (share)
what you did and what you learned along the way)
52
โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจข้ันตอนการพฒั นาของ
ทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ Bull ว่าอยา่ งไร ?
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
3. Dobbs กล่าวถึงขัน้ ตอนการพัฒนาของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเอง ดังนี้
1) เข้าใจในแรงบันดาลใจของคณุ เอง (Understand Your Motivation)
2) มีความชัดเจนและฉลาด (S.M.A.R.T.) ด้านส่ิงท่ีคุณวางแผนจะเรียนรู้ (Be clear &
S.M.A.R.T. About What You are Planning to Learn)
3) บริหารเวลาของคุณและติดตามการเรียนรู้ของคุณ (Get Organised with Your Time
& Tracking Your Learning)
4) สร้างเง่ือนไขในการเรียนรู้ของคุณ ให้ผู้อ่ืนมีส่วนร่วมกับความมุ่งม่ันของคุณด้วย (Make
a Public Commitment to Your Learning & Buddy up)
5) ประยุกต์ใช้สิ่งที่คุณกาลังเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริง (Apply What You are Learning in
Real-World Projects)
โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจข้ันตอนการพัฒนาของ
ทกั ษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทัศนะของ Dobbsว่าอย่างไร ?
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
…….………………………………………………………………………….............................
53
แบบประเมินตนเอง
1) ท่านเข้าใจข้ันตอนการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Harvey
ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า Harvey
กล่าวถงึ ขัน้ ตอนการพัฒนาของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชีน้ าตนเอง ว่าอยา่ งไร ?
2) ท่านเข้าใจข้นั ตอนการพัฒนาของทักษะการเรียนรูแ้ บบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Bull
ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไม่ชดั เจนดพี อ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อกี ครั้ง แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Bull
กล่าวถงึ ขั้นตอนการพฒั นาของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเอง ว่าอย่างไร ?
3) ท่านเขา้ ใจข้นั ตอนการพฒั นาของทักษะการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Dobbs
ชัดเจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดพี อ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี ครั้ง แล้วตอบคาถามในใจวา่ Dobbs
กลา่ วถึงขั้นตอนการพัฒนาของทักษะการเรียนรูแ้ บบช้นี าตนเอง วา่ อย่างไร ?
หมายเหตุ
หากต้องการศึกษารายละเอยี ดของแตล่ ะทัศนะจากตน้ ฉบบั ที่เป็นภาษาองั กฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เวบ็ ไซต์ของแต่ละแหล่งได้ ดังน้ี
1) Harvey: https://bit.ly/3j74rpy
2) Bull: https://bit.ly/3hneUNg
3) Dobbs: https://bit.ly/3goTYrx
เอกสารอา้ งอิง
Bull, B. (2013). 5 Simple Steps to Developing a Self-Determined Learning Plan.
Retrieved August 25, 2013, from https://bit.ly/3hneUNg
Dobbs, R. (2017). 5 Step DIY Self-Directed Learning Plan. Retrieved August 25, 2013,
from https://bit.ly/31qJMH9
Harvey, A. (2019). Self-Directed Learning – The Steps to Successful Outcomes.
Retrieved August 24, 2019, from https://bit.ly/3j74rpy
54
คูม่ อื ชุดท่ี 6
ทัศนะเก่ียวกบั การประเมินทกั ษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง
พระปลัดเลก็ อานนโฺ ท (ทองแสน)
ดษุ ฎีบัณฑิตสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
มหาวทิ ยาลัยมหามกุฎราชวทิ ยาลัย วทิ ยาเขตอสี าน
ปี พ.ศ. 2564
55
คู่มือชุดที่ 6
ทศั นะเกยี่ วกับการประเมินทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง
วตั ถุประสงค์การเรียนรู้
หลังจากการศึกษาคู่มือชดุ น้ีแล้ว ทา่ นมพี ัฒนาการด้านพุทธพิ สิ ัย (Cognitive Domain) ซง่ึ
เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่ีเก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตน้ีออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมที่
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ากว่าไปหาทักษะการคิดขั้นสูงกว่า ดังน้ี คือ
ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยกุ ต์ใช้ (Applying) การวเิ คราะห์
(Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสรา้ งสรรค์ (Creating) ดงั น้ี
1) บอกคณุ สมบัติ จับคู่ เขยี นลาดบั อธิบาย บรรยาย ขดี เส้นใต้ จาแนก หรอื ระบุการ
ประเมินผลสาเร็จของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเองได้
2) แปลความหมาย อธบิ าย ขยายความ สรปุ ความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรยี บเรียงการประเมนิ ผลสาเร็จของทักษะการเรียนรูแ้ บบชี้นาตนเองได้
3) แกป้ ญั หา สาธติ ทานาย เช่อื มโยง ความสัมพนั ธ์ เปลีย่ นแปลง คานวณ หรอื ปรบั ปรุง
การประเมนิ ผลสาเร็จของทักษะการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเองได้
4) แยกแยะ จดั ประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง หรือบอกเหตผุ ลการประเมินผล
สาเร็จของทักษะการเรียนร้แู บบช้ีนาตนเองได้
5) วัดผล เปรียบเทยี บ ตีคา่ ลงความเห็น วจิ ารณ์การประเมินผลสาเรจ็ ของทักษะการ
เรยี นรูแ้ บบชน้ี าตนเองได้
6) รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สรา้ ง ประดษิ ฐ์ หรือวางหลกั การการประเมนิ ผลสาเร็จ
ของทกั ษะการเรยี นรูแ้ บบชน้ี าตนเองได้
โดยมีทศั นะเกี่ยวกับการประเมินผลสาเร็จของทักษะการเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเองของแหลง่
อ้างองิ ทางวชิ าการตา่ งๆ ดังนี้
1) การประเมนิ ของทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Williamson
and Seewoodhary
2) การประเมินของทักษะการเรียนร้แู บบชนี้ าตนเอง ตามทัศนะของ Rodney
3) การประเมินของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Khiat
56
คาช้ีแจง
1) โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับการประเมินของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จากทัศนะท่ี
นามากลา่ วถงึ แตล่ ะทัศนะ โดยแตล่ ะทัศนะทา่ นจะต้องทาความเข้าใจท่ีสามารถอธิบายกับ
ตวั เองได้วา่ เขากลา่ วถงึ การประเมินว่าอยา่ งไร
2) หลังจากการศึกษาเนอ้ื หาแต่ละทัศนะแล้ว โปรดทบทวนความรู้ความเข้าใจของท่านอีกครั้ง
จากแบบประเมินผลตนเองในตอนทา้ ยของคมู่ ือ
3) เนื้อหาเก่ียวกับการประเมินของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จากทัศนะที่นามา
กล่าวถึงแต่ละทัศนะมีแหล่งอ้างอิงตามที่แสดงไว้ในตอนท้ายหลังแบบประเมินผลตนเอง
หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่านั้น ซึ่งต้นฉบับเป็นบทความ
ภาษาองั กฤษ ท่านสามารถจะสบื คน้ ตอ่ ได้จากเว็บไซต์ท่รี ะบุไว้ในแหลง่ อ้างอิงน้ัน ๆ
1. Williamson and Seewoodhary กลา่ วถึงเครื่องมือวัดระดบั การประเมินตนเองด้านการ
เรียนรู้แบบนาตนเอง (Self-Rating Scale for Self-Directed Learning: SRSSDL tool) ในบทความ
วิ จั ย ท่ี มี ช่ื อ ว่ า Student Evaluation of the Usefulness of the Self-rating Scale of Self-
directed Learning tool in the FdSc in Health and Social Care Course (การประเมินผู้เรียน
ด้านประโยชน์ของการประเมินตนเองเก่ียวกับเครื่องมือสาหรับการเรียนรู้แบบนาตนเอง โดย FdSc
ใ น ค อ ร์ ส ก า ร ดู แ ล สุ ข ภ า พ แ ล ะ สั ง ค ม ) ซึ่ ง ตี พิ ม พ์ ใ น ว า ร ส า ร Journal of Healthcare
Communications ปี ค.ศ.2007 ดงั น้ี
ตอนที่ 1 ทดสอบการตระหนักรู้ (Awareness)
1) ฉนั สามารถระบุความต้องการในการเรียนรู้อะไร (I identify my own learning needs)
2) ฉนั สามารถเลอื กวิธีการเรียนรู้ท่ดี ีท่สี ุดให้กับตัวเองได้ (I am able to select the best
method for my own learning)
3) ฉันคิดว่าครคู ือผ้อู านวยความสะดวกในการเรียนรู้มากกว่าเปน็ เพียงผู้ให้ข้อมลู (I
consider teachers as facilitators of learning rather than providing
information only)
4) ฉนั เปน็ คนที่อพั เดทแหลง่ เรยี นรใู้ หม่ๆ เสมอ (I keep up to date on different
learning resources available)
5) ฉันรบั ผดิ ชอบการเรียนรดู้ ว้ ยตัวเอง (I am responsible for my own learning)
6) ฉันสามารถท่ีจะบอกไดว้ ่าสว่ นใดทข่ี าดหายไป (I am responsible for identifying my
areas of deficit)
7) ฉนั สามารถรกั ษาแรงจูงใจของตนเองไวไ้ ด้ (I am able to maintain self-motivation)
8) ฉันสามารถวางแผนและต้ังเป้าหมายการเรยี นร้ขู องตัวเองได้ (I am able to plan and
set my learning goals)
57
9) เวลาท่ีทางานติดต่อกนั เป็นเวลานาน ฉนั จะมีชว่ งเวลาพกั ผ่อนบ้าง (I have a break
during long periods of work)
10) ฉันมักจะแยกกจิ วตั รการเรียนรู้ของฉนั ออกจากกจิ วตั รอืน่ ๆ (I need to keep my
learning routine separate from my other commitments)
11) ฉันมักจะนาประสบการณ์ที่ผ่านมามาประยุกต์เขา้ กบั ขอ้ มลู ใหม่ ๆ เสมอ (I relate my
experience with new information)
12) ฉนั รูส้ ึกว่าฉนั กาลังเรยี นรดู้ ้วยตัวเองแม้ไม่ไดร้ บั คาแนะนาใด ๆ จากผู้สอน (I feel that I
am learning despite not being instructed by a lecturer)
13) อ่นื ๆ (Any other:)
ตอนท่ี 2 ทดสอบกลยทุ ธ์ในการเรยี นรู้ (Learning Strategies)
1) ฉันมักจะมสี ว่ นรว่ มในการอภปิ รายภายในกลุ่มเสมอ (I participate in group
discussions)
2) ฉันพบวา่ การทีเ่ พื่อนเป็นโคช้ น้ันเป็นอะไรท่มี ีประสทิ ธิภาพ (I find peer coaching
effective)
3) ฉนั พบวา่ การ “การสวมบทบาท” เป็นวิธที มี่ ปี ระโยชน์สาหรบั การเรียนรูท้ ีซ่ ับซ้อน (I find
‘role play’ is a useful method for complex learning)
4) ฉนั พบวา่ การมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นการสอนนัน้ มีประสิทธภิ าพมากกวา่ การนัง่ ฟังบรรยาย
(I find inter-active teaching-learning sessions more effective than just
listening to Lectures)
5) ฉันพบว่าการจาลองภาพในการเรยี นการสอนนน้ั มีประโยชน์ (I find simulation in
teaching-learning useful)
6) ฉนั พบวา่ การเรยี นรูจ้ ากกรณีตัวอยา่ งนั้นมปี ระโยชน์ (I find learning from case
studies useful)
7) แรงผลกั ดันภายในใจนาฉันไปสู่การพัฒนาและปรบั ปรุงการเรยี นรู้ของฉันให้ดียิง่ ขน้ึ (My
inner drive directs me towards further development and improvement in
my learning)
8) สาหรับฉันแล้วปญั หาถอื เปน็ ความท้าทาย (I regard problems as challenges)
9) ฉนั จัดกจิ วัตรการเรียนรูด้ ้วยตนเองในลกั ษณะทเ่ี ปน็ แนวทางในการชว่ ยพัฒนาวฒั นธรรม
การเรียนร้ถู าวรในชีวติ (I arrange my self-learning routine in such a way that it
helps develop a permanent learning culture in my life)
10) ฉนั พบว่าแผนผงั มโนทัศน์เป็นวธิ ีการเรยี นรทู้ มี่ ีประสิทธภิ าพ (I find concept mapping
is an effective method of learning)
58
11) ฉนั พบว่าเทคโนโลยกี ารศึกษาทที่ ันสมัยชว่ ยปรบั ปรุงกระบวนการเรยี นร้ขู องฉันใหด้ ีย่ิงข้นึ
(I find modern educational interactive technology enhances my learning
process)
12) ฉันสามารถเลอื กกลยุทธก์ ารเรยี นรขู้ องตวั เองได้ (I am able to decide my own
learning strategy)
13) อน่ื ๆ (Any other:)
ตอนท่ี 3 ทดสอบกจิ กรรมการเรยี นรู้ (Learning Activities)
1) ฉันทอ่ งจาและทบทวนบทเรยี นใหม่เสมอ (I rehearse and revise new lessons)
2) ฉันระบุประเดน็ สาคัญเมือ่ อา่ นบทเรยี นหรอื บทความ (I identify the important
points when reading a chapter or an article)
3) ฉันใชก้ ารทาแผนผงั มโนทัศน/์ การเขียนโครงรา่ งซ่งึ เป็นวธิ ีท่ีมปี ระโยชนใ์ นการทาความ
เขา้ ใจข้อมลู ท่หี ลากหลาย (I use concept mapping/outlining as a useful method
of comprehending a wide range of information)
4) ฉันสามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (I am able to use
information technology effectively)
5) ฉนั ใชส้ มาธิมากข้นึ และเพ่งความสนใจมากขน้ึ เม่ืออ่านเน้ือหาท่ีมีความซับซอ้ น (My
concentration intensifies and I become more attentive when I read a
complex study content)
6) ฉนั จดบันทึกทม่ี คี าอธิบายประกอบหรอื ทาสรปุ ความคิด การสะท้อนและการเรียนรู้ใหม่
ท้ังหมดของฉัน (I keep annotated notes or a summary of all my ideas,
reflections and new learning)
7) ฉันเพลิดเพลนิ ไปกับการค้นหาข้อมูลที่นอกเหนอื จากวตั ถุประสงค์ที่กาหนดไว้ของ
หลักสูตร (I enjoy exploring information beyond the prescribed course
objectives)
8) ฉนั สามารถเชอ่ื มโยงความรูก้ ับการลงมือปฏิบตั ิได้ (I am able to relate knowledge
with practice)
9) ฉนั ตง้ั คาถามทเ่ี ก่ียวข้องในการเรยี นการสอน (I raise relevant question(s) in
teaching-learning sessions)
10) ฉนั สามารถวเิ คราะหแ์ ละสะท้อนความคิด ข้อมูล หรือประสบการณ์การเรยี นรู้ใหม่ๆ
อย่างมีวจิ ารณญาณได้ (I am able to analyze and critically reflect on new
ideas, information or any learning experiences)
11) ฉนั เปดิ ใจใหก้ ับความเหน็ ของผูอ้ ่ืนเสมอ (I keep an open mind to others’ point of
view)
59
12) ฉนั ชอบท่ีจะหยุดพักระหว่างการเรียนแตล่ ะครงั้ (I prefer to take any break in
between any learning task)
13) อ่ืน ๆ (Any other:)
ตอนท่ี 4 ทดสอบการประเมินผล (Evaluation)
1) ฉันประเมนิ ตนเองก่อนได้รับคาติชมจากผู้สอน (I self-assess before I get feedback
from instructors)
2) ฉนั ระบปุ ระเดน็ สาหรับการนาไปพฒั นาต่อไปเมื่อไรก็ตามที่ฉนั จบบทเรียนแลว้ (I
identify the areas for further development in whatever I have
accomplished)
3) ฉนั สามารถตดิ ตามความคบื หนา้ การเรียนรขู้ องฉัน (I am able to monitor my
learning progress)
4) ฉันสามารถระบจุ ดุ แข็งหรอื จุดอ่อนของตัวเองได้ (I am able to identify my areas of
strength and weakness)
5) ฉันรูส้ ึกขอบคุณเม่ืองานของฉันสามารถนาไปใช้ทบทวนและตรวจสอบข้อมลู ได้ (I
appreciate when my work can be peer reviewed)
6) ฉันพบว่าท้งั ความสาเร็จและความลม้ เหลวนั้นล้วนเป็นแรงบนั ดาลใจใหฉ้ ันเรียนรมู้ ากขึ้น(I
find both success and failure inspire me to further learning)
7) ฉนั ให้ความสาคัญกับการวจิ ารณเ์ พราะสามารถนาไปปรับปรุงการเรยี นรขู้ องฉนั ได้ (I
value criticism as the basis of bringing improvement to my learning)
8) ฉนั ตรวจสอบตนเองเสมอไม่ว่าจะบรรลุเปา้ หมายการเรยี นรู้หรอื ไม่ (I monitor whether
I have accomplished my learning goals)
9) ฉนั ตรวจสอบแฟ้มผลงานของฉันเพื่อติดตามความคืบหน้าการเรียนรู้ (I check my
portfolio to review my progress)
10) ฉันทบทวนและสะท้อนกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ ของฉัน (I review and reflect on my
learning activities)
11) ฉนั พบการเรยี นรใู้ หม่ ๆ ทที่ ้าทาย (I find new learning challenging)
12) ฉนั ได้แรงบันดาลใจจากความสาเร็จของผูอ้ ื่น (I am inspired by others’ success)
13) อน่ื ๆ (Any other:)
ตอนท่ี 5 ทดสอบทกั ษะการติดตอ่ สื่อสารระหว่างบคุ คล (Interpersonal Skills)
1. ฉันตั้งใจเรยี นร้เู พ่ิมเติมเกยี่ วกับวัฒนธรรมและภาษาอนื่ ๆ ทีฉ่ นั พบบ่อย (I intend to
learn more about other cultures and languages I am frequently exposed
to)
60
2. ฉนั สามารถระบุบทบาทของฉันภายในกลุ่มได้ (I am able to identify my role within
a group)
3. การมีปฏิสัมพนั ธ์กับผอู้ นื่ ชว่ ยใหฉ้ ันพัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซง้ึ ในการวางแผนเพื่อการ
เรียนรเู้ พ่ิมเติม (My interaction with others helps me to develop the insight
to plan for further learning)
4. ฉันใชป้ ระโยชน์จากทุกโอกาสท่มี ี (I make use of any opportunities I come
across)
5. ฉันจาเป็นตอ้ งแบง่ ปนั ข้อมูลกับผ้อู ืน่ (I need to share information with others)
6. ฉันรักษาความสัมพันธ์อันดกี ับบุคคลอนื่ (I maintain good inter-personal
relationships with others)
7. ฉันพบว่าการทางานกบั ผู้อ่นื เป็นเรอ่ื งงา่ ย (I find it easy to work in collaboration
with others)
8. ฉนั มักประสบความสาเร็จในการสือ่ สารด้วยวาจา (I am successful in
communicating verbally)
9. ฉันสามารถบอกไดว้ ่าการเชื่อมโยงแบบสหวิทยาการเป็นส่งิ ทีจ่ าเปน็ เพ่ือรกั ษาความ
กลมกลนื ทางสังคม (I identify the need for inter-disciplinary links for
maintaining social harmony)
10. ฉนั สามารถแสดงความคิดผา่ นการเขียนไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (I am able to express
my ideas effectively in writing)
11. ฉันสามารถแสดงความคิดเห็นไดอ้ ยา่ งอิสระ (I am able to express my views
freely)
12. ฉันพบวา่ มันท้าทายทจี่ ะพยายามเรียนรใู้ นสภาพแวดลอ้ มท่ีหลากหลาย (I find it
challenging to pursue learning in a culturally diverse milieu)
13. อน่ื ๆ (Any other:)
โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจการประเมินของทกั ษะการ
เรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Williamson and
Seewoodhary วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
61
2. Rodney ได้นาเสนอเคร่ืองมือวัดระดับการประเมินตนเองด้านการเรียนรู้แบบนาตนเอง
( Self-Rating Scale for Self-Directed Learning: SRSSDL tool) ใ น บ ท ค ว า ม วิ จั ย ที่ มี ช่ื อ ว่ า
Evaluating the self-directed learning readiness of engineering undergraduates : a
necessary precursor to project-based learning (การประเมินความพร้อมของการเรียนรู้แบบ
นาตนเองของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ในระดับปริญญาตรี: สื่อท่ีจาเป็นต่อการเรียนรู้ด้วย
โ ค ร ง ง า น ) ซึ่ ง ตี พิ ม พ์ ใ น ว า ร ส า ร World Transactions on Engineering and Technology
Education ปีท่ี 6 ฉบับที่ 1 ปี ค.ศ. 2007 มีคาอธบิ ายและข้อคาถามดงั น้ี
ตอนที่ 1 ทดสอบการจัดการตนเอง (Self-management)
1) ฉันจดั การเวลาไดเ้ ป็นอย่างดี (I manage my time well)
2) ฉนั มวี นิ ัยในตนเอง (I am self-disciplined)
3) ฉันเปน็ คนมรี ะเบยี บ (I am organized)
4) ฉนั ตั้งกรอบเวลาไวอ้ ย่างเขม้ งวด (I set strict timeframes)
5) ฉันมีทกั ษะการจดั การทดี่ ี (I have good management skills)
6) ฉนั เปน็ คนดาเนินตามแบบแผน (I am methodical)
7) ฉนั เรยี นรูอ้ ยา่ งมีระบบ (I am systematic in my learning)
8) ฉันตง้ั เวลาสาหรับการเรยี นโดยเฉพาะ (I set specific times for my study)
9) ฉนั แก้ไขปญั หาโดยการวางแผน (I solve problems using a plan)
10) ฉนั ลาดับความสาคัญการทางานของฉนั (I prioritize my work)
11) ฉนั สามารถเช่ือถือไดใ้ นการเรียนรู้ด้วยตวั เอง (I can be trusted to pursue my own
learning)
12) ฉันชอบท่ีจะวางแผนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (I prefer to plan my own learning)
13) ฉนั มน่ั ใจในความสามารถด้านการหาข้อมลู (am confident in my ability to search
out information)
ตอนที่ 2 ทดสอบความปรารถนาในการเรียนรู้ (Desire for learning)
1) ฉนั อยากเรียนรู้ข้อมูลใหม่ ๆ (I want to learn new information)
2) ฉันสนกุ กับการเรียนรขู้ ้อมูลใหมๆ่ (I enjoy learning new information)
3) ฉันมคี วามจาเป็นที่จะต้องเรียนรู้ (I have a need to learn)
4) ฉันสนุกกับความท้าทาย (enjoy a challenge)
5) ฉันสนกุ กบั การเรยี น (I enjoy studying)
6) ฉนั ประเมินค่าความคิดใหม่ ๆ อยา่ งจริงจงั (I critically evaluate new ideas)
7) ฉันชอบทจี่ ะรวบรวมขอ้ เทจ็ จรงิ ก่อนทาการตดั สินใจ (I like to gather facts before I
make a decision)
8) ฉนั ชอบที่จะประเมนิ สง่ิ ทฉ่ี นั ทา (I like to evaluate what I do)
9) ฉนั เปดิ รบั ความคิดใหม่ ๆ เสมอ (I am open to new ideas)
10) ฉนั เรียนรู้จากความผิดพลาด (I learn from my mistakes)
11) ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าทาไม (I need to know why)
62
12) เมือ่ ฉันประสบปญั หาที่ไมส่ ามารถแก้ไขได้ ฉนั จะขอความช่วยเหลอื (When presented
with a problem I cannot resolve I will ask for assistance)
ตอนที่ 3 ทดสอบการควบคุมตนเอง (Self-control)
1) ฉนั ชอบทจี่ ะตงั้ เป้าหมาย (I prefer to set my own goals)
2) ฉันชอบที่จะตัดสินใจด้วยตวั เอง (I like to make decisions for myself)
3) ฉันรับผิดชอบการตดั สินใจ/การกระทาของตวั เอง (I am responsible for my own
decisions/actions)
4) ฉันเป็นผ้คู วบคุมชวี ิตของตัวเอง (I am in control of my life)
5) ฉันมีมาตรฐานสว่ นบคุ คลสูง (I have high personal standards)
6) ฉนั ชอบตั้งเปา้ หมายการเรยี นรูข้ องตวั เอง (I prefer to set my own learning goals)
7) ฉันประเมินประสทิ ธิภาพของตัวเอง (I evaluate my own performance)
8) ฉนั มีเหตผุ ล (I am logical)
9) ฉันมคี วามรบั ผิดชอบ (I am responsible)
10) ฉันมีความคาดหวังในตวั เองสงู (I have high personal expectations)
11) ฉันสามารถมุ่งเน้นไปทป่ี ัญหา (I am able to focus on a problem)
12) ฉันรู้ขีดความสามารถของตัวเอง (I am aware of my limitations)
13) ฉันสามารถหาข้อมูลได้ดว้ ยตัวเอง (I can find out information for myself)
14) ฉนั เชอื่ ในความสามารถของตัวเองมาก (I have high beliefs in my abilities)
15) ฉันชอบทจ่ี ะกาหนดเกณฑข์ องตัวเองขนึ้ มาเพื่อประเมนิ ผลงานของฉันเอง (I prefer to
set my own criteria on which to evaluate my performance)
โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจการประเมินของทกั ษะการ
เรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Rodney วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
3. Khiat ไดน้ าเสนอเครื่องมือวัดระดบั การประเมินตนเองด้านการเรียนร้แู บบนาตนเอง (Self-
Rating Scale for Self-Directed Learning: SRSSDL tool) ในบทความวิจัยที่มีชื่อว่า การวัดระดับ
การเรียนรู้แบบนาตนเอง: เครื่องมือวิเคราะห์สาหรับผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่ (Measuring Self-Directed
Learning: A Diagnostic Tool for Adult Learners) ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of University
Teaching & Learning Practice ปีที่ 12 ฉบบั ที่ 2 ปี ค.ศ. 2015
1) ฉนั เห็นว่าการทางานของฉนั มีประโยชนแ์ ละการทางานมีการพฒั นา หลงั จากเข้าร่วม
หลกั สูตรนี้ (I can see the benefits for my work and/or personal
development from completing the program)
63
2) ในแต่ละข้ันของการเรยี นในหลักสตู รนี้ ฉนั ไม่ได้สนใจวา่ ฉนั เรยี นรสู้ าเร็จไปเทา่ ไหร่แลว้ (I
do not monitor how much I have achieved in terms of learning at each
stage of a course)
3) การเรียนในหลักสตู รนี้ ฉนั รดู้ ีวา่ ฉนั ตอ้ งการอะไร (I know what I want to achieve in
terms of learning from the program)
4) ฉันสญู เสยี สงิ่ ทฉ่ี นั ควรจะเรียนรู้ ตลอดระยะเวลาการเรียนในหลกั สตู ร (I am at a loss
as to what I should be learning over the duration of a course)
5) ฉันต้ังเป้าหมายวา่ ในแต่ละหลักสูตรทีเ่ ข้ารว่ ม ฉันจะต้องผ่านการทดสอบและผ่านการ
ประเมนิ (I set targets to achieve for assignments and examinations for
each course)
6) ฉันไมร่ วู้ ่าทาไมฉนั ถึงเลือกเรียนหลักสตู รน้ี (I do not know why I chose the
degree program I have enrolled in)
7) ฉนั หาเวลาว่างเพือ่ ศกึ ษาเอกสารและสอ่ื การเรียนรู้ในหลกั สูตรน้ี (I find time to
study the learning materials and/or resources in a course)
8) ฉนั ไม่รู้วา่ ฉนั ต้องทาอะไรในขณะที่ฉันเรียนอยู่ (I do not know what I'm supposed
to be doing whenever I sit down to study)
9) ฉันรู้สกึ วา่ ฉนั มสี ่ิงทตี่ ้องทาให้สาเรจ็ มากมายระหว่างการเรียน จนถึงการจบในแตล่ ะ
หลกั สูตร (I feel that I have too much to accomplish in terms of learning
towards the end of each course)
10) ฉนั สง่ งานที่ไดร้ บั มอบหมายไมท่ ันเวลา (I do not submit my assignments on
time)
11) ฉนั วางแผนลว่ งหนา้ ว่าฉันตอ้ งการอะไรจากหลักสูตรน้ี (I plan what I need to learn
in a course)
12) ฉันจดั สรรเวลาได้เพยี งพอสาหรับการทาแบบทดสอบ หรือการทาแบบฝึกหดั ในหลกั สูตร
(I set aside enough time to study for examinations and/or do the
assignments in a course)
13) ฉันพยายามเรียนให้จบในบทเรียนทีย่ ังค้างอยู่ใหเ้ ร็วที่สดุ (I persist in finishing
uncompleted study tasks as quickly as possible)
14) ฉนั เลอ่ื นการเรียนของฉนั ออกไปจนเกินระยะเวลาที่กาหนดไว้ในหลกั สูตร (I keep
postponing my study tasks designated in a course)
15) ฉนั พบว่าการเรยี นวชิ านี้สาคัญต่อฉนั มาก (I find studying for the course is of
high priority for me)
16) ฉนั อยากทาอย่างอืน่ มากกวา่ การอา่ นสื่อการเรยี นรู้หรือเอกสารประกอบการเรียน (I
prefer to do other things than study the learning materials or resources)
17) ฉนั หาขอ้ อ้างเพ่ือหลีกเลี่ยงการเรยี นในหลักสตู ร (I find excuses for not studying
for courses)
64
18) ฉนั จดั สรรเวลาและปฏิบัตติ ามตารางเรียน (I follow my study schedule)
19) ฉนั ไม่เขา้ ใจว่าผสู้ อนกาลังพูดเกยี่ วกับอะไร ในขณะท่เี ขากาลงั สอนออนไลน์อยู่ (I do
not understand what my instructor says during online presentations)
20) ขณะที่ผู้สอนกาลังสอนออนไลน์ ฉันไม่รวู้ า่ ข้อมลู สาคญั อย่ตู รงไหน (I do not know
how to pick up important information during online presentations)
21) ฉันไม่สามารถจดจ่อกบั การเรียนผ่านระบบออนไลน์ (I cannot focus during online
presentations)
22) เมือ่ มีการสอนออนไลน์ ฉันอา่ นเอกสารการสอนล่วงหนา้ (I do the required reading
before online presentations)
23) ระหวา่ งการสอนออนไลน์ ฉนั ตามเนอ้ื หาที่ผูส้ อนกาลังพูดไดท้ ัน (I can follow the
pace of online presentations)
24) ระหวา่ งการสอนออนไลน์ ฉันคานึงถงึ สง่ิ ทก่ี าลังเรียนรู้อยู่ (I reflect on what I have
learnt during online presentations)
25) ฉันไม่เขา้ ใจงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย (I do not understand the assigned readings)
26) ฉันคดิ วา่ เอกสารการสอนท่ไี ด้รับไม่สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู ร (I cannot
relate the content of the readings to the course objectives)
27) ฉนั เช่ือมโยงเนือ้ หาของหลกั สูตรเขา้ กับการทางานในชีวิตจรงิ ของฉนั (I relate the
content of the learning materials or resources to my work or life)
28) ฉนั เข้าใจส่ิงที่ฉันจดบันทึกมาจากการสมั มนาหรอื การเรยี นผา่ นระบบออนไลน์ (I
understand what I have written in my own notes taken in seminars or
online Presentations)
29) จากเอกสารประกอบการเรียนทไ่ี ด้อา่ น ฉันไมร่ วู้ า่ ตอ้ งสรปุ ย่ออยา่ งไร (I do not know
how to make notes from my readings)
30) สงิ่ ทฉี่ นั จดน้ันเพียงพอสาหรับการสอบหรือทาแบบฝึกหดั (My notes are sufficient
to help me prepare for examinations/assignments)
31) ฉนั ทาแบบฝกึ หัดไดด้ ี (I do well on my assignments)
32) ฉนั ไม่ทราบว่าต้องการความรู้อะไรบา้ งในการทาแบบฝึกหดั แตล่ ะชุด (I do not know
what is required in my assignments)
33) ฉันไม่รูว้ ธิ ีทาแบบฝึกหดั (I do not know how to write my assignments)
34) ฉนั สามารถตอบแบบฝึกหดั และนาเสนอข้อมลู ที่เกย่ี วกบั แบบฝกึ หัดไดเ้ ปน็ อย่างดี (I am
able to present the information in my assignments clearly)
35) ฉันมขี ้อมูลทเ่ี พยี งพอในการทาแบบฝึกหัด (The information I gathered for my
assignments is relevant)
36) ในการทาแบบฝกึ หัด ฉันไม่รวู้ ่าฉนั ตอ้ งหาข้อมูลเกย่ี วกับอะไรบา้ ง (I do not know
what information to search for in doing my assignments)
65
37) ระหว่างการอภปิ รายออนไลน์ ฉันเรยี นรจู้ ากผสู้ อนและเพ่ือนร่วมงาน (I learn from
my instructor and peers during online discussions)
38) ฉันไมร่ วู้ ่าต้องเตรียมตวั อยา่ งไรสาหรับการอภปิ รายผา่ นระบบออนไลน์ (I do not
know how to prepare for online discussions)
39) ระหว่างการสนทนา ฉนั ตามเนอ้ื หาทเี่ ขาพดู ทัน (I can follow the content of
threaded discussions)
40) เม่อื ต้องนาความคดิ เหน็ เพอื่ ตอบกลบั การอภปิ รายไปตดิ ที่กระดานสนทนา ฉนั ไม่ร้วู า่ ต้อง
เขยี นอะไรลงในกระดาษแผน่ นนั้ (I do not know what to write in response to
discussion topics posted on discussion forums)
41) ฉนั รักการเขา้ รว่ มอภิปราย (I love attending seminars)
42) ฉันรสู้ ึกเหนอ่ื ยขณะทก่ี าลังเรียน (I am physically drained when I am studying)
43) ฉนั รสู้ ึกมีพลงั ขณะที่กาลังเรียน (I feel motivated whenever I am studying)
44) ฉันกลวั ว่าฉนั อาจจะทาได้ไมด่ ีพอในการทาแบบฝกึ หัด หรือการประเมนิ ตา่ ง ๆ (I fear
not doing well on my assignments/assessments)
45) ฉนั รสู้ กึ หมดกาลังใจเมื่อผลการเรียนของฉนั ทาได้นอ้ ยกว่าท่ีหวงั เอาไว้ (I am
demoralized when I do not meet the expectations I set for myself in my
studies)
46) ฉันไม่กังวล หากส่งแบบฝกึ หัดไม่ทันเวลา ( do not worry about not submitting
my assignment on time)
47) ระหว่างการสัมมนา ฉนั ไมเ่ ขา้ ใจส่ิงทผี่ ู้สอนพดู (I do not understand what my
instructor says during the seminar sessions)
48) ระหว่างการสัมมนา ฉันไมร่ ูว้ ่าขอ้ มูลสว่ นไหนมีความสาคัญ (I do not know how to
pick up important information during seminars)
49) ฉันไมส่ ามารถมีใจจดจอ่ อยกู่ ับการฟงั สมั มนา (I cannot focus during seminars)
50) ฉันอ่านเอกสารทเ่ี กี่ยวกับการสมั มนาลว่ งหน้า (I do the required reading before
seminars)
51) ระหวา่ งการสัมมนา ฉนั เรยี นรู้จากผสู้ อนและเพ่ือนรว่ มสมั มนา (I learn from my
instructor and peers during seminars)
52) ระหว่างการสมั มนา ฉันสามารถประเมนิ ไดว้ า่ ฉันได้เรยี นรู้อะไรบา้ ง (I reflect on
what I have learnt during seminars)
53) ระหว่างการสอบและการประเมนิ ผล ฉันจดจาข้อมูลและความร้ทู ี่จาเปน็ ได้ (I can
remember the required facts and knowledge during tests and
examinations)
54) ระหว่างการสอบและการประเมินผล ฉันมีความกังวล (I am nervous during tests
and examinations)
66
55) ฉนั สามารถทาแบบทดสอบและแบบประเมนิ ผลการเรยี นได้ทกุ ข้อ (I am able to
complete all the questions in tests and examinations)
56) ระหว่างการสอบและการประเมนิ ผล ฉันไมเ่ ข้าใจวา่ คาถามในแบบทดสอบต้องการอะไร
จากฉนั (I do not understand what is required of me when tackling the
questions in tests and examinations)
57) ฉันทาแบบทดสอบและแบบประเมินผลไดแ้ ย่ (I do poorly in tests and
examinations)
58) ระหวา่ งการสอบและการประเมนิ ผล ฉนั รสู้ กึ มัน่ ใจในการทาแบบทดสอบ (I feel
confident when taking tests and examinations)
59) อนิ เทอร์เน็ตทาใหช้ ีวติ ฉันน่าสนใจมากขน้ึ (The internet makes my life more
interesting)
60) ฉันหลีกเล่ยี งการเรียนด้วยคอมพวิ เตอร์ (I try to avoid study work that needs
computers)
61) ฉนั ใช้สอื่ สังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือกระดาน ถาม-ตอบ บนอนิ เทอรเ์ นต็
เปน็ ประจา (I use social media such as Facebook, Twitter, internet forums
etc. regularly)
62) ฉันร้สู ึกโดนคกุ คามทุกครงั้ ที่ใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต (I feel intimidated whenever I use
the internet)
63) ฉนั มีปัญหากับการใชซ้ อฟตแ์ วรแ์ ละฮาร์ดแวร์ (I have problems using computer
software and hardware)
64) เมอื่ ใชค้ อมพวิ เตอร์ ฉนั รสู้ ึกสะดวกสบาย (I am very comfortable using a
computer)
65) ฉนั สามารถหาข้อมลู เกย่ี วกบั สิง่ ท่ีเรียนได้บนอินเทอร์เนต็ (The internet provides me
with a wealth of resources for my assignments)
66) สาหรบั การทาแบบฝึกหัด เม่ือพบเจอข้อมลู บนอินเทอร์เนต็ ฉันไมร่ วู้ า่ ข้อมูลใดถกู หรือผดิ
(I do not know how to evaluate and extract relevant information from the
internet for my assignments)
67) ฉันสามารถหาข้อมูลสาหรับการทาแบบฝึกหัดได้ (I am able to use the
information I gathered in my assignments meaningfully)
68) ฉนั ไมร่ ู้วิธใี ช้ทรัพยากรของห้องสมดุ (I do not know how to use the library
resources)
69) ฉนั ใช้เวลามากมายในการหาข้อมูลเพ่ือมาทาแบบฝึกหัด (I spend too much time
researching information for my assignments)
70) ทรพั ยากรของหอ้ งสมุดมีประโยชน์มากสาหรับการทาแบบฝกึ หัด (The library
resources are very useful for researching my assignments)
67
โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจการประเมินของทักษะ
การเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Khiat ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
……………………………………………………………………………….............................
แบบประเมนิ ตนเอง
1. ท่านเข้าใจการประเมินของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Williamson
and Seewoodhary
ชดั เจนดีแล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Williamson
and Seewoodhary กลา่ วถงึ การประเมินของทกั ษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง ว่าอยา่ งไร ?
2. ทา่ นเข้าใจการประเมินของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Rodney
ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี ครง้ั แล้วตอบคาถามในใจวา่ Rodney
กลา่ วถึงการประเมินของทักษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ว่าอยา่ งไร ?
3. ทา่ นเขา้ ใจการประเมนิ ของทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Khiat
ชัดเจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ ีกคร้งั แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Khiat
กล่าวถึงการประเมินของทักษะการเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเอง วา่ อย่างไร ?
68
หมายเหตุ
หากตอ้ งการศึกษารายละเอียดของแตล่ ะทัศนะจากตน้ ฉบับทเ่ี ป็นภาษาองั กฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เว็บไซต์ของแตล่ ะแหล่งได้ ดงั น้ี
1) Williamson and Seewoodhary : https://bit.ly/3vaJ3Wq
2) Rodney: https://bit.ly/3n7ndRd
3) Khiat: https://bit.ly/2QkrK6H
เอกสารอา้ งอิง
Williamson S, Seewoodhary R (2007). Student Evaluation of the Usefulness of the
Self-rating Scale of Self-directed Learning tool in the FdSc in Health and
Social Care Course. Journal of Healthcare Communications.14(2):79-82
Stewart, Rodney (2007). Evaluating the self-directed learning readiness of engineering
undergraduates : a necessary precursor to project-based learning. World
Transactions on Engineering and Technology Education.6(1): 61
Henry Khiat (2015). Measuring Self-Directed Learning : A Diagnostic Tool for Adult
Learners. Journal of University Teaching & Learning Practice.12(2):3-5
69
70
คูม่ ือเชิงปฏิบตั กิ ารเพอื่ พัฒนาทกั ษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง
ให้แก่นักเรยี น
วตั ถุประสงค์เพือ่ การปฏิบัติ
คู่มือเชิงปฏิบัติการประกอบโครงการครูนาความรู้สู่การพัฒนานักเรียนนี้ จัดทาขึ้นเป็นให้ท่าน
ไดท้ ราบถงึ ประเด็นต่างๆ ทีจ่ ะชว่ ยให้ทา่ นนาความรู้ที่ท่านไดร้ ับจากโครงการแรก คือ โครงการพัฒนา
ความรู้ของครูผู้สอนเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองนาไปสู่การปฏิบัติ คือ การ
พฒั นานกั เรียน ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล ดงั น้ี
1) ทบทวนถึงคุณลักษณะหรือทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองที่คาดหวังให้เกิดข้ึนกับ
นักเรียน หลังจากได้รับการพัฒนาจากท่านตามโครงการครูผู้สอนนาความรู้สู่การพัฒนา
นักเรียน ในระยะ 2-3 เดือนหลังจากนี้
2) ทบทวนถึงหลักการ / แนวคิด / เทคนิค / วิธีการ / กิจกรรมท่ีเป็นทางเลือกท่ีหลากหลาย
เพอื่ การพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองจากทัศนะของนักวชิ าการหรือหน่วยงานที่
ท่านได้ศึกษามาจากคู่มือประกอบโครงการแรก คือ โครงการพัฒนาความรู้ของครูผู้สอน
เก่ียวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาของ
ท่าน ซงึ่ หากมมี ากมาย อาจเลือกใชแ้ นวทางการพฒั นาทที่ ่านเห็นวา่ สาคญั
3) ทบทวนถึงขั้นตอนการพัฒนาการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จากทัศนะของนักวิชาการหรือ
หน่วยงานท่ที ่านได้ศกึ ษามาจากคมู่ ือประกอบโครงการแรก คอื โครงการพัฒนาความรู้ของ
ครูผู้สอนเก่ียวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง เพื่อใช้เป็นแนวทางการ
พัฒนาของท่านเอง ซ่ึงอาจจะยึดถือตามทัศนะใดทัศนะหนึ่ง หรือบูรณาการข้ึนใหม่จาก
หลายๆ ทศั นะ
4) ระบุถึงหลักการ / แนวคิด / เทคนิค / วิธีการ / กิจกรรมท่ีเป็นทางเลือกที่หลากหลายเพอ่ื
การพัฒนา และข้นั ตอนการพฒั นาทท่ี ่านนาไปใช้ในการพัฒนานักเรียน
5) ให้ข้อสังเกตถึงปัจจัยท่ีส่งผลในทางบวก และปัญหาหรืออุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของ
ท่านในการพฒั นาทักษะการเรยี นรูแ้ บบชี้นาตนเองแกน่ ักเรยี น
6) ระบุถงึ วธิ กี ารทท่ี า่ นนามาใช้เพอ่ื แก้ไขปญั หาหรืออปุ สรรคต่อการปฏบิ ตั งิ านของท่านในการ
พัฒนาทกั ษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเองแกน่ ักเรียน
7) ระบถุ ึงบทเรียนสาคญั ทีไ่ ด้จากการการพัฒนาทักษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเองแกน่ กั เรียน
8) ระบุถึงข้อเสนอแนะสาคัญเพื่อให้การพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองแก่นักเรียน
ประสบผลสาเรจ็
71
ทบทวนความรู้ความเขา้ ใจจากโครงการพัฒนาครูผู้สอน
เพ่อื พัฒนาทักษะการเรยี นรูแ้ บบชน้ี าตนเองแกน่ กั เรียน
1. ทบทวนคุณลกั ษณะหรือทกั ษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง ที่คาดหวังให้เกิดข้ึนกับนักเรียน
1.1 ความคาดหวังคุณลักษณะของนักเรียนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองจากนานา
ทศั นะทางวิชาการ
Nucum (2019) ให้ทัศนะว่า คนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง เป็นคนท่ีมี
คณุ ลกั ษณะ ดงั น้ี
1. เป็นผ้รู เิ ริ่ม (Take the Initiative)
2. สารวจอย่างเป็นอสิ ระ (Explore Independently)
3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ (Accept Responsibility)
4. มีทศั นคติทีด่ ตี ่อชีวติ (Have a Healthy Outlook in Life)
5. มแี รงจูงใจโดยธรรมชาติ (Naturally Motivated)
6. ร้ทู กั ษะพื้นฐานในการเรียน (Know Basic Study Skills)
7. ร้วู ธิ ีจัดการเวลา (Know How to Manage Time)
8. รตู้ วั เอง (Self-Aware)
Hamdy (2018) ใหท้ ัศนะว่า คนทม่ี ีทกั ษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง เป็นคนทมี่ ี
คณุ ลกั ษณะ ดังน้ี
1. การชี้นาตนเอง (Self-Directedness)
2. การพ่งึ ตนเอง (Independence)
3. ความพร้อม (Readiness)
4. การจัดการเวลา (Organizing Time)
5. การวางแผน (Set a Plan)
Caruso (2011) ให้ทศั นะวา่ คนทมี่ ที ักษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเอง เปน็ คนท่ีมี
คุณลักษณะ ดังน้ี
1. การลงมือปฏิบัติท่ีบุคคลได้รับหรือไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อ่ืน (A practice in
which individuals, with or without the help of others)
2. ความพรอ้ ม/ความปรารถนาทจ่ี ะเรียนรู้ (Readines/Desire to learn)
3. ม่ันใจในความสามารถในการเรียนรู้จากประสบการณ์การเรียนรู้ที่ผ่านมา
( Confident of their Learning Abilities based on Previous Learning
Experiences)
4. สามารถกาหนดเป้าหมายในการเรียนรูไ้ ด้ (Capable of Setting their Own Goals
in Learning)
5. การคน้ หาแหลง่ เรยี นรู้ (Find Resources for Learning)
6. สามารถเลอื กกลยุทธ์การเรยี นรู้ (Able to Choose Strategies for Learning)
72
7. สามารถสรา้ งแรงบันดาลใจให้ตนเองและมีวินยั ในตนเอง (Capable of Being Self-
Motivated and Self-Disciplined)
8. เข้าใจกระบวนการเรียนรู้และตระหนักถงึ ทักษะการเรยี นรู้ของตนเอง (Understand
th Process of Learning, and are Aware of their Own Learning Skills)
9. เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในการเรียนรู้ ( Strengths and Weaknesses in
Learning)
10. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (Assess Learning Outcomes)
Vaivada (2017) ให้ทศั นะว่า คนที่มที กั ษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง เปน็ คนท่ีมี
คุณลกั ษณะ ดงั น้ี
1. เปา้ หมายการเรยี นรู้ (Learning Aim)
2. เนอ้ื หาการเรียนรู้ (Learning Content)
3. โครงสรา้ งการเรยี นรู้ (ความสอดคลอ้ ง) (Learning Structure (Consistency))
4. ระยะเวลาการเรียนรู้ (Learning Duration)
5. ผู้ร่วมเรียนรู้ (Learning Partners)
6. เทคนิคการเรยี นรู้ (Learning Techniques)
7. กลยุทธก์ ารเรยี นรู้ (Learning Strategies)
8. สอ่ื การเรยี นรู้ (Learning Materials)
9. แหลง่ เรยี นรู้ (Learning Resources)
10. รปู แบบการเรียนรู้ (Learning Forms)
11. สถาบนั ทีใ่ ห้เรยี นรู้ (Learning Institutions)
12. สภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ (Learning Environment
13. ส่อื การเรยี นรู้และอืน่ ๆ (Learning Media and etc)
Atkinson (2015) ให้ทัศนะว่าคนท่มี ีทักษะการเรียนรูแ้ บบชีน้ าตนเอง เปน็ คนทีม่ ี
คณุ ลักษณะ ดังน้ี
1. มแี รงจูงใจ (Motivation)
2. ทกั ษะการเรียน (Study Skills)
3. มงุ่ เน้นเป้าหมาย (Goal-Oriented)
4. เปน็ นักยทุ ธศาสตร์ (Strategist)
5. มกี ารประเมนิ ตนเอง (Self-Assessment)
73
1.2 ความคาดหวังคุณลักษณะของนักเรียนที่มีทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จากแบบ
ประเมินผล
จากผลการศึกษาคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง (Self-
direction learning Skills) จากทัศนะของ Nucum, K, N (2019) Caruso (2011) Hamdy (2018)
Vaivada (2017) และ Atkinson (2015) และแนวการสร้างแบบสอบถามจากผลงานวิจัยของ
Williamson & Seewoodhary (2007) Rodney (2007) Khiat (2015) ได้ข้อคาถามเพ่ือใช้การ
ประเมินทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองของนกั เรยี นในด้านต่าง ๆ ดังนี้
การตระหนักรู้ (Awareness)
1) นกั เรยี นรบั ผดิ ชอบการเรียนรูด้ ้วยตวั เอง
2) นักเรยี นสามารถวางแผนและต้งั เปา้ หมายการเรยี นร้ขู องตัวเองได้
3) นกั เรียนสามารถระบคุ วามตอ้ งการในการเรียนรู้ของตนเอง
4) นักเรียนสามารถเลอื กวิธกี ารเรียนรู้ท่ีดีทสี่ ดุ ให้กบั ตวั เองได้
5) นักเรยี นสามารถรกั ษาแรงจงู ใจเพื่อการเรยี นรขู้ องตนเองไวไ้ ด้
การควบคมุ ตนเอง (Self-control)
6) นักเรียนตดั สินใจเลอื กเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตัวเองได้
7) นักเรยี นรู้ขดี ความสามารถของตวั เอง
8) นกั เรียนเชือ่ ในความสามารถของตวั เอง
9) นกั เรยี นจดั การเวลาได้เปน็ อย่างดี
10) นกั เรยี นสามารถจดั ลาดบั ความสาคัญของงานได้
การประเมนิ ตนเอง (Self-Evaluation)
11) นกั เรยี นสามารถประเมินทกั ษะพน้ื ฐานในการเรียนรขู้ องตนเองได้
12) นักเรยี นได้แรงบันดาลใจจากความสาเรจ็ ของผู้อ่ืน
13) นกั เรยี นตรวจสอบตนเองเสมอไมว่ ่าจะบรรลุเปา้ หมายการเรยี นรู้หรือไม่
14) นักเรียนพบว่าทั้งความสาเรจ็ และความลม้ เหลวนั้นล้วนเปน็ แรงบันดาลใจให้ฉนั
เรียนรมู้ ากขึน้
ความปรารถนาในการเรียนรู้ (Desire for learning)
15) นกั เรียนอยากเรยี นรูส้ ่งิ ใหม่ ๆ
16) นกั เรียนสนุกกับการเรียนรขู้ ้อมลู ใหม่ๆ
17) นกั เรยี นเปิดรับความคิดใหม่ ๆ เสมอ
18) นักเรยี นเรยี นรู้จากประสบการณ์และสภาพแวดลอ้ ม
19) นกั เรยี นชอบท่จี ะรวบรวมขอ้ เท็จจรงิ ก่อนทาการตดั สินใจ
20) เมื่อนกั เรยี นประสบปัญหาทีไ่ ม่สามารถแก้ไขได้ มักจะขอความชว่ ยเหลือ
กลยุทธก์ ารเรยี นรู้ (Learning Strategies)
21) นักเรียนมีทักษะการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ โดยการเรียนรู้แบบแก้ปัญหาอย่าง
สร้างสรรค์
22) นักเรยี นชอบเรียนรู้แบบกลมุ่ ในการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
74
23) นักเรยี นพบว่าการมีเพื่อนเปน็ ท่ปี รกึ ษาจะช่วยให้การเรียนประสบผลสาเรจ็
24) นักเรยี นพบว่าแผนผงั มโนทัศนเ์ ปน็ วิธีการเรยี นรทู้ ีม่ ีประสิทธิภาพ
25) นักเรียนพบว่าการมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการน่ัง
ฟงั บรรยาย
26) นักเรียนพบว่าเทคโนโลยีการศึกษาท่ีทันสมัยช่วยปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้ของ
ตนเองใหด้ ียง่ิ ขึ้น
กิจกรรมการเรียนรู้ (Learning Activities)
27) นักเรียนเลือกเทคนิค/กจิ กรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมได้
28) นกั เรยี นชอบทจ่ี ะหยดุ พักระหว่างการเรียนแตล่ ะคร้ัง
29) นกั เรยี นใชแ้ ผนผงั มโนทศั น์ในการทาความเขา้ ใจขอ้ มูลที่หลากหลาย
30) นกั เรียนสามารถเลือกใช้ส่ือเทคโนโลยที ่ีเหมาะสมได้
การติดต่อส่ือสารระหวา่ งบุคคล (Interpersonal Skills)
31) นักเรียนเปิดใจให้กบั ความเห็นของผู้อน่ื เสมอ
32) นกั เรียนพบว่าการทางานกับผู้อน่ื เป็นเรื่องง่าย
33) นกั เรียนมกั ประสบความสาเร็จในการส่ือสารด้วยวาจา
34) นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดผ่านการเขยี นได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
35) การพบว่ามันทา้ ทายท่จี ะพยายามเรียนร้กู บั บุคคลทห่ี ลากหลาย
36) การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนช่วยให้นักเรียนพัฒนาความเข้าใจและการเรียนรู้ได้อย่าง
ลึกซงึ้
2. ทบทวนหลักการ / แนวคิด / เทคนิค / วิธีการ / กิจกรรมที่เป็นทางเลือกท่ีหลากหลายเพื่อ
การพัฒนาทักษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเอง จากนานาทัศนะเชิงวิชาการ
ในเว็บไซตข์ อง Impact Teacher (2018)
1. ผเู้ รยี นท่พี ่งึ พาผู้อืน่ (Dependent Learners) พึง่ ผ้อู นื่ (ทเี่ ก่งกว่าหรือมีอานาจ) เพ่ือ
บอกทิศทางที่ชัดเจนเก่ียวกบั สิง่ ทตี่ อ้ งทา วิธที า (Rely an Authority Figures to
Give them Explicit Directions on What to Do)
2. ผูเ้ รียนที่สนใจ (Interested Learners) ตอบสนองต่อเทคนิคท่ีสรา้ งแรงบนั ดาลใจ
(Respond to Motivational Techniques)
3. ครสู ามารถเตรยี มนกั เรียนโดยการฝกึ อบรมพวกเขาในทกั ษะพื้นฐานเช่นการ
ต้งั เปา้ หมาย (Teachers can Prepare Students to become more Self-
Directing by Training them in such Basic Skills as Goal Setting)
4. ผูเ้ รยี นทม่ี สี ่วนรว่ ม (Involved Learners) พฒั นาการคดิ เชิงวิพากษ์และการตระหนกั
รใู้ นตนเองในฐานะผรู้ ว่ มสรา้ งสรรค์
5. ครูควรเตรยี มเครื่องมือ วธิ กี าร เทคนิค และแนวทางในการสอนจากประสบการณ์
(Teacher offers Tools, Methods, Techniques, and Ways of Interpreting
the Experience)
75
6. ผู้เรียนควรกาหนดเป้าหมายและมาตรฐานของตนเองโดยมีหรอื ไม่มีผูเ้ ชี่ยวชาญ
ช่วยเหลือกไ็ ด้ (Set their Own Goals and Standards, with or Without Help
from Experts)
7. ผูเ้ รยี นมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ ทศิ ทางและผลผลิต การบรหิ ารเวลา การ
จดั การโครงการ การกาหนดเป้าหมาย การประเมนิ ตนเอง การวิพากษ์เพื่อน การ
รวบรวมข้อมูลและการใช้ทรัพยากรทางการศึกษา (Learners at this Stage are
both able and Willing to take Responsibility for their Learning, Direction
and Productivity. They Exercise Skills in time Management, Project
Management, Goal-Setting, Self-Evaluation, Peer Critique, Information
Gathering and use of Educational Resources)
Briggs (2015)
1. ระบเุ ป้าหมายการเรียนรู้ (Identify Your Learning Goals)
2. ตั้งคาถามถึงความสาคัญของสง่ิ ตา่ ง ๆ (Question the Significance of Things)
3. ค้นหาความท้าทายท่นี ่าสนใจ (Seek out Interesting Challenges)
4. ตรวจสอบกระบวนการเรยี นรู้ (Monitor Your Own Learning Process)
5. เขา้ ใจวิธีการ (Understand Your Own Approach)
6. ใช้กลยทุ ธก์ ารสรา้ งแรงจูงใจด้วยเกม (Use Game-Based Motivation Strategies)
7. เรม่ิ ต้นดว้ ยขอ้ มลู พน้ื ฐานของหัวข้อนั้น (Start with Background on a Topic)
8. ปลกู ฝังแรงจงู ใจจากภายใน (Cultivate Intrinsic Motivation)
9. แบ่งปนั การเรียนรู้กบั เพ่ือนและท่ีปรกึ ษา (Share Your Learning with Peers and
Mentors)
10. สร้างสรรคบ์ างส่ิงจากส่ิงที่ไดเ้ รียนรู้ (Create Something Out of What You’ve
Learned)
11. สรา้ งสาระการเรยี นรูส้ ่วนตัว (Build Your own Personal Learning Syllabus)
12. ใช้เวลา (หรือไมใ่ ช)้ เพอ่ื ผลประโยชน์ของคุณ (Use time (or lack thereof) to
your advantage)
13. ไขวค่ ว้าความรู้ ไม่ใช้เกรดดี ๆ (Pursue Knowledge, Not Good Grades)
14. สร้างแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ส่วนตัว (Create Your Own Personal Learning
Record)
15. บอกเลา่ ความสาเร็จของคุณทางวาจา (Verbalise Your Achievements)
16. ทารายการหัวข้อ “ที่เช่ียวชาญ” (Make a List of Topics “to Master”)
17. ฝึกใชส้ ิง่ ทคี่ ณุ ได้เรียนรู้ (Practise Using What You’ve Learned)
18. ใหค้ ุณค่ากับความกา้ วหน้ามากกว่าผลทไี่ ด้ (Value Progress Over Performance)
19. ทาใหเ้ ป้าหมายให้เปน็ จรงิ (Keep Your Goals Realistic)
20. สร้างเครือข่าย “เพื่อนรว่ มงานแห่งการเรียนรู้” (Build a Network of “Learning
colleagues”)
76
Weimer (2010)
1. เป็นการเรียนรโู้ ดยไมต่ ้องให้บุคคลอ่นื ช้ีนา (Ability to Manage Learning Tasks
Without having them Directed by Others)
Cobb (2019)
1. คดิ รเิ ร่ิม (Takes Initiative)
2. สบายใจกับความเปน็ อสิ ระ (Is Comfortable with Independence)
3. หมั่นเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (Is Persistent)
4. ยอมรบั หน้าที่ที่รับผิดชอบ (Accepts Responsibility)
5. มองปญั หาวา่ เปน็ ความท้าทาย ไมใ่ ชอ่ ุปสรรค (Views Problems as Challenges,
Not Obstacles)
6. มีวินัยในตนเอง (Is Capable of Self-Discipline)
7. มีความสงสัยใครร่ ู้ในระดับสูง (Has a High Degree of Curiosity Has a High
Degree of Curiosity)
8. มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าทจี่ ะเรียนรู้หรอื เปลย่ี นแปลง (Has a strong desire
to learn or change)
9. มคี วามมั่นใจในตนเอง (Is Self-Confident)
10. สามารถใชท้ ักษะพน้ื ฐานในการศึกษา (Is Able to Use Basic Study Skills)
11. จัดการเวลา (Organizes His or Her Time)
12. เลอื กจังหวะท่ีเหมาะสมสาหรับการเรียนรู้ (Sets an Appropriate Pace for
Learning)
13. พัฒนาแผนเพื่อทางานให้เสรจ็ (Develops a Plan For Completing Work)
14. มแี นวโน้มทจี่ ะมุ่งเน้นเป้าหมาย (Has a Tendency to be Goal-Oriented)
15. สนุกกบั การเรยี นรู้ (Enjoys Learning)
Dickinson (2018)
1. เปน็ เจา้ ของการเรียนรขู้ องคุณ (Take Ownership of Your Learning)
2. ต้งั เปา้ หมายแบบ SMART (Set SMART Goals)
3. กฎ 5 ชัว่ โมงของเบนจามิน แฟรงคลนิ (Benjamin Franklin's Five-Hour Rule)
4. การเรยี นรู้แบบลงมือปฏบิ ตั ิ (Active Learning)
5. จัดลาดบั ความสาคญั (กฏ 80/20) (Prioritize (the 80/20 Rule)
6. เขา้ ห้องสมุด (Visit the Library)
7. ใชแ้ รงจงู ใจของคุณเอง (Employ Your Own Motivation)
ในเว็บไซต์ของ Professional Learning Board (2019)
1. ความตอ้ งการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง (Need for Self-Directed Learning)
2. กระตนุ้ การเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง (Encouraging Self-Directed Learning)
3. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment)
4. พลงั ของการเลือก (Power of Choice)
77
5. พฒั นาทกั ษะ (Develop Skills)
6. การวเิ คราะหเ์ ชงิ วิพากษ์ (Critical Analysis)
ในเว็บไซตข์ อง Wabisabi Learning (2018)
1. พรอ้ มทีจ่ ะเรียนรู้ (Being Ready to Learn)
2. กาหนดเปา้ หมายการเรยี นรู้ (Setting Learning Goals)
3. มสี ่วนรว่ มในกระบวนการเรียนรู้ (Engaging in the Learning Process)
4. ประเมินการเรียนรู้ (Evaluating Learning)
Nicora (2019)
1. สอ่ื สารความคาดหวงั (Communicate Expectations)
2. ส่งเสรมิ ระบบสนับสนนุ (Promote Support Systems)
3. ให้เขา้ ถงึ ทรพั ยากรการเรียนรู้ที่มคี ณุ ภาพสงู ไดโ้ ดยง่าย (Provide Easy Access to
High Quality Learning Resources)
4. เพมิ่ โอกาสในการประเมินตนเอง (Develop Opportunities for Self-
Assessment)
Ark (2016)
1. ทาไมการช้ีนาตนเองจงึ เกิดผล (Why Does Self-Direction Matter)
2. จะเร่ิมจากตรงไหน (Where to Start)
3. ทกั ษะและเครอ่ื งมือ (Skills & Tools)
4. วัฒนธรรม (Culture)
5. ประสบการณผ์ เู้ รียน (Learner Experience)
ในเวบ็ ไซตข์ อง Design Your Homeschool (2006)
1. สร้างสภาพแวดล้อมการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลาย (Create a Rich Learning
Environment)
2. ใหเ้ วลาอย่างเพยี งพอในส่งิ ทีส่ นใจ (Create a Rich Learning Environment)
3. อภิปรายในสิ่งท่สี นใจ (Discuss Interests)
4. ทาให้เปน็ หลกั สูตรจริงๆ - โปรแกรมการเรยี นรู้สว่ นบคุ คล (เลือกทา/ไม่ทาก็ได)้
(Formalize the Course - Individual Learning Program (Optional))
5. ฉลองให้กบั การเรยี นรู้ (Celebrate the Learning)
6. อยา่ ถอนคาพดู (Don’t Take it Back) หากตดิ ขัด พร้อมท่ีจะให้คาแนะนาหรือทา
หน้าทเี่ ป็นตวั แทนความคิดของผู้อนื่
7. คงไวซ้ ึ่งความไว้วางใจได้ (Maintain Accountability)
3. ทบทวนโมเดลข้ันตอนทางเลือกท่ีหลากหลายเพื่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง
จากนานาทศั นะเชิงวิชาการ
Harvey (2019) ใหข้ ้อเสนอแนะ 4 ขน้ั ตอน ดงั นี้
1. การประเมนิ ความพรอ้ มในการเรยี นรู้ (Assess Readiness to Learn)
2. การตง้ั เปา้ หมายการเรยี นรู้ (Set Learning Goals)
78
3. การมีส่วนร่วมในกระบวนการการเรียนรู้ (Engage in the Learning Process)
4. การประเมินการเรยี นรู้ (Evaluate Learning)
Bull (2013) ให้ขอ้ เสนอแนะ 5 ขั้นตอน ดังน้ี
1. ตัดสินใจเลือกในส่ิงที่คุณอยากทาในโปรเจค (Decide what you want to do for
your project.
2. พฒั นาแผนการในการทาโปรเจค(Develop a plan for how to do it.)
3. กาหนดความช่วยเหลือท่ีคุณจาเป็นในการทาโปรเจคแต่ละส่วน (Determine what
help you need to do each part.)
4. ออกแบบวิธีท่ีใช้ในการบันทึกความก้าวหน้าของคุณ ( Design a means of
documenting your progress.)
5. เผยแพร่ (แบ่งปัน) ส่ิงที่คุณได้ทาละเรียนรู้ระหว่างทาง (Disseminate (share) what
you did and what you learned along the way.)
Dobbs (2017) ใหข้ ้อเสนอแนะ 5 ขน้ั ตอน ดังนี้
1. เขา้ ใจในแรงบันดาลใจของคุณเอง (Understand Your Motivation)
2. มคี วามชดั เจนและฉลาด (S.M.A.R.T.) ดา้ นสิง่ ท่คี ุณวางแผนจะเรียนรู้ (Be clear &
S.M.A.R.T. About What You are Planning to Learn)
3. บรหิ ารเวลาของคุณและตดิ ตามการเรียนร้ขู องคุณ (Get Organised with Your Time
& Tracking Your Learning)
4. สรา้ งเงื่อนไขในการเรยี นร้ขู องคณุ ใหผ้ ูอ้ ่ืนมีสว่ นรว่ มกบั ความมงุ่ มนั่ ของคณุ ด้วย (Make
a Public Commitment to Your Learning & Buddy up)
5. ประยุกต์ใช้ส่ิงท่ีคุณกาลงั เรยี นรู้ไปใชใ้ นชวี ิตจริง (Apply What You are Learning in
Real-World Projects)
หมายเหตุ
เมื่อท่านดาเนินการพัฒนาทักษะการเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง ครบตามระยะเวลาท่ีกาหนดแล้ว
ขอความกรุณาท่านโปรดตอบแบบประเมินผลการปฏิบัติและสะท้อนผลการปฏิบัติจาก Google
Form ตามลงิ คห์ รือ QR Code ดา้ นลา่ งนี้ดว้ ย จักขอบพระคณุ ยง่ิ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
79
แบบสอบถาม
โครงการครูนาความรสู้ ู่การเสรมิ สร้างทักษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง
https://forms.gle/WErXt89mTTvsds5CA