The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประกอบด้วยหลักการ แนวคิด และทฤษฎีใน 6 ประเด็น คือ 1) นิยาม 2) ความสำคัญ 3) ลักษณะ 4) แนวทางการพัฒนา 5) ขั้นตอนการพัฒนา และ 6) การประเมินผล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Yoon Jakkaphat, 2022-06-04 03:12:12

คู่มือประกอบโครงการ

ประกอบด้วยหลักการ แนวคิด และทฤษฎีใน 6 ประเด็น คือ 1) นิยาม 2) ความสำคัญ 3) ลักษณะ 4) แนวทางการพัฒนา 5) ขั้นตอนการพัฒนา และ 6) การประเมินผล

Keywords: การเรียนรู้แบบชี้นำตนเอง



โปรแกรมออนไลน์

เพอ่ื เสริมการเรยี นรูข้ องครสู กู่ ารพัฒนาทกั ษะ
การเรยี นร้แู บบชี้นาตนเองของนักเรียน

พระปลดั เล็ก อานนโฺ ท (ทองแสน)
ดุษฎีบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลยั มหามกุฎราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน

ปี พ.ศ. 2564



คานา

โปรแกรมออนไลน์เพ่ือพัฒนาครูสู่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองของนักเรียน น้ี
เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาท่ีพัฒนาข้ึนโดยกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and
Development: R&D) ซ่ึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อนาไปใช้พัฒนาบุคลากรสู่การพัฒนาคุณภาพของงาน อัน
สืบเน่ืองมาจากการกาหนดความคาดหวังใหม่ท่ีท้าทายของหน่วยงาน หรือเกิดการเปล่ียนแปลงใน
กระบวนทัศน์การทางานจากเก่าสู่ใหม่ และในปัจจุบันมีหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ถือเป็นนวัตกรรม
ใหม่ทางการศึกษาเกิดขึ้นมากมาย ที่คาดหวังว่าหากบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ (Knowledge)
แล้วนาความรู้เหล่าน้ีสู่การปฏิบัติ (Action) ก็จะก่อให้เกิดพลัง (Power) ให้การปฏิบัติงานในหน้าที่
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลย่ิงข้ึน ตามแนวคิด “Knowledge + Action = Power”
หรือตามคากล่าวที่ว่า “Make Them Know What To Do, Then Encourage Them Do What
They Know” หรอื “Link To On-The-Job Application”

จากหลักการของการวิจัยและพัฒนาดังกล่าว ทาให้ได้โปรแกรมออนไลน์เพื่อพัฒนาครูสู่การ
พัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองของนักเรียนท่ีประกอบด้วยสองโครงการ คือ 1) โครงการ
พัฒนาความรู้แก่ครูผู้สอน และ 2) โครงการครูผู้สอนนาความรู้สู่การพัฒนานักเรียน ในส่วนของ
โครงการพัฒนาความรู้แก่ครูผู้สอน ประกอบด้วยหลักการ แนวคิด และทฤษฎีใน 6 ประเด็น คือ 1)
นยิ าม 2) ความสาคญั 3) ลกั ษณะหรือคุณลักษณะ 4) แนวทางการพฒั นา 5) ข้ันตอนการพัฒนา และ
6) การประเมนิ ผล ซึ่งแตล่ ะประเด็น ไดน้ ามาสรา้ งเปน็ คู่มือเพื่อการเรียนรู้ของครูที่เนน้ การเรียนรู้ด้วย
ตนเอง (Self-Learning) จานวน 6 ชุด ท่ีคาดหวังให้ครูเกิดความรู้ความเข้าใจและนาไปเป็นแนว
ทางการพัฒนาให้แก่นักเรียนต่อไปตามโครงการครูผู้สอนนาความรู้สู่การพัฒนานักเรียน ซึ่งจะมีคู่มือ
เชงิ ปฏบิ ตั ิการประกอบดว้ ยอกี 1 ชุด

โปรแกรมออนไลน์เพ่ือพัฒนาครูสู่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองของนักเรียน
ดังกล่าวข้างต้น พัฒนาข้ึนตามหลักการพัฒนาครูท่ีว่า “การพัฒนาครูเร่ืองใดๆจะต้องคานึงถึงความมี
ประโยชน์ต่อนักเรียนซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด (Ultimate Goal) ของการศึกษาและการบริหาร
การศึกษา” และตามมาตรฐานการปฏิบตั ิงานท่คี รุ ุสภากาหนดว่า “ปฏิบตั ิกิจกรรมโดยคานงึ ถึงผลท่ีจะ
เกิดขึ้นกับการพัฒนาของบุคลากร ผู้เรียน และชุมชน มุ่งม่ันพัฒนาผู้ร่วมงานให้สามารถปฏิบัติงานได้
เต็มศักยภาพ พัฒนาและใช้นวัตกรรมการบรหิ ารจนเกิดผลงานที่มีคุณภาพสูงขึ้นเปน็ ลาดับ และสร้าง
โอกาสในการพัฒนาได้ทุกสถานการณ์” ดังนั้น จึงคาดหวังว่า หลังจากท่านศึกษาเพ่ือการเรียนรู้จาก
คูม่ อื แต่ละชดุ แลว้ จะไดน้ าความรู้ไปพฒั นานักเรียนไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลตอ่ ไป

พระปลัดเล็ก อานนโฺ ท (ทองแสน)



สารบญั

คมู่ อื ประกอบโครงการ หน้า
1
1. คู่มือประกอบโครงการพัฒนาความรูแ้ กค่ รูผสู้ อน 2
13
1.1 คู่มอื ชุดท่ี 1 ทัศนะเก่ยี วกับนิยามของทกั ษะการเรียนรู้แบบชน้ี า 26
ตนเอง มีองคป์ ระกอบ คือ วัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ คาชี้แจง ทศั นะ
เกีย่ วกบั นิยาม แบบประเมินตนเอง และเอกสารอา้ งอิง 34

1.2 คูม่ ือชดุ ท่ี 2 ทัศนะเกย่ี วกับความสาคัญของทักษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี า 45
ตนเอง มีองค์ประกอบ คือ วตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ คาชแี้ จง ทัศนะ
เกี่ยวกบั ความสาคัญ แบบประเมินตนเอง และเอกสารอา้ งองิ 50
63
1.3 คู่มอื ชุดท่ี 3 ทัศนะเกยี่ วกับลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคนทม่ี ีทักษะ 64
การเรยี นรูแ้ บบช้นี าตนเอง มีองค์ประกอบ คือ วตั ถุประสงคก์ าร
เรียนรู้ คาช้ีแจง ทศั นะเกย่ี วกับลกั ษณะ แบบประเมนิ ตนเอง และ
เอกสารอ้างองิ

1.4 คู่มอื ชุดท่ี 4 ทศั นะเกีย่ วกบั แนวทางการพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้แบบ
ช้ีนาตนเอง มีองคป์ ระกอบ คือ วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ คาช้แี จง
ทัศนะเก่ยี วกับแนวทางการพัฒนา แบบประเมนิ ตนเอง และ
เอกสารอา้ งองิ

1.5 คู่มอื ชดุ ท่ี 5 ทัศนะเกยี่ วกบั ขนั้ ตอนการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบ
ชน้ี าตนเอง มีองคป์ ระกอบ คือ วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ คาช้แี จง
ทศั นะเกีย่ วกับขั้นตอนการพัฒนา แบบประเมินตนเอง และ
เอกสารอา้ งอิง

1.6 คู่มือชดุ ท่ี 6 ทัศนะเกย่ี วกับการประเมนิ ผลทักษะการเรยี นรู้แบบชีน้ า
ตนเอง มอี งค์ประกอบ คือ วตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ คาชแ้ี จง ทัศนะ
เก่ยี วกบั การประเมินผล แบบประเมนิ ตนเอง และเอกสารอ้างอิง

2. คู่มอื ประกอบโครงการครผู ู้สอนนาความรสู้ ู่การพัฒนานักเรยี น

2.1 คู่มอื เพื่อการปฏิบัติการในการพฒั นาทักษะการเรียนรูแ้ บบช้ีนาตนเอง
ของนักเรยี น มอี งค์ประกอบ คือ วัตถปุ ระสงค์เพื่อการปฏิบัติ และ
แนวปฏบิ ัติ



1

คมู่ ือชุดที่ 1
ทัศนะเก่ียวกบั นยิ ามของทักษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง

พระปลดั เลก็ อานนฺโท (ทองแสน)

ดุษฎีบัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
มหาวิทยาลัยมหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตอีสาน

ปี พ.ศ. 2564

2

คู่มอื ชดุ ที่ 1
ทศั นะเกยี่ วกับนยิ ามของทักษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง

วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้
หลงั จากการศึกษาคู่มือชุดนี้แล้ว ท่านมพี ฒั นาการด้านพุทธิพสิ ัย (Cognitive Domain) ซง่ึ เป็น

จุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมท่ี
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดข้ันต่ากว่าไปหาทักษะการคิดข้ันสูงกว่า ดังนี้ คือ
ความจา (Remembering) ความเขา้ ใจ (Understanding) การประยกุ ตใ์ ช้ (Applying) การวเิ คราะห์
(Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating) ดงั นี้

1) บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขียนลาดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเส้นใต้ จาแนก หรือระบุนิยามของ
ทกั ษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเองได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรปุ ความ ยกตวั อย่าง บอกความแตกต่าง หรอื เรียบ
เรยี งนิยามของทักษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเองได้

3) แกป้ ญั หา สาธิต ทานาย เชอื่ มโยง ความสมั พนั ธ์ เปลย่ี นแปลง คานวณ หรอื ปรบั ปรุงนิยาม
ของทกั ษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเองได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จาแนกให้เห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผลนิยามของทักษะการ
เรียนรู้แบบชน้ี าตนเองได้

5) วดั ผล เปรียบเทียบ ตคี ่า ลงความเหน็ วจิ ารณน์ ิยามของทักษะการเรียนรูแ้ บบชี้นาตนเองได้
6) รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบยี บ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการนิยามของทกั ษะการเรียนรู้

แบบชี้นาตนเองได้
โดยมีทัศนะเกี่ยวกับนิยามของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองของแหล่งอ้างอิงทางวิชาการ
ตา่ งๆ ดงั นี้
1) นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบชนี้ าตนเองตามทศั นะของ Meredith
2) นิยามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Gibbons
3) นิยามของทักษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Petro
4) นิยามของทักษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเองตามทัศนะของ Mocker & Spear
5) นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเองตามทศั นะของ Mezirow
6) นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเองตามทัศนะของ Carter
7) นิยามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Brookfield
8) นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเองตามทัศนะของ Ecu
9) นิยามของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเองตามทศั นะของ Garland
10) นิยามของทกั ษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเองตามทัศนะของ Weimer
11) นยิ ามของทกั ษะการเรียนรูแ้ บบชีน้ าตนเองตามทศั นะของ Boles
12) นิยามของทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Noelle

3

13) นยิ ามของทกั ษะการเรียนรแู้ บบช้นี าตนเองตามทศั นะของ IGI Global Disseminator
of Knowledge

คาชีแ้ จง
1) โปรดศึกษาเน้ือหาเกี่ยวกับนิยามของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จากทัศนะที่นามา
กล่าวถึง แต่ละทัศนะ โดยแต่ละทัศนะท่านจะต้องทาความเข้าใจท่ีสามารถอธิบายกับ
ตวั เองไดว้ า่ เขาใหน้ ยิ ามวา่ อย่างไร
2) หลงั จากการศึกษาเนอื้ หาแต่ละทัศนะ โปรดทบทวนความรคู้ วามเขา้ ใจของท่านอกี คร้ังจาก
แบบประเมนิ ผลตนเองในตอนทา้ ยของคมู่ ือ
3) เนื้อหาเกี่ยวกับนิยามของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จากทัศนะที่นามากล่าวถึงแต่
ละทศั นะมแี หลง่ อ้างอิงตามที่แสดงไว้ในตอนทา้ ยหลงั ของแบบประเมนิ ผลตนเอง หากท่าน
ต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่าน้ัน ซึ่งต้นฉบับเป็นบทความภาษาอังกฤษ ท่าน
สามารถจะสบื คน้ ตอ่ ได้จากเว็บไซต์ท่ีระบุไว้ในแหล่งอ้างอิงนัน้ ๆ

1. Meredith เป็นนักการศึกษาประจาวิทยาลัยอาชีวศึกษาโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
ให้นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ว่าหมายถึง กระบวนการท่ีแต่ละคนเป็นผ้รู เิ ร่ิม โดยอาจ
มีคนช่วยหรือไม่มีก็ได้" เพ่ือวิเคราะห์ความต้องการในการเรียนรู้ สร้างเป้าหมายในการเรียนรู้ ระบุ
แหล่งเรียนรู้ เลอื กและนากลยทุ ธ์การเรยี นรู้ไปใช้ และประเมนิ ผลลพั ธข์ องการเรียนร้นู น้ั

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจนิยามของการเรียนร้แู บบ
ชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Meredith วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................
........................................................................................................................
.................................................................................................. ......................

2. Gibbons เป็นอาจารย์ประจามหาวิทยาลัย Simon Fraser ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้
แบบชี้นาตนเอง ว่า หมายถึง สิ่งผู้เรียนเป็นผู้ลงกระทา และต้องรับผิดชอบต่อสิ่งน้ัน ๆ โดยแต่ละคน
จะมีการประเมินกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องตนเอง ซ่ึงไม่จากดั เวลา สถานที่ วธิ กี ารและวัยของผู้เรียน

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเข้าใจนิยามของการเรียนรแู้ บบ
ชนี้ าตนเอง ตามทัศนะของ Gibbons ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
.................................................................................................. ......................

4

3. Petro เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Know My World ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาท่ัวโลก ท่ีปรึกษาด้าน
การศกึ ษาที่เช่ียวชาญดา้ นการพฒั นาหลักสตู ร การฝึกอบรมครู การประเมินการศึกษาระดบั โลก ไดใ้ ห้
นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ว่า หมายถึง ประสบการณ์ในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
ซึ่งเป็นการบูรณาการประสบการณ์ท้ังในอดีตและปัจจุบัน จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจนยิ ามของการเรียนรแู้ บบ
ชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Petro ว่าอยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
.................................................................................................. ......................

4. Mocker & Spear ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ว่า หมายถึง โมเดลการ
เรียนรู้ตลอดชีวิต (Model of Lifelong Learning) ซึ่งทาหน้าท่ีหลักในการตัดสินใจเก่ียวกับ
วตั ถปุ ระสงคแ์ ละวธิ ีการของการเรียนรู้ โมเดลดงั กลา่ วมลี ักษณะเป็นตารางเมทรกิ ซ์ 2x2 คอื ตวั ผเู้ รียน
กบั โรงเรยี น น่นั คอื สถานการณ์การเรยี นรู้แบบนาตนเองเกิดขน้ึ เม่ือผเู้ รยี น (ไม่ใช่โรงเรียน) กาหนดท้ัง
วัตถุประสงค์และวิธีการเรียนรู้ โดยสถานการณ์ต่างๆ ต่อไปนี้จะถูกจัดอยู่ในตารางช่องอ่ืนๆ ของเมท
ริกซ์ ได้แก่ 1) การเรียนรู้ตามระบบ (Formal Learning) ซึ่งโรงเรียน (ไม่ใช่ผู้เรียน) กาหนด
วัตถุประสงค์และวิธกี ารเรยี นรู้ 2) การเรียนรู้นอกระบบ (Non-Formal Learning) ซ่ึงผู้เรียนกาหนด
วัตถุประสงค์ แต่โรงเรียนกาหนดวิธีการ และ (3) การเรียนรู้ตามอัธยาศัย (Informal Learning) ซ่ึง
โรงเรยี นกาหนดวตั ถุประสงค์ แตผ่ ู้เรียนกาหนดวิธกี ารเรยี นรู้

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจนิยามของการเรียนรู้แบบ
ชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Mocker & Spear ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
.................................................................................................. ......................

5. Mezirow ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ว่า หมายถึง การกาหนด
วัตถปุ ระสงค์ในการเรียนรู้ตามมาตรฐานของโรงเรียน ซง่ึ เกดิ ขึน้ ไดใ้ นลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ การศกึ ษาใน
ห้องสมุด การสื่อสารระหว่างกันและกัน โดยอาศัยสื่อ วัสดุสิ่งพิมพ์ และโสตทัศนูปกรณ์ สถานท่ีทาง
วัฒนธรรม และสื่อหลายๆ ประเภทรวมกัน

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจนยิ ามของการเรียนรูแ้ บบ
ชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Mezirow ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
........................................................................................................................
.................................................................................................. ......................

5

6. Carter ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ว่า หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ท่ี
ผู้เรียนเป็นผู้วางแผน ลงมือปฏิบัติ เลือกส่ิงที่จะเรียนและรูปแบบวิธีการเรียน ประเมินผลการเรียนรู้
รวมทง้ั กาหนดวันเวลาในการเร่ิมต้นและส้ินสดุ ด้วยตนเอง

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจนยิ ามของการเรยี นร้แู บบ
ชีน้ าตนเอง ตามทัศนะของ Carter วา่ อย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
........................................................................................................................

7. Brookfield เป็นศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยจอห์นไอร์แลนด์ และเป็นประธานที่
ปรึกษามหาวิทยาลัยเซนต์โทมัส ในมินนิอาโปลิส - เซนต์ พอลมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ให้นิยามของ
ทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ว่า หมายถึง การเรียนรู้ตามลาพัง ซ่ึงผู้เรียนจะเป็นผู้กาหนดเน้ือหา
รูปแบบ และวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ของตนเอง โดยอาศัยโครงสร้างทางวัฒนธรรม ความรู้และ
ค่านิยม ท่สี อดคล้องกับสภาพแวดลอ้ มของตนเองและสงั คมในปัจจุบัน

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจนิยามของการเรียนรู้แบบ
ชีน้ าตนเอง ตามทัศนะของ Brookfield วา่ อย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
............................................................................................ ............................

8. ECU เป็นเว็บไซต์ของ Edith Cowan University ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นา
ตนเอง วา่ หมายถึง ผเู้ รยี นเปน็ ผู้กาหนดเปา้ หมาย วตั ถปุ ระสงค์ ตารางการทางาน และพยายามทาให้
บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์น้ัน ซ่ึงตอ้ งอาศัยความกระตือรือรน้ ในกระบวนการเรียนรู้ และรู้จกั ประเมินผล
การเรียนรขู้ องตนวา่ สาเรจ็ ตามเป้าหมายและวตั ถปุ ระสงค์ท่กี าหนดไวห้ รอื เปลา่

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจนิยามของการเรียนรู้แบบ
ชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Ecu ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
........................................................................................................................
.................................................................................................. ......................

9. Garland เป็นอาจารย์ประจามหาวิทยาลัย จบการศึกษาในระดับปริญญาเอกในด้าน
การศึกษาและปริญญาโทในการจัดการธุรกิจ ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ว่า
หมายถึง เป็นกลยุทธก์ ารเรียนการสอนท่ผี ู้เรยี นตดั สินใจวา่ จะเรียนรู้อยา่ งไร โดยการแนะแนวทางจาก
ผู้สอน ซ่ึงสามารถสาเร็จได้ด้วยตนเองหรือเรียนรู้กันเป็นกลุ่ม แต่แนวคิดหลักคือ ผู้เรียนเป็นเจ้าของ
การเรียนร้ขู องตนเอง สามารถเลือกเรยี นในส่งิ ทตี่ นเองสนใจและตามศกั ยภาพของตนเอง

6

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจนยิ ามของการเรยี นรแู้ บบ
ชนี้ าตนเอง ตามทัศนะของ Garland วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
.................................................................................................. ......................

10. Weimer เป็นศาสตราจารย์ด้านการสอนและการเรียนร้ทู ่ี Penn State Berks และได้รับ
รางวัล Milton S. Eisenhower ของ Penn State รางวัลการสอนท่ีโดดเด่นในปี 2548 และเป็นที่
ปรึกษาของมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยมากกว่า 600 แห่ง ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นา
ตนเอง ว่า หมายถึง ความสามารถในการจัดการภาระงานโดยไม่ต้องมีใครมากากับ เป็นทักษะการ
เรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ที่มีประสิทธผิ ล และเป็นหน่งึ ในทักษะการเรียนรู้หลายๆ ทกั ษะทีถ่ กู คาดหวังให้มีการ
พฒั นาระหว่างการเรยี นระดบั อุดมศกึ ษา

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจนยิ ามของการเรียนรแู้ บบ
ชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Weimer วา่ อย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
........................................................................................................................

11. Boles เป็นผู้อานวยการของ Unschool ผจญภัย (บริษัท ท่องเท่ียวสาหรับการกากับ
ตนเองคนหนุ่มสาว) พิธีกรของ “Off-Trail การเรียนรู้” พอดคาสต์และผู้เขียนของวิทยาลัย Better
Than วทิ ยาลัยและศิลปะของตนเองการเรยี นรูโ้ ดยตรง ใหน้ ิยามของทกั ษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง
ว่า หมายถึง วิธีการที่สร้างอิสระ ตัวเลือก และความรับผิดชอบของเราเอง เป็นการเรียนรู้โดยต้ังใจ
(Intentional Learning) หรือการเรียนรู้ท่ีเห็นชอบร่วมกัน (Consensual Learning) ซึ่งสามารถ
เรยี นร้ไู ดใ้ นทกุ สภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในระบบของโรงเรียนหรอื นอกระบบ

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจนยิ ามของการเรียนร้แู บบ
ชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Boles ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………................
........................................................................................................................
................................................................................................................ ........

12. Noelle เป็นครู เป็นนักเขียน เป็นผู้ฝึกอบรมทางวิชาชีพ เมืองพอร์ตแลนด์ ออริกอน ให้
นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ว่า หมายถึง แนวคิดและการลงมือปฏิบัติที่เด็กและวัยรนุ่
จะรับผิดชอบการศึกษาของตนเอง เพราะการศึกษาก็คือธรรมชาติ เกิดขึ้นทุกที่ ทุกเวลา เป็น
กระบวนการพฒั นาทเ่ี ริ่มต้ังแต่เกดิ และดาเนนิ ไปจนช่วั ชวี ติ

7

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจว่าท่านเข้าใจนยิ ามของการเรยี นรแู้ บบ
ช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Noelle ว่าอยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................
........................................................................................................................
................................................................................................................ ........

13. IGI Global Disseminator of Knowledge เป็นสานักพิมพ์ช้ันนาระดับนานาชาติท่ี
เพ่ือใช้ในการค้นคว้างานวิจัยและขยายองค์ความรู้ท่ีมีอยู่ในงานวิจัย ให้นิยามของทักษะการเรียนรู้
แบบช้ีนาตนเอง ว่า หมายถึง กลยุทธ์การเรยี นรู้ที่ให้ผเู้ รียนมีบทบาทในกระบวนการเรยี นรู้ของตนเอง
การควบคุมกระบวนการเรียนรู้ของตนเองว่าจะเรียนรู้อะไร เรียนรู้อย่างไร และจะตัดสินได้อย่างไร
การเรียนรู้ตามมโนทัศน์ของตนเอง การเรียนรู้ซึ่งผู้เรียนต้องรับผิดชอบเองว่าจะเรียนรู้อะไร เม่ือไหร่
และอย่างไร การลงมือปฏิบัติและรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง การเรียนรู้ที่เกิดข้ึนเม่ือผู้เรียน
ทาการสารวจ ต้ังคาถาม โต้ตอบ และตอบสนองต่อสิ่งท่ีเรียนรู้ท่ีเก่ียวข้องกับความต้องการของตน
ผู้เรียนได้เรยี นรู้ตามจังหวะเวลาที่เหมาะของตนเอง กระบวนการเรียนการสอนท่ผี ู้เรยี นมหี น้าท่ีสาคัญ
ในกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการเรียนการสอนท่ีมีความรับผิดชอบต่อการเรยี นรู้ของตนเอง ท้ังใน
การเลือกเรื่องทจ่ี ะเรียน แหลง่ เรยี นรู้ รูปแบบของการเรยี น และการประเมินผล การเรียนร้ขู องผู้ใหญ่
ในการจัดการและกากับการเรียนรู้ของตนเองให้สมดุลกับส่ิงท่ีเกิดข้ึนจริงในชีวิตประจาวันและการ
ประกอบอาชีพ การที่ผู้เรียนริเร่ิมที่จะสอนตนเองโดยใช้วิธีการสอนหรือวิธีการเรียนรู้ของตนเอง การ
รวมกันท่ีซับซ้อนของทัศนคติ ค่านิยม และความสามารถ ซ่ึงอาจทาให้แต่ละคนสามารถขีดเส้นทาง
แห่งการเรียนรู้ของตนเองได้ ประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีผู้เรียนมีหน้าท่ีสาคัญในการมีส่วนร่วม การ
เรียนร้ขู องผใู้ หญ่ทม่ี พี น้ื ฐานมาจากความเปน็ อสิ ระของแตล่ ะคน การอธบิ ายกระบวนการทีแ่ ต่ละคนได้
ริเร่ิมในการวิเคราะห์ความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง การสร้างเป้าหมายการเรียนรู้ การระบุ
แหล่งเรยี นรู้ทั้งที่เป็นมนุษย์และเปน็ วัตถุ กระบวนการท่ีผู้เรยี นไดว้ ิเคราะห์ความต้องการในการเรียนรู้
ของตนเอง สร้างเป้าหมายและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กระบวนการท่ีกระทาอย่างเป็นอิสระเพื่อให้
ได้มาซึ่งความรู้ โดยการริเริ่มท่ีจะเลือกและจัดกิจกรรมการเรียนรู้น้ันๆ กลยุทธ์การเรียนการสอนที่
ผ้เู รียนเปน็ ผูต้ ัดสนิ ใจโดยการแนะแนวทางจากผสู้ อน ว่าจะเรยี นรู้อะไรและเรียนรู้อย่างไร การเรยี นรู้ท่ี
ถูกควบคุมและจัดการโดยผู้เรียน ซ่ึงอาจเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนตามความสนใจของตนเอง
กระบวนการท่ีแต่ละคนวิเคราะห์ความต้องการ การบูรณาการในด้านคุณลักษณะ ค่านิยม และความ
สนใจของผู้เรียนวัยผู้ใหญ่ การกระตุ้นผู้เรียนแต่ละคนให้ตัดสินใจในส่ิงที่เก่ียวข้องกับการเรียนรู้ของ
ตนเอง กระบวนการที่แต่ละคนได้ริเร่ิมข้ึนเพ่ือเพิ่มความรู้และทักษะอย่างไม่จากัดเวลาและสถานท่ี
โดยผู้สอนไม่ต้องชว่ ยเหลอื กระบวนการเรียนรู้ทผ่ี ูเ้ รยี นทาใหส้ าเร็จได้โดยผ้สู อนไมต่ อ้ งให้แนวทาง

8

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจนิยามของการเรยี นรู้แบบ
ช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ IGI Global Disseminator of Knowledge
วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………................
.................................................................................................... ....................
........................................................................................................................

9

แบบประเมนิ ตนเอง
โปรดทบทวนความรู้ความเข้าใจของท่านอีกคร้ังจากแบบประเมนิ ผลตนเองนี้

1) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Meredith ชัดเจนดีแล้ว
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Meredith
กล่าวถงึ นิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเองวา่ อย่างไร ?

2) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Gibbons ชดั เจนดแี ลว้
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ ีกครงั้ แล้วตอบคาถามในใจว่า Gibbons
กล่าวถงึ นิยามของทักษะการเรยี นรแู้ บบชนี้ าตนเองว่าอย่างไร ?

3) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Petro ชัดเจนดีแล้ว
หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี ครง้ั แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Petro
กลา่ วถึงนยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเองว่าอยา่ งไร ?

4) ทา่ นเข้าใจนิยามทักษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Mocker & Spear
ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Mocker &
Spear กลา่ วถงึ นยิ ามของทกั ษะการเรียนรูแ้ บบช้นี าตนเองวา่ อยา่ งไร ?

5) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Mezirow ชัดเจนดีแล้ว
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยังไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจวา่ Mezirow
กลา่ วถึงนิยามของทกั ษะการเรียนร้แู บบชี้นาตนเองว่าอย่างไร ?

6) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Carter ชัดเจนดีแล้ว
หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไมช่ ดั เจนดพี อ
หากยงั ไม่ชดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อกี ครงั้ แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Carter
กลา่ วถงึ นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเองวา่ อย่างไร ?

10

7) ท่านเขา้ ใจนิยามทักษะการเรยี นรูแ้ บบช้นี าตนเองตามทัศนะของ Brookfield ชัดเจนดแี ล้ว
หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ ีกครง้ั แล้วตอบคาถามในใจวา่ Brookfield
กล่าวถึงนิยามของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเองวา่ อยา่ งไร ?

8) ทา่ นเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรแู้ บบชี้นาตนเองตามทัศนะของ Ecu ชัดเจนดีแลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไม่ชดั เจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ ีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Ecu
กล่าวถึงนยิ ามของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเองว่าอย่างไร ?

9) ทา่ นเขา้ ใจนิยามทักษะการเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเองตามทัศนะของ Garland ชัดเจนดแี ลว้
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ กี คร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า Garland
กล่าวถึงนยิ ามของทกั ษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเองว่าอยา่ งไร ?

10) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Weimer ชัดเจนดีแล้ว
หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อีกครง้ั แล้วตอบคาถามในใจวา่ Weimer
กล่าวถงึ นยิ ามของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเองว่าอยา่ งไร ?

11) ทา่ นเขา้ ใจนยิ ามทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเองตามทัศนะของ Boles ชดั เจนดแี ลว้
หรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยังไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลบั ไปศึกษาใหมอ่ กี ครั้ง แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Boles
กลา่ วถึงนิยามของทักษะการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเองว่าอยา่ งไร ?

12) ท่านเข้าใจนิยามทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองตามทัศนะของ Noelle ชัดเจนดีแล้ว
หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ลว้ [ ] ยังไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ ีกครง้ั แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Noelle
กลา่ วถึงนยิ ามของทักษะการเรียนร้แู บบชีน้ าตนเองวา่ อย่างไร ?

13) ทา่ นเขา้ ใจนยิ ามทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเองตามทัศนะของ IGI Global
Disseminator of Knowledge ชดั เจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า IGI Global
Disseminator of Knowledge กล่าวถึงนิยามของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองว่า
อย่างไร ?

11

หมายเหตุ
หากต้องการศึกษารายละเอียดของแตล่ ะทัศนะจากตน้ ฉบบั ทเ่ี ป็นภาษาอังกฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เว็บไซต์ของแตล่ ะแหล่งได้ ดังนี้

1) Meredith: https://www.ericdigests.org/pre-9213/self.htm
2) Gibbons: https://www.selfdirectedlearning.com/
3) Petro: https://edut.to/3tugLGd
4) Mocker & Spear: https://bit.ly/3bNklol
5) Mezirow: https://bit.ly/30LRk6n
6) Carter: https://www.slideshare.net/tjcarter/what-is-self-directed-learning
7) Brookfield: https://infed.org/self-directed-learning/#intro
8) ECU: https://ecu.au.libguides.com/slide/m1-
9) Garland: https://bit.ly/2wnQxK3
10) Weimer: https://bit.ly/2NWM3VQ
11) Boles: www.offtraillearning.com/what-is-sdl/
12) Noelle: http://self-directed.education/
13) IGI Global Disseminator of Knowledge: https://bit.ly/2JKSDcR

เอกสารอ้างองิ
Boles, B. (n.d.). What is self-directed learning?. Retrieved July 11, 2019, from

http://www.offtraillearning.com/what-is-sdl/
Brookfield, D.S. (1985). Understanding self-directed learning. Retrieved July 14, 2019,

from http://infed.org/mobi/self-directed-learning/#intro
Carter, T. (2009). What is self-directed learning. Retrieved July 14, 2019, from

https://www.slideshare.net/tjcarter/what-is-self-directed-learning
Ecu. (2019). What is a self-directed learner?. Retrieved July 14, 2019, from

https://ecu.au.libguides.com/slide/m1-
Garland, W.A. (1985). What is self-directed learning?. Retrieved July 14, 2019, from

https://bit.ly/2wnQxK3
Gibbons, M. (2016). What is self-directed learning?. Retrieved July 10, 2019, from

https://www.selfdirectedlearning.com/
IGI Global Disseminator of Knowledge. (1988). What is self-directed learning.

Retrieved July 14, 2019, from https://bit.ly/2JKSDcR
Meredith , L.C. (1989). What is self-directed learning?. Retrieved July 14, 2019, from

https://www.ericdigests.org/pre-9213/self.htm
Mezirow, J. (1985). A critical theory of self-directed learning. Retrieved July 14, 2019,

from https://bit.ly/30LRk6n

12

Mocker and Spear. (1982). What is self-directed learning?. Retrieved July 14, 2019,
from https://bit.ly/3bNklol

Noelle, S. (2018). What is it? how does it work?. Retrieved July 14, 2019, from
http://self-directed.education/

Petro, L. (2017). How to put self-directed learning to work in your classroom.
Retrieved July 10, 2019, from https://edut.to/2oi1d5X

Weimer, M. (2010). Developing students’ self-directed learning skills. Retrieved August
3, 2019, from https://bit.ly/2NWM3VQ

13

คูม่ อื ชุดท่ี 2
ทัศนะเกย่ี วกบั ความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง

พระปลัดเลก็ อานนโฺ ท (ทองแสน)

ดษุ ฎีบัณฑิตสาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา
มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตอสี าน

ปี พ.ศ. 2564

14

คมู่ อื ชดุ ท่ี 2
ทศั นะเก่ยี วกบั ความสาคัญของทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง

วัตถปุ ระสงคก์ ารเรียนรู้
หลังจากการศึกษาคู่มือชดุ นี้แล้ว ท่านมพี ฒั นาการดา้ นพุทธิพสิ ัย (Cognitive Domain) ซง่ึ

เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เก่ียวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมที่
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดข้ันต่ากว่าไปหาทักษะการคิดขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ
ความจา (Remembering) ความเขา้ ใจ (Understanding) การประยุกตใ์ ช้ (Applying) การวเิ คราะห์
(Analyzing) การประเมิน (Evaluating) และการสร้างสรรค์ (Creating) ดงั น้ี

1) บอกคณุ สมบัติ จับคู่ เขียนลาดับ อธิบาย บรรยาย ขีดเสน้ ใต้ จาแนก หรอื ระบุ
ความสาคญั ของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเองได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอย่าง บอกความแตกต่าง หรือ
เรยี บเรยี งความสาคญั ของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเองได้

3) แกป้ ัญหา สาธิต ทานาย เช่ือมโยง ความสมั พันธ์ เปลีย่ นแปลง คานวณ หรือปรบั ปรุง
ความสาคัญของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเองได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง หรือบอกเหตผุ ลความสาคัญของ
ทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเองได้

5) วัดผล เปรียบเทียบ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณ์ความสาคัญของทักษะการเรยี นรแู้ บบ
ชีน้ าตนเองได้

6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบียบ สร้าง ประดิษฐ์ หรือวางหลกั การความสาคัญของ
ทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองได้

โดยมีทัศนะเกย่ี วกับความสาคัญของทกั ษะการเรียนร้แู บบช้ีนาตนเองของแหล่งอา้ งองิ ทาง
วชิ าการตา่ งๆ ดังนี้

1) ความสาคัญของทักษะการเรยี นรูแ้ บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Timpau
2) ความสาคญั ของทกั ษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Andriotis
3) ความสาคญั ของทกั ษะการเรยี นรูแ้ บบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Holz
4) ความสาคัญของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเอง ตามทศั นะของ Help Teaching
5) ความสาคญั ของทกั ษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทศั นะของ Gutierrez
6) ความสาคัญของทกั ษะการเรียนรูแ้ บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะ ในเวบ็ ไซต์ของ

Alternatives to School
7) ความสาคัญของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะ ในเว็บไซต์ของ

Assignment Bay
8) ความสาคญั ของทักษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทศั นะ ในเว็บไซต์ของ

Western Academy of Beijing

15

9) ความสาคญั ของทักษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะ ในเว็บไซต์ของ
Self-Directed Learning

คาช้แี จง
1) โปรดศึกษาเน้ือหาเก่ียวกับความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จากทัศนะท่ี
นามากลา่ วถงึ แตล่ ะทัศนะ โดยแต่ละทัศนะทา่ นจะต้องทาความเข้าใจท่ีสามารถอธิบายกับ
ตัวเองไดว้ ่า เขากลา่ วถงึ ความสาคัญว่าอยา่ งไร
2) หลังจากการศึกษาเนื้อหาแต่ละทัศนะแลว้ โปรดทบทวนความรู้ความเขา้ ใจของทา่ นอีกคร้ัง
จากแบบประเมินผลตนเองในตอนทา้ ยของคมู่ ือ
3) เน้ือหาเก่ียวกับความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จากทัศนะที่นามา
กล่าวถึงแต่ละทัศนะมีแหล่งอ้างอิงตามท่ีแสดงไว้ในตอนท้ายหลังแบบประเมินผลตนเอง
หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่าน้ัน ซ่ึงต้นฉบับเป็นบทความ
ภาษาอังกฤษ ท่านสามารถจะสืบค้นต่อไดจ้ ากเว็บไซต์ท่รี ะบไุ ว้ในแหลง่ อา้ งองิ นั้นๆ

1. Timpau เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาเอก คณะจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์
การศึกษา University of Bucharest, Bucharest, Romania กล่าวถึงความสาคัญของ ทักษะการ
เรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ดงั น้ี

1) การเปล่ียนแปลงทุกอย่างในสังคมจะเปล่ียนแปลงสภาพความเป็นอยู่และกิจกรรมของ
มนุษย์อยู่เสมอ (All changes in society always changing living conditions and
human activity putting the human face and many other issues that I
always) ซึ่งทาให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพ่ือให้ทันต่อสถานการณ์และยุคสมัย ดังนั้นคนยุค
ใหมจ่ งึ ถกู บงั คับใหเ้ รียนรู้อย่างต่อเน่ือง เพื่อรองรบั การเปลี่ยนแปลงชวี ติ ของเขาที่เกิดข้ึน
ในโลกแหง่ ความรู้ ท้งั ในการทางานตามอาชีพ และทุกเรอื่ งราวของชวี ิต

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจความสาคัญของ ของทักษะการ
เรยี นร้แู บบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Timpau วา่ อย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

16

2. Andriotis สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านสารสนเทศและมีประสบการณ์ด้าน
การศึกษาไอทีและ e-learning งานเขียนของเขาได้รับการตีพิมพ์ในหลายสาขา กล่าวถึงความสาคัญ
ของ ทักษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเอง ดงั น้ี

1) ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะเฉพาะได้มากข้ึน (More Learners’ Development of
Specialized Skills) โดยมีโอกาสฝึกฝนการชี้นาตนเองที่ช่วยให้เรียนรู้ทักษะท่ีสนใจ
อย่างแท้จริง ด้วยความสนใจท่ีมากขึ้นน้ีเอง ผู้เรียนจะโอกาสมากข้ึนท่ีจะได้พัฒนาทักษะ
ใหม่ ๆ ซ่ึงจะเปน็ การเพ่มิ คณุ คา่ ให้ตัวเอง

2) ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการ (Leaners Learn What They Need) เราไม่ได้เรียนรู้
ด้วยวิธีเดียวกัน น่ันคือ บางคนอยากอ่าน ขณะอีกคนอาจชอบลงมือทา ซึ่งรูปแบบการ
เรียนรู้แบบชี้นาตนเองจะตอบโจทย์ในเร่ืองน้ี และช่วยให้ผู้เรียนทาตามสิ่งที่เขาต้องการ
และเรยี นรู้

3) ผ้เู รียนได้เรียนร้จู ากประสบการณ์ตรง (Leaners Learn from Direct Experience) เมอื่
อาจารย์สอนบทเรียนให้กับผู้เรียนอย่างง่ายๆ และตรงไปตรงมา ผู้เรียนอาจเรียนรู้เร่ือง
น้นั ได้ แตก่ ็ไม่มีอะไรมากกวา่ นนั้ แต่การเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ การลงมอื ทาด้วยตนเอง
ผู้เรียนจะเข้าใจแนวคิดของส่ิงนั้นและจะสามารถนาแนวคิดนี้ไปใช้กับสถานการณ์อ่ืน ๆ
ได้

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของ ของทกั ษะการ
เรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Andriotis ว่าอย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

3. Holz ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารและการตลาด Cape Town Area, South Africa กล่าวถึง
ความสาคัญของ ทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ดังน้ี

1) ผู้เรียนมีความสามารถในการจัดการตนเอง ทั้งในด้านเวลาและความรู้ (The modern
self-manage: their time and their inputs) สามารถมอบหมายใหแ้ กป้ ัญหาไดโ้ ดยไม่
ต้องมัวจัดการกับเร่ืองเล็ก ๆ น้อยๆ (micro-management) และสามารถพ่ึงพาได้ใน
เรื่องการใช้ทรัพยากรอยา่ งรับผิดชอบและประหยัด

2) ผู้เรียนจะบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในแบบของตัวเราเอง (the freedom to
meet targets and objectives in “your own way”) โดยการกาหนดเป้าหมาย
ปลายทางซึ่งไม่ใช่การกาหนดกระบวนการ ถือว่าองค์กรให้อานาจแก่ทีมในการดาเนิน
โครงการด้วยวิธีท่ีสร้างสรรค์และมปี ระสทิ ธิภาพมากข้ึน

17

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจความสาคัญของ ของทักษะการ
เรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Holz ว่าอย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

4. Help Teaching เป็นเวบ็ ไซต์ทน่ี าเสนอขอ้ มลู ท่ีหลากหลายครอบคลุมเนื้อหาวิชาพนื้ ฐาน 4
วิชา (ภาษาอังกฤษ/ศิลปะ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา) และวิชาอ่ืน ๆ รวมถึงการศึกษา
ปฐมวัย ศิลปะดนตรีและทักษะการเรียนรู้ กล่าวถึงความสาคัญของ ทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง
ดงั น้ี

1) ผู้เรียนเป็นผู้กาหนด กากับ การเรียนรู้ของตนเอง (Directing and Learning are
Organized by Learners) ซ่ึงผู้เรียนจะต้องกระตือรือร้นมีส่วนร่วมในการศึกษา มี
โอกาสตั้งคาถาม ไตร่ตรอง คิดอย่างสร้างสรรค์ และให้ความสนใจไปยังเร่ืองท่ีดึงดูดใจ
พวกเขา

2) ผ้เู รยี นได้ปลูกฝงั กระบวนการรูค้ ิด (Learners have Instilled the Cognitive Process)
การเป็นผู้เรียนท่ีประสบความสาเร็จนั้นเกี่ยวข้องกับการทาความเข้าใจ วิธีที่คุณเรียนรู้
การกาหนดเปา้ หมายและสะทอ้ นให้เหน็ วา่ เราบรรลเุ ป้าหมายเหลา่ นนั้ ไดด้ เี พียงใด

3) ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะเพ่ือเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ (Learners’ Skill are
Developed for Preparing the Future Career) การจัดการเวลา ความสามารถใน
การทางานท้ังอิสระและทางานร่วมกัน การแก้ปัญหา การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การ
ตัดสินใจ ซ่ึงจะชว่ ยให้นกั เรียนพฒั นาทกั ษะเมื่ออยู่นอกห้องเรียน

4) ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียน (Learners have a good Attitude Towards
Learning) การไดร้ ับรคู้ ุณค่าในการเรียนรู้ ทาให้นักเรยี นกลายเป็นผเู้ รยี นรตู้ ลอด

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจความสาคัญของ ของทกั ษะการ
เรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Help Teaching ว่าอยา่ งไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

18

5. Gutierrez นักยทุ ธศาสตรด์ ้านดจิ ิทลั และท่ีปรกึ ษาด้านการตลาดท่ี Nectar Digital กล่าวถงึ
ความสาคัญของ ทักษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง ดงั นี้

1) ผู้เรียนสามารถยืดหยุ่นการจัดตารางเวลา (Learners’ Timetable is Adjustable and
Flexible) การเรยี นรูจ้ ะมีประสิทธิภาพมากขึน้ หากข้อมลู ที่ซบั ซ้อนถูกอธบิ ายผา่ นมุมมอง
ท่ีหลากหลาย การเปรียบเทียบ และการยกตวั อย่าง

2) ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Learners can Learn as an Adult) ซึ่งจะสอดคล้องอย่าง
มากกับสไตล์การเรียนรู้ตามธรรมชาติของผู้เรียนท่ีเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องการถูกป้อน ข้อมูล
โดยผ้สู อน ซึ่งจะชว่ ยกระตนุ้ ให้ผเู้ รียนที่เป็นผ้ใู หญ่ให้ค้นหาการเรียนรู้

3) ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความต้องการของตนเอง (Leaners Learn by their own Needs)
ช่วยให้การเรียนรู้เป็นไปตามจังหวะของแต่ละคน ตามความต้องการ และตามความพึง
พอใจในการเรียนรู้ในแบบของตนเอง ส่ิงนี้ทาให้การเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองสัมพันธ์กับ
ความต้องการของผู้เรียนมากข้ึน และยังเพิ่มขึ้นหากมีแรงจูงใจท่ีจะเรียนรู้จาก
ประสบการณ์ของตนเองในขณะที่นาความรู้ทีไ่ ด้มาใหม่ไปใช้กับงานที่ทาอยู่

4) ผู้เรียนได้เรียนรู้ความรู้ท่ีเป็นปัจจุบัน (Learners Learn Updated Knowledge) เมื่อ
ผู้เรียนได้รับแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ มีเคร่ืองมือและทรัพยากรท่ีพร้อมใช้งานได้ง่าย
เพ่อื ใหพ้ วกเขาสามารถกา้ วทนั ขอ้ มลู ลา่ สุด

5) ผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะเฉพาะ (Learners Learn Specific Skills) ผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่
ต้องการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะเฉพาะเพ่ือให้ทันกับการแข่งขันในสถานท่ีที่ทางาน
ความสามารถในการเลือกวิธีที่พวกเขาต้องการในเรื่องนั้นๆ ถือเป็นแรงบันดาลใจอย่าง
มาก รวมทั้งความสามารถในการกาหนดเวลาการเรียนรู้ตามความสะดวกโดยไม่ต้องรอ
ให้ผจู้ ดั ฝึกอบรมมาเตรยี มการให้ ก็จะเปน็ การเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนได้ฝึกฝนและเชยี่ วชาญ
ในทกั ษะของตนเอง

6) ผู้เรยี นไดเ้ รยี นรใู้ นส่งิ ทีส่ นใจและชว่ ยใหเ้ กิดความชานาญ (Learners Learn what they
are Interested, Result for their Specific Expertise) เมื่อผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วย
วิธีท่ีพวกเขาทาได้ดีที่สุด โดยการกากับบทเรียนตามความต้องการของพวกเขา และ
เลอื กใชท้ รัพยากรเพ่ือวเิ คราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพ่ือสร้างองคค์ วามรู้ความเข้าใจของ
ตนเอง กจ็ ะทาใหม้ คี วามเชีย่ วชาญในสาขานั้นมากขน้ึ

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจความสาคัญของ ของทักษะการ
เรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Gutierrez ว่าอย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

19

6. Alternatives to School เป็นเว็บไซต์ที่นาเสนอโรงเรียนทางเลือก ซึ่งมีหลักสูตรและ
วิธีการท่ีไม่ใช่แบบดั้งเดิม โรงเรียนดังกล่าวมีปรัชญาและวิธีการสอนท่ีหลากหลาย กล่าวถึง
ความสาคญั ของ ทกั ษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง ดังน้ี

1) ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้ตามความพอใจของตนเอง ซ่ึงช่วยให้ผู้เรียนมีความม่ันใจ เกิด
ความคิดสร้างสรรค์ (Learners have Developed their Learning by their own
Satisfaction. This way Help Learners to become Confident and Creative) การ
ท่ีเราต้องรับผิดชอบชีวิตของเราเอง เพ่ือเพ่ิมความสามารถของตัวเราเอง การสร้าง
ทางเลือกเพ่ือตัดสินใจด้วยตนเองมากเท่าไหร่ เช่น อ่านความคิด ความรู้สึก ความ
ต้องการ และความจาเป็นของตนเองแล้วช่ังน้าหนักโดยเปรียบเทียบกับตัวเลือกท่ีมี
ในขณะที่ยังมีอายุน้อย ๆ อยู่ ก็มีแนวโน้มท่ีจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ท่ีมีวุฒิภาวะ มีเหตุผล มี
สุขภาพดี มีประสิทธิผล และเห็นอกเหน็ ใจผู้อน่ื

2) ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าและความสาเร็จของตนเอง (Learners Know their Value and
Success) ซึ่งไม่ได้หมายความวา่ จะไม่มีใครพูดดถู ูกอะไรพวกเขา เรยี กพวกเขาวา่ โง่ หรอื
วิจารณ์ว่าพวกเขาไร้ความสามารถในทางใดทางหนึ่ง แต่น่ีเป็นการช้ีว่าพวกเขาจะไม่ได้
ยินคาพูดเชงิ ลบ

3) ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสิ่งท่ีตนเองสนใจ (Learners Learn by their own Satisfaction)
โรงเรยี นโดยท่วั ไปจะมกี ารกาหนดหลักสตู รไวแ้ ลว้ มกี าหนดการท่ีตายตวั และไม่สามารถ
ตอบสนองความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคลได้ แม้แต่หวั ข้อที่อยู่ในหลักสูตร
ของโรงเรียนตามปกติ ก็สามารถสารวจได้ในเชิงลึกและมีความหมายมากข้ึนในการ
เรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง

4) ผู้เรียนได้เรียนรู้การทางานร่วมกับบุคคลอ่ืน (Learners Learn to Work with other
People) หากไมม่ ขี อ้ กาหนดในหลักสตู รของโรงเรียน ผู้ปกครองและนกั เรียนก็มีอสิ ระใน
การสร้างสรรค์ อภิปราย ต่อรอง ออกแบบ และสารวจ ซึ่งเป็นการลงมือทาในสิ่งที่พวก
เขาตดั สินใจเลอื กวา่ จะตอบสนองเปา้ หมาย คา่ นิยม และความปรารถนาส่วนตัวไดด้ ที ี่สดุ

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจความสาคัญของ ของทกั ษะการ
เรียนรแู้ บบชีน้ าตนเอง ตามทัศนะของ Alternatives to School วา่ อย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………….............................

20

7. Assignment Bay กล่าวถงึ ความสาคญั ของ ทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ดงั นี้
1) ผู้เรียนเกิดความพอใจและม่ันใจในการเรียนรู้ของตนเอง (Learners are Satisfied and
Confident with their Self-Learning) การรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง ช่วย
ให้เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ของโลกภายนอก ซ่ึงไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของ
พวกเขา การยอมรับข้อจากัดของตัวเองจะทาให้บุคคลน้ันตระหนักถึงขอบเขตท่ีเขา
สามารถใช้ยึดถือสาหรับตัวเอง ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้บุคคลสามารถแก้ไขปัญหาของตน
ได้อย่างสร้างสรรค์และสร้างวิธีการของตนเอง คนเหล่านน้ั เรียนรผู้ ่านความผดิ พลาดของ
ตัวเอง จนกลายเป็นผู้ท่ีสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และทาให้มีทางเลือกท่ีสร้างสรรค์มาก
ขึ้นในชวี ติ ประจาวัน
2) ผู้เรียนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองจากเรื่องที่ตนเองสนใจและถนัด (Learners Learn
and Develop themselves based on their Interests) วิธีน้ีป้องกันนักเรียนไม่ให้ขี้
เกียจในเรื่องการเรียน นักเรียนท่ีทาตามรูปแบบการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเองจะแน่ใจไดว้ า่
รูปแบบการเรียนรู้ของพวกเขาสอดคล้องกับความถนัด ดังนั้นจึงเป็นสถานการณ์ที่ต่าง
ฝา่ ยต่างกไ็ ด้ประโยชน์
3) ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้ ซ่ึงนาไปสู่การสร้างและพัฒนานวัตกรรม (Learners are
Free to Learn. It could Help Creative and Innovation) นักเรียนควรได้รับอิสระ
ในการเข้าถึงหลักสูตรท่ีมีเน้ือหาลึกกว่าท่ีกาหนดไว้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างสรรค์
ผลงานและนวัตกรรม ด้วยวิธีการและลักษณะท่ีเหมาะสมกับบุคลิกภาพและความถนัด
ของตนเอง

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจความสาคัญของ ของทักษะการ
เรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Assignment Bay วา่ อยา่ งไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………................................
………………………………………………………………………………................................

8. Academy of Beijing กล่าวถงึ ความสาคัญของทักษะการเรียนร้แู บบช้ีนาตนเอง ดังนี้
1) ผู้เรียนได้เรียนรู้เชิงสารวจ (Learners have Learned from Explorations) ลองทาส่ิง
ใหม่ ๆ กับผู้เช่ียวชาญในสาขานั้นๆ ตัวอย่างเช่น การเข้าร่วมเล่นดนตรีกับครูสอนดนตรี
การทดลองรว่ มกับนกั เคมี
2) ผูเ้ รียนไดเ้ รียนรใู้ นส่งิ ทจ่ี าเปน็ (Learners Learn What They Need to Learn) ช่ัวโมง
โฮมรูมเหมาะกับงานในวิชาหลักทีน่ ักเรยี นแตล่ ะคนต้องทาใหเ้ สร็จ แต่พวกเขากม็ อี ิสระท่ี
จะทางานในสถานท่ีต่าง ๆ ในเวลาท่ีต่างกัน ตัวอย่างเช่น การฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้
เก่งข้ึน

21

3) ผู้เรียนได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ (Learners Learn From Experts) นักเรียนมีอิสระใน
การช้ีนาการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยเลือกหัวข้อที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมและทาให้ครูเห็น
คุณค่าของหัวข้อนั้นๆ ตัวอย่างเช่น การเรียนรู้การเล่นกีตาร์ไฟฟ้า การทาเครื่องแต่งกาย
สาหรับการแสดงละครหรือดนตรี

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจความสาคัญของ ของทักษะการ
เรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทัศนะของ Academy of Beijing ว่าอย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………................................
………………………………………………………………………………................................

9. ในเว็บไซตข์ อง Self-Directed Learning กลา่ วถึงความสาคัญของ ทักษะการเรยี นรู้แบบ
ช้นี าตนเอง ดังน้ี

1) ผเู้ รยี นได้เรียนร้วู ธิ ีการเรียนรู้ (Learners Learn the Learning Method) เปดิ โอกาสให้
นักเรยี นไดส้ อนตนเองในทกั ษะท่จี าเปน็ ทส่ี ุดในการเปน็ ผูเ้ รยี นรู้ตลอดชวี ิต นั่นคอื ความรู้
เกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ การเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง สอนวิธีการท่ีจะเรียนร้มู ากกว่าสิ่งทจ่ี ะ
เรียนรู้ใหก้ ับนักเรียน หากนกั เรียนสามารถเรียนรู้ “วธิ กี าร” สว่ นที่เปน็ เนื้อหาหรือหัวข้อ
กส็ ามารถเรียนรู้สลับกนั ได้

2) ผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะทางสังคมและการส่ือสาร ( Learners Learn Social and
Communication Skills) เม่ือไปดูท่ีรายการทักษะสหวิทยาการของหลักการท่ีนาไปสู่
การปฏิบัติ (PYP transdisciplinary) จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสาหรับนักเรียนที่จะใช้ทักษะ
มากกว่า 75% อย่างกระตือรือร้นตลอดการสอบถามท่เี ป็นส่วนตวั ทักษะเหล่านส้ี ามารถ
นาไปใช้กับบริบทต่างๆ และสถานการณ์การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ทั้งภายในและนอก
โรงเรียน

3) ผู้เรียนได้ฝึกกระบวนการเรียนรอู้ ย่างอิสระ (Learners Practice the Free – Learning
Methodology) ซึ่งเป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ จะช่วยให้นักเรียนฝึกฝนตนเองอย่างเป็น
อิสระ ในข้ันตอ่ ไปของกลยทุ ธ์เพ่ือทาความเขา้ ใจ นัน่ คือ นกั เรยี นอา่ นแล้วตั้งคาถามในใจ
พร้อมกับกระตุกความสงสัยใคร่รู้ไปโดยตลอด พวกเขาเช่ือมโยงเข้ากับความรู้และ
โครงสร้างทางความรู้พ้ืนฐาน พวกเขาตรวจสอบความเข้าใจเม่ือทาการประเมินเนื้อหาที่
พวกเขาปฏิสัมพันธ์ด้วย พวกเขากาหนดส่วนสาคัญของเนื้อหาเพ่ือช่วยให้เน้นไปที่การ
สอบถามที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาอนุมานคาท่ีไม่คุ้นเคยและความหมายของแนวคิดเม่ือ
อ่านเน้ือหา และพวกเขานาทุกสิ่งท่ีพวกเขาเข้าใจแล้วสังเคราะห์มาเป็นบทสรุปของการ
เรียนรใู้ หมข่ องตนเอง

22

4) ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนมากขึ้น (Learners Improve their
Reading and Writing Skills) การเรียนรู้แบบชี้นาตนเองจะเพ่ิมระยะเวลาที่นักเรียนใช้
ในการอ่านและการเขียน ในการเรียนรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับความสงสัยใคร่รู้ของพวกเขานั้น
นักเรียนจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการทาความเข้าใจและสร้างเน้ือหาท่ีเป็นเรื่องจริง
และส่ิงท่ีมองเห็น เป็นผลให้เกิดการพัฒนาความรู้ท่ีแท้จริงและมีจุดมุ่งหมาย ภายใต้
บริบทของการสบื เสาะนัน้

5) ผู้เรยี นไดร้ บั อิสระในการเรียนรู้ (Learners have Freedom to Learn) พวกเขาสามารถ
เลือกท่ีจะทางานอย่างอิสระหรือสลับคู่ พวกเขาสามารถเลือกท่ีจะทางานในห้องเรียน
พ้ืนที่ส่วนกลางหรือห้องสมุด พวกเขาสามารถเลือกสิ่งท่ีพวกเขาต้องการเรียนรู้และวิธีท่ี
พวกเขาต้องการส่ือสาร เสรีภาพในการเลือกนช้ี ่วยให้นักเรียนคน้ หาขอบเขตการเรียนรู้ที่
ใกล้เคียงกับพวกเขา ท้ังทางกายภาพ สังคม จิตใจ และอารมณ์ ซ่ึงส่งเสริมการรับรู้
เก่ียวกับอภิปญั ญาและการสนบั สนุนตนเองตลอดการเรยี นรนู้ น้ั ๆ

6) ผู้เรยี นได้เรยี นรู้จากการลงมือปฏบิ ัตโิ ดยมีครเู ป็นผ้ใู ห้คาแนะนา (Learners Learn from
the Practice Under the Suggestions from Teacher) การท่ีนักเรียนได้แสดงออก
จะเพ่ิมขึ้นเป็นอย่างมากตามเวลาที่ผ่านไป โดยครูจะมีบทบาทหลักเป็นผู้เช่ือมโยง ผู้
ฝึกสอน และโค้ชทางปัญญา การริเริ่มสร้างสรรค์และความสามารถในการจัดระเบียบ
ของนักเรียนก็จะเติบโตไปด้วยกัน นักเรียนรู้ว่าพวกเขากาลังทาอะไรอยู่และพวกเขา
ตอ้ งการทาให้สาเร็จอย่างไร งานของครูคือการเพมิ่ และผลักดันศักยภาพการเรียนรู้ในแต่
ละข้อสงสัยเหล่าน้นั

7) ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสภาพแวดล้อมจริง (Learners Learn from Real Environment)
ไม่ว่านักเรียนจะเกิดข้อสงสัยเองหรือมากันเป็นกลุ่ม ก็จะมีการผสมผสานความคิดและ
การแบง่ ปนั ท่เี กิดข้ึนอย่างต่อเนื่อง นกั เรียนมสี ่วนร่วมในการตอ่ รองประนีประนอม ใหผ้ ล
สะท้อนกลับ และการประเมินผลโดยเฉพาะอย่างย่ิงเม่ือเรียนรู้แบบจับคู่กันและกลุ่ม
เล็กๆ

8) ผู้เรียนเป็นผู้กากับการเรียนรู้ของตนเอง (Learners Control their Learning) การ
ควบคุมและอานาจจะเปล่ยี นกลับไปอยู่ท่ีนักเรียน พวกเขาเร่ิมมีความมุ่งมั่นและอิสระใน
การเรียนร้มู ากข้นึ ด้วยเหตนุ ้ีจึงดูเหมือนว่าจะเป็นความหลงใหลทีแ่ ทจ้ ริงและเกิดขึ้นใหม่
ต่อการมาโรงเรยี นและการเรยี นรู้

9) ผเู้ รียนเปน็ ผ้สู นบั สนนุ ตนเองในส่งิ ที่ต้องการเรียนรู้ (Learners are Self-Supporting of
What They want to Learn) สาหรับนักเรียนบางคนอาจจะต้องใชพ้ ื้นท่ีและระดับการ
ได้ยินท่ีแตกต่างกันเพื่อใช้เป็นจุดสนใจ แต่สาหรับบางคนอาจแนะให้ใช้ดนตรีผ่อนคลาย
เคร่ืองมือเทคโนโลยี ทรพั ยากรท่ีเป็นสงิ่ ปลูกสรา้ งหรือการออกแบบ การเข้าถึงส่งิ อานวย
ความสะดวกในมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญเพ่ือให้ความช่วยเหลือ ฯลฯ นักเรียนรู้ว่าถ้า
พวกเขาขอในส่ิงที่จะช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้และสามารถบอกเหตุผลของข้อเรียกร้อง
น้ันได้

23

10) ผู้เรียนมีทักษะการส่ือสารเพิ่มขึ้น (Learners Increase their Communication Skill)
เป็นการเพ่ิมความสามารถของนักเรียนในการส่ือสารกับผู้อ่ืนและท้ังโลก นักเรียนใช้
รูปแบบที่มองเห็นได้อย่างหลากหลายเพื่อแบ่งปันและจัดทาเอกสารการเรยี นรู้ซึ่งช่วยใน
การปรบั ปรงุ ทกั ษะการออกแบบ ส่ิงท่ีมองเหน็ ได้ ส่งผลให้นักเรยี นคิดอย่างเปน็ ธรรมชาติ
มากข้ึนเก่ียวกับจุดประสงค์ของ "ชิ้นงาน" และกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา ซึ่งจะ
กลายเปน็ เครอ่ื งมือสื่อสารยุคใหม่ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพมากขึน้

11) ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการสืบค้นข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและเลือกใช้อย่างเหมาะสม
( Learners Learn how to use Internet Appropriately and also Learn how to
find an Information from the Internet) นน่ั คอื การใชท้ ักษะการสืบคน้ และดึงข้อมูล
เพื่อกลั่นกรองทรัพยากรท่ีมีอยู่มหาศาลท่ีเข้าถึงได้ทางออนไลน์ ประเมินแหล่งท่ีมาเพื่อ
ระบุข้อมูลที่สามารถเข้าใจและเรียนรู้ได้ กรองแหล่งข้อมูลท่ีไม่เหมาะสมหรือไม่มี
ประโยชน์ซ่ึงอาจออกไปจากเส้นทางการเรียนรู้ และเป็นผู้เรียนที่มีความรับผิดชอบและ
เรียนรู้ด้วยระบบดิจิทัลมากขึ้น ช่วยให้มีปฏิสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูล
ออนไลน์ ทาให้นักเรยี นกลายเป็นผเู้ รยี นทที่ ันสมยั ท่ีและชอื่ ถือได้

12) ผู้เรียนมีความรู้และความชานาญด้านเทคโนโลยี (Learners Improve their
Technology Skill) บ่อยครั้งท่ีพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเพ่ือน ดังน้ันเม่ือนักเรียน
คนหน่ึงคิดอย่างแตกต่างและพยายามทาส่ิงใหม่ ๆ คนอื่น ๆ ก็จะติดตามและสร้างสรรค์
ส่ิงใหม่ ๆ ไปด้วย ดังน้ันความชานาญด้านเทคโนโลยี “จากเพื่อนสู่เพื่อน” จึงสร้าง
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบดิจิทัลที่แลกเปล่ียนกันท่ีเป็นพลวัต ซึ่งช่วงเวลาท่ีพวกเขา
ใช้เทคโนโลยีก็จะเพิ่มข้ึนพร้อมกับโอกาสในการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ดังนั้นจึงเป็นการ
เตบิ โตไปด้วยกนั ทง้ั ความสามารถสว่ นบุคคลและสว่ นรวมจากการใชส้ อ่ื เหล่านี้

13) ผู้เรียนมีความกล้าท่ีจะปรึกษาเพื่อนร่วมงาน ครู และผู้เชี่ยวชาญ (Learners are
Confident when Consulting with Co-Worker, Teacher, and Experts) ไม่ว่าจะ
เป็นการขอคาแนะนาจากเพื่อน ๆ ว่าจะหาข้อมูลได้ดีที่สุดอย่างไร ขอคาแนะนาการ
เรียนรู้ดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น หรือโดยการติดต่อกับผู้เช่ียวชาญผ่านสื่อโซเชียล พวก
เขาจะเห็นคุณค่าในการใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลน้นั ๆ ที่พวกเขาต้องการเพ่ือช่วยให้
พวกเขาเรยี นรู้

14) ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ (Learners Learn New Things) ในระหว่างการเรียนรู้แบบ
ชี้นาตนเอง สภาพแวดล้อมมีผลต่อการเรียนรสู้ ่งใหม่ ๆ ผ่านการทดลองและข้อผิดพลาด
ความล้มเหลว ความขัดข้อง ความสาเร็จและผลสัมฤทธ์ิ เป็นผลให้นักเรียนสร้า ง
นวัตกรรมใหมๆ่ ขึน้ มา

15) ผู้เรียนได้เรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Learners Learn Creative Problem
Solving)ซึ่งพวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือหรือทรัพยากรได้ทันทีในตอนแรก
ดังน้ันพวกเขาจาเป็นต้องเป็นนักคิดท่ีมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ เริ่มเรียนรู้ในการ
แก้ปัญหาด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ ซ่ึงจะทาให้บรรลุเป้าหมายด้วยสิ่งท่ีพวกเขามี และ
รู้สกึ ภาคภมู ใิ จในส่ิงท่ีได้ลงมือทา

24

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของ ของทกั ษะการ
เรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Self-Directed Learning ว่าอย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………................................
………………………………………………………………………………................................

25

แบบประเมินตนเอง
1) ทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้นี าตนเอง ตามทศั นะของ Timpau
ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ ีกครั้ง แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Timpau
กล่าวถึงความสาคญั ของทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง ว่าอยา่ งไร ?
2) ทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของทักษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Andriotis
ชดั เจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยังไม่ชัดเจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหม่อีกครง้ั แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Andriotis
กล่าวถงึ ความสาคัญของทกั ษะการเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง วา่ อยา่ งไร ?
3) ทา่ นเขา้ ใจความสาคญั ของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Holz
ชดั เจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี ครงั้ แล้วตอบคาถามในใจวา่ Holz
กล่าวถึงความสาคญั ของทักษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเอง ว่าอย่างไร ?
4) ท่านเข้าใจความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Help
Teaching
ชัดเจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า Help
Teaching กลา่ วถึงความสาคญั ของทกั ษะการเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเอง วา่ อย่างไร ?
5) ท่านเข้าใจความสาคญั ของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทศั นะของ Gutierrez
ชดั เจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยังไม่ชดั เจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหมอ่ ีกครัง้ แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Gutierrez
กล่าวถึงความสาคัญของทกั ษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง วา่ อย่างไร ?
6) ทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะในเวบ็ ไซต์
Alternatives to School ชดั เจนดีแล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
Alternatives to School กลา่ วถงึ ความสาคัญของทกั ษะการเรียนรแู้ บบชน้ี าตนเอง
วา่ อยา่ งไร ?

26

7) ท่านเข้าใจความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
Assignment Bay ชดั เจนดีแลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ดั เจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
Assignment Bay กล่าวถึงความสาคัญของทกั ษะการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเอง วา่ อยา่ งไร ?

8) ท่านเข้าใจความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
Western Academy of Beijing ชดั เจนดีแลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยังไม่ชัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
Western Academy of Beijing กลา่ วถงึ ความสาคญั ของทกั ษะการเรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง
วา่ อย่างไร ?

9) ทา่ นเขา้ ใจความสาคัญของทักษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
Self-Directed Learning ชัดเจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อีกคร้งั แล้วตอบคาถามในใจวา่ ในเว็บไซต์
Self-Directed Learning กลา่ วถงึ ความสาคญั ของทกั ษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง
วา่ อยา่ งไร ?

หมายเหตุ
หากตอ้ งการศกึ ษารายละเอียดของแตล่ ะทัศนะจากต้นฉบบั ทเ่ี ป็นภาษาองั กฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เว็บไซต์ของแตล่ ะแหล่งได้ ดงั นี้

1. Timpau: https://bit.ly/2JSWvbz
2. Andriotis: https://bit.ly/2Lx1F0h
3. Holz: https://bit.ly/2SCTCQp
4. Help Teaching: https://bit.ly/30F7V9E
5. Gutierrez: https://bit.ly/2Z2arX3
6. Alternatives to School: https://bit.ly/1oThCbA
7. Assignment Bay: https://bit.ly/2Z3Y6Sm
8. Western Academy of Beijing: https://bit.ly/2xPTRxT
9. Self-Directed Learning: https://bit.ly/2GlTvUq

27

เอกสารอา้ งองิ
Alternatives to School. (2019). Alternatives to school welcome to the world of self-

directed education 2019.Retrieved July 16, 2019, from https://bit.ly/1oThCbA
Andriotis, N. (2017). Benefits of self-directed learning. Retrieved July 17, 2019,

https://bit.ly/2Lx1F0h
Assignment Bay. (2017). Benefits of self-directed learning. Retrieved July 17, 2019,

from https://bit.ly/2Z3Y6Sm
Gutierrez, K. (2017). The advantages of self-directed learning in the workplace.

Retrieved July 16, 2019, from https://bit.ly/2Z2arX3
Help Teaching. (2019). The importance of self-directed learning. Retrieved July 16,

2019, from https://bit.ly/30F7V9E
Holz, S. (2017). Why it’s important to support self-directed learning in the classroom.

Retrieved July 16, 2019 , from https://bit.ly/2SCTCQp
Self-Directed Learning. (n.d.). The benefits of self-directed learning. Retrieved July 20,

2019, from https://bit.ly/2GlTvUq
Timpau, C. (2015). Importance of self-directed learning. Retrieved July 16, 2019, from

https://bit.ly/2JSWvbz
Western Academy of Beijing. (2017).Young students benefit from self-directed

learning days. Retrieved July 17, 2019, from https://bit.ly/2xPTRxT

28

ค่มู อื ชดุ ท่ี 3
ทัศนะเก่ียวกับลักษณะหรือคณุ ลกั ษณะของคนท่ีมีทักษะ

การเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเอง

พระปลดั เล็ก อานนโฺ ท (ทองแสน)

ดษุ ฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
มหาวทิ ยาลัยมหามกฎุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตอีสาน

ปี พ.ศ. 2564

29

ค่มู อื ชดุ ที่ 3
ทศั นะเกี่ยวกบั ลกั ษณะหรือคณุ ลักษณะของคนที่มีทักษะ

การเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง

วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้
หลงั จากการศึกษาค่มู ือชุดนี้แลว้ ทา่ นมีพัฒนาการด้านพุทธพิ สิ ยั (Cognitive Domain) ซง่ึ

เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมท่ี
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ากว่าไปหาทักษะการคิดขั้นสูงกว่า ดังนี้ คือ
ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกต์ใช้ (Applying) การวเิ คราะห์
(Analyzing) การประเมนิ (Evaluating) และการสรา้ งสรรค์ (Creating) ดงั น้ี

1) บอกคณุ สมบัติ จับคู่ เขียนลาดบั อธบิ าย บรรยาย ขดี เส้นใต้ จาแนก หรือระบุลักษณะ
หรอื คณุ ลกั ษณะของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเองได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตวั อยา่ ง บอกความแตกต่าง หรือ
เรียบเรยี งลกั ษณะหรือคณุ ลักษณะของทกั ษะการเรยี นรูแ้ บบช้นี าตนเองได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทานาย เช่ือมโยง ความสัมพันธ์ เปลี่ยนแปลง คานวณ หรือปรับปรุง
ลกั ษณะหรอื คุณลักษณะของทักษะการเรยี นรูแ้ บบชนี้ าตนเองได้

4) แยกแยะ จัดประเภท จาแนกให้เห็นความแตกต่าง หรือบอกเหตุผลลักษณะหรือ
คุณลักษณะของทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเองได้

5) วัดผล เปรียบเทียบ ตีค่า ลงความเห็น วิจารณ์ลักษณะหรือคุณลักษณะของทักษะการ
เรียนรู้แบบชี้นาตนเองได้

6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบียบ สร้าง ประดิษฐ์ หรือวางหลักการลักษณะหรือ
คุณลักษณะของทกั ษะการเรียนรูแ้ บบชน้ี าตนเองได้

โดยมีทัศนะเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณลักษณะของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเองของ
แหล่งอา้ งองิ ทางวชิ าการตา่ งๆ ดงั น้ี

1) ลักษณะหรอื คุณลักษณะของคนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ
Nucum

2) ลักษณะหรือคุณลักษณะของคนท่มี ีทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทศั นะของ
Hamdy

3) ลักษณะหรอื คุณลักษณะของคนทม่ี ีทักษะการเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ
Caruso

4) ลักษณะหรอื คุณลักษณะของคนทีม่ ีทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ
Vaivada

30

5) ลกั ษณะหรอื คุณลกั ษณะของคนท่ีมีทักษะการเรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทศั นะของ
Atkinson

คาช้แี จง
1) โปรดศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณลักษณะของคนที่มีทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนา
ตนเอง จากทศั นะที่นามากลา่ วถึงแตล่ ะทัศนะ โดยแตล่ ะทัศนะทา่ นจะต้องทาความเข้าใจ
ที่สามารถอธบิ ายกบั ตวั เองได้ว่า เขากล่าวถงึ ลักษณะว่าอย่างไร
2) หลงั จากการศกึ ษาเน้อื หาแต่ละทัศนะแลว้ โปรดทบทวนความรู้ความเข้าใจของทา่ นอีกครั้ง
จากแบบประเมินผลตนเองในตอนทา้ ยของคู่มือ
3) เน้ือหาเกี่ยวกับลักษณะหรือคุณลักษณะของคนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จาก
ทัศนะท่ีนามากล่าวถึงแต่ละทัศนะมีแหล่งอ้างอิงตามที่แสดงไว้ในตอนท้ายหลังแบบ
ประเมินผลตนเอง หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่าน้ัน ซึ่งต้นฉบับเป็น
บทความภาษาองั กฤษ ทา่ นสามารถจะสบื คน้ ตอ่ ได้จากเว็บไซตท์ ่ีระบุไวใ้ นแหลง่ อา้ งองิ
นนั้ ๆ

1. Nucum สาเรจ็ การศึกษาปรญิ ญาตรี สาขาภาษาองั กฤษ วชิ าวารสารศาสตร์ เปน็ ผู้ที่ให้
ความสนใจเกยี่ วกับเรื่องเทคโนโลยกี ารศกึ ษา กลา่ วถงึ ลกั ษณะหรือคณุ ลักษณะของคนที่มีทักษะการ
เรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ดงั นี้

1) เปน็ ผรู้ ิเริ่ม (Take the Initiative) คอื การได้รบั มอบหมายให้ทาภารกิจบางอย่างท่ีไม่เคย
ทามาก่อน ซ่ึงการริเร่ิมด้วยตนเองเป็นลักษณะสาคัญของผู้เรียนที่ช้ีนาตนเอง ผู้ท่ีริเริ่ม
ด้วยตนเองจะมคี วามมนั่ ใจในการพูดและแบ่งปันความคิด ไมก่ ลัวท่จี ะคว้าโอกาสท่ีคนอ่ืน
มองข้าม

2) สารวจอยา่ งเปน็ อสิ ระ (Explore Independently) ผู้เรียนที่ชน้ี าตนเองมีความอยากรู้
อยากเห็นสงู มีคาถามมากมายและต้องการทราบวา่ “ทาไม” และ “อยา่ งไร” เกี่ยวกบั
ส่ิงตา่ งๆ การเป็นอสิ ระไม่ได้หมายความว่าผู้เรียนจะแยกตัวเองออกจากผู้คน การสรา้ ง
เครอื ข่ายและการร่วมมือกับผู้คนยงั คงเป็นส่วนสาคัญในการเรยี นรู้ ซง่ึ ผู้เรียนจะรู้วธิ ีการ
ปรบั ตวั เขา้ กับสภาพแวดลอ้ มและการ ใชท้ รัพยากรทมี่ ีอยู่

3) มีความรับผิดชอบ (Accept Responsibility) คนที่มีความรับผิดชอบจะกระตือรือร้นที่
จะทางานให้เสร็จตามเวลาที่กาหนด ส่วนท่ีเชื่อมโยงกับความรับผิดชอบคือการมีวินัยใน
ตนเอง ตรงต่อเวลา ทางานด้วยความคิดริเร่ิม และทาตามกฎและข้อบังคับแม้ว่าจะไม่มี
ใครคอยเฝ้าดู

4) มีทศั นคติทด่ี ีต่อชวี ิต (Have a Healthy Outlook in Life) ผเู้ รยี นทช่ี ี้นาตนเองเห็นความ
ท้าทายเป็นโอกาสในการเติบโต เรียนรู้ และปรับปรุง ความคิดเชิงบวกนี้ช่วยให้จัดการ
กับสถานการณ์ทย่ี ากลาบากได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

31

5) มีแรงจงู ใจโดยธรรมชาติ (Naturally Motivated) แรงจูงใจภายในนัน้ หมายถึงพฤติกรรม
ที่ขับเคลื่อนโดยสิ่งตอบแทนท่ีเกิดภายใน ในทางตรงกันข้ามแรงจูงใจภายนอกเกิดข้ึน
เมื่อได้รับแรงจูงใจจากสิ่งตอบแทนภายนอก ในยามท่ีการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพราะ
ความชอบ ผู้เรียนที่ชี้นาตนเองท่ีประสบความสาเร็จจะต้องการทราบสิ่งต่าง ๆ เพียง
เพราะชอบท่ีจะเรยี นรู้ เข้าร่วมในกิจกรรมตา่ ง ๆ ทร่ี ู้สกึ ว่าเป็นรางวัลสว่ นตวั

6) รู้ทักษะพ้ืนฐานในการเรียน (Know Basic Study Skills) ประโยชน์ของทักษะพื้นฐาน
ของการเรียน เช่น การจดบันทึก การถาม การอธิบายให้ตัวเองฟัง เป็นทักษะสาคัญที่
ช่วยใหผ้ เู้ รยี นพฒั นาตนเองได้

7) รู้วิธีจัดการเวลา (Know How to Manage Time) การจัดการเวลาช่วยให้มีเวลาในการ
เรยี นรู้จากสงิ่ ต่างๆ มากมาย แตไ่ ม่จาเป็นต้องรบี เร่งหรอื ทาส่งิ ตา่ ง ๆ ในคราวเดยี ว

8) รู้ตัวเอง (Self-Aware) การตระหนักในตนเองนั้นเป็นการรู้ว่าคุณคือใคร ทั้งในด้าน
บุคลิกภาพ ค่านิยม และเปา้ หมายในอนาคต ผู้ทรี่ ู้ตัวเองจะเข้าใจจุดแข็งและจดุ อ่อนของ
ตนเอง และความสามารถนีช้ ว่ ยใหร้ ะบุรปู แบบการเรยี นรูท้ เี่ หมาะสมทสี่ ุด

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเข้าใจลักษณะหรือคุณลกั ษณะของคน
ทม่ี ที กั ษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Nucum วา่ อย่างไร ?

………………………………………………………………………………….............................
………………………………………………………………………………................................
………………………………………………………………………………................................

2. Hamdy กลา่ วถงึ ลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคนทีม่ ีทักษะการเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง ดังนี้
1) การชีน้ าตนเอง (Self-Directedness) ผู้เรยี นที่ช้นี าตนเองได้เป็นอย่างดีจะไมร่ อให้คนอื่น
บอกว่าต้องเรียนรู้ส่ิงน้ันส่ิงน้ี โดยผู้เรียนเหล่านี้จะทุ่มเทพลังให้กับกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี
สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง ความสนใจที่เกิดข้ึนขณะท่ีมีแรงจูงใจจะช่วยส่งเสริม
ประสิทธิภาพในการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ดังน้ันผู้เรียนท่ีช้ีนาตนเองมีระดับของ
แรงจูงใจท่ีหลากหลายและรับรู้ถึงความรับผิดชอบต่อตนเองในฐานะผู้เรียน การช้ีนา
ตนเองน้ีเกิดข้ึนอย่างต่อเนอื่ ง ซ่ึงเปน็ กระบวนการตลอดชวี ติ
2) การพ่ึงตนเอง (Independence) ผเู้ รียนท่ีช้ีนาตนเองไม่ได้ทาหนา้ ที่อิสระหรอื เป็นอิสระ
เสมอไป จริงๆ แลว้ ยง่ิ ต้องเพ่ิมการสร้างเครือข่ายเพื่อเรยี นรู้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ อย่างไร
ก็ตาม ผู้เรยี นท่ชี นี้ าตนเองทป่ี ระสบความสาเร็จสามารถท่ีจะทางานตามลาพังได้ดี
3) ความพรอ้ ม (Readiness) ความพร้อมหมายถึงระดบั ของความปรารถนาที่จะเรียนรู้ ชว่ ย
เน้นแรงจูงใจและความต้องการของผู้เรียนเพ่ือเตรียมพร้อมสาหรับกิจกรรมการเรียนรู้
ความพร้อมเป็นทัศนคติเบื้องต้นในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ รวมถึงจุดประสงค์
หรือความสนใจของผู้เรียนในการเรียนรู้ แนวความคิด และความมั่นใจในตนเองของ
ผู้เรียน ระดับความทะเยอทะยานของผู้เรียนสาหรับการเรียนรู้ ความเข้าใจและการ
ประเมนิ ของผ้เู รียนวา่ ทาไดด้ เี พียงใดเม่อื เทยี บกับเป้าหมายของตนเอง

32

4) การจัดการเวลา (Organizing Time) ผู้เรียนที่ช้ีนาตนเองที่ประสบความสาเร็จจะรู้
วิธีการจดั สรรและจดั การเวลาอย่างมีประสิทธภิ าพสาหรบั การเรียนรู้

5) การวางแผน (Set a Plan) ผู้เรียนที่ชี้นาตนเองที่ประสบความสาเร็จตระหนักดีว่าการ
วางแผนเป็นส่วนหนึ่งของการกาหนดระยะที่จะก้าว และในที่สุดก็จะไปถึงปลายทางได้
เป็นผู้ที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเรียนรู้หรือเปล่ียนแปลงและมีความม่ันใจใน
ตนเอง สามารถใช้ทักษะพ้ืนฐานในการศึกษา บริหารเวลา และกาหนดจังหวะท่ี
เหมาะสมสาหรับการเรียนรู้ และพฒั นาแผนสาหรบั การทางานให้สาเรจ็

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคน
ที่มที กั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ Hamdy ว่าอย่างไร ?
………………………………………………………………………………….................................
………………………………………………………………………………....................................
.............................................................................................................................

3. Caruso สาเร็จการศึกษาปริญญาเอก คณะเทคโนโลยีและความเป็นผู้นา บัณฑิตวิทยาลัย
การศึกษาบอยเยอร์มหาวทิ ยาลัย William Howard Taft เป็นผู้ประสานโครงการ HRD ความรู้ความ
เป็นผู้นาและการพัฒนา มหาวิทยาลัย Northeastern Illinois กล่าวถึงลักษณะหรือคุณลักษณะของ
คนที่มีทักษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเอง ดงั นี้

1) การลงมอื ปฏบิ ัติทีบ่ ุคคลไดร้ ับหรือไม่ไดร้ บั ความชว่ ยเหลือจากผอู้ ่นื (A practice in
which individuals, with or without the help of others)

2) ความพร้อม/ความปรารถนาท่ีจะเรยี นรู้ (Readines/Desire to learn) หมายถึง ระดบั
ของความปรารถนาที่จะเรยี นรู้ เป็นการย้าแรงจงู ใจและความตอ้ งการของผเู้ รียนเพื่อ
เตรียมพร้อมสาหรับกจิ กรรมการเรียนรู้ ความพร้อมเป็นทัศนคตเิ บื้องต้นในการเขา้ ร่วม
กิจกรรมการเรยี นรู้ แรงจงู ใจเป็นเหตผุ ลใหท้ าการเรยี นรู้

3) มนั่ ใจในความสามารถในการเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์การเรียนรู้ทผ่ี ่านมา (Confident
of their Learning Abilities based on Previous Learning Experiences)

4) สามารถกาหนดเปา้ หมายในการเรยี นรู้ได้ (Capable of Setting their Own Goals in
Learning)

5) การคน้ หาแหล่งเรยี นรู้ (Find Resources for Learning)
6) สามารถเลือกกลยทุ ธก์ ารเรยี นรู้ (Able to Choose Strategies for Learning)
7) สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองและมวี ินัยในตนเอง (Capable of Being Self-

Motivated and Self-Disciplined)
8) เขา้ ใจกระบวนการเรียนรูแ้ ละตระหนกั ถึงทกั ษะการเรยี นรขู้ องตนเอง (Understand

the Process of Learning, and are Aware of their Own Learning Skills)
9) เข้าใจจดุ แข็งและจุดอ่อนในการเรียนรู้ (Strengths and Weaknesses in Learning)
10) การประเมินผลการเรยี นรู้ (Assess Learning Outcomes)

33

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจลักษณะหรือคณุ ลักษณะของคน
ที่มที กั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ Caruso ว่าอยา่ งไร ?
………………………………………………………………………………….................................

………………………………………………………………………………....................................
.............................................................................................................................

4. Vaivada สาเร็จการศึกษาปริญญาเอกสังคมศาสตร์ อาจารย์ที่ปรึกษานักวิจัย ผู้เช่ียวชาญ
ด้านภาวะผู้นาส่วนบุคคลและการพัฒนาตนเอง การจัดการบุคลากรสุขศึกษา การวิจัยประยุกต์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งโดยใชเ้ คร่ืองมือการวจิ ัยทีแ่ ตกตา่ งกนั กลา่ วถึงลักษณะหรือคุณลักษณะของคนที่มีทักษะการ
เรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ดงั น้ี

1) เปา้ หมายการเรยี นรู้ (Learning Aim)
2) เน้ือหาการเรียนรู้ (Learning Content)
3) โครงสร้างการเรยี นรู้ (ความสอดคล้อง) (Learning Structure (Consistency))
4) ระยะเวลาการเรยี นรู้ (Learning Duration)
5) ผ้รู ่วมเรียนรู้ (Learning Partners)
6) เทคนคิ การเรยี นรู้ (Learning Techniques)
7) กลยทุ ธ์การเรยี นรู้ (Learning Strategies)
8) สอื่ การเรยี นรู้ (Learning Materials)
9) แหลง่ เรียนรู้ (Learning Resources)
10) รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Forms)
11) สถาบันทใ่ี หเ้ รียนรู้ (Learning Institutions)
12) สภาพแวดลอ้ มการเรยี นรู้ (Learning Environment
13) สอ่ื การเรียนรู้และอ่ืน ๆ (Learning Media and etc)

โปรดทบทวนตัวเอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคน
ทีม่ ที ักษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Vaivada วา่ อย่างไร ?
…………………………………………………………………………………………….........................
....................................................................................................................... .........
........................................................................................... .....................................

34

5. Atkinson เป็นอาจารยส์ อนในระดับอดุ มศึกษา กลา่ วถงึ ลักษณะหรือคุณลกั ษณะของคนที่มี
ทกั ษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ดงั นี้

1) มแี รงจงู ใจ (Motivation) ผเู้ รยี นสามารถทีจ่ ะเรียนรูไ้ ด้โดยปราศจากการบังคบั ภายนอก
เชน่ รางวลั วุฒิบัตร เกยี รตบิ ตั ร หรอื ตาแหน่งตา่ ง ๆ

2) ทกั ษะการเรียน (Study Skills) ผเู้ รยี นเหน็ ความสาคญั ของทกั ษะพื้นฐานได้แก่ การฟงั
การอ่าน การเขยี น และการจดบันทึก

3) มุ่งเน้นเป้าหมาย (Goal-Oriented) ผู้เรยี นเป็นผู้กาหนดวตั ถุประสงค์ เปา้ หมายในการ
เรียนรู้ มวี ธิ ีการลาดับข้นั ตอนของการเรียนรู้ โดยทีผ่ ู้เรยี นตอ้ งเปน็ ผกู้ ากบั และจัดการ
เรียนร้ดู ้วยตนเอง

4) เป็นนักยทุ ธศาสตร์ (Strategist) ผเู้ รียนเลือกวธิ ีเรียนแบบท่ีตนชอบ เหมาะกับตนเอง
รวมทง้ั ขัน้ ตอนการเรียนรู้ของตนเอง ว่าจะนาไปถึงจุดมงุ่ หมายทที่ าให้เกดิ การเรียนรู้
อย่างไร

5) มกี ารประเมนิ ตนเอง (Self-Assessment) ผู้เรียนทจ่ี ะประสบความสาเรจ็ ในการเรยี นรู้
แบบชน้ี าตนเองน้นั พวกเขาจะต้องสามารถมสี ว่ นรว่ มในการสะทอ้ นตนเองและประเมิน
ตนเองตามเปา้ หมายการเรยี นรูแ้ ละความกา้ วหน้าในการเรยี นรู้ เพอ่ื สนบั สนนุ
กระบวนการประเมินตนเอง

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจลักษณะหรือคุณลักษณะของคน
ทีม่ ที ักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Atkinson วา่ อยา่ งไร ?
…………………………………………………………………………………………….........................
....................................................................................................................... .........
................................................................................................................................

35

แบบประเมินตนเอง
1) ท่านเขา้ ใจลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะ
ของ Nucum ชัดเจนดแี ลว้ หรอื ไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไม่ชัดเจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ กี คร้ัง แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Nucum
กลา่ วถึงลักษณะหรอื คณุ ลักษณะของคนที่มีทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง วา่ อยา่ งไร ?
2) ทา่ นเข้าใจลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคนที่มีทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะ
ของ Hamdy ชดั เจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยังไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลบั ไปศึกษาใหมอ่ ีกครงั้ แลว้ ตอบคาถามในใจวา่ Hamdy
กล่าวถึงลักษณะหรอื คุณลกั ษณะของคนท่ีมีทกั ษะการเรียนร้แู บบชน้ี าตนเอง ว่าอยา่ งไร ?
3) ทา่ นเขา้ ใจลักษณะหรือคณุ ลักษณะของคนท่ีมี ทกั ษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเอง ตาม
ทัศนะของ Caruso ชดั เจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ลว้ [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลับไปศกึ ษาใหมอ่ ีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจวา่ Caruso
กล่าวถึงลักษณะหรอื คุณลกั ษณะของคนที่มีทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ว่าอย่างไร ?
4) ทา่ นเข้าใจลกั ษณะหรือคุณลักษณะของคนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะ
ของ Vaivada ชดั เจนดีแล้วหรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไมช่ ัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจวา่ Vaivada
กล่าวถึงลักษณะหรอื คณุ ลักษณะของคนที่มีทักษะการเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ว่าอย่างไร ?
5) ท่านเขา้ ใจลักษณะหรือคุณลักษณะของคนท่ีมีทักษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเอง ตามทัศนะ
ของ Atkinson ชัดเจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดพี อ
หากยังไมช่ ัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี ครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Atkinson
กลา่ วถึงลกั ษณะหรอื คณุ ลกั ษณะของคนท่ีมีทกั ษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง ว่าอยา่ งไร ?

36

หมายเหตุ
หากตอ้ งการศกึ ษารายละเอียดของแตล่ ะทัศนะจากต้นฉบบั ทเ่ี ป็นภาษาองั กฤษ โปรด “Ctrl & Click”
เวบ็ ไซต์ของแต่ละแหลง่ ได้ ดงั นี้

1) Nucum: https://bit.ly/2Zc0hmW
2) Hamdy: https://www.vapulus.com/en/characteristics-of-self-learning/
3) Caruso: https://bit.ly/2Yr1hGA
4) Vaivada: https://bit.ly/2LAXhxg
5) Atkinson: https://bit.ly/2Y4vUCy

เอกสารอ้างอิง
Atkinson,T,H. (2015). Five characteristics of self-directed learners. Retrieved July 29,

2019, from https://bit.ly/2Y4vUCy
Caruso, S, J. (2011). Characteristics of self-directed learners. Retrieved July 25, 2019,
from https://bit.ly/2Yr1hGA
Hamdy, M. (2018). Characteristics of self-learning. Retrieved July 25, 2019, from

https://www.vapulus.com/en/characteristics-of-self-learning/
Nucum, K, N. (2019). Eight traits of a self-directed learner. Retrieved July 25, 2019,

from https://bit.ly/2Zc0hmW
Vaivada, S. (2012). Characteristics of the student of self-directed learning in the context

of lifelong learning. Retrieved July 21, 2019, from https://bit.ly/2LAXhxg

37

คมู่ อื ชดุ ท่ี 4
ทศั นะเกี่ยวกับแนวการพัฒนาของทกั ษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง

พระปลัดเล็ก อานนฺโท (ทองแสน)

ดุษฎีบณั ฑิตสาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา
มหาวิทยาลยั มหามกุฎราชวทิ ยาลยั วทิ ยาเขตอีสาน

ปี พ.ศ. 2564

38

คูม่ ือชุดท่ี 4
ทศั นะเกยี่ วกับแนวทางการพฒั นาของทกั ษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง

วัตถุประสงค์การเรียนรู้
หลงั จากการศกึ ษาค่มู ือชดุ น้ีแล้ว ทา่ นมพี ฒั นาการด้านพุทธพิ สิ ัย (Cognitive Domain) ซง่ึ

เป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาท่ีเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางสมองหรือสติปัญญาตามแนวคิดของ
Benjamin S. Bloom โดยจาแนกพฤติกรรมในขอบเขตนี้ออกเป็น 6 ระดับ เรียงจากพฤติกรรมท่ี
สลับซับซ้อนน้อยไปหามาก หรือจากทักษะการคิดขั้นต่ากว่าไปหาทักษะการคิดข้ันสูงกว่า ดังนี้ คือ
ความจา (Remembering) ความเข้าใจ (Understanding) การประยุกตใ์ ช้ (Applying) การวิเคราะห์
(Analyzing) การประเมนิ (Evaluating) และการสรา้ งสรรค์ (Creating) ดังน้ี

1) บอกคุณสมบัติ จบั คู่ เขียนลาดับ อธบิ าย บรรยาย ขดี เสน้ ใต้ จาแนก หรือระบุแนว
ทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเองได้

2) แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ ยกตัวอยา่ ง บอกความแตกต่าง หรอื
เรียบเรยี งแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเองได้

3) แก้ปัญหา สาธิต ทานาย เชื่อมโยง ความสมั พนั ธ์ เปล่ยี นแปลง คานวณ หรือปรบั ปรุง
แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเองได้

4) แยกแยะ จดั ประเภท จาแนกใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง หรือบอกเหตุผลแนวทางการพัฒนา
ของทกั ษะการเรียนรู้แบบชีน้ าตนเองได้

5) วดั ผล เปรยี บเทียบ ตีคา่ ลงความเห็น วจิ ารณ์แนวทางการพัฒนาของทกั ษะการเรยี นรู้
แบบชนี้ าตนเองได้

6) รวบรวม ออกแบบ จัดระเบยี บ สรา้ ง ประดิษฐ์ หรอื วางหลกั การแนวทางการพฒั นา
ของทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเองได้

โดยมีทศั นะเกยี่ วกบั แนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเองของแหล่ง
อา้ งองิ ทางวชิ าการต่างๆ ดงั นี้

1) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทศั นะ ในเวบ็ ไซตข์ อง
Impact Teacher

2) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Briggs
3) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนร้แู บบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ Centre for

Teaching
4) แนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Weimer
5) แนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Cobb
6) แนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชนี้ าตนเอง ตามทศั นะของ Dickinson
7) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนรู้แบบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะ ในเวบ็ ไซต์ของ

Professional Learning Board

39

8) แนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเอง ตามทศั นะ ในเวบ็ ไซต์ของ
Wabisabi Learning

9) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Nicora
10) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Ark
11) แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรยี นรู้แบบชีน้ าตนเอง ตามทัศนะ ในเว็บไซต์ของ

Design Your Homeschool

คาช้แี จง
1) โปรดศึกษาเน้ือหาเก่ียวกับแนวการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง จาก
ทัศนะที่นามากล่าวถึงแต่ละทัศนะ โดยแต่ละทัศนะท่านจะต้องทาความเข้าใจท่ีสามารถ
อธบิ ายกบั ตัวเองได้วา่ เขากลา่ วถึงแนวการพัฒนาวา่ อยา่ งไร
2) หลังจากการศึกษาเนอ้ื หาแต่ละทัศนะแลว้ โปรดทบทวนความรู้ความเขา้ ใจของท่านอีกครั้ง
จากแบบประเมินผลตนเองในตอนท้ายของคมู่ ือ
3) เนื้อหาเกี่ยวกับแนวการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง จากทัศนะที่นามา
กล่าวถึง แต่ละทัศนะมีแหล่งอ้างอิงตามที่แสดงไว้ในตอนท้ายหลังแบบประเมินผลตนเอง
หากท่านต้องการศึกษารายละเอียดของทัศนะเหล่านั้น ซึ่งต้นฉบับเป็นบทความ
ภาษาองั กฤษ ท่านสามารถจะสืบค้นต่อไดจ้ ากเวบ็ ไซตท์ ี่ระบไุ ว้ในแหล่งอา้ งองิ นัน้ ๆ

1. Impact Teacher กลา่ วถึงแนวการพฒั นาของทักษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ดงั น้ี
1) ผู้เรยี นท่พี ง่ึ พาผู้อ่ืน (Dependent Learners) พง่ึ ผอู้ นื่ (ท่ีเก่งกว่าหรือมีอานาจ) เพ่ือบอก
ทิศทางท่ีชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งท่ีต้องทา วิธีทา (Rely an Authority Figures to Give
them Explicit Directions on What to Do)
2) ผู้เรียนท่ีสนใจ (Interested Learners) ตอบสนองต่อเทคนิคท่ีสร้างแรงบันดาลใจ
(Respond to Motivational Techniques)
3) ครสู ามารถเตรยี มนักเรียนโดยการฝึกอบรมพวกเขาในทักษะพ้นื ฐานเช่นการตัง้ เป้าหมาย
(Teachers can Prepare Students to become more Self-Directing by Training
them in such Basic Skills as Goal Setting)
4) ผู้เรียนท่ีมีส่วนร่วม (Involved Learners) พัฒนาการคิดเชิงวิพากษ์และการตระหนักรู้
ในตนเองในฐานะผู้รว่ มสร้างสรรค์
5) ครูควรเตรียมเคร่ืองมือ วิธีการ เทคนิค และแนวทางในการสอนจากประสบการณ์
( Teacher offers Tools, Methods, Techniques, and Ways of Interpreting the
Experience)
6) ผเู้ รยี นควรกาหนดเปา้ หมายและมาตรฐานของตนเองโดยมีหรอื ไมม่ ีผเู้ ชี่ยวชาญช่วยเหลือ
กไ็ ด้ (Set their Own Goals and Standards, with or Without Help from Experts)

40

7) ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ ทิศทางและผลผลิต การบริหารเวลา การจัดการ
โครงการ การกาหนดเป้าหมาย การประเมินตนเอง การวิพากษ์เพอ่ื น การรวบรวมขอ้ มูล
และการใช้ทรัพยากรทางการศึกษา (Learners at this Stage are both able and
Willing to take Responsibility for their Learning, Direction and Productivity.
They Exercise Skills in time Management, Project Management, Goal-
Setting, Self-Evaluation, Peer Critique, Information Gathering and use of
Educational Resources)

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ทา่ นเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทศั นะของ ในเวบ็ ไซต์ของ Impact
Teacher วา่ อย่างไร ?
….……………………………………………………………………………….........................
….……………………………………………………………………………….........................
….……………………………………………………………………………….........................

2. Briggs กลา่ วถงึ แนวการพัฒนาของทักษะการเรยี นรูแ้ บบชนี้ าตนเอง ดงั นี้
1) ระบุเปา้ หมายการเรียนรู้ (Identify Your Learning Goals)
2) ตง้ั คาถามถึงความสาคญั ของสิ่งต่าง ๆ (Question the Significance of Things)
3) คน้ หาความท้าทายทีน่ ่าสนใจ (Seek out Interesting Challenges)
4) ตรวจสอบกระบวนการเรยี นรู้ (Monitor Your Own Learning Process)
5) เข้าใจวธิ กี าร (Understand Your Own Approach)
6) ใช้กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจด้วยเกม (Use Game-Based Motivation Strategies)
7) เร่ิมตน้ ดว้ ยข้อมลู พืน้ ฐานของหวั ขอ้ นนั้ (Start with Background on a Topic)
8) ปลกู ฝังแรงจูงใจจากภายใน (Cultivate Intrinsic Motivation)
9) แบง่ ปนั การเรยี นรู้กบั เพื่อนและที่ปรึกษา (Share Your Learning with Peers and
Mentors)
10) สรา้ งสรรคบ์ างสิ่งจากสิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ (Create Something Out of What You’ve
Learned)
11) สรา้ งสาระการเรียนร้สู ว่ นตวั (Build Your own Personal Learning Syllabus)
12) ใช้เวลา (หรอื ไมใ่ ช)้ เพ่อื ผลประโยชน์ของคุณ (Use time (or lack thereof) to your
advantage)
13) ไขว่ควา้ ความรู้ ไม่ใชเ้ กรดดี ๆ (Pursue Knowledge, Not Good Grades)
14) สรา้ งแบบบันทกึ การเรยี นรสู้ ่วนตวั (Create Your Own Personal Learning
Record)
15) บอกเลา่ ความสาเรจ็ ของคุณทางวาจา (Verbalise Your Achievements)

41

16) ทารายการหวั ข้อ “ทเ่ี ชีย่ วชาญ” (Make a List of Topics “to Master”)
17) ฝึกใช้ส่งิ ทค่ี ณุ ได้เรยี นรู้ (Practise Using What You’ve Learned)
18) ให้คุณค่ากบั ความกา้ วหน้ามากกว่าผลทไี่ ด้ (Value Progress Over Performance)
19) ทาใหเ้ ป้าหมายให้เป็นจริง (Keep Your Goals Realistic)
20) สร้างเครอื ข่าย “เพื่อนร่วมงานแหง่ การเรยี นรู้” (Build a Network of “Learning

colleagues”)

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจแนวการพัฒนาของทักษะ
การเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง ตามทศั นะของ Briggs วา่ อยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

3. ในเวบ็ ไซต์ของ Centre for Teaching Excellence กลา่ วถงึ แนวการพฒั นาของทักษะ
การเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง ดังน้ี

1) ประเมินความพร้อมในการเรียนรู้ (Assess Readiness to Learn)
2) กาหนดเปา้ หมายการเรียนรู้ (Set Learning Goals)
3) เขา้ รว่ มในกระบวนการเรยี นรู้ (Engage in the Learning Process)
4) ประเมนิ การเรียนรู้ (Evaluate Learning)

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจวา่ ท่านเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทักษะ
การเรยี นรูแ้ บบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ ในเวบ็ ไซต์ของ Centre for
Teaching Excellence ว่าอยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

4. Weimer กล่าวถึงแนวการพฒั นาของทักษะการเรยี นรู้แบบช้ีนาตนเอง ดงั น้ี
1. เป็นการเรยี นรโู้ ดยไม่ต้องให้บุคคลอนื่ ชนี้ า (Ability to Manage Learning Tasks
Without having them Directed by Others)

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ทา่ นเข้าใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง ตามทัศนะของ Weimer ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

42

5. Cobb กล่าวถงึ แนวการพัฒนาของทักษะการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง ดังน้ี
1) คดิ รเิ รม่ิ (Takes Initiative)
2) สบายใจกบั ความเป็นอิสระ (Is Comfortable with Independence)
3) หม่ันเรียนรู้ด้วยตนเอง (Is Persistent)
4) ยอมรับหน้าท่ีที่รับผดิ ชอบ (Accepts Responsibility)
5) มองปญั หาว่าเปน็ ความทา้ ทาย ไมใ่ ช่อปุ สรรค (Views Problems as Challenges,
Not Obstacles)
6) มวี นิ ัยในตนเอง (Is Capable of Self-Discipline)
7) มคี วามสงสัยใครร่ ู้ในระดบั สงู (Has a High Degree of Curiosity Has a High
Degree of Curiosity)
8) มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าทจ่ี ะเรียนร้หู รือเปลีย่ นแปลง (Has a strong desire to
learn or change)
9) มีความม่นั ใจในตนเอง (Is Self-Confident)
10) สามารถใช้ทกั ษะพื้นฐานในการศึกษา (Is Able to Use Basic Study Skills)
11) จัดการเวลา (Organizes His or Her Time)
12) เลือกจังหวะทีเ่ หมาะสมสาหรับการเรยี นรู้ (Sets an Appropriate Pace for
Learning)
13) พัฒนาแผนเพ่ือทางานใหเ้ สรจ็ (Develops a Plan For Completing Work)
14) มีแนวโน้มทจ่ี ะมุ่งเน้นเปา้ หมาย (Has a Tendency to be Goal-Oriented)
15) สนุกกับการเรยี นรู้ (Enjoys Learning)

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรียนร้แู บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Cobb ว่าอย่างไร ?

……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

6. Dickinson กลา่ วถึงแนวการพฒั นาของทักษะการเรยี นรแู้ บบช้ีนาตนเอง ดังนี้
1. เปน็ เจา้ ของการเรียนรขู้ องคุณ (Take Ownership of Your Learning)
2. ต้ังเปา้ หมายแบบ SMART (Set SMART Goals)
3. กฎ 5 ชั่วโมงของเบนจามนิ แฟรงคลิน (Benjamin Franklin's Five-Hour Rule)
4. การเรียนรู้แบบลงมือปฏบิ ตั ิ (Active Learning)
5. จดั ลาดับความสาคัญ (กฏ 80/20) (Prioritize (the 80/20 Rule)
6. เขา้ หอ้ งสมุด (Visit the Library)

43

7. ใชแ้ รงจูงใจของคุณเอง (Employ Your Own Motivation)

โปรดทบทวนตวั เอง แล้วตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรยี นรู้แบบช้นี าตนเอง ตามทัศนะของ Dickinson วา่ อยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

7. ในเวบ็ ไซตข์ อง Professional Learning Board กล่าวถึงแนวการพฒั นาของทักษะการ
เรยี นรแู้ บบชน้ี าตนเอง ดังนี้

1. ความต้องการเรียนรแู้ บบช้ีนาตนเอง (Need for Self-Directed Learning)
2. กระตนุ้ การเรียนรแู้ บบชีน้ าตนเอง (Encouraging Self-Directed Learning)
3. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment)
4. พลงั ของการเลือก (Power of Choice)
5. พฒั นาทักษะ (Develop Skills)
6. การวิเคราะหเ์ ชิงวิพากษ์ (Critical Analysis)

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรียนรแู้ บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะในเวบ็ ไซต์ของ Professional
Learning Board วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

8. ในเวบ็ ไซตข์ อง Wabisabi Learning กลา่ วถงึ แนวการพฒั นาของทักษะการเรียนรู้แบบ
ชี้นาตนเอง ดังน้ี

1. ความต้องการเรยี นรู้แบบชน้ี าตนเอง (Need for Self-Directed Learning)
2. กระตนุ้ การเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง (Encouraging Self-Directed Learning)
3. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ (Learning Environment)
4. พลังของการเลือก (Power of Choice)
5. พฒั นาทักษะ (Develop Skills)
6. การวิเคราะหเ์ ชงิ วิพากษ์ (Critical Analysis)

44

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจวา่ ท่านเข้าใจแนวการพัฒนาของทักษะ
การเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทศั นะในเวบ็ ไซต์ Wabisabi Learning
วา่ อยา่ งไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

9. Nicora กลา่ วถงึ แนวการพัฒนาของทักษะการเรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ดังนี้

1) ส่อื สารความคาดหวัง (Communicate Expectations)
2) ส่งเสรมิ ระบบสนับสนุน (Promote Support Systems)
3) ให้เขา้ ถึงทรัพยากรการเรียนรู้ท่ีมคี ณุ ภาพสูงได้โดยงา่ ย (Provide Easy Access to

High Quality Learning Resources)
4) เพ่ิมโอกาสในการประเมนิ ตนเอง (Develop Opportunities for Self-Assessment)

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทักษะ
การเรยี นรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Nicora วา่ อย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

10. Ark กล่าวถึงแนวการพัฒนาของทกั ษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ดงั นี้

1) ทาไมการชี้นาตนเองจึงเกิดผล (Why Does Self-Direction Matter)
2) จะเริ่มจากตรงไหน (Where to Start)
3) ทกั ษะและเครอื่ งมือ (Skills & Tools)
4) วฒั นธรรม (Culture)
5) ประสบการณผ์ ้เู รยี น (Learner Experience)

โปรดทบทวนตวั เอง แลว้ ตอบในใจว่าทา่ นเข้าใจแนวการพัฒนาของทกั ษะ
การเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ Ark ว่าอย่างไร ?
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

45

11. ในเวบ็ ไซต์ของ Design Your Homeschool กลา่ วถึงแนวการพฒั นาของทักษะการ
เรยี นรู้แบบชนี้ าตนเอง ดังนี้

1) สรา้ งสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ทีห่ ลากหลาย (Create a Rich Learning
Environment)

2) ให้เวลาอย่างเพยี งพอในสิง่ ทีส่ นใจ (Create a Rich Learning Environment)
3) อภิปรายในสิ่งทีส่ นใจ (Discuss Interests)
4) ทาให้เป็นหลักสตู รจริงๆ - โปรแกรมการเรยี นรู้ส่วนบุคคล (เลอื กทา/ไม่ทาก็ได)้

(Formalize the Course - Individual Learning Program (Optional))
5) ฉลองให้กบั การเรยี นรู้ (Celebrate the Learning)
6) อยา่ ถอนคาพดู (Don’t Take it Back) หากติดขัด พรอ้ มที่จะให้คาแนะนาหรือทา

หนา้ ที่เปน็ ตัวแทนความคดิ ของผอู้ ่ืน
7) คงไวซ้ ง่ึ ความไว้วางใจได้ (Maintain Accountability

โปรดทบทวนตัวเอง แลว้ ตอบในใจว่าท่านเขา้ ใจแนวการพัฒนาของทักษะ
การเรียนรแู้ บบช้นี าตนเอง ตามทศั นะในเว็บไซต์ Design Your
Homeschool ว่าอยา่ งไร ?

……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............
……………………………………………………………………………………………............

46

แบบประเมินตนเอง
1) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะในเว็บไซต์
ของ Impact Teacher
ชดั เจนดีแลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยงั ไม่ชดั เจนดีพอ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกคร้ัง แล้วตอบคาถามในใจว่า ในเว็บไซต์
ของ Impact Teacher กลา่ วถงึ แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรยี นร้แู บบชน้ี าตนเอง
วา่ อยา่ งไร ?
2) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ Briggs
ชัดเจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดแี ล้ว [ ] ยังไมช่ ดั เจนดพี อ
หากยงั ไม่ชดั เจนดีพอ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหมอ่ ีกครัง้ แล้วตอบคาถามในใจวา่ Briggs
กลา่ วถึงแนวทางการพฒั นาของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบชนี้ าตนเอง วา่ อย่างไร ?
3) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ
Centre for Teaching Excellence
ชดั เจนดแี ลว้ หรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแลว้ [ ] ยังไมช่ ัดเจนดพี อ
หากยังไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แล้วตอบคาถามในใจว่า Centre for
Teaching Excellence กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง
ว่าอย่างไร ?
4) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบช้ีนาตนเอง ตามทัศนะของ
Weimer ชัดเจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชัดเจนดีแล้ว [ ] ยังไมช่ ัดเจนดีพอ
หากยงั ไม่ชัดเจนดีพอ โปรดกลับไปศึกษาใหม่อกี คร้งั แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Weimer
กล่าวถงึ แนวทางการพฒั นาของทักษะการเรียนรแู้ บบชนี้ าตนเอง วา่ อย่างไร ?
5) ทา่ นเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรยี นรแู้ บบชี้นาตนเอง ตามทศั นะของ Cobb
ชดั เจนดีแลว้ หรอื ไม่
[ ] ชดั เจนดีแล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ัดเจนดพี อ โปรดกลบั ไปศกึ ษาใหม่อีกครง้ั แล้วตอบคาถามในใจว่า Cobb
กลา่ วถึงแนวทางการพฒั นาของทกั ษะการเรยี นรแู้ บบชีน้ าตนเอง วา่ อยา่ งไร ?
6) ท่านเข้าใจแนวทางการพัฒนาของทักษะการเรียนรู้แบบชี้นาตนเอง ตามทัศนะของ
Dickinson
ชดั เจนดแี ล้วหรือไม่
[ ] ชดั เจนดแี ล้ว [ ] ยงั ไม่ชัดเจนดีพอ
หากยงั ไมช่ ดั เจนดพี อ โปรดกลบั ไปศึกษาใหม่อีกครั้ง แลว้ ตอบคาถามในใจว่า Dickinson
กล่าวถึงแนวทางการพฒั นาของทักษะการเรยี นร้แู บบชี้นาตนเอง วา่ อยา่ งไร ?


Click to View FlipBook Version