สรุป tense
- Past parfect
Past Perfect Tense หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า Pluperfect เป็น
Tense ที่เหมาะกับการใช้เล่าเรื่องมาก ๆ เพราะ Past
Perfect จะใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลง ก่อนที่จะ
มีอีกเหตุการณ์เกิดตามมา ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต
และจบลงในอดีตเรียบร้อยแล้ว มักใช้คู่กับ Past Simple ค่ะ
Past Perfect ใช้เมื่อไหร่ดี?
1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงก่อนจะใช้ Past Perfect
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดหลังจากนั้น ใช้ Past Simple ซึ่ง
ตัวเชื่อมระห่าง 2 Tense นี้ ได้แก่
Before ก่อนที่จะ
After หลังจากที่
Because เพราะว่า
When เมื่อ
By the time ในตอนที่
เช่น
The plane had left by the time I got to the airport.
เครื่องบินได้ออกไปแล้วในตอนที่ฉันถึงสนามบิน
She had established the company before 2020.
เธอได้ก่อตั้งบริษัทก่อนปี 2020
He couldn’t call anyone because he hadn’t brought his
phone with him.
เขาไม่สามารถโทรหาใครได้เลยเพราะเขาไม่ได้เอาโทรศัพท์มา
ด้วย
When she arrived home, her mother had already
cooked dinner.
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน แม่ของเธอก็ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว
Tips: After + Past Perfect, Past Simple
Before + Past Simple, Past Perfect
2. ใช้ในประโยค Indirect speech หรือ
Reported speech (ประโยครายงาน) โดย
Past Perfect ใช้แทน Present Perfect
และ Past Simple
เช่น
Past Simple เปลี่ยนเป็น Past Perfect ใน Indirect speech
Direct speech ➜ She said, “I decided to leave earlier
today.”
เธอบอกว่า “ฉันตัดสินใจจะออกไปในเร็วขึ้นวันนี้”
Indirect speech ➜ She said that she had decided to leave
earlier that day.
เธอบอกว่าเธอตัดสินใจว่าจะออกไปให้เร็วขึ้นในวันนั้น
Present Perfect เปลี่ยนเป็น Past Perfect ใน Indirect
speech
Direct speech ➜ She said, “My mom hasn't arrived
yet.”
เธอบอกว่า “แม่ของฉันยังมาไม่ถึงเลย”
Indirect speech ➜ She said that her mom hadn’t
arrived yet.
เธอบอกว่าแม่ของของเธอยังมาไม่ถึงเลย
3. ใช้ wish + Past Perfect เพื่อแสดงถึง
ความไม่พอใจกับเหตุการณ์ในอดีต
เช่น
I wished I had told the truth.
ฉันหวังว่าฉันจะได้บอกความจริง (แต่ในอดีตไม่ได้บอก)
She wished she had seen her friend.
เธอหวังว่าจะไดเจอเพื่อนของเธอ (แต่เธอก็ไม่ได้เจอในอดีต)
The boy wished he had asked another question.
เด็กชายคนนั้นหวังว่าจะได้ถามอีกซักคำถาม (แต่ก็ไม่ได้
ถามในอดีต)
- Past Perfect
Continuous
บอกเล่า
S. + had + been + v.ing.
You had been running for more than an hour. (คุณ
วิ่งมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว)
ปฏิเสธ
S. + had not + been + v.ing.
You had not been running for more than an hour.
(คุณไม่ได้วิ่งมาเกินหนึ่งชั่วโมง)
คำถาม
Had(not) + S. + been + v.ing?
Had you been running for more than an hour? (คุณ
ได้วิ่งมาเกิดหนึ่งชั่วโมงหรือยัง?)
ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น กำลังทำอยู่ในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์
หนึ่งเกิดแทรกกลางคัน ใช้คล้ายกันกับ Past Perfect Tense
เลย เพียงแต่ Past Perfect Continuous จะเน้ นความต่อเนื่อง
ของเหตุการณ์ มักระบุเวลา
Past Perfect Continuous กำลังดำเนินอยู่ แล้ว Past Simple
เกิดแทรกกลางคัน
We had been walking for 30 minutes when it started
to rain.
(ตอนนั้นเรากำลังเดินเล่นกันอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่
ฝนจะตกลงมากลางคัน)
When the bus came, I had been waiting for an hour.
(รถบัสมาถึงตอนที่ฉันนั่งรอมาหนึ่ งชั่วโมง)
ไข้ข้อข้องใจ :
เราสามารถใช้ Past Continuous Tense แทน Past Perfect
Continuous ได้เลย ในกรณีที่ไม่ต้องการบอกระยะเวลาของ
เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ๆ เช่น
When the phone rang, I was watching TV. (โทรศัพท์ดัง
ขึ้นมากลางคัน ในขณะที่ฉันกำลังดูโทรทัศน์อยู่)
ต้องการบอกแค่ว่าโทรศัพท์ดังตอนกำลังดูทีวี ไม่ได้ต้องการ
ระบุว่าดูทีวีตอนไหน ดูมานานเท่าไหร่
สรุป Past Perfect Continuous Tense จะเน้ นความต่อเนื่อง
ของเหตุการณ์มากกว่า Past Continuous Tense