The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว pdf

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pongkan_etc.27, 2022-08-06 22:45:41

ทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว pdf

ทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว pdf

ตอนท่ี 2 ใชภ้ าษาพัฒนาความคิด

ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ
ใชภ้ าษาโตแ้ ยง้
ใช้ภาษาโน้มน้าวใจ

วชิ าภาษาไทย ท33102 โรงเรยี นภูเก็ตวิทยาลัย
สอนโดย ครูปองกานต์ ขุนเมอื ง

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บอกหลกั เกณฑ์ของการพูดในโอกาสต่าง ๆ ได้
2. เตรยี มข้อมูล และร่างบทสาหรบั พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้
3. พดู แสดงทรรศนะ พูดโต้แยง้ พดู โนม้ นา้ วใจ และเสนอความคดิ ใหมไ่ ด้

สาระสาคัญ

1. การแสดงทรรศนะ
2. การโต้แยง้
3. การโน้มนา้ วใจ

การแสดงทรรศนะ

 ทรรศนะ คือ ความคิดเหน็ ท่ปี ระกอบด้วยเหตผุ ล

โครงสรา้ งของการแสดงทรรศนะ

ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ ๓ ส่วน คือ

๑. ที่มา ๒. ขอ้ สนบั สนุน ๓. ขอ้ สรุป

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

โครงสรา้ ง

 ท่มี า - เรื่องราวอันทาให้เกิดการแสดงทรรศนะ

- ที่มาของทรรศนะจะชใี้ หเ้ ห็นถึงความจาเป็นทีต่ ้อง
แสดงทรรศนะ

- ชว่ ยให้ผรู้ บั สารเกดิ ความเขา้ ใจและพรอ้ มท่จี ะรับฟัง
ทรรศนะนน้ั ตอ่ ไป

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

โครงสรา้ ง
 ข้อสนบั สนนุ

- ข้อเท็จจริง หลักการ รวมทั้งทรรศนะและมตขิ องผู้อ่ืน
ทีผ่ แู้ สดงทรรศนะนามาใช้

- เพื่อประกอบเป็นเหตผุ ลสนบั สนุนขอ้ สรุปของตน

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

โครงสร้าง
 ข้อสรุป

- สารทสี่ าคญั ท่ีสุดของทรรศนะ
- อาจเปน็ ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ วนิ ิจฉยั ข้อสนั นษิ ฐาน หรอื การประเมนิ ค่า

เพื่อใหผ้ ู้อนื่ พิจารณายอมรับ หรอื นาไปปฏบิ ัติ

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

แบบฝึกหดั

(1)มนุษย์ดารงชีวิตอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ และ ป่าไม้นั้นเป็นแหล่ง
สาคัญยิ่งที่มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์มากมาย (2)จนทาให้มีการตัดไม้ทาลายป่ากันทั่วไป
และรัฐบาลได้จัดให้มีโครงการปลูกป่าทดแทน (3)ในเรื่องดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่ารัฐบาล
ควรหันมาทบทวน เรื่องการปลูกป่าใหม่ (4)เพราะการปลูกป่าที่ผ่านมาไม่ได้กระทากัน
อย่างจริงจัง จานวนป่าที่ปลูกจึงไม่อาจทดแทนกันได้ กับจานวนป่าที่ถูกทาลายลงอย่าง
รวดเรว็

ข้อความส่วนใดเป็นทมี่ าของการแสดงทรรศนะ 1 , 2
ข้อความส่วนใดเป็นขอ้ สนับสนุนของการแสดงทรรศนะ 4
ขอ้ ความสว่ นใดเปน็ ข้อสรุปของการแสดงทรรศนะ 3

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ความแตกต่างระหว่าง
ทรรศนะของบุคคล

 ทรรศนะของคนในสังคมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กบั สง่ิ สาคัญ
2 ประการ คือ

1. คุณสมบตั ติ ามธรรมชาติของมนษุ ย์

2. อทิ ธิพลของส่ิงแวดลอ้ ม

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

ความแตกตา่ งระหวา่ ง
ทรรศนะของบคุ คล

1. คุณสมบัติตามธรรมชาติของมนุษย์ ได้แก่ เชาว์ ปฏิภาณ
ไหวพริบ ความถนัด เป็นต้น จะพัฒนาได้ เต็มที่ต้องอาศัย
การส่งเสริม และสนบั สนุนจากส่ิงแวดล้อม

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ความแตกตา่ งระหวา่ ง
ทรรศนะของบคุ คล

2. อิทธพิ ลของสงิ่ แวดล้อม ทาให้บุคคลมลี กั ษณะแตกตา่ งกัน
ในเร่อื งความรู้ ประสบการณ์ ความเชือ่ และค่านยิ ม ดังน้ี

2.1) ความร้ปู ระสบการณ์
2.2) ความเชือ่
2.3) ค่านิยมของบุคคล

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ประเภทของทรรศนะ

 ทรรศนะเชงิ ข้อเท็จจรงิ

เป็นทรรศนะที่กล่าวถึงเร่ืองที่เกิดขึ้นแล้ว แตย่ งั เป็นเร่ืองท่ีคน
ในสังคมยังถกเถียงกันอยู่ การแสดงทัศนะจึงเป็นเพียงข้อ
สันนิษฐาน จะน่าเชื่อถือมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับเหตุผลที่นามาเสนอ
เปน็ สาคัญ

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ประเภทของทรรศนะ

 ทรรศนะเชิงคณุ คา่

เป็นทรรศนะที่ประเมินว่า สิ่งใดดี สิ่งใดด้อย สิ่งใดเป็นประโยชน์
หรือเป็นโทษ สิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นวัตถุ
บุคคล กิจกรรม โครงการ วิธีการ นโยบาย หรือแม้แต่ทรรศนะก็ได้
ซึ่งอาจประเมินได้โดยการเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ในประเภทเดียว กัน
หรอื ตามเกณฑ์ทีก่ าหนดขึ้น

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ประเภทของทรรศนะ

 ทรรศนะเชงิ นโยบาย
เปน็ ทรรศนะที่บ่งชี้วา่ ควรทาอะไร อยา่ งไร ต่อไปใน

อนาคต หรอื ควรจะปรับปรแุ กไ้ ขส่ิงใดไปในทางใด นโยบายมไี ด้
หลายระดบั ตง้ั แตร่ ะดบั บคุ คล กลมุ่ บุคคล องค์กร สถาบัน
ประเทศชาติ

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

 ข้อความน้ีแสดงทรรศนะแบบใด แบบฝึกหดั

มหาวิทยาลัยมีภาระหน้าที่ในการเป็น “องค์กรพัฒนาสังคม”
ที่ต้องมีบทบาทในการสร้างชาติและพัฒนาสังคมทั้งใน
ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสังคมศาสตร์ ภาระหน้าที่เช่นนี้เป็น
“พันธกิจ” ขององค์กร ดังนั้นทิศทางของมหาวิทยาลัยทั้งในการ
ผลิตบัณฑิตและในการดารงอยู่ขององค์กรก็น่าจะสอดคล้องกับ
ขอ้ กาหนดดงั กล่าว เพือ่ ใหม้ หาวทิ ยาลัยมฐี านะเป็นพลงั ทางสังคม

ทรรศนะเชงิ คณุ คา่ และนโยบาย

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

 ขอ้ ความนแ้ี สดงทรรศนะแบบใด แบบฝกึ หดั

“ การทแี่ มป่ จู ะสง่ั สอนลูกปใู ห้เดนิ ตรง ๆ นัน้ ยากที่จะสาเรจ็ เพราะ
แบบอย่างการเดนิ ของแม่ปูนั้น มันกค็ ดไปคดมาอย่แู ล้ว”

1. ทรรศนะเชงิ คุณคา่
2. ทรรศนะเชิงขอ้ เทจ็ จริง
3. ทรรศนะเชงิ ขอ้ เท็จจรงิ เเละคณุ ค่า
4. ทรรศนะเชงิ ข้อเท็จจริงเเละนโยบาย

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ลกั ษณะภาษาที่ใช้แสดงทรรศนะ

1. ใช้คากรยิ าหรอื กลมุ่ คากริยาท่ีชช้ี ัดวา่ เป็นการแสดงทรรศนะ
เช่น ผมคิดว่า.... ดฉิ ันเขา้ ใจวา่ ........... ผมขอเสนอวา่ ...........

2. ใชค้ าหรือกลุ่มคากรยิ าช่วยในขอ้ สรุป เพือ่ ชี้ใหเ้ ห็นว่า
เปน็ การแสดงทรรศนะ เชน่ น่า นา่ จะ คง ควรจะ สมควรจะ

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

ลักษณะภาษาทีใ่ ชแ้ สดงทรรศนะ

๓. ใชก้ ลมุ่ คาขยาย ทส่ี ื่อความหมายไปในทางแสดงทรรศนะ
ส่อื ความหมายในเชงิ แสดงความเช่อื มน่ั คาดคะเน หรอื ประเมิน

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

 ข้อใดเปน็ ภาษาแสดงทรรศนะ แบบฝกึ หดั

1. ข้าพเจ้าได้ทราบมาว่าทรัพย์สินของโรงเรียนมักถูกขโมยอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ทาง
โรงเรียนไดพ้ ยายามกวดขนั เจา้ หน้าท่ีใหร้ ะวังรักษาเป็นอยา่ งดี

2. งานบวชนาคเป็นงานบุญงานกุศลอย่างหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนไทยได้ปฏิบัติสืบกันมาเป็นเวลา
ช้านานแลว้

3. รฐั บาลนา่ จะกาหนดนโยบายใหร้ ดั กมุ ในการส่งเสรมิ ใหค้ นไทยนิยมใชส้ ินค้าท่ีผลิตในประเทศไทย

4. งานพเิ ศษของโรงเรียนในชนบทคือการรณรงคเ์ พื่อให้ประชาชนในหมู่บา้ นอา่ นออกเขยี นได้

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

 ข้อใดเป็นการแสดงทรรศนะที่ประกอบด้วยเหตุผล แบบฝกึ หดั

1. ดวงจันทรเ์ ปน็ ดาวที่อย่ใู กลโ้ ลกมากที่สุด
2. แสงหงิ่ หอ้ ยทีเ่ ห็นตอนกลางคนื เปน็ สว่ นสาคญั ของการผสมพันธต์ุ ามธรรมชาติ
3. เราคงปฏิเสธได้ยากว่าในโลกแหง่ ผลประโยชนม์ กี ารแข่งขนั กันอยา่ งดเุ ดอื ด
4. การห้ามขายสุรานอกเวลาที่กาหนดไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นการ
ปฏิบัตติ ามกฎหมายทง้ั หมด

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

การประเมนิ ทรรศนะ

1. เป็นประโยชน์และลักษณะสร้างสรรค์
2. ทรรศนะทด่ี ีจะต้องมีความนา่ เชื่อถอื และความสมเหตสุ มผล
3. ความเหมาะสมกบั ผ้รู บั สารและกาลเทศะ
4. การใชภ้ าษา

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั : ภาษาไทย (ปี 55)

1.) ข้อใดมกี ารแสดงทรรศนะ

1. โครงสร้างของฟนั ประกอบด้วยเคลอื บฟัน เนือ้ ฟนั และโพรงประสาทฟนั
2. การทีค่ นเรามีสีฟันไมเ่ หมือนกันขึ้นอยูก่ บั โครงสร้างฟัน พนั ธกุ รรม และปจั จัยอน่ื ๆ
3. การมีฟนั ขาวถือเปน็ การสร้างบคุ ลกิ ภาพที่ดอี ย่างหน่ึง เพราะจะช่วยเสรมิ สรา้ ง

ความมั่นใจได้
4. การฟอกสฟี นั จะช่วยใหฟ้ ันขาวขึ้นได้ แตแ่ พทย์ตอ้ งวินจิ ฉัยกอ่ นว่า เหมาะสม

จะฟอกสหี รอื ไม่
5. คนท่ีอายนุ อ้ ยเคลอื บฟนั หนา ฟันจงึ ดูขาว เมอื่ อายุมากเคลอื บฟันบางลง ฟันจึง

มสี ีเหลืองมากข้นึ

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

ข้อสอบ 9 วชิ าสามญั : ภาษาไทย (ปี 55)

2.) ข้อความต่อไปนเี้ ปน็ การแสดงทรรศนะประเภทใด

เทา่ ที่สงั เกตมาในช่วง 30 ปี ภยั พบิ ัติทางธรรมชาติ ไมไ่ ดเ้ กดิ ข้นึ ตลอดเวลา
แต่อาจจะเวยี นกลบั มาเกดิ ได้อกี ในแตล่ ะพื้นที่ ถ้ามีการเตรยี มความพร้อมป้องกันไว้
ลว่ งหน้าโดยที่ไมร่ อให้มาถึงแล้วจงึ แกไ้ ข ก็นา่ จะช่วยผอ่ นหนกั ใหเ้ ป็นเบาได้

1. เชิงข้อเทจ็ จรงิ 2. เชงิ นโยบาย

3. เชิงคณุ ค่า 4. เชิงขอ้ เทจ็ จริง และเชิงคุณค่า

5. เชงิ ข้อเทจ็ จรงิ เชงิ นโยบาย

- ใช้ภาษาแสดงทรรศนะ -

ขอ้ สอบ 0-Net : ภาษาไทย (ปี 60)

3.)สว่ นใดของขา่ วต่อไปนไี้ ม่มีการแสดงความคดิ เห็น

1) คุ้มค่าสมการรอคอยทั้งสองรอบการแสดงของชรินทร์ อิน คอนเสริร์ต

หมายเลข 16 “จากฟากฟา้ สุราลัย สู่แดนดิน”/ 2)บทเพลงแห่งแผ่นดินเป็นที่ซาบซึ้งแก่
ทั้งศิลปินผู้มอบความสุขและแฟนเพลงที่มาชม/ 3)เริ่มต้นด้วยบทเพลงจากวรรณกรรม
ละครและภาพยนตร์ในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 – รัชกาลที่ 8/ 4)ผู้ชมได้
ฟังบทเพลงอันทรงคุณค่าไปพร้อม ๆ กับแสง สี เสียงที่อลังการ/ 5)ปิดฉากอย่าง
ประทับใจโยศลิ ปินทงั้ หมดขับร้องเพลง “จากฟากฟา้ สรุ าลัย สูแ่ ดนดิน”

1. สว่ นท่ี 1 2. ส่วนที่ 2
3. ส่วนที่ 3 4. สว่ นที่ 4
5. สว่ นที่ 5

- ใชภ้ าษาแสดงทรรศนะ -

ใชภ้ าษาในการโตแ้ ย้ง

การแสดงทรรศนะทแ่ี ตกต่างกนั ระหว่างบคุ คล ๒ ฝ่าย โดยแตล่ ะฝ่าย
พยายามใช้ข้อมลู สถติ ิ หลกั ฐาน เพ่ือสนบั สนนุ ทรรศนะของตนและคดั คา้ น
ทรรศนะของอกี ฝ่ายหน่ึง

การโตแ้ ย้งอาจยุตลิ งโดยการตดั สนิ หรือการวนิ ิจฉัยของบคุ คลทีโ่ ต้แย้ง
กันนน่ั เอง

-ใชภ้ าษาในการโตแ้ ย้ง-

โครงสร้าง

1. เหตผุ ล
2. ขอ้ สรุป

-ใชภ้ าษาในการโตแ้ ยง้ -

กระบวนการโตแ้ ยง้

1. การตัง้ ประเดน็ ในการโต้แย้ง

หมายถึง คาถามทก่ี อ่ ให้เกดิ การโต้แย้งกนั โดยค่กู รณีจะเสนอคาตอบต่อคาถามน้นั ไป
ตามทรรศนะของตน ซึ่งอาจแบง่ ประเดน็ การโต้แยง้ ได้ 3 ประเภท คือ

1.1 การโตแ้ ยง้ เก่ยี วกับนโยบายหรือข้อเสนอเพอื่ ใหเ้ ปล่ียนแปลงสภาพเดมิ
1.2 การโต้แยง้ เกีย่ วกับขอ้ เท็จจริง
1.3 การโตแ้ ย้งเกย่ี วกับคณุ คา่

-ใช้ภาษาในการโตแ้ ยง้ -

กระบวนการโตแ้ ยง้

2. การนิยาม
หมายถึง การกาหนดความหมายของคาหรอื กล่มุ คาสาคัญทใี่ ชใ้ นการโต้แย้ง

ให้ชัดเจน เข้าใจตรงกนั ไม่ใหส้ บั สน
การนยิ ามคาหรอื กลมุ่ คาสาคญั ทาได้หลายวิธี เชน่ อาศัยพจนานุกรม

หรอื สารานกุ รม คาอธบิ ายของผู้รู้ การเปรยี บเทียบดว้ ยวิธกี ารยกตัวอย่าง

-ใช้ภาษาในการโต้แยง้ -

กระบวนการโตแ้ ย้ง

3. การค้นหา และเรยี บเรยี งข้อสนบั สนนุ ทรรศนะตน

ทรรศนะน้ันจะนา่ เช่ือถอื มากน้อยเพยี งใดขึน้ อยกู่ บั ขอ้ สนบั สนุน ซง่ึ มาจาก
หลกั ฐาน สถติ ิ ข้อเท็จจริงตา่ ง ๆ การเรียบเรียงข้อสนบั สนุนทรรศนะจงึ ควร
เรียบเรียงข้อสนับสนุนใหผ้ ฟู้ งั เข้าใจทรรศนะของเราชัดเจน และดึงดดู ความสนใจ
ของผู้ฟัง เสนอสาระสาคัญของทรรศนะเป็นลาดับข้ันตอน ชีใ้ หเ้ ห็นประเด็นชดั เจน
แสดงข้อสนบั สนนุ ทห่ี นกั แน่นมกี ารอ้างทม่ี า และควรสรุปสาระสาคัญของทรรศนะ
ท่ีเสนอให้กะทัดรดั ชัดเจน

กระบวนการโตแ้ ยง้

4. การชี้ให้เห็นจุดออ่ นและความผดิ พลาด
การโต้แยง้ จะต้องชีใ้ หเ้ หน็ จุดอ่อนของฝ่ายตรงขา้ ม คอื

1) จุดอ่อนในการนยิ ามคาสาคัญ
2) จดุ ออ่ นในดา้ นปรมิ าณและความถูกต้องของข้อมูล
3) จุดออ่ นในด้านสมมติฐานและวธิ ีการอนมุ าน

แบบฝึกหดั

1. ข้อใดไม่ใช่การโต้แย้ง

1) นกั ธรุ กจิ จับกลมุ่ วพิ ากษก์ ระทรวงพาณชิ ย์เรื่อง การจากดั ประเภทสินคา้ ส่งออก

2) นกั โบรณคดอี ธบิ ายทฤษฎีการกาหนดอายขุ องซากปรักหกั พังท่ีเพิ่งคน้ พบ

3) นักเขยี นอิสระต่างยนื่ ข้อเสนอใหร้ ัฐสภาทบทวนญัตติการจดสทิ ธิบัตร

4) นกั เศรษฐศาสตรย์ ืนยนั ใหร้ ะงบั โครงการเงินก้ตู า่ งประเทศเพื่อลดความเสีย่ งเงนิ เฟ้อ

5) นกั ภาษาคัดคา้ นการพมิ พบ์ ทความเปน็ เลม่ แทนการเผยแพรใ่ นระบบออนไลน์

ขอ้ สอบ 9 วิชาสามัญ : ภาษาไทย (ปี 55) -ใชภ้ าษาในการโต้แย้ง-

2. ขอ้ ใดเป็นประเดน็ สาคญั ของข้อความน้ี แบบฝึกหดั

ดวงตาเป็นอวยั วะสาคญั เราจึงตอ้ งดแู ลใหป้ ลอดภัยโดยเฉพาะจากแสงแดด ซึ่งอาจ

ทาใหก้ ระจกตา เลนส์และจอประสาทตาอักเสบ มีอาการแสบตา น้าตาไหล ในระยะยาวอาจ

กลายเป็นต้อกระจกได้ จึงควรสวมแวน่ กนั แดดทกุ คร้ังเมือ่ ต้องเผชิญกบั แสงแดด เพ่อื ลด

รงั สยี ูวีทจ่ี ะกระทบตา ควรใช้แว่นกันแดดท่ีมคี ณุ ภาพเพอ่ื ปกกนั ทั้งรังสยี วู เี อกละยูวีบไี ด้

หากไม่จาเปน็ ควรหลีกเล่ียงการออกแดดในชว่ งเวลา 11.00 – 15.00 น.

1) สาเหตุของต้อกระจก 2) ความสาคัญของดวงตา

3) วิธีการถนอมรักษาดวงตา 4) อาการอกั เสบของเลนส์และจอประสาทตา

5) ประเภทของรังสที ่ีเป็นอันตรายตอ่ ดวงตา

ขอ้ สอบ O – NET : ภาษาไทย (ปี 61) -ใชภ้ าษาในการโต้แยง้ -

แบบฝกึ หดั

3. ขอ้ ใดเป็นประเด็นโตแ้ ย้งของขอ้ ความต่อไปนี้
“รักวัวใหผ้ ูก รักลูกให้ต”ี เป็นสภุ าษิตไทยโบราณทีม่ คี วามแยบยล ในการสงั่ สอนเกีย่ วกบั การ

เล้ยี งดูลกู หลาน และยงั สามารถใช้ไดด้ ใี นหลายสถานการณ์ การเสนอให้เปลีย่ นเป็น “รกั วัวให้ผูก รักลูก
ให้กอด” นา่ จะเปน็ การเขา้ ใจท่คี ลาดเคลอื่ น หากตอ้ งการเปลี่ยนแปลงแกไ้ ข ควรบญั ญัติสุภาษติ ใหม่ ไมใ่ ช่
แกไ้ ขของเดมิ

1) สภุ าษิตใหม่มีความหมายดกี วา่ สุภาษิตเก่าหรอื ไม่
2) สังคมไทยจาเป็นตอ้ งใช้สุภาษิตโบราณสั่งสอนลูกหลานหรือไม่
3) สุภาษิตไทยโบราณเหมาะสมกบั สภาพสังคมไทยปจั จุบนั หรือไม่
4) คนกล่มุ หนงึ่ เข้าใจความหมายของสุภาษติ ไทยถูกตอ้ งหรือไม่
5) สภุ าษติ ไทยโบราณควรมกี ารเปล่ยี นแปลงจากเดมิ หรอื ไม่

ข้อสอบ 9 วชิ าสามัญ : ภาษาไทย (ปี 56) -ใช้ภาษาในการโตแ้ ยง้ -

หลักสาคัญของการโน้มนา้ วใจ

การปลุกเร้าให้ผู้รับสารมีความรู้สึกว่า ถ้าหากตน
ปรับเปลี่ยนความคิดและการกระทาไปตามแนวทางนั้นแล้ว
กจ็ ะไดร้ ับผลท่ีตอบสนองความตอ้ งการของตน

-ใช้ภาษาโนม้ น้าวใจ-

กลวธิ ใี นการโนม้ น้าวใจ

1. แสดงให้เหน็ ถงึ ความน่าเชื่อถือของบคุ คลผู้โน้มน้าวใจ
2. แสดงใหเ้ หน็ วา่ เหตผุ ลน้ันหนกั แนน่ ควรแก่การยอมรบั
3. แสดงให้เหน็ ถงึ ความรสู้ ึกที่รว่ มกนั ระหวา่ งผรู้ ับและผู้ส่งสาร
4. แสดงให้เห็นทางเลือกทง้ั ด้านดีและด้านเสยี
5. พยามทาให้เกิดความหรรษาหรืออารมณข์ ันบา้ ง
6. เรา้ ใหเ้ กิดอารมณอ์ ยา่ งแรงกลา้

-ใชภ้ าษาโนม้ น้าวใจ-

แบบฝกึ หดั
พจิ ารณาขอ้ ความต่อไปนี้วา่ เป็นกลวิธีโนม้ นา้ วใจวิธใี ด

เราอาจจะทางานลา่ ชา้ ไปบา้ งแต่กแ็ น่นอนและม่ันคง
แต่ถา้ ทา่ นไม่เลือกเรา เมื่อเขาเขา้ มาประเทศชาติจะล่มจม

●แสดงให้เหน็ ทางเลือกทั้งด้านดแี ละด้านเสยี

-ใชภ้ าษาโนม้ น้าวใจ-

แบบฝึกหดั
พจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี้ว่าเป็นกลวธิ โี น้มน้าวใจวิธใี ด

ผมเรียนจบปริญญาโทด้านการปกครอง เคยเป็นคณะกรรมการ
พัฒนาการศึกษาอย่หู ลายปี ผมมีความมงุ่ มั่นทจี่ ะทาให้บา้ นเมืองเราน่าอยู่
พร้อมที่จะรับใชพ้ ่นี ้องทกุ คน เลอื กผมสิครับ เบอร์ 1 ครบั

●แสดงใหเ้ ห็นถึงความน่าเชอื่ ถอื ของบคุ คลผูโ้ นม้ น้าวใจ

-ใช้ภาษาโน้มน้าวใจ-

แบบฝึกหดั

พจิ ารณาขอ้ ความต่อไปนว้ี า่ เปน็ กลวธิ โี นม้ นา้ วใจวธิ ีใด

มีเด็กจานวนมากท่ียังดอ้ ยโอกาสทางการศึกษา ขณะที่พวกเราในเมอื งหลวง
น่ังรถตดิ แอร์เย็นฉ่าไปโรงเรยี น แตเ่ ดก็ อกี จานวนหน่ึงกว่าคร่งึ ของประเทศต้องเดนิ
เทา้ เปล่าไปโรงเรียนทอ่ี ยูไ่ กลบา้ นถึง 30 – 40 กโิ ลเมตร ต้องใช้เวลาเดนิ ทางถงึ
2-3 ชั่วโมงกว่าจะไดเ้ รียนหนงั สอื โครงการจักรยานเพือ่ นอ้ ง จงึ มาขอบรจิ าคจาก
ท่านคนละเลก็ ละนอ้ ย เพอ่ื จดั ซอื้ จกั ยานใหแ้ กเ่ ดก็ เหล่าน้ัน

● เรา้ ใหเ้ กดิ อารมณ์อยา่ งแรงกล้า

-ใช้ภาษาโนม้ น้าวใจ-

การพิจารณาสารโน้มน้าวใจ

1. คาเชิญชวน

พิจารณาจากการบอกจดุ ประสงค์ทชี่ ดั เจน ช้ใี ห้เหน็ ประโยชน์
แก่ส่วนรวม รวมทง้ั บอกวิธีปฏิบัตดิ ้วย

-ใช้ภาษาโน้มนา้ วใจ-

จดุ ประสงค์ที่ชัดเจน
ชี้ให้เหน็ ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวม
บอกวธิ ีปฏบิ ตั ิ

-ใชภ้ าษาโนม้ นา้ วใจ-

การพจิ ารณาสารโนม้ นา้ วใจ

2. โฆษณาสินค้าหรอื บริการ

สารประเภทน้ีมกั ใชถ้ อ้ ยคาแปลกใหม่ เปน็ ประโยคหรอื วลสี ั้น ๆ
ใหร้ ายละเอยี ดทเี่ กินจริง มงุ่ สนองความตอ้ งการพืน้ ฐานของมนุษย์

-ใช้ภาษาโนม้ นา้ วใจ-

ประโยคหรือวลีส้ัน ๆ ให้รายละเอยี ดท่ีเกนิ จรงิ
สนองความตอ้ งการพน้ื ฐาน -ใช้ภาษาโนม้ นา้ วใจ-

การพจิ ารณาสารโนม้ น้าวใจ

3. โฆษณาชวนเชือ่

มที ง้ั ทางการค้าและการเมือง ใชว้ ธิ ีการสรรหาคามาแทน
(ตราชอ่ื ) ใชถ้ อ้ ยคาหรูหรา อา้ งบคุ คลหรือบคุ คลส่วนใหญ่ อา้ งแต่
ประโยชน์ตน

-ใชภ้ าษาโน้มนา้ วใจ-

-ใช้ภาษาโนม้ น้าวใจ-

สรุปสารโนม้ นา้ วใจ

1. การโนม้ น้าวใจไม่ใชก่ ารทาใหเ้ ปลย่ี นความรสู้ ึกนกึ คิดและพฤติกรรมด้วยวิธี
ข่เู ขญ็ คกุ คาม หรือหลอกลวง

2. การโน้มนา้ วใจไม่ใช่พฤติกรรมดีหรือเลว แต่อยู่กลางๆ ขนึ้ อยกู่ ับเจตนาท่ี
อยูเ่ บอื้ งหลงั ว่าดีหรอื ร้าย

3. การโน้มน้าวใจเปน็ การกระทาที่มจี ุดมงุ่ หมายเสมอ ใชก้ ลวิธี
ทาให้เกดิ การยอมรับและการเปล่ียนพฤติกรรม ทศั นคติ ความเช่ือ ค่านิยม
และการกระทาด้วย

-ใช้ภาษาโน้มนา้ วใจ-

แบบฝกึ หัด

1. ข้อใดไมม่ กี ารโน้มนา้ วใจ
1) รถกระบะคู่ใจ ซิงเกิล้ แคป็ บรรทุกหนกั ประหยดั นา้ มนั
2) สถาบันจดั กิจกรรมรอ้ งเพลงประสานเสียงสาหรับเด็กพิเศษเพอื่ พฒั นาเดก็
3) อาหารท่มี กี ะทิเป็นสว่ นประกอบท่รี า้ นน้เี ป็นกะทเิ พือ่ สุขภาพอย่างแทจ้ รงิ
4) กระเป่าผ้าแฮนด์เมคใช้ผ้าฝา้ ย 100 เปอร์เซ็นต์ ผสมผสานกบั ลวดลายไมซ่ ้าใคร
5) ภาพยนตร์เรื่องนถ้ี า่ ยทอดเรอื่ งราวชีวิตสดุ อศั จรรยแ์ ละสง่ิ แวดล้อมอันน่าพิศวง

-ใชภ้ าษาโนม้ นา้ วใจ- ข้อสอบ O – NET : ปี 60

แบบฝึกหดั

2. ข้อใดไม่มกี ารโนม้ น้าวใจ
1) สบูส่ าหรบั เดก็ ชนิดนผี้ ่านการทดสอบการแพโ้ ดยแพทย์ผิวหนงั มาแล้ว
2) สารสกดั สาหร่ายสีน้าตาลช่วยลดน้าตาลในเลือดลงอย่างชัดเจนในระยะเวลาอนั สนั้
3) รา้ นบะหมีน่ ้เี จ้าของร้านอธั ยาศยั ดี มกี ารจดั การที่เปน็ ระบบ บริการได้รวดเรว็ ฉบั ไว
4) โครงการ “เยาวชนเรียนรสู้ มนุ ไพรไทย” ชว่ ยลดปัญหาการขาดดลุ การนาเขา้ ยา

จากต่างประเทศไทย
5) จังหวดั แม่ฮอ่ งสอนรว่ มกับภาคเอกชนสร้างความตืน่ ตาตืน่ ใจของน้าพรุ อ้ นแต่ละ

แห่งเพือ่ ดึงดดู นกั ทอ่ งเทยี่ ว

-ใช้ภาษาโนม้ น้าวใจ- ขอ้ สอบ O – NET : ปี 61

แบบฝกึ หัด

3. ขอ้ ใดไมม่ กี ารโนม้ นา้ วใจ
1) งานกาชาดปีน้มี ีการแสดงแสงสีเสียงอลังการ
2) แผนกทนั ตกรรมของเรามีเครื่องมือดัดฟันท่ีคณุ วางใจได้
3) ทางร้านให้สว่ นลดพิเศษสาหรับลกู คา้ 50 คนแรกทส่ี ง่ั จองสนิ คา้
4) ในงานนีจ้ าหน่ายสนิ คา้ ทีเ่ ป็นผลติ ภัณฑแ์ ปลกใหม่ ราคาย่อมเยา
5) นิทรรศการ “เทย่ี วเมืองไปกับกบั เรา” จัดแสดงตงั้ แตว่ นั ที่ 1- 10 ธันวาคม ศกน้ี

-ใชภ้ าษาโนม้ นา้ วใจ- ข้อสอบ 9 วชิ าสามญั : ปี 58

สวสั ดี


Click to View FlipBook Version