The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tunwakom0312, 2023-03-02 04:29:45

บทที่ 8

บทที่ 8

397 บทที่ 8 นักมวยไทยยุครัตน์โกสินทร์จนถึงปัจจุบันปัจจุบัน นักมวยไทย หมายถึงนักมวยในกีฬามวยไทย จนถึงปัจจุบันนี้ มีนักมวยไทยจากค่ายมวย ไทยมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีสถาบันฝึกสอนนักมวยไทยทั้งที่เป็นส านักเรียน สถาบันการพลศึกษา มีการจัดการเรียนการสอนวิชามวยไทยในระดับปริญญาตรี และปริญญา โท ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึงได้มีโครงการจัดสอนถึงระดับปริญญาเอก รวมถึงมี องค์กรส่งเสริมควบคุมมาตรฐานและการจัดการแข่งขันมวยไทยระดับชาติและนานาชาติ มี กฎหมายในการควบคุมและคุ้มครองการจัดชกมวยทั้งนี้ ฉายาของนักมวยไทย มักมีที่มาจากใน หลายลักษณะ อาทิ ลักษณะการชก ความแข็งแกร่ง ความสามารถ และอาจรวมถึงเอกลักษณ์ เฉะพาะตัว หรือในบางครั้ง อาจตั้งตามกระแสสังคม หรือ น ามาจากผู้มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ เช่น การเมือง บันเทิง กีฬา มาเป็นแบบอย่างโดยทั่วไปในปัจจุบัน เครื่องแต่งกายของนักมวย ไทยจะสวมกางเกงขาสั้น และมีการสวมใส่นวม มีประเจียดรัดต้นแขน และมงคลสวมศีรษะขณะ ท าการไหว้ครูร ามวย นักมวยไทยมีชื่อเสียง นักมวยไทยในประวัติศาสตร์ นายทองดี ฟันขาว (พระยาพิชัยดาบหัก) ชาวเมืองพิชัย นายขนมต้ม ชาวพระนครศรีอยุธยา หมื่นหาญ นักมวยไทยที่แข่งกับนักมวยชาวฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่ 1


398 ก่อน พ.ศ. 2499 หมื่นมวยมีชื่อ (นายปล่อง จ านงทอง) ชาวไชยา หมื่นมือแม่นหมัด (นายกลิ้ง บ้านทะเล ชุบศร ลพบุรี) หมื่นชงัดเชิงชก (นายแดง ไทย ประเสริฐ) ชาวโคราช ทับ จ าเกาะ (มีค าเรียกขานในยุคนั้นว่า "หมัดนายจีน ตีนนายทับ") นายจีน พลจันทร ยัง หาญทะเล ชาวโคราช • ชุบ นิวาสะวัติ • ทอง เอกบุศย์ (ครูทอง เอกบุศย์) • นิยม ทองชิต (เทรนเนอร์ โผน กิ่งเพชร • จีนไก่ แซ่ฮุ้นแอ ม่วงดี (บังแอ) • แบทตลิ่ง กิลโมร์ (นักมวยสากลและนักมวย ไทยชาวฟิลิปปินส์) • หวัง มะหะหมัด • ซ้อน ศรียานงค์ • ประยงค์ แช่มศรีดิษฐ์ • "ปักษาร้าย" วิหค เทียมก าแหง นิล ปักษีบ้านพุมเรียง กลับ อินทรกลับ อินทร์ ศักดิ์เดช สอน เพชรศักดิ์ ตู้ ไทยประเสริฐ ยัง วันธงชัย (ยัง หนุมาน) พูน ศักดา (ต้นต ารับ ศอกกลับคน แรก) ทิม อติเปรมานนท์ "กระทิงเปลี่ยว" ผล พระประแดง "ยักษ์ผีโขมด" สุข ปราสาทหินพิมาย ทองใบ ยนตรกิจ (อ้ายยางตัน) "เชาว์ พงางาม" เชาว์ ยนตรกิจ "แนบ แมวป่าหน้าหนู" แนบ ยนตรกิจ "เสริม เข่าเหล็ก" เสริม ยนตรกิจ "วัลลภ หมัดซิยินกุ้ย" วัลลภ ยนตรกิจ เกียรติ ยนตรกิจ "พระเอกยอดนักมวย" ชูชัย พระขรรค์ชัย


399 สุวรรณ นิวาสวัติ "จรวดทัพฟ้า" ราวี เดชาชัย พ.ศ. 2499 - พ.ศ. 2520 "ขวัญใจนักเรียน" อดุลย์ ศรีโสธร "ซ้ายฟ้าฟาด" เขียวหวาน ยนตรกิจ "จอมตะลุย" น าศักดิ์ ยนตรกิจ หนามเตย ยนตรกิจ "จอมเตะบางนกแขวก" อภิเดช ศิษย์ หิรัญ คงเดช ลูกบางปลาสร้อย "สุภาพบุรุษนักชก" ศิริมงคล ลูกศิ สกัด พรทวี เก่งกาจ เกียรติเกรียงไกร "ไอ้หนูเมืองตรัง" พุฒ ล้อเหล็ก "สุริยาบ้าเลือด" วิสันต์ ไกรเกรียงยุค "ขุนค้อนเพชรฆาต" หัวไทร สิทธิบุญ เลิศ "ไอ้หมูแข้งทอง" ผุดผาดน้อย วรวุฒิ "นักชกอมตะ" วิชาญน้อย พรทวี


400 ริพัฒน์ "ม้าสีหมอก" ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ พ.ศ. 2520 - พ.ศ. 2540 "ฉลามด า" เชอรี่ ส.วานิช "ขุนเข่าหน้าเปื่อย" น าพล หนองกี่พาหุ ยุทธ "ไอ้แรดดง" เหนือธรณี ทองราชา "ไข่มุกด า" โอเล่ห์ เกียรติวันเวย์ เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง "ขุนเข่าไร้น้ าใจ" หลังสวน พันธุ์ยุทธภูมิ "ขุนเข่าทะเลคลั่ง" พนมทวนเล็ก ห้า พลัง "ขุนเข่ากินคน" เพชรด า ลูกบ่อไร่ "ไอ้หนุ่มชีวาส", "ไอ้หมัด 33 วิ" วังจั่น น้อย ส.พลังชัย "ไอ้เสือเผ่น" สานิตย์ วิชิตเกรียงไกร "ไอ้เซียน" คฤหาสน์ ส.สุภาวรรณ "จอมจุมพิต" แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์ "ไอ้หมัดรีโมท" ซุปเปอร์เล็ก ศรอีสาน "ซ้ายมหากาฬ", "แข้งมังกร" เมธี เจดีย์ พิทักษ์ "ซ้ายทะลายโลก" แสนศักดิ์ เมือง สุรินทร์ "จอมย่างสามขุม" เดชฤทธิ์ อิทธิ อนุชิต (ยนตรกิจ, อินทรบุตร) "หมัดผีพราย" ปราบธรณี เมือง สุรินทร์ "สุภาพบุรุษนักมวย" วิชาญ (ส.พินิจ ศักดิ์) ช าณาญวารี พรชัย แหลมฟ้าผ่า "จอมบู๊ลูกพลบดี" เบิกอรุณ ชาติวันชัย "ไอ้หมัดป่าเถื่อน" วังวน ลูกมาตุลี "ไอ้หมัดสากเหล็ก" ส าราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์ "พ่อบานไม่รู้โรย", "ขุนเข่า คอมพิวเตอร์" ฉมวกเพชร ห้าพลัง "เพชฌฆาตหน้าหยก" สามารถ พยัคฆ์อรุณ "ขุนเข่าเสาโทรเลข" ดีเซลน้อย ช.ธนะสุ กาญจน์ "จอมเตะยานเกราะ" ชูชัย ลูกปัญจมา


401 "ฉลามร้ายจากฝั่งทะเล ตะวันออก" ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ ศิลาชัย ว.ปรีชา ดอกไม้ป่า ป.พงษ์สว่าง "บอนไซมหาภัย" เด็ดดวง ป.พงษ์สว่าง "กระทิงทุ่งรังสิต" พฤหัสเล็ก ศิษย์ชุน ทอง "ไอ้เลือดเหล็ก" ไพโรจน์น้อย ส.สยาม ชัย "แรมโบ้" พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี "พยัคฆ์หน้าขรึม" วีระพล สหพรหม" สามารถ 2" ฉัตรชัย ไผ่สีทอง "ยอดมวย 2 พ.ศ." แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต "ต่วนเป๋" หนึ่งอุบล ศิษย์เลิศชัย "ขุนเข่าเวตาล", "ขุนเข่าล าน้ ามูล" ล าน้ า มูล ส.สุมาลี "มนุษย์ไม้" จงสนั่น ลูกคลองบาง แก้ว (จงสนั่น แฟร์เท็กซ์) "จอมไถนา", "ขุนเข่าพนมรุ้ง" น า ขบวน หนองกี่พาหุยุทธ "ไอ้ศอกขวานบิน" อนันตศักดิ์ พันธุ์ ยุทธภูมิ "ไอ้หมัดไซโคลนนรก" หยกไท ศิษย์ อ. "แซมซั่น" แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อ มเหศักดิ์ "จอมกระถิน", "จอมถีบดิสก์เบรก", "ราชัน แห่งลุมพินี" เทอดเกียรติ ศิษย์เทพพิทักษ์ "ไอ้หมัดหมอล า" โคบาล ลูกเจ้าแม่ทรายทอง พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ (สมรักษ์ ค าสิงห์) ธงชัย ต.ศิลาชัย โตโต้ ป.พงษ์สว่าง


402 พ.ศ. 2540 – ปัจจุบัน ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์ "ด าดอตคอม" บัวขาว ป.ประมุข แชมป์ เค-วัน 2 สมัย (พ.ศ. 2547, 2549) ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ "โคตรมวยสารคาม" แสนชัย ส.คิงสตาร์ เข้ม ศิษย์สองพี่น้อง "ดาวมฤตยู" สะเก็ดดาว เพชรพญาไท "เพชฌฆาตขนตางอน" อนุวัฒน์ แก้ว สัมฤทธิ์ สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง "ซ้ายเทวดา" อรรถชัย ป.ส าราญชัย "สะตอเหล็ก" แสงหิรัญ ลูกบ้านใหญ่ อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม "จรวดทางเรียบ", "ขุนเข่า พันล้าน" เอฟ 16 ราชานนท์ มาลัยเพชร ศศิประภา "ขวัญใจนักเรียน" แสงมณี ส.เทียนโพธิ์ ซุปเปอร์แบงค์ ม.รัตนบัณฑิต ยอดวิชา ภ.บุญสิทธิ์ ปกรณ์ศักดิ์โยธิน พระจันทร์ฉาย ป.เพชรน้ าทอง "แรมโบ้สายพันธุ์ใหม่" โบวี่ ส.อุดมสร สุดสาคร ส.กลิ่นมีแชมป์มวยไทย 7 สี ผจญศึก ป.ประมุข สกัดเพชร อินแกรมยิม "กะเหรี่ยงทมิฬ" กิ่งซาง ก.ศักดิ์ล าพูน "มิสเตอร์ ปะฉะดะ" ซีอุย ส.สุนันท์ชัย อิกคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ บิ๊กเบน ช.พระราม 6 "ซ้ายไฟลามทุ่ง" สามเอ ไก่ย่างห้า ดาวยิม ซุปเปอร์เล็ก ว.สังข์ประไพ เพชรบุญชู บ่อปลาบุญชู


403


404 นักมวยไทยยอดเยี่ยม 10 อันดับ ท าเนียบหอเกียรติยศของของเวทีราชด าเนิน อันดับที่ 1 ผล พระประแดง


405 ผล พระประแดง กระทิงเปลี่ยว ยอดมวยสองแบบ ชื่อจริง ผล พูนเสริม เกิด พ.ศ.2456 เป็นชาวจังหวัดลพบุรี ผลกับพี่ชายชื่อพรเป็นนักมวยเช่นกัน หัดมวยไทยกับ ครูไสว เปลี่ยนจ้อย ขึ้นชกมวยไทยครั้งแรกแบบคาดเชือก เมื่อพ.ศ.2472 ที่เวทีสวนสนุก จนได้แชมป์มวยรอบ รุ่น5 สมิง ปราบนักมวยดังในยุคนั้น เช่น จ าเนียร ราชวัฎ, ชั้ว แก้วคชสาร, สุวรรณ เวชสิทธิ์ และมวย รุ่นน้อง จ าเริฯ ทรงกิตรัตน์ ไม่กล้าต่อสู้ ต่อมามวยฝาหรั่งหรือมวยสากลเริ่มเป็นที่นิยม ไปหัด มวยสากลเพิ่มเติมจากหลวงพิพีฒน์พลหาย ปราบมวยสากลดังทั้งนักมวยไทยและชาวต่างชาติ จนหาคู่ชกในรุ่นแบนตั้มเวทจนถึงเวลเตอน์เวทไม่ได้ สมาน ดิลกวิลาส ชวนไปชกที่รัฐปีนังและ ทวืช จาติกวณิชย์ชวนไปชกที่สิงคโปร์ แตเกิดสงครามถูกกักตัวอยู่สิงคโปร์ พอสงครามสงบกลับ เมืองไทยหยุดพักการชกไประยะหนึ่ง หลังสงครามกลับขึ้นชกอีกใน พ.ศ.2487-2493 รวมการ ชกทั้งมวยไทยและมวยสากลกว่า 500 ครั้งโดยไม่เคยแพ้น็อคใคร ติดตามอ่านประวัติอาจารย์ ผล พระประแดง ในหนังสือแชมป์ต่อไป


406 อันดับที่ 2 สุข ปราสาทหินพิมาย (Sukh Prasarthinpimai)


407 สุข ปราสาทหินพิมาย ข้อมูลส่วนตัว ชื่อจริง สุข ปราสาทหินพิมาย ฉายา ยักษ์ผีโขมด (Fluorescent Demon) วันเกิด พ.ศ. 2452 สถานที่เกิด จังหวัดนครราชสีมา วันที่เสียชีวิต 8 มกราคม พ.ศ. 2543 (90 ปี) สถานที่เสียชีวิต จังหวัดนครราชสีมา ผู้ฝึกสอน ส.ต.ต.บุญ ชูรัตน์ สถิติ ชก 23 ชนะ 19 ชนะน็อก 11 แพ้ 4 เสมอ 2 สุข ปราสาทหินพิมาย มีชื่อจริงว่า สุข จาดพิมาย แต่ต่อมาเมื่อเลิกมวยแล้วเปลี่ยน นามสกุลเป็น ปราสาทหินพิมาย ตามชื่อสมัยยังชกมวยอยู่ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2452 ที่อ าเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หัดมวยไทยเมื่อถูกเกณฑ์ทหาร และได้รับคัดเลือกให้เป็นพลต ารวจ ครูมวย คนแรกคือ ส.ต.ต.บุญ ชูรัตน์ ขึ้นชกมวยไทยครั้งแรกที่ เวทีมวยชั่วคราว แถวอ าเภอพิมาย เมื่อ


408 พ.ศ. 2474 ด้วยวัย 21 ปี ชนะคู่ต่อสู้คือ นายเบา ในยกที่ 2 ยักษ์ผีโขมด (Fluorescent Demon) ติดคุก สุขถูกจับด้วยคดีฆ่าคนตายเมื่ออายุได้ 27 ปี ถูกศาลพิพากษาจ าคุก 20 ปี ที่เรือนจ า นครราชสีมาแต่ได้ออกมาซ้อมโดยมีผู้คุมคือนายเขียว สมการ และได้รับโทษเพียง 8 ปี 4 เดือน ก็ถูกปล่อยตัวเพราะความประพฤติดี ระหว่างอยู่ในเรือนจ า เคยถูกเบิกตัวออกมาชก กับ ประเสริฐ ส.ส. นักมวยที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น ในงานไว้อาลัยเหล่าทหารที่เสียชีวิตใน สงครามอินโดจีน ผลปรากฏว่า เสมอกัน พ้นโทษมาเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียง เมื่อพ้นโทษ พัศดีช่วยพามาฝากฝังกับนายสนามเวทีราชด าเนิน สุขจึงได้ขึ้นชกมวยไทยอีก ครั้ง ด้วยวัย 34 ปี ปราบคู่ชกคนแล้วคนเล่า ไฟต์ที่สร้างชื่อคือ ชนะคะแนน สมาน ดิลก วิลาศ และ ชนะน็อค สมพงศ์ เวชสิทธิ์ยก 3 จนหาคู่ชกไม่ได้ ต้องเลิกชกไปถึง 3 ปี จนกระทั่ง นักมวยรุ่นน้อง สุรชัย ลูกสุรินทร์ โด่งดัง ขึ้นมา เวทีราชด าเนินจึงติดต่อสุขให้ มาชกกับ สุรชัย ชกครั้งแรก สุขแพ้คะแนนเพราะเรื้อเวทีไปนาน แต่ก็ตามแก้มือได้ภายหลัง สุข ชกครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2496 ยอมแพ้ ลิงลม ฉวีวงษ์ เพราะสังขารไม่ไหว เมื่อเลิกชก สุขกลับไปอยู่ที่นครราชสีมา เป็นผู้ใหญ่บ้านจนเกษียณ เมื่ออายุ 60 ปี เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2543 รวมอายุได้ 90 ปี ลูกหลานของสุข ที่มีชื่อเสียง ทางหมัดมวยมีหลายคนได้แก่ สรศักดิ์ ส.ลูกบุคคโล แชมป์รุ่น จูเนียร์เวลเตอร์เวท ของ ลุมพีนีสกัด เพชรยินดีแชมป์ OPBF รุ่น ไลต์เวท สุริยา ปราสาทหินพิมาย เหรียญทองแดงกีฬา โอลิมปิกที่กรีซ สถิติการชก ชก 23 ครั้ง ชนะคะแนน 19 ชนะน็อก 11 แพ้ 4 เสมอ 2 ชนะน็อค นายเบา ในยกที่ 2 ชนะน็อค นายเสถียร ในยกที่ 1 ชนะน็อค ปะ ไชยยุระ ชนะคะแนน ลี เทียมก าแหง


409 ถูกศาลพิพากษาจ าคุก ถูกเบิกตัวออกมาชก 1 ครั้ง เสมอกับ ประเสริฐ ส.ส. พ.ศ. 2489 ชนะน็อค ศรีเมือง อินทรยศ ในยกที่ 3 /ราชด าเนิน ชนะน็อค ประสิทธิ์ ชมสีเมฆ ในยกที่ 2 /ราชด าเนิน ชนะน็อค ทวี ใจมีบุญ ในยกที่ 3 /ราชด าเนิน พ.ศ. 2490 เสมอ ประเสิรฐ ส.ส. /ราชด าเนิน ชนะคะแนน ถวัลย์ วงศ์เทเวศก์ /ราชด าเนิน พ.ศ. 2491 ชนะคะแนน สมาน ดิลกวิลาศ /ราชด าเนิน ชนะน็อค สมพงศ์ เวชสิทธิ์ ยก3 /ราชด าเนิน ชนะคะแนน ถวัลย์ วงศ์เทเวศก์ /ราชด าเนิน พ.ศ. 2494 แพ้คะแนน สุรชัย ลูกสุรินทร์ /ธรรมศาสตร์ แพ้น็อค ชูชัย พระขรรค์ชัย ในยกที่ 5 /ราชด าเนิน ชนะน็อค สุรชัย ลูกสุรินทร์ ในยกที่ 3 /ราชด าเนิน ชนะน็อค ทวีเดช สมานฉันท์ ในยกที่ 3 /ราชด าเนิน ชนะคะแนน พิทยา กล้าศึก /ราชด าเนิน พ.ศ. 2495 ชนะน็อค สมาน ดิลกวิลาศ ในยกที่ 4 /ล าปาง ชนะคะแนน สมศรี เทียมก าแหง /ยะลา พ.ศ. 2496 ชนะน็อค สุรชัย ลูกสุรินทร์ ในยกที่ 1 /ราชด าเนิน แพ้คะแนน ศักดิ์ชัย นาคพยัคฆ์ /ราชด าเนิน ไฟต์สุดท้าย แพ้น็อค ลิงลม ฉวีวงศ์ ยกที่ 5 /ราชด าเนิน


410


411 อันดับที่ 3 ชูชัย พระขรรค์ชัย ชูชัยเกิดวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดเชียงใหม่ หัดมวยครั้งแรกกับครูปูน พระ ขรรค์ชัย ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร ขึ้นชกครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2488 ที่ เวทีราชด าเนิน ด้วยความเป็นมวยคู่ชกประกอบรายการ สามารถประเดิมการชกครั้งแรกได้ด้วย การชนะน็อกในยกที่ 3 ด้วยหมัดขวา จากนั้นก็ได้ขึ้นชกอย่างสม่ าเสมอสั่งสมประสบการณ์และ ความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียง เมื่อไม่มีคู่ชกแล้ว ชูชัยจึงแขวน นวมหันไปท างานหนังสือพิมพ์สังกัดสยามรัฐ จากการชักชวนของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เจ้าของและบรรณาธิการ ชูชัยแขวนนวมเป็นระยะเวลา 2 ปี ก็กลับมาชกมวยอีกครั้งในปี พ.ศ. 2488 จากการ ตามตัวของโปรโมเตอร์ เนื่องจากเสียงเรียกร้องของแฟนมวย จนโปรโมเตอร์ผู้จัดเสนอเงินค่าตัว ให้เป็นจ านวนถึง 17,000 บาท เพื่อให้กลับมาชกกับยอดนักมวยไทยอีกรายในยุคเดียวกันนั้น คือ สุข ปราสาทหินพิมาย เจ้าของฉายา ยักษ์สุข หรือ ยักษ์ผีโขมดการชกกับสุข ปราสาทหินพิ มาย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 ที่เวทีราชด าเนิน ปรากฏว่าตั้งแต่ยกแรกจนถึง ยกที่ 4 ชูชัยเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางความไม่พอใจของผู้ชมเพราะคิดว่าชูชัย กลัวสุข แต่พอขึ้นยก 5 อันเป็นยกสุดท้าย ชูชัยได้เร่งระดมชกเข้าที่ใบหน้าของสุข จนโอนเอนไป


412 มา จนนั่งพิงเชือก เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกนี้เองซึ่งชูชัยได้กล่าวภายหลังว่า เป็นแผนการชกของ ตน เพราะเกรงว่าในยกต้น ๆ จะไม่อาจทนแรงบุกของสุข ซึ่งเป็นนักมวยรูปร่างใหญ่ได้ จึงเป็น ฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว รอโอกาสให้สุขหมดแรงจึงโหมแรงในยกสุดท้าย จนชนะในที่สุด ซึ่งชูชัยได้กล่าวภายหลังว่า เป็นแผนการชกของตน เพราะเกรงว่าในยกต้น ๆ จะไม่อาจทนแรง บุกของสุข ซึ่งเป็นนักมวยรูปร่างใหญ่ได้ จึงเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว รอโอกาสให้สุขหมดแรงจึง โหมแรงในยกสุดท้าย จนชนะในที่สุด นอกจากนี้แล้ว ระหว่างที่มีชื่อเสียงนั้น ชูชัยถือได้ว่าเป็น


413 นักมวยที่มีหน้าตาดีประกอบกับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง จึงได้มีโอกาสแสดงน าในภาพยนตร์เรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ในปี พ.ศ. 2493 ก ากับโดย มารุต และอ านวยการสร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล และอีกหลายเรื่องต่อมาด้วยกัน เช่น นเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. 2500, อ านาจกับอ านาจ ในปี พ.ศ. 2501 เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นนักมวยคนแรกที่แสดงใน ภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ ก่อนจะมีนักมวยที่มีชื่อเสียงในรุ่นหลังแสดงแบบเดียวกันตามมา อันดับที่ 4 ประยุทธ อุดมศักดิ์ ประยุทธ์ อุดมศักดิ์ชื่อจริง สวัสดิ์ ดอกมณีเจ้าของฉายา ม้าสีหมอก เกิด พ.ศ. 2468 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นอดีตนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงก่อนยุคปีพ.ศ. 2500 และได้เป็นนักมวย ไทยที่มีชื่อในหอเกียรติยศของเวทีมวยราชด าเนิน ประยุทธ์ ฝึกมวยครั้งแรกด้วยตนเองเมื่ออายุได้ 15 ปี ขณะเรียนอยู่ ม.ศ.5 ที่โรงเรียนราช สีมาวิทยาลัย ใช้ชื่อว่า ยุทธ ส.บุญส่ง และเป็นฝ่ายชนะคะแนนสีมา เทียมก าแหงได้ ที่โรง ภาพยนตร์หน าแซ บางล าภูเมื่อราว พ.ศ. 2486 ซึ่งจากผลการชกครั้งนี้ พายุ อุดมศักดิ์ได้ ชักชวนให้เขาไปอยู่ค่ายอุดมศักดิ์ ใช้ชื่อว่ายุทธ อุดมศักดิ์ และฝึกมวยอย่างจริง ๆ จัง ๆ กับครู มณฑล อุดมโชค เจ้าของค่าย อุดมศักดิ์ ซึ่งยุทธได้ตระเวนชกมวยแถวบ้านเกิด ชกชนะจนหาคู่


414 ชกไม่ได้ จึงเข้ามาชกในกรุงเทพฯ ใช้ชื่อว่าประยุทธ อุดมศักดิ์[1] จากนั้นได้ขึ้นชกที่เวทีท่า พระจันทร์ชนะน็อก สวัสดิ์ พัลลภ ยก 2 และร่วมชกในรายการเปิดสนามมวยราชด าเนินใน เดือนตุลาคม พ.ศ. 2488 ชนะ สม พล นักมวยชาวกัมพูชา ประยุทธขึ้นชกในกรุงเทพฯครั้งแรกที่เวทีราชด าเนิน ชนะคะแนน สมพล กล้าศึกเมื่อ พ.ศ. 2490[1] จากนั้น ในช่วง พ.ศ. 2491 – 2494 เป็นช่วงที่เขาโด่งดัง ชกชนะนักมวยที่มี ชื่อเสียงหลายคน เช่น เลิศทะเล เลือดระยอง ทองใบ ยนตรกิจ ธวัช วงศ์เทเวศร์ พิทยา กล้าศึก สุรชัย ลูกสุรินทร์ ประเสริฐ ส.ส. ผล พระประแดง ทวีเดช สมานฉันท์ ได้ครองแชมป์มวยรอบ 4 วายุภักษ์ของเวทีราชด าเนินเมื่อ พ.ศ. 2493 หลังจากที่ชกชนะในแบบมวยไทยจนหาคู่ชกไม่ได้ ประยุทธหันมาชกมวยสากลเมื่อ 18 มีนาคม พ.ศ. 2494 ชนะน็อค จิมมี่ เบิร์ด ยก 6 จากนั้น กลับมาชกมวยไทย ชนะพิทยา กล้าศึก ก่อนจะชกกับสมเดช ยนตรกิจ ซึ่งประยุทธเป็นฝ่าย แพ้น็อคในยกที่2 เมื่อขอแก้มืออีกครั้ง ประยุทธก็แพ้น็อคอีกในยกที่ 4 หลังจากนั้น ประยุทธท า ฟอร์มใหม่ ชกชนะ ทวีเดช สมานฉันท์ และถวัลย์ วงศ์เทเวศร์ พอต้นปี พ.ศ. 2495 ประยุทธขอ แก้มือกับสมเดชอีก แต่ก็แพ้น็อคแค่ยกแรก พ.ศ. 2496 ประยุทธขึ้นชกมวยสากลอีก ชนะคะแนน เพิก สิงหพัลลภ จากนั้นไปชกมวย ไทยแพ้สมศรี เทียมก าแหง และสุรชัย ลูกสุรินทร์ เมื่อกลับมาชกมวยสากลอีก ก็เป็นฝ่ายแพ้ คะแนนอุสมาน ศรแดง เมื่อกลับมาชกมวยไทยอีกครั้ง การชกของประยุทธดีขึ้น แก้มือชนะ สมศรี เทียมก าแหง และสุรชัย ลูกสุรินทร์ได้ และผลัดแพ้ชนะกับเปลี่ยน กิ่งเพชร จนปลายปี พ.ศ. 2497 ประยุทธได้ชิงแชมป์มวยไทยเวทีราชด าเนินรุ่นมิดเดิลเวท ชนะคะแนนสายฟ้า วิถี ชัย ได้ครองแชมป์ แต่ใน พ.ศ. 2498 ก็เสียแชมป์ให้เสมา กล้าศึก หลังจากเสียแชมป์ ประยุทธ ยังชกชนะนักมวยชั้นดีในยุคนั้นได้อีกหลายคน เช่น ดาวทอง สิงหพัลลภ สามารถ ศรแดง ใน พ.ศ. 2499 ประยุทธได้ชิงแชมป์มวยไทยเวทีราชด าเนินรุ่นมิดเดิลเวทอีกครั้ง ชนะคะแนน สายฟ้า วิถีชัย ก่อนจะเสียแชมป์ให้ดาวทอง สิงหพัลลภ ใน พ.ศ. 2500 การชกของประยุทธเริ่ม แย่ลง แพ้คะแนนศรีสวัสดิ์ เทียมประสิทธิ์สองครั้งรวด จึงตัดสินใจแขวนนวมเพราะร่างกายไม่ ไหว ประยุทธ์ ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่ชกมวยด้วยความขาวสะอาด ไม่เคยท าผิดกติกา หรือเอา เปรียบคู่ชกใด ๆ จนได้รับฉายาว่า สุภาพบุรุษนักชก และ ม้าสีหมอก ตามชื่อของม้าสีหมอก ม้า ในวรรณคดีพื้นบ้านเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เป็นนักมวยที่ชกได้ประทับใจผู้ชมอย่างมาก ได้รับเสียง


415 ปรบมือและความชื่นชมเสมอหลังจาการชกถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม ประยุทธ์มีสถิติ การชกมวยไทยราว 81 ครั้ง เป็นการชนะน็อก 30 ครั้ง ชนะคะแนน 32 ครั้ง เสมอ 8 ครั้ง แพ้ 7 ครั้ง ซึ่งเป็นการแพ้น็อก 4 ครั้ง โดยได้ค่าตัวจากการชกมวยไทยทั้งหมดรวมเป็นเงินถึง 477,710 บาท และได้รับรางวัลเกียรติยศต่าง ๆ มากมาย อาทิ เสื้อสามารถวายุภักดิ์ จากการ ชนะน็อก ธวัช วงศ์เทเวศน์ ในยกสุดท้าย รางวัลกิตติมศักดิ์จากกองทัพบก ได้รับรางวัลตุ๊กตา ทองนักมวยยอดเยี่ยมแห่งปีพ.ศ. 2494 แชมป์รุ่นมิดเดิลเวท 2 สมัยของเวทีราชด าเนิน อีกทั้ง ยังได้รับรางวัลถ้วยทองและถ้วยเงินต่าง ๆ อีกมากมาย ส่วนสถิติในการชกมวยสากล ไฟต์ที่ส าคัญได้แก่ชนะคะแนน ศักดิชัย นาคพยัคฆ์ และชก กับสมศรี เทียมก าแหง 4 ครั้ง ซึ่งแพ้คะแนน 2 ครั้งและชนะน็อกครั้งหนึ่ง แพ้น็อก สมเดช ยนตรกิจ ยก 2 เสมอ 1 ครั้งและแพ้ทีเคโอและชนะคะแนน 2 ครั้ง สุรชัย ลูกสุรินทร์และ เปลี่ยน กิ่งเพชร และชนะน็อกยกที่ 4 จิมมี่ เบิร์ด นักมวยชาวต่างประเทศ ไม่มีผลการตัดสิน กับ เพิก สิงหพัลลภ และอุสมาน ศรแดง หลังเลิกชกมวยแล้ว ประยุทธ์ได้รับเข้าราชการ เป็นข้าราชการระดับ 6 ที่กรม สรรพสามิต กระทรวงการคลัง โดยได้รับเงินเดือนครั้งแรกเพียง 450 บาท ประยุทธ์เกษียณอายุ เมื่ออายุได้ 60 ปี ในปีพ.ศ. 2528 ต่อมาใน พ.ศ. 2527 ทางเวทีราชด าเนินได้จัดอันดับ 10 ยอด นักมวยของเวที มีชื่อของประยุทธ์ติดอยู่ด้วย อันดับที่ 5 อดุลย์ ศรีโสธร


416 อดุลย์ ศรีโสธร เป็นบุตรของนายชอบ นางสร้อย สุขส าราญ บิดาเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 4 ขวบ อดุลย์เรียนหนังสือจนจบชั้น ป. 4 ที่ โรงเรียนในต าบลลาดขวางแล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียน เบญจมราชรังสฤษฎิ์จากนั้นต่อที่โรงเรียนช่างกลปทุมวันรหัสประจ าตัว 5552 และโรงเรียน เทคนิคกรุงเทพ ชื่อจริง ร.ต.อ. อดุลย์ สุขส าราญ ฉายา ขวัญใจนักเรียน วันเกิด 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 สถานที่เกิด จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่เสียชีวิต 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 (36 ปี) สถานที่เสียชีวิต จังหวัดชัยนาท ฝึกมวยครั้งแรกกับครูอุทัย ผละธัญญะ ขึ้นชกมวยครั้งแรกเมื่อ อายุ 14 ปี อดุลย์เป็นที่รู้จักเมื่อได้ครองแชมป์มวยรอบรุ่นจ้าวแผ่นดิน ชนะคะแนน คีรีศักดิ์ บาร์ โบส เมื่อพ.ศ. 2501 จากนั้นได้ครองแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวทของเวทีลุมพินี และแชมป์รุ่นไลท์เวท ของเวทีราชด าเนิน และยังชกชนะอภิเดช ศิษย์หิรัญ ดาวรุ่งในขณะนั้นได้ด้วย นอกจากนั้น อดุลย์ยังเคยชกกับซิงก้า นักมวยปล้ าชาวปากีสถาน โดยอดุลย์ชกแบบมวยไทย ซิงก้าชกแบบ มวยปล้ า ผลปรากฏว่าอดุลย์ใช้หมัดต่อยซิงก้าแพ้น็อคไปอย่างง่ายดาย จนกระทั่ง พ.ศ. 2506 อดุลย์หาคู่ชกในแบบมวยไทยไม่ได้จึงหันไปชกมวยสากล ได้เป็น แชมป์รุ่นไลท์เวททั้งของเวทีลุมพินีและราชด าเนิน และมีชื่อเป็นรองแชมป์โลกด้วย มีโอกาสขึ้น ชิงแชมป์ OPBF 2 ครั้งแต่ไม่ส าเร็จ จึงกลับมาชกมวยไทยอีกครั้ง แต่การกลับมาคราวนี้ อดุลย์ ไม่โด่งดังเหมือนเดิม ชกแพ้นักมวยที่เขาเคยชนะมาแล้วอย่าง อภิเดช ศิษย์หิรัญ เดชฤทธิ์ อิทธิ อนุชิต และแพ้ วิชาญ พินิจศักดิ์ถึง 4 ครั้ง พ.ศ. 2510 อดุลย์ขึ้นชกมวยสากลครั้งสุดท้ายแพ้ คะแนน สุรพรชัย เจริญเมือง จากนั้นขึ้นชกมวยไทยอย่างเดียวจนแพ้คะแนนมงคลเดช พิทักษ์ ชัยเมื่อ พ.ศ. 2511 จึงแขวนนวม แล้วไปรับราชการเป็นต ารวจทางหลวง จนกระทั่งเสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ า ที่ทางหลวงสายเอเชียในจังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2519 ขณะที่มีอายุได้แค่ 36 ปี


417 เกียรติประวัติ แชมป์ประเทศไทยรุ่นไลท์เวท o ชิง, 7 มิถุนายน 2505 ชนะน็อค แดนชัย ยนตรกิจ ยก 6 o ป้องกันครั้งที่ 1, 21 มีนาคม 2506 ชนะน็อค สมเกียรติ เกียรติเมืองยม ยก 5 o ป้องกันครั้งที่ 2, 8 พ.ค. 2506 ชนะน็อค อดิศักดิ์ อิทธิอนุชิต ยก 9 o ป้องกันครั้งที่ 3, 15 ส.ค. 2506 ชนะคะแนน อิศรศักดิ์ พันท้ายนรสิงห์ o เสียแชมป์, 23 ก.ค. 2510 แพ้คะแนน สุรพรชัย เจริญเมือง เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่ส าเร็จ o ชิงแชมป์ OPBF รุ่นไลท์เวท เมื่อ 14 ก.พ. 2506 แพ้แตก เบริ์ต โซโม เดียว (ฟิลิปปินส์) ยก 7 ที่ เวทีราชด าเนิน o ชิงแชมป์ OPBF รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท เมื่อ 9 พ.ย. 2506 แพ้แตก เบริ์ต โซโม *อดุลย์ ศรีโสธร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี อดุลย์ ศรีโสธร ข้อมูลส่วนตัว ชื่อจริง ร.ต.อ. อดุลย์ สุขส าราญ ฉายา ขวัญใจนักเรียน วันเกิด 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 สถานที่เกิด จังหวัด ฉะเชิงเทรา วันที่เสียชีวิต 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 (36 ปี) สถานที่เสียชีวิต จังหวัดชัยนาท รุ่น เฟเธอร์เวท ไลท์เวท ซูเปอร์ไลท์เวท ผู้ฝึกสอน อุทัย ผละธัญญะ สถิติ ชก 26 ชนะ 13 ชนะน็อก 10 แพ้ 9 เสมอ 4 อดุลย์ ศรีโสธร มีชื่อจริงว่า ร้อยต ารวจเอก อดุลย์ สุขส าราญ เกิดเมื่อ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 ที่อ าเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีสถิติการชกทั้งหมด 26 ครั้ง ชนะ 13 (น็อก 10) เสมอ 4 แพ้ 9 ประวัติ[แก้] อดุลย์ ศรีโสธร เป็นบุตรของนายชอบ นางสร้อย สุข ส าราญ บิดาเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 4 ขวบ อดุลย์เรียนหนังสือจนจบชั้น ป. 4 ที่ โรงเรียนในต าบล ลาดขวางแล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ จากนั้นต่อที่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน รหัสประจ าตัว 5552 และโรงเรียนเทคนิคกรุงเทพ ฝึกมวยครั้งแรกกับครูอุทัย ผละธัญญะ ขึ้น ชกมวยครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี อดุลย์เป็นที่รู้จักเมื่อได้ครองแชมป์มวยรอบรุ่นจ้าวแผ่นดิน ชนะ คะแนน คีรีศักดิ์ บาร์โบส เมื่อ พ.ศ. 2501 จากนั้นได้ครองแชมป์รุ่นเฟเธอร์เวทของเวทีลุมพินี และแชมป์รุ่นไลท์เวทของเวทีราชด าเนิน และยังชกชนะอภิเดช ศิษย์หิรัญ ดาวรุ่งในขณะนั้นได้ ด้วย นอกจากนั้น อดุลย์ยังเคยชกกับซิงก้า นักมวยปล้ าชาวปากีสถาน โดยอดุลย์ชกแบบมวย ไทย ซิงก้าชกแบบมวยปล้ า ผลปรากฏว่าอดุลย์ใช้หมัดต่อยซิงก้าแพ้น็อคไปอย่างง่ายดาย จนกระทั่ง พ.ศ. 2506 อดุลย์หาคู่ชกในแบบมวยไทยไม่ได้จึงหันไปชกมวยสากล ได้เป็นแชมป์รุ่น


418 ไลท์เวททั้งของเวทีลุมพินีและราชด าเนิน และมีชื่อเป็นรองแชมป์โลกด้วย มีโอกาสขึ้นชิงแชมป์ OPBF 2 ครั้งแต่ไม่ส าเร็จ จึงกลับมาชกมวยไทยอีกครั้ง แต่การกลับมาคราวนี้ อดุลย์ไม่โด่งดัง เหมือนเดิม ชกแพ้นักมวยที่เขาเคยชนะมาแล้วอย่าง อภิเดช ศิษย์หิรัญ เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต และแพ้ วิชาญ พินิจศักดิ์ถึง 4 ครั้ง พ.ศ. 2510 อดุลย์ขึ้นชกมวยสากลครั้งสุดท้ายแพ้คะแนน สุ รพรชัย เจริญเมือง จากนั้นขึ้นชกมวยไทยอย่างเดียวจนแพ้คะแนนมงคลเดช พิทักษ์ชัยเมื่อ พ.ศ. 2511 จึงแขวนนวม แล้วไปรับราชการเป็นต ารวจทางหลวง จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ รถยนต์พลิกคว่ า ที่ทางหลวงสายเอเชียในจังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 ขณะที่มีอายุได้แค่ 36 ปี[1] เกียรติประวัติ[แก้] แชมป์ประเทศไทยรุ่นไลท์เวท ชิง, 7 มิถุนายน 2505 ชนะน็อค แดนชัย ยนตรกิจ ยก 6 ป้องกันครั้งที่ 1, 21 มีนาคม 2506 ชนะน็อค สมเกียรติ เกียรติเมืองยม ยก 5 ป้องกันครั้งที่ 2, 8 พ.ค. 2506 ชนะน็อค อดิศักดิ์ อิทธิอนุชิต ยก 9 ป้องกันครั้งที่ 3, 15 ส.ค. 2506 ชนะคะแนน อิศรศักดิ์ พันท้ายนรสิงห์ เสียแชมป์, 23 ก.ค. 2510 แพ้คะแนน สุรพรชัย เจริญเมือง เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่ส าเร็จ ชิงแชมป์ OPBF รุ่นไลท์เวท เมื่อ 14 ก.พ. 2506 แพ้แตก เบริ์ต โซโมเดียว (ฟิลิปปินส์) ยก 7 ที่ เวทีราชด าเนิน ชิงแชมป์ OPBF รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท เมื่อ 9 พ.ย. 2506 แพ้แตก เบริ์ต โซโมเดียว (ฟิลิปปินส์) ยก 10 ที่ ฟิลิปปินส์*


419


420 อันดับที่ 6 อภิเดช ศิษย์หิรัญ "จอมเตะบางนกแขวก" อภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยที่ใช้การเตะน็อคคู่ต่อสู้เป็นว่าเล่น เปรียบเสมือนมวยหมัดหนักที่น็อคคู่ต่อสู้ แต่อภิเดชน็อคด้วยลูกเตะล้วนๆ! ความหนักหน่วง รุนแรงของลูกเตะอภิเดช ไม่ได้เป็นที่รู้กันในประเทศไทยเท่านั้น แม้แต่ต่างชาติ ฝรั่งยังกล่าวขาน มาถึงปัจจุบัน แต่น่าเสียดายคลิปสมัยเก่งโคตรๆของอภิเดช หาชมยาก เนื่องจากเทคโนโลยีใน สมัยนั้นยังน้อยนั่นเอง อภิเดช ศิษย์หิรัญ (ชื่อเล่น: ตังค์; 1 กันยายน พ.ศ. 2484 — 4 เมษายน พ.ศ. 2556) เป็นนักมวยไทยคนเดียวที่มีลูกเตะเป็นอาวุธส าคัญสามารถชงเท้าเข้าก้านคอคู่ต่อสู้แล้วไล่ลง มาถึงขาพับ 3 จังหวะด้วยความรวดเร็ว โดยเฉพาะแข้งขวา จนได้รับฉายา "จอมเตะแห่งบางนก แขวก


421 วัยเด็ก อภิเดช ศิษย์หิรัญ มีชื่อจริงคือ ณรงค์ ทรงมณี เป็นบุตรของนายพยอม ญาณประทีป (พ่อเลี้ยง) กับนางเสงี่ยม ทรงมณี (แม่จริง) มีอาชีพท าสวนมะพร้าว เกิดที่ต าบลบางนก แขวก อ าเภอบางคนทีจังหวัดสมุทรสงคราม เหนือวัดเจริญสุขารามขึ้นไปเล็กน้อย ชีวิตในวัยเด็ก อภิเดชเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่ค่อยเก่งแต่มีความสามารถเล่นกีฬาได้ดี แทบทุกชนิดโดยเฉพาะ ฟุตบอล ตะกร้อ กระโดดสูง ค้ าถ่อ และวิ่งจนเป็นนักกีฬาคนเก่งของ


422 โรงเรียนวัดเจริญสุขารามวรวิหาร ไปแข่งที่ไหนจะต้องคว้าชัยชนะมาอวดทางบ้าน และเพื่อน นักเรียนเสมอไม่ชอบเที่ยวเตร่เหมือนวัยรุ่นคนอื่น เมื่อ ศึกษาระดับประถมศึกษาขณะศึกษาระดับมัธยมศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเมธีชุณหะวัณ วิทยาลัย ในชั้น ม.2 ได้พบกับครูพละคนแรกคือ ครูสุพร วงศาโรจน์ ซึ่งมองเห็นหน่วยก้านเข้าที ดีจึงเริ่มสอนวิชากระบี่กระบอง พลอง และไม้สั้นให้ ต่อมาก็สอนแม่ไม้มวยไทย เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ มีความสนใจ อภิเดชซ้อมมวยอยู่เสมอ 3-4 เดือนต่อมา ก็ไปเปรียบมวยครั้งแรกที่อ าเภอด าเนิน สะดวก จังหวัดราชบุรีเป็นมวยประกอบรายการ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้ โดยค่าตัวใน การชกครั้งแรกของเขาอยู่ที่ 30 บาท หลังจากนั้นไม่ว่าจะมีงานวัด หรืองานวิก อภิเดชจะต้อง ขึ้นเวทีด้วยทุกครั้งจนวันหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี นายเกษม เอี่ยมภิญโญผู้จัดรายการมวยกรุงเทพฯ มาพบเข้าชอบใจในลีลาการต่อสู้จึงชวนไปชกมวยที่กรุงเทพฯโดยใช้ชื่อว่า "อภิเดช ลูกพรชัย เข้ากรุง เมื่อขึ้นชกในกรุงเทพฯ ได้รับชัยชนะตลอดมาอภิเดชแพ้ครั้งแรกเมื่อชกกับ "โกมารเดช" โดยแพ้น็อค ในยกที่สองเพราะต่างคนต่างสับศอกเข้าใส่กันท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มทั้ง สนาม ผลปรากฏว่า โกมารเดชกระเด็นตัวลอยไปติดเชือก ส่วนอภิเดชโดนเข้าแสกคาง กระเด็น หัวน๊อคพื้น และแพ้น๊อคอีกครั้งให้สินชัย แต่สามารถล้มสินชัยได้อย่างสอนมวยในเวลาต่อมา อภิเดชเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "อภิเดช ศิษย์หิรัญ" เมื่อ ครูสุพร วงศาโรจน์ พาไปฝากเป็นศิษย์ที่ ค่ายมวย "ศิษย์หิรัญ" ของครูเกษม และ คุณองุ่น เอี่ยมภิญโญ ระยะนั้นชื่อ "อภิเดช" เป็นที่รู้จัก ไปทั่วประเทศ พ.ศ. 2502 - 2506 เป็นช่วงที่อภิเดชโด่งดังในเชิงมวยไทย ชกชนะคู่ชกชั้นดี หลายคน เช่น บุกเดี่ยว ยนตรกิจ แดนชัย ยนตรกิจ เขียวหวาน ยนตรกิจ ราวี เดชาชัย เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต ได้ครองแชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวททั้งเวทีลุมพินีและเวทีราชด าเนิน โดยเฉพาะ กับเดชฤทธิ์นั้น ทั้งคู่เปรียบเหมือนเป็นคู่รักคู่แค้นกัน โดยชกกันมากถึง 12 ครั้ง ในห้วงเวลานาน 7 ปี (พ.ศ. 2506 - 2513) โดยอภิเดชเป็นฝ่ายชนะไปถึง 6 ครั้ง และแพ้ 4 ครั้ง และอีกหนึ่งครั้ง เป็นมวยสากล และก็เป็นอภิเดชที่เป็นฝ่ายชนะน็อคไปในยกที่ 7ด้านความรุนแรงในการเตะ อภิ เดชซึ่งเคยพบกับสมพงษ์ เจริญเมือง ได้เป็นฝ่ายเตะสมพงษ์ที่ตั้งศอกรับจนแขนร่วงมาแล้วครั้ง หนึ่ง


423 ภาพยนตร์ ช่วง พ.ศ. 2506-2508 อภิเดชมีส่วนร่วมในบทเล็ก ๆ ในภาพยนตร์จอใหญ่ที่ไม่โดดเด่น นัก แต่ใน พ.ศ. 2508 ได้รับบทส าคัญในภาพยนตร์เรื่อง ยอดมวยสยาม โดยแสดงคู่กับโขม พัสตร์ อรรถยา และมีดวงดาว จารุจินดา กับสายัณห์ จันทรวิบูลย์เป็นนักแสดงน า ชกมวยสากล หลังจากนั้น อภิเดช ศิษย์หิรัญได้หันไปชกมวยสากลในรุ่นเวลเตอร์เวท ชิงแชมป์มวย สากลทั้งเวทีราชด าเนินและลุมพินีเป็นผลส าเร็จทั้ง 2 เวที และได้ขึ้นชกกับนักมวยต่างชาติ เอลิ ลิโอ อรันดาได้รับชัยชนะในยกแรกเป็นแชมป์สหพันธ์มวยภาคตะวันออกไกลและ แปซิฟิก (OPBF) อภิเดชขึ้นชกกับนักมวยสากลระดับรองแชมป์โลก เพื่อลุ้นเข้าอันดับโลกแต่ไม่ ส าเร็จ พ.ศ. 2508 แพ้คะแนน ฟอร์ตูนาโต้ มันกา (อิตาลี) จากนั้นขึ้นชกป้องแชมป์ OPBF ชนะ คะแนน คูโบ อูร่า จึงได้เข้าอันดับโลกเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 10 ของสมาคมมวยโลก (WBA) แต่หลุดจากอันดับเมื่อแพ้คะแนน วาเลอริโอ นูเนซ (อาร์เจนตินา) เมื่อ พ.ศ. 2509 ยุคร่วงโรย อภิเดชเริ่มตกอับเมื่อชกมวยไทยแพ้น็อค แดนชัย เพลินจิต ยก 2 เมื่อ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2509 โดยอภิเดชถูกแดนชัยเตะตัดขาจนยอมแพ้ไป ผลจากการพ่ายแพ้ครั้งนี้ ท าให้อภิเดชถูก ปลดจากต าแหน่งแชมป์มวยไทยและถูกกล่าวหาว่าล้มมวยด้วย ต่อมาต้นปี พ.ศง 2510 อภิเดช ก็ไปเสียแชมป์ OPBF ที่ญี่ปุ่น อภิเดชกลับมาสู้ต่อในแบบมวยไทย โดยคว้าแชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวทของเวทีลุมพินี มาครอง จากนั้นข้ามไปชิงแชมป์เวทีราชด าเนินกับเดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต ปรากฏว่าถูกศอกแพ้ แตกในยกที่ 2 ชิงแชมป์ไม่ส าเร็จและถูกปลดจากแชมป์เวทีลุมพินีอีกด้วย จากนั้นอภิเดชกลับมา ชกมวยสากลอีก ขึ้นชกนอกรอบกับกิม กีซูแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวทชาวเกาหลีใต้ แต่อภิ เดชเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีก ในช่วง พ.ศ. 2511 - 2512 อภิเดชหันกลับมาชกมวยไทยอีก ชนะนักมวยชื่อดังจนมี ชื่อเสียงอีกครั้ง จนแพ้น็อค คงเดช ลูกบางปลาสร้อย เมื่อ พ.ศ. 2512 จึงพบกับความตกต่ าอีก ครั้ง จนแขวนนวมไปเมื่อ พ.ศ. 2514 อภิเดช หายไปจากวงการมวยอยู่หลายปี และกลับมาชก อีกเมื่อ พ.ศ. 2518 แต่ไม่รุ่งเรืองเหมือนเดิม ชกแพ้มากกว่าชนะ กระทั่งขึ้นชกครั้งสุดท้ายเมื่อ


424 29 มีนาคม พ.ศ. 2520 แพ้คะแนน เซียนโหงว ศิษย์บางพระจันทร์ อภิเดชจึงแขวนนวมไป ไม่ได้ขึ้นชกมวยอีกเลย หลังแขวนนวม อภิเดชไปประกอบอาชีพค้าขายมะพร้าว กับภรรยาและลูกอีก 3 คนอยู่ที่ ห้วยขวาง ในภายหลัง เขาได้หวนกลับมาสู่วงการมวยด้วยการเป็นเทรนเนอร์ให้กับนักมวยที่ค่าย มวยแฟร์เท็กซ์ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2548 องค์การบริหารส่วนจังหวัด สมุทรสงคราม ร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดพิธีเชิดชูเกียรติ และมอบโล่ประกาศเกียรติ คุณให้กับอภิเดช เนื่องจากเป็นบุคคลที่ท าคุณประโยชน์ และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด เพื่อเป็น การยกย่อง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้ไปศึกษาเป็นแบบอย่าง เพราะ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับจังหวัดสมุทรสงครามและประเทศไทยเป็นที่รู้จักของ ชาวต่างชาติเป็นระยะเวลาถึง 11 ปี (พ.ศ. 2503-2514) จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ อย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าอภิเดชเป็นอดีตนักมวยที่ท าคุณประโยชน์อย่างมากให้แก่วงการมวยไทย โดย เป็นนายกชมรมนักมวยไทยเก่า หาเงินช่วยนักมวยไทยเก่าอย่างต่อเนื่อง อภิเดช ศิษย์หิรัญ ถึงแก่กรรมเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จากโรคมะเร็งปอด ที่ล้มป่วยมานาน เนื่องจากการสูบบุหรี่ซึ่งสูบมา ตั้งแต่วัยรุ่นจนกระทั่งอายุ 37 ปี จึงเลิก เมื่อแขวนนวมแล้วในบั้นปลายชีวิตก็มีอาการป่วย กระเสาะกระแสะ ต้องเข้าโรงพยาบาลเช็คร่างกายอยู่เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 จนกระทั่งถึงแก่กรรม สิริอายุได้ 72 ปี เกียรติประวัติ แชมป์มวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวททั้งเวทีลุมพินีและเวทีราชด าเนิ แชมป์ประเทศไทยรุ่นเวลเตอร์เวท o ชิง 21 พฤษภาคม 2507 ชนะน็อค ยก 10 ศรีสวัสดิ์ ศิษย์ ส.พ. o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 30 มิถุนายน 2507 ชนะน็อค ยก 2 อดิศักดิ์ อิทธิอนุชิต o สละแชมป์ แชมป์ OPBF รุ่นเวลเตอร์เวท o ชิง 7 มกราคม 2508 ชนะน็อค ยก 1 อะเซลิโอ อะรันดา ( ฟิลิปปินส์) ที่ เวที ราชด าเนิน


425 o ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 3 ธันวาคม 2508 ชนะคะแนน คูโบ อูรา ( ญี่ปุ่น) ที่ โตเกียว o เสียแชมป์ 8 มกราคม 2510 แพ้น็อค ยก 8 มูซาชิ นาคาโน (ญี่ปุ่น) ที่ โตเกียว รางวัล รางวัลฮอลออฟเฟม สยามกีฬาอวอร์ดส์ 2008 รางวัลบุคคลทรงคุณค่ากีฬามวยของการกีฬาแห่งประเทศไทย อันดับที่ 7 วิชาญน้อย พรทวี


426 วิชาญน้อย พรทวีนักมวยไทยชาวไทย เกิดเมื่อ พ.ศ. 2491 ที่จังหวัดนนทบุรีเริ่มฝึก มวยไทยโดย "เฉลียว ทินโมราห์" เริ่มชกมวยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2503 ใช้ชื่อ "วิชาญน้อย ศรี เมืองนนท์" เคยเป็นนักมวยค่าย ศรีเมืองนนท์ ต่อมาเปลี่ยนมาอยู่ค่าย พรทวี และสุดท้ายมาอยู่ กับค่าย เพชรยินดี จนจบอาชีพ ประวัติ เคยเป็นแชมป์ฟลายเวท ของสนามมวยเวทีลุมพินีและเวทีมวยราชด าเนิน ต่อมาข้ามมา ชกในรุ่นจูเนียร์ไลท์เวท เวทีราชด าเนิน และสามารถรักษาต าแหน่งแชมป์ต่อเนื่องนาน 5 ปี จน ได้รับการขนานนามว่า เป็น "ยอดมวยอมตะ" เนื่องจากมีประสบการณ์สูง วิชาญน้อยแขวนนวม อย่างถาวรในปี พ.ศ. 2524 เมื่ออายุ 34 ปี วิชาญน้อย เป็นอดีตสมาชิกสมาคมเทศบาลเมือง จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันเขามีกิจการ เป็นของตัวเองเป็นตัวแทนจ าหน่ายเครื่องดื่มในชื่อ "วิชาญน้อยสโตร์"[1] ผลงาน 2521 24/2/2521 แพ้คะแนน จิตติ เมืองขอนแก่น ลุมพินี 4/5/2521 ชนะคะแนน โพธิ์ไทร สิทธิบุญเลิศ ราชด าเนิน 2/6/2521 แพ้คะแนน ณรงค์น้อย เกียรติบัณฑิต ราชด าเนิน 5/8/2521 ชนะคะแนน ณรงค์น้อย เกียรติบัณฑิต หาดใหญ่ 12/10/2521 ชนะคะแนน ดีเชลน้อย ส.วรกุลชัย ราชด าเนิน 8/12/2521 แพ้คะแนน เผด็จศึก พิษณุราชันย์ ราชด าเนิน 2522 10/1/2522 ชนะคะแนน ดีเชลน้อย ส.วรกุลชัย ราชด าเนิน 3/3/2522 ชนะคะแนน โพธิ์ไทร สิทธิบุญเลิศ ลุมพินี 11/5/2522 แพ้คะแนน ขาวสด ศิษย์พระพรหม ราชด าเนิน ชนะคะแนน เผด็จศึก พิษณุราชันย์ ราชด าเนิน 31/8/2522 ไม่ได้ชก โพธิ์ไทร ส.พิชิตชัย ลุมพินี


427 9/10/2522 ชนะคะแนน แป้นน้อย สาครพิทักษ์ ลุมพินี 2523 22/1/2523 แพ้คะแนน ดีเชลน้อย ส.ศิรินันท์ ราชด าเนิน 5/3/2523 แพ้คะแนน เผด็จศึก พิษณุราชันย์ ราชด าเนิน 3/5/2523 แพ้คะแนน ขาวผ่อง สิทธิชูชัย เมืองแกลง 14/7/2523 แพ้คะแนน หนองคาย ส.ประภัสสร ราชด าเนิน 14/8/2523 แพ้คะแนน เก่งกาจ เกียรติเกรียงไกร ราชด าเนิน รางวัลที่ได้รับ พ.ศ. 2557 - รางวัลฮอลล์ออฟเฟม (มวย) สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8 อันดับที่ 8 พุฒ ล้อเหล็ก


428 พุฒ ล้อเหล็ก หรือชื่อจริง ทวี พิพัฒกุล เป็นนักมวยไทยระดับแถวหน้า โดยเป็นแชมป์ ของสนามมวยเวทีลุมพินีและเวทีราชด าเนิน ฉายา ไอ้หนูเมืองตรัง มีชื่อเสียงระหว่าง พ.ศ. 2513 – 2520 สถิติการชก 80 กว่าครั้งในช่วง 10 ปี พุฒ ล้อเหล็ก ไม่เคยแพ้น็อคหรือเทคนิค เกิลน็อคเอาท์ และไม่เคยแม้แต่โดนนับ หากแต่มีเพียงครั้งเดียวที่โดนหมัดของศิริมงคล ลูกศิ ริพัฒน์จนพุฒลงไปคลานสี่ขาแต่ไม่โดนนับ และยังเป็นฝ่ายชนะศิริมงคลในการชกที่เวที หัวหมาก ณ วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2516 พุฒ ล้อเหล็ก ได้เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 เวลาประมาณ 21.00 น. ด้วย โรคหัวใจล้มเหลว หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์จ.สงขลา ประวัติ พุฒ ล้อเหล็ก เกิดที่ต าบลบางด้วน อ าเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2495 เป็นลูกคนโตของ นายเกี้ยง กับ นางซ้อ พิพัฒกุล มีน้องชายเป็นนักมวยชื่อ "สิน ล้อ เหล็ก" แต่เสียชีวิตจากการชกมวยตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี พุฒ ล้อเหล็ก หัดมวยครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี ที่ค่ายมวยแถวบ้าน "ค่ายศ.ภิญโญ" ของ ครู สวัสดิ์ แสงสุวรรณชัยใช้ชื่อว่า "ประกายเทพ ศ.ภิญโญ" แม้ว่าจะชอบปลากัดมากแต่เห็นนักมวย ซ้อมจึงอยากชกมวยบ้าง ตระเวนชกแถวภาคใต้ ชกชนะรวด 10 กว่านัด หลังจากเรียนจบ ป.7 พุฒได้ไปฝึกมวยกับ "กิ่งแก้ว (ล้อเหล็ก) บางยี่ขัน" ซึ่งเป็นแชมป์รุ่นฟลายเวตของสนามมวยเวที ลุมพินีในยุคนั้น และเป็นอาแท้ๆของพุฒ น าพุฒมาชกที่เมืองกรุงเมื่อต้นปี พ.ศ. 2512 พร้อมทั้ง เปลี่ยนชื่อและค่ายใหม่เป็น "พุฒ ล้อเหล็ก" และได้ชกที่สนามมวยมาตรฐาน "สนามมวยเวที ลุมพินี" ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2512 โดยเป็นฝ่ายชนะคะแนน "ศิริณรงค์ ศักดิ์ ธานินทร์" พ.ศ. 2511 ได้รับค าชื่นชมว่า เป็นนักมวยที่มีหมัดหนัก สไตล์การชกบนเวทีพริ้วไหว ลีลา แม่ไม้มวยไทยงดงาม ขึ้นชกมวยไทยที่เวทีลุมพินีครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2512 ชนะคะแนน ศิริณรงค์ ศักดิ์ธานินทร์ และต่อมาได้ครองแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวทของเวทีลุมพินิเป็นเส้นแรก ชนะสามย่าน สิงห์ศรทอง จน พ.ศ. 2514 เริ่มโด่งดังเป็นขุนพลเอกของ "ครูเฒ่า" (ชนะ ทรัพย์ แก้ว) สถิติการชกในปีนี้ คือ ชก 9 ครั้ง ชนะ 8 แพ้ 1 (แพ้ "วิชาญน้อย พรทวี")


429 พุฒโด่งดังแบบมวยไทยมากที่สุดในช่วง พ.ศ. 2516 – 2517 ชนะยอดมวยดังในยุคนั้น หลายคน เช่น แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เมืองชล จีระพันธ์ ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ พันธ์ศักดิ์ เกียรติ เจริญชัย ชูชัย ลูกปัญจมา คงเดช ลูกบางปลาสร้อย วิชาญน้อย พรทวี หลังจากนั้น ชนะ ทรัพย์ แก้ว ได้สนับสนุนให้พุฒหันมาชกมวยสากลบ้าง ปรากฏว่า พุฒชกชนะมาลัยทอง ศิษย์ขุนได้ แชมป์รุ่นไลท์เวทของเวทีลุมพินี แล้วหันมาชกมวยไทย ชนะ สะท้านฟ้า ส.ประทีป ขุนพล สาคร พิทักษ์ แล้วพุฒหันมาชกมวยสากลชนะติดต่อกันอีกสองครั้ง จึงได้เป็นรองแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์ เวลเตอร์เวทของสมาคมมวยโลก หลังจากได้เป็นรองแชมป์โลก พุฒก็เริ่มเบื่อหน่ายการชกมวยสากล หันไปชกมวยไทยเป็น หลัก จน 25 มีนาคม 2519 ชกแพ้คะแนน เนตร ศักดิ์ณรงค์ ที่เวทีราชด าเนิน แต่ก็แก้มือชก ชนะได้ หลังจากนั้น พุฒหาคู่ชกในแบบมวยไทยยาก หยุดชกไป 2-3 ปี จึงขึ้นชกกับเซียนโหงว ศิษย์บางพระจันทร์ แต่ปรากฏว่าพุฒที่สังขารโรยยาเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป จึงแขวนนวมไปโดย ปริยาย พ.ศ. 2527 ติดอันดับ 1 ใน 10 ของการจัดอันดับยอดมวยไทยตลอดกาล ของเวทีมวย ราชด าเนิน ในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554 ได้มีการแข่งขันมวยไทยระหว่าง พุฒ ล้อเหล็ก กับ สกัด เพชรยินดีในรายการ "ศึกเชิดชูไทย+วันสหพล" ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นการ แข่งขันแบบแข่งจริง ด้วยเงินเดิมพันขั้นต่ าหนึ่งล้านบาท ซึ่งแท้จริงแล้วการแข่งขันครั้งดังกล่าว มิได้มุ่งเน้นที่เงินทอง หากแต่เพียงต้องการให้นักมวยไทยรุ่นหลังมีการใช้ศิลปะมวยไทยได้อย่าง ถูกต้อง จากการแข่งขันครั้งดังกล่าว พุฒ ล้อเหล็ก เป็นฝ่ายชนะคะแนน จากโพลส ารวจของอาจารย์ธีรยุทธ บุญมี เมื่อ พ.ศ. 2542 ระบุว่า พุฒ ล้อเหล็ก คือยอด นักมวยไทยที่ได้รับคะแนนนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในรอบ 50 ปี (พ.ศ. 2492–2542) เพราะ ในช่วงเวลา 11 ปี ด้วยสถิติการชกมวย 80 กว่าครั้ง พุฒ ล้อเหล็ก ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือยอด มวยไทยตัวจริง ที่มีทั้งความฉลาดปราดเปรียว ความว่องไวไหวพริบ รวมทั้งเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง หรือกลยุทธ์ในการเอาชนะคู่ต่อสู้ เกจิมวยหลายคนก็ยอมรับว่าพุฒคืออีกหนึ่งในต านานมวยไทย ยอดมวยฝีมือ นับเนื่องมาจากผล พระประแดง เมื่อสองทศวรรษที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563 เวลาประมาณ 21.00 น. พุฒ ล้อเหล็ก ได้เสียชีวิตลง ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์จ.สงขลา ตั้ง ศพบ าเพ็ญกุศล ณ สมาคมชาวย่านตาขาว เขตเทศบาลต าบลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง


430 ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2563 และวันที่ 11 มิถุนายน 2563 ประกอบพิธีฌาปนกิจฝังศพ ณ วัด นาโตงไชยาราม ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ชีวิตครอบครัว พุฒ ล้อเหล็ก นับถือศาสนาพุทธ สมรสกับ นางฉลวย พิพัฒกุล (นามสกุลเดิม ราชภักดี) ใช้ชีวิตอยู่ที่ บ้านเลขที่ 76 หมู่ที่ 2 ต าบลท่าพญา อ าเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง มีลูกทั้งหมด 3 คน คนที่ 1 พัชรีภรณ์, คนที่ 2 วัฒนพงษ์ เป็นผู้จัดการค่ายล้อเหล็กยิม และคนสุดท้อง กิตติ พันธ์ เมื่อต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 พุฒ เปิดค่ายมวย"ล้อเหล็กยิม" ท าหน้าที่เป็นครูมวยและ ให้ลูกชายท าหน้าที่เป็นผู้จัดการ นักมวยในค่ายจะชกในสังกัด "ศึกวันทรงชัย" ของทรงชัย รัตน สุบรรณ นอกจากนี้ยังมีกิจการเปิดร้านขายข้าวหมกไก่ที่บ้านด้วย เกียรติประวัติ แชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท (122 ปอนด์) ของสนามมวยเวทีลุมพินี - ชนะ คะแนน สามย่าน สิงห์ศรทอง เมื่อ 29 ม.ค.2514 แชมป์มวยสากลรุ่นไลต์เวท (135 ปอนด์) ของเวทีราชด าเนิน - ชนะทีเคโอ ยกที่ 7 มาลัย ทอง เลือดเมืองใต้เมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2518 แชมป์ประเทศไทย (มวยสากล) รุ่นไลท์เวท o ชิง 1 เมษายน 2518 ชนะน็อค มาลัยทอง ศิษย์ขุน ยก 5 o สละแชมป์ ผลงาน 15/2/2515 ชนะคะแนน ฟ้าใส ทวีชัย หัวหมาก 14/3/2515 ชนะคะแนน ไชยยุทธ สิทธิบุญเลิศ ลุมพินี 25/4/2514 แพ้คะแนน วิชาญน้อย พรทวี ลุมพินี 9/6/2515 ชนะคะแนน สายฟ้า แสงมรกต ลุมพินี 4/8/2515 แพ้คะแนน เด่นธรณี เมืองสุรินทร์ ลุมพินี 1/9/2515 ชนะคะแนน บุเรงนอง สาครพิทักษ์ ลุมพินี 6/10/2515 ชนะคะแนน บุรีรัมย์ สวนมิสกวัน ลุมพินี


431 15/12/2515 ชนะคะแนน ศรนักรบ เกียรติวายุภักษ์ ลุมพินี 9/2/2516 ชนะคะแนน แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ลุมพินี 11/5/2516 ชนะคะแนน เมืองชล จีระพันธ์ ลุมพินี 7/9/2516 ชนะคะแนน ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ หัวหมาก 14/12/2516 ชนะคะแนน พันธ์ศักดิ์ เกียรติเจริญชัย ลุมพินี 8/2/2517 ชนะคะแนน ชูชัย ลูกปัญจมา ลุมพินี 12/3/2517 ชนะคะแนน แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ลุมพินี 31/5/2517 ชนะคะแนน คงเดช ลูกบางปลาสร้อย ลุมพินี 12/7/2517 แพ้คะแนน แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ลุมพินี 8/10/2517 ชนะคะแนน แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ลุมพินี นักมวยที่เคยปะทะฝีมือ วิชาญน้อย พรทวี แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เด่นธรณี เมืองสุรินทร์ คงเดช ลูกบางปลาสร้อย วิชิต ลูกบางปลาสร้อย ชูชัย ลูกปัญจมา ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ นรสิงห์ สีดา บุเรงนอง สาครพิทักษ์ สะท้านฟ้า ส.ประทีป สายฟ้า แสงมรกต เนตร ศักดิ์ณรงค์ สามย่าน สิงห์ศรทอง ฟ้าใส ทวีชัย ฯลฯ รางวัลที่ได้รับ พ.ศ. 2557 - รางวัลฮอลล์ออฟเฟม (มวย) สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8


432


433 อันดับที่ 9 ผุดผาดน้อย วรวุฒิ ผุดผาดน้อย วรวุฒิมีชื่อจริงว่า ผ่อน ออมกลิ่น เกิดเมื่อวันที่25 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ที่ จังหวัดขอนแก่น มีชื่อเล่นว่า "หมู" เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน เริ่มชกมวยตั้งแต่ อายุ 10 ขวบตามบรรดาพี่ชาย ในชื่อ "ผุดผาดน้อย จ.หาญผจญ" ค่ายมวยในขอนแก่น ของ นายแพทย์จ าลอง มุ่งการดีและนายยล หาญเผชิญ (พี่ชายคนโตใช้ชื่อมวย "ผุดผาด จ.หาญ ผจญ") แต่บิดา (นายผ่อง ออมกลิ่น) ไม่สนับสนุน อยากให้เรียบจบ มศ.3 ก่อน เมื่อเรียนจนจบ มศ.3 ที่ขอนแก่น ได้ฝึกเชิงมวยกับเพื่อนของพี่ชายชื่อ "ศรทอง ลูกเครื่องมือกล" และได้ตระเวน ชกทั่วภาคอีสานเป็นจ านวนกว่า 60 ครั้ง โดยไม่แพ้ใครเลย ในปี พ.ศ. 2512 เมื่ออายุได้ 18 ปี ก็ ได้เดินทางเข้าชกมวยที่กรุงเทพจากการชักน าของเพื่อนนักมวยของพี่ชายอีกคนชื่อ "ศักดิ์มนู วร วุฒิ" จึงได้มาอยู่กับค่ายวรวุฒิ ของ หม่อมราชวงศ์พรพุฒิ วรวุฒินับแต่บัดนั้น ใช้ชื่อมวย "ผุด ผาดน้อย วรวุฒิ" ชกครั้งที่เวทีราชด าเนินในรายการเดิมพัน ชนะน็อคด้วยการเตะก้านคอ ต่อมา ในปีเดียวกันได้แชมป์ "ขวัญใจโลลิต้า" ในรุ่น 108 ปอนด์ นอกจากนี้ ในประวัติศาสตร์มวยไทยยังได้จารึกว่า ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นผู้ฝึกมวยไทย ในค่ายยิมที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลากว่าสามทศวรรษ


434 ประวัติ แต่เดิม ผุดผาดน้อยเกิดอาการเบื่อหน่ายช่วงเวลากลางวันที่ไม่มีการซ้อมมวย จึงได้ไป สมัครเรียนที่วิทยาลัยช่างกลสยาม รุ่นที่ 6 แผนกช่างยนต์ เมื่อจบปวช. จึงสมัครเรียนต่อที่ วิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ รุ่นที่ 1 แผนกช่างยนต์เหมือนเดิม เรียนอยู่ 3 ปี แต่ไม่จบ เพราะไม่ถนัด พวกวิชาค านวณและวิทยาศาสตร์ช่าง ผุดผาดน้อย รุ่งโรจน์บนสังเวียนมวยไทยระหว่างปี 2513 - 2519 ขึ้นชกประมาณ 130 ครั้ง แพ้เพียง 10 กว่าครั้ง เป็นแชมป์ 3 รุ่น คือ ฟลายเวท, จูเนียร์เฟเธอร์เวท และจูเนียร์ไลท์ เวท ของสนามมวยเวทีลุมพินีและยังได้แชมป์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อสมัยด ารง ต าแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการชนะ "ขุนพลน้อย เกียรติสุริยา" รวมทั้งแชมป์ "ยอดมวยอีสาน" ในการชิงกับ "เริงศักดิ์ พรทวี" ผุดผาดน้อยมีค่าตัวเรือนแสน ซึ่งในยุคเดียวกันนั้นมีเพียงเขา, วิ ชาญน้อย พรทวี, พุฒ ล้อเหล็ก และแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ ผุดผาดน้อย เมื่อรุ่งขึ้นมาไม่นานก็แทบหาคู่ชกในรุ่นเดียวกันไม่ได้ต้องแบกน้ าหนักตลอด และได้ปราบยอดมวยไทยชื่อดังในยุคเดียวกันมาแล้วหลายคน อาทิวิชาญน้อย พรทวี, อภิเดช ศิษย์หิรัญ, ณรงค์น้อย เกียรติบัณฑิต, เนตร ศักดิ์ณรงค์, ฟ้าใส ทวีชัย, ไชยยุทธ สิทธิบุญเลิศ, ศิริ มงคล ลูกศิริพัฒน์, ยอดสิงห์ ส.พญาไท, ขุนพลน้อย เกียรติสุริยา เป็นต้น ไฟต์ที่แฟนมวยรุ่นเก่าไม่มีวันลืมคือการชกกับ ขุนค้อนเพชรฆาต "หัวไทร สิงห์เมืองนคร" ในยก 4 ผุดผาดน้อยโดนหมัดของหัวไทรลงไปให้กรรมการนับแปด 2 ครั้งติด ๆ กัน ขณะก าลัง ซวนเซลงไปนอนอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการแพ้น็อคทันที เขาได้สวมหัวใจสิงห์บวกด้วยศอกซ้ายจนคู่ ต่อสู้ลงไปกอง ผุดผาดน้อยพลิกกลับมาชนะน็อคอย่างเหลือเชื่อ ผู้ชมในสนามมวยเวทีลุมพินีลุก ขึ้นตะโกน "ไอ้หมูใจเพชร" พร้อม ๆ กัน ผุดผาดน้อยเป็นนักมวยเชิงดี ชกสวย มีลูกเตะเป็นอาวุธหลัก คือ แข้งซ้าย จนได้รับฉายา ว่า "ไอ้หมูแข้งทอง" จากสื่อมวลชน มียอดมวยร่วมยุคเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ชกกัน คือ "พุฒ ล้อ เหล็ก" เพราะเป็นเพื่อนสนิท ฝึกซ้อมอยู่ด้วยกัน และเป็นมวยในสังกัดของ "ครูเฒ่า" ชนะ ทรัพย์ แก้ว เหมือนกัน ผุดผาดน้อย ประกาศแขวนนวมแบบสายฟ้าแลบเมื่อมีอายุเพียง 25 ปี หลังจากนั้นได้ เดินทางไปท างานกับคนไทยในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ราว 2 ปี กลับมาเมืองไทยเมื่อบิดา เสียชีวิต และลงท้ายเหมือนยอดมวยหลาย ๆ คนคือการกลับมาชกอีกครั้ง แม้ท าได้สวยงาม


435 เอาชนะ "วังไพร โรจนสงคราม" ในการกลับมาครั้งแรก แต่ที่เหลืออีก 4 ครั้ง แพ้รวด เนื่องจาก การร้างลาเวที ร่างกายไม่ฟิตเหมือนเดิม บวกกับชีวิตส่วนตัวที่มีเพื่อนฝูงจ านวนมากและเริ่มดื่ม หนักขึ้น ผลงาน ชนะคะแนน พันธ์ศักดิ์ เกียรติเจริญชัย ลุมพินี ชนะคะแนน วิชาญน้อย พรทวี ลุมพินี ชนะ เค.โอ. 4 หัวไทร สิทธิบุญเลิศ ลุมพินี แพ้คะแนน ยอดสิงห์ ศ.พญาไท ลุมพินี (แบกน้ าหนัก 9 ปอนด์) แพ้คะแนน ขุนพลน้อย เกียรติสุริยา ลุมพินี ชนะคะแนน บรรดิษฐ์ สิงห์ปราการ ลุมพินี ชนะคะแนน สมศักดิ์ ส.เทวสุนทร ลุมพินี ชนะคะแนน เริงศักดิ์ พรทวี ลุมพินี ชนะคะแนน เฉลิมพล ส.ท่าอิฐ ลุมพินี แพ้คะแนน ขุนพลน้อย เกียรติสุริยา ลุมพินี ชนะคะแนน ณรงค์น้อย เกียรติบัณฑิต ลุมพินี ชนะคะแนน เนตร ศักดิ์ณรงค์ ลุมพินี ชนะคะแนน อภิเดช ศิษย์หิรัญ ลุมพินี ชนะคะแนน ขุนพลน้อย เกียรติสุริยา ราชด าเนิน แพ้คะแนน วิชิต ลูกบางปลาสร้อย หัวหมาก แพ้คะแนน เนตร ศักดิ์ณรงค์ ราชด าเนิน


436 ชนะคะแนน วิชาญน้อย พรทวี ราชด าเนิน เสมอ จ๊อกกี้ ศิษย์กันภัย ลุมพินี แพ้คะแนน จ๊อกกี้ศิษย์กันภัย ลุมพินี แพ้คะแนน วังวน ลูกมาตุลี ลุมพินี ชนะคะแนน วังไพร โรจนสงคราม ลุมพินี แพ้คะแนน ฟุจิวะระ มวยญี่ปุ่น ลุมพินี แพ้คะแนน หนองคาย ส.ประภัสสร ลุมพินี แพ้คะแนน ขาวผ่อง สิทธิชูชัย ลุมพินี แพ้คะแนน พายัพ เปรมชัย ลุมพินี แขวนนวม หลังแขวนนวมชื่อของผุดผาดน้อย วรวุฒิ ได้รับการบรรจุในหอเกียรติยศของเวทีมวยราช ด าเนิน เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2527 ในปี 2523 ได้มีเจ้าของยิมในฝรั่งเศส เดินทางมาติดต่อให้ไปสอนมวยไทยที่กรุงปารีส ผุด ผาดน้อยตอบตกลงโดยไม่ลังเล และกลายเป็นครูมวยไทยคนแรกในยุโรป เมื่อฝรั่งนายจ้างจะขึ้น ป้าย THAI BOXING หน้ายิม เขาค้านและยืนยันให้ใช้ชื่อ MUAY THAI ยิมนี้จึงมีชื่อ "FRANCE MUAY THAI" และกีฬาประจ าชาติไทยนี้ก็ได้รับการเรียกขาน "มวยไทย" โดยฝรั่งนับแต่นั้น ไม่ นานต่อมามีค่ายมวยไทยผุดขึ้นเต็มฝรั่งเศส และขยายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป ผุดผาดน้อย เป็นครูมวยไทยในฝรั่งเศสอยู่ 23 ปี ก่อนเดินทางไปเป็นครูมวยไทยสมัครเล่นให้ทีมชาติสวีเดน 3 ปี ทีมชาติฟิลิปปินส์อีก 2 ปี และกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ต้นปี 2553 เมื่อปี 2539 ได้เปลี่ยนชื่อ "ผ่อน ออมกลิ่น" เป็น "ผุดผาดน้อย ออมกลิ่น" มีบุตรสาวกับ อดีตภรรยาชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย 1 คน ชื่อ "น้อยหน่า" อนุตรา ออมกลิ่น เกิดเมื่อปี 2524 น้อยหน่าแต่งงานกับหนุ่มเยอรมัน มีหลานสาวให้คุณตาไปเมื่อปลายเดือนมกราคม 2554 และในโอกาสที่เขาจะมีอายุครบ 60 ปีในเดือนมิถุนายน ปี 2554 ก็ได้ออกพ็อกเก็ตบุ๊กชีวประวัติ ชื่อ "ไวน์ชีวิต 60 ปี ผุดผาดน้อย วรวุฒิ" เรียบเรียงโดย วิฑูรย์ รักปลอดภัย อดีตนักข่าวที่พบเจอ กันขณะลงเรือลากจากสวีเดนมายังประเทศไทยเมื่อปี 2550 เพื่อลากเรือด าน้ าสงครามเย็นของ อดีตสหภาพโซเวียต ซื้อโดยพิพิธภัณฑ์ยานพาหนะ "เจษฎาเทคนิคมิวเซี่ยม"


437 เมื่อปี 2528 มิสเตอร์แตงโม ได้ท าเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งในโอกาสครบรอบ 300 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ฝรั่งเศส มีเนื้อหายกย่องผุดผาดน้อย ชื่อเพลง หมูแข้งทอง มี สไตล์การร้องเร็วแบบแร็พ ซึ่งว่ากันว่าเป็นเพลงแร็พเพลงแรกของไทย รางวัลที่ได้รับ พ.ศ. 2557 - รางวัลฮอลล์ออฟเฟม (มวย) สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8


438


439 อันดับที่ 10 ดีเชลน้อย ช.ธนสุกาญจน์ ดเ ี ซลน ้ อย ช.ธนะส ุ กาญจน ์ ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ อดีตยอดนักมวยไทย เจ้าของฉายา ขุนเข่าเสาโทรเลข มีชื่อ จริงว่า ชรินทร์ สอนดี มีชื่อเล่นว่า ต้อย เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2503 ที่อ าเภอนครหลวง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ดีเซลน้อยเป็นนักมวยรูปร่างสูงโปร่ง มีช่วงชกยาวทั้งแขนและขา และมีอาวุธ อันตรายคือเข่า จนได้รับฉายาว่า ขุนเข่าเสาโทรเลข หรือ ขุนเข่าทะลายฟ้า จากสื่อมวลชน โดย มีชื่อเสียงระหว่างปี พ.ศ. 2520-2528 ข้อมูลส่วนตัว ชื่อจริง ชรินทร์ สอนดี ฉายา ขุนเข่าเสาโทรเลข , ขุนเข่าทะลายฟ้า วันเกิด พ.ศ. 2503สถานที่เกิด อ าเภอนครหลวงจังหวัด พระนครศรีอยุธยารุ่น ไลท์เวท , จูเนียร์เวลเตอร์ เวท ผู้จัดการ สมชาย ดวงประเสริฐดี


440 ประวัติ ดีเซลน้อยส าเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ปี 4 จากโรงเรียนวัดลาดปลาเค้า ดีเซลน้อย เริ่มหัดมวยเมื่ออายุ 12 ปี ต่อมาเมื่อพี่ชายอพยพไปอยู่ที่ ศรีราชา จ.ชลบุรี ดีเซลน้อยได้ตามไป ด้วย และได้สมัครเข้ามาอยู่ค่ายมวย ส.วรกุลชัย ของบุญเลิศ ศรีวรกุล และใช้ชื่อว่า ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์ ตั้งแต่ครั้งนั้น ดีเซลน้อยตระเวนชกในภาคตะวันออกจนเป็นมวยชื่อดัง จึงได้เข้า มาชกที่เวทีราขด าเนินเมื่อ พ.ศ. 2519 ชนะ ฟ้าน้อย ศักดิ์แสนดี จากนั้นในช่วง พ.ศ. 2520 – 2528 ดีเซลน้อยได้ชกกับนักมวยระดับแนวหน้าของไทยขณะนั้นหลายคน และชกชนะได้หลาย คน เช่น ณรงค์น้อย เกียรติบัณฑิต ขาวสด ศิษย์พระพรหม แป้นน้อย สาครพิทักษ์ สามารถ พยัคฆ์อรุณ สกัด เพชรยินดี รักแท้ เมืองสุรินทร์ ผลัดแพ้ชนะกับวิชาญน้อย พรทวี ขาวผ่อง สิทธิชูชัย เผด็จศึก พิษณุราชันย์ เคยครองแชมป์มวยไทยรุ่นรุ่นไลท์เวท เวทีลุมพินี ด้วยการชนะ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย หรือ ทวี อัมพรมหา เจ้าของเหรียญเงินมวยสากลสมัครเล่นกีฬาโอลิมปิกครั้ง ที่ 23 ที่ลอสแอนเจลิสเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2525 ครองแชมป์อยู่ 3 ปี จึงสละต าแหน่งเพราะ ไม่มีผู้ท้าชิง เคยชกขึ้นไปจนถึงรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท


441 นอกจากชกมวยไทยแล้ว ดีเซลน้อยยังเคยชกมวยสากลอาชีพ 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบ ความส าเร็จ ครั้งล่าสุด ชนะคะแนน คทาธร ศรีทุ่งทอง อย่างทุลักทุเล จึงกลับมาชกมวยไทย ตามเดิม เคยชกแบบมาเชียลอาร์ต ชนะน็อคนักเทควันโดจากเกาหลีใต้และนักคิกบอกซิ่งจาก ญี่ปุ่นอย่างง่ายดาย และเคยไปชกกับแชมป์คาราเต้ โจ มอนคาโย่ที่สหรัฐ ก็เป็นฝ่ายชนะน็อกได้ อีก หลังจากชกชนะ สามารถ พยัคฆ์อรุณเมื่อ พ.ศ. 2525 แล้ว ดีเซลน้อยเริ่มหาคู่ชกยาก เพราะ ปราบนักมวยรุ่นเดียวกันจนหมด กลายเป็นยอดนักมวยไทยที่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นจนต้อง หยุดชกไประยะหนึ่ง นานๆจึงจะได้ขึ้นชก จนถึง พ.ศ. 2528 หลังจากชนะคะแนน ครองศักดิ์ ณ ธีระวงศ์ เมื่อ 12 พฤศจิกายนแล้ว ดีเซลน้อยก็ต้องแขวนนวมไปโดยปริยายเพราะหาคู่ชกไม่ได้ อีกเลย ในปี พ.ศ. 2528 ที่ดีเซลน้อยแขวนนวมไปนั้น สื่อมวลชนได้ยกให้ดีเซลน้อยเป็นยอด นักมวยไทยประจ าปี ซึ่งในปี พ.ศ. 2527 เวทีราชด าเนินได้ท าการบรรุจชื่อของดีเซลน้อยลงใน ท าเนียบหอเกียรติยศของเวทีร่วมกับยอดนักมวยไทยอีก 9 คน เช่น ชูชัย พระขรรค์ชัย, ผล พระ ประแดง, สุข ปราสาทหินพิมาย, อภิเดช ศิษย์หิรัญ, พุฒ ล้อเหล็ก, ผุดผาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น หลังจากเลิกชกมวย ดีเซลน้อยได้เดินทางไปชกมวยคิกบ็อกซิ่งที่ประเทศญี่ปุ่น จนมีชื่อเสียงโด่ง ดังเป็นที่รู้จัก และลงหลักปักฐานท าธุรกิจที่นั่น ก่อนจะกลับมาเมืองไทย


442


443


444 นักมวยที่ได้รับถ้วยพระราชทาน นักมวยถ้วยพระราชทาน 7 คน 1.น าศักดิ์ ยนตรกิจ นักมวยถ้วยพระราชทานคนแรกของประทศไทย วันที่ 13 พฤศจิกายน 2504 น าศักดิ์ ยนตร์กิจ ได้ชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานประเภท มวยไทยจาก พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยขึ้นชกกับ อดุลย์ ศรีโสธร เป็น ประวัติศาสตร์ครั้งแรกของประเทศไทยที่นักมวยได้รับถ้วยพระราชทานประเภท มวยไทยจาก พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยพระเสด็จทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง


445 2.เดชฤทธิ์ อิทธินุชิต ร.ต.เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต มีชื่อจริงว่า ทองปลิว ศรีนพ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจริงจากทอง ปลิวมาเป็นเดชฤทธิ์ตามชื่อในวงการ (ชื่อเล่น: ปลิว; 17 ตุลาคม พ.ศ. 2483 — ) ที่คลองขวาง บน อ าเภอบางน้ าเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา[1] เป็นนักมวยไทยชื่อดังรุ่นเดียวกับอภิเดช ศิษย์ หิรัญ ได้รับฉายาจากแฟนมวยว่า "ไอ้ปลิว" หรือ "ไอ้ปลิวใจเพชร" เดชฤทธิ์เริ่มหัดชกมวยตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลังจากที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ มักกะสัน กรุงเทพมหานคร แล้ว เมื่อเรียนหนังสือจบชั้นป.4 โดยครูมวยคนแรก คือ สุดใจ อมร ฤทธิ์ชกมวยตามต่างจังหวัดจนมีชื่อเสียงแล้วจึงย้ายมาอยู่ ค่ายยนตรกิจ และ อิทธิอนุชิต ตามล าดับ เคยตระเวนชกโชว์ศิลปะมวยไทยไปทั่วโลกกับคณะของ อาจารย์เจือ จักษุรักษ์เคย ชกกับนักมวยชื่อดังรุ่นเดียวกันหลายคน เช่น ราวี เดชาชัย, สมพงษ์ เจริญเมือง, อดุลย์ ศรีโส ธร โดยเฉพาะกับ อภิเดช ศิษย์หิรัญ ถือได้ว่าเป็นคู่รักคู่แค้นกันโดยตลอด ซึ่งทั้งคู่เคยชกกันถึง 12 ครั้ง ระหว่าง พ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2513 เป็นมวยไทย 11 ครั้ง และ มวยสากลอาชีพ 1 ครั้ง โดยเดชฤทธิ์เป็นฝ่ายชนะไปแค่ 4 ครั้ง และในแบบมวยสากลอาชีพ เดชฤทธิ์เป็นฝ่ายแพ้น็อกไป ในยกที่ 7 เดชฤทธิ์เคยครองแชมป์มวยไทยรุ่นเฟเธอร์เวทและไลท์เวทของเวทีราชด าเนิน


446 ในแบบมวยสากล เคยชิงแชมป์ในรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวทของเวทีราชด าเนิน แต่เป็นฝ่าย แพ้น็อกไปอย่างพลิกล็อก เดชฤทธิ์ จบการศึกษาชั้นสูงสุด คือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จากโรงเรียน การช่างอินทราชัย แขวนนวมไปในปีพ.ศ. 2517 หลังแขวนนวมแล้วได้รับราชการเป็นทหารบก ชั้นประทวน สังกัดกรมสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.) โดยถือเป็นนักมวยไทยรายแรกด้วยที่เมื่อ แขวนนวมแล้วมีรถเบนซ์เป็นของตนเอง ที่ได้มาจากค่าแรงของตนเมื่อครั้งชกมวย ปัจจุบัน เดชฤทธิ์เป็นข้าราชการบ านาญ เข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมนักมวยเก่าโดยมีฐานะ เป็นกรรมการบริหารรวมถึงหารายได้พิเศษด้วยการร้องเพลงลูกทุ่งอยู่ที่โรงแรมอลิ ซาเบธ สะพานควาย ด้านชีวิตส่วนตัว เดชฤทธิ์สมรสกับ นิตยา ศรีนพ มีบุตรด้วยกัน 5 คน เป็นชาย 1 คนและ หญิง 4 คน เกียรติยศ อดีตรองแชมป์มวยสากลภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก รองแชมป์โลกรุ่นไลท์เวท รางวัลฮอลออฟเฟม สยามกีฬาอวอร์ดส์ 2009


Click to View FlipBook Version