The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tunwakom0312, 2023-03-02 04:19:36

บทที่ 3

บทที่ 3

48 บทที่ 3 ประเพณีและวัฒนธรรมของศิลปะมวยไทย มวยไทยภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มวยไทย เป็นมรดกทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติ ไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เป็นการใช้อาวุธของร่างกาย 9 อย่าง หรือที่เรียกว่า นวอาวุธ ได้แก่ มือ 2 เท้า 2 เข่า 2 ศอก 2 และศีรษะ 1 อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่ประเภท หนึ่งของโลก มวยไทยเป็นศิลปะการป้องกันตัวและเป็นศาสตร์ที่ชายชาติทหารจะต้องฝึกให้คล่องแคล่ว ดัง คากล่าวที่ว่ามวยนั้นเป็นมูลบทของวิชายุทธ์เพลงอาวุธเป็นมัธยม และพิชัยสงครามเป็นมงกุฎ มวย ไทยเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการใช้อุบาย ชั้นเชิง ไหวพริบ และวิชาเข้าต่อสู้กัน จึงปรากฏหลักฐานใน พระราชพงศาวดารว่า ในอดีต พระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถจะทรงเชี่ยวชาญการชกมวย เป็นอย่างยิ่งขณะเดียวกัน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ขุนนางฝ่ายทหาร และสามัญชนจะฝึกฝนมวยไทยเพื่อ ป้องกันตัวและชาติบ้านเมืองเพราะการใช้อาวุธ เช่น กระบี่ กระบอง พลอง ดาบ ง้าว ทวน ประกอบกับมวยไทย จะทาให้การใช้อาวุธนั้นเกิดประสิทธิภาพสงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ ต่อสู้ป้องกันตัวในระยะประชิด ในยามสงบ มวยไทยจะเป็นการประลองพละกาลังและชั้นเชิงการ ต่อสู้จนกลายเป็นกิจกรรมทางสังคมมีการแข่งขันมวยในโอกาสสาคัญๆ ดังปรากฏในกฎหมายตรา สามดวง หมวดอัยการเบ็ดเสร็จที่กล่าวถึงการชกมวยไว้ว่า “...117 มาตราที่หนึ่ง ชนทั้งสองเป นเอกจิตเอกฉันท์ตีมวยด้วยกันก็ดีแลปล้้ากันก็ดีและผู้หนึ่งต้องเจ็บปวดด้วยก็ดีค่นหักถึงแก่ มรณภาพก็ดีท่านว่าหาโทษมิได้...” มวยไทยจึงมีความส้าคัญทั้งต่อบุคคล ชุมชน สังคม และประเทศชาติมีส่วนสาคัญยิ่งในการดารง เอกราชของชาติไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เอกลักษณ์ของมวยไทยที่ท้าให้มวยไทยมีความโดดเด่นและถือเป็นศิลปะชั้นสูงคือการใช้ อวัยวะต่างๆ เป็นประดุจดังเกราะและอาวุธ ใช้ชั้นเชิงไหวพริบและวิชาเข้าต่อสู้กัน ไม่ใช่ก้าลังแต่ เพียงอย่างเดียว กอปรด้วย “ศาสตร์” อันได้แก่การเรียนรู้จุดอ่อน จุดแข็งของร่างกายที่จะพิชิต


49 และเอาชนะคู่ต่อสู้“ศิลป์” คือ ลักษณะการใช้นวอาวุธอันมีรายละเอียดปลีกย่อยอย่างพิสดาร ทา ให้มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมนต์ขลังและเป็นการต่อสู้ที่มีชั้นเชิงเป็นที่ประทับใจของคนทั้ง โลกการฝึกมวยโบราณ แบ่งเป็น ๓ ขั้นตอน เบื้องต้น ฝึกให้รู้จักป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยก่อนที่จะคิดทาผู้อื่น เรียกว่า ป้อง ปัด ปิด เปิด ขั้นกลาง ฝึกเพื่อเป็นนักมวยต่อสู่บนสังเวียน คือ เข้ามวยเป็น สามารถตอบโต้แก้กลับคู่ต่อสู้ได้ เรียกว่า ทุ่ม ทับ จัก หัก (ควักนัยน์ตา) ขั้นสูง ฝึกเพื่อเป็นนักรบ เป็นครูอาจารย์ไว้ใช้ในราชการสงคราม ประจากองทนายเลือกและ กองอาจารย์เป็นจารบุรุษ อาทมาฏ สอดแนม ทหารเอก ทหารรอง นายกอง แม่ทัพ คือเรียนวิชา ฆ่าคน (สงวนไว้ไม่สอนพร่้าเพรื่อ) เรียกว่าประกบ ประกับ จับรั้งเข้าข้างหลังหักก้านคอ “มวย เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เป็นการต่อสู้ด้วยพละก้าลัง ใช้อวัยวะเกือบทุกส่วน ของร่างกาย ทั้งมือ เท้า เข่า ศอก รวมทั้งหัวด้วย มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ดึกด้าบรรพ์มาแล้ว ในสมัยก่อนนิยมฝึกหัดกันในหมู่นักรบโบราณ เป็นที่นิยมชมชอบของชนทุกชั้น แม้แต่พระเจ้า แผ่นดินก็มีปรากฏในพงศาวดาร ครั้งกรุงศรีอยุธยา ขุนหลวงสรศักดิ์ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม พระเจ้าเสือ ทรงนิยมชมชอบมวยมาก ถึงกับปลอมพระองค์ไปชกมวยตามหัวเมืองบ่อยครั้ง” ข้อความเบื้องต้นมาจากหนังสือเชิดชูเกียรติ อาจารย์จ้าลอง นวลมณี (เป็นครูมวยโบราณ ของสกลนคร เป็นผู้ที่สืบสานศิลปะการร่ายร้ามวยโบราณ) ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ อาจารย์จ้าลอง นวลมณีได้เล่าไว้อย่างน่าสนใจมาก คือ…. เมื่อปีพ.ศ.2331 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีนักมวยฝรั่งสองพี่น้อง ล่องเรือก้าปั่นท้าพนันชกมวยมาหลายหัวเมือง และชกชนะมาทั้งสิ้น ครั้นมาถึงกรุงเทพฯ ก็มาท้าพนันชกมวยกับคนไทย พระยาพระคลัง กราบ บังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงทราบ จึงรับสั่งให้รับท้าพนัน วางเดิมพันเป็น เงิน 50 ชั่ง หรือ 4,000 บาท (สมัยนั้นก็มากแล้ว) สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทราช อนุชา จึงจัดหานักมวย ชื่อ หมื่นผลาญ ซึ่งมีความรู้ทั้งมวยต่อยและมวยปล้้าและด้ารัสให้ปลูก พลับพลาใกล้โรงละครด้านทิศตะวันตกของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประทับทอดพระเนตร ผลการชกปรากฏว่า นักมวยฝรั่งแพ้ไม้เป็นท่า เป็นที่น่าอับอายมาก นางศาสตร์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ได้เขียนไว้ในหนังสือเชิดชูเกียรติ อาจารย์จ้าลอง นวลมณี ว่า “ในสมัย 50 ปีมาแล้ว จะมีงานแห่ต่างๆ โดยเฉพาะงานประเพณีที่เรียกว่า งานบุญพระเวส ชาว


50 สกลนคร 10 คุ้ม ก็มีการแห่กัณฑ์เทศน์ และแห่บั้งไฟไปตามถนสายต่างๆ เพื่อทอดถวายองค์พระ ธาตุเชิงชุมโดยมีคณะนักมวยร้ามวยออกหน้า มีปี่ ฆ้อง กลองประโคม เป็นเครื่องประกอบ เมื่อ ขบวนไปพบกันจะไม่มีใครหลีกทางให้กัน จึงมีการต่อสู้กันขึ้น”ดังนั้น มวยโบราณจึงเป็นการต่อสู้ ด้วยมือ เท้า เข่า ศอก มีมาก่อนมวยคาดเชือก (มวยคาดเชือกใช้ผ้าดิบ หรือบางครั้งใช้เชือกพันมือ สันนิษฐานว่า มีขึ้นในสมัยอยุธยา)พ.ศ.2472 เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดใจเกิดขึ้น เมื่อนายเจีย แขกเขมร ขอขึ้นทาบรัศมีกับ นายแพ เสียงประเสริฐ และผลการต่อสู้ในครั้งนั้น นายเจีย ถูกนาย แพ ต่อยถึงแก่ความตายที่สนามมวย หลักเมือง ของพลโท พระยาเทพหัสดิน ตั้งแต่นั้นมวยคาด เชือกจึงต้องเลิกไป พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม ประเพณี ของมวยไทย พิธีกรรมอย่างหนึ่งที่บรรพบุรุษไทยแต่โบราณไดเริ่มคิด และก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อถือในสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพเจ้าที่สิงสถิตอยู่ทุกแห่งในสากลจักรวาล ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถ ดลบันดาลให้มนุษย์ผู้ที่กระท้าความดีประสบความ ส้าเร็จ และช่วยปกป้องคุ้มครองมนุษย์ ตลอดจนสรรพสัตว์ให้รอดพ้นจากภัยอันตราย และมีชัยชนะทั้งปวง พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม ประเพณี ของมวยไทย ที่เกี่ยวข้องกับนักมวยจะต้องผ่านการประกอบพิธีกรรมส้าหรับมวยไทย ที่ ส้าคัญมีดังนี้ ๑. การยกครูและไหว้ ครูมวยไทย ๒. การขึ้นครูมวยไทย ๓. การครอบครูมวยไทย การยกครูและไหว้ ครูมวยไทย มวยไทยมีวิวัฒนาการมาหลายชั่วอายุคน หลายยุคหลายสมัย จากดึกด้าบรรพ์จนถึง ปัจจุบันถึงแม้กติกาประเพณีบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมจากคาดเชือกมาเป็น สวมนวมอย่างปัจจุบัน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปในเรื่องของการชกมวยไทยเลยก็คือประเพณีการไหว้ครู ก่อน ท้าการแข่งขัน เป็นสิ่งที่บ่งถึงความเชื่อในเรืองจิตวิญญาณ และเป็นการแสดงความเคารพ ครูผู้สอน นักมวยไทยทุกคนที่ขึ้นชกต้องไหว้ครูเป็น แม้ปัจจุบันชาวต่างชาติที่ร้าเรียนมวยไทยเพื่อ การกีฬาและการแข่งขันก็จะต้องไหว้ครูด้วยลีลาของมวยไทยเช่นกัน การร่ายร้าไหว้ครูมวยไทยจะ


51 มีลีลาแตกต่างกันไปตามแต่ส้านัก แต่โดยจุดประสงค์ที่มีการไหว้ครูแล้วก็เพื่อร้าลึกถึงคุณของครูบา อาจารย์และเพื่อรวบรวมสมาธิไม่ให้ประหม่าหรือตกใจจนเกินไปเมื่อเผชิญกับคู่ ต่อสู้และ นอกจากนั้นการไหว้ครูมวยไทยยังเป็นการท้าให้ร่างกายเกิดการเตรียมพร้อมเป็นการท้าให้ แขน ขา ศอก เข่า เคลื่อนไหวคลายความฝืด ก่อนจะออกไปโรมรันกับคู่ต่อสู้กลางเวทีเมื่อชาย หนุ่มสักคนต้องการเข้าเป็นศิษย์กับครูมวยไทยท่านใดท่านหนึ่ง หรือ เข้าเป็นลูกศิษย์ กับนักมวย แห่งใดก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องผ่านก่อน คือ พิธียกครูหรือขึ้นครูทั้งนี้เพราะมวยไทยถือว่าเป็นมวยมีครู 1. พิธียกครู คือพิธีที่ยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างครูกับศิษย์ครูยอมรับนักมวยเป็นศิษย์ ในขณะเดียวกันศิษย์ก็ยอมรับครูมวย 2. พิธีขึ้นครู มักเลือกท้ากันในวันพฤหัสบดีซึ่งถือว่าเป็นวันครูโดยนักมวยต้องน้า ดอกไม้ธูปเทียน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า และขันน้าท้าพิธี การไหว้ครูและการร่ายร ามวยไทย การไหว้ครูถือว่าเป็นประเพณีที่ส้าคัญของมวยไทย และถือเป็นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ผู้ ที่จะได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักมวยจะต้องมีการขึ้นครู ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเปรียบเสมือนพิธีการ มอบตนเอง ในลักษณะขออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของครู เพื่อศึกษาวิทยาการในฐานะคนที่ว่า


52 นอนสอนง่าย และกล้าหาญ ส้าหรับเตรียมตัว และปรับปรุงตน ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นทหารพระราชา นักมวยจะต้องมีครู ต้องเคารพและเทิดทูนครู เพราะว่าการที่ครูจะยอมรับผู้ใดเป็นศิษย์นั้น ใน สมัยก่อนไม่ใช่เรื่องง่าย ครูมวยที่เชี่ยวชาญก็มีอยู่ไม่มากนัก และในการสอนไม่ได้คิดค่าสอนแต่ อย่างใด ผู้ที่มีความประสงค์จะศึกษาเล่าเรียนจึงจ้าเป็นต้องฝากเนื้อฝากตัวกับครู คอยปรนนิบัติอยู่ เป็นเวลานาน จนกว่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ ครูมวยกับศิษย์ในสมัยก่อน จึงมีความสัมพันธ์กันแนบแน่นดุจบิดากับบุตร การที่ครูจะรับผู้หนึ่งผู้ใดเป็นศิษย์นั้น ผู้เป็นศิษย์จะต้องให้สัตย์ปฏิญาณต่อครู ดังเช่น อาจารย์กิมเส็ง ทวีสิทธิ์ ให้ศิษย์รับสัตย์ปฏิญาณ ๔ ข้อ คือ ๑) จะบ้ารุงร่างกายให้สะอาด แข็งแรง และด้ารงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บริสุทธิ์ ๒) จะไม่รังแกผู้อ่อนแอ ร่วมรักสามัคคี และช่วยเหลือกันเมื่อช่วยได้ ๓) จะบ้าเพ็ญกรณีเพื่อประโยชน์ผู้อื่น และรักชาติ ๔) จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์อันไม่สงบ ยศ เรืองสา ได้กล่าวถึงข้อควรปฏิบัติของผู้ฝึกมวย ในหนังสือ ต้ารามวยไทย ต้ารับพระเจ้าเสือว่า นักมวยมีข้อพึงปฏิบัติดังนี้ ๑) จงท้าตนเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ๒) จงสุภาพต่อคนทั่วไป ๓) จงเป็นผู้มีสันติธรรมไม่พาลเกเร ๔) จงเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้อื่น ๕) ต้องเป็นผู้มีมานะบากบั่น ไม่ย่อท้อต่อทุกสิ่ง


53 ๖) จงเป็นผู้เสียสละต่อหมู่ชน เมื่อประเทศชาติต้องการ ๗) จงสร้างแก่นแท้ของจิตใจให้แกร่งกร้าวเยี่ยงเหล็กเพชร ๘) จงเป็นผู้เห็นธรรมในหลักพระพุทธศาสนา และมีศีลธรรมประจ้าใจ ๙) ต้องเป็นคนตรงต่อเวลา รักชื่อเสียงและค่ายคณะของตน ๑๐) ต้องออกก้าลังกายอยู่เสมอเป็นประจ้า ๑๑) ต้องไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ในทางผิดกติกา และศีลธรรม ๑๒) ต้องเคารพกฎหมายของบ้านเมือง การไหว้ครูก่อนการแข่งขันมวยไทยเป็นข้อแตกต่างจากกีฬาอื่นๆ โดยเฉพาะ "คิกบ็อกซิง" (kick boxing) ที่ได้พยายามเลียนแบบการชกมวยไทย จนเหมือนแทบทุกอย่าง แต่แตกต่างกัน เพียงไม่ใช้ศอกในการชก และไม่มีการไหว้ครู ดังนั้น การไหว้ครูจึงถือเป็นจุดเด่น และเอกลักษณ์ ของกีฬามวยไทยอย่างแท้จริง การร่ายร าไหว้ครูมวยไทย การไหว้ครูจึงถือเป็นประเพณีที่ส้าคัญของการเป็นนักมวยไทย ท้าให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ ทุกฝ่าย ลักษณะของกิจกรรม เช่น การขึ้นครู การครอบครู การไหว้ครูประจ้าปีมีวัตถุ ประสงค์ที่ แตกต่างกันไป


54 "การร่ายร าไหว้ครูมวยไทย" เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่บรรพบุรุษไทยแต่โบราณได้เริ่มคิด และ ก่อตั้งขึ้นจากความเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเทพเจ้าที่สิงสถิตอยู่ทุกแห่งในสากลจักรวาล ซึ่งมอง ไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถดลบันดาลให้มนุษย์ผู้ที่กระท้าความดีประสบความส้าเร็จ และช่วย ปกป้องคุ้มครองมนุษย์ ตลอดจนสรรพสัตว์ให้รอดพ้นจากภัยอันตราย และมีชัยชนะทั้งปวง คุณประโยชน์ที่ได้รับจาก"การร่ายร าไหว้ครูมวยไทย" การไหว้ครูสื่อความหมายให้เห็นคุณค่าด้านวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของ ไทย มีคุณประโยชน์มากมายทางด้านจิตใจของนักมวยและผู้ชมมวย ดังนี้ ๑) ปลูกฝังนิสัยให้เป็นมวย คือ รู้จักรัก เคารพครูอาจารย์ บิดามารดา ผู้ให้ก้าเนิดมวยไทย ๒) ปลูกฝังจิตส้านึกให้ตระหนักในคุณค่าของศิลปะมวยไทย เกิดความรักและหวงแหนที่จะ อนุรักษ์ให้คงไว้สืบไป ๓) เป็นกิจกรรมเผยแพร่เอกลักษณ์ และศิลปวัฒนธรรมประจ้าชาติได้อย่างสง่างาม สมศักดิ์ศรี ขั้นตอนการร่ายร าไหว้ครูมวยไทย และการร่ายร ามวยไทย การร่ายร้าไหว้ครูมวยไทยแบ่งออกเป็น ๒ ตอน ได้แก่ ท่าพรหมนั่ง ท่าพรหมยืน


55 ตอนที่ 1 ท่าพรมนั่ง ศิษย์ฝากตัวกับคร ู ขั้นตอน ศิษย์ถือสายมงคล คุกเข่ามอบสายมงคลไหว้ครูและกราบ (ไม่แบมือ) จากนั ้นครูสวมมงคลให้กับ ศิษย์


56 ท่าที่ 1 ท่าเทพพนม คุกเข่าตัวตรง พนมมือเสมอหน้าอก ทาจิตใจให้สงบ ภาวนาคาถา เพื่อราลึกถึง คุณครูบาอาจารย์บิดามารดา และสงิ่ศกัดิ์สทิธิ์ ท่าที่ 2 การกราบเบญจางคประดิษฐ์ กราบลงพื ้น ๓ ครั ้ง


57 ท่าที่ 3 กอบพระแม่ธรณี โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับเหยียดแขนทั ้งสองข้างไปด้านหลัง โดยการ ลอดผ่านรักแร้ให้เลยไปด้านหน้าเป็ นท่ากอบพระแม่ธรณีตามองไปด้านหน้า


58 ท่าที่ 4 การถวายบังคม พนมมือเหยียดแขนทั ้งสองออกตรงไปด้านหน้า ขึ ้นตรงและวางบนศีรษะ หลังจากนั ้นเหยียดแขนขึ ้นวาดลงมาอยู่ในท่าเทพพนม


59 ขั้นตอนการไหว้ครูก่อนการแข่งขัน ในการแข่งขันมวยไทยของนักมวยแต่ละครั้ง นักมวยไทยสมัยก่อนเชื่อถือเวทมนต์คาถา เครื่องรางของขลังมาก สังเวียนหรือเวทีมวยที่ส้าหรับชกมวยมีอ้านาจเคลือบคลุม เมื่อนักมวยจะ เข้าสังเวียนจะท้าพิธีปลุกเสกล้างอ้านาจที่เคลีอบคลุมของเวทีหรือสังเวียนนั้น ๆ ในปัจจุบันความ เชื่อในเรื่องเวทย์มนต์คาถาเครื่องรางของขลังยังมีอยู่แต่ไม่เข้มข้นเท่าสมัยก่อน เพราะวิทยาการ ต่างๆ เจริญก้าวหน้า การฝึกซ้อมมวยใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย ขั้นตอนการไหว้ครูก่อน การแข่งขันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการชกมวยไทยของนักมวย ส่วนเวทย์มนต์คาถาก็เป็นความเชื่อ ของแต่ละบุคคล เพื่อเป็นการเสริมก้าลังใจให้กับนักมวยที่ขึ้นชกในวันนั้น ๆ ขั้นตอนการไหว้ครู ก่อนการแข่งขันมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. การสวมมงคลและผูกผ้าประเจียด การสวมมงคลนักมวยนั่งคุกเข่าตรงหน้าครู มวย ครูมวยกราบ 1 ครั้ง ให้ครูมวยสวมมงคลและผูกผ้าปะเจียดให้ กราบ อีก 1 ครั้ง ครูมวยใช้สวมมงคลให้นักมวยไทย (นาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา ) ว่า ตั้งนะโม 3 จบ แล้วจึงว่าคาถาต่อไปนี้ “ พุทสัง มังคลังโลเก พุทธิจุติ ยันติ ธรรมสัง มังคลังโลเก พุทธิจุติ ยันติ สังฆสัง มังคลังโลเก พุทธิจุติ ยันติ” 2. ก่อนขึ้นบนเวทีหรือสังเวียน นั่งคุกเข่าพนมมือท้าจิตให้เป็นสมาธิ ร้าลึกถึงพระ แม่ธรณีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นเจ้าปกป้องสถานที่นั้น ๆ อัญเชิญให้มาคุ้มครอง ตนเองในชก ให้เป็นผู้ชนะ แล้วให้ตั้ง นะโมฯ 3 จบ แล้วท่อง คาถา ดังนี้ “พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา ” 3. กลั้นลมหายใจพร้อมกล่าวว่า” พระแม่ธรณีอยู่แล้วหรือยัง” และตนเองพูดอยู่ ในใจ ว่า “ อยู่แล้ว ” ใช้มือขวาหยิบดินมาวางบนศีรษะ 4. หรือบริกรรมคาถาตามที่ครูมวยมอบให้ “ สังฆังโลกะวิทู พุทธังอัด ธรรมมังอัด สังฆังอัด อัดด้วยนะโมพุทธายะ ” กลั้นลมหายใจพร้อมกล่าวว่า” พระแม่ ธรณีอยู่แล้วหรือยัง” และตนเองพูดอยู่ในใจ ว่า “ อยู่แล้ว ” แล้วท่องคาถา “ สังคะตังโลกะวิธู ” ใช้มือขวาหยิบดินมาวางบนศีรษะ


60 5. กราบพื้นครั้งที่ 1 พร้อมกับกล่าวค้าว่า “ พุทธังประสิทธิเม ” กราบครั้งที่ 2 “ ธัมมังประสิทธิเม ” กราบครั้งที่ 3 “ สังฆังประสิทธิเม ” 6. ลุกขึ้นยืน พนมมือระดับอก เสกคาถา 3 จบ ดังนี้ “ ภะรัมวิสา เทภะ ” แล้ว กระทืบเท้า 3 ครั้ง 7. ก่อนก้าวขึ้นบันได ให้ทดสอบลมหายใจ โดยใช้นิ้วชี้ปิดจมูก ด้าน ขวา และ ซ้าย 3 – 4 ครั้ง ลมหายใจด้านซ้ายคล่องกว่าให้ก้าวเท้าซ้ายขึ้นบันไดขั้นที่ 2 ถ้าลมหายใจด้านขวาคล่องกว่า ให้ก้าวเท้าขวาขึ้นบันได 8. ก่อนก้าวข้ามเชือกให้ยืนพนมมือท่องคาถาว่า “เอวัง พุทธัง สาระนัง ธัมมัง สาระนัง ” ให้ท่อง 3 จบ พร้อมเอามือลูบเชือกเบิกทางปราบมารทั้งหลาย ลูบเชือกไป มา 3 ครั้ง บางครูมวยให้ท่องคาถา นะจังงัน เพื่อให้คู่ต่อสู้ งงงัน ชกไม่ถูก ดังนี้ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าว คาถา“งงงันกันนะอะ อิติอะระหัง อะระหังกันอิติ ” 9. เมื่อนักมวยร่ายร้าไหว้ครู เสร็จ ผู้ชี้ขาดเรียกเข้าไปเตือนกติกากลางเวทีเสร็จ แล้วนักมวยกลับเข้ามุมเพื่อถอดมงคลครูมวยหรือผู้ใหญ่ที่นับถือถอดให้ คาถาใช้ถอดมงคลให้นักมวยไทย ( สายฟ้า ลูกชาวเหนือ ) ท่องคาถาดังนี้ “ พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง ศรัทธา ทานัง อนุโทธามิ โอม นะมะ สันโต กะ ขะ ชะ นะ ตะ ปะ ” ให้ว่า คาถา 3 จบ แล้วเป่าลงที่ศีรษะก่อนถอดมงคล ออก คาถาป้องกันตีไม่แตก และแคล้วคลาด ส้าหรับนักมวยท่องก่อนชกหลังถอด มงคลเสร็จแล้ว ให้นักมวย ตั้งนะโม ฯ 3 จบ แล้วท่องคาถา ดังนี้ “ ฆเฏสิ ฆเฏสิ กีการนา ฆเฏสิ อะระหังปิตัง ชานามิ ชานามิ ” ท่อง คาถา 3 ครั้งหรือ 7 ครั้ง กราบที่มุมตนเอง แล้วออกไปท้าการชก คาถาต่างนั้นเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลจะน้าไปใช้ก็ได้


61 พิธีการครอบครูมวยไทย การครอบครู หมายถึง การที่ลูกศิษย์ได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปะมวยไทยจนหมดสิ้นแล้ว มี ความสามารถที่จะสืบทอดศิลปะมวยไทยตามต้ารับของครูมวยสายนั้น มีความสามารถที่จะ ประยุกต์มวยให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และแก้ไขปรับปรุงลูกไม้และเกร็ดไม้ต่าง ๆ ได้ จนเป็น ที่พอใจของครู ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดลับ และไม้ต่าง ๆ พอจะเป็นครูมวยต่อไปได้ ทั้งยังสามารถ ขึ้นเวทีมวยโดยไม่ท้าให้ส้านักมวยต้องขายหน้าแล้ว ครูมวยจะท้าพิธีครอบครู สวมมงคลที่ถูกต้อง ตามประเพณีของส้านักมวยให้ซึ่งส่วนใหญ่ จะท้าให้วันพฤหัสบดีก่อนเวลาเพลที่บ้านของครูมวย หรือในวัด เป็นที่น่าสังเกตว่า มงคลที่สวมให้นั้นอาจจะเป็นมงคลประจ้าตัว เพราะมงคลนี้จะมีดวง พิชัยสงครามของผู้นั้นอยู่บนแผ่นยันต์ สีแดงซึ่งพันอยู่รอบมงคล มงคลนี้จะมีสีขาวแดงถักด้วย ด้ายดิบสีขาว 4 เส้น และสีแดง 4 เส้น แต่ละเส้นประกอบด้วย ด้านดิบหลายสิบเส้น ถักพอดีกับ ขนาดของศีรษะ แล้วบรรจบเป็นเส้นเดียวพอได้ระยะ จากนั้นก็แยกถักเป็น 2 หาง โดยมีการ ผูกมัดไว้ที่ปลาย และจะไม่ใช้วัตถุแข็งเลย ในอดีตนักมวยจะสวมมงคลขึ้นเวทีต่อสู้ และไม่ถอดมงคลตลอดเวลาการต่อสู้ หลังจากนั้น จะน้าเอาแผ่นยันต์ที่ลงอักขระประจ้าส้านัก และดวงพิชัยสงครามของผู้ได้รับการครอบครูพันรอบ มงคลส่วนหน้าเอาไว้ มงคลนี้โดยปกติจะได้รับการสวดยัติไว้เรียบร้อยแล้ว (ถ้าใช้แผ่นยันต์พันรอบ)


62 ถ้าไม่มีแผ่นยันต์ก็ไม่ต้องสวดยัติแต่ประการใด แต่ถ้ามีโอกาสน้าเข้าไปร่วมพิธีสวดยัติเมื่อมีการบวช พระใหม่ในการท้า พิธีครอบครูมวยไทย จะต้องมีการเซ่นไหว้ครูแต่โบราณด้วยอาหารและสิ่งของ ซึ่งไม่แตกต่างจากของเซ่นไหว้ในการไหว้ครูประจ้าปีเท่าใดนัก ดังนี้คือ o หัวหมู 1 หัว ไก่ 1 ตัว ปลา 2 ตัว o มะพร้าวอ่อน 2 ใบ o เหล้า 1 ขวด o ขนมหวาน 2-3 อย่าง o ไข่ 2 ใบ (ในกรวยบายสี) o นวมหรือโครงส้าหรับคาดเชือกพร้อมผ้าดิบ 2 คู่ o ดอกไม้ 3 สี และดอกไม้ในแจกันอีก 2 ใบ o หมาก, พลู, บุหรี่ (อย่างละ 3 ค้า/มวน ) o เงิน 12 บาท o บายสี 1 คู่ o ธูป 1 แหนบ เทียนสีผึ้งสีขาว 1 เล่ม o ขัน 1 ใบ (ไว้ใส่น้้ามนต์ที่มีผิวมะกรูด 9 ชิ้น ส้มป่อย 9 ชิ้น และมะยม 9 ใบ) o มงคลของครูและลูกศิษย์ที่จะครอบ (อยู่ในพาน) o ผ้าแดง กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร จ้านวน 1 ผืน o ผ้าขาว กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร จ้านวน 1 ผืน o กระถางธูป 1 ใบ การจัดวางของเซ่นไหว้ครูจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับการจัดวางในวันไหว้ครูประจ้าปี คือ ของเหล่านี้ถูกจัดอยู่บนผ้าขาวโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผ้าแดงให้ปูต่อจากผ้าขาวทางทิศ ตะวันตก เพื่อให้ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วมานั่งรับเครื่องเซ่นไหว้ที่ได้จัดเรียงไว้นอกจากนี้ยัง ต้องมี กลอง ปี่ และฉิ่ง ที่จะต้องบรรเลงในการร้าไหว้ครู และในการถวายมือ ซึ่งต้องมีเครื่องเซ่น ไหว้ คือ ธูป เทียน บุหรี่ หมูต้ม เหล้า และเงินอีก 12 บาท (ต้องกระท้านอกโบสถ์) พิธีเริ่มด้วยการให้ทุกคน จุดธูป 3 ดอกเพื่อไหว้พระ และจุดธูป 1 ดอกปักบนเครื่องเซ่นทุกอย่าง ก่อน แล้วสวดชุมนุมเทวดา หลังจากนั้นครู หรือพระจะท้าน้้ามนต์ (สวด 12 ต้านาน และมงกุฎ พระพุทธเจ้า) เสร็จแล้วครูหรือพระ พรมน้้ามนต์ให้กับทุกคนที่มาร่วมพิธี หลังจากนั้นผู้ที่จะได้รับ การครอบครู จะต้องกล่าว ค้าขอครอบครู ดังนี้


63 “ลูกหลาน ขอระลึกถึงคุณครูที่ได้สอนศิลปะมวยไทยให้แก่ลูกหลาน โดยมีครูเมฆซึ่งเป็นครูใหญ่ ครู เอี่ยม ครูเอม ครูโต๊ะ ครูโพล้ง ครูฤทธิ์ ครูแพ ครูพลอย และครูฉลอง เลี้ยงประเสริฐ ลูกหลานได้ เล่าเรียนศิลปะมวยไทย และยังไม่ได้ครอบครู วันนี้เป็นวันดี และได้ฤกษ์ดี ลูกหลานขอให้ครอบครู ให้ด้วย” พิธีครอบครูมวยไทย สายพระยาพิชัยดาบหัก ถ้าเป็นสายพระยาพิชัยดาบหัก ค้ากล่าวจะต่างออกไปบ้าง ดังนี้ “ข้าพเจ้าขอคารวะ และระลึกถึงคุณครู ตั้งแต่ครั้งชวด ฉลู กัลป์ ที่ได้ถ่ายทอดศิลปะมวยไทยมา จนถึงข้าพเจ้า อาทิเช่น พ ระครูเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเมืองพิชัย ครูเที่ยง บ้านแก่ง ครูมวยงิ้ว วัด ท่าถนน ครูเมฆ บ้านท่าเสา ครูดาบเหลือ เมืองสวรรคโลก และครูมวยจีน บ้านสุโขทัยธานี พระยา พิชัยดาบหัก ซึ่งได้รวบรวมศิลปะมวยไทยให้เป็นระบบ และผู้สืบทอดได้แก่ หลวงพิทักษ์ (เสือ) หลวงจง ครูแสง อุตรดิตถ์ ครูซุนกวน ครูอยู่ ครูสงวน แสงชัย และครูอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง ข้าพเจ้าได้เล่าเรียนศิลปะมวยไทย และยังไม่ได้ครอบครู วันนี้เป็นโอกาสดี ข้าพเจ้าขอให้ครูได้โปรด ครอบครูให้ด้วย”


64 เมื่อผู้จะครอบครูกล่าวจบ ครูจะกล่าวอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์ น้าความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อ ตนเอง และสังคม และให้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม อย่าได้ใช้วิชาไปในทางที่ผิด และให้พยายาม ศึกษาพัฒนาศิลปะมวยไทยต่อไปเรื่อย ๆ เพราะศิลปะมวยไทย จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องประยุกต์ และปรับปรุงให้ก้าวหน้าต่อไป เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และสังคมไทย นอกจากนี้ มวยไทยควรจะคงความเป็นไทย แต่ไม่ควรต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่จะท้าให้ศิลปะ มวยไทยเป็นเลิศยิ่งขึ้น ผู้ที่ฝึกหัดมวยไทย ควรจะมีใจคอกว้างขวาง และรู้ศิลปะมวยไทยมีจุดเด่น หรือจุดด้อยอย่างไร ควรพัฒนาจุดเด่น และแก้ไขจุดด้อยต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง มิฉะนั้น ศิลปะมวย ไทยจะสู้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของชนชาติอื่นไม่ได้ ผู้ที่ได้รับครอบครูจึงมีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ จะต้องปฏิบัติต่อไป หลังจากที่ครูมวยได้กล่าวจบ ครูมวยจะได้สวมมงคลบนศีรษะของผู้ที่ได้รับการครอบ (ในช่วงนี้พระ จะได้สวดชยันโต ให้แก่ผู้ได้รับการครอบครู) จากนั้นก็ท้าการถวายอาหารเพลให้แก่พระสงฆ์ ระหว่างพระฉันเพลอยู่นั้น ปี่กลองจะเริ่มบรรเลงเพลงไหว้ครู ผู้ที่ได้การครอบครู จะเริ่มร่ายร้าไหว้ ครูจนจบสิ้นตามแบบฉบับที่ครูได้สั่งสอนเอาไว้ ส้าหรับสายพระยาพิชัยดาบหัก จะต้องออกมานอกโบสถ์ ถ้าท้าพิธีในโบสถ์ เพื่อร่ายร้าไหว้ครู และ ถวายมือต่อไป หลังจากนั้น ครูมวยจะเริ่มร่ายร้าไหว้ครู ตามแบบฉบับที่ตนเองได้รับการครอบ เอาไว้ ท่าร่ายร้าอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะครูจะต้องพิจารณาดูว่ารูปร่างท่าทางแต่ละคนนั้น เมื่อร่ายร้าในแบบฉบับใด แล้วจะดูงดงาม และเข้ากับรูปร่างมากกว่ากัน เช่น รูปร่างเล็กอาจจะให้ ใช้แบบสาวน้อยประแป้ง รูปร่างสูงเกร็งอาจใช้แบบย่างสามขุม รูปร่างสันทัดอาจใช้แบบพรหมสี่ หน้าใหญ่ หรือรูปร่างใหญ่ อาจใช้แบบพรหมสี่หน้าน้อย เป็นต้น


65 แต่การเริ่มต้นจะเหมือน ๆ กัน คือเริ่มจากการไหว้พระแม่ธรณี ตามด้วยการไหว้บรมครู (พระ อิศวร) พระรัตนตรัย และครูผู้สั่งสอนวิชา หลังจากนั้นจึงเริ่มด้วยท่านั่งส้าหรับสายพระยาพิชัยดาบ หักและสายท่าเสาตามด้วยท่าส่องเมฆ ไต่เมฆ (ถ้าเป็นย่างสามขุม) หรือเสือลากหาง (ถ้าเป็นพรหม สี่หน้าใหญ่หรือน้อย) จนจบการร้าไหว้ครู เมื่อครูท้าพิธีตามขั้นตอนการไหว้ครูเสร็จแล้วทั้งครู และศิษย์จะเริ่มการถวายมือ คือการประมือ ระหว่างครู และลูกศิษย์ซึ่งถือว่าเป็นการสอนครั้งสุดท้ายก่อนจบการเรียนจากครูผู้นั้น การถวาย มือจะยาวหรือสั้น อยู่ที่การก้าหนดของครูเอง เพราะส่วนใหญ่ครูซึ่งอายุมากอาจจะไม่สามารถออก แรงได้มากมายนัก บางครั้งครูจะให้ลูกศิษย์อาวุโส ซึ่งได้รับการครอบไปแล้วเป็นผู้ถวายมือกับผู้ ได้รับการครอบใหม่ก็ได้ ระหว่างการถวายมือปี่กลอง จะบรรเลงเหมือนการต่อสู้บนเวทีมวย


66 ตามประเพณีของสายท่าเสา และของสายพระยาพิชัยดาบหัก หากครูผู้สอนวิชาตนยังอยู่หรือศิษย์ อาวุโสกว่าตนยังอยู่ ครูจะไม่ครอบลูกศิษย์ของตนเอง แต่จะน้าไปให้ครูของตน หรือศิษย์อาวุโส กว่าตน เป็นผู้ตรวจสอบ และเพิ่มเติมวิชาความรู้ก่อนท้าการครอบให้แก่ลูกศิษย์ตนอีกทีหนึ่ง ยกเว้นแต่ในกรณีที่อยู่ห่างไกลกัน ท้าให้ผู้อาวุโสกว่าตน ไม่สามารถเป็นคนครอบให้ลูกศิษย์ของตน ได้ หลังจากถวายมือแล้ว ทุกคนจะถอดมงคลและน้ามาไว้บนพานและท้าการไหว้พระและครูผู้ล่วงลับ ไปแล้วทุกคน แล้วจึงท้าการถอนเครื่องเซ่นไหว้ (สายพระยาพิชัยดาบหักก็กลับเข้าไปรับพรจาก พระสงฆ์หลังจากพระสงฆ์ฉันเพลเสร็จแล้ว) หลังจากนั้นทั้งครูและลูกศิษย์และแขกต่าง ๆ ก็น้า เครื่องเซ่นและอาหารต่าง ๆ มารับประทานกันต่อไป การครอบครูก็จบลงโดยลูกศิษย์สายพระยา พิชัยจะน้ามงคลของตนเองติดตัวไปด้วย และผู้ได้รับการครอบจะมีศักดิ์สิทธิ์เป็นครูมวยทุก ประการต่อไป (ที่มา พิธีครอบครูมวยไทยพิธีครอบครูมวยไทย, มวยไทยโบราณ, สายมวยท่าเสา) ขั้นตอนพิธีกรรม การครอบครูมวยไทย 1.ศิษย์เข้าประจ้าที่ในประร้าพิธี ตามล้าดับอาวุโส 2.เริ่มพิธีกรรม พราหมณ์อัญเชิญเทพทุกพระองค์ เสด็จลงมา รับเครื่องสังเวย และเป็นองค์ ประธานใหญ่ ประธาน ปักธูปบูชา เครื่องสังเวยฯ 3.ประธานจุด ธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระ เคารพชาติ ถวายความเคารพ พระบรมรูป ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปักธูป เครื่องสังเวยทุกอย่าง ศิษย์กล่าว 4.ศิษย์กล่าวค้าบูชาครูมวยไทย จบแล้วนั่งสมาธิ จนครูท้าน้้ามนต์เสร็จพิธีท้าน้้ามนต์ เสร็จยกลง มุมขวา ใกล้คนที่ 1 5.ศิษย์คลานเข่า เข้ามาหาครูตรงหน้า-ส่งมงคล ประเจียด ดอกไม้ธูปเทียน เงิน บูชาครู 6 สลึง 6.ครูรับของ วางไว้ ด้านหลัง ศิษย์กราบ เบื้องหน้าครู 1 ครั้ง (ไม่แบมือ) ครูรับไหว้ 7.ครูเจิมหน้าผากศิษย์ด้วยยันต์อุณาโลม 8.ครูหยิบมงคลพนมมือเสกคาถาว่า โอม...ศรีสิทธิ เดชะ ชนะศตรู นะ มะ พะ ทะ นะ โม พุทธา ยะ ภวันตุเม 9.ครูสวมมงคลครอบศีรษะให้ ว่าคาถาก้ากับ พุทธธังประสิทธิ ธรรมมังประสิทธิ สังฆังประสิทธิ


67 พระนารายณ์เป็นเจ้าประสิทธิ ภวันตุเม แล้วผูกประเจียดทั้งสองข้าง 10.ศิษย์กราบเบื้องหน้าครู อีก 1 ครั้ง ให้พรว่า สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิกาละ ตะถาคะโต สิทธิเตโช ไชโยกิจจัง สิทธิกัมมัง ประสิทธิเม พิธีรับสัตย์ของนักมวยไทย พิธีรับสัตย์นี้เป็นเสมือนค้าสาบานของลูกผู้ชายค้าปฏิญาณที่ศิษย์จักมีต่อครู สัจจะ ย่อม อยู่เหนือกว่าชีวิต นักมวยคนใดที่คิดนอกรีตจากค้าปฏิญาณและรับและรับสัตย์นี้ มักจะ เกิดความหายนะแก่ตนในภายหน้าทุกราย ครูจะอบรมสั่งสอนและให้นักมวยกล่าวรับ สัตย์ปฏิญาณว่า 1.ข้าฯ จะบ้ารุงก้าลังกายให้สะอาด แข็งแรงและด้ารงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริตบริสุทธิ์ 2.ข้าฯ จะไม่รังแกผู้อ่อนแอ ร่วมรักสามัคคีและช่วยเหลือกันเมื่อช่วยได้ 3.ข้าฯ จะบ้าเพ็ญกรณีเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นและจงรักภักดีต่อชาติ 4.ข้าฯ จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์อันไม่สงบทุกกรณี “มันผู้ใด ไม่ปฏิบัติตามค้าสัตย์ปฏิภาณที่ให้ไว้กับครู มันผู้นั้นจงฉิบหาย” ที่กล่าว ฉะนั้น ขอคุณครูทั้งหลาย จงได้โปรดกรุณา ประสิทธิประสาทผลให้ข้าพเจ้าลุล่วงสมมโนรดทุก ประการ และขอจงช่วยปกป้องคุ้มครองรักษา ปวงข้าพเจ้าทั้งหลาย ให้ปราศจากยันตรายทั้ง ปวง ประสพแต่ความสุข ความเจริญ ชั่วกัลปาวสานเทอญ (นั่งส้ารวมจิตระลึกถึงครูบาอาจารย์ 1 นาที) บทบูชาครูมวยไทย สาธุ ยะมะหัง ครูอาจาริยัง สรนังคโต อมินา สักกาเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชยามิ ทุติยัมปิ ยะมะหัง ครูอาจาริยัง สรนังคโต อิมินา สักกาเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชยามิ ตะติยัมปิ ยะมะหัง ครูอาจาริยัง สรนังคโต อิมินา สักกาเรนะตัง ครูอาจาริยัง อภิปูชยามิ พุทธัง ขะมามิ ธัมมัง ขะมามิ สังฆัง ขะมามิ ผู้เรียนมวยไทยทุกคน ให้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์อยู่เสมอ ก่อนเรียนมวยไทยให้ กล่าวค้าบูชาครู จะท้าให้พ้นภัยพิบัติทั้งปวง มีความเจริญรุ่งเรือง มีศีล สมาธิ มีปัญญา ปฏิภาณ ไหวพริบ ธนสารสมบัติ จะท้าการสิ่งใดส้าเร็จทุกประการ


68 การเตรียมพิธีกรรม พิธีไหว้ครู/ครอบครู เครื่องสักการะหลัก มี พระพุทธรูปโต๊ะหมู่บูชา ธงชาติ พระบรมฉายาลักษณ์ พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก4-6 นิ้ว (ส้าหรับบาตรน้้ามนต์) บาตรน้้ามนพร้อมพานรองขันเล็กๆ ส้าหรับตักน้้ามนต์4 ขัน น้้า ส้าหรับใส่บาตรน้้ามนต์ขวด 1.5 ลิตร 4 ขวด บายศรีปากชาม 1 คู่ พร้อมพานตั้งบายศรีเอาสี ทองหรือเงินก็ได้ ดายสายสิญจน์1 ม้วน ผ้าขาวใหม่ส้าหรับปูโต๊ะ 3 เมตร โต๊ะหน้าขาวยาว 1.8 เมตร 4 ตัว (ถ้าตีสเกิ๊ดได้ยิ่งดีสวยงาม) เก้าอี้ไม่มีพนัก 5 ตัว ส้าหรับวางพวงมาลัย ที่ศิษย์น้ามา ไหว้ครูมีดเฉาะมะพร้าว มีดเล็กหั่นเปิดผลไม้ ฝ้ายส้าหรับถักมงคลและผ้าประเจียด จ้านวน 35 ชุด ( เท่าผู้เข้าอบรม ) พานใบใหญ่ ส้าหรับวางมงคลเพื่อปลุกเสก 1 คืนก่อนวันครอบครู กระดาษเขียนชื่อเจ้าของมงคล ที่น้ามาปลุกเสก หรือป้ายติดชื่อ ของแต่ละคน พวงมาลัยส้าหรับ ศิษย์35 อัน (ตามจ้านวน) เป็นพวงมาลัยตุ้มเดียว เงินค่าบูชาครูคนละ 6 บาท พานเล็ก ส้าหรับเวียนไหว้ครู10 อัน(ตามจ้านวครู) ในพานจะมีพวงมาลัย เทียน เงินค่าบูชาครู อุปกรณ์ประกอบมี แจกัน 2 คู่ โต๊ะหมู่บูชา ดอกไม้แบ่งเป็น ดอกไม้โต๊ะหมู่บูชา ใช้ดอกบัว , ดอกไม้โต๊ะบวงสรวง ใช้ดอกไม้สีทั่วไป อย่างน้อย 3 สีมีสี แดง เหลือ ม่วง ธูป 1 ก้าใหญ่ (100-200 ดอก) เทียนส้าหรับผู้เข้าอบรม 40 เล่ม เล่มเท่าปากกา เทียนสีเหลือ ขนาดใหญ่ส้าหรับ โต๊ะหมู่กับ โต๊ะเครื่องบวงสรวง 4 เล่ม พร้อมเชิงเทียน เทียนสีขาว ส้าหรับชุดน้้ามนต์ อาหารคาว มี 1.ไข่ต้ม 39 ฟอง เบอร์อะไรก็ได้(ปอกเปลือก3ฟองอีก 36 ฟองไม่ต้องปอกเปลือก) 2.ไก่ต้ม 1 ตัว พร้อมน้้าจิ้ม


69 3. ปลาทับทิมนึ่ง 1 ตัว ตัวใหญ่พอประมาณ ฟร้อมน้้าจิ้ม ผลไม้มี7 อย่าง 1. มะพร้าวน้้าหอม 4 ลูก สัปปะรด 4 หัว กล้วยน้้าว้า 4 หวี ส้มโอ 4 ลูก แอ๊ปเปิ้ล 12 ลูก องุ่น 2 กิโล 2. ล้าไย 2 กิโล ของหวาน 1.ทองหยิบ 2. ทองหยอด 3.ฝอยทอง 4.ข้าวต้มมัด 5.ขนมชั้น 6.ขนมเปียกปูน 7.ขนมหม้อแกง น้้าถวาย เหล้าขาวขวดกลาง น้้าเขียว 2 ขวด น้้าแดง 2 ขวด น้้าเปล่า 2 ขวด แก้ว 4 ใบ พร้อมหลอดดูด


70


71


72


73


74


75 การแต่งกายมวยไทยสมัยโบราณ ( Muaythai for Sport Science .::. มวยไทย โดยนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัย บูรพา ) ในอดีตไทยต้องท้าศึกสงคราม เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากการรุกรานของประเทศเพื่อนบ้านมา โดยตลอด การฝึกฝนการใช้อาวุธและการต่อสู้ด้วยมือเปล่า จึงเป็นสิ่งส้าคัญของลูกผู้ชาย ไทย นอกจากการฝึกฝนการใช้อาวุธชนิดต่างๆแล้ว การร่้าเรียนวิชาอาคมเพื่อความอยู่ยงคง กระพัน ก็เป็นส่วนส้าคัญอย่างยิ่งที่คนไทย เชื่อว่าจะช่วยให้การต่อสู้ได้รับชัยชนะและปลอดภัยจาก


76 คมหอก คมดาบ ทั้งช่วยป้องกันคาถาอาคมของฝ่ายศัตรูด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักรบจึงมีเครื่องราง ของขลัง เช่น พระเครื่อง การสักยันต์ ตะกรุด เป็นต้น การแต่งกายของมวยไทยโบราณ จึงประกอบด้วย 2 ส่วนที่ส้าคัญ คือเสื้อผ้าปกปิดร่างกายและ ป้องกันอันตรายในส่วนส้าคัญ กับเครื่องรางของขลัง ดังต่อไปนี้ เครื่องรางของขลัง มงคล มงคล ท้าด้วยสายสิญจ์หรือผ้าดิบที่เกจิอาจารย์เป็นผู้เขียนอักขระหัวใจมนตร์ คาถาและเลข ยันต์แล้วถักหรือม้วนพันด้วยด้าย หรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยผ้าซึ่งผ่านพิธีกรรมจากครูบา อาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมท้าเป็นวงส้าหรับสวมศีรษะ โดยรวบเป็นหางยาวไว้ข้างหลัง ในอดีตมีการ กล่าวถึงการใช้ไสยศาสตร์ในพิธีท้ามงคล ดังนี้ การสร้างมงคลแบบที่ยาก และมีอ้านาจแบบไสยศาสตร์เร้นลับที่สุด มีต้านานเล่าว่าเป็นห่วง วงกลมท้ามาจาก “งูกินหาง” อาจจะเป็นงูหนึ่งตัวกินหางของมันเอง หรืองูสองตัวกินหางซึ่งกัน


77 และกันได้การกินหางของงูเกิดจากอ้านาจสะกดจิตหรือพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ แล้วน้าห่วง กลมที่เกิดจากงู กินหางนั้นไปย่างไฟจนแห้งสนิท จากนั้นน้าไปแช่น้้ามนตร์ ซึ่งหุงมาจากน้้ามัน มะพร้าวผสมด้วยว่านยาสมุนไพรบางอย่าง แล้วจึงพันไว้ด้วยผ้ายันต์หรือด้ายสายสิญจน์ หุ้มไว้อีก ชั้นหนึ่ง เล่ากันว่าพิธีกรรมเร้นลับส้าหรับการสร้างมงคล เครื่องผูกศีรษะเหล่านี้ ใช้อ้านาจไสย ศาสตร์ ให้เคลื่อนไหวส้าเร็จขึ้นมาทั้งสิ้นปัจจุบัน สูญหายการถ่ายทอดไปหมดแล้ว มงคลถือเป็นเครื่องรางให้สิริมงคลและคุ้มกันอันตราย ในอดีตใช้สวมศีรษะในขณะชก บาง คนสวมสองอันมี เวลาชกมวยหากมงคลหลุดจากศีรษะ ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยุดชกเพื่อให้ เก็บมงคล มาสวมใหม่ แล้วจึงชกต่อเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาจะไม่มีการซ้้าเติมกันในขณะก้มลงเก็บ มงคลเป็นอันขาด ส่วนนักรบในอดีตก็จะสวมมงคลออกรบโดยสวม ไว้ที่ศีรษะหรือคล้องคอ เวลา ไม่ได้ใช้ก็จะเก็บรักษาไว้ในที่สูง เช่น บนหิ้ง บนตู้ หรือใส่ตะกร้าแขวนไว้สูงๆในบริเวณที่เป็นห้อง พระ หรือหัวนอน เพื่อบูชาและป้องกันการศูนย์หาย หรือป้องกันใครเดินข้ามเพราะจะท้าให้ คาถาอาคมเสื่อมได้


78 ประเจียด ประเจียด ใช้ผ้าสาลู (ผ้าขาวบางเนื้อดี) หรือผ้าดิบ สีขาวหรือสีแดงตัดเป็นสามเหลี่ยมลงเลขยันต์ มหาอ้านาจ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรีแคล้วคลาด มหาอุด ก้าลังตัวหรือคุ้มก้าลัง ภาษาที่ใช้เขียนมักเป็นอักขระโบราณ เช่น อักษรขอม อักษรเทวนาครีซึ่งพระครูหรือเกจิอาจารย์ จะเป็นผู้เขียนและท้าพิธีพุทราภิเษก เช่น เดียวกับพระเครื่องหรือพระบูชา ม้วนหรือถักพันด้วย ด้ายอาจใส่ว่าน ตระกรุด หรือเครื่องรางของขลังชนิดอื่นไว้ข้างในผ้าประเจียดก็ได้ เป็นเครื่องราง คุ้มกันตัวใช้ผูกติดกับต้นแขน ตลอดเวลาการแข่งขันชกมวย ผ้ายันต์


79 ผ้ายันต์ คือผ้าดิบหรือผ้าเนื้อบางสีขาวหรือสีแดง เขียนอักขระเลขยันต์และรูปภาพต่างๆ โดย เกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเชื่อถือว่ามีคาถาอาคม แก่กล้าวิธีท้าคล้ายผ้าประเจียดแต่ผ้ายันต์มักเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พกติดตัว หรือพันเป็นผ้าประเจียดก็ได้ เสื้อยันต์ เสื้อยันต์ ใช้ผ้าดิบสีแดงหรือสีขาวตัดเป็นเสื้อกั๊กคอกลมแขนกุด เขียนอักขระเลขยันต์ และรูปภาพ ต่างๆ เช่นเดียวกับผ้ายันต์หรือประเจียด ใช้สวมทับเสื้อชนิดอื่นหรือสวมเพียงตัวเดียว ส่วนมาก นักรบจะใช้สวมใส่ยามออกศึกสงคราม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยป้องกันศาสตราวุธทุกชนิด ส่วนเวลาชก มวยไม่ค่อยสวมเสื้อยันต์ มักจะใช้เครื่องรางชนิดอื่นแทน พระเครื่อง พระเครื่อง ท้าด้วยโลหะ ผงปูน ดิน หรือาจใช้วัตถุหลายชนิดจากแหล่งต่างๆ ที่เป็นที่เคารพเชื่อถือของ ประชาชน น้ามารวมกัน บางครั้งอาจใช้เส้นผม เชี่ยนหมาก เศษจีวรของเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ผสมลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความขลัง แล้วจึงท้าพิธีพุทธาพิเศกลงเลขยันต์ คือมีพิธีกรรมที่รวมการ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย การบริกรรมคาถาอาคมต่างๆ ในขณะท้าพระเครื่องเวลาขึ้นชก


80 มวยจะพกติดตัว โดยพันไว้ในมงคล หรือผ้าประเจียด นักมวยบางคนใช้อมไว้ในปากเวลาชก วิธีนี้ ไม่ค่อยนิยมเพราะอาจเป็นอันตรายต่อตนเองได้ ตะกรุด ตะกรุด ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เช่น ทอง เงิน นาก ทองแดง หรือใบลานและกระดาษสาลง เลขยันต์ คาถาอาคม เช่นเดียวกับลงผืนผ้าเพื่อท้าประเจียด แล้วม้วนให้กลมตรงกลางเว้นช่องว่าง ส้าหรับใช้สายเชือกร้อยส้าหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขน หากใส่ในมงคลหรือ ประเจียดมักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก พิสมร พิสมร ท้าด้วยแผ่นโลหะหรือใบลานรูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์มีที่ร้อยสาย แต่โดยมากไม่ม้วนให้กลม อย่างตะกรุด ซึ่งต้องผ่านพิธีกรรมเช่นเดียวกับตะกรุด


81 พิรอด พิรอด ท้าด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวายผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า “ก้าลังพิรอด” ใช้สวมต้นแขน หรือแขวนพิรอดใช้สวมนิ้ว หากเป็นก้าไลพิรอดชนิดงู 2 ตัว กลืนหางซึ่งกันและกัน จนตายทั้งคู่เช่นเดียวกับการท้ามงคล นับว่าเป็นของวิเศษเพราะหายาก และเชื่อว่ามีอานุภาพมาก ว่าน ว่าน คือพืชที่มีสรรพคุณหลายอย่างบางชนิดใช้ในการรักษาพยาบาล ใช้รับประทานรักษาโรค บางชนิดใช้ทารักษาบาดแผล รักษาผิวหนัง บางชนิดห้ามรับประทานเพราะเป็นพิษ บางชนิดเชื่อ ว่าท้าให้ผิวหนังทนความร้อน หรือหนังเหนียว จึงนิยมน้ามาเป็นเครื่องรางของขลัง โดยการปลุก เสกคาถาอาคมเช่นเดียวกับเครื่องรางของขลังชนิดอื่น ใช้พกติดตัวใส่ในมงคล ประเจียดหรือใช้เป็น ส่วนผสมในการท้าพระเครื่อง บางคนใช้แช่น้้าดื่มก็มี


82 เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายที่เป็นส่วนปกปิดร่างกาย ได้แก่ กางเกง ในสมัยก่อนจะไม่มีกางเกงที่ใช้สวม ใส่เฉพาะเวลาขึ้นชกมวยเท่านั้น ส่วนมากนักมวยจะสวมกางเกงขาสั้นยาวประมาณแค่เข่าเป็น กางเกงที่ใช้โดยทั่วไปในชีวิตประจ้าวัน ตัวกางเกงไม่มีขอบกางเกง ใช้ผ้าขาวม้าผูกคาดเอวไว้กัน หลุด ผ้าขาวม้า ผ้าขาวม้า เป็นผ้าที่ทอด้วยด้ายฝ้าย หรือผ้าไหม รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว ประมาณ 1 เมตรครึ่ง ทอเป็นตาหมากรุกบ้างเป็นลายอื่นบ้าง ผู้ชายไทยส่วนมากจะมีผ้าขาวม้าใช้ ทุกคน ซึ่งเป็นของใช้ที่ท้าขึ้นเองในครอบครัวใช้ส้าหรับนุ่ง คาดเอว เช็ดหน้า เช็ดตัวในการแข่งขัน ชกมวย จะใช้ผ้าขาวม้าพันให้หนาคาดทับระหว่างขาใช้แทนกระจับ และคาดเอวเพื่อให้กางเกงไม่ หลุดลุ่ย เวลาขึ้นชก


83 คาดเชือก คาดเชือก การคาดเชือกเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมวยไทย คือ การคาดเชือกที่มือโดยใช้ด้ายดิบที่จับเป็น ไจ(รวมเส้นด้าย) ขนาดโตเท่าดินสอด้า ต่อกันเป็นเชือกยาวประมาณ 20 -25 เมตร ม้วนแยกไว้ 2 กลุ่ม ใช้พันสันหมัดและข้อมือ ความยาวต่างกันตามความต้องการของประเภทนักมวย การคาดเชือกจะช่วยให้กระดูกนิ้วมือไม่เคล็ดง่าย และท้าให้หมัดแข็ง น้้าหนักหมัดมีความหนักแน่น กว่าหมัดธรรมดา แต่ถ้าพันหนามาก จะท้าให้ชกอืดอาด บางส้านักครูอาจารย์จะเป็นผู้พันด้ายดิบ ให้นักมวย พร้อมบริกรรมคาถาพร้อมกันไป บางแห่งก็จะท้าพิธีปลุกเสกลงคาถาอาคมในด้าย ดิบ บางอาจารย์ใช้ด้ายตราสังศพมาใช้พันมือของนักมวย คุณลักษณะพิเศษของการคาดเชือกคือ วิธีการคาดสามารถบอกภูมิล้าเนาของส้านักมวยได้ว่าเป็น นักมวยมาจากถิ่นใด และบอกถึงลักษณะการใช้หมัดและการใช้ศอกว่าเป็นอย่างไร เช่น “มวย โคราช” เป็นนักมวยเตะและต่อยวงกว้าง จะคาดหมัดถึงข้อศอกเพื่อป้องกันการเตะ ส่วนมวย ลพบุรี เป็นที่เลื่องชื่อว่ามวย “หมัดตรง” ไม่กลัวเตะเพราะรู้เชิงป้องกัน การคาดเชือกจึงเพียงครึ่ง แขน ส่วนมวยภาคใต้ “มวยไชยา” ถนัดใช้ศอกและแขน การคาดเชือกจึงเลยข้อมือไม่มากนัก เพื่อกันเคล็ดเท่านั้น เนื่องจากจะใช้ศอกในการกระแทกล้าตัว หากบางคนต้องการพันด้ายขนาด ยาวเพราะต้องการใช้หมัดบังหน้าด้วย


84 ลักษณะการคาดเชือกของ มวยโคราช ลักษณะการคาดเชือกของ มวยลพบุรี การแต่งกายมวยไทยในสมัยปัจจุบัน( Muaythai for Sport Science .::. มวยไทย โดยนิสิตชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา ) การแต่งกายมวยไทยในปัจจุบัน จะเน้นความสวยงามของเครื่องแต่งกายนักมวย ถึงแม้ นักมวยจะสวมกางเกงเพียงตัวเดียวก็ตามในการแข่งขัน กางเกงนักมวยแต่ละคน หัวหน้าค่ายมวย จะสั่งตัดเย็บให้เป็นพิเศษของใครของมัน โดยจะปักชื่อของนักมวยและชื่อค่ายมวยไว้ที่ตัวกางเกง ด้านหน้าด้วยด้ายสีสันสดใสตัดกับสีของกางเกงเพื่อ ความโดดเด่นสวยงาม เช่น ถ้ากางเกงสีแดงก็ มักจะปักชื่อด้วยด้ายสีทอง สีเขียว หรือสีด้า เป็นต้น และถ้ากางเกงสีน้้าเงินก็มักจะปักชื่อด้วย ด้ายสีทอง สีชมพู และสีแดง เป็นต้น นักมวยคนหนึ่งจะมีกางเกงมวยส้าหรับใส่ชกอย่างน้อย 2 ตัว คือ กางเกงมวยสีแดงและสีน้้าเงินเพราะในการแข่งขันชกมวยเราไม่สามารถก้าหนดมุมเองได้จึง ต้องมีกางเกงเตรียมไว้ทั้งสองมุม โดยกางเกงมวยส้าหรับใส่ขึ้นชกนั้นจะถูกเก็บรักษาอย่างดีให้ใหม่


85 และสวยอยู่เสมอ เนื่องจากมีราคาแพงและการที่นักมวยสวมกางเกงมวยใหม่ๆ และสีสันสวยงาม จะเป็นหน้าตาของค่ายมวยอีกด้วย การแต่งกายมวยไทยในปัจจุบัน จะมีองค์ประกอบคล้ายกับมวยไทยสมัยโบราณ คือ มีส่วน ที่เป็นเสื้อผ้าและอุปกรณ์การป้องกันร่างกาย กับส่วนที่เป็นเครื่องรางของขลัง แต่จะแตกต่างตรง รูปแบบและวัสดุที่ใช้ในการผลิต และอุปกรณ์ที่ก้าหนดขึ้นใหม่เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆดังนี้ เครื่องรางของขลัง เครื่องรางของขลังที่นักมวยไทยในสมัยปัจจุบัน ยังคงใช้เป็นเครื่องแต่งกายอยู่ ได้แก่ มงคลและ ประเจียด ซึ่งมงคลนั้นนักมวยจะสวมไว้บนศีรษะตั้งแต่แต่งตัวเสร็จจนขึ้นเวที และจะถอดออก เมื่อท้าพิธีไหว้ครูและร่ายร้ามวยไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเจียดนักมวยสามารถคาดไว้ที่ต้นแขน ตลอดเวลาการชกแข่งขันได้ เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายนักมวยไทยสมัยปัจจุบัน ประกอบด้วย ผ้าพันมือ ผ้าพันมือ การพันมือ หมายถึง การใช้ผ้าพันรอบมือก่อนสวมนวมเพื่อเข้าชกมวย เพื่อป้องกันไม่ให้มือได้รับ อันตราย ผ้าพันมือเป็นผ้าเนื้ออ่อน เล็กประมาณ 1.30 นิ้ว ยาวไม่น้อยกว่า 6 ฟุต พี่เลี้ยงและครู มวยให้นักมวยนั่งในท่าที่สบายที่สุด ให้คว่้ามือและเหยียดให้นิ้วมือตรง ควรมีพี่เลี้ยงคอยประคอง แขน เพื่อไม่ให้นักมวยใช้ก้าลังแขนมาก พี่เลี้ยงเป็นผู้พันมือ เริ่มพันผ้าโดยพันให้ค่อนข้างตึง พันให้ เหลื่อมและห่างจากข้อมือประมาณ 3 นิ้ว พันราว 6-7 รอบ บางคนนิยมเจาะผ้าให้เป็นรูโดยคล้อง เข้ากับหัวแม่มือ เพื่อกันการคลายหลุดออก แล้วจึงพันข้อมือและหลังมือ เมื่อพัน ถึงหัวแม่มือก็พัน ย้อนไปทางข้อมือจนถึงฝ่ามือพันประมาณ 2-3 รอบ ให้นักมวยลองก้าหมัดดูหลายๆ ครั้ง ส้าหรับ บริเวณสันหมัด ซึ่งเป็นส่วนส้าคัญพันสัก 2-3 รอบ ควรพันย้อนไปทางข้อมือทุกครั้ง เพื่อให้ผ้าได้ กระชับกับฝ่ามือไม่เลื่อนหลวมคลายออก และเป็นการแน่ใจว่าการพันมือนี้ไม่แน่นจนเกินไป แล้ว


86 พันต่อไปจนเหลือผ้าอีกประมาณ 20 นิ้ว ให้ฉีกตรงกลางออกเป็น 2 ส่วนขมวดไว้เป็นเงื่อนหรือผูก ไว้กลางฝ่ามือ แล้วให้นักมวยก้าหมัดดูอีกครั้งจึงใช้ผ้ายางปิดทับเงื่อนนั้น สนับศอก ปลอกรัดเท้า กระจับ กางเกง นวม ฟันยาง


87


88 เครื่องแต่งกายมวยไทยปัจจุบัน


89 บทสรุป บทที่ 3 ประเพณีและวัฒนธรรมของศิลปะมวยไทย มวยไทยเป็นศิลปะวัฒนธรรมประจ้าชาติไทย มวยไทย เป็นวัฒนธรรมไทย จากการละเล่น พัฒนามาสู่การเป็นกีฬา ปัจจุบันมวยไทย ไปสู่สากลระดับนานาชาติ เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ประเพณีและวัฒนธรรมของศิลปะมวยไทย ประกอบไปด้วย การแต่งกายด้วยกางเกงมวยไทย ผสมผสานไปด้วยประเพณี 4 ผูก ผูกที่ 1 ที่ศีรษะ เรียกว่ามงคล ผูกที่ 2 ที่ต้นแขนทั้งสองข้าง เรียกว่าประเจียด ผูกที่ 3 ที่มือหรือหมัดเรียกว่า คาดเชือกหรือผ้าพันมือ ผูกที่ 4 สุดท้ายส้าคัญ ที่สุด คือการผูกจิตผูกใจ ต้องมีใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ประเพณีวัฒนธรรมของมวยไทย อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เป็นศิลปะ คือการร่ายร้าไหว้ครู ก่อนที่จะท้าการแข่งขัน เป็นการร้าลึกถึง พระคุณของ ครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา เข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ การกีฬาคือการอบอุ่น ร่างกายนั่นเอง ประเพณีอันดีงามของศิลปะมวยไทยคือพิธีกรรม พิธีกรรมด้านศิลปะมวยไทย มี 3 ขั้นตอนด้วยกันคือ 1 ยกครู หมายถึงการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างครูกับศิษย์ คนที่จะมา ฝึกซ้อมหรือมอบตัวเป็นศิษย์ 2 ขึ้นครู จะยึดถือในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันครู เมื่อครูเห็นสมควรว่า ศิษย์ได้รับการไว้วางใจได้พัฒนาเรียนต่อไป จะต้องน้า ดอกไม้มาบูชาครู เพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ที่ดี งามให้ครูได้อบรมสั่งสอนต่อไป 3 ครอบครู พิธีกรรมครอบครู หมายถึงว่าศิษย์เมื่อเรียนจบ หลักสูตรของไม้มวยไทยไปแล้ว จ้าเป็นจะต้องมาให้ ครูผู้สอนครอบครูให้ โดยใช้มงคลเป็นสื่อใน พิธีกรรมครอบครู พร้อมครูเจิม ที่อุนาโลม และให้ศีลให้พรแก่ศิษย์ เพื่อไปเป็นครูที่ดีต่อไป การ ควบครอบครู ถือว่าเป็นพิธีกรรม ที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดีงาม มวยไทยจึงมีประเพณีการไหว้ ครูประจ้าปีด้วยเช่นกัน อาจน้าวันส้าคัญมาปฎิบัติในวันไหว้ครูประจ้าปีได้เช่นวันที่ 6 กุภาพันธ์เป็น วันมวยไทย หรือวันที่17 มีนาคมเป็นวันนักมวยไทยนักมวยไทยจะไหว้ครูเคารพครูนักมวยผู้น้อง จะไหว้ศิษย์ผู้พี่ การไหว้ถือว่าเป็นแบบอย่างวัฒนธรรมไทยที่สง่างามวัฒนธรรมที่เป็นศิลปะประจ้า ชาติ เป็นภูมิปัญญาไทย ที่สืบทอด มายาวนาน


Click to View FlipBook Version