The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by reco.zpo, 2021-03-30 05:42:50

คู่มือนกหว้า สวนสัตว์สงขลา

คู่มือนกหว้า

Keywords: นกหว้า

1. หลังจากนำออกจากการกกไปเลี้ยงในระยะไก่รุ่นควรเสริมโปรตีน
เพราะลูกนกระยะนี้มีการเพิ่มของน้ำหนักอย่างรวดเร็ว จึงค่อยๆปรับเปลี่ยน
อาหารโดยค่อยๆปรับเปลี่ยนไปโดยผสมกับอาหารเดิมกับอาหารใหม่เพื่อให้
ลูกนกหวา้ ปรบั ตัวและค้นุ เคยกบั อาหารใหม่

2. ควรมีอาหารเสริมประเภทเมล็ดพืชหรืออาหารนกเขาและเสริม
โปรตีน เชน่ ปลวก, จิง้ หรดี , หนอนนก และผลไม้สุกเช่น มะละกอ และกล้วย
เป็นตน้

3. การให้วิตามินละลายน้ำให้กินสัปดาห์ละครั้ง และทุกๆครั้งท่ี
อากาศเปลีย่ นแปลง หรือหลงั จากทำการขนย้ายหรอื เปลย่ี นกรง

4. ลูกนกหว้าระยะนี้มีการบินจับคอนนอนในตอนกลางคืน ดังนั่น
ภายในกรงควรมคี อนสำหรับลูกนกหวา้ ระยะนี้

5. จดั อาหารทสี่ ดใหม่ทกุ วนั ในตอนเช้าในปริมาณท่ีพอเหมาะและให้
อาหารเสริมเพื่อลดความเครียดในช่วงบ่ายลูกนกต้องใช้เวลา 2 - 3 ปี จึงจะ
โตเต็มวัย นกหว้าตัวผู้จะโตเต็มวัยเมื่ออายุ 3 ปี ตัวเมียจะโตเต็มวัยเร็ว
กวา่ ตวั ผู้

ลกู นกหว้าระยะไก่รุ่น
ลูกนกหว้าระยะไก่รุ่นเป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ (ภาพที่

34) จนถึงอายุ 3 ปี ลูกนกหว้าในระยะนี้เจริญเติบโตได้อยา่ งรวดเรว็ ขนาดตัว
ใกล้เคียงกับพ่อแม่พันธุ์และสามารถแยกเพศได้อย่าชัดเจน ตัวผู้หางคู่กลาง
จะยาวออกมามสี ีน้ำตาลเข้มมลี ายสขี าวเปน็ จุดๆ กระจายเต็มขน ตวั เมียจะมี
ขนหางทีส่ ัน้ มีสีเป็นสีนำ้ ตาลแดงไม่มีลายจดุ สีขาวขึน้ มาแซม อีกท้ังบริเวณหัว
ทเี่ ห็นไดจ้ ัดเจนมีลกั ษณะเชน่ เดียวกับพอ่ แม่พนั ธุ์ (ภาพที่ 35 )

45

ภาพท่ี 34 แสดงลูกนกหวา้ ระยะไก่รนุ่ อายุ 6 สปั ดาห์

ลูกนกหว้าตวั ผู้ ลูกนกหว้าตวั เมยี

ภาพที่ 35 แสดงลูกนกหวา้ ระยะไก่รุ่น

46

การส่งเสริมพฤตกิ รรม

พฤติกรรม (Behavior) หมายถงึ การกระทำ หรือการแสดงออกของ
สัตว์ เพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า รวมทั้งสิ่งที่มากระตุ้นอาจจะเกิดขึ้นทันทีหรือ
เกิดขึ้นภายหลังที่มากระตุ้น ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมคือ ยีนและ
สง่ิ แวดล้อม สามารถจำแนกพฤตกิ รรม ได้ 2 ประเภท คือ

1. พฤตกิ รรมที่มมี าแต่กำเนิด แสดงออกเพ่อื ตอบสนองต่อส่งิ เร้าเป็น
พฤตกิ รรมทีม่ ีมาแต่กรรมพนั ธแ์ุ สดงออกโดยไมต่ ้องมีการเรียนรู้

2. พฤติกรรมการเรียนรู้สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์เช่น
พฤติกรรมความเคยชิน, พฤติกรรมการฝังใจ, พฤติกรรมการเรียนรู้แบบมี
เงื่อนไข และพฤติกรรมการลองผดิ ลองถกู เป็นต้น

การส่งเสริมพฤติกรรมเป็นการกระตุ้นพฤติกรรมที่มีมาแต่กำเนิด
และเสริมสร้างพฤติกรรมการเรียนรู้ของสัตว์ภายในกรงเลี้ยงอีกทั้งการลด
ความเครยี ดให้กบั สตั ว์ปา่ (ภาพท่ี 36) สามารถแบ่งได้ 2 วธิ ี คอื

1. การส่งเสรมิ พฤติกรรมแบบใช้อาหาร เชน่ การปรับเปลี่ยนอาหาร
ของสตั วใ์ นสภาพกรงเล้ียงให้แตกต่างจากทุกๆวัน เพอื่ ลดความจำเจของชนิด
อาหารอีกทั้งเพิม่ คุณประโยชนข์ องสารอาหารใหค้ รบถ้วน

2. การส่งเสริมพฤติกรรมแบบไม่ใช้อาหาร เช่นการปรับเปลี่ยน
สภาพแวดล้อมภายในกรงเลี้ยง, การเปลี่ยนจุดให้อาหาร, การหาอาหารด้วย
ตัวเองโดยการนำอาหารไปหลบซ่อน และการเพิ่มของเล่นเพื่อสร้างกิจกรรม
ใหม่ๆภายในกรงเล้ยี งเป็นต้น

47

เสริมหนอนนกแอบในฝกั ข้าวโพด

r

จิ้งหรีดในลกู มะพร้าว

48

เสริมลกู หว้า

ภาพท่ี 36 แสดงการส่งเสรมิ พฤติกรรม

49

การตรวจสุขภาพ

การตรวจสุขภาพในนกหว้าเป็นการป้องกันการเกิดโรคในนกหว้า
ทำการตรวจในทุกๆ 3 เดอื น โปรแกรมการตรวจสุขภาพประกอบไปด้วยการ
ตรวจหาพยาธภิ ายใน และการตรวจพยาธภิ ายนอก

1. การตรวจพยาธิภายใน
คือ พยาธิที่อาศัยอยู่ภายในตัวของนกหว้าที่ส่งผลต่อลำไส้ ส่งผล

เสียทำให้นกหว้าอ่อนเพลีย ซูบผอม โตช้า ท้องเสีย และอัตราการไข่ลดลง
การตรวจหาพยาธิภายในทำการตรวจจากการเก็บอุจจาระของนกหว้า
(ภาพที่ 37) ทำการตรวจและวิเคราะห์ผลภายในห้องปฏิบัติการปรสิตวิทยา
พบพยาธภิ ายใน ไดแ้ ก่ Hookworm และ Coccidia โดยคำนวณปรมิ าณของ
ยาที่ใช้จากน้ำหนักตัวของนกหว้าใช้วิธีการยอดยาเข้าไปในปากของนกหว้า
(ภาพที่ 38) ยาในการรักษาคือตัวยา Fenbendazole 10 เปอร์เซ็นต์
(ภาพที่ 39) สรรพคุณของตัวยาใช้กำจัดพยาธิตัวกลมพยาธิตัวแบนใน
ทางเดินอาหาร และพยาธใิ นหลอดลมของสตั ว์

50

ภาพท่ี 37 แสดงการเก็บอจุ จาระของนกหว้า

ภาพที่ 38 แสดงการยอดยาเข้าไปในปากของนกหว้า

51

ภาพท่ี 39 แสดงตวั ยา Fenbendazole
10 เปอรเ์ ซ็นต์

2. การตรวจพยาธภิ ายนอก
คือพยาธิที่อาศัยอยู่ภายนอก หรือปรสิตต่าง ๆ จะอาศัยอยู่ตาม

ผิวหนังและขนไก่ซง่ึ เปน็ พาหะของโรคต่าง ๆ ไรจะดดู เลือดกัดกนิ ผิวหนังหาก
ทิ้งไว้นานสุขภาพจะทำให้สุขภาพอ่อนแอลง โลหิตจางและยังส่งผลให้ความ
ต้านทานในโรคลดลง การกำจัดไรจึงเป็นเรื่อง ที่สำคัญในการเพาะเลี้ยงสัตว์
ปีกในสภาพกรงเลี้ยง โดยใช้ชนิดยา ivomec (ภาพที่ 40) หยดบนหลัง 2-3
หยด บนหลงั ของนกหวา้ (ภาพท่ี 41)

การกำจดั ใชโ้ ซดาไฟผสมนำ้ พน้ และราดตามพ้นื กรง ใหก้ รงมีแดด
สอ่ งถึงเพื่อกำจดั การแพร่ระบาดของไข่ ระยะตวั ออ่ น และตวั เตม็ วยั

52

ภาพท่ี 40 แสดงตัวยา ivomec ภาพที่ 41 แสดงการหยดยา ivomec

การขนยา้ ย

การจับนกหว้าในบางครั้งมีความจำเป็นจะต้องจับเช่นเพื่อจับคูผ่ สม
พันธุ์ การเปลี่ยนกรงเลี้ยง และการรักษาในการจับนั้นควรมี อุปกรณ์ในการ
จับทม่ี ีความเหมาะสมกบั ชนิดสัตวเ์ พื่อลดการเกิดบาดแผลระหว่างการจบั ไม่
ควรไล่จับด้วยมือเปล่าควรมีสวิง และผ้า สวิงไม่ควรเป็นเชือกไนลอนเพราะ
เชือกไนลอนมีความคมทำให้ขนหลดุ ร่วงและเกดิ บาดแผลได้ สวงิ ควรเป็นสวิง
ผ้าขนาดสวิงไม่เล็ก หรือใหญ่จนเกินไปควรมีขนาดที่พอเหมาะกับขนาดสัตว์
ผ้าขนหนูหรือผ้ามนั ลื่นสำหรบั จับ และห่อบริเวณปีกเพือ่ ป้องกันการดิ้นหลุด
ในขณะอมุ้ การขนยา้ ยควรเปน็ ช่วงเวลาทม่ี อี ากาศไม่ร้อนเพอื่ ลดความเครียด
ในสัตว์ กรงสำหรบั ขนย้ายควรเป็นกรงทม่ี ขี นาดพอดีกับตัวสัตว์ตวั ผู้ท่ีมีหางยาว
ให้ใช้กล่องที่ยาวพอดี ไม่ให้หางพับหักได้อาจใช้เป็นกล่องกระดาษ หรือลังไม้
(ภาพท่ี 42)

53

มีช่องระบายอากาศได้สะดวกควรใส่ 1 กรงต่อ 1 ตัวเท่านั้น และก่อนการขนย้าย
ควรเสริมวิตามนิ รวมละลายในน้ำให้กนิ กอ่ น 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดความเครยี ด
และปอ้ งกนั การเปน็ หวัดในขณะขนยา้ ย

กล่องกระดาษ ลงั ไม้

ภาพที่ 42 แสดงกลอ่ งขนยา้ ย

54

เอกสารอ้างองิ

เฉลยี ว สุขเจริญ. (2523) . การเลีย้ งนกหว้า. เอกสารการสัมมนาเรื่องสัตว์ป่า
เมอื งไทย. คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์

ณรงค์ จนั ทนส์ ุคนธ์. (2534). ไก่ฟา้ .สมาคมอนุรกั ษ์ไก่ฟ้าแหง่ ชาต.ิ กรงุ เทพฯ.

บุญส่ง เลขะกุล. (2545). ธรรมชาตินานาสัตว์. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ.
อัมริทร์พร้ินติง้ กร้พุ .

ยพุ าพร สรุ พันธ์พิทักษ์ และสมพงค์ วิณกิ สมั บนั . (มปป).การศึกษาความชอบ
และความต้องการโภชนะสำหรับนกหว้าโดยให้อาหารแบบการเลือก
กินอสิ ระวารสารสตั ว์ป่าเมอื งไทย, 120-132.

สมพงค์ บุญสนอง. (2554).โลกของไก่ฟ้า สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสวน
กวาง จงั หวัดขอนแกน่ . ม.ป.ท.

สวสั ด์ิ วงศ์ถิรวฒั น์. (2531). นกหวา้ ไก่ฟา้ งามแหง่ โตนงาช้าง. สารคดี. 4(38),
93-100.

สธุ ิดา สทั ธรรมวไิ ล. (2547). พฤติกรรมของนกหวา้ Argusianus argus
Linnaeus, 1766 ในสภาพการเพาะเลยี้ ง. กรงุ เทพฯ:จฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย

โอภาส ขอบเขต. (2541). นกในเมอื งไทย (เล่มท1่ี ). สำนักพิมพส์ ารคดี.
กรงุ เทพฯ

55

Delacour, J. (1977). The Pheasants of the World. Second edition.
London: Spur Publication and The World Pheasant
Association.

Johnsgard, P. A. (1999). The Pheasants of the World: Biology and
Natural History. Second edition. Washington, D. C.:
Smithsonian Institution Press.

Nijman, V. (1998). Habitat preference of Great Argus Pheasant
(Argusianus argus) in Kayan Mentarang National Park, East
Kalimantan, Indonesia. J. Ornithol. 139: 313-323.

56

กติ ติกรรมประกาศ

งานวิจัยฉบับนี้จะเสร็จสมบูรณ์ไม่ได้หากไม่ได้รับการอนุเคราะห์
สนับสนุนงบประมาณแผ่นดินจากสำนักอนุรักษ์และวิจัย องค์การ
สวนสัตว์ในพระบรมราชปู ถมั ภ์

ขอขอบคุณ ดร. เฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์
สงขลา ที่ให้การอำนวยความสะดวกแกข่ ้าพเจ้า และทีมงานวิจยั ฝ่ายอนุรักษ์
วจิ ยั และสุขภาพสตั ว์ สวนสตั ว์สงขลาในการทำการศึกษางานวจิ ัยในครงั้ น้ี

ขอขอบคุณ นายสมพงค์ บุญสนอง หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสตั ว์ป่า
ภูเขียว ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ที่ให้ความอนุเคราะห์
ในการเข้าศึกษาดงู านและเกิดประโยชน์ในการดำเนินงานในครัง้ นี้ แก่ทีมงาน
วิจยั ฝ่ายอนุรักษ์ วจิ ยั และสุขภาพสตั วส์ วนสตั ว์สงขลา

ขอขอบคุณ นางสาวสุรีรัตน์ ประเสริฐสาร ตำแหน่งนักวิชาการ
สัตวบาลสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว ตำบล ทุ่งลุยลาย อำเภอ คอนสาร
จังหวัดชัยภูมิ ในการให้คำปรึกษาแนะนำแนวทาง วิธีการและขั้นตอน
การศกึ ษา

ขอขอบคุณ นายอภิสิทธ์ ปิดทอง หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า
เขาสอยดาวตำบลทับไทร อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ที่ให้ความ
อนเุ คราะห์ในการเขา้ ศึกษาดูงานและเกิดประโยชน์ในการดำเนินงานในครัง้ นี้

ขอขอบคุณ ทีมงานวิจัย ฝ่ายอนุรักษ์ วิจัย และสุขภาพสัตว์
สวนสัตว์สงลา ทุกท่านที่คอยให้ความช่วยเหลือ และร่วมกันทำงานจนทำให้
งานวจิ ยั รฉบับนีส้ ำเร็จลุล่วงไปดว้ ยดี

คณะผดู้ ำเนนิ งานวิจัย


Click to View FlipBook Version