เอกสารประกอบการเรียน
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑
เลม่ ที่๑ เรอ่ื ง ความรู้เบอื้ งตน้ เกย่ี วกบั ทัศนศิลป์ ๑
นางสาวอรพรรณ อ้ึงมเี จริญสขุ ดี
โรงเรยี นอนุบาลกบนิ ทร์บรุ ี
สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาปราจีนบรุ ีเขต ๒
สานกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ
คานา
เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาทศั นศลิ ป์ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ
รหสั ศ ๒๑๑๐๑ สาระทัศนศิลป์ สาหรบั นกั เรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ เลม่ ท่ี ๑
เรือ่ งความร้เู บ้ืองต้นเก่ยี วกับทศั นศิลป์๑ จัดทาขนึ้ เพือ่ ส่งเสรมิ ให้นักเรียนเกิดความคิด
สร้างสรรค์ และฝึกปฏบิ ตั ิเพื่อให้เกิดทกั ษะทางดา้ นศลิ ปะ รู้จักการสร้างสรรค์ทศั นศิลป์
ในระดบั การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน มีความรบั ผดิ ชอบ เกิดความรู้ ความเข้าใจ ตลอดจนได้มี
โอกาสเรียนรู้ตามความสามารถของตนเองและสามารถ นาความรไู้ ปใช้ในชีวิตประจาวัน
ขอขอบพระคุณผทู้ ่ีมีสว่ นสนบั สนนุ ใหเ้ อกสารประกอบการเรียนชดุ น้ปี ระสบผล
สาเร็จและหวังเปน็ อยา่ งยง่ิ ว่าเอกสารประกอบการเรยี นเล่มนจี้ ะเป็นประโยชนต์ ่อนกั เรียน
ผสู้ นใจและครผู สู้ อน วชิ าทศั นศิลป์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ต่อไป
อรพรรณ อ้ึงมีเจริญสขุ ดี
ข
สารบญั
เรือ่ ง หนา้
คานา........................................................................................................... ....... ก
สารบญั ....................................................................................................... ........ข
สารบญั ภาพ............................................................................................... ......... ค
คาแนะนาในการใชเ้ อกสารประกอบการเรียน............................................. .......๑
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด..............................................................................๑
จุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .......................................................................................๒
สาระการเรยี นร.ู้ ....................................................................................... ..........๓
กระดาษคาตอบ........................................................................................... ......๔
แบบทดสอบก่อนเรียน........................................................................... ............๕
ใบความรทู้ ี่ ๑................................................................................................ ..... ๘
ใบความรู้ท่ี ๒............................................................................................. ........ ๑๐
ใบความรู้ที่ ๓........................................................................................... .......... ๑๒
ใบความรทู้ ่ี ๔.......................................................................................... ...........๒๐
แบบฝึกหัดที่ ๑........................................................................................... ........๒๒
แบบฝึกหดั ท่ี ๒............................................................................................ .......๒๓
แบบฝกึ หัดที่ ๓......................................................................................... ..........๒๕
แบบทดสอบหลังเรียน.................................................................................. ......๒๖
บรรณานุกรม............................................................................................. ......... ๒๙
เฉลยแบบฝึกหัดที่ ๑..................................................................................... ...... ๓๐
เฉลยแบบฝึกหดั ที่๒....................................................................................... .....๓๑
เฉลยแบบฝกึ หัดที่๓............................................................................... ............. ๓๓
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลังเรียน......................................................... .......๓๔
๑
คาแนะนาในการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น
สาระทัศนศิลป์
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
๑. เอกสารประกอบการเรยี นเล่มน้ปี ระกอบด้วย แบบทดสอบก่อนเรียน เนอ้ื หา
แบบฝกึ หดั ทา้ ยเล่มแบบทดสอบหลังเรียนเฉลยแบบฝกึ หัดและเฉลย
แบบทดสอบหลังเรยี น
๒.ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นแล้วอ่านใบความรจู้ ากน้นั ให้ทา
แบบฝึกหดั แล้วตรวจคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม
๓. ให้ทาแบบทดสอบหลังเรียนแล้วตรวจคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม
๔. สรปุ ผลทไ่ี ด้ลงในกระดาคาตอบเพือ่ ทราบผลการเรียน
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
สาระท่ี ๑:ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ๑. ๑ :สรา้ งสรรคง์ านทัศนศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณค์ ณุ ค่างานทศั นศิลปถ์ า่ ยทอดความรูส้ กึ ความคดิ ต่องาน
ศิลปะอยา่ งอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน
ตวั ชว้ี ดั ศ๑.๑ ม.๑/๑บรรยายความแตกต่างและความคลา้ ยคลึงกันของงานทศั นศิลป์
และสงิ่ แวดลอ้ มโดยใชค้ วามรเู้ ร่อื งทัศนธาตุ
๒
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้
๑. นกั เรียนสามารถบอกความหมายของศิลปะและทศั นศลิ ป์ไดถ้ ูกตอ้ ง
๒. นกั เรยี นสามารถอธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งทศั นศลิ ป์กบั ศิลปะไดถ้ ูกต้อง
๓. นกั เรยี นสามารถอธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งศลิ ปะกับมนุษย์ไดถ้ กู ต้อง
๔. นักเรียนสามารถอธิบายประเภทของงานทศั นศลิ ปไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
๕. นกั เรียนสามารถบอกลักษณะของทศั นศิลป์ได้ถูกต้อง
๖. นกั เรียนสามารถบอกวตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาวชิ าทศั นศลิ ป์ได้ถกู ต้อง
ด้านทักษะ/กระบวนการ
๑. นักเรียนมีทกั ษะดา้ นการสือ่ สาร การส่ือความหมายและการนาเสนอ
๒. นักเรียนมคี วามสามารถด้านทักษะการคิดสรา้ งสรรค์
๓. นกั เรยี นมคี วามสามารถดา้ นทกั ษะ แกป้ ญั หา การปฏิบตั ิงาน
๔. นกั เรียนมีความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
๕. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการตอบคาถามและมีกระบวนการทาวานกลมุ่
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
๑. มีความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
๒. มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง
๓. ม่งุ มั่นในการทางาน
๔. รักความเปน็ ไทย
๕.มีเจตคติทีด่ ตี ่อศลิ ปะ
๓.๓.๕ มจี ิตสาธารณะ
๕. นักเรียนมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๓
สาระการเรียนรู้
เอกสารประกอบการเรยี น
สาระทัศนศลิ ป์
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
เรือ่ งที่ ๑ ความร้เู บ้อื งต้นเก่ยี วกับทัศนศิลป์ ๑
ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ ดังน้ี
๑. ความหมายของศลิ ปะและทัศนศลิ ป์
๒. ประเภทของศิลปะ
๓. ศิลปะสาขาทศั นศลิ ป์
๔. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างศิลปะกับมนษุ ย์
๔
กระดาษคาตอบ เอกสารประกอบการเรียน
เล่มท่ี ๑ เร่อื ง ความรเู้ บอื้ งตน้ เก่ยี วกับทัศนศลิ ป์ ๑
ชอื่ ......................................นามสกลุ ..................................เลขที่...........
ข้อท่ี ทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรยี น ง
๑. กขค
๒.
๓. คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้
๔. ๑๐
๕. ๑๐
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐.
สรปุ ผลการเรยี น
แบบทดสอบ
กอ่ นเรียน
หลังเรยี น
๕
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
สาระทัศนศิลป์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ
เลม่ ที่ ๑ เร่อื ง ความรู้เบอื้ งตน้ เกีย่ วกับทศั นศิลป์ ๑
คำชีแ้ จงใหเ้ ขียนเคร่ืองหมาย ทบั ตวั อกั ษรหนา้ คาตอบที่ถกู ตอ้ ง
๑. ขอ้ ใดกลา่ วถงึ ความหมายของศิลปะไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. สง่ิ ทส่ี วยงาม
ข. การสรา้ งสรรค์
ค. ส่ิงทีม่ นษุ ย์สร้างขน้ึ
ง. สิ่งท่ีมนุษยส์ รา้ งขึ้นจากความพึงพอใจ
๒. จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพมิ พ์ จดั อยู่ในศิลปะสาขาใด
ก. โสตศลิ ป์
ข. ทัศนศลิ ป์
ค. ประยกุ ตศ์ ิลป์
ง. อุตสาหกรรมศลิ ป์
๓. ประติมากรรม หมายถงึ การสรา้ งสรรค์งานดว้ ยวิธใี ด
ก. การขูด ขดี ลาก
ข. การตกแตง่ ลวดลาย
ค. การปน้ั การแกะสลัก การหลอ่
ง. การออกแบบก่อสร้างอาคารตา่ งๆ
๖
๔. ข้อใดตอ่ ไปน้ีเป็นสถาปัตยกรรมแบบปิดทีส่ ร้างข้ึนเพ่ือตอบสนองความเชื่อความ
ศรทั ธาทางศาสนา
ก. โบสถ์
ข. เทวรูป
ค. ศาลาการเปรียญ
ง. พระธาตดุ อยสเุ ทพ
๕. ภาพพมิ พพ์ ้ืนราบ มีลักษณะอย่างไร
ก. เป็นกระบวนการพิมพท์ ี่ได้ภาพพิมพ์ตรงกบั แม่พมิ พ์
ข. เป็นกระบวนการพมิ พ์ทีน่ าเอาแผ่นหนิ มาเปน็ แม่พมิ พ์
ค. เปน็ กระบวนการสรา้ งแมพ่ มิ พ์โดยการทาให้เกิดสว่ นลกึ และส่วนนูน
ง. เป็นกระบวนการสร้างแม่พิมพ์โดยการสร้างภาพหรอื รวิ้ รอยลงบน
แม่พมิ พ์
๖. บานประตูไมแ้ กะสลักเป็นประตมิ ากรรมแบบใด
ก . นนู ตา่
ข . นูนสูง
ค. ลอยตวั
ง. พนื้ ราบ
๗. การเขยี นภาพด้วยสนี ้าเป็นงานทัศนศิลปป์ ระเภทใด
ก. ภาพพมิ พ์
ข. จิตรกรรม
ค. ประติมากรรม
ง. สถาปัตยกรรม
๘. งานป้นั ท่ีสามารถมองเหน็ ได้รอบด้านคือการป้ันแบบใด
ก. แบบอิสระ
ข. แบบลอยตวั
ค. แบบนนู ต่า
ง. แบบนนู สูง
๗
๙. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของงานภาพพิมพ์
ก. ภาพพมิ พล์ อยตวั
ข. ภาพพมิ พ์ผิวนูน
ค. ภาพพิมพพ์ นื้ ราบ
ง. ภาพพมิ พฉ์ ากพมิ พ์
10. ภาพท่มี นษุ ยใ์ นสมัยโบราณมักวาดดว้ ยส่ิงใด
ก. ใบไม้
ข. กง่ิ ไม้
ค. ดนิ เหนียว
ง. ถา่ นไม้และสผี สมกบั ไขมนั สัตว์
๘
ใบความรทู้ ี่ ๑
เรือ่ ง ความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์
จุดประสงค์ นักเรียนสามารถบอกความหมายของคาว่า“ศลิ ปะ”ไดถ้ ูกตอ้ ง
ศิลปะ(Art) เปน็ คาที่มคี วามหมายกวา้ งขวางครอบคลมุ พฤติกรรมการแสดงออกและ
การสรา้ งสรรค์ทุกๆดา้ นของมนุษยซ์ ึ่งนักปราชญน์ ักการศึกษา ผรู้ ู้ และผู้เชยี่ วชาญ ได้กาหนด
ความหมายหรือคานยิ ามของคาว่า“ศิลปะ”ไว้ดว้ ยเหตุผลต่างๆ ดงั น้ี
ศาสตราจารย์ศลิ ป์ พรี ะศรี ให้ความหมายของคาว่า ศลิ ปะ หมายถงึ
งานอนั เป็นความพากเพียรของมนษุ ย์ ซึง่ ต้องใชค้ วามพยายามด้วยมือและความคดิ เชน่
ตัดเส้ือ สรา้ งเครื่องเรือน ปลกู ต้นไม้ เปน็ ตน้
ภาพท๑ี่ : ศาสตราจารยศ์ ลิ ป์ พรี ะศรี
ท่มี า: http://www.google.co.th/search?q=ศิลป์+พรี ะ
ศร&ี biw=๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ศาสตราจารย์พเิ ศษ อารี สทุ ธพิ นั ธุ์
ใหค้ วามหมายว่า “ศลิ ปะ หมายถงึ การรจู้ ักเขา้ ใจถ่ายทอดธรรมชาติท่ีเห็นด้วยจิตนาการ
และความคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยการเขา้ ใจเลอื กวสั ดุทเ่ี หมาะสมเพ่อื ใหเ้ กิดเป็นรูปแบบใหม่”
ภาพท๒่ี : ศาสตราจารยพ์ ิเศษ อารี สทุ ธิพันธุ์
๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า : http://www.google.co.th/search?tbm=
๙
อรสิ โตเติล (Aristotle) นักปราชญใ์ นยุคกรีกโบราณนิยามความหมาย
ของศลิ ปะวา่ ศิลปะคอื สงิ่ ท่มี นุษย์เลยี นแบบจากธรรมชาติ
ภาพท๒ี่ :อริสโตเติล (Aristotle) ๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: http://www.google.co.th/search?q=
อรสิ โตเตลิ &source=lnms&tbm
ตอลสตอย (Leo tolstoi) นักประพนั ธ์ทีม่ ชี ่อื เสยี งชาวรัสเซีย นยิ ามความหมาย
ของศิลปะวา่ ศิลปะ คือ การถ่ายทอดความรูส้ กึ ของมนุษย์
ภาพท๔ี่ :ตอลสตอย ( Leo tolstoi)
๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: http://www.google.co.th/search?q=
ส่วนคาวา่ ทัศนศิลป์(Visual art)คือคาศัพทท์ ่ีจาแนกเพ่ือความแตกตา่ งหรอื แยกลักษณะ
การรับรู้ของมนุษยท์ างดา้ นศิลปะใหช้ ดั เจนมากขึ้น เพราะผลงานทางด้านทัศนศลิ ปจ์ ะถกู ผนวก
รวมเข้าและถอื เปน็ สว่ นหนึง่ ของงาน “วิจิตรศลิ ป์”ซึง่ เปน็ งานที่มีความละเอียดประณีตบรรจง
และงดงามเท่านั้น
สรปุ ได้ว่า ศิลปะเป็นผลงานการสรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย์ ในทกุ ๆ ดา้ น ทง้ั การกระทา
การพดู การเขยี นและเกดิ ผล ในทางสรา้ งสรรค์ ที่ดงี าม เหมาะสมกบั กาลเทศะ และมนษุ ย์ทุกคน
ก็มคี วามสามารถในทางศิลปะ ต้องเกยี่ วข้อง และตอ้ งนาศิลปะไปใช้
กับชีวิตประจาวนั อยู่ตลอดเวลาท้งั ทางตรงและทางอ้อม
๑๐
ใบความรทู้ ่ี ๒
เรื่อง ประเภทของศิลปะ
จดุ ประสงค์ นักเรียนสามารถบอกประเภทของศลิ ปะได้ถกู ตอ้ ง
ประเภทของศิลปะมหี ลายประเภท โดยนักวชิ าการไดแ้ บ่งออกเปน็ ๔ ประเภทใหญๆ่
ดงั นี้
๑. วจิ ติ รศลิ ป์ ( Fine Art) หมายถงึ ศลิ ปะทสี่ ร้างสรรคข์ ้ึนด้วยสติปญั ญา ความรูส้ กึ อนั
ประณีตละเอียดอ่อน โดยมุ่งหมายให้เกิดความรู้สกึ นกึ คดิ จนิ ตนาการ เสริมสร้างสตปิ ญั ญา
มากกวา่ ประโยชน์ใชส้ อย จาแนกเป็น ๓ แขนง คือ ทัศนศลิ ป์ โสตศลิ ป์ โสตทัศนศิลป์
ภาพท๕ี่ : วจิ ิตรศลิ ป์ ๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า: http://www.google.co.th/search?q=โสตศิลป์+วรรณกรรม&source=
๑๑
๒. ประยกุ ต์ศิลป์(AppliedArt) หมายถงึ การนาศิลปะมาประยุกตส์ ร้างสรรคส์ ิ่งต่างๆ
ทจี่ าเป็นในชวี ินประจาวนั
ภาพท๖ี่ :ประยุกตศ์ ิลป์ ๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า: http://www.google.co.th/search?q=ประยุกตศ์ ิลป&์ tbm=isch&tbo
๓. อตุ สาหกรรมศลิ ป์ (Industrial Art) หมายถึงการนาศิลปะมาใชใ้ นงานอตุ สาหกรรม
ที่เก่ียวขอ้ งกบั การผลิตส่ิงของจาเปน็ จานวนมาก
ภาพท๗่ี :อุตสาหกรรมศลิ ป์๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา: http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/kno/1412/
๔. ศิลปศึกษา (Art Education) หมายถงึ การนาศิลปะมาใช้ในการศกึ ษา เพอ่ื ใหเ้ กดิ
ความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ นการศึกษาและการดารงชีวติ
๑๒
ใบความรทู้ ี่ ๓
เรอื่ ง ศิลปะสาขาทัศนศลิ ป์
จดุ ประสงคน์ กั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของทัศนศลิ ป์ได้
ทศั นศิลปเ์ ป็น ศลิ ปะสาขาหน่งึ ในสามของศิลปะประเภทวิจิตรศลิ ป์ที่รับรูไ้ ด้ด้วย
การมองเห็นด้วยสายตา กอ่ ใหเ้ กิดอารมณค์ วามรู้สึก มีลกั ษณะเป็นเรือ่ งการสนองตอบ
ทางตา เชน่ รูปร่าง รูปทรง สีสัน จับตอ้ งได้ (สุชาติ เถาทอง,มปป:๒)
สามารถแตกแขนงได้ดงั นี้
๑. จติ รกรรม (Painting)หมายถงึ การเขียนภาพหรอื การระบายสีต่างๆ ลงบนพ้นื วัสดผุ วิ เรียบ
เช่น กระดาษ ผา้ ใบ พ้นื ผนัง ปูน ไม้ เปน็ ต้น เพอ่ื ใหเ้ กดิ เป็นเรอ่ื งราวและความงามตาม
จินตนาการของผวู้ าด มีลกั ษณะเป็น ๒ มิติ คือ ความกว้างและความยาว แตด่ ว้ ยน้าหนกั สี
ทแ่ี ตกต่างกันทาใหเ้ กิดความตื้นหรอื ลึกจนสามารถใหค้ วามรู้สกึ ทางการมองดูเสมือนเป็นภาพ
๓ มติ ิ แบง่ ออกเปน็ ๒ ลักษณะ ดงั น้ี
๑.๑ ภาพวาด (drawing)ภาพวาดเขียน ภาพวาดเสน้ เปน็ ภาพ ๒ มติ ิ คือมีเพียงความ
กว้างและความยาวโดยใช้วสั ดุตา่ งๆ เชน่ ดนิ สอดา สีชอล์ก สเี ทียน ถ่านเกรยอง เปน็ ต้น
(สชุ าติ เถาทอง,มปป:๒)
ภาพท๘่ี :ภาพลายเส้นผลงานของเลโอนาโด
ดาวนิ ช๒ี ๐/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า : http://www.google.co.th/search?
๑๓
๑.๒ ภาพเขียน (painting)เป็นการสร้างงาน ๒ มติ ิ บนพ้ืนระนาบดว้ ยสหี ลายสี
เรยี กชื่อลักษณะของภาพเขียนตามส่อื วัสดทุ ใ่ี ช้เป็นสาคญั เช่น ภาพเขียนวาดด้วยสนี ้า
ภาพเขยี นวาดดว้ ยสนี า้ มัน ภาพเขียนวาดด้วยสีอะครลิ กิ เป็นต้น
สอี ะคริลิก ไดม้ าจากน้ามนั ปโิ ตรเลียมเรียกอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ สพี ลาสติก นิยมใช้ใน
งานจติ รกรรม และเป็นสที าภายในอาคาร
ภาพ ๙:ภาพเขยี นสีนา้ ของสชุ าติ เถาทอง ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา :http://www.google.co.th/search?q=ภาพเขยี นสนี ้า%20ของสุชาตเิ ถาทอง&tbm
ภาพ ๑๐:ภาพวาดดว้ ยสอี ะครลิ ิก ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมาhttp://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_i’
๑๔
๒. ประติมากรรม(sculpture)หมายถงึ การสรา้ งงานทัศนศิลปท์ ี่เกดิ จากกลวิธีปั้น การแกะสลัก
การหล่อ การเชอ่ื มตดิ หรอื กระบวนการอื่นใดท่สี รา้ งใหเ้ กดิ รปู ร่างรปู ทรง มีลกั ษณะเปน็ ๓
มติ ิ คอื ความกว้าง ความยาว และความหนา จาแนกออกเป็น ๓ ลกั ษณะ ดงั น้ี
๒.๑ แบบนูนต่า (bas-relief) เป็นการปน้ั หรือสลัก โดยให้ภาพทีเ่ กดิ นนู ขน้ึ จากพืน้ เพียง
เลก็ นอ้ ย เท่านนั้ โดยอาศยั แสงเงาชว่ ยทาใหเ้ กิดความรสู้ ึกตนื้ ในการมองเหน็ เช่น รปู บนเหรยี ญ
เงนิ ตราตา่ งๆ
ภาพ๑๑:ประตมิ ากรรมแบบนนู ตา่ โดย พิทักษ์ สง่า๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา:http://pitaksanga.com/sculpture/king-9-B3/
๒.๒แบบนนู สูง(high-relief)เป็นการปั้นหรือสลกั ใหร้ ปู นนู ข้ึนจากพน้ื หลังมากกว่าคร่งึ
สามารถแสดงความตืน้ ลึกตามความเป็นจริง เช่น ฐานอนสุ าวรยี ์ บานประตไู มแ้ กะสลัก
เปน็ ต้น
/ ภาพ๑๒:ประติมากรรมแบบนูนสงู ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา:http://www.google.co.th/search?q=ภาพนนู ตา่ &tbm=isch&ei=DKO_
๑๕
๒.๒แบบลอยตวั (round-relief) เปน็ การปั้นหรือสลกั ทีส่ ามารถมองเหน็ และสมั ผัส
ช่ืนชมความงามได้ทุกด้าน หรือรอบด้าน เชน่ พระบรมรปู ทรงม้า พระพทุ ธรปู
ภาพ๑๓:ประตมิ ากรรมแบบลอยตัว๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า:w.thaigoodview.com/library/teachershow//art/sec01p03.html’
๓. สถาปตั ยกรรม(architecture) หมายถงึ ศิลปะและวิทยาการแห่งการกอ่ สรา้ งเพอื่ สนอง
ความตอ้ งการในด้านวัตถุและจติ ใจ มลี กั ษณะเปน็ ส่งิ ก่อสร้างท่สี รา้ งขึ้นตามหลักวชิ าการ
ผ่านกระบวนการออกแบบ เขยี นแบบ ก่อสรา้ ง มีความเหมาะสมในการใชง้ าน จาแนก
ออกเป็น ๒ ลักษณะคือ
๓.๑ สถาปัตยกรรมแบบเปิด คอื สถาปัตยกรรมท่ีมนุษย์สามารถเข้าไปใชส้ อยได้ เช่น
สถานทปี่ ระกอบพธิ ที างศาสนา ท่ีพักอาศัย อาคารเรยี น สถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยสาคัญใน
การดาเนนิ ชีวิตของมนุษยม์ ลี กั ษณะขน้ึ อยกู่ ับเง่ือนไขด้านสภาพทางภูมศิ าสตร์
ภาพ ๑๔:สถาปัตยกรรมแบบเปดิ พระที่นั่งอนันตสมาคมและอาคารเรยี น ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: ww.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/anurak_s/art/sec01p03.html
๑๖
๓.๒สถาปัตยกรรมแบบปิด คอื สถาปตั ยกรรมท่ีมนุษย์ไม่สามารถเขา้ ไปใช้สอยได้
สร้างข้ึนเพ่อื ตอบสนองความเชอ่ื ทางศาสนา เช่น พรี ะมิดของอียปิ ต์ สถปู เจดีย์ เทวสถาน
เป็นตน้ (ผดงุ พรมมูล,๒๕๔๕:๗)
พีระมิดทปี่ ระเทศอยี ปิ ต์สถปู ทีส่ าญจที ี่ประเทศอนิ เดีย
องคพ์ ระปฐมเจดีย์จงั หวัดนครปฐม
ภาพ ๑๕:สถาปัตยกรรมแบบปดิ ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา :http://www.addsiam.com/%E0%B0% /1150.html’.
๑๗
๔. ภาพพิมพ์ (painting) หมายถึง ผลงานทางดา้ นศิลปะทีถ่ ูกสร้างข้ึนมาดว้ ยวิธกี ารพมิ พ์
ด้วยการกดแม่พมิ พใ์ ห้ตดิ เปน็ ภาพบนกระดาษโดยใช้แมพ่ มิ พ์ชนดิ ต่างๆ เช่น แม่พมิ พ์ไม้
แม่พิมพ์โลหะ กระดาษ ยาง พืช เปน็ ตน้ จาแนกออกเป็น ๔ ลกั ษณะ ดังน้ี
๔.๑ พมิ พ์ผิวนูน คือ การสรา้ งแมพ่ ิมพ์ใหเ้ กิดส่วนลกึ และส่วนนูน โดยนาสไี ปกลงิ้ ผ่าน
บน พ้ืนนนู จากน้ันนาไปกดแนบกับพ้ืนรองรบั ท่ีตอ้ งการจะพมิ พ์ ได้แก่ ภาพพมิ พแ์ กะไม้
ภาพพิมพ์แกะยาง ภาพพิมพโ์ ลหะ ภาพพิมพว์ สั ดุ เป็นตน้
ภาพพิมพแ์ กะไม้ ภาพพิมพ์แกะยาง
ภาพ ๑๖:ภาพพมิ พผ์ ิวนูน ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา: http://www.bankruiat.org/articles/586130/%E0
ภาพท่ี ๑๗ แสดงแมพ่ ิมพ์โลหะและวสั ดุผวิ ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า: http://www.google.co.th/imglanding?
๑๘
๔.๒พิมพ์รอ่ งลึก เปน็ การพมิ พ์ทีต่ รงขา้ มกับการพมิ พ์ผิวนนู ไดแ้ ก่ เอทชงิ เมซโซทนิ ท์
เปน็ ต้น
๔.๓ พมิ พพ์ น้ื ราบ วธิ นี ร้ี จู้ กั กนั ในนามภาพพมิ พห์ นิ คอื ใชแ้ ผน่ หนิ เปน็ แมพ่ มิ พ์
๔.๔ พิมพ์ฉากพมิ พ์เปน็ กระบวนการได้ภาพพิมพ์ตรงกับแมพ่ ิมพ์ มีวธิ กี ารพิมพ์
ที่ปล่อยใหส้ พี มิ พผ์ ่านฉากดา้ นบนทะลลุ งสูแ่ ผ่นวสั ดทุ ่ใี ชร้ องรับภาพพิมพเ์ ชน่
ภาพพมิ พ์ตะแกรงไหม ภาพพิมพต์ ดั กระดาษ(สชุ าติ เถาทอง.มปป.๖-๗)
ภาพที่ ๑๘ การพิมพ์ตะแกรงไหม๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทีม่ า: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chaarts&month=
ภาพที่ ๑๙การพิมพ์โลหะร่องลึก โดยพัดชา แกว้
ทองตาล เสนอแงค่ ดิ ในเชงิ บวกเกีย่ วกับความสมั พนั ธ์
แหง่ ชีวติ ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า:http://www.portfolios.net/forum/ top-
ics/2988839:Topic:831623
๕. ภาพถา่ ยหมายถงึ เป็นการถา่ ยภาพที่ตอ้ งใช้เทคนิคแปลกไปจากการถา่ ยภาพธรรมดา
เป็นภาพท่ีชมแลว้ เกิดความคดิ มีความเจรญิ ทางสติปญั ญามผี ลในการสร้างสรรค์ ไมใ่ ช่
ภาพถ่ายแบบอนาจารหรอื ภาพถา่ ยท่ัวไป
ภาพที่ ๒๐ วัดพระศรีรตั นศาสดาราม ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า:http://www.panoramio.com/photo/74229458
๖. ศิลปะส่อื ผสม(Mixed MediaArt) เป็นศิลปะทศั นศิลป์รูปแบบใหม่เกิดจากการ
ผสมผสานระหวา่ งด้านจติ รกรรม ประติมากรรม และภาพพมิ พ์เข้าดว้ ยกัน ซง่ึ อาจมลี กั ษณะ
เป็น ๒ มิติ หรอื ๓ มิติ
ศิลปะสือ่ ผสม ศลิ ปะส่อื ผสม สามมิติ ศิลปะสอ่ื ผสมสองมิติ
ภาพท่ี ๒๑ ศลิ ปะสือ่ ผสม ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา:http://www.google.co.th/search?q=ศลิ ปะส่อื ผสม&tbm=isch&tb
๒๐
ใบความรทู้ ี่ ๔
เรอื่ ง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งศิลปะกบั มนษุ ย์
จดุ ประสงคน์ กั เรียนสามารถบอกความสมั พันธ์ระหว่างศิลปะกบั มนษุ ยไ์ ด้
การสร้างสรรคศ์ ลิ ปะเกิดขน้ึ ต้ังแตส่ มัยโบราณ เป็นกจิ กรรมพฒั นาสตปิ ญั ญา
และอารมณซ์ ึ่งจะเกดิ ขน้ึ ได้เฉพาะในสังคมมนษุ ยเ์ ทา่ น้นั การดารงชีพของมนุษยท์ ่เี ร่ร่อน
อาศัยอยูต่ ามถา้ เพิงผา ล่าสตั ว์หาของปา่ มาเปน็ อาหาร ลาดับแรกๆจะเป็นภาพวาด ท่ีมกั
ระบายดว้ ยถา่ นไม้และสีผสมกับไขมันสตั ว์ ซึ่งมกั ปรากฏอยู่ตามผนงั ถา้ ในทตี่ า่ งๆ เชน่
ภาพววั ไบซัน ทถ่ี ้าอลั ตามรี าในสเปน ภาพสตั ว์ชนดิ ต่างๆท่ีถา้ ลาส์ฏกซ์ ในฝร่ังเศส
ภาพท่ี ๒๒ภาพวัวไบซัน
ท่ีถา้ อัลตามรี าในสเปน ๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า:http://www.4shared.com/web/previe
w/doc/KLH0XIVH?
ภาพท๒ี่ ๓ ภาพสตั วช์ นิดต่างๆ ๒๑
ท่ถี ้าลาสฏ์ กซ์ ในฝรงั่ เศส
ท่มี า:http://artdsr.blogspot.
com/p/blog-age_7315.htm
๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ในประเทศไทย สารวจพบภาพวาดหลายแหง่ เชน่ ท่ีผาแตม้ อาเภอโขงเจยี ม
จงั หวดั อบุ ลราชธานี ท่ีถา้ ผหี วั โต อาเภออา่ วลึก จงั หวัดกระบี่
ภาพท๒ี่ ๔ ภาพเขียนรปู คนและสตั ว์ตา่ งๆ ท่ผี าแตม้ อาเภอโขงเจยี ม จงั หวัดอบุ ลราชธานี
ทมี่ า:http://www.oceansmile.com/E/Ubon/pic1/IMG_6667 ๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ภาพท๒ี่ ๕ ภาพวาดที่ถ้าผหี วั โต อาเภอ
อา่ วลึก จงั หวดั กระบ่ี๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ทีม่ า:ทม่ี า:http://atcloud.com/
stories/86574
จะให้เหน็ ว่าศิลปะมีความเก่ยี วพนั กบั มนษุ ย์ในแงท่ ่ีเปน็ ผลงานหรือวิธกี ารแสดงออกมา
เพื่อตอบสนองอารมณ์ของตนเองโดยผลงานศลิ ปะแรกๆของมนษุ ย์ เชอ่ื ว่าน่า จะเกิดจากแรง
บันดาลใจของมนุษยท์ ม่ี ตี อ่ ความงามทางธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มแลว้ คอ่ ยๆถา่ ยทอดความ
ประทับใจออกมาเป็นผลงานศิลปะ
๒๒
แบบฝึกหัดท่ี ๑
ช่ือ.......................................................ช้นั .................................เลขท่ี............
คาชีแ้ จงให้นกั เรยี นออกแบบแผนผงั ความคดิ หรอื Mapping แสดงประเภท
ของงานทศั นศิลป์
.................................. ..................................
.................................. ..................................
.................................. ..................................
...
.................................. ศลิ ปะสาขา ..................................
.................................. ทัศนศิลป์ ..................................
.................................. ..................................
................................... .................................
................................... .................................
................................ .................................
...
๒๓
แบบฝกึ หดั ท่ี ๒
ชื่อ.......................................................ชน้ั .................................เลขท่ี............
คาช้แี จงให้นกั เรยี นดูภาพ แลว้ บอกประเภทของงานทัศนศลิ ป์ให้ถูกต้อง
๑........................................... ๒...........................................
.
๓............................................ ๔............................................
.
๒๔
๕............................................ ๖............................................
.. .
๗............................................ ๘............................................
๙........................................... ๑๐.........................................
.
๒๕
แบบฝึกหดั ที่ ๓
ชอ่ื .......................................................ช้นั .................................เลขท่ี............
คาชีแ้ จงใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
๑. ทัศนศลิ ป์แบ่งผลงานออกเปน็ กป่ี ระเภทอะไรบา้ ง
ตอบ....................................................................................................................................
๒. การสร้างสรรค์ผลงานดา้ นจติ รกรรมมีกี่ลักษณะอะไรบ้าง
ตอบ...................................................................................................................................
๓. ประติมากรรมแบบนูนสงู มลี กั ษณะอยา่ งไร
ตอบ....................................................................................................................................
๔.การพิมพร์ ่องลกึ มีลกั ษณะอย่างไร
ตอบ....................................................................................................................................
๕. ศิลปะ หมายถงึ
ตอบ....................................................................................................................................
๖. ทศั นศิลป์ หมายถงึ
ตอบ.....................................................................................................................................
๗.ศลิ ปะแบบส่อื ผสมมีลักษณะอย่างไร
ตอบ.....................................................................................................................................
๘. ประยกุ ตศ์ ิลป์ หมายถงึ
ตอบ.....................................................................................................................................
๙. สถาปัตยกรรม มีลกั ษณะอย่างไรแบ่งออกเป็นกล่ี ักษณะ
ตอบ.....................................................................................................................................
๑๐. ภาพพมิ พ์สามารถจาแนกไดเ้ ปน็ กลี่ กั ษณะอะไรบ้าง
ตอบ.....................................................................................................................................
๒๖
แบบทดสอบหลังเรียน
สาระทัศนศิลป์ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
กล่มุ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ
เลม่ ท่ี ๑ เร่อื ง ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกบั ทัศนศลิ ป์ ๑
คาชี้แจงใหน้ ักเรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ทบั ตวั อกั ษรหน้าคาตอบทถ่ี กู ต้อง
๑. บานประตไู ม้แกะสลักเปน็ ประติมากรรมแบบใด
ก . นูนตา่
ข . นนู สงู
ค. ลอยตวั
ง. พน้ื ราบ
๒. ข้อใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ สถาปัตยกรรมแบบปิดทส่ี รา้ งขึน้ เพ่ือตอบสนองความเช่ือ
ความศรทั ธาทางศาสนา
ก. โบสถ์
ข. เทวรูป
ค. ศาลาการเปรียญ
ง. พระธาตดุ อยสเุ ทพ
๓. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของงานภาพพิมพ์
ก. ภาพพมิ พล์ อยตวั
ข. ภาพพิมพ์ผิวนูน
ค. ภาพพมิ พพ์ น้ื ราบ
ง. ภาพพิมพ์ฉากพมิ พ์
๔. การเขยี นภาพด้วยสีนา้ เป็นงานทัศนศลิ ป์ประเภทใด
ก. ภาพพิมพ์
ข. จิตรกรรม
ค. ประติมากรรม
ง. สถาปัตยกรรม
๕. ประตมิ ากรรม หมายถงึ การสรา้ งสรรค์งานด้วยวธิ ีใด
ก. การขูด ขีด ลาก
ข. การตกแต่งลวดลาย
ค. การปนั้ การแกะสลัก การหล่อ
ง. การออกแบบก่อสร้างอาคารต่างๆ
๖. งานป้นั ท่สี ามารถมองเหน็ ไดร้ อบดา้ นคอื การปน้ั แบบใด
ก. แบบอสิ ระ
ข. แบบนูนต่า
ค. แบบลอยตวั
ง. แบบนูนสูง
๗. ภาพทมี่ นษุ ย์ในสมัยโบราณมักวาดดว้ ยสิ่งใด
ก. ใบไม้
ข. กิ่งไม้
ค. ดินเหนยี ว
ง. ถา่ นไมแ้ ละสผี สมกับไขมันสตั ว์
๘. ข้อใดกล่าวถงึ ความหมายของศลิ ปะได้ถูกตอ้ ง
ก. ส่ิงทสี่ วยงาม
ข. การสร้างสรรค์
ค. สิง่ ท่ีมนุษย์สรา้ งขนึ้
ง. สิง่ ทีม่ นษุ ยส์ รา้ งข้นึ จากความพึงพอใจ
๒๘
๙. ภาพพิมพ์พน้ื ราบ มีลกั ษณะอย่างไร
ก. เปน็ กระบวนการพิมพท์ ไี่ ดภ้ าพพมิ พต์ รงกบั แมพ่ มิ พ์
ข. เปน็ กระบวนการพมิ พท์ นี่ าเอาแผ่นหนิ มาเปน็ แม่พิมพ์
ค. เปน็ กระบวนการสรา้ งแมพ่ ิมพโ์ ดยการทาให้เกิดส่วนลึกและส่วนนูน
ง. เป็นกระบวนการสร้างแม่พิมพโ์ ดยการสรา้ งภาพหรอื ริ้วรอยลงบน
แม่พิมพ์
๑๐. จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม และภาพพิมพ์ จดั อย่ใู นศลิ ปะ
สาขาใด
ก. โสตศิลป์
ข. ทศั นศิลป์
ค. ประยกุ ตศ์ ลิ ป์
ง. อตุ สาหกรรมศิลป์
๒๙
บรรณานกุ รม
จีรพันธ์ สมประสงค.์ หนงั สอื เรยี นกลุม่ สาระการเรยี นรพู้ ื้นฐานศลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษา
ปที ่ี ๑. กรงุ เทพฯ :แม๊ค, ๒๕๕๐.
ผดงุ พรมมูล และคณะ. กลุม่ สาระการเรียนรทู้ ศั นศลิ ป์ ชว่ งช้ันที่ ๓ (ม.๑-๓).
ม.ป.ท., ๒๕๔๕.
สุชาติ เถาทอง และคณะ.หนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐาน ทศั นศิลป์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่๑.
กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจรญิ ทศั น,์ (มปป.).
______.คู่มอื ครรู ายวชิ าพืน้ ฐาน ทัศนศิลป์ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑.พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๒.
กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจรญิ ทศั น,์ อจท.(มปป.).
สวุ ิทย์ มลู คา.การพฒั นาผลงานทางวชิ าการ สู่การเล่อื นวทิ ยฐานะ. กรุงเทพฯ :
อี เคบุค๊ ส,์ ๒๕๕๐.
ส่ิงแวดล้อมมีอทิ ธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรค์ผลงานทางทศั นศิลป์.วันทค่ี ้นข้อมูล๒๗ มีนาคม
๒๕๖๐.ค้นจากhttp://www.oknation.net/blog/wansuk/page3.๒๕๖๐.
ภาพเขยี นสนี ้าของ อ.กติ ตศิ กั ดิ์ บุตรดวี งศ์ ทีส่ ะท้อนใหเ้ ห็นบุคลิกภาพสว่ นตัวอัน
ออ่ นโยนรกั สนั โดษ.วันทคี่ ้นขอ้ มลู ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๐.คน้ จาก
http://www.oknation.net/blog/phaen/2007/10/04/entry-1.๒๕๖๐.
ภาพเขยี นสนี ้าของ อ.กติ ตศิ ักด์ิ บตุ รดวี งศ์ ทสี่ ะท้อนให้เหน็ ชีวิตความเปน็ อยู่
ของชาวชนบท.วันที่ค้นข้อมูล ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐. คน้ จาก
http://www.artbangkok.com/?p=22510.๒๕๖๐.
รูปแบบอาคารบ้านเรือนแบบตา่ งๆ.วนั ที่ค้นขอ้ มูล ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๐. คน้ จาก
http://www.tmotionhome.com/PD424943.๒๕๖๐.
ช้นั วางหนงั สือ.วันที่คน้ ข้อมลู ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐. ค้นจากhttp://www.xn--
l3c2a5a7a3cwa.com/page/233.๒๕๖๐.
๓๐
เฉลยแบบฝึกหัดที่ ๑
งานจิตรกรรม งานสถาปตั ยกรรม
ภาพวาด แบบปดิ
ภาพเขียน แบบเปดิ
งานภาพถา่ ย ศลิ ปะสาขา งานส่อื ผสม
ทัศนศลิ ป์ สองมติ ิ
สามมติ ิ
งานประตมิ ากรรม งานภาพพมิ พ์
แบบนนู สูง พมิ พพ์ น้ื พมิ พผ์ วิ
พมิ พ์ฉากพิมพ์
แบบนูนต่า
แบบลอยตัว พมิ พ์ร่องลึก
๓๑
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๒
๑. ภาพนูนต่า ๒. ภาพพิมพ์
๓. สถาปตั ยกรรม ๔. สถาปตั ยกรรม
๓๒
๕. ภาพลอยตัว ๖. ภาพเขียน
๗. ภาพนูนสูง ๘.ภาพวาด
๙. ภาพวาด ๑๐. ภาพพิมพโ์ ลหะ
๓๓
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๓
๑. ทศั นศิลปแ์ บ่งผลงานออกเป็นก่ีประเภทอะไรบา้ ง
ตอบ๔ ประเภท คอื จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพมิ พ์
๒. การสร้างสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรมมีก่ีลักษณะอะไรบา้ ง
ตอบมี ๒ ลักษณะคอื ภาพวาด และภาพเขียน
๓. ประตมิ ากรรมแบบนนู สงู มลี ักษณะอยา่ งไร
ตอบมลี ักษณะการป้นั หรอื สลักใหร้ ูปทตี่ ้องการนูนขน้ึ จากพน้ื หลงั มากกว่าครงึ่ เปน็ รปู
ท่ีสามารถแสดงความตนื้ ลกึ ตามความเปน็ จรงิ
๔.การพมิ พร์ อ่ งลึกมลี ักษณะอยา่ งไร
ตอบลกึ เปน็ การพิมพท์ ตี่ รงขา้ มกับการพมิ พ์ผิวนนู
๕. ศลิ ปะ หมายถึง
ตอบ การถา่ ยทอดอารมณ์และความรสู้ กึ ออกมาในรูปแบบตา่ งๆ
๖. ทัศนศลิ ป์ หมายถงึ
ตอบศิลปะทสี่ ามารถมองเห็นดว้ ยตาและกอ่ ให้เกิดความรูส้ กึ ต่างๆ
๗. ศิลปะแบบสือ่ ผสมมลี ักษณะอย่างไร
ตอบ เปน็ ศลิ ปะท่เี กดิ จากการผสมผสานระหว่างงานดา้ นจิตรกรรมประติมากรรม
และภาพพิมพเ์ ขา้ ด้วยกนั มลี ักษณะเปน็ ๒ มติ ิ หรอื ๓ มติ ิ
๘. ประยุกตศ์ ลิ ป์ หมายถงึ
ตอบ การนาศิลปะมาประยุกต์สร้างสรรคส์ ่ิงตา่ งๆ ทจี่ าเปน็ ในชวี ิตประจาวัน
๙. สถาปัตยกรรม มลี กั ษณะอย่างไรแบ่งออกเปน็ กลี่ ักษณะ
ตอบมีลกั ษณะเป็นส่ิงกอ่ สร้างทผี่ า่ นกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ มี ๒ ลกั ษณะ
สถาปตั ยกรรมแบบเปิด และแบบปดิ
๑๐. ภาพพิมพส์ ามารถจาแนกได้เปน็ กี่ลกั ษณะอะไรบา้ ง
ตอบ ๔ ลักษณะ คอื พมิ พ์ผิวนนู พมิ พร์ ่องลกึ พมิ พพ์ นื้ ราบ พมิ พ์ฉากพิมพ์
๓๔
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
๑. ง ๑. ข
๒. ข ๒. ง
๓. ค ๓. ก
๔. ง ๔. ข
๕. ข ๕. ค
๖. ข ๖. ค
๗. ข ๗. ง
๘. ค ๘. ง
๙. ก ๙. ข
๑๐.ง ๑๐.ข