๑
คาแนะนาในการใชเ้ อกสารประกอบการเรยี น
สาระทัศนศิลป์
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
๑. เอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ประกอบด้วย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เนือ้ หา
แบบฝึกหดั ท้ายเลม่ แบบทดสอบหลังเรยี นเฉลยแบบฝกึ หัดและเฉลย
แบบทดสอบหลังเรยี น
๒.ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนแล้วอา่ นใบความรจู้ ากนั้นใหท้ า
แบบฝึกหัดแลว้ ตรวจคาตอบจากเฉลยทา้ ยเลม่
๓. ให้ทาแบบทดสอบหลงั เรยี นแลว้ ตรวจคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม
๔. สรุปผลท่ไี ดล้ งในกระดาคาตอบเพอื่ ทราบผลการเรยี น
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด
สาระที่ ๑:ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ๑. ๑ :สรา้ งสรรคง์ านทศั นศิลปต์ ามจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์
วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคดิ ต่องาน
ศิลปะอยา่ งอสิ ระ ชื่นชมและประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวัน
ตัวช้วี ัดศ๑.๑ ม.๑/๑บรรยายความแตกตา่ งและความคลา้ ยคลงึ กนั ของงานทัศนศิลป์
และส่ิงแวดลอ้ มโดยใชค้ วามรู้เร่อื งทัศนธาตุ
๒
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ดา้ นความรู้
๑. นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของศิลปะและทศั นศลิ ป์ได้ถูกต้อง
๒. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความแตกตา่ งระหวา่ งทัศนศลิ ปก์ บั ศลิ ปะไดถ้ กู ต้อง
๓. นกั เรยี นสามารถอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างศลิ ปะกบั มนุษย์ได้ถกู ต้อง
๔. นกั เรยี นสามารถอธิบายประเภทของงานทศั นศิลปไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
๕. นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของทศั นศิลปไ์ ด้ถูกตอ้ ง
๖. นกั เรียนสามารถบอกวตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาวชิ าทัศนศิลป์ไดถ้ ูกต้อง
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
๑. นกั เรียนมีทกั ษะดา้ นการสือ่ สาร การสื่อความหมายและการนาเสนอ
๒. นกั เรยี นมีความสามารถดา้ นทักษะการคิดสรา้ งสรรค์
๓. นกั เรยี นมีความสามารถด้านทกั ษะ แกป้ ัญหา การปฏิบตั งิ าน
๔. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
๕. นกั เรยี นมีความสามารถในการตอบคาถามและมีกระบวนการทาวานกลมุ่
ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
๑. มีความรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ
๒. มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง
๓. มุ่งม่นั ในการทางาน
๔. รักความเป็นไทย
๕.มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อศลิ ปะ
๓.๓.๕ มีจิตสาธารณะ
๕. นักเรียนมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๓
สาระการเรียนรู้
เอกสารประกอบการเรยี น
สาระทัศนศลิ ป์
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
เรือ่ งที่ ๑ ความร้เู บ้อื งต้นเก่ยี วกับทัศนศิลป์ ๑
ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ ดังน้ี
๑. ความหมายของศลิ ปะและทัศนศลิ ป์
๒. ประเภทของศิลปะ
๓. ศิลปะสาขาทศั นศลิ ป์
๔. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างศิลปะกับมนษุ ย์
๔
กระดาษคาตอบ เอกสารประกอบการเรยี น
เล่มท่ี ๑ เร่อื ง ความรเู้ บอ้ื งต้นเกีย่ วกับทศั นศลิ ป์ ๑
ช่ือ......................................นามสกลุ ..................................เลขที่...........
ข้อท่ี ทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรียน ง
๑. กขค
๒.
๓. คะแนนเตม็ คะแนนทีไ่ ด้
๔. ๑๐
๕. ๑๐
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐.
สรุปผลการเรียน
แบบทดสอบ
ก่อนเรียน
หลงั เรยี น
๕
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
สาระทศั นศิลป์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ
เลม่ ท่ี ๑ เร่อื ง ความรเู้ บ้อื งตน้ เกีย่ วกับทศั นศิลป์ ๑
คำชีแ้ จงใหเ้ ขียนเครื่องหมาย ทบั ตวั อกั ษรหนา้ คาตอบที่ถกู ตอ้ ง
๑. ข้อใดกลา่ วถงึ ความหมายของศิลปะได้ถูกตอ้ ง
ก. สง่ิ ทส่ี วยงาม
ข. การสรา้ งสรรค์
ค. สิ่งทีม่ นษุ ย์สร้างขน้ึ
ง. สง่ิ ท่ีมนุษยส์ รา้ งข้นึ จากความพึงพอใจ
๒. จิตรกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม และภาพพมิ พ์ จดั อยู่ในศิลปะสาขาใด
ก. โสตศลิ ป์
ข. ทัศนศลิ ป์
ค. ประยกุ ตศ์ ิลป์
ง. อตุ สาหกรรมศลิ ป์
๓. ประตมิ ากรรม หมายถงึ การสร้างสรรคง์ านดว้ ยวิธใี ด
ก. การขูด ขีด ลาก
ข. การตกแตง่ ลวดลาย
ค. การป้ัน การแกะสลัก การหลอ่
ง. การออกแบบก่อสรา้ งอาคารต่างๆ
๖
๔. ข้อใดตอ่ ไปน้ีเปน็ สถาปตั ยกรรมแบบปิดทีส่ ร้างข้ึนเพ่ือตอบสนองความเชื่อความ
ศรทั ธาทางศาสนา
ก. โบสถ์
ข. เทวรูป
ค. ศาลาการเปรียญ
ง. พระธาตดุ อยสเุ ทพ
๕. ภาพพมิ พพ์ ้ืนราบ มลี ักษณะอย่างไร
ก. เป็นกระบวนการพิมพท์ ี่ได้ภาพพิมพ์ตรงกบั แม่พมิ พ์
ข. เปน็ กระบวนการพิมพท์ ่ีนาเอาแผ่นหนิ มาเปน็ แม่พมิ พ์
ค. เปน็ กระบวนการสรา้ งแมพ่ มิ พ์โดยการทาให้เกิดสว่ นลกึ และส่วนนูน
ง. เปน็ กระบวนการสร้างแม่พมิ พ์โดยการสร้างภาพหรอื รวิ้ รอยลงบน
แมพ่ ิมพ์
๖. บานประตูไมแ้ กะสลักเปน็ ประตมิ ากรรมแบบใด
ก . นนู ตา่
ข . นูนสูง
ค. ลอยตัว
ง. พนื้ ราบ
๗. การเขยี นภาพด้วยสีนา้ เป็นงานทัศนศิลปป์ ระเภทใด
ก. ภาพพมิ พ์
ข. จิตรกรรม
ค. ประติมากรรม
ง. สถาปัตยกรรม
๘. งานปัน้ ท่ีสามารถมองเหน็ ได้รอบด้านคอื การป้ันแบบใด
ก. แบบอสิ ระ
ข. แบบลอยตัว
ค. แบบนนู ตา่
ง. แบบนูนสูง
๗
๙. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของงานภาพพิมพ์
ก. ภาพพมิ พล์ อยตวั
ข. ภาพพมิ พ์ผิวนูน
ค. ภาพพิมพพ์ นื้ ราบ
ง. ภาพพมิ พฉ์ ากพมิ พ์
10. ภาพท่มี นษุ ยใ์ นสมัยโบราณมักวาดดว้ ยส่ิงใด
ก. ใบไม้
ข. กง่ิ ไม้
ค. ดนิ เหนียว
ง. ถา่ นไม้และสผี สมกบั ไขมนั สัตว์
๘
ใบความรูท้ ี่ ๑
เรือ่ ง ความหมายของศิลปะและทัศนศิลป์
จุดประสงค์ นักเรียนสามารถบอกความหมายของคาวา่ “ศิลปะ”ไดถ้ ูกตอ้ ง
ศิลปะ(Art) เปน็ คาที่มีความหมายกว้างขวางครอบคลุมพฤตกิ รรมการแสดงออกและ
การสรา้ งสรรค์ทุกๆดา้ นของมนุษย์ซง่ึ นกั ปราชญน์ ักการศกึ ษา ผูร้ ู้ และผู้เชยี่ วชาญ ได้กาหนด
ความหมายหรือคานยิ ามของคาว่า“ศิลปะ”ไว้ดว้ ยเหตุผลตา่ งๆ ดงั น้ี
ศาสตราจารย์ศลิ ป์ พรี ะศรี ใหค้ วามหมายของคาว่า ศิลปะ หมายถงึ
งานอนั เป็นความพากเพียรของมนษุ ย์ ซง่ึ ตอ้ งใชค้ วามพยายามดว้ ยมือและความคดิ เชน่
ตัดเส้ือ สรา้ งเครื่องเรือน ปลูกต้นไม้ เปน็ ตน้
ภาพท๑ี่ : ศาสตราจารยศ์ ลิ ป์ พรี ะศรี
ท่มี า: http://www.google.co.th/search?q=ศิลป์+พีระ
ศร&ี biw=๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ศาสตราจารย์พเิ ศษ อารี สทุ ธิพันธุ์
ใหค้ วามหมายว่า “ศลิ ปะ หมายถึง การรู้จักเข้าใจถ่ายทอดธรรมชาติท่ีเห็นด้วยจิตนาการ
และความคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยการเข้าใจเลอื กวสั ดทุ เี่ หมาะสมเพ่อื ใหเ้ กิดเป็นรูปแบบใหม่”
ภาพท๒ี่ : ศาสตราจารยพ์ ิเศษ อารี สุทธิพันธุ์
๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา : http://www.google.co.th/search?tbm=
๙
อรสิ โตเตลิ (Aristotle) นักปราชญใ์ นยุคกรีกโบราณนิยามความหมาย
ของศลิ ปะวา่ ศลิ ปะคอื สงิ่ ท่มี นษุ ยเ์ ลยี นแบบจากธรรมชาติ
ภาพท๒ี่ :อรสิ โตเติล (Aristotle) ๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา: http://www.google.co.th/search?q=
อรสิ โตเติล&source=lnms&tbm
ตอลสตอย (Leo tolstoi) นกั ประพันธ์ทีม่ ชี ่อื เสยี งชาวรัสเซีย นยิ ามความหมาย
ของศิลปะวา่ ศิลปะ คือ การถ่ายทอดความรสู้ กึ ของมนุษย์
ภาพท๔่ี :ตอลสตอย ( Leo tolstoi)
๑๕/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า: http://www.google.co.th/search?q=
ส่วนคาวา่ ทัศนศิลป์(Visual art)คอื คาศัพทท์ ่ีจาแนกเพ่ือความแตกตา่ งหรือแยกลักษณะ
การรับรู้ของมนุษย์ทางดา้ นศิลปะใหช้ ัดเจนมากขึ้น เพราะผลงานทางด้านทัศนศลิ ปจ์ ะถูกผนวก
รวมเข้าและถอื เป็นสว่ นหนึ่งของงาน “วจิ ิตรศลิ ป์”ซึง่ เปน็ งานที่มีความละเอียดประณีตบรรจง
และงดงามเท่าน้นั
สรปุ ได้วา่ ศิลปะเปน็ ผลงานการสร้างสรรคข์ องมนษุ ย์ ในทกุ ๆ ดา้ น ทง้ั การกระทา
การพดู การเขยี นและเกดิ ผล ในทางสร้างสรรค์ ที่ดงี าม เหมาะสมกบั กาลเทศะ และมนุษย์ทกุ คน
ก็มคี วามสามารถในทางศิลปะ ตอ้ งเก่ยี วข้อง และตอ้ งนาศิลปะไปใช้
กับชีวิตประจาวนั อยู่ตลอดเวลาทง้ั ทางตรงและทางอ้อม
๑๐
ใบความรูท้ ่ี ๒
เรื่อง ประเภทของศิลปะ
จดุ ประสงค์ นักเรียนสามารถบอกประเภทของศลิ ปะได้ถกู ตอ้ ง
ประเภทของศิลปะมหี ลายประเภท โดยนักวชิ าการไดแ้ บ่งออกเปน็ ๔ ประเภทใหญๆ่
ดงั นี้
๑. วจิ ติ รศลิ ป์ ( Fine Art) หมายถงึ ศลิ ปะทสี่ ร้างสรรคข์ ้ึนด้วยสติปญั ญา ความรูส้ กึ อนั
ประณีตละเอียดอ่อน โดยมุ่งหมายให้เกิดความรู้สกึ นกึ คดิ จนิ ตนาการ เสริมสร้างสตปิ ญั ญา
มากกวา่ ประโยชน์ใชส้ อย จาแนกเป็น ๓ แขนง คือ ทัศนศลิ ป์ โสตศลิ ป์ โสตทัศนศิลป์
ภาพท๕ี่ : วจิ ิตรศลิ ป์ ๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า: http://www.google.co.th/search?q=โสตศิลป์+วรรณกรรม&source=
๑๑
๒. ประยกุ ตศ์ ิลป์(AppliedArt) หมายถึง การนาศลิ ปะมาประยกุ ตส์ รา้ งสรรคส์ งิ่ ตา่ งๆ
ทจี่ าเปน็ ในชีวนิ ประจาวัน
ภาพท๖่ี :ประยกุ ตศ์ ิลป์ ๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: http://www.google.co.th/search?q=ประยุกตศ์ ลิ ป์&tbm=isch&tbo
๓. อตุ สาหกรรมศิลป์ (Industrial Art) หมายถงึ การนาศิลปะมาใชใ้ นงานอุตสาหกรรม
ที่เก่ียวขอ้ งกบั การผลติ ส่ิงของจาเปน็ จานวนมาก
ภาพท่ี๗:อตุ สาหกรรมศิลป์๑๖/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/kno/1412/
๔. ศิลปศกึ ษา (Art Education) หมายถึง การนาศิลปะมาใชใ้ นการศึกษา เพื่อให้เกิด
ความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการศกึ ษาและการดารงชวี ิต
๑๒
ใบความรูท้ ี่ ๓
เรื่อง ศลิ ปะสาขาทศั นศลิ ป์
จุดประสงคน์ ักเรียนสามารถบอกลกั ษณะของทัศนศิลปไ์ ด้
ทัศนศลิ ปเ์ ปน็ ศลิ ปะสาขาหน่ึงในสามของศลิ ปะประเภทวจิ ิตรศิลปท์ ีร่ ับร้ไู ดด้ ้วย
การมองเหน็ ดว้ ยสายตา กอ่ ใหเ้ กิดอารมณค์ วามรู้สกึ มีลกั ษณะเป็นเรื่องการสนองตอบ
ทางตา เชน่ รูปรา่ ง รปู ทรง สีสนั จบั ต้องได้ (สชุ าติ เถาทอง,มปป:๒)
สามารถแตกแขนงไดด้ งั นี้
๑. จติ รกรรม (Painting)หมายถึง การเขยี นภาพหรือการระบายสีตา่ งๆ ลงบนพ้นื วัสดผุ วิ เรียบ
เช่น กระดาษ ผา้ ใบ พื้นผนงั ปนู ไม้ เปน็ ต้น เพื่อใหเ้ กิดเปน็ เรือ่ งราวและความงามตาม
จนิ ตนาการของผู้วาด มลี ักษณะเป็น ๒ มิติ คือ ความกว้างและความยาว แต่ด้วยนา้ หนกั สี
ท่แี ตกต่างกนั ทาใหเ้ กดิ ความตื้นหรอื ลึกจนสามารถใหค้ วามรูส้ กึ ทางการมองดูเสมอื นเปน็ ภาพ
๓ มิติ แบง่ ออกเปน็ ๒ ลกั ษณะ ดงั น้ี
๑.๑ ภาพวาด (drawing)ภาพวาดเขียน ภาพวาดเส้น เป็นภาพ ๒ มติ ิ คอื มีเพยี งความ
กว้างและความยาวโดยใชว้ สั ดตุ า่ งๆ เช่น ดนิ สอดา สชี อล์ก สเี ทยี น ถ่านเกรยอง เป็นต้น
(สุชาติ เถาทอง,มปป:๒)
ภาพท๘่ี :ภาพลายเส้นผลงานของเลโอนาโด
ดาวนิ ช๒ี ๐/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า : http://www.google.co.th/search?
๑๓
๑.๒ ภาพเขียน (painting)เปน็ การสรา้ งงาน ๒ มิติ บนพน้ื ระนาบดว้ ยสหี ลายสี
เรยี กช่ือลักษณะของภาพเขียนตามส่ือวัสดุทีใ่ ชเ้ ปน็ สาคัญเช่น ภาพเขยี นวาดดว้ ยสีนา้
ภาพเขียนวาดด้วยสนี ้ามนั ภาพเขยี นวาดด้วยสอี ะคริลกิ เป็นต้น
สอี ะคริลกิ ไดม้ าจากน้ามนั ปิโตรเลยี มเรียกอีกอย่างหน่งึ วา่ สีพลาสตกิ นิยมใช้ใน
งานจิตรกรรม และเป็นสีทาภายในอาคาร
ภาพ ๙:ภาพเขยี นสนี ้า ของสชุ าติ เถาทอง ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า :http://www.google.co.th/search?q=ภาพเขียนสีนา้ %20ของสุชาติ
เถาทอง&tbm
ภาพ ๑๐:ภาพวาดดว้ ยสีอะครลิ กิ ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ าhttp://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_i’
๑๔
๒. ประติมากรรม(sculpture)หมายถงึ การสรา้ งงานทัศนศิลป์ทเี่ กดิ จากกลวธิ ปี ้นั การแกะสลัก
การหล่อ การเชือ่ มติด หรือกระบวนการอื่นใดที่สรา้ งใหเ้ กิดรปู รา่ งรปู ทรง มีลักษณะเป็น ๓
มติ ิ คอื ความกวา้ ง ความยาว และความหนา จาแนกออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดังน้ี
๒.๑ แบบนนู ต่า (bas-relief) เปน็ การป้ันหรือสลกั โดยใหภ้ าพทเี่ กดิ นูนขึ้นจากพ้ืนเพียง
เล็กน้อย เทา่ นน้ั โดยอาศยั แสงเงาชว่ ยทาให้เกดิ ความรูส้ กึ ตื้นในการมองเห็น เช่น รูปบนเหรียญ
เงนิ ตราต่างๆ
ภาพ๑๑:ประติมากรรมแบบนนู ตา่ โดย พิทักษ์ สงา่ ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา:http://pitaksanga.com/sculpture/king-9-B3/
๒.๒แบบนนู สงู (high-relief)เป็นการปัน้ หรือสลักใหร้ ูปนนู ขึ้นจากพน้ื หลงั มากกวา่ คร่งึ
สามารถแสดงความตืน้ ลกึ ตามความเปน็ จรงิ เช่น ฐานอนุสาวรีย์ บานประตูไม้แกะสลกั
เปน็ ต้น
/ ภาพ๑๒:ประติมากรรมแบบนูนสงู ๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา:http://www.google.co.th/search?q=ภาพนูนตา่ &tbm=isch&ei=DKO_
๑๕
๒.๒แบบลอยตวั (round-relief) เปน็ การปั้นหรือสลกั ทีส่ ามารถมองเหน็ และสมั ผัส
ช่ืนชมความงามได้ทุกด้าน หรือรอบด้าน เชน่ พระบรมรปู ทรงม้า พระพทุ ธรปู
ภาพ๑๓:ประตมิ ากรรมแบบลอยตัว๒๐/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า:w.thaigoodview.com/library/teachershow//art/sec01p03.html’
๓. สถาปตั ยกรรม(architecture) หมายถงึ ศิลปะและวิทยาการแห่งการกอ่ สรา้ งเพอื่ สนอง
ความตอ้ งการในด้านวัตถุและจติ ใจ มลี กั ษณะเปน็ ส่งิ ก่อสร้างท่สี รา้ งขึ้นตามหลักวชิ าการ
ผ่านกระบวนการออกแบบ เขยี นแบบ ก่อสรา้ ง มีความเหมาะสมในการใชง้ าน จาแนก
ออกเป็น ๒ ลักษณะคือ
๓.๑ สถาปัตยกรรมแบบเปิด คอื สถาปัตยกรรมท่ีมนุษย์สามารถเข้าไปใชส้ อยได้ เช่น
สถานทปี่ ระกอบพธิ ที างศาสนา ท่ีพักอาศัย อาคารเรยี น สถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยสาคัญใน
การดาเนนิ ชีวิตของมนุษยม์ ลี กั ษณะขน้ึ อยกู่ บั เง่ือนไขด้านสภาพทางภูมศิ าสตร์
ภาพ ๑๔:สถาปัตยกรรมแบบเปดิ พระที่นั่งอนันตสมาคมและอาคารเรยี น ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า: ww.thaigoodview.com/library/teachershow/bangkok/anurak_s/art/sec01p03.html
๑๖
๓.๒สถาปัตยกรรมแบบปิด คอื สถาปตั ยกรรมทม่ี นุษย์ไม่สามารถเขา้ ไปใช้สอยได้
สร้างข้ึนเพ่อื ตอบสนองความเช่อื ทางศาสนา เช่น พีระมิดของอียปิ ต์ สถปู เจดีย์ เทวสถาน
เป็นตน้ (ผดงุ พรมมูล,๒๕๔๕:๗)
พีระมิดทป่ี ระเทศอยี ปิ ตส์ ถูปท่สี าญจที ี่ประเทศอนิ เดีย
องคพ์ ระปฐมเจดียจ์ ังหวัดนครปฐม
ภาพ ๑๕:สถาปัตยกรรมแบบปดิ ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา :http://www.addsiam.com/%E0%B0% /1150.html’.
๑๗
๔. ภาพพมิ พ์ (painting) หมายถงึ ผลงานทางดา้ นศลิ ปะท่ถี ูกสร้างขน้ึ มาด้วยวิธกี ารพมิ พ์
ดว้ ยการกดแมพ่ มิ พ์ให้ตดิ เปน็ ภาพบนกระดาษโดยใช้แม่พิมพ์ชนดิ ตา่ งๆ เช่น แมพ่ มิ พ์ไม้
แมพ่ ิมพ์โลหะ กระดาษ ยาง พืช เป็นตน้ จาแนกออกเป็น ๔ ลกั ษณะ ดงั นี้
๔.๑ พิมพ์ผิวนูน คอื การสรา้ งแม่พิมพ์ใหเ้ กิดส่วนลกึ และส่วนนนู โดยนาสไี ปกลงิ้ ผ่าน
บน พ้นื นูน จากนัน้ นาไปกดแนบกับพืน้ รองรบั ทีต่ อ้ งการจะพิมพ์ ได้แก่ ภาพพมิ พ์แกะไม้
ภาพพิมพ์แกะยาง ภาพพิมพโ์ ลหะ ภาพพมิ พ์วัสดุ เปน็ ต้น
ภาพพมิ พ์แกะไม้ ภาพพมิ พ์แกะยาง
ภาพ ๑๖:ภาพพมิ พผ์ ิวนนู ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา: http://www.bankruiat.org/articles/586130/%E0
ภาพท่ี ๑๗ แสดงแม่พิมพโ์ ลหะและวสั ดผุ วิ ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ที่มา: http://www.google.co.th/imglanding?
๑๘
๔.๒พิมพร์ ่องลกึ เป็นการพมิ พท์ ต่ี รงขา้ มกับการพิมพ์ผิวนูน ไดแ้ ก่ เอทชงิ เมซโซทนิ ท์
เป็นตน้
๔.๓ พมิ พพ์ น้ื ราบ วธิ นี ร้ี จู้ กั กนั ในนามภาพพมิ พห์ นิ คอื ใชแ้ ผน่ หนิ เปน็ แมพ่ มิ พ์
๔.๔ พิมพฉ์ ากพิมพ์เปน็ กระบวนการได้ภาพพมิ พ์ตรงกับแม่พมิ พ์ มีวิธีการพิมพ์
ที่ปลอ่ ยให้สีพมิ พ์ผา่ นฉากดา้ นบนทะลลุ งสแู่ ผน่ วสั ดทุ ่ใี ช้รองรบั ภาพพมิ พเ์ ชน่
ภาพพมิ พ์ตะแกรงไหม ภาพพิมพ์ตดั กระดาษ(สชุ าติ เถาทอง.มปป.๖-๗)
ภาพท่ี ๑๘ การพิมพ์ตะแกรงไหม๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chaarts&month=
ภาพท่ี ๑๙การพมิ พโ์ ลหะร่องลกึ โดยพดั ชา แกว้
ทองตาล เสนอแงค่ ดิ ในเชิงบวกเกยี่ วกับความสมั พันธ์
แหง่ ชวี ิต ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ท่มี า:http://www.portfolios.net/forum/
topics/2988839:Topic:83162
3
๑๙
๕. ภาพถา่ ยหมายถึงเป็นการถา่ ยภาพทีต่ ้องใชเ้ ทคนิคแปลกไปจากการถ่ายภาพธรรมดา
เปน็ ภาพทช่ี มแล้วเกดิ ความคดิ มคี วามเจรญิ ทางสตปิ ญั ญามผี ลในการสรา้ งสรรค์ ไมใ่ ช่
ภาพถา่ ยแบบอนาจารหรอื ภาพถา่ ยทวั่ ไป
ภาพที่ ๒๐ วดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ทมี่ า:http://www.panoramio.com/photo/74229458
๖. ศิลปะสือ่ ผสม(Mixed MediaArt) เป็นศิลปะทัศนศิลป์รูปแบบใหม่เกิดจากการ
ผสมผสานระหวา่ งดา้ นจติ รกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์เข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมลี ักษณะ
เป็น ๒ มิติ หรอื ๓ มติ ิ
ศิลปะสื่อผสม ศลิ ปะสื่อผสม สามมติ ิ ศลิ ปะส่ือผสมสองมติ ิ
ภาพท่ี ๒๑ ศิลปะสอื่ ผสม ๒๓/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา:http://www.google.co.th/search?q=ศิลปะส่อื ผสม&tbm=isch&tb
๒๐
ใบความรูท้ ี่ ๔
เรือ่ ง ความสมั พนั ธร์ ะหว่างศิลปะกบั มนุษย์
จดุ ประสงคน์ ักเรยี นสามารถบอกความสมั พนั ธ์ระหว่างศลิ ปะกบั มนุษย์ได้
การสร้างสรรคศ์ ลิ ปะเกิดขึน้ ต้งั แตส่ มยั โบราณ เป็นกิจกรรมพฒั นาสตปิ ญั ญา
และอารมณ์ซง่ึ จะเกิดขึ้นไดเ้ ฉพาะในสังคมมนุษย์เท่าน้นั การดารงชีพของมนษุ ย์ทเี่ ร่ร่อน
อาศยั อย่ตู ามถา้ เพงิ ผา ล่าสัตวห์ าของป่ามาเป็นอาหาร ลาดับแรกๆจะเปน็ ภาพวาด ที่มกั
ระบายดว้ ยถา่ นไมแ้ ละสีผสมกบั ไขมนั สัตว์ ซ่ึงมักปรากฏอยูต่ ามผนังถา้ ในที่ตา่ งๆ เชน่
ภาพววั ไบซัน ที่ถ้าอัลตามรี าในสเปน ภาพสตั ว์ชนิดตา่ งๆทีถ่ ้าลาสฏ์ กซ์ ในฝร่ังเศส
ภาพท่ี ๒๒ภาพวัวไบซัน
ทีถ่ ้าอลั ตามรี าในสเปน ๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ท่ีมา:http://www.4shared.com/we
b/preview/doc/KLH0XIVH?
ภาพท๒่ี ๓ ภาพสัตว์ชนิดตา่ งๆ
ทถี่ ้าลาสฏ์ กซ์ ในฝรงั่ เศส
ท่มี า:http://artdsr.blogspo
t. com/p/blog-
age_7315.htm
๒๕/๐๓/๒๕๖๑
๒๑
ในประเทศไทย สารวจพบภาพวาดหลายแหง่ เช่น ท่ีผาแตม้ อาเภอโขงเจยี ม
จงั หวัดอุบลราชธานี ทถ่ี า้ ผีหัวโต อาเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
ภาพท๒ี่ ๔ ภาพเขียนรูปคนและสัตวต์ ่างๆ ท่ผี าแต้ม อาเภอโขงเจียม จังหวัดอบุ ลราชธานี
ท่ีมา:http://www.oceansmile.com/E/Ubon/pic1/IMG_6667 ๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ภาพท๒ี่ ๕ ภาพวาดท่ีถา้ ผหี วั โต อาเภอ
อ่าวลึก จังหวดั กระบ่ี๒๕/๐๓/๒๕๖๑
ทม่ี า:ที่มา:http://atcloud.com/
stories/86574
จะให้เห็นวา่ ศิลปะมีความเก่ียวพนั กบั มนษุ ย์ในแงท่ ี่เป็นผลงานหรอื วธิ กี ารแสดงออกมา
เพ่อื ตอบสนองอารมณข์ องตนเองโดยผลงานศลิ ปะแรกๆของมนษุ ย์ เชอ่ื วา่ นา่ จะเกิดจากแรง
บันดาลใจของมนษุ ยท์ ่ีมตี อ่ ความงามทางธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มแล้วคอ่ ยๆถา่ ยทอดความ
ประทับใจออกมาเปน็ ผลงานศิลปะ
๒๒
แบบฝึกหัดท่ี ๑
ช่ือ.......................................................ช้นั .................................เลขท่ี............
คาชีแ้ จงให้นกั เรยี นออกแบบแผนผงั ความคดิ หรอื Mapping แสดงประเภท
ของงานทศั นศิลป์
.................................. ศลิ ปะสาขา ..................................
.................................. ทัศนศิลป์ ..................................
.................................. ..................................
... ..................................
..................................
.................................. ..................................
..................................
..................................
................................... .................................
................................... .................................
................................ .................................
...
๒๓
แบบฝึกหดั ท่ี ๒
ชื่อ.......................................................ชน้ั .................................เลขท่ี............
คาช้แี จงให้นกั เรยี นดูภาพ แลว้ บอกประเภทของงานทัศนศลิ ป์ให้ถูกต้อง
๑........................................... ๒...........................................
.
๓............................................ ๔............................................
.
๒๔
๕............................................ ๖............................................
.. .
๗............................................ ๘............................................
๙........................................... ๑๐.........................................
.
๒๕
แบบฝึกหัดที่ ๓
ชอ่ื .......................................................ช้นั .................................เลขท่ี............
คาชีแ้ จงใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้
๑. ทัศนศลิ ป์แบ่งผลงานออกเปน็ กป่ี ระเภทอะไรบา้ ง
ตอบ....................................................................................................................................
๒. การสร้างสรรค์ผลงานดา้ นจติ รกรรมมีกี่ลักษณะอะไรบ้าง
ตอบ...................................................................................................................................
๓. ประติมากรรมแบบนูนสงู มลี กั ษณะอยา่ งไร
ตอบ....................................................................................................................................
๔.การพิมพร์ ่องลกึ มีลกั ษณะอย่างไร
ตอบ....................................................................................................................................
๕. ศิลปะ หมายถงึ
ตอบ....................................................................................................................................
๖. ทศั นศิลป์ หมายถงึ
ตอบ.....................................................................................................................................
๗.ศลิ ปะแบบส่อื ผสมมีลักษณะอย่างไร
ตอบ.....................................................................................................................................
๘. ประยกุ ตศ์ ิลป์ หมายถงึ
ตอบ.....................................................................................................................................
๙. สถาปัตยกรรม มีลกั ษณะอย่างไรแบ่งออกเป็นกล่ี ักษณะ
ตอบ.....................................................................................................................................
๑๐. ภาพพมิ พ์สามารถจาแนกไดเ้ ปน็ กลี่ กั ษณะอะไรบ้าง
ตอบ.....................................................................................................................................
๒๖
แบบทดสอบหลังเรียน
สาระทัศนศิลป์ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
กลุม่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ
เล่มท่ี ๑ เร่ือง ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกบั ทัศนศลิ ป์ ๑
คาชี้แจงใหน้ กั เรยี นเขยี นเครอื่ งหมาย ทบั ตวั อกั ษรหน้าคาตอบทถ่ี กู ต้อง
๑. บานประตไู มแ้ กะสลกั เป็นประติมากรรมแบบใด
ก . นนู ต่า
ข . นนู สูง
ค. ลอยตัว
ง. พ้นื ราบ
๒. ขอ้ ใดตอ่ ไปนีเ้ ปน็ สถาปัตยกรรมแบบปิดทส่ี รา้ งขึน้ เพ่ือตอบสนองความเช่ือ
ความศรทั ธาทางศาสนา
ก. โบสถ์
ข. เทวรปู
ค. ศาลาการเปรียญ
ง. พระธาตุดอยสเุ ทพ
๓. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะของงานภาพพิมพ์
ก. ภาพพิมพ์ลอยตวั
ข. ภาพพิมพผ์ วิ นนู
ค. ภาพพิมพ์พื้นราบ
ง. ภาพพมิ พฉ์ ากพิมพ์
๒๗
๔. การเขยี นภาพด้วยสีน้าเปน็ งานทัศนศิลปป์ ระเภทใด
ก. ภาพพมิ พ์
ข. จติ รกรรม
ค. ประติมากรรม
ง. สถาปตั ยกรรม
๕. ประติมากรรม หมายถงึ การสรา้ งสรรค์งานดว้ ยวิธใี ด
ก. การขดู ขดี ลาก
ข. การตกแต่งลวดลาย
ค. การปั้น การแกะสลกั การหล่อ
ง. การออกแบบก่อสรา้ งอาคารต่างๆ
๖. งานปน้ั ที่สามารถมองเหน็ ได้รอบด้านคือการป้นั แบบใด
ก. แบบอิสระ
ข. แบบนูนตา่
ค. แบบลอยตวั
ง. แบบนนู สงู
๗. ภาพทีม่ นษุ ย์ในสมยั โบราณมักวาดดว้ ยสิ่งใด
ก. ใบไม้
ข. กงิ่ ไม้
ค. ดนิ เหนียว
ง. ถ่านไม้และสีผสมกบั ไขมนั สัตว์
๘. ขอ้ ใดกล่าวถึงความหมายของศิลปะไดถ้ กู ตอ้ ง
ก. ส่ิงทสี่ วยงาม
ข. การสร้างสรรค์
ค. ส่งิ ทม่ี นุษยส์ ร้างข้นึ
ง. สง่ิ ท่ีมนษุ ยส์ รา้ งขึ้นจากความพงึ พอใจ
๒๘
๙. ภาพพิมพ์พน้ื ราบ มีลกั ษณะอย่างไร
ก. เปน็ กระบวนการพิมพท์ ไี่ ดภ้ าพพมิ พต์ รงกบั แมพ่ มิ พ์
ข. เปน็ กระบวนการพมิ พท์ นี่ าเอาแผ่นหนิ มาเปน็ แม่พิมพ์
ค. เปน็ กระบวนการสรา้ งแมพ่ ิมพโ์ ดยการทาให้เกิดส่วนลึกและส่วนนูน
ง. เป็นกระบวนการสร้างแม่พิมพโ์ ดยการสรา้ งภาพหรอื ริ้วรอยลงบน
แม่พิมพ์
๑๐. จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปตั ยกรรม และภาพพิมพ์ จดั อย่ใู นศลิ ปะ
สาขาใด
ก. โสตศิลป์
ข. ทศั นศิลป์
ค. ประยกุ ตศ์ ลิ ป์
ง. อตุ สาหกรรมศิลป์
๒๙
บรรณานุกรม
จีรพันธ์ สมประสงค.์ หนังสือเรยี นกลุ่มสาระการเรยี นรพู้ นื้ ฐานศลิ ปะ ช้ันมธั ยมศึกษา
ปีที่ ๑. กรุงเทพฯ :แม๊ค, ๒๕๕๐.
ผดงุ พรมมูล และคณะ. กลุ่มสาระการเรยี นรูท้ ัศนศิลป์ ชว่ งชน้ั ท่ี ๓ (ม.๑-๓).
ม.ป.ท., ๒๕๔๕.
สุชาติ เถาทอง และคณะ.หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน ทัศนศิลป์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี๑.
กรงุ เทพฯ : อกั ษรเจรญิ ทัศน,์ (มปป.).
______.คมู่ อื ครูรายวชิ าพื้นฐาน ทศั นศลิ ป์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๑.พิมพค์ รั้งท่ี ๒.
กรงุ เทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน,์ อจท.(มปป.).
สวุ ทิ ย์ มูลคา.การพัฒนาผลงานทางวิชาการ ส่กู ารเล่ือนวิทยฐานะ. กรงุ เทพฯ :
อี เคบุ๊คส,์ ๒๕๕๐.
สง่ิ แวดลอ้ มมอี ิทธพิ ลตอ่ การสร้างสรรคผ์ ลงานทางทศั นศิลป์.วันท่คี น้ ข้อมูล๒๗ มนี าคม
๒๕๖๐.ค้นจากhttp://www.oknation.net/blog/wansuk/page3.๒๕๖๐.
ภาพเขียนสนี ้าของ อ.กติ ตศิ ักดิ์ บุตรดีวงศ์ ทสี่ ะท้อนใหเ้ หน็ บุคลกิ ภาพส่วนตัวอัน
อ่อนโยนรกั สันโดษ.วนั ที่ค้นข้อมูล๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐.คน้ จาก
http://www.oknation.net/blog/phaen/2007/10/04/entry-1.๒๕๖๐.
ภาพเขียนสนี ้าของ อ.กติ ติศกั ดิ์ บตุ รดวี งศ์ ทส่ี ะท้อนใหเ้ หน็ ชีวติ ความเป็นอยู่
ของชาวชนบท.วนั ที่คน้ ข้อมูล ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๐. คน้ จาก
http://www.artbangkok.com/?p=22510.๒๕๖๐.
รูปแบบอาคารบา้ นเรอื นแบบต่างๆ.วนั ที่คน้ ข้อมูล ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐. ค้นจาก
http://www.tmotionhome.com/PD424943.๒๕๖๐.
ช้ันวางหนงั สอื .วันท่คี น้ ขอ้ มูล ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๐. ค้นจากhttp://www.xn--
l3c2a5a7a3cwa.com/page/233.๒๕๖๐.
๓๐
เฉลยแบบฝึกหัดที่ ๑
งานจิตรกรรม งานสถาปตั ยกรรม
ภาพวาด แบบปดิ
ภาพเขียน แบบเปดิ
งานภาพถา่ ย ศลิ ปะสาขา งานส่อื ผสม
ทัศนศลิ ป์ สองมติ ิ
สามมติ ิ
งานประตมิ ากรรม งานภาพพมิ พ์
แบบนนู สูง พมิ พพ์ น้ื พมิ พผ์ วิ
แบบนูนต่า พมิ พ์ฉากพิมพ์
แบบลอยตัว
พมิ พ์ร่องลึก
๓๑
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๒
๑. ภาพนูนต่า ๒. ภาพพิมพ์
๓. สถาปตั ยกรรม ๔. สถาปตั ยกรรม
๓๒
๕. ภาพลอยตัว ๖. ภาพเขียน
๗. ภาพนูนสูง ๘.ภาพวาด
๙. ภาพวาด ๑๐. ภาพพิมพโ์ ลหะ
๓๓
เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๓
๑. ทศั นศิลป์แบ่งผลงานออกเปน็ กป่ี ระเภทอะไรบา้ ง
ตอบ๔ ประเภท คอื จิตรกรรม ประตมิ ากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพมิ พ์
๒. การสร้างสรรค์ผลงานด้านจติ รกรรมมีก่ีลักษณะอะไรบา้ ง
ตอบมี ๒ ลักษณะคอื ภาพวาด และภาพเขียน
๓. ประตมิ ากรรมแบบนนู สงู มลี กั ษณะอยา่ งไร
ตอบมีลักษณะการปนั้ หรอื สลกั ใหร้ ปู ทตี่ ้องการนูนขน้ึ จากพน้ื หลงั มากกว่าครงึ่ เปน็ รปู
ท่สี ามารถแสดงความตนื้ ลึกตามความเปน็ จรงิ
๔.การพมิ พร์ อ่ งลกึ มลี ักษณะอย่างไร
ตอบลกึ เปน็ การพิมพท์ ต่ี รงขา้ มกบั การพมิ พ์ผิวนนู
๕. ศลิ ปะ หมายถงึ
ตอบ การถ่ายทอดอารมณแ์ ละความรู้สกึ ออกมาในรูปแบบตา่ งๆ
๖. ทศั นศิลป์ หมายถึง
ตอบศิลปะท่ีสามารถมองเห็นด้วยตาและกอ่ ให้เกิดความรูส้ กึ ต่างๆ
๗. ศิลปะแบบส่ือผสมมลี กั ษณะอยา่ งไร
ตอบ เป็นศิลปะทเี่ กดิ จากการผสมผสานระหว่างงานดา้ นจิตรกรรมประติมากรรม
และภาพพมิ พเ์ ขา้ ดว้ ยกัน มลี กั ษณะเปน็ ๒ มติ ิ หรอื ๓ มติ ิ
๘. ประยุกต์ศิลป์ หมายถึง
ตอบ การนาศลิ ปะมาประยกุ ต์สรา้ งสรรคส์ ่ิงตา่ งๆ ทจี่ าเปน็ ในชวี ิตประจาวัน
๙. สถาปตั ยกรรม มลี ักษณะอย่างไรแบ่งออกเปน็ กลี่ ักษณะ
ตอบมลี ักษณะเปน็ สงิ่ กอ่ สร้างทผ่ี ่านกระบวนการออกแบบ เขียนแบบ มี ๒ ลกั ษณะ
สถาปตั ยกรรมแบบเปดิ และแบบปดิ
๑๐. ภาพพิมพส์ ามารถจาแนกได้เป็นกี่ลกั ษณะอะไรบา้ ง
ตอบ ๔ ลกั ษณะ คอื พิมพผ์ วิ นนู พมิ พร์ ่องลกึ พมิ พพ์ นื้ ราบ พมิ พ์ฉากพิมพ์
๓๔
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
๑. ง ๑. ข
๒. ข ๒. ง
๓. ค ๓. ก
๔. ง ๔. ข
๕. ข ๕. ค
๖. ข ๖. ค
๗. ข ๗. ง
๘. ค ๘. ง
๙. ก ๙. ข
๑๐.ง ๑๐.ข