The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 2, 2022-01-12 06:15:10

กาพย์เห่เรือ_2_

กาพย์เห่เรือ_2_

กาพย์เห่เรือ

คุณค่าด้านวรรณศิ ลป์

สารบัญ






เนื้อหา หน้า

ประวัติผู้แต่ง ๒

ลักษณะประพันธ์และสาระสำคัญของเรื่อง ๓-๕
๖-๗
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๘

คุณค่าด้านสังคม ๙
๑๐
คุณค่าด้านเนื้อเรื่อง

ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง

รายชื่อสมาชิก



ประวัติผู้แต่ง



เจ้าฟ้ าธรรมาธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ เป็ นพระราชโอรสองค์ที่ ๑ ในสมเด็จ
พระเจ้าบรมโกศและพระพันวัสสาใหญ่ ต่อมาได้รับสถาปนาเป็ นเจ้าฟ้ ากรมขุนเสนา
พิทักษ์ เจ้าฟ้ าธรรมาธิเบศรทรงมีความรู้ทางด้านอักษรศาสตร์แตกฉานมาก จะเห็นได้
จากการที่พระองค์ทรงพระนิพนธ์วรรณกรรมสำคัญๆไว้หลายเรื่องได้แก่

๑. วรรณกรรมเกี่ยวกับทางศาสนา คือ นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระ
มาลัยคำหลวง

๒. วรรณกรรมประเภทกาพย์ ได้ แก่ กาพย์เห่เรือ กาพย์เห่โคลงประพาส
ธารทองแดง กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท กาพย์เห่เรื่องกากี

นับได้ว่าพระองค์เป็ นผู้ที่ทรงรอบรู้เชี่ยวชาญในการประพันธ์ทั้งทางคดีโลก
และคดีธรรม สมควรยกย่องให้เป็ นกวีเอกในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ( พ.ศ.
๒๒๗๕-๒๓๑o)



ลักษณะคำประพันธ์

กาพย์เรือ ขึ้นต้นด้วยโคลงสีสุภาพ ๑ บท ตามด้วยกาพย์ยานี ๑๑ ไม่จำกัดจำนวนบท
เนื้อความคล้อยตามกัน เมื่อขึ้นต้นตอนใหม่ก็แต่งโคลงสีสุภาพ ๑ บท และแต่งกาพย์ยานี

ตามเสมอไป

สาระสำคัญของเรื่อง

เป็ นเรื่องชมพยุหยาตราทางชลมารค เจ้าฟ้ าธรรมาธิเบศรทรงพระนิพนธ์สำหรับเห่เรือ
พระที่นั่งของพระองค์เอง เมื่อเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี

เนื้อเรื่องมีการพรรณนาชมเรือ ชมปลา ชมพันธุ์ไม้ ชมนก และเป็ นบทครวญ รวมทั้ง
สอดแทรกการรำพึงรำพันถึงนางผู้เป็ นที่รักไว้ด้วยตามแบบแผนในการแต่งนิราศ การ
พรรณนาการเดินทางนั้นดำเนินเรื่องสัมพันธ์กับเวลา ๑ วัน คือ เช้า-ชมกระบวนเรือ

สาย-ชมปลา บ่าย-ชมไม้ เย็น-ชมนก ค่ำ-บทครวญ



คุณค่าด้านวรรณศิลป์







๑.๑) ลักษณะการแต่ง แต่งถูกต้องตามฉันทลักษณ์ มีสัมผัสในทำให้ไพเราะ ใช้คำง่าย ถึง
แม้จะเป็ นภาษาอื่นก็เป็ นที่รู้จักคุ้นเคย เช่น

“ลำดวนหวนหอมตรลบ กลิ่นอายอบสบนาสา

นึกถวิลกลิ่นบุหงา รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง”




“บุหงารำไป”เป็ นภาษาชวา

๑.๒) การใช้คำ รู้จักสรรคำที่มีความหมายเด่นชัด คำทุกคำมีความไพเราะรื่นหู มีการ
สัมผัสแพรวพราวทั้งสัมผัสใน สัมผัสนอก สัมผัสสระ และสัมผัสอักษร สำนวนที่ใช้
กะทัดรัด เข้าใจง่าย วางไว้ในที่เหมาะสม เช่น

“เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้ง
ตัวเดียวมาพลัดคู่ เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย”



คุณค่าด้านวรรณศิลป์

๑.๓) ใจความทุกวรรคตอนทำให้ผู้อ่านเกิดภาพพจน์ มีเชิงพรรณนาแยบคายล้ำลึก
ใจความเป็ นไปอย่างมีชีวิตจิตใจ สมเป็ นบทเห่เรือซึ่งมีจุดมุ่งหมายไม่ให้เหน็ดเหนื่อย เช่น

“เนื้ออ่อนอ่อนแต่ชื่อ เนื้อน้องฤๅอ่อนทั้งกาย

ใครต้องข้องจิตชาย ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง”



๑.๔) แทรกความคิดเชิงสร้างสรรค์เกี่ยวกับความงามไว้อย่างเหมาะสม เช่น ค่านิยมเกี่ยว
กับความงามของหญิงไทย คือ ต้องงามพร้องทั้งคุณลักษณะและคุณสมบัติ กล่าวคือ ดี
พร้อมทั้งรูปร่าง หน้าตา คำพูด และกิริยามารยาท เช่น

“งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล”



คุณค่าด้านวรรณศิลป์





๑.๕) ใช้เสียงประกอบในคำประพันธ์ทำให้เกิดความงามและจินตภาพ (สัทพจน์) เช่น

“เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง
พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา”



๑.๖) ใช้โวหารเปรียบเทียบทำให้เกิดภาพพจน์ (อุปมาโวหาร) เช่น

“สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม”

๑.๗) ใช้ความเปรียบตรงตัว (อุปลักษณ์) เช่น

“น้ำเงินคือเงินยวง ขาวพรายช่วงสีลำอาง
ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง งามเรื่อเนื้อสองสี”



ด้านสังคม




สะท้อนให้เห็นให้เก็บชีวิติความเป็ นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
และค่านิยมของคนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหลายด้าน ดังนี้

๒.๑) การคมนาคม
เมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองมาก ในสมัยนั้นจึงใช้การคมนาคมทางน้ำเป็ นสำคัญ

๒.๒) ขนบธรรมเนียมประเพณี
สะท้อนให้เห็นวัฒธรรมในการแต่งกายของหญิงชาววังในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอน
ปลาย และขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย เช่น

“เพียนทองงามดั่งทอง ไม่เหมือนน้องห่มตาพราย
กระแหแหกห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจาดสม”


“หวีเกศเพศซื่อปลา
หวีเกล้าเจ้าสระสาง คิดสุดาอ่าองค์นาง
เส้นเกศสลวยรงยกลิ่นหอม”
“ประยงค์ทรงพวงห้อย

เหมือนอุบะนวลละออง
ระย้าย้อยห้อยพวงกรอง
เจ้าแขวนไว้ให้เรียนชม”



ด้านสังคม

๒.๓) การบอกเวลานิยมใช้ฆ้อง กลอง เป็ นเครื่องบอกเวลา เช่น

“ยามสองฆ้องยามย่ำ ทุกคืนค่ำย่ำอกเอง
เสียงปี่ มี่ครวญเครง เหมือนเรียมคร่ำร่ำครวญนาน”



๒.๔) ความเชื่อในกฎแห่งกรรม เช่น

“เวรามาทันแล้ว จึงจำแคล้วแก้วโกมล
ให้แค้นแสนสุดทน ทุกข์ถึงเจ้าเศร้าเสียดาย”



ให้ความรู้เกี่ยวกับขบวนพยุหยาตราชลมารค ทำให้รู้จักชื่อเรือพระที่นั่ง
ต่าง ๆ ตามลำดับ รู้จักชื่อปลา พันธุ์ไม้ พันธุ์นก และตำนานของเทพในวรรณคดี
เช่น ครุฑยุดนาค พาหนะทรงของพระนารายณ์คือครุฑ พาหนะทรงของพระพายคือ
ม้า พาหนะทรงของพระพรหมคือหงส์ เป็ นต้น



ด้านเนื้อเรื่อง



เราได้ความรู้จากกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้ าธรรมธิเบศรมากมาย ดังนี

๑) ได้รับรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีและสภาพสังคม เช่น ประเพณีเห่เรือและ ประเภท
ของเรือ ประเพณีการแต่งกาย เป็ นต้น

๒) ได้รับความรู้เกี่ยวกับการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและชนิดของเรือ

๓) ได้ความรู้ทางด้านธรรมชาติวิทยา คือ รู้จักชื่อสัตว์ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำและชื่อต้นไม้
ที่ปรากฏ อยู่ในกาพย์เห่เรือ บทเห่ชมปลา บทเห่ชมไม้ และบทเห่ชมนก

สรุปได้ว่า กาพย์เห่เรือ เป็ นวรรณคดีที่ได้สะท้อนความงามของวัฒนธรรม
ประเพณีของไทย อย่างวิจิตร ตระการตา ดังเช่น นิโคลาส แชร์แวส์ บุคคลในคณะทูต
ฝรั่งเศสผู้หนึ่ง กล่าวไว้ในหนังสือ ชื่อ "ประวัติศาสตร์แห่ง ราชอาณาจักรสยาม" ถึง
กระบวนพยุหยาตราชลมารค อย่างน่าตื่นตาตื่นใจว่า "จะไม่สามารถเทียบความงาม
กับขบวนเรือที่มโหฬาร ที่มีเรือตั้ง 200 ลำ มีทองค้าประดับ เวลาพายก็จะพาย พร้อม
กันเป็ นจังหวะจะโคน พายนั้นก็เป็ นทองเหมือนกัน เสียงพายกระทบน้ำเป็ นเสียง
ประสานไปกับท้านองเพลงยอพระเกียรติของพระเจ้าแผ่นดิน"

วัฒนธรรมเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดเป็ นวรรณศิลป์ที่บรรจงเพริศแพร้ว และ
ได้แสดงออกให้เห็นอย่างประจักษ์และเป็ น รูปธรรมจากประเพณีพระราชพิธีเห่เรือที่มี
มาตังแต่อดีตจนถึงปั จจุบัน



ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง





๑) วรรณคดีช่วยทำให้จิตใจของมนุษย์อ่อนโยน ความงดงามของภาษาจะช่วยขัดเกลา
ทำให้สงบและมีความสุข

๒) การเดินทาง ทางน้ำ เป็ นวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต

๓) ในน้ำมีปลา เป็ นภาพสะท้อนของระบบนิเวศที่ดีเยี่ยม สมควรที่คนรุ่นปั จจุบันจะต้อง
ฟื้ นฟู ธรรมชาติให้กลับคืนมาให้ได้

๔) ระบบนิเวศที่อยู่รวมกันได้อย่างเป็ นสุขทั้งคน ปลา ไม้ นก และสัตว์ต่างๆ เป็ นเมืองใน
อุดมคติที่สวยงาม

๕) การเดินทางจะไม่น่าเบื่อถ้าสามารถเขียนคำประพันธ์หรือบันทึกการเดินทางเพื่อให้ผู้
อื่นได้อ่าน

๖) ภาพสะท้อนของชนบทประเพณีความคิด ภูมิปั ญญาบรรพบุรุษ จะบันทึกไว้ใน
วรรณกรรมอันเป็ นสิ่งที่น่าศึกษา

การจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาษาไทย ประเภทวรรณคดี เรื่องกาพย์เห่
เรือ จึงสามารถหยิบยกเอา เหตุการณ์ในชีวิตจริงอันเป็ นประเพณีทีี่งดงามและสืบทอด
มายังรุ่นสู่รุ่น แสดงอย่างประจักษ์ให้ผู้เรียนได้เห็นภาพ การเคลื่อนไหว ท่วงทำนอง จน
เกิดความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งและเข้าถึงเนื้อหาทางวรรณคดี ดังนั้นผลที่ได้จาก การ
จัดการเรียนการสอนวรรณคดีนี้มิเพียงแค่ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ แต่ยังทำให้ผู้
เรียนได้ตระหนักใน ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติที่นานาประเทศยอมรับ เกิดความ
หวงแหนและร่วมอนุรักษ์ประเพณี เกิดความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็ นคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ จึงถือได้ว่ากาพย์เห่เรือเป็ นทังวรรณคดี เป็ นทั้งมรดกทาง วัฒนธรรม
ประเพณี และบทเรียนที่ล้ำค่ากับเยาวชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าสืบไป

รายชื่อสมาชิก ๑๐






จักรกฤษ เวียงแก้ว เลขที่ 1
สรสิช สุดสงวน เลขที่ 4

ภัทรกร ศรีเมืองบุญ เลขที่ 6
รัชพล รัตนกิตยากุล เลขที่ 7
ธนรัตน์ รุ่งเรืองวิเศษชัย เลขที่ 13
จิณณพัต ครองยุทธ เลขที่ 15
ณัฐกมล ธนะธรรมโกศล เลขที่ 18
พรรณธิภา อิ่มอรชร เลขที่ 21
พฤนท์ โทปุรินทร์ เลขที่ 22
อัญภิญญา สุขสันเขต เลขที่ 31
ปิ ยะดา ฉัตรทิวาพร เลขที่ 36



ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ห้อง 2


Click to View FlipBook Version