สมุนไพรไทย มหัศจรรย์
มหัศจรรย์ สมุนไพรไทย Miracle of Thai herbs
สมุนไพร คือ พืช สัตว์หรือแร่ธาตุที่ใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องส าอาง ส าหรับป้องกัน รักษาโรค บ ารุงสุขภาพ หรือ เสริมสวย สมุนไพรที่ใช้เป็นอาหาร เรียกว่า “อาหาร สมุนไพร” สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม เรียกว่า “เครื่องดื่มสมุนไพร” สมุนไพรที่ใช้เป็นยา เรียกว่า “ยาสมุนไพร” สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องส าอาง เรียกว่า “เครื่องส าอางสมุนไพร” สมุนไพรแบ่งตามหลักวิชาออกเป็น 2 สาขา สมุนไพร คือ พืช สัตว์หรือแร่ธาตุที่ใช้ เป็นอาหาร เครื่องดื่ม ยา หรือ เครื่องส าอาง ส าหรับป้องกัน รักษาโรค บ ารุงสุขภาพ หรือ เสริม สวย สมุนไพรที่ใช้เป็นอาหาร เรียกว่า อาหารสมุนไพร สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม เรียกว่า เครื่องดื่มสมุนไพร สมุนไพรที่ใช้เป็นยา เรียกว่า ยาสมุนไพร สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องส าอาง เรียกว่า เครื่องส าอางสมุนไพร เรามาดูกันว่าสมุนไพรอะไรทชี่่วยรกัษาโรคได้อย่างน่ามหศัจรรย์บ้าง และพืชสมุนไพร ตั้งแต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมายซึ่ง เชื่อกันอีกด้วยว่า ต้นพืชต่าง ๆ ก็เป็นพืช ที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมีคุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านนั้ หนังสือมหัศจรรย์สมุนไพร E-Book เล่มนี้จึงรวมเอาพืชพักและสมุนไพรเบื้องต้น มาไว้ให้ได้ ศึกษาและเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรไทย เทศบาลต าบลบ้านหลวง บทน ำ
ตีนฮุ้งดอย(สัตฤๅษี) ชื่อวิทยาศาสตร์: Paris polyphylla Smith ชื่อสามัญ : - วงศ์ : TRILLIACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน ต้นสูง 50-100 เซนติเมตร ใบเดี่ยว เรียงเป็นวงรอบข้อ แผ่ออกเป็นรัศมี 5-9 ใบ รูปรีแกมรูปขอบขนาน ค่อนข้างกว้าง ปลายใบแหลมยาว ก้านใบสั้นสีน ้าตาลแดง ดอกสีเหลืองแกมส้ม ออกเดี่ยวๆ บนก้านยาวที่ปลายต้น มีใบประดับ ใหญ่ 4-6 ใบรองรับ กลีบดอกลดรูปเป็นเส้นเรียวยาว 6-12 เซนติเมตร สีเขียว เกสรเพศผู้จ านวนมาก เรียงเป็นวงรัศมี ผลกลม ผิวเรียบ เมล็ดสีแดงอมส้ม สรรพคุณ : ทั้งต้นมีสรรพคุณลดไข้ส่วนหัวมีสรรพคุณแก้ปวด แก้อักเสบ และคลายกล้ามเนื้อ น าไปต้มแก้พิษงู, แผลน ้าร้อนลวก รักษาโรคคอตีบและสมองอักเสบ
ใบเตย หรือ เตยหอม ชื่อวิทยาศาสตร์: Pandanus amaryllifolius Roxb. ชื่อสามัญ : Pandanus Palm , Fragrant Pandan , Pandom wangi. วงศ์ : Pandanaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ล าต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่มบริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากค ้าจุนช่วยพยุงล าต้นไว้ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ เวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน เส้นกลางใบเว้าลึกเป็นแอ่ง ถ้าดูด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือ ใบมีกลิ่นหอม สรรพคุณ : ต้นและราก - ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้กระษัย ใบสด - ต าพอกโรคผิวหนัง - รักษาโรคหืด - น ้าใบเตย ใช้เป็นยาบ ารุงหัวใจให้ชุ่มชื่น - ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม
กะเพรา ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum sanctum L. ชื่อสามัญ : Holy basil, Sacred Basil วงศ์ : Lamiaceae (Labiatae) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 30-60 ซม. โคนต้นค่อนข้างแข็ง กะเพราแดงล าต้นสีแดงอมเขียว ส่วนกะเพราขาวล าต้นสีเขียวอมขาว ยอดอ่อนมีขนสีขาว ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปรีกว้าง 1-3 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบแหลม ขอบใบจักเป็นฟนัเลื่อย แผ่นใบสีเขียว มีขนสีขาว ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีขาวแกมม่วงแดงมีจ านวนมาก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกัน ปลายเรียว แหลม ด้านนอกมีขน กลีบดอกแบ่งเป็น 2 ปาก ปากบนมี 4 แฉก ปากล่างมี 1 แฉก ปากล่างยาวกว่าปาก บน มีขนประปราย เกสรเพศผู้มี 4 อัน ผล เป็นผลแห้ง เมื่อแตกออกจะมีเมล็ด สีด า รูปไข่ สรรพคุณ : -แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ) -ใช้แก้อาการท้องอืดเฟ้อ แน่จุกเสียดและปวดท้อง -แก้ไอและขับเหงื่อ -ขับพยาธิ -ขับน ้านมในสตรีหลังคลอด -ลดไข้ -เป็นยาอายุวัฒนะ -เป็นยารักษาหูด กลากเกลื้อน ต้านเชื้อรา -เป็นยาสมุนไพร ใช้ไล่ หรือฆ่ายุง -เป็นสมุนไพร ไล่แมลงวันทอง กะเพรา สารพัด ประโยชน์
ย ี ่ หร ่ า ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum gratissimum L. ชื่อสามัญ : Tree basil, Clove basil. วงศ์ : (LAMIACEAE หรือ LABIATAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ต้นยี่หร่า เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีความสูงประมาณ 50-80 เซนติเมตร ล าต้นมีสี น ้าตาลแก่แตกกิ่งก้านสาขาขนาดเล็ก กิ่งก้านไม่ใหญ่ ในช่วงปีแรกและปีที่สองจึงออกดอกออกผล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักช ากิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและมีความชื้นปานกลางใน สภาพกลางแจ้ง ใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ลักษณะของเป็นรูปกลมรีโคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟนัเลื่อย ใบสีเขียวสด ผิวใบสากมือ ใบยี่หร่ามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีรสร้อน จึงช่วยดับกลิ่น คาวจากอาหารจ าพวกเนื้อสัตว์เนื้อปลาได้เป็นอย่างดี สรรพคุณ : (ใบ) สามารถช่วยยับยั้งหรือช่วยชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้, ช่วยในการบ ารุงธาตุในร่างกาย,ใบยี่หร่าอุดมไปด้วยวิตามินซีและธาตุ แคลเซียม,ช่วยแก้โรคเบื่ออาหาร, ช่วยแก้อาการปวดท้องเนื่องจาก อาหารไม่ย่อย (ต้น, รากแห้ง) ช่วยในการท างานของระบบย่อยอาหาร,ต้นยี่หร่ามี สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาการปวดท้อง,ช่วยในการขับลมในล าไส้ (น ้ามันหอมระเหย) น ้ามันหอมระเหยจากยี่หร่ามีฤทธิ์ช่วยระงับอาการหดเกร็งของไส้ (ผล) ยี่หร่ายังมีฤทธิ์ท าให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดประจ าเดือนในสตรี
พริก ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum frutescens Linn. ชื่อสามัญ :. Bird Chilli วงศ์ : SOLANACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ต้น : เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก ล าต้นมี ความสูงประมาณ 45-75 ซม. ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามกัน ลักษณะใบจะกลมรีตรงปลายจะแหลม ดอก : จะออกตรงง่ามใบเป็นกลุ่มประมาณ 1-3 ดอก เป็นสีขาว มีกลีบดอกประมาณ 5 กลีบ ส่วนเกสรตัวผู้ จะมีอยู่ 5 อัน จะขึ้นสลับกบกลีบดอก เกสรตัวเมียมี1 อันและมีรังไข่ประมาณ 2-3 ห้อง ผล : ผลสุกจะเป็นสีแดง หรือแดงปนน ้าตาล ลักษณะผลมีผิวลื่นเป็นมัน ภายในผลนั้นจะกลวง และมี แกนกลาง รอบ ๆแกนจะมีเมล็ดเป็นสีเหลืองเกาะอยู่มากมาย และเมล็ดจะมีรสเผ็ด สรรพคุณ : ใช้ปรุงรสอาหาร ช่วยเจริญอาหาร และรักษาอาการอาเจียน รักษาโรคหิด กลาก รักษาโรคบิด โดยการใช้พริกสด 1 เม็ด หรือ มากกว่านั้นใช้กิน และอาการปวดบวมเนื่องจากความเย็นจัด โดยใช้ ผงพริกแห้งท าเป็นขี้ผึ้ง หรือสารละลายแอลกอฮอล์ใช้ท
มะเขือเปราะ ชื่อวิทยาศาสตร์: Solanum virginianum L. ชื่อสามัญ :. Thai Eggplant วงศ์ : SOLANACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ต้นมะเขือเปราะ มีถิ่นก าเนิดในประเทศอินเดีย จัดเป็นไม้พุ่ม ที่มีความสูงของต้นประมาณ 2-4 ฟุต มีอายุได้ หลายฤดูกาล ใบมะเขือเปราะ ใบมีขนาดใหญ่ ออกเรียงตัวแบบสลับ ดอกมะเขือเปราะ ออกดอกเดี่ยว ดอกมีขนาดใหญ่เป็นสีม่วงหรือสีขาว ผลมะเขือเปราะ ลักษณะของผลมีรูปร่างกลมแบนหรือเป็นรูปไข่ ผลเป็นสีขาวอมเขียว และอาจเป็นสีขาว สีเขียว สีเหลือง หรือสีม่วง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก ผลเมื่อแก่แล้วจะมีสีเหลือง ส่วนเนื้อในผลเป็นสีเขียว เป็นเมือก มีรสขื่น สรรพคุณ : (ผล) ประเทศอินเดียจะใช้น ้าต้มจากผลมะเขือเปราะเป็นยารักษาโรคเบาหวาน , ผลใช้เป็นยาลดไข้, ช่วยในการ ย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย (ราก) การแพทย์อายุรเวทของอินเดียจะใช้รากมะเขือเปราะเป็นยารักษาอาการไอ , รากใช้เป็นยาแก้หอบหืด หลอดลมอักเสบ, ช่วยขับลม, ใช้เป็นยาแก้อัณฑะอักเสบ ด้วยการใช้ 15 กรัม, หญ้าแซ่ม้า 15 กรัม และต้น ทิ้งถ่อน น ามารวมกันต้มกับน ้ารับประทาน (ใบ) ใบสดใช้ภายนอกน ามาต าพอกแก้พิษ แก้ฝีหนอง
ผ ั กช ีฝร ั ่ ง ชื่อวิทยาศาสตร์: Erybgium foetidum L. ชื่อสามัญ :. - วงศ์ : Apiaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ผักชีฝรั่งมีล าต้นเตี้ย ๆ ติดดิน ใบ เป็นใบเดี่ยวออกรอบ ๆ โคนต้น ไม่มีก้านใบ ใบรูปหอก ยาวรี ใบออกเรียงแบบกระจุกรอบ ๆ โคนต้นใกล้กับพื้นดิน ลักษณะของแผ่นใบเป็นรูปคล้ายใบหอก ปลายใบมี ลักษณะมน ใบยาวยาวประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร ความกว้างใบประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ขอบใบ เป็นหยักเหมือนซี่ฟนัเลื่อย รากเป็นรากฝอยสั้น ๆ อยู่รอบ ๆ โคนต้น สรรพคุณ : (ใบและใบอ่อน) ใช้เป็นยาแก้ท้องอืด บ ารุงกระดูกและฟัน แก้อาการหวัด แก้ท้องเสีย มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือต้านการเกิดเซลล์มะเร็ง (ล าต้น) ช่วยลดระดับความดันโลหิต บ ารุงผิวพรรณ ใช้เป็นยาถ่าย ขับลม ท าให้เล็บเส้นผมแข็งแรง (ราก) ช่วยขับเหงื่อ แก้ไข้ขับปัสสาวะ รักษาแผลผุพอง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Aloe vera (L.) Burm.f. ชื่อสามัญ :. Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados วงศ์ : ASPHODELACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร ล าต้นเป็นข้อปล้องสั้น เนื้ออ่อน อวบน ้า (ใบ) เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและรูปร่างยาว โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ริมใบหยักและมี หนาม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบสีเขียวใสและมีรอยกระสีขาว ใบจะอุ้มน ้าได้ดีภายในมีวุ้นและ เมือกใสสีเขียวอ่อนๆ (ดอก) ออกดอกเป็นช่อกระจายที่ปลายยอด ก้านช่อดอกยาวมากชูตั้งตรง ดอกเป็นหลอดปลายแยกสีส้ม แดงอมเหลืองเล็กน้อย บานจากข้างล่างขื้นข้างบน คล้ายดอกซ่อนกลิ่นตูมๆ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ชั้น รูปแตร (ผล) เป็นผลแห้ง รูปกระสวย สรรพคุณ : ใบ รสเย็น โขลกผสมสุราพอกฝีวุ้นจากใบล้างด้วยน ้าสะอาดทาหรือฝานบางๆ ปิดหรือทาแผลไฟไหม้ น ้าร้อนลวก ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด วุ้นรับประทานแก้โรคกระเพาะ บ ารุง ร่างกาย แก้ร้อนใน ดูดพิษร้อนภายในร่างกาย ทั้งต้น รสเย็นเอียน ดองสุราดื่มขับน ้าคาวปลา ราก รสขมขื่น รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิด ช ้ารั่ว ยางในใบ เป็นยาระบาย น ้าวุ้นจากใบ ล้างด้วยน ้าสะอาด ฝานบางๆ รักษาแผลสดภายนอก น ้าร้อนลวก ไฟไหม้ท าให้ แผลเป็นจางลง ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ทาผิวรักษาสิวฝ้า และขจัดรอย แผลเป็น เนื้อวุ้น เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร เหง้า ต้มรับประทานแก้หนองใน โรคมุตกิด สารพักประโยชน์ใกล้ตัว
โหระพา ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum basilicum L. ชื่อสามัญ :. Sweet Basil วงศ์ : Labiatae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชล้มลุก ล าต้นมีขนาดเล็ก มีลักษณะหรือลักษณะพิเศษของโหระพาดังนี้เป็นพืชที่มีอายุได้ หลายฤดูมีลักษณะล าต้นเป็นสี่เหลี่ยมและเป็นพุ่ม ล าต้นจะแตกแขนงได้มากมาย กิ่งก้านมีสีม่วงแดง มีขน อ่อนๆ ที่ผิวล าต้น ใบมีรูปร่างแบบรูปไข่ปกติจะยาวไม่เกิน ๒ นิ้ว ใบจะเรียงตัวแบบตรงกันข้ามกัน ขอบใบ หยักแบบฟันเลื่อย ใบมีสีเขียวอมม่วงและมีก้านใบยาว ดอกโหระพา ดอกมีขนาดเล็กสีขาวหรือม่วงจะ ออกเป็นช่อคล้ายฉัตรที่ยอด ดอกมีทั้งสีม่วง แดงอ่อน และสีขาว ในแต่ละดอกจะมีเกสรตัวผู้๔ อัน รังไข่ แต่ละอันจะมีสีม่วง เมล็ดมีสีด ามีกลิ่นหอมทั้งต้น สรรพคุณ : (ทั้งต้น) รสฉุน สุขุม ขับลม ท าให้เจริญอาหาร แก้ปวดหัว หวัด ปวดกระเพาะ อาหาร จุกเสียดแน่น ท้องเสีย ประจ าเดือนผิดปกติ (เมล็ด) รสชุ่ม เย็น สุขุม ถูกน ้าจะพองตัวเป็นเมือก ใช้แก้ตาแดง มีขี้ตามาก ต้อตา ใช้เป็นยาระบาย (ใช้เมล็ด 4-12 กรัม แช่น ้าเย็นจนพอง ผสมน ้าหวาน ติมน ้าแข็งรับประทาน (ราก) แก้เด็กเป็นแผล มีหนองเรื้อรัง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ocimum americanum L. ชื่อสามัญ : Hoary basil. วงศ์ : LAMIACEAE (LABIATAE) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก ขนาดเล็ก สูงประมาณ 30 - 100 เซนติเมตร โคนล าต้นแข็ง แตกกิ่งก้านสาขามาก สีเขียวออก ขาวเล็กน้อย กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม และตามข้อมีขนสีขาวปกคลุม ใบ เป็นใบเดี่ยว แตกใบออกแบบตรงข้าม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปรีโคนใบรูปลิ่ม ปลายใบแหลม ขอบใบเป็น จักฟันเลื่อย แผ่นใบสีเขียวตามขอบใบและเส้นใบมีขนละเอียดปกคลุม ก้านใบยาวประมาณ 1 - 2.5 เซนติเมตร มีขนปกคลุมเช่นกัน ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อฉัตร ออกช่อบริเวณยอดหรือปลายกิ่ง ก้านช่อดอกยาวและมีขนสีขาว กลีบ รองกลีบดอกสีเขียวเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูประฆัง กลีบดอกมีสีขาว เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายกลีบแยก เป็นปากมีหยักมนๆ 4 หยัก มีขนละเอียดสีขขาวปกคลุม เป็นดอกแบบสมมาตรด้านข้าง ดอกจะเรียงรอบ ก้านช่อเป็นชั้นๆ ชั้นละ 2 ช่อย่อย ช่อย่อยละ 3 ดอก ผล เมื่อกลีบดอกร่วงก็จะเป็นผล ผลมีขนาดเล็ก เปลือกแข็งเมล็ดเดียว ลักษณะรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ผิวค่อนข้างเรียบ สีน ้าตาลเข้ม ภายในผลมีเมล็ด 4 เมล็ด เมื่อน าไปแช่น ้าจะเกิดวุ้นหุ้มรอบๆ เมล็ด สรรพคุณ : ใบ รสหอมร้อน เป็นยาขับลม ขับเหงื่อ แก้ไอและโรคเกี่ยวกับล าไส้ใช้อมบ้วนปากเพื่อบรรเทาอาการ ปวดฟัน, ใช้ใบสดโขลกให้ละเอียดคั้นเอาน ้าดื่มเป็นยาแก้หวัดในเด็ก, แก้หลอดลมอักเสบ, แก้ท้องร่วง, โขลก เป็นยาพอกแก้โรคผิวหนังทุกชนิด ล าต้น รสร้อน ใช้ล าต้นต้มเอาน ้าดื่มเป็นยาแก้ไข้ขับลม ขับเหงื่อ และโรคทางเดินอาหาร เมล็ด รสหอมร้อน แช่น ้าให้พองเต็มที่รับประทานเป็นยาระบาย ท าให้ถ่ายอุจจาระสะดวก ช่วยดูดซึม น ้าตาลในเส้นเลือด ช่วยเร่งการขับถ่าย เป็นยาลดความอ้วน ยาบ ารุง ขับปัสสาวะ
ใบเนียมหูเสือ ชื่อวิทยาศาสตร์: Coleus amboinicus Lour. ชื่อสามัญ : Coleus aromaticus Benth. วงศ์ : Lamiaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก อายุ 2-3 ปี สูงประมาณ 0.3-1 เมตร ล าต้นอวบน ้า หักได้ง่าย ล าต้นและกิ่งค่อนข้างกลม ต้นอ่อนมีขน หนาแน่น เมื่อแก่ขนจะค่อยๆหลุดร่วงไป ใบ เป็นใบเดี่ยว สีเขียวอ่อน ออกตรงข้าม ใบรูปไข่กว้างค่อนข้างกลม หรือรูป สามเหลี่ยมด้านเท่า ใบกว้าง 2.5-5 เซนติเมตร ยาว 3-8 เซนติเมตร ใบขยี้ดมมีกลิ่นหอมฉุน ปลายใบกลมมน โคนใบ กลมหรือตัด ขอบใบจักเป็นคลื่นมนรอบๆใบ ใบหนา อวบน ้า ผิวใบมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมทั่วทั้งใบ แผ่นใบนูน เส้นใบลึก ก้านใบยาว 2-4.5 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร อยู่ตามปลายกิ่งหรือยอด ดอกย่อย ติดหนาแน่นเป็นวงรอบแกนกลาง เป็นระยะๆ มีขน ช่อหนึ่งๆ มีดอกประมาณ 6-8 ดอก ทยอยบานทีละ 1-2 ดอก กลีบ ดอกมี 5 กลีบ กลีบดอกสีม่วงขาว รูปเรือ ยาว 8-12 มิลลิเมตร โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว 3-4 มิลลิเมตร ปลาย แยกเป็น 2 กลีบ กลีบบนสั้น ตั้งตรง มีขน กลีบล่างยาว เว้า ก้านเกสรเพศผู้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ตอนโคนล้อมก้าน เกสรเพศเมียไว้กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูประฆัง ยาว 2-4 มิลลิเมตร มีขน และมีต่อม ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกบนรูปไข่กว้าง ปลายแหลม แฉกข้างๆ รูปหอกแคบ แฉกล่างยาวกว่าแฉกอื่นเล็กน้อย ใบประดับรูปไข่กว้าง ยาว 3- 4 เซนติเมตร ปลายแหลม ก้านสั้น ผล มีเปลือกแข็ง เล็ก กลมแป้น สีน ้าตาลอ่อน ผิวเรียบ กว้างประมาณ 0.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 0.7 มิลลิเมตร ขึ้นตามที่รกร้างทั่วไป สรรพคุณ : ต ารายาไทย ใบ และต้น มีกลิ่นหอมฉุน รสเผ็ดร้อน น ามาคั้นเอาน ้าหยอดแก้ฝีในหูแก้ปวดหูพิษฝีในหูหู น ้าหนวก ปิดห้ามเลือด ขยี้ทาท้องเด็กแก้ท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้หวัดในเด็ก และแก้โรคหืด ใบ บ ารุงร่างกาย แก้ไอเรื้อรัง หืดหอบ แก้ลมชักบางประเภท ต้มน ้ากินแก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ กินหลังคลอดขับน ้าคาวปลา ยางจากใบ ผสมกับน ้าตาลกินขับลม แก้ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ใช้ภายนอกเป็นยาพอกศีรษะแก้ปวด ลดไข้แก้แมงป่องต่อย ตะขาบกัด แก้หิด รักษาแผลไฟไหม้น ้าร้อนลวก รักษาอาการบวม ต าพอกแก้ปวดข้อ ขยี้ทาห้ามเลือด คั้นน ้าทาแผล เรื้อรัง หรือน าไปท ายานัตถุ์เพราะมีกลิ่นหอม ใส่ยุ้งข้าวเพื่อไล่แมลง และอมดับกลิ่นคาวอาหาร ยอดอ่อนและใบอ่อน รับประทานเป็นผักจิ้มน ้าพริก ลาบ หรือใส่แกง จังหวัดอุบลราชธานีใช้ใบ ขยี้ดม แก้หวัด คัดจมูก หรือรับประทานสด เป็นผักแกล้มกับอาหาร
ผักพลูคาว(คาวตอง) ชื่อวิทยาศาสตร์: Houttuynia cordata Thunb. ชื่อสามัญ :. Plu Kaow วงศ์ : SOLANACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : พลูคาวเป็นพืชล้มลุกที่พบได้ทั่วไปในแถบทวีปเอเชียในแถบเทือกเขาหิมาลัยไปจนถึงเวียดนาม ญี่ป่นุรวมถึงไทยด้วย เป็นที่รู้จักกันดีในทางภาคเหนือ สรรพคุณ : -มีฤทธิ์ในการช่วยต่อต้านมะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง -มีฤทธิ์ในการช่วยบ าบัดฟ้นื ฟูโรคความดันโลหิตสูง -ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต้านทานโรค ช่วยยืดอายุผู้ป่วย ให้อยู่สู้โรคได้นานมากขึ้น -มีส่วนช่วยยับยั้งเบาหวาน รักษาความสมดุลของร่างกาย -ช่วยท าให้กระดูกเชื่อมติดกันเร็วขึ้น (ต้นสด) -ช่วยรักษาปริมาณของเหลวในร่างกาย -ช่วยรักษาอาการหูชั้นกลางอักเสบ (ทั้งต้น) -ใช้รักษาโรคติดเชื้อและทางเดินหายใจ (ต้น) -ประโยชน์ของผักคาวตองช่วยแก้ไข้ (ใบ) -ช่วยรักษาโรคไข้มาลาเรีย (ต้น) -ใช้เป็นส่วนผสมในต ารับยาที่เป็นน ้ายาข้น ใช้ทารักษาและช่วยต้านเชื้อโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ -ใช้เป็นส่วนประกอบในต ารับยา ช่วยรักษาอาการติดเชื้อเฉียบพลัน ติดเชื้อทางเดินหายใจ -ใช้เป็นส่วนผสมในต ารับยาที่เป็นน ้ายาข้น ใช้ทารักษาคางทูม ต่อมทอนซิลอักเสบ และปอดอักเสบในเด็ก-
ชื่อวิทยาศาสตร์: Piper sarmentosum Roxb. ชื่อสามัญ : Wildbetal leafbush วงศ์ : PIPERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ล้มลุก ล าต้นทอดคลานไปตามพื้นดิน สูง 30-80 เซนติเมตร ล าต้นสีเขียว มีไหลงอกเป็น ต้นใหม่มีรากงอกออกตามข้อ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ แผ่นใบบาง ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบ รูปหัว ใจ กว้าง 5-10 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ดอก ออกเป็นช่อที่ซอกใบรูป ทรงกระบอก ดอกเล็กสีขาวอัดแน่นอยู่บนแกนช่อดอก ดอกแยกเพศ ผล เป็นผลสด กลม อัดแน่น อยู่บนแกน สรรพคุณ : ผล - เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคหืด แก้บิด ราก ต้น ดอก ใบ - ขับเสมหะ ราก - แก้ธาตุพิการ บ ารุงธาตุแก้ท้องขึ้นอืดเฟอ้ขับลม แก้บิด ทั้งต้น - แก้เสมหะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ - รักษาโรคเบาหวาน ใบชะพลู
ขม ิ ้ น ชื่อวิทยาศาสตร์: Curcuma longa Linn ชื่อสามัญ :. Turmeric,Curcuma วงศ์ : ZINGIBERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ล าต้น - เป็นพืชล้มลุก ต้นสูงประมาณ 50 - 70 ซม. มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้ามีสีเหลืองเข้มจนถึงสี แดงเข้มมีกลิ่นหอมเฉพาะ ใบ - เป็นใบเดี่ยวก้านยาวใบ เรียวและปลายแหลม กว้าง 12 - 15 ซม. ยาว 30 - 40 ซม ดอก - เป็นดอกช่อทรงกระบอก มีก้านช่อแทงจากเหง้าโดยตรงยาว 7 - 15 ซม. ดอก ย่อยสีเหลืองอ่อน มี กลีบประดับสีเขียวอมชมพูดอกบานครั้งละ 3-4 ดอก ผล - รูปกลม มี 3 พู ส่วนที่ให้สี- คือ ราก, หัว สรรพคุณ : เป็นยาภายใน - แก้ท้องอืด - แก้ท้องร่วง - แก้โรคกระเพาะ เป็นยาภายนอก - ทาแก้ผื่นคัน โรคผิวหนัง พุพอง - ยารักษาชันนะตุและหนังศีรษะเป็นเม็ดผื่นคัน
กระชาย ชื่อวิทยาศาสตร์: Boesenbergia rotunda (Linn.) Mansf. ชื่อสามัญ :. Fingerroot, Chinese ginger, Chinese key วงศ์ : ZINGIBERACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก มีล าต้นใต้ดินเรียกว่าเหง้า มีรากติดเป็นกระจุก เป็นที่สะสมอาหาร อวบน ้า รูปทรงกระบอกปลาย เรียวแหลม ผิวสีน ้าตาลอ่อน เนื้อสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปรียาว กว้าง 4.5 – 10 ซม. ยาว 15 – 30 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบ ใบเรียบ แผ่นใบเรียบ ก้านใบยาว 7 – 25 ซม. กาบใบสีชมพู ดอก ออกเป็นช่อ ออกแทรกระหว่างกาบใบ ช่อดอกยาวประมาณ 5 ซม. มีใบประดับสีม่วงแดงเรียงทแยง กัน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 3 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 3 แฉก ดอกที่ปลายช่อจะบานสวย กลีบดอกสีขาว หรือขาวอมชมพูดอกบานทีละดอก มีลักษณะเป็นถุง แยกเป็น 2 กลีบ เกสรตัวผู้หมันด้านข้าง 2 อัน รูปรีสีขาวอมชมพูเกสรเพศผู้หมันที่มีลักษณะคล้ายกลีบ ปากขนาดใหญ่ สีชมพู ผล รูปรีเมื่อแก่แตกออกเป็น 3 ซีก สรรพคุณ : เหง้า (ล าต้นใต้ดิน) มีรสเผ็ดร้นขม แก้โรคอันเกิดในปาก แก้มุตกิด แก้ลมอันบังเกิดแก่กองหทัยวาต แก้ โรคในปากเป่ือย ปากแตกเป็นแผล ปากแห้ง ขับระดูขาว แก้ใจสั่นหวิว บ ารุงหัวใจ แก้ไอ แก้ปวดมวลในท้อง ท้องร่วง รักษาอาการแน่น จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะรักษาโรคบิด แก้บิดมูกเลือด ปวดเบ่ง แก้ล าไส้ใหญ่อักเสบ บ ารุงก าลัง ใช้ภายนอกรักษาโรคกลากเกลื้อน ราก (นมกระชาย) มีรสเผ็ดร้อนขม มีสรรพคุณคล้ายโสม แก้กามตายด้าน บ ารุงความรู้สึกทางเพศ ท าให้ กระชุ่มกระชวย โดยใช้นมกระชายต าและหัวดองสุรา หรือใช้เป็นยาอายุวัฒนะโดยท าเป็นยาลูกกลอน ใบ มีรสร้อนเฝ่ือน แก้โรคในปาก บ ารุงธาตุถอนพิษต่างๆ
ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์: Andrographis paniculata (Burm.f.) Wall.ex Nees. ชื่อสามัญ : - วงศ์ : ACANTHACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้ล้มลุก ล าต้นตั้งตรง สูงประมาณ 30–60 เซนติเมตร ส่วนตรงปลายกิ่งเป็นเหลี่ยม แตกกิ่งเล็ก ด้านข้างจ านวนมากลักษณะเป็นพุ่ม กิ่งก้านมีสีเขียว ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน ลักษณะใบรูปไข่รี ยาว แคบโคนใบ และปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเกลี้ยงมีสีเขียว ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ และปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว กลีบรองดอกมี5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 2 ทาง กลีบล่างมี 2 อัน อับเกสรสีม่วงแดง และมีขนยาวๆ ผลคล้ายฝักต้อยติ่งแต่ผอมและ มีขนาดเล็ก เมื่อฝักแก่จะแตกออกเป็น 2 ซีกอยู่บนต้น ซึ่งท าให้มองเห็นเมล็ดวางอยู่ในผลได้ชัด ปลายแหลม เมล็ดในสีน ้าตาลอ่อน สรรพคุณ : ใบ รสขม บดผสมน ้ามันพืชทาแผลน ้าร้อนลวก ไฟไหม้, ใช้ปนกับเพลี้ยใส่ลาบเพื่อเพิ่มความขม ใบสดน ามา เคี้ยวกินหรือต้มน ้าดื่มแก้อาการคออักเสบ เจ็บคอ เป็นยาขมเจริญอาหาร ในใบจะมีสารประกอบที่มีรสขม ละลายน ้าได้อยู่ซึ่งชาวอินเดียจะน าใบมาคั้นเอาน ้าผสมกับเครื่องเทศ เช่น พวกกระวาน อบเชย กานพลูฯลฯ แล้วน ามาป้ันเป็นเมล็ดกลม ๆ เป็นยารักษาโรคที่มีอาการผิดปกติทางเดินอาหารในเด็ก เป็นยาดองเหล้า (Tincture) และยาชง (Infusion) ต้น น ามาตากแห้ง ใช้เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติบ าบัดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารและมาลาเรีย ยาขมบ ารุง ก าลัง และเป็นยาขับน ้าเหลือง สิ่งสกัดของพืชชนิดนี้จะมีขายอยู่ในประเทศอินเดีย และสาธารณรัฐประชาชน จีน ส่วนเหนือดิน บรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูกหรือมีเลือดปน ทั้งต้น รสขม รับประทานแก้ไข้ แก้หวัด แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้บิด แก้ท้องร่วง แก้ปอดอักเสบ ขับเสมหะ รักษาโรคผิวหนัง ช่วยเจริญอาหาร
ชื่อวิทยาศาสตร์: Zingiber officinale Roscoe ชื่อสามัญ :. Ginger วงศ์ : Zingiberaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน สีน ้าตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวล มีกลิ่นเฉพาะ จะแทงหน่อหรือล าต้นเทียม ขึ้นมาเหนือพื้นดิน ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปขอบขนาน แกมรูปใบหอก กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 15- 20 ซม. ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อ แทงออกจากเหง้าใต้ดิน ใบประดับเรียง เวียนสลับสีเขียวอ่อน ดอกสีเหลืองแกมเขียว ผล เป็นผลแห้ง ทรงกลม ขนาดประมาณ 1 ซม. เป็น 3 พู เมล็ดหลายเมล็ด สรรพคุณ : เหง้าแก่สด : ยาแก้อาเจียน ยาขมเจริญอาหาร ยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟอ้ขับลม แก้ไอ ขับเสมหะ บ ารุงธาตุ สามารถต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียดได้ดีมีฤทธิ์ในการขับน ้าดีเพื่อย่อยอาหาร แก้ ปากคอเป่ือย แก้ท้องผูก ลดความดันโลหิต ต้น - ขับผายลม แก้จุกเสียดแน่นเฟอ้แก้นิ่ว บ ารุงไฟธาตุแก้คอเป่ือย ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิแก้โรคตา แก้บิด แก้ลมป่วง แก้ท้องร่วงอย่างแรง แก้อาเจียน ใบ - แก้โรคก าเดา ขับผายลม แก้นิ่วแก้เบาขัด แก้คอเป่ือย บ ารุงไฟธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ฆ่าพยาธิ แก้โรคตา ขับลมในล าไส้ ดอก - ท าให้ชุ่มชื่น แก้โรคตาแฉะ ฆ่าพยาธิช่วยย่อยอาหาร แก้คอเป่ือย บ ารุงไฟธาตุแก้นิ่ว แก้เบาขัด แก้บิด ผล - แก้ไข้ ขิง