วิวัฒนาการละครไทย
School Notebook
น.ส.มัญชรัศมิ์ คงโครัด ม.6/13 เลขที่ 9
ยุคสมัยการละครไทย Page
1
สมัยน่านเจ้า
สมัยสุโขทัย 1
สมัยอยุธยา 2
สมัยธนบุรี 2
สมัยรัตนโกสินทร์ 3
3
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 3
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 4
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 4
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 5
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 6
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 6
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่8 7
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
สมัยน่านเจ้า
ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับละครมากนัก
ค้นพบนิยายเรื่อง "นามาโนราห์"
มีระบำ เช่น ระบำหมวก ระบำนกยูง
มโนราห์ นามาโนราห์
ละครแก้บน
สมัยสุโขทัย
เน้นไปทางศิลปะการแสดงพื้นเมือง
ประเภทรำ และระบำ
มีการกำหนดแบบแผนแห่งศิลปะการ
แสดงทั้งสามชนิดไว้เป็นที่แน่นอน และ
บัญญัติคำเรียกศิลปะแห่งการแสดง
ดังกล่าวว่า “โขน ละคร ฟ้อนรำ”
การแสดงละครที่สันนิษฐานว่ามีในสมัย
นี้ คือ มโนราห์ และละครแก้บน
สมัยอยุธยา ละครนอก
ไทยนำคณะละครหลวงของเขมร และตำนาน
นาฏศิลป์ของเขมรเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา
มีการเริ่มเล่นโขน
มีการแสดงละครชาตรี ละครนอก ละครใน
ละครชาตรี ละครใน
รามเกียรติ์ ตอนหนุมานเกี้ยวนางวาริน สมัยธนบุรี
หัดเล่นละครหลวงขึ้นมาใหม่โดยมี
แบบแผนจากอยุธยา
พระเจ้าตากสินมหาราชพระราชนิพนธ์บท
ละครเรื่องรามเกียรติ์อีก5ตอน ได้แก่ ตอน
หนุมานเกี้ยวนางวาริน ตอนท้าวมาลีวราช
ว่าความ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกลด
ตอนพระลักษณ์ถูกหอกกบิลพัท ตอน
ปล่อยม้าอุปการ
นิยมแสดงเรื่องอิเหนา
สมัยรัตนำนลโะกครสชินาตทรีทรี่์นิยมจากภาคใต้มาเล่น
ในเขตหลวง
สมัยรัชกาลที่ 1
รื้อฟื้ นการเล่นหุ่นและโขนของหลวง
ละครผู้หญิงให้มีแต่ในเขตพระราชวังเท่านั้น
ละครนอกเป็นผู้ชายล้วน
พระราชนิพนธ์บทที่หายไปในเรื่อง
รามเกียรติ์ อุณรุท คาวี อิเหนา
สมัยรัชกาลที่ 2
พระราชนิพนธ์บทละครไว้มากมาย ปัจจุบัน
นำไปเป็นบทละครที่ใช้ในการแสดงละครนอก
ให้ละครผู้หญิงของหลวงมาฝึกเล่นละคร
นอก ได้แก่ อิเหนา สังข์ทอง มณีพิชัย ไชย
เชษฐ์ คาวี และไกรทอง
ให้เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีเป็นผู้คิดค้น
ประดิษฐ์ท่ารำ ซึ่งใช้มาจนกระทั่งทุกวันนี้
สมัยรัชกาลที่ 3
ยกเลิกละครหลวงผู้หญิง และโขนตลอด
รัชกาล
บรรดาเจ้านายและข้าราชการพากันหัด
เล่นละครหลวงแบบรัชกาลที่2
เกิดละครเอกชนขึ้น
สมัยรัชกาลที่ 4
รื้อละครหลวง
ไม่ได้สั่งห้ามให้ละครเอกชนหยุดแสดง
ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง
รามเกียรติ์ ตอนพระรามเดินดง บท
เบิกโรงรามเกียรติ์ ตอนนารายณ์ปราบ
นนทก บทรำกิ่งไม้เงินทอง
มีการเก็บภาษีละคร
ละครมีชื่อเสียงในยุคสมัยนี้
สมัยรัชกาลที่ 5
ปรับปรุงละครเป็นละครสมัยใหม่มากขึ้น
ละครรำปรับปรุงเป็นละครอื่นๆ เช่น ละคร
ดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง ละครร้อง ละคร
เสภา ลิเก และเข้าสู่ภาพยนตร์
ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง เงาะป่า
อิเหนาตอนอิเหนาเข้าเมือง
ยกเลิกการเก็บภาษีละคร
กำเนิดละครร้องที่นำเรื่องของชาวตะวัน
ตกมาแสดง แต่งตัวแบบชาวตะวันตก
พากย์เป็นภาษาไทย เวลาฉายมีการเป่า
แตรฝรั่งประกอบการแสดง
สมัยรัชกาลที่ 6
ยุคทองของละครวรรณคดี
ทรงพระราชนิพนธ์บทละครทุกชนิด ทั้ง
ละครร้อง ละครรำ ละครดึกดำบรรพ์ เช่น
พระร่วง ศกุนตลา ท้าวแสนปม และหัวใจ
นักรบ
แต่งตั้งกรมมหรสพขึ้นมาใหม่เพื่อ
ปรับปรุงศิลปะด้านโขนและดนตรีปี่ พาทย์
สมัยรัชกาลที่ 7
ละครร้องหมดความนิยมไป
มีการยกเลิกกรมมหรสพและตั้ง
เป็นกองมหรสพ จากนั้นได้ย้ายไปขึ้น
อยู่กับกรมศิลปากร
เกิดละครพูดที่มีเพลงสอดแทรก
เรียกว่าละครเพลง ละครจันทโรภาส
สมัยรัชกาลที่ 8
การแสดงต่างๆนั้นจะถูกจัดขึ้นโดย
กรมศิลปากร
เกิดละครหลวงวิจิตรวาทการขึ้น
เป็นละครปลุกใจให้รักชาติ เช่น เรื่อง
เลือดสุพรรณ
สมัยรัชกาลที่ 9
โปรดเกล้าฯให้มีการบันทึกภาพยนตร์ส่วนพระองค์
มีการจัดพิธีไหว้ครูโขน ละคร พิธีครอบเศียร และพิธีต่อท่ารำเพลง
หน้าพาทย์องค์พระพิราพ พระราชทานครอบโดยพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ผู้ที่ได้รับครอบจะต้องเป็นศิลปินที่ได้เลือกสรรแล้ว
สมัยนี้การละครไทยมีการจัดแสดงขึ้นตามสถานที่และสถานี
โทรทัศน์ต่างๆ ทำให้ประชาชนให้ความสนใจในละครไทยสมัยใหม่
มากขึ้นกว่าละครไทยที่มีมาแต่โบราณ