The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วาดเส้นใบหน้าคนจากหุ่นเหลี่ยม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tay08990, 2021-09-08 04:52:59

วาดเส้นใบหน้าคนจากหุ่นเหลี่ยม

วาดเส้นใบหน้าคนจากหุ่นเหลี่ยม

วาดเส้นใบหน้าคนจากหุ่นเหลี่ยม

(ปูนปลาสเตอร์) ด้วยดินสอดำ�

วิทยาลัยช่างศิลปสุพรรณบุรี

สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม

คำ�น�ำ

ปัจจุบันการจัดการศกึ ษาด้านศิลปะโดยเฉพาะด้านทัศนศิลป์ มกั เป็นการสอนในแบบถ่ายทอดโดยตรงจากประ
สบการณ์ของอาจารยผ์ ู้สอน และมกั ไมค่ อ่ ยใช้เอกสาร ต�ำ ราประกอบการสอน โดยเฉพาะวิชาศิลปะด้านปฎิบตั ิ ปญั หา
ที่ตามมา เม่ือนกั เรียนหรอื ผูศ้ ึกษาเกิดความสงสยั ขึ้น ตดิ ขดั กับการศึกษาก็มกั จะไมม่ แี หลง่ ขอ้ มลู ในการสบื ค้นหรอื หาก
มีก็ยงั ไมเ่ พียงพอ วทิ ยาลัยชา่ งศลิ ปสพุ รรณบรุ ีจงึ เห็นปัญหาของการขาดเอกสาร ต�ำ ราดา้ นศิลปะปฎบิ ัตินี้ จงึ เกดิ ความ
คดิ ในการจดั ท�ำ เอกสารการจัดการความรู้ เร่ืองการวาดเสน้ เปน็ การรวบรวมความรจู้ ากประสบการณโ์ ดยตรงของ
ผสู้ อน และเอกสารต�ำ ราอน่ื ๆเขา้ ไวด้ ้วยกัน โดยเริม่ ต้นเอกสารการวาดเส้น ในหวั ขอ้ การวาดเส้นหุ่นปนู หน้าเหลี่ยมเปน็
ปฐมฤกษ์ ดว้ ยเหตุผลของการวาดเสน้ หุ่นปนู หนา้ เหลี่ยม มกั เปน็ หัวข้อแรกๆ สำ�หรับการวางพ้ืนวาดเสน้ ให้แกผ่ ู้เรยี น
ไดม้ ีความแมน่ ย�ำ ตอ่ ไปในอนาคต

สารบญั

1 ประวัติและความสำ�คัญของการวาดเส้น 2
ประวัติการวาดเส้น 14
ความสำ�คัญของการวาดเสน้
ในงานออกแบบและสร้างผลงานศิลปะ

2 ความรู้ทางทัศนียวิทยา และการจัดองค์ประกอบภาพ
ขั้นพื้นฐาน

มติ แิ ละทศั นียภาพวิทยา 16

องค์ประกอบในการวาดเสน้ หุ่นปูน 17
(ห่นุ เหลย่ี มระนาบบนใบหนา้ )

3 เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวาดเส้น 27

4 การวัดและกำ�หนดสัดส่วนระนาบใบหน้า 31
การวัดสัดสว่ นใบหนา้ คน

การแบง่ สัดส่วนใบหน้าห่นุ เหล่ียม 34

5 เทคนิคการร่างภาพและการลงน้ำ�หนักแสงเงา 36
ด้วยดินสอดำ�
ข้นั ตอนการวาดหนุ่ ปูนหน้าคนเหล่ียม

บรรณานุกรม
ภาคผนวก

1 ประวัติและความสำ�คัญของการวาดเส้น

ประวตั กิ ารวาดเส้น

มนุษย์ได้สรา้ งส่ิงต่างๆมากมาย ตัง้ แต่อดตี จนถึงปจั จบุ ัน และกส็ ร้างกนั ตอ่ ไปในอนาคตอย่างไมห่ ยุด
นง่ิ ในยคุ แรกของมนษุ ยส์ ง่ิ ท่สี รา้ งก็เพอ่ื การดำ�รงชีพ หาอาหาร ต่อสู้กบั สตั ว์ ภยั ธรรมชาติ และตอ่ สู้กัน
ระหว่างเผ่าพันธ์ุ ทกุ อย่างตอ่ เนอื่ งปรับเปลยี่ นและมีววิ ฒั นาการ บางอย่างก็ทงิ้ รอ่ งรอยของผลงานเอาไว้ ให้
ศกึ ษาเป็นขอ้ มูลเร่อื งราวต่างๆ การจะหาค�ำ ตอบถึงสาเหตุ และขอ้ มลู ทถ่ี กู ต้องทัง้ หมด ก็คงจะหาค�ำ ตอบ
ที่ชัดเจนได้ยาก แต่กม็ ีขอ้ เท็จจริงบางส่วนตามที่นักโบราณคดไี ดศ้ ึกษาค้นควา้ จากหลักฐานเอาไว้ ซง่ึ เป็น
วิชาการแขนงเดียวทใ่ี ห้คำ�ตอบทใี่ กล้เคียงมากที่สุดในทางประวตั ิศาสตร์ ซึง่ เรยี งลำ�ดบั ได้ดงั นี้

1. ยุคกอ่ นประวตั ิศาสตร์ (15,000 B.C.) ภาพวาดผนงั ถ�ำ้ (Cave painting) ตัง้ แตย่ ุค
หนิ เก่า สะท้อนสภาพความเปน็ อย่ขู องมนุษยย์ คุ
ผลงานของมนุษยย์ คุ นที้ ี่ปรากฏให้เห็น นอกจาก นน้ั ได้เปน็ อยา่ งดี ภาพวาดผนงั ถำ�้ ท่ีพบมากไดแ้ ก่
จะใหข้ อ้ มลู ทสี่ �ำ คญั ทางโบราณคดียงั สะทอ้ น ให้ บรเิ วณ ทางตอนเหนือของสเปญ ถ้�ำ อัลตามิรา
เหน็ ถงึ คณุ ค่าทางทกั ษะฝีมือมานานนับหมน่ื ปี (Altamira) และทางตอนใตข้ อง ประเทศฝร่งั เศส
ถ้ำ�ลาสโค (Lascaux)
นกั โบราณคดไี ดส้ ันนษิ ฐานไว้ว่า ผลงานของ
มนุษย์ที่เก่ียวกับการวาดหรอื ศิลปะ เกิดในบรเิ วณ แภลาพะตAำ�lแtaหmนiง่raถ�ำ้ ปLรaะsเcทaศuสxเปในนประเทศฝรัง่ เศส
ทวปี แอฟรกิ า แล้วโยกย้ายที่ทำ�มาหากนิ ไปตามท่ี
ต่างๆ บางกลมุ่ ขน้ึ ทางเหนอื ผา่ นทะเลทรายซาฮา การส�ำ รวจและศกึ ษาภาพวาดในถ้�ำ แสดงให้
รา่ ขา้ มทะเลเมตเิ ตอรเ์ รเนยี นไปถงึ ยโุ รป เพราะพบ เห็นว่า Lascaux มีเกอื บ 2,000 ภาพ ซ่งึ สามารถ
เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท้ ค่ี ลา้ ยคลงึ กนั อยา่ งไรกด็ จี ะเปน็ จดั แบง่ ออกได้เป็นสามกลุม่ คือ ภาพสตั ว์ ภาพคน
ทย่ี อมรบั กนั วา่ มนษุ ยพ์ วกแรกทถ่ี อื วา่ มฝี มี อื ทางชา่ ง ภาพสัญลักษณ์ท่ียังไม่มีใครเข้าใจความหมาย
ศลิ ป์ คอื พวกโคร-มนั ยอง (Cro-magnon) มนษุ ย์ และไม่ปรากฏว่ามภี าพทวิ ทศั น์ หรือภาพต้นพชื
พวกน้ีรู้จักหลบอากาศหนาวเย็นเข้าอาศัยอยู่ในถำ้� เลย บางภาพถกู วาดลงบนผนังถำ�้ บางภาพถูก
รู้จักเขียนภาพต่างๆโดยเฉพาะจากประสบการณ์ แกะสลกั ลงบนเพดาน บางภาพกำ�ลงั เลือนหายไป
ทร่ี บั รมู้ า รจู้ กั สรา้ งสรรค์ สรา้ งและประดษิ ฐส์ ง่ิ และหลายภาพถกู ท�ำ ลายไปจนหมดสิน้ แล้ว
อ�ำ นวยความสะดวกสบาย ใชส้ อย และ ลา่ สตั ว์

ภาพวาดบนผนังในถำ�้ Lascaux ในประเทศฝรั่งเศส

2

สำ�หรับภาพสัตว์น้นั มกี ว่า 900 แบง่ เปน็ ภาพม้า
364 ภาพ ภาพกวาง 90 ภาพ สว่ นภาพวัวและวัวปา่ มี
ประมาณ 45 % ของภาพท้งั หมด นอกจากนกี้ ็มภี าพ
นก หมี แรด และคน ภาพที่มชี อ่ื เสียงคือภาพฝูงวัว
ด�ำ (auroch) 4 ตวั ในห้องโถง (Hall of the Bulls)
เพราะบริเวณถ�้ำ Lascaux มกี วางเรนเดยี รใ์ หช้ าวถ�้ำ
ไดจ้ ับเปน็ อาหาร ดงั นนั้ จติ รกรถำ้�จงึ วาดภาพกวางเรน
เดยี รใ์ ห้เหน็ เปน็ หลกั ฐานดว้ ย

ลกั ษณะของงานวาดเสน้ ของมนษุ ย์ยคุ น้ีพอจะสรปุ แนวคดิ รปู แบบ และ ทักษะฝมี อื ได้ดังนี้

1. ผ้ทู ่วี าดหรือผูส้ ร้าง สนั นิฐานวา่ เป็นหัวหนา้ 5. ภาพวาดของสัตวจ์ ะแสดงรปู ดา้ นข้างเป็นสว่ น
กลมุ่ หรือ พอ่ มดหมอผี ซึ่งเปน็ ผ้มู คี วามสามารถ มาก มีทง้ั ตัวเดยี ว และ เป็นฝงู จะมีภาพของคน
ในการถ่ายทอดความคิดประสบการณ์ สร้างความ ปนอยนู่ ้อย
เชอื่ และ สรา้ งภาพไดส้ อดคลอ้ งลงบนผนงั ถ�้ำ ได้ 6. ภาพวาดของสัตว์จะแสดงขนาด และชนดิ
2. การสร้างภาพจะวาดเส้นภาพนอกก่อนแลว้ ใช้ ของสัตว์ตามความคิดคำ�นึงไม่ตรงกับความเป็น
สที ่ีเป็นผงระบายภายหลัง โดยใชไ้ ขสัตว์ เลอื ด จรงิ นัก และไมแ่ ยกประเภทของสัตว์บก หรือ สัตว์
หรือน้�ำ ผง้ึ ทาบริเวณทจ่ี ะระบายกอ่ น แลว้ ใชผ้ งสี นำ้�
พ่นลงไป บางทกี่ แ็ ปรงซง่ึ ท�ำ จากเปลอื กไมท้ บุ แตก 7. เรอื่ งราวของภาพจะเกย่ี วข้องกับความเป็น
เป็นเส้น หรอื ขนนกชว่ ยทา อยใู่ นการดำ�รงชวี ติ การลา่ สตั ว์ เช่น สัตวไ์ ด้รับ
3. สีที่ใช้คงหาจากทรัพยากรใกล้เคียง ไดแ้ ก่ ดิน บาดเจบ็ ถูกฆ่า ถูกลกู ธนู ถ้าเป็นความสมบูรณ์ก็
สเี หลือง สีแดง สดี ำ� สีดินเทศ มักแสดงอวยั วะเพศเด่นชดั หรอื ถ้าตอ้ งการแสดง
4. รปู ทเ่ี ขยี นบางรปู จะเซาะขอบเปน็ รอ่ งกอ่ น บาง ความเช่ือของความสำ�นึกบาปก็จะเขียนภาพสัตว์
รปู กอ็ าศยั ลกั ษณะสงู ต�ำ่ ของผนงั เปน็ สว่ นประกอบ ให้สวยงามกวา่ ตวั จริง โดยหวังวา่ จะได้รบั การ
เขา้ กบั ลกั ษณะของภาพ เชน่ ผนงั ทน่ี นู อาจเปน็ สว่ น อภัย เป็นต้น
ทอ้ งของสตั ว์
3

2. ผลงานวาดเส้นของอยี ิปต์ (4000 - 2280 B.C.)

เป็นอีกยคุ หนึง่ ที่มรี ูปแบบเปน็ เอกลักษณ์เด่นชัด ภาพวาดเส้นเรอื่ งราวการออกประพาสทางน้ำ�
และมีประวัติความเชื่อแนวทางในการสร้างสรรค์ ของฟาโรห์ (Thebes.XVIII Dynasty )
งาน ซง่ึ เป็นชนชาตทิ ่สี รา้ งอารยธรรมของล่มุ
แม่นำ�้ ไนล์อย่ทู างตอนใต้ของทะเลเมติเตอร์เรเนียน จากความเช่ือดังกล่าว จึงมผี ลท�ำ ให้ชาวอยี ิปต์
อยี ปิ ตม์ คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก แลว้ คอ่ ยๆเสอ่ื มลง สร้างผลงานทมี่ คี วามคงทนอยจู่ นถงึ ปจจั บุ ันน้ี เช่น
ตอ่ มากเ็ สยี เอกราชใหก้ บั เปอรเ์ ซยี ประมาณ 525 ปี สร้างปริ ามดิ เป็นผลงานสถาปตั ยกรรมปิดตาย ท่ี
กอ่ น ค.ศ. ชาวอยี ปิ ตม์ คี วามเชอ่ื ซง่ึ มอี ทิ ธพิ ลใน มีความแขง็ แรง ทนทาน เพอื่ รกั ษาร่างศพของ
การสรา้ งผลงาน คอื ฟาโรหไ์ ว้ เพอ่ื จะกลบั มามชี วี ติ ใหมอ่ กี ตามความเชอ่ื
โดยมภี าพเขยี นตามผนงั หอ้ งเกบ็ ศพ หอ้ งประวตั ฯิ
1. เชอื่ วา่ ชีวิตในโลกหน้ามีจรงิ และมคี วาม ห้องสมบตั ิ เปน็ ภาพชว่ ยเตอื นความทรงจ�ำ เมอ่ื ฟน้ื
สำ�คญั คืนรา่ ง

2. เชื่อว่า มนุษยป์ ระกอบดว้ ย รา่ งกาย และ
วิญญาณ

3. เช่อื วา่ ฟาโรห์คอื พระเจา้ ผ้ยู ่งิ ใหญ่ และ
เชือ่ ในพระเจ้าหลายองค์ทีใ่ หค้ ณุ และโทษ

4. เชอ่ื วา่ การแสดงออกตามมุมมองที่
เหมาะสม ให้เข้าใจง่ายเป็นสิ่งสำ�คัญในการสร้าง
งานศิลปะ

5. เชื่อว่า หลกั การ กฎเกณฑท์ างศลิ ปะ เปน็
ส่ิงดี ตอ้ งเคารพ

ภาพวาดเส้นจากผนังเกี่ยวกบั การถวายสง่ิ ของ ของ Hapi ภาพวาดเสน้ เรอ่ื งราวการเทพเจา้ Nekhbet
(Thebes.XVIII Dynasty ) (Thebes.XVIII Dynasty )

4

ผลงานวาดเส้นอียิปต์ จะมีเอกลักษณอ์ ยู่หลายอยา่ ง ดังนี้
1. มีการตัดเส้นรอบนอก วาดรายระเอียด

ชดั เจน และใชส้ ีเรียบ
2. การวาดภาพคนมกั จะสลบั ดา้ นของห่นุ

เพ่ือการถ่ายทอดให้ชดั เจน
3. ภาพของคนจะมีลกั ษณข์ องรูปร่าง ส่วน

หวั และคอเปน็ รปู ดา้ นข้าง ตาด้านหน้า บริเวณอก
เป็นรูปด้านหนา้ ทอ่ นขาจนถงึ เท้าเป็นรูปด้านขา้ ง

ภาพวาดเส้นชอ่ ดอกบวั ภาพวาดศรี ษะ Ramses ท่ี 3

ภาพวาดเสน้ จากผนงั ของ Sennofer

ภาพวาดเสน้ เรอ่ื งราวเทพ Isis (Thebes.XIX Dynasty ) 5

3. การวาดเส้นในสมยั กรกี และ โรมนั ศลิ ปินกรีก มีความชำ�นาญในการถ่ายทอด
บนความโคง้ ของไห ดว้ ยการออกแบบผสมกับรูป
ถือเป็นมารดาของอารยธรรมตะวันตกเกือบ ทรงเรขาคณิตเป็นแบบต่างๆ งดงาม บนพน้ื ท่ี
ทุกแขนง แนวปรัชญาของสำ�นักต่างๆ มคี วาม จำ�กัด และรจู้ กั ใช้น้ำ�ยาเคลอื บตกแตง่ ดว้ ยสีอิฐ
เจรญิ มาก ทำ�ให้เกิดแนวทางทางความคดิ มาก และสดี ำ� โดยมเี ร่ืองราวเก่ียวกบั ขนบประเพณี
และสำ�นักคิดเหล่านั้นพิจารณาปัญหาเหตุผลต่าง และนกั รบ ศิลปนิ นอกจากจะแสดงความชัดเจน
กนั สำ�หรับทางด้านศิลปะและการวาดเส้นนั้น แลว้ ยงั แฝงจินตนาการของตนเองไวใ้ นภาพเขยี น
ศิลปนิ กรกี ถอื กันวา่ เปน็ ผลของความพยายาม อกี ด้วย และ ในสมยั หลังๆ จนิ ตนาการมีส่วนให้
ของมนษุ ย์ ทถ่ี า่ ยทอดเลยี นแบบธรรมชาติ (Art is อิทธิพลต่อการวาดเขยี นมาก จนกลายเป็นการ
the imitation of nature.) โดยมงุ่ ทจ่ี ะแสดงให้ ออกแบบตกแตง่
เหน็ ในความเชอื่ เดน่ ๆ ของสงั คม 2 ประการ คือ
ความชดั เจน และ ความบรสิ ุทธ์ิ (Clearity and ในสมัยโรมนั การวาดเส้นมีบทบาทสำ�คัญ
purity) ในการวางพ้นื ฐานของภาพประดบั (mosaic)
เพราะช่วยทําให้การแบง่ บรเิ วณแสงสว่าง และ
รูปคนหรือการถ่ายทอดคน ถอื เป็นรูป เงามืดส�ำ หรบั สรา้ งภาพประดบั การถ่ายทอดการ
แบบอันสำ�คญั ของการวาดเสน้ โดยศิลปินกรกี วาดเส้นของโรมันมีทั้งภาพคนอยา่ งของกรีก และ
พยายามท่ีจะใชค้ วามสมบรูณ์ และ ความงามของ ภาพววิ และภาพโบราณนิยายครึง่ สัตวค์ ร่ึงมนษุ ย์
คนเปน็ แบบ ถ่ายทอดเทพเจา้ ตามทีค่ นมีความ ดว้ ย
เชอื่ เทพเจ้าอะพอลโลกด็ ี หรอื เทพเจ้าวีนสั ก็
ดี ตา่ งกไ็ ดแ้ บบอยา่ งจากเรือนรา่ งอันสมบรูณข์ อง ในช่วงหลังของสมัยโรมันถือว่าการวาดเส้น
มนุษย์ผเู้ ต็มใจเป็นหุ่นให้ และแนวคิดท่ียอมเป็น น้ัน เป็นการถ่ายทอดที่แสดงใหเ้ ห็นวา่ ศลิ ปินมี
หุ่นน้ีให้อิทธิพลสืบต่อมาจนถึงสมัยฟ้ืนฟูและใน ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความต้ืนลึก ใกล้ไกล และ
สมยั หลงั ๆ บ้างเหมอื นกัน ความกลมกลนื ของ แสงและเงา อย่างสมบรูณ์
อันนับได้ว่าเป็นวิธีการถ่ายทอดแรกเริ่มของการ
ไหเคร่อื งป้ันดินเผาเขยี นลายของกรีก วาดเสน้ ท่ีมลี ักษณะสามมติ ิ
อายปุ ระมาณ 700-680 ปี ก่อน ค.ศ.
สำ�หรับลักษณะเด่นของการวาดเส้นใน
สมัยโรมนั นน้ั จะหนไี มพ่ น้ รปู คน โดยมีร่างกาย
สมบรู ณ์มกี ล้ามเนื้อท่ีงดงาม ท้งั นี้เพราะว่าโรมนั
ยกย่องนักรบ และ ชัยชนะ ดงั นั้นเรือ่ งราวของ
ภาพคนจึงมีความสำ�คัญมาก

6

4. การวาดเส้นในสมยั กลาง

เม่ืออาณาจกั รโรมันแบง่ ออกเป็นสองสว่ น และช่วงเวลานั้นจนถงึ สมัยฟน้ื ฟรู าวศตวรรษท่ี 14 เป็น
ชว่ งเวลาของคริศตศ์ าสนา และ ระยะเวลาของการแสวงหาแนวการเขียนระยะนแี้ ทนท่ลี กั ษณะแบบอย่าง
ของการวาดเสน้ ตามแนวกรีกและโรมันท่ีเกี่ยวกับเทพนิยายจะมีอทิ ธพิ ล
ศิลปินในสมัยนี้ได้พยายามแสดงเร่ืองราว แม้ว่าบางส่วนจะมีลักษณะของกรีกและ
ของศาสนา จนท�ำ ให้การวาดเส้นมลี ักษณะเดน่ โรมันแฝงอยบู่ ้างกต็ าม แตแ่ นวโน้มสว่ นใหญ่มงุ่
ไปทางสญั ลักษณ์ หรอื เปน็ การออกแบบตามแนว ท่ีศาสนา พยายามท่ีจะส่ังสอนคนโดยใชภ้ าพ
สัญลกั ษณม์ ากขึ้น ประกอบเปน็ สว่ นสำ�คญั และ สมยั นกี้ ารวาดเสน้
ส่วนในทางตอนเหนือของยุโรปในช่วงเวลา ตวั หนงั สือ และการออกแบบตัวหนังสือมีความ
น้ี ศลิ ปินไดส้ ร้างสรรค์ภาพประกอบคมั ภีร์ เปน็ กา้ วหนา้ มาก เช่น ภาพประกอบคัมภรี ์
เรอื่ งราวของศาสนา และ มีตัวหนังสือประกอบ การวาดเส้นที่ศิลปินสามารถถ่ายทอดโลก
ดว้ ย ท�ำ ใหร้ ูปแบบของการวาดเสน้ เน้นหนักไป ภายนอกอยา่ งมีเหตผุ ลขึน้ รูจ้ กั สรา้ งภาพให้ลึก
ทางการถา่ ยทอดภาพประกอบหนงั สอื หรือการ ร้จู กั ใช้แสงและเงา ในสมยั กรกี และโรมนั นน้ั ยงั คง
ลอกแบบเปน็ สว่ นใหญ่ มอี ิทธิพลตอ่ มาในสมยั กลางนี้ด้วย

5. การวาดเส้นในสมยั ฟืน้ ฟอู ิตาลี ( ค.ศ. 1300 - ค.ศ. 1600 )

การวาดเส้นสว่ นหน่งึ ทเ่ี ราฝึกฝนปฏิบตั กิ ันในปจั จบุ นั น้ี ไดร้ บั อิทธพิ ล และแนวการถ่ายทอดมา
จากการวาดเสน้ ในสมัยการฟ้ืนฟูอิตาลยี ุคนี้ แนวคิดของการวาดเส้น และการฝึกฝนในสมนั ฟนื้ ฟเู นน้ อยู่ที่
ความสำ�คญั ของการถ่ายทอด คือ ถือว่าการถ่ายทอดด้วยการใช้เสน้ เปน็ สิง่ จำ�เป็นอยา่ งยิง่ สำ�หรับศลิ ปนิ

การวาดเส้นอกจากจะเนน้ อยู่ทท่ี ักษะ หรือ ความช�ำ นาญในการบงั คบั มือและฝกึ สายตาแล้ว ยงั เนน้
ถงึ การพฒั นาความคิดและความรูส้ ึกดว้ ย โดยยอมรับกนั วา่ บทบาทของการวาดเสน้ เปรยี บเสมือน
เคร่อื งมืออปุ กรณอ์ ย่างหนง่ึ ทางปญั ญา ที่จะแสดงใหร้ ู้ว่าผูเ้ ขียนมีความเฉลยี วฉลาด มีความคดิ และ
ความสามารถในการแกป้ ญั หาระดับไหน และยังแสดงใหท้ ราบถึงความคดิ ในการออกแบบตา่ งๆด้วย ซง่ึ
หมายถึงวา่ ผูเ้ รยี นวาดเสน้ จะต้องฝึกฝนกนั เป็นเวลานาน ตามระบบของการฝกึ งานอยกู่ ับชา่ งฝีมือโดยตรง

ในปลายศตวรรษที่ 15 แนวความคดิ
ของการวาดเส้น ได้เปล่ยี นไป หลงั จากไดร้ บั
อทิ ธิพลจากการก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ โดย
ศลิ ปนิ และนักวิทยาศาสตร์ คอื เลโอนารโ์ ด
ดาวินซี (Leonardo da-Vinci) ได้แสดงความคดิ
เห็นว่า การวาดเส้น เป็นเคร่ืองมอื ที่บันทกึ ความ
คดิ อยา่ งหนึ่งของมนษุ ย์ ในการแสวงหาความจรงิ
จากธรรมชาติ และ ถือว่าเปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยการ
คน้ คว้าทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ย

ภาพวาดเส้นของ เลโอนาร์โด ดาวินซี 7
บคุ คลทีเ่ ปน็ ยอดทางด้านฝมี อื แหง่ ยุด
ฟื้นฟศู ิลปะวทิ ยา

ในศตวรรษท่ี 16 ก็ยอมรบั ทฤษฎีของการ ในสมันฟ้ืนฟูมีความเจริญต่างจากยุคท่ี
วาดเส้น และมีแนวปรัชญาว่า สรรพสง่ิ ท้งั หลาย ผา่ นๆ มา มกี ารศึกษาวชิ ากายวิภาคกนั อย่าง
ทงั้ ทมี่ นุษยส์ ร้างสรรค์และไมส่ ร้างสรรค์ ท้งั ท่มี อง จรงิ จงั และตอ่ มาไดก้ ลายเปน็ รากฐานของการ
เห็นไดส้ ัมผัสได้ และมองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ ท้งั ศกึ ษาวิชากายวภิ าคทั่วไปตามสถาบนั ศลิ ปะ เกือบ
ท่ีคิดวา่ มีวญิ ญาณและมม่ ีวญิ ญาณเปน็ วัตถุ ล้วน ทัง้ โลกตามแนวคิดที่วา่ ศกึ ษาจากภายในมาสู่
แล้วแตเ่ ป็นวถิ ที างท่ีเรา้ ใหม้ นุษยม์ คี วามคิด และ ภายนอก
ประกอบความคิดน้ันๆเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงที่
เห็นไดท้ ง้ั สน้ิ ในด้านปัญหาของการจัดภาพให้แสดง
ความร้สู กึ ต้นื ลกึ หรือคณุ ค่าของสามมติ ิ และ
การวาดเส้นเป็นการสร้างผลงานทางศิลปะ บริเวณวา่ ง กไ็ ดร้ บั ความสนใจ ไดม้ กี ารศึกษา
ทำ�ให้ผู้เรียนแสวงหาความจริงในธรรมชาติที่อยู่ล้ำ� เกีย่ วกบั ความตืน้ ลกึ ที่เรียกกันวา่ วิชาเปอร์
ลึกในวตั ถุหรือในบคุ คล คอื หมายถงึ ว่า นอกจาก สเปคตฟี (Perspective) โดยมกี ารกำ�หนดขอ้
จะศึกษาภายนอกแลว้ จะต้องเข้าใจความจริง สมมติฐานเก่ียวกับการรับรู้ทางด้านสามมิติของ
ภายในดว้ ย ถ้าเป็นวตั ถุก็หมายถงึ วา่ จะตอ้ งเขา้ ใจ มนษุ ยร์ ่วมกนั วา่ การเห็นของมนุษยเ์ กยี่ วข้องกับ
โครงสร้างภายใน สว่ นประกอบของอณู ถา้ เป็น เส้นระดับตาท่ีลากตรงไปจากตาของมนุษย์เอง
คนกต็ อ้ งแสดงความรู้สกึ จิตใจภายในดว้ ย ตามต�ำ แหน่งทีผ่ ูน้ ้นั อยู่ วัตถใุ ดทีข่ นานกับเส้น
ระดับตาจะมีจดุ สายตาเพยี งจดุ เดียว ด้านใดท่ี
การฝึกฝนโดยมุ่งให้แสวงหาความจริง ขนานกนั จะไปรวมกันทจ่ี ุดสายตาเดยี วกนั และ
ภายในดังกล่าวนี้ ยงั ผลให้ศิลปินและช่างทง้ั ถ้าวัตถุใดต้ังเป็นมุมกับเส้นระดับตาก็จะทำ�ให้เกิด
หลายยึดมติของ ไมเคิลแองเจลโล ท่ีกล่าว่า ถ้า จดุ ระดบั ตาสองจดุ และด้านใดขนานกนั ก็ไปรวม
ท่านจะเปน็ ช่างป้นั ชั้นเย่ียมแลว้ ทา่ นจะต้องมอง จุดสุดสายตาเดียวกัน ส�ำ หรบั ด้านและขนาดของ
เหน็ รปู คนตามท่ีทา่ นต้องการอยู่ในแทง่ หนิ ก่อน วัตถุน้นั เมอื่ ปรากฏในสนามภาพ ถ้าอย่ใู กลจ้ ะ
มขี นาดใหญ่กวา่ อยใู่ นต�ำ แหน่งกวา่ และสดั ส่วนก็
จะลดลงตามสว่ น

ประติมากรรมหนิ ออ่ นลอยตวั ของ ไมเคลิ แองเจลโล 8
บุคคลที่เปน็ ยอดทางด้านฝีมอื แหง่ ยคุ ฟน้ื ฟอู ิตาลี

6. การวาดเสน้ ในสมยั นีโอคลาสสิค โรแมนตคิ และเรียลลิสซึม่ ( ค.ศ.1800 - ค.ศ.1860 )

ศูนย์กลางของการวาดเสน้ เปล่ียนไปตามความเปลยี่ นแปลงของสภาพสงั คม และเศรษฐกิจ อติ าลี
เปน็ ศนู ยก์ ลางในสมัยฟืน้ ฟู ศตวรรษที่ 15 กลุ่มยโุ รปตอนเหนือเปน็ ศนู ย์กลางในศตวรรษท่ี 17 และใน
ศตวรรษที่ 19 ฝร่งั เศสได้กลายเป็นแหลง่ กลางของศลิ ปกรรมทกุ แขนง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ปารีส

ภาพวาดเส้นตวั เมอื งของชาวยโุ รป ในปี ค.ศ. 1642

แนวคิดอันเป็นเสมือนทฤษฏีของนีโอ การวาดเสน้ ในตอนกลางศตวรรษที่ 19
คลาสสคิ อกี ประการหนง่ึ ก็คอื การเนน้ การวาด หลงั จากโรแมนตคิ ก็คอื ลัทธิเรยี ลลสิ ซม่ึ ลัทธนิ ี้
เสน้ เป็นหลักส�ำ คัญ การระบายสถี ือเปน็ อนั ดับ เป็นผลมาจากความกา้ วหน้าของวิทยาศาสตร์ จึง
รอง ศิลปนิ กล่มุ นโี อคลาสสคิ จะพยายามร่าง ทำ�ให้รูปแบบของการวาดเสน้ เหมือนจริง หรอื
รูปแบบอย่างแน่นอนด้วยเส้นรอบนอกก่อนแล้ว คลา้ ยจริงมากขน้ึ และ การเขยี นตามแนวเหมอื น
ระบายสี ถ้าเปน็ การเขียนรปู คนกน็ ยิ มทา่ ทางคน จริงน้ี ชว่ ยขยายความรดู้ ้านต่างๆ ให้เปน็ ทเี่ ข้าใจ
ยนื โดยน้ำ�หนกั อยบู่ นเท้าขวา เทา้ ซา้ ยงออยู่ใน ไดง้ ่าย นอกจากนกี้ ารเขยี นการต์ นู และ ภาพลอ้
ท่าพกั ซึ่งถอื กนั วา่ เปน็ ท่าทีส่ มบูรณ์และงดงาม ก็มบี ทบาทมากข้นึ ดว้ ย
มากทส่ี ดุ
ผลงานวาดเสน้ ของมนษุ ยม์ กี ารเปล่ียนแปลง
ศิลปินกลุ่มโรแมนติคยึดม่ันในอารมณ์ที่ และ พัฒนาการไปตามกาลเวลา จากการวาดเสน้
แสดงออกรนุ แรง ดว้ ยการตัดกันของแสงและ ตามความคดิ ความเชอ่ื และอปุ กรณ์ท่จี ำ�กดั ใน
เงา การใชว้ สั ดหุ ลายชนิดปนกนั บางภาพแสดง ยุกต์ท่ีฟ้ืนฟูการวาดเส้นเริ่มเปล่ียนเป็นแนวของ
ความรสู้ ึกของหุ่นมโนภาพ ความทารุณโหดรา้ ย การรับรจู้ ริงมากขนึ้ การสร้างผลงานสรา้ งสรรคม์ ี
และความรสู้ กึ ต่างๆ ท่เี กนิ ความจรงิ ซงึ่ ตรงข้าม จุดมงุ่ หมายของช้นิ งานท่เี กดิ ประโยชน์ต่อ ชุมชน
กับ นีโอคลาสสิค ซึง่ ยึดม่ันในกฏเกณฑ์ของกรกี สังคม และพฒั นาประเทศ
โบราณ
9

7. วาดเส้นศตวรรษที่ 20 - ปัจจบุ นั

จากแนวคดิ ทม่ี คี วามพยายามในการพฒั นารปู แบบของงานศลิ ปะทใ่ี กา้ วหนา้ มากกวา่ อดตี ใน
ศลิ ปะทกุ ๆ แขนง ศลิ ปะวาดเสน้ ซง่ึ นบั แตย่ คุ ฟน้ื ฟมู า มบี ทบาทส�ำ คญั ตง้ั แตก่ ารบนั ทกึ ฝกึ ฝน ศกึ ษา
เปน็ แบบรา่ ง จนถงึ คณุ คา่ สงู สดุ คอื เปน็ ผลงานทส่ี �ำ เรจ็ ในตนเองไมต่ อ้ งพง่ึ พงิ ศลิ ปะอน่ื ใด ในครสิ ต์
ศตวรรษท่ี 20 วาดเสน้ แสดงตวั ตนมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ ความแตกตา่ ง ทง้ั แนวความคดิ และรปู แบบ
ชดั เจนใน ศลิ ปนิ กลมุ่ ศลิ ปนิ บางกลมุ่ ใหค้ วามส�ำ คญั ตอ่ การแสดงออกทางอารมณค์ วามรสู้ กึ บาง
กลมุ่ ใหค้ วามส�ำ คญั ตอ่ การคน้ หารปู ทรงใหม่ บางกลมุ่ ใหค้ วามส�ำ คญั ตอ่ ความคดิ ทางวทิ ยาศาสตร์ บาง
กลุ่มให้ความสำ�คัญต่อความฝันและจินตนาการหรือบางกลุ่มไม่สนใจกฎเกณฑ์ทางศิลปะเลย
ตวั อยา่ งผลงานวาดเสน้ ของศิลปินผูม้ บี ทบาทสำ�คญั อย่างเช่น Pablo Picassso วาด
เสน้ คน้ หาแนวทางสร้างสรรค์ โดยการคลีค่ ลายรปู ทรงจากธรรมชาติมาสกู่ ารจดั องค์ประกอบแบบ นามธรรม
ทางเรขาคณิต โดยมีหลกั ว่าการแสดงออกของรูปทรงท�ำ ไดโ้ ดยสเี่ หล่ียมลูกบาศก์ และรปู ทรงกรวยอกี ทั้ง
ได้รบั อทิ ธพิ ลจากงานประตมิ ากรรมของชาวแอฟริกนั มาผสมผสาน ปิกัสโซเปน็ ศิลปินที่ไม่เคยหยุดนง่ิ
ต่อการพฒั นาและทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง เชน่ งานในชว่ งต่อมา ปิกัสโซพฒั นาวาดเส้นไปสเู่ สน้ สายที่
บริสทุ ธคิ์ ล้ายภาพวาดของเด็ก เพราะเขาช่ืนชมอัจฉริยภาพท่อี ยู่ในวัยเดก็ อย่างมาก หรอื การนำ�แสงไฟ
มาวาดเสน้ แทนพ่กู นั และบนั ทึกภาพดว้ ยกล้องถ่ายรูป นบั เป็นการวาดเสน้ ท่หี ลายคนในยุคนนั้ นกึ ไม่ถึง
เครท์ โคลวทิ ซ์ ศลิ ปนิ ในแนวทางเอกซเพรสชน่ั นสิ ตซ์ ง่ึ มผี ลงานวาดเสน้ และภาพพมิ พท์ ม่ี คี วามงามและ
คณุ คา่ อยา่ งมากเขาแสดงออกถงึ อารมณค์ วามรู้สึกภายในของตวั เขาเองทมี่ คี วามร้สู กึ ตอ่ ส่ิงนั้น ยนี ดบู ัฟเฟต็
แสดงอัจฉริยภาพของเขาผ่านวาดเส้นด้วยเส้นสายและรูปทรงอันบริสุทธิ์แบบเด็กถือเป็นการฉีกรูปแบบของ
งานศลิ ปะในช่วงเวลานัน้ ซง่ึ หลายคนอาจยงั รบั ไมไ่ ดใ้ นชว่ งเวลาแรก เฮนร่ี มวั ร์ วาดเสน้ คน้ หาปรมิ าตรทเ่ี รยี บ
งา่ ยกบั พน้ื ทว่ี า่ งในอากาศ เปน็ วาดเสน้ เพอ่ื ประตมิ ากรรมสมยั ใหม่ แจค็ สนั พอคลอค วาดเสน้ ดว้ ยการสลดั สลี ง
บนผา้ ใบในแบบนามธรรมเอกซเพรสชน่ั นสิ ต์ ครสิ โต วาดเสน้ เพอ่ื น�ำ เสนอความคดิ การสรา้ งโครงการขนาด
ใหญข่ องศลิ ปะกบั สง่ิ แวดลอ้ ม เหมอื นอยา่ งโรเบริ ต์ สมติ สนั และสถาปนกิ สมยั ใหมก่ ย็ งั คงใชก้ ารวาดเสน้ เพอ่ื
อกแบบสถาปตั ยกรรมรปู ทรงใหม่ ๆ แปลกตา เหมอื นสถาปนกิ สมยั เรอเนสซองใชใ้ นการออกแบบโบสถ์ วหิ าร
ศิลปะวาดเสน้ นนั้ ยังคงอยคู่ วบคู่กบั ววิ ัฒนาการของมนุษย์ชาติ นับแต่มนุษยถ์ �้ำ เร่ิมขีดเขยี นร่อง
รอยลงบนฝาผนังถ�้ำ ใหเ้ ป็นจุดเร่ิมตน้ แตว่ าดเสน้ ในปจั จุบันน้ีกนิ ความหมายได้กวา้ งไกลมากยงิ่ นกั

วาดเส้นด้วยแสงไฟแทนการใช้พู่กนั และจบั ภาพโดยการถ่ายภาพความเร็วตำ่� 10
ในปีค.ศ. 1949 โดย ปาโบล ปกิ ัสโซ

Self-Porttrait with the hand of death 1924 Corps De Dame 1950 โดย Jean Dubuffet
โดย Kathe Kollwitz วาดเสน้ มาจากรูปทรงคนแต่เน้นการแสดงออกและ
ความบริสุทธิ์แบบเด็ก

“Elephant skull album plate XXVIII 1969“ “ Standing Figures “ ค.ศ. 1940
วาดเส้นเพ่อื ประตมิ ากรรมโดย เฮนร่ี มัวร์ วาดเส้นเพ่ือประติมากรรม โดย เฮนรี่ มัวร์

วาดเสน้ แบบ เอ็กเพรสชัน่ นิสต์ โดยแจค็ สนั พอลลอค 11

PHIL / Fingerprint II 1978 โดย Chuck Close “ Waiting “ วาดเส้นด้วยการใช้มีดกรดี ลง
วาดเสน้ หนา้ คนด้วยการพมิ พ์น้ิวมอื โดยแสดงนำ�้ หนกั บนผา้ ใบ โดย Lucio Fontan ค.ศ.1946
และอากาศในทุกๆพนื้ ท่ี ของรปู ทรง

วาดเส้นเพอ่ื แบบร่าง ศลิ ปะกบั สงิ่ แวดลอ้ ม The point Neuf Wrapped, Project for paris
โดยโรเบรต์ สมิตสนั 1985 โดย Christo วาดเสน้ เพือ่ เสนอความคดิ
ศลิ ปะกับสิ่งแวดลอ้ มขนาดใหญ่

วาดเส้นบน
พื้นดนิ เป็น
อีกวธิ กี ารหนง่ึ
ส�ำ หรบั การ
วาดเสน้ ใน
ปจั จุบัน

วาดเส้นส�ำ หรับงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โครงการ Tampere 12
Main Library Finland โดย Raili and Riema Pietila

8. ประวัตกิ ารวาดเสน้ ท่มี ีคุณค่า และ มีความส�ำ คัญทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ประเทศไทย

เปน็ ภาพวาดเสน้ ที่บันทึกเร่ืองราว ของ วถิ ชี ีวติ สภาพเมือง สิ่งแวดล้อมฯลฯ ของประเทศไทย ก็คือ
ภาพจากจดหมายเหตุของ มองซเิ ออร์ เดอ ลาลูแบร์ ต�ำ แหน่งเอกอัคราชทตู ผ้มู อี ำ�นาจเตม็ ของพระเจ้า
หลยุ สท์ ี่ 14 พระเจ้าแผ่นดนิ ฝร่ังเศส ได้เขา้ มาครง้ั กรงุ ศรีอยุธยาเปน็ ราชธานีซ่ึงตรงกบั ปลายสมัยสมเดจ็ พระ
นารายณ์มหาราช และไดเ้ ขยี นจดหมายเหตุบอกเรือ่ งราวตา่ งๆเกี่ยวประเทศไทยไว้มาก รวมท้งั วาดภาพ
ประกอบซงึ่ สะทอ้ นให้เหน็ ถงึ คณุ ค่าของการวาดเสน้ ไดเ้ ป็นอย่างดี

ภาพวาดทอ้ งพระโรงในพระบรมมหาราชวังแห่งกรงุ สยาม

ภาพวาดแผนที่ประเทศสยาม

ภาพวาดแม่กับลูกชาวสยาม ภาพวาดเรอื ยาวท่รี บั สง่ คณะทตู และ เรือยาว 13
พระทน่ี งั่ ตน้ ของสมเด็จพระเจา้ กรุงสยาม

ความสำ�คัญของการวาดเส้นในงานออกแบบและสร้างผลงานศิลปะ

การออกแบบจะเป็นขบวนการท่ีสำ�คัญมาก การวาดเส้นจึงมีบทบาทท่ีจำ�เป็นในการ
เกอื บทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งท่มี ีการสร้างชน้ิ งาน หรือผล สรา้ งภาพ หรืรปู ร่างเบ้อื งตน้ เพื่อถ่ายทอดจาก
งานทีห่ วงั ส�ำ เร็จ ไมว่ า่ จะเปน็ วงการธุรกจิ การ ความคิด ออกมาใหป้ รากฏมากที่สุด เพอื่ จะได้
พฒั นาเมอื ง การทำ�งานสง่ิ พิมพ์ การท�ำ งาน เลอื ก ดดั แลง ก่อนน�ำ ไปเขียนเป็นรายระเอยี ดถกู
โฆษณา การผลติ สนิ คา้ อุตสาหกรรม การทำ�บรรจุ ต้องหรือสร้างจริง ทง้ั นีเ้ พอ่ื ปอ้ งกนั การผิดพลาด
ภัณฑ์ ฯลฯ จะเห็นได้วา่ การออกแบบสร้างสรรค์มี โดยเฉพาะธุรกิจในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันทุกรูป
สว่ นรว่ ม และ ช้นี ำ�รปู แบบ แบบ

การวาดเสน้ มีบทบาทต่องานออกแบบเกือบทกุ แขนงซึง่ พอสรปุ ได้ ดงั น้ี
1. การวาดเสน้ เปน็ ตวั ช่วยในการถา่ ยทอดความคิดของนกั ออกแบบ
2. การวาดเสน้ ทำ�ใหเ้ หน็ ลักษณะของผลงานได้ทงั้ 2 มติ ิ และ ให้ความรสู้ กึ 3 มิติ
3. การวาดเส้นสามารถทำ�ไดส้ ะดวก รวดเรว็ ง่าย และใชอ้ ปุ กรณ์เขยี นพ้นื ฐานทว่ั ไป
4. การวาดเส้นช่วยในการเลอื ก ดัดแปลง ชน้ิ งาน เปน็ การกลั่นกรองทด่ี ีกอ่ นการสร้างจริงในเชิงธุรกจิ

เปน็ การประหยัด เวลา ตน้ ทุน และ ทส่ี ำ�คญั ไดผ้ ลงานท่ดี ี
5. การวาดเส้น เป็นตวั ช่วยบอกรายละเอยี ดต่างๆ ทั้งทีเ่ รียบงา่ ย และ ซบั ซ้อนไดใ้ นมุมมองของงาน

ออกแบบ
6. การวาดเส้น สามารถถ่ายทอดจิตนาการทุกแนวความคิดทัง้ ทใี่ กลต้ วั หรอื อนาคตไดไ้ ม่มีขอบเขต

จ�ำ กดั มีความเท่าทนั กบั การสรา้ งสรรค์ทุกรูปแบบ

7. การวาดเส้นช่วยถ่ายทอดสภาพเหตุการณ์ สง่ิ แวดลอ้ มต่างๆ ได้ในสภาวะทไี่ มม่ อี ุปกรณท์ ช่ี ่วยใน
การบนั ทกึ ภาพ และ สามารถให้ความร้สู ึกตามเหตุการณ์นน้ั ๆ พร้อมกบั คุณค่าทางทกั ษะฝีมอื

ภาพวาดเสน้ นครวัด ของ Henri Mouhot. ชาวฝร่ังเศส ในปี ค.ศ. 1860

จะเห็นไดว้ ่าความสามารถ หรือ ฝมี ือในการวาดเสน้ มีความสำ�คญั ทีจ่ ะต้องเทยี มทัน และ สัมพันธ์กบั
สตปิ ัญญาทคี่ ดิ สร้างสรรค์ การวาดเส้นในงานออกแบบจงึ ตอ้ งไดร้ บั การฝึกฝน เพ่อื ให้เกิดความชำ�นาญ แม่นยำ�
ชดั เจน รวดเร็ว ซงึ่ จะแตกตา่ งการวาดเขยี น หรือ วาดเสน้ ธรรมดาท่วั ไป

14

2 ความรู้ทางทัศนียวิทยา

และ การจัดองค์ประกอบภาพขั้นพื้นฐาน

มิติและทัศนียภาพวิทยา ( Dimension and Perspective)

หลกั การวาดรูปทรงต่างๆ จำ�เปน็ ต้องมีพนื้ ฐานความรูห้ ลกั การทศั นยี ภาพวิทยา เพื่อถ่ายทอดวตั ถุ
ใหเ้ ห็นภาพเปน็ 3 มติ ิ ลวงตาบนพน้ื ระนาบ 2 มิติ
หลักการทศั นยี ภาพวิทยา มักกล่าวถงึ การถา่ ยทอดระยะใกล้ ไกลของภาพหรือวัตถุ เพอื่ แสดงมิติ
เช่น วตั ถขุ นาดเท่ากนั หลายชิ้นวางอยู่ในต�ำ แหน่งท่ตี า่ งกนั วตั ถทุ ่ีตัง้ อยู่ระยะหน้าจะมีขนาดใหญ่กวา่ วัตถุที่
อยรู่ ะยะหลัง

การวาดหุ่นเหล่ียมตามหลกั ทศั นียวิทยา (Perspective)

การศกึ ษาการวาดหุ่นเหลีย่ มจะใหค้ วามสนใจการสร้างรูปทรงใหเ้ ปน็ รูปทรง 3 มิติ การวาด
ห่นุ เหล่ียมต้องให้ความส�ำ คญั ตอ่ การมองรปู ทรง โดยการใชห้ ลักการทัศนยี วทิ ยาเพ่อื ก�ำ หนดมุมมองของ
ภาพจากระดับต่างๆ เพ่อื ใหไ้ ด้องคป์ ระกอบและมมุ มองทส่ี วยงามและเหมาะสมในการสร้างสรรค์ผลงาน

หลักการรา่ งภาพทัศนยี วิทยา (Perspective)
เม่ือเรากำ�หนดช่องสี่เหล่ียมและมองผ่าน
ไปยังวัตถทุ ีจ่ ะวาด ช่องส่เี หลยี่ มคอื ระนาบที่จะ - VANISHING POINT (VP) จดุ รวมสายตา
เกดิ ภาพวาด ซงึ่ มุมมองจะเหมาะสมและเกดิ ภาพ หรอื จดุ ลับตา เป็นจดุ ทีส่ �ำ คญั ท่สี ุดของการเขยี น
3 มติ ิ การกำ�หนดมุมมองวัตถสุ งู หรอื ตำ่� จะเกดิ ภาพแบบทัศนียวิทยา (Perspective)จดุ ลับตาท่ีจะ
จากการก�ำ หนดเส้นต่างๆ ดงั น้ี ตัง้ อยบู่ นเส้นระดบั ตา (HL) จะมีจดุ เดยี วหรือสอง
จุดกไ็ ด้ แลว้ แตข่ นาดของภาพท่ีเรามองเห็น
- HORIZON LINE (HL) คือเส้นขอบฟ้าตั้ง
อยูใ่ นแนวระนาบตา ( EYE LEVEL) เส้นนมี้ ีความ - STATION POINT (SP) เปน็ จดุ ยนื ของเราที่
สำ�คญั มากเพราะจุดลบั ตา (VP) จะต้ังอยู่บนเสน้ น้ี มองไปยงั ภาพ PERSPECTIVE น้ันๆ

16

องค์ประกอบในการวาดเส้นหุ่นปูน (หุ่นเหลี่ยมระนาบบนใบหน้า)

1. องค์ประกอบของการจดั ภาพ

สิ่งส�ำ คญั ในการวาดภาพที่จะขาดไม่ไดค้ อื เรื่องของการจัดภาพเพราะจะทำ�ใหภ้ าพมีสดั ส่วนจังหวะ
ของการจัดวางองค์ประกอบมีความสวยงาม

การร่างภาพเป็นส่วนสำ�คัญอย่างย่ิงในงานวาดเส้นเป็นจุดเร่ิมต้นที่จะจัดให้ภาพวาดมีความเหมาะสม
กับหนา้ กระดาษ ถา้ ร่างภาพได้ดภี าพทีล่ งแสงเงาก็จะดูดีไปด้วย

1.1 การจดั องคป์ ระกอบหนุ่ ปูน (หนุ่ เหลย่ี มระนาบบนใบหน้า) ด้านตรง

เล็กเกนิ ไป ใหญเ่ กินไป

ชดิ ดา้ นบนเกินไป ชดิ ดา้ นลา่ งเกนิ ไป

ชิดซา้ ยเกนิ ไป ชิดขวาเกินไป

ภาพเอยี งไม่ได้สดั สว่ น เหมาะสมกว่าทกุ ภาพ

17

1.2 การจดั องคป์ ระกอบหนุ่ ปูน (ห่นุ เหล่ียมระนาบบนใบหนา้ ) มุมเฉยี ง, ด้านข้าง

การวาดภาพหุน่ ปนู นอกจากจะมองดา้ นตรงแลว้ ต้องฝึกวาดดา้ นข้าง และ ดา้ นเฉยี ง45องศา
จะมากหรือน้อยกวา่ นน้ั กไ็ ด้ การจัดภาพก็มีลักษณะเหมอื นกบั ดา้ นหนา้ ตรง คือไมเ่ ล็กและไม่ใหญ่
เกนิ ไป แตถ่ า้ วาดภาพให้หุ่นหันหน้าไปดา้ นไหนใหห้ น้าของห่นุ ห่างจากขอบกระดาษมากกวา่ ปรกติ
จะท�ำ ให้ภาพดแู ลว้ ไมอ่ ึดอัด

มุมดา้ นเฉยี ง 45 องศา

เหลอื พ้นื ท่ีด้านซ้ายมากกว่าด้านขวาเล็กนอ้ ย เหลือพ้นื ทด่ี า้ นขวามากกว่าด้านซ้ายเลก็ นอ้ ย

มมุ ด้านขา้ ง

เหลอื พนื้ ทดี่ ้านซ้ายมากกวา่ ด้านขวาเล็กน้อย เหลือพื้นท่ดี า้ นขวามากกว่าดา้ นซา้ ยเล็กนอ้ ย
18

2. การกำ�หนดมุมมอง

โดยปรกตกิ ารวาดภาพจากแบบทีเ่ ป็นหนุ่ ปูนจะมีมุมให้วาดโดยทั่วๆไป คอื มุมมองด้านหนา้ ตรง
ด้านเฉียงซา้ ย,ขวา ผู้วาดควรอยหู่ า่ งจากหุน่ พอประมาณถ้าอยูใ่ กลม้ ุมมองจะหลอกตา ท�ำ ใหย้ ากต่อการ
วดั สดั ส่วน การกำ�หนดระยะ และระดบั ตาของผูว้ าดจะอยู่ระหว่างกะโหลก และฐานของหนุ่ จะทำ�ให้ภาพที่
วาดมสี ัดส่วนและมมุ มองในระดับสายตาปรกติ

2.1 มมุ มองระดบั สายตา
ควรกำ�หนดระยะห่างจากหุ่นประมาณ 1.5 - 2 เมตร

19

2.2 มุมมองตำ�่ (ผวู้ าดอยสู่ งู กวา่ หนุ่ )
ผวู้ าดอาจจะวาดในมมุ ที่แตกตา่ งไปจากน้ี เช่น มมุ ท่ีมองต่ำ�จะเหน็ สว่ นทเ่ี ปน็ กะโหลกของห่นุ มากกว่า
ปรกติ

20

2.3 มมุ มองเงยหน้าข้นึ มองหนุ่ (ผวู้ าดอยตู่ �ำ่ กวา่ หนุ่ )
มมุ มองเงยหน้าข้นึ มองหนุ่ จะเห็นด้านลา่ งของหุ่นเช่น ใต้จมูก ใต้คางมากข้ึน แตจ่ ะเหน็ กระโหลกนอ้ ย
ลง มมุ มองในลกั ษณะน้ีวาดไดท้ ้งั หุน่ ดา้ นตรง ด้านเฉียง และดา้ นข้าง

ผ้วู าดอาจจะเลอื กมุมมองใหแ้ ตกต่างไปจากปรกตบิ า้ ง 21
แต่ต้องเขา้ ใจถึงสัดส่วนของหนุ่ อย่างถูกต้องเสยี กอ่ น

3. การก�ำ หนดแสงเงา

การวาดภาพทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ กดิ ความงามนอกจากหลกั ของการจดั ภาพ สดั ส่วนใหเ้ กิดความสวยงามและ
การเลือกมุมมองท่ดี ีแล้ว การเลอื กแสงเงากถ็ อื วา่ สำ�คญั มากสำ�หรับภาพทต่ี ้องการลงแสงเงา เพราะจะ
ทำ�ให้ภาพมีมิติ มีระยะน่ามอง

ทศิ ทางของแสงสามารถกำ�หนดวา่ จะใหแ้ สงเขา้ ดา้ นไหนของหุ่นเชน่ ด้านหนา้ เฉียงซ้าย เฉียงขวา
ดา้ นขา้ ง และด้านหลัง หรือทเ่ี รียกว่าการมองยอ้ นแสงกจ็ ะใหค้ วามร้สู ึกทแี่ ตกตา่ งกันไป

แสงเขา้ ด้านหน้า แสงเขา้ ดา้ นหลงั

แสงเข้าด้านข้าง แสงเข้าด้านขา้ ง

แสงเขา้ ด้านเฉยี ง แสงเข้าดา้ นเฉยี ง

แสงเขา้ ดา้ นหนา้ แสงเข้าดา้ นหน้า
มมุ เฉยี ง มุมเฉยี ง

22

4. ประเภทแสงเงาในการวาดหุ่นน่งิ

4.1 แสงจากธรรมชาติ
ทศิ ทางของแสงธรรมชาตทิ ม่ี าจากดา้ นหนา้ ของหนุ่ ในแต่ละมุมมอง
ทิศทางของแสงธรรมชาติที่มาจากด้านขา้ งของห่นุ ในแตล่ ะมุมมอง

ทิศทางของแสงธรรมชาติที่มาจากด้านหลังของหนุ่ ในแต่ละมุมมอง

23

4.2 แสงจากหลอดไฟ

ทศิ ทางของแสงจากหลอดไฟในแตล่ ะมุมมอง

24

ภาพเปรยี บเทียบความแตกตา่ งของการใชแ้ สงธรรมชาติกับแสงจากหลอดไฟ

แสงธรรมชาติ แสงจากหลอดไฟ

25

5. ทศิ ทางของแสงและเงา

26

3 เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวาดเส้น

เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวาดเส้น

1. ดนิ สอ

น�ำ้ หนกั ระดบั กลาง ดินสอ เปน็ เครอ่ื งมือพนื้ ฐาน และ จัดหา
ง่ายที่สุดในการใช้เขียนหนังสือและงานวาดเส้น
ดินสอที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีให้เลือกสะดวกในการ
ใช้อยู่หลายชนดิ ต้ังแตท่ ่ีเปน็ ไมห้ ุ้มตอ้ งใช้มีดเหลา
หรอื ชนดิ ทเ่ี ปลีย่ นไส้ได้ บางครง้ั ก็เรยี กว่าดินสอ
กดซึ่งมหี ลายประเภท และในแตล่ ะชนดิ ของดินสอ
ก็แบ่งคุณสมบัติของไส้ดินสอซ่ึงทำ�ด้วยแกรไฟต์
(Graphite) เพือ่ สะดวกและเหมาะกบั การใชง้ าน

คุณสมบตั ิของไสด้ นิ สอด�ำ จะเป็น ออ่ น-แก่
คอื ถา้ ไสม้ คี วามแขง็ จะใหน้ �ำ้ หนกั ออ่ น ถา้ ไส้ออ่ น
จะให้น�ำ้ หนักดำ�เข้ม โดยมตี วั อักษร H และ B
เปน็ ตัวบอก

โดยท่ัวไปในงานวาดเส้นจะใช้ดินสอดำ�อยู่
ที่ ระดบั 2B-4B แตท่ งั้ น้กี ข็ น้ึ อยูก่ ับรปู แบบของ
งานด้วยคุณสมบัติที่ดีของดินสออีกอย่างหนึ่งก็ดือ
สามารถท�ำ ให้ภาพ อ่อน-แก่ หรือไลน่ �้ำ หนักมือได้
เป็นอย่างดีนอกเหนือจากเลือกชนิดจากคุณสมบัติ
ออ่ น-แก่ ตามท่ี H-B กำ�หนดไว้แลว้

12H 11H 10H 9H 8H 7H 6H
5H 4H 3H 2H H HB
B 2B 3B 4B 5B 6B EE

กลุม่ H ตวั เลขยิ่งมากไส้จะแข็ง
น�้ำ หนักจะออ่ น

กลมุ่ B ไส้จะออ่ นแต่จะเขม้ ดำ�ขึ้น

28

2. กระดาษ

กระดาษ เป็นวสั ดทุ ีม่ ีความส�ำ คญั มากเชน่ กัน
ซ่ึงเป็นพ้นื ทีป่ รากฏภาพ หรอื ผลงาน ในการวาดเส้น
อาจใช้ได้หลายชนดิ ซึ่งมใี ห้เลือกมาก กข็ ้ึนอย่กู ับรูป
แบบของงาน

โดยทัว่ ไปกระดาษในการทำ�งานวาดภาพ จะ
ใชก้ ระดาษวาดเขยี น ทีม่ ีขนาดเรียกเปน็ ปอนด์ ที่
เหมาะสมทัว่ ไปจะอยู่ในระดับ 60-80 ปอนด์ และ
ใชด้ ้านทม่ี ผี วิ เรยี บ ถา้ เป็นการวาดภาพท่ใี ช้ถ่าน
ชารโ์ คลในการวาดภาพ กระดาษท่ใี ช้มกั นยิ ม
กระดาษปรูฟ๊ เพราะผิวของกระดาษจะจับเนอ้ื ถ่าน
สีดำ�ไดด้ ีและราคาไม่สงู เหมาะกบั การน�ำ มาเขียนที่
ใชค้ วามเร็ว ไมต่ ้องการรายละเอียดมากนกั

3. มดี หรือ คัตเตอร์

ส่วนใหญ่จะนำ�มาใช้เหลาดินสอ และ ตดั กระดาษ ท่นี ยิ มใช้ในปัจจุบนั ใหค้ วามปลอดภยั ก็จะเป็น
คัตเตอร์ มีหลายขนาด ตัวใบตัดสามารถหกั เพอ่ื เปลีย่ นความคมและเล่ือนเกบ็ ได้ มีความสะดวกในการพก-
พา ในการเหลาดินสอ บางครัง้ อาจใช้เครอ่ื งเหลาแบบหมนุ ตั้งโตะ๊ ซ่งึ ก็ใหค้ วามสะดวก แต่การใชค้ ัตเตอร์
นอกจากสะดวกพกพา ยงั สามารถเหลาใหไ้ ด้ความยาวของไส้ไดต้ ามตอ้ งการ

29

4. ยางลบ

ยางลบ เปน็ ตวั ชว่ ยแก้ไขในส่วนท่ผี ิด ช่วย
ในการตกแต่งภาพบางสว่ น และ ช่วยท�ำ ความ
สะอาดพื้นของชิน้ งาน โดยเฉพาะงานท่ีใชด้ ินสอ
ดำ�ทวั่ ไป ยางลบที่ใช้มหี ลายคณุ ภาพ ควรเลอื กใช้
ที่มีเนื้อยางนุ่มจะทำ�ให้เน้ือหรือผิวของกระดาษ
ไมเ่ สยี หาย

5. แผ่นกระดานรอง

แผ่นกระดานรองส่วนใหญ่จะใช้ไม้กระดาน
อัด หรอื กระดาษ 4 มม. เพราะจะมนี ำ้�หนักเบา
พนื้ เรียบ สามารถใชง้ านได้ดีโดยเฉพาะนำ�ออก
นอกพ้นื ท่ี อุปกรณท์ ี่ควบคกู่ บั แผน่ กระดานรอง อีก
อย่างก็คอื ตวั หนีบ กระดาษเทปกาว ซงึ่ เปน็ ตัว
ช่วยจบั ยดึ กระดาษ

นอกจากวัสดุอุปกรณห์ ลักดัง่ กลา่ ว ในการวาดเสน้ ในงานออกแบบ กม็ ีอุปกรณ์ที่ช่วยเสรมิ อน่ื อีก เชน่
วงเวียน กระดาษทชิ ชู ตวั หนบี มสั ซ่ิงเทป กระเปา๋ ใสผ่ ลงาน แผน่ รองตัด โต๊ะ เกา้ อีน้ ่งั ทำ�งาน ฯลฯ

คุณภาพของวัสด-ุ อุปกรณ์ มสี ว่ นสำ�คัญในการสร้างผลงาน เพราะจะทำ�ให้ผลงาน เรยี บร้อย ดดู ี
และ ทำ�ไดส้ ะดวกรวดเรว็ แต่ถงึ อยา่ งไรกต็ ามทกั ษะฝีมอื ของผวู้ าดเส้น จะเปน็ องคป์ ระกอบที่ส�ำ คญั ที่สุด ใน
การวาดเสน้ ดังนั้น เครือ่ งมือดี ฝีมือดี จึงจะได้ผลงานที่ดี และ มีคณุ ภาพ

30

4 การวัด และ การกำ�หนดสัดส่วนระนาบใบหน้าคน

การวัดสัดส่วนใบหน้าคน

สัดสว่ น เปน็ สิง่ ส�ำ คญั และควบค่กู ับการรา่ งภาพ การวัดสดั ส่วนในการวาดเสน้ คือ การเปรยี บเทียบ
ขนาด ความกวา้ ง ความยาว ความสูงของรูปทรงหนึ่งกบั รูปทรงหนึ่ง โดยไม่ใช้เคร่อื งมอื ใดนอกจากมือ
ดนิ สอ และสายตา

ในการวาดเสน้ ใบหน้ากต็ อ้ งมีการวัดสดั สว่ นเชน่ เดยี วกัน โดยวดั ความยาวของใบหน้าทัง้ หมด ตง้ั แต่
ปลายคาง ถึง โคนผม ซ่งึ จะเป็นการวัดสดั สว่ นเร่ิมตน้ เท่านัน้ เพอื่ นำ�ไปเทยี บกบั ส่วนอื่นๆ หรือ แบง่ ย่อย
ส่วนประกอบบนใบหนา้ ต่อไปในภายหลงั

วธิ ีการวัดสดั สว่ นใบหนา้ ดังน้ี
1. ยน่ื มอื ออกไปใหส้ ุด จับดนิ สอตงั้ ฉากหรอื ขนานกับพ้นื
2. ใชน้ ิว้ หัวแม่มอื เลื่อนวัดความยาวของใบหน้า
3. น�ำ สว่ นทไ่ี ดม้ าเทียบลงบนกระดาษ ซงึ่ อาจจะย่อหรือขยายจากแบบ

2382

ดงั นั้นการวาดเส้นหนา้ คน สัดส่วนจึงต้องแมน่ ย�ำ เพราะหากเขียนภาพคนผดิ สดั ส่วน จะเหน็ ข้อผดิ
พลาดชดั เจน

สดั ส่วนของใบหน้า แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ นครึ่ง

สว่ นท่ี 1 ปลายคาง - ปลายจมูก
ส่วนที่ 2 ปลายจมูก - หว่างคิ้ว
ส่วนท่ี 3 หวา่ งคิ้ว - ตีนผม
ส่วนที่ 3 ครึ่ง ตีนผม - ศรีษะดา้ นบน

สว่ นท่ี 3 ครึ่ง
ส่วนท่ี 3
สว่ นที่ 2
สว่ นท่ี 1

33

การแบ่งสัดส่วนใบหน้าหุ่นเหลี่ยม

ในการศกึ ษาการเขยี นใบหน้าคนจะใช้หนุ่ เหลย่ี มเปน็ การศกึ ษาเบ้ืองต้น เน่ืองจากหุ่นเหลย่ี มเลยี น
แบบโครงสร้างและสว่ นประกอบมาจากใบหนา้ คน แต่ตดั ทอนรายละเอยี ดให้เป็นระนาบ เพ่ือให้ดงู า่ ยขึน้

วิธีแบ่งสัดส่วนหุ่นเหล่ียม

เมอ่ื ได้ขนาดของใบหน้าบนหน้ากระดาษแล้ว ใหล้ ากเสน้ ต้ังฉากเพื่อแบง่ คร่ึง จากนัน้ ใหล้ ากเสน้ ใน
แนวนอนแบง่ เป็น 3 สว่ นครง่ึ มรี ายละเอียดดังน้ี

สว่ นท่ี 1 ปลายคาง - ปลายจมูก
ส่วนท่ี 2 ปลายจมูก - หวา่ งคิ้ว
ส่วนที่ 3 หว่างคว้ิ - ตนี ผม
สว่ นที่ 3 คร่งึ ตนี ผม - ศรีษะดา้ นบน

ในแตล่ ะสว่ นสามารถแบ่งสว่ นย่อยได้ดงั นี้

สว่ นที่ 1 แบง่ 1/2 จะเปน็ บรเิ วณปลายริมฝีปากล่างโดยประมาณ
ส่วนท่ี 2 แบง่ 2/3 จะเป็นบรเิ วณกลางตาโดยประมาณ
ความสูงของใบหู อย่ใู นสว่ นนด้ี ว้ ย

2/3 ส่วนที่ 3 ครง่ึ
1/2 ส่วนท่ี 3

สว่ นที่ 2

สว่ นท่ี 1

34

2/3 สว่ นท่ี 3 ครง่ึ
1/2 ส่วนท่ี 3

สว่ นที่ 2
ส่วนท่ี 1

ภาพเปรียบเทียบสัดสว่ นจากใบหน้าห่นุ เหลีย่ มกับใบหนา้ คนแก ่

35

5 เทคนิคการร่างภาพและการลงน้ำ�หนักแสงเงา
ด้วยดินสอดำ�

ขั้นตอนการวาดหุ่นปูนหน้าคนเหลี่ยม

หุ่นหนา้ คนเหลีย่ ม ซ่งึ ใชเ้ ปน็ ตน้ แบบในการวาดเส้น

1

เร่ิมต้นด้วยการวาดวงกลมกำ�หนด
ขนาดและต�ำ แหน่งของส่วนหวั โดย
อาศัยความรู้เร่ืองสัดส่วนและการจัด
องค์ประกอบภาพจากบททีผ่ ่านมา

2

วาดโครงสร้างสว่ นลา่ งของ
ใบหนา้ ให้ตอ่ จากวงกลมลงมา

37

3 แบ่งสัดส่วนภายในใบหน้า คอื ต�ำ แหน่งของตา จมูก ปากและหู รวมทัง้
ลากเส้นแบง่ ระนาบของหนา้ ดา้ นหนา้ และสว่ นด้านขา้ งใหเ้ ห็นชดั เจน

4

วาดรปู ร่างของตา หู จมกู ปาก ให้ละเอียดมากย่งิ ขึน้
เมอ่ื ครบในใบหนา้ เริม่ ลากเสน้ ล�ำ คอตอ่ ลงมาจนส่วน
คอและฐาน

5

แรเงาน้�ำ หนกั โดยใช้วธิ กี ารขดี เสน้ เป็น
แนวเฉยี งในทางเดยี วกนั ( Hatching )
โดยลงน้ำ�หนกั อยใู่ นระดบั กลางกระจาย
ในส่วนเงาให้ทั่วท้งั รูปไปกอ่ น ซึง่ เปน็ วิธี
การลงเงาโดยรวม

38

6 ภาพขยายของการแรเงาในแบบ Hatching
และน้ำ�หนักท่ใี ช้

7

อาจารยศ์ ิพพร สุนทระศานติก
ขณะกำ�ลังวาดภาพห่นุ ปนู คนหนา้ เหลย่ี ม

8 เมือ่ ลงเงาโดยรวมไดท้ ว่ั ท้งั ภาพ กลับมาเน้น
ในส่วนต่างๆ ใหช้ ดั เจนมากขึ้น

9 39

สังเกตนำ้�หนักในหุ่นปูนที่มีความเข้ม
มากย่งิ ขน้ึ หรือในตำ�แหนง่ ใตโ้ หนกคิว้
ใต้จมูกและใตป้ าก

10 ภาพขยายการเพิ่มน�ำ้ หนักดว้ ยการแรเงาขีดเสน้ ทบั ลงไปอีกชน้ั หรือสาน
เสน้ สลบั กับเส้นท่ลี งไว้ในครง้ั แรก ( Cross hatching )

11

เพม่ิ น�ำ้ หนกั ลงในสว่ นระนาบ
ของใบหน้าดว้ ยเช่นกนั

12

หน้าผากจะมสี ว่ นโคง้ เว้า ตอ้ งใช้
การไลน่ ำ�้ หนัก ให้ค่อย ๆเข้มขึ้น
หรือแบบนมุ่ นวล ( Gradiant )

40

13 เพิม่ น�ำ้ หนักในสว่ นดา้ นขา้ งของใบหนา้ เพ่อื ให้
เกิดมติ คิ วามลึกเขา้ ไป

14

ตกแต่งรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ในส่วนตา่ ง ๆ

15

ภาพทีเ่ สรจ็ สมบรู ณ์ มกี ารลงน�้ำ หนกั ส่วนฉากหลัง
( back ground ) ใหม้ ีความเขม้ พอสมควร เพือ่
คดั ให้หุ่นปนู มคี วามชัดเจน รวมทั้งเพิ่มรายละเอียด
ของผ้าด้านล่าง ซ่ึงเป็นส่วนสนบั สนนุ ให้ภาพมคี วาม
สมบรู ณ์มากย่งิ ขนึ้

41

บรรณานุกรม

เจษฎา ทองรุ่งโรจน.์ เลโอนาร์โด ดา วีนช.ี กรุงเทพฯ : ส�ำ นักพมิ พ์สขุ ภาพใจ, 2549.
ชลูด น่มิ เสมอ. องคป์ ระกอบของศลิ ปะ. พิมพค์ รัง้ ท่ี 7. กรงุ เทพฯ : อมั รินทรพ์ รนิ๊ ตง้ิ แอนดพ์ ับลิชช่งิ , 2553.
สนั ต์ ท.โกมลบุตร, ผู้แปล. จดหมายเหตุ ลาลแู บล.์ พิมพค์ รั้งท่ี 2. นนทบุร ี: สำ�นกั พิมพป์ ัญญา, 2548.
อารี สุทธิพนั ธ์ุ. ปรัชญาศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ : เอ.การพมิ พ,์ ม.ป.ป.
อารี สุทธิพันธ.ุ์ ประวัตศิ าสตร์ศลิ ป. กรุงเทพฯ : แผนกวิชาศิลปศึกษา วิทยาลยั วิชาการศึกษา
ประสานมติ ร, ม.ป.ป.
ED Sibbett,Jr. Ancient Egyptian Design. New York : Dover Publication,Inc, 1978.
Greek Ceramic. [Online]. Avaiable:http://www.ceramicstudies.me.uk/frame1tu6.html, 2549.
Joseph D’Amelio and Sanford Hohauser. Perspective Drawing Handbook Illustration.
New York : Tudor Publishing Company. 1964.
Michacl Freeman & Roger Warner. Angkor. Japan : Hougton Mifflin, 1990.
Read, Herbert and others. The Book of Art. New York : Grolier Inorated, 1976.

ภาคผนวก

รายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ

ลำ�ดับ ชื่อ - นามสกุล ต�ำ แหนง่ / สงั กดั
1 นายคมสันต์ คืนดี ครูช�ำ นาญการพิเศษ
วทิ ยาลัยช่างศิลป
2 นายวิศิษฐ พมิ พมิ ล สถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ กระทรวงวัฒนธรรม
ครูชำ�นาญการพิเศษ
3 นายศพิ พร สุนทระศานติก วทิ ยาลัยช่างศิลปสพุ รรณบรุ ี
สถาบนั บัณฑิตพฒั นศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม
4 นายรจุ น์ ถวลั ยอ์ รรณพ
ครูช�ำ นาญการ
วิทยาลยั ช่างศิลปสุพรรณบรุ ี
สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ กระทรวงวฒั นธรรม

ครชู ำ�นาญการ
วทิ ยาลยั ช่างศิลปสุพรรณบรุ ี
สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม

คณะท�ำ งานจดั การความรู้
วาดเส้นใบหนา้ คนจากหนุ่ ปนู เหล่ียม ( ปนู ปลาสเตอร์ ) ด้วยดนิ สอดำ�

1. นายวฑิ รู ย์ พนู สวสั ดิ์ ท่ปี รกึ ษา
2. นางขวญั ใจ พิมพมิ ล ท่ปี รึกษา
3. นายแผน เอกจติ ร ประธานคณะทำ�งาน
4. นายศิพพร สนุ ทระศานติก รองประธานคณะทำ�งาน
5. นายพงษศ์ กั ด์ิ สารกลุ คณะทำ�งาน
6. นายถนอม จนั ทรต์ ๊ะเครอื คณะท�ำ งาน
7. นายวิศษิ ฐ พิมพิมล คณะท�ำ งาน
8. นายรุจน์ ถวลั ย์อรรณพ คณะทำ�งาน
9. นายสขุ ตศิ ักด์ิ เดชาวิชิตเลศิ คณะทำ�งาน
10. นายธรี ะศักด์ิ เฉลิมวงษ์ คณะทำ�งาน
11. นายเสกสรรค์ โฆษติ เกษม คณะท�ำ งาน
12. นายประภาส ชวนเชย คณะทำ�งาน
13. นายพษิ ณุ ศรไี หม คณะท�ำ งาน
14. นางสาวโฉมศรี กล่ำ�ถนอม คณะท�ำ งาน
15. นางสาวมณั ฑณีย์ นาพนงั คณะท�ำ งาน
16. นางนนั ท์นลนิ น่มิ เกตุ คณะท�ำ งาน
17. นางพณิ ฑ์ ไกรแก้ว คณะท�ำ งาน
18. นายพเิ ศษ โพพศิ คณะท�ำ งานและเลขานุการ
19. นางสาวกานตช์ ลี สุขสำ�ราญ คณะทำ�งานและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร
20. นางปรางคท์ ิพย์ เฉลมิ วงษ์ คณะท�ำ งานและผูช้ ว่ ยเลขานุการ


Click to View FlipBook Version