The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tiwawan.t, 2022-07-02 22:45:16

คู่มือการใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์

คู่มือการใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์

คู่มือการใช้
อุปกรณ์ทาง
วิทยาศาสตร์

เทคนิคการใช้อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์

ในการทำกิจกรรมและการทดลองวิทยาศาสตร์ นักเรียนจำเป็นต้องปฏิบัติตัวในการทำกิจกรรม
อย่างเหมาะสมตลอดจนถึงการจัดเก็บวัสดุและอุปกรณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อตนเอง ผู้อื่น
และสิ่งแวดล้อม

1.การใช้เทอร์มอมิเตอร์

ให้กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์จุ่มอยู่ในของเหลว การอ่านอุณหภูมิ ต้องให้สายตา
หรือสัมผัสกับสิ่งที่จะวัด และต้องไม่แตะกับ อยู่ในระดับเดียวกันกับของเหลว
ด้านข้างหรือก้นภาชนะ ใช้ที่จับหลอดทดลอง ในเทอร์มอมิเตอร์
จับเทอร์มอมิเตอร์ไว้ให้ตั้งตรง หรืออาจใช้นิ้ว เมื่อใช้เทอร์มอมิเตอร์แล้วต้อง
จับเพี ยงส่วนปลายบนของเทอร์มอมิเตอร์ ทำความสะอาด เช็ดให้แห้งและ
เท่านั้น เก็บใส่กล่อง

2.การใช้เครื่องชั่ง แบบคาน 3 แขน

วางเครื่องชั่งบนพื้นราบและเรียบ โดยก่อน
ที่จะชั่งเข็มที่ปลายคานทางขวามือต้องชี้ที่ 0

วางวัตถุที่จะชั่งตรงบริเวณกึ่งกลาง
ของจาน เลื่อนตุ้มน้ำหนักบนคานจน
เข็มชี้ที่ 0

อ่านค่ามวลได้จากผลรวมของมวล ณ
ตำแหน่งที่ตุ้มน้ำหนักแขวนอยู่บนคาน
แต่ละอัน

3.การใช้ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์

การจุดตะเกียง ควรใช้ที่จุดเตาแก๊ส ไม้ขีดไฟ ไฟแช็กหรือเทียน ห้ามนำตะเกียงไปต่อกัน
โดยตรง หรือถือตะเกียงที่จุดแล้วเดินไปมา
เมื่อใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์เสร็จแล้วต้องดับตะเกียงทันที โดยใช้ฝาครอบปิด ห้ามใชปากเป่า
ให้ดับ อย่าสัมผัสตะแกรงลวด และที่กั้นลมส่วนที่อยู่ใกล้เปลวไฟ เพราะอาจยังร้อนอยู่

4.การใช้บีกเกอร์

บีกเกอร์ เป็นแก้วใส ใช้สำหรับบรรจุสารที่มีปริมาณมาก เพื่อละลายสารหรือทำ
ปฏิกิริยาเคมี และสามารถเทสารออกได้ง่ายทางปากบีกเกอร์โดยจะมีขีดบอกปริมาตรซึ่ง
เป็นค่าโดยประมาณเท่านั้น บีกเกอร์มีหลายขนาดและมีความจุต่างกัน โดยที่ข้างบีกเกอร์
จะมีตัวเลขระบุความจุของ บีกเกอร์ มีทั้งเป็นแบบสูง แบบตี้ย และแบบรูปทรงกรวย
(conical berker) บีกเกอร์จะมีปากงอเหมือนปากนกซึ่งเรียกว่า spout ทำให้การเท
ของเหลวออกได้โดยสะดวก Spout ทำให้สะดวกในการวางไม้แก้วซึ่งยื่นออกมาจากฝา
ที่ปิดบีกเกอร์และ spout ยังเป็นทางออกของไอน้ำหรือแก๊สเมื่อทำการระเหยของเหลว
ในบีกเกอร์ที่ปิดด้วยกระจกนาฬิ กา (watch grass)

วิธีการเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของเหลวที่จะใส่ โดยปกติให้ระดับของเหลวอยู่ต่ำกว่า
ปากบีกเกอร์ประมาณ 1 - 1 1/2 นิ้ว
ประโยชน์ ใช้สำหรับต้มสารละลายที่มีปริมาณมาก ๆ ใช้สำหรับเตรียมสารละลายต่าง
และใช้สำหรับตกตะกอนและใช้ระเหยของเหลวที่มีฤทธิ์กรดน้อย

5.กระบอกตวง

กระบอกตวง ใช้สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวที่มีอุณหภูมิไม่สูงกว่าอุณหภูมิห้อง
กระบอกตวงไม่สามารถใช้วัดของเหลวที่มีอุณหภูมิสูงได้เนื่องจากอาจจะทำให้กระบอกตวง
แตกได้ กระบอกตวงจะบอกปริมาตรของของเหลวอย่างคร่าวๆ ถ้าต้องการวัดปริมาตรที่
แน่นอนต้องใช้อุปกรณ์วัดปริมาตรอื่นๆ เช่น ไพเพทหรือบิวเรท

6.หลอดทดลอง

หลอดทดลองมีหลายชนิดและหลายขนาด ชนิดที่มีปากและไม่มีปาก ชนิดธรรมดา
และชนิดทนไฟ ขนาดทดลองระบุได้ 2 แบบ คือ ความยาวกับเส้นผ่านศูนย์กลางริมนอก
หรือขนาดความจุเป็นปริมาตร หลอดทดลองส่วนมากใช้สำหรับทดลองปฏิกิริยาเคมี
ระหว่างสารต่าง ๆ ที่เป็นสารละลาย ใช้ต้มของเหลวที่มีปริมาณน้อย ๆ โดยมี test tube
holder จับกันร้อนมือ หลอดทดลองแบบทนไฟจะมีขนาดใหญ่ และหนากว่าหลอดธรรมดา
ใช้สำหรับเผาสารต่าง ๆ ด้วยเปลวไฟโดยตรงในอุณหภูมิที่สูง หลอดชนิดนี้ไม่ควรนำไปใช้
สำหรับทดลองปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารเหมือนหลอดธรรมดา

7.หลอดหยด

หลอดหยดใช้สำหรับดูดของเหลวต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติการทดลอง
ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ดูดสารละลายด่างทับทิม เกลือแกง กรดต่างๆ
เป็นต้น และเมื่อใช้ดูดสารชนิดหนึ่งแล้วห้ามนำไปดูดสารต่างชนิดกัน
ถ้ายังไม่ได้ทำความสะอาด
ข้อควรระวัง
1. อย่าให้ปลายของหลอดหยด กระทบหรือแตะกับ ปลายหลอดทดลอง
2. อย่าให้สารละลายสัมผัสกับกระเปาะยางเพราะจะทำให้สารละลายถูกปนเปื้ อนได้

8.หลอดฉีดยา

เลือกขนาดของหลอดฉีดยาให้เหมาะสมกับปริมาตรที่
ต้องการวัดดึงก้านหลอดฉีดยาขึ้นและกดลง เพื่อให้ยาง
ที่ปลายก้านหลอดฉีดยาเลื่อนได้คล่อง
กดก้านหลอดฉีดยาจนสุดเพื่ อไล่อากาศออกให้หมด
จุ่มปลายหลอดฉีดยาลงในของเหลว ค่อยๆ ดึงก้าน
หลอดฉีดยาขึ้นขณะที่ดูดสารละลายเข้าไปในหลอดฉีดยา
ระวังอย่าให้มีฟองอากาศถ้ามีต้องกดก้านหลอดฉีดยาลง
ไปจนสุดเพื่อไล่อากาศ แล้วค่อยๆดึงก้านหลอดฉีดยาให้
ส่วนที่โค้งต่ำสุดของลูกยางตรงกับขีดปริมาตรที่
ต้องการ

4.การใช้แท่งแก้วคนสาร

วิธีที่ 1 การกวนสารละลายด้วยแท่งแก้ว เป็นการกวนของแข็งให้ละลายในเนื้อเดียวกัน
กับสารละลายหรือเป็นการกวนให้สารละลายผสมกันโดยใช้แท่งแก้ว การกวนสารละลาย
ต้องกวนไปในทิศทางเดียว และระวังอย่าให้แท่งแก้วกระทบกับข้างหลอดทดลองหรือก้น
หลอดทดลอง เพราะจะทำให้หลอดทดลองทะลุได้ หากเป็นการผสมสารละลายที่มีจำนวน
มากก็ควรใช้ปีกเกอร์แทนหลอดทดลองและใช้เทคนิคการกวนสารละลายเช่นเดียวกัน
วิธีที่ 2 การหมุนสารละลายด้วยข้อมือ เป็นเทคนิคการผสมสารละลายในหลอดทดลอง
กระบอกตวงหรือฟลาสให้มีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันทุกส่วนวิธีหนึ่ง โดยใช้มือจับทาง
ส่วนปลายของอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วหมุนด้วยข้อมือให้สารละลายข้างในไหลวน

10.การใช้ช้อนตักสาร ตรวจสอบว่าช้อนตักสารที่ใช้มีขนาด
11.การใช้ไม้หนีบหรือที่จับหลอดทดลอง ตรงกับที่ระบุไว้ในวิธีทำกิจกรรม
เมื่อตักสารแล้ว แต่ละครั้งต้องปาด
ปากช้อนเพียงครั้งเดียว โดยไม่กด
สารในช้อนก่อนปาด
ห้ามใช้ช้อนตักสารขณะที่สารยังร้อน

การใช้ไม้หนีบกับหลอดทดลองต้อง
หนีบที่ระยะประมาณ 1/3 จากปาก
หลอดทดลอง และขณะถือต้องไม่
ออกแรงกดไม้หนีบ หากใช้ที่ยึดกับ
ขาตั้งเพื่ อหนีบเทอร์มอมิเตอร์หรือ
หลอดแก้ว จะต้องใช้เศษผ้าหรือ
กระดาษชำระหุ้มเทอร์มอมิเตอร์ให้
แน่นเสียก่อน

12.การให้ความร้อนแก่ของเหลว

ของเหลวชนิดไวไฟซึ่งมีจุดเดือดต่ำ ส่วน ของเหลวชนิดไม่ไวไฟ สามารถบรรจุใน
มากจะบรรจุในภาชนะปากแคบและสูง เช่น ภาชนะได้หลายชนิดตามจุดประสงค์และ
หลอดทดลอง หรือขวดรูปกรวย ห้ามใช้ ปริมาตรของสาร แต่ไม่ควรใส่ของเหลว
เปลวไฟให้ความร้อนโดยตรง แต่ให้อุ่นใน มากเกินไป แลัควรระมัดระวังไม่ให้สาร
ภาชนะที่ใส่น้ำและต้มให้เดือดด้วยไฟอ่อนๆ เดือดแรงเกินไป

13.การคนสาร

การคนสารทำได้โดยการใช้แท่งแก้วคนสาร
โดยต้องระวังไม่ให้แท่งแก้วกระทบก้นและ
ด้านข้างของภาชนะ เมื่อใช้แล้วทุกครั้งจะ
ต้องล้างแท่งแก้ว เช็ดให้แห้งแล้วเก็บเข้าที่
และต้องไม่ใช้แท่งแก้วไปคนสารต่างชนิดกัน
ในภาชนะต่างกันก่อนทำความสะอาด

14.การทำความสะอาดเครื่องแก้ว

เครื่องแก้วที่ใช้ในการทดลองต้องล้างให้
สะอาด การสังเกตว่าเครื่องแก้วนั้นล้าง
สะอาดหรือไม่ ทำได้โดยจุ่มเครื่องแก้ว
ลงในน้ำหรือราดด้วยน้ำ ถ้าเครื่องแก้ว
ไม่มีหยดน้ำเกาะติดที่ผนังเครื่องแก้ว
แต่แผ่เป็นแผ่นฟิล์มทั่วไปหมดทั้งผนัง
จึงจะถือว่าเครื่องแก้วนั้นสะอาด

15.การกำจัดสารเคมี

สารเคมีแต่ละชนิดจะมีสมบัติแตกต่างกัน เมื่อต้องการกำจัดจะต้องทำให้ถูกวิธีและ
หลักการเสมอ มิฉะนั้นจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น หรือทำให้เกิดมลพิษ
ต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สำหรับการกำจัดสารที่ใช้ในกิจกรรม นักเรียนควร
ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะจากครู และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำจัดสาร
ได้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ


Click to View FlipBook Version